ปที ่ี 37 ฉบบั ที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2559 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 26
ปีที่ 37 ฉบบั ท่ี 3 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 26 สารบัญ บทความ 2 นวัตกรรมการผลติ น�ำ้ ยางข้นปราศจาก TMTD/ZnO 11 ประสิทธิภาพและวิธีการใช้สารเคมบี างชนิดต่อการควบคุม โรครากขาวในสวนยาง 23 ภัยมืดของสารจบั ตวั ยางก้อนถ้วย สรา้ งความเสียหายตอ่ คณุ ภาพยางไทย 29 กระบวนการไกลคอลิซสิ ในเซลลท์ อ่ น�้ำยาง 39 ค�ำแนะนำ� ส�ำหรบั ผูเ้ ขยี น
บทบรรณาธกิ าร เมื่อเดอื นสงิ หาคมท่ีผา่ นมา ได้มีข่าวจากบริษทั สง่ ยางกอ้ นถ้วย เกีย่ วกับชนิดและการใชส้ ารจับตวั ยางท่ถี ูก ออกยางแท่งแห่งหน่ึงออกทางสื่อโทรทัศน์ และ ต้อง ทางวารสารยางพาราได้เคยน�ำเสนอมาแล้วหลาย หนังสือพิมพ์ว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ท่ีผลิตยางล้อ จะไม่รับ คร้ัง รวมทง้ั ไดจ้ ัดทำ� ภาพรณรงค์ใหห้ ยุดการใชก้ รดซลั ฟวิ ซือ้ ยางแทง่ ทผี่ ลติ จากยางกอ้ นถว้ ย ในภาคอีสาน โดยให้ ริกและแนะนำ� ให้ใชก้ รดฟอรม์ ิกควบคู่ไปด้วย ในฉบับน้กี ็ เหตุผลว่า มเี กษตรกรในภาคอีสานใช้กรดซลั ฟวิ รกิ ในการ จึงขอน�ำเสนอเรื่องนี้อีกคร้ังโดยตอกย้�ำให้เห็นภัยมืดของ จับตัวของยางก้อนถ้วย ท�ำให้มีสารซัลเฟตตกค้างเป็น การใชส้ ารจบั ตัวยางทไ่ี มถ่ ูกตอ้ ง จ�ำนวนมาก ยางก้อนถ้วยท่ีได้มีคุณภาพไม่สม่�ำเสมอ นอกจากน้ี ในวารสารฉบับนี้ยังได้เพ่ิมบทความท่ี และเมื่อน�ำยางแท่งซ่ึงผลิตจากยางก้อนถ้วยที่ไม่มี มีความส�ำคัญและน่าสนใจท้ังทางด้านอุตสาหกรรมยาง คุณภาพไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะยางล้อ ก็จะมี และการจัดการสวนยางอีกหลายเรื่อง อาทเิ ชน่ นวัตกรรม ผลต่อการสึกหรอของล้อยานพาหนะ และส่งผลให้ การผลติ น�ำ้ ยางขน้ ท่ปี ราศจาก TMTD/ZnO ประโยชน์ท่ี เคร่ืองจักรที่ผลิตสึกกร่อนเร็ว นอกจากน้ี จากข่าวท่ีว่า จะได้รับจากการศึกษาวิจัยในเรื่องน้ีก็คือ ได้น�้ำยางข้นที่ ประเทศจีนซึ่งมีโครงการจะมาตั้งโรงงานผลิตล้อยาน มีคุณสมบัติเป็นท่ีต้องการของบริษัทผู้ผลิตถุงมือยาง จุก พาหนะในไทย ก็ไดย้ กเลกิ โครงการไป ขา่ วดังกล่าวยอ่ ม นมยาง ถุงยางอนามัย และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ท่ี ไม่ส่งผลดีต่อประเทศไทยในฐานะท่ีเป็นผู้ผลิตและส่ง สร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค อีก ออกยางมากท่ีสุดในโลก และต่อเกษตรชาวสวนยางใน บทความหน่ึง เป็นการทดสอบสารเคมีชนิดใหม่ในการ ภาคอีสาน ป้องกันและก�ำจัดโรครากขาว ซึ่งระบาดค่อนข้างมาก ดังน้ัน หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการท�ำสวนยางใน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงทางภาคใต้ตอนบน ทั้งนเี้ น่ืองจากสาร ภาคอีสานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันแก้ไข เคมีที่แนะน�ำมีจ�ำหน่ายในพื้นที่น้อยมาก และมีราคา ปัญหาน้ีอย่างเร่งด่วน ท้ังในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ค่อนข้างแพง จากการศึกษาและทดสอบในแปลงของ ให้เกษตรกรได้รับทราบถึงข้อเสียของการใช้สารจับตัว เกษตรท่ีเป็นโรคราก ได้พบสารเคมีหลายชนิดท่ีมี ยางท่ีไม่ถูกต้อง และให้ความรู้ในการเลือกใช้สารจับตัว ประสิทธิภาพต่อการควบคุมโรครากขาวในสวนยาง นับ ยางที่ถูกต้องส�ำหรับการผลิตยางก้อนถ้วยให้เป็นท่ี ได้ว่าเป็นเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรชาวสวนยางท่ี ยอมรับของโรงงาน นอกจากนี้ ควรมีการพดู คยุ กบั ทางผู้ ประสบกับปญั หาเร่อื งโรครากขาวอย่ใู นขณะน้ี ผลิตและจ�ำหน่ายสารจับตัวยางให้เข้าใจถึงปัญหาและ ร่วมมือกันผลิตสารจับตัวยางให้ได้มาตรฐานและมีความ นภาวรรณ เลขะวิพฒั น์ ถูกตอ้ ง ไมก่ ่อใหเ้ กดิ ความเสียหายต่อผู้ซื้อที่จะนำ� ไปผลติ บรรณาธกิ าร เจา้ ของ: สถาบนั วจิ ัยยาง การยางแห่งประเทศไทย เขตจตุจกั ร กรงุ เทพมหานคร 10900 บรรณาธกิ ารบรหิ าร: นายพเิ ชฏฐ์ พร้อมมูล ผู้อำ�นวยการสถาบนั วจิ ยั ยาง บรรณาธิการ: ดร.นภา- วรรณ เลขะวิพัฒน์ กองบรรณาธิการ: นายจุมพฏ สุขเก้ือ, นางปรีดิ์เปรม ทัศนกุล, นางอารมณ์ โรจน์สุจิตร, ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผู้จัดการส่ือสิ่งพิมพ:์ นายไพรัตน์ ทรงพานิช ผู้จัดการส่ือ อิเล็กทรอนิกส์: นายสมจิตต์ ศขิ รินมาศ ผชู้ ว่ ยผู้จดั การสอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส:์ นายจกั รพงศ์ อมรทรพั ย์
2 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 นวัตกรรมการผลิตนำ้� ยางข้นปราศจาก TMTD/ZnO ปรีดเิ์ ปรม ทศั นกลุ 1 อดลุ ย์ ณ วเิ ชียร2 และ พศิ ษิ ฐ์ พิมพ์รัตน์3 1ศนู ย์วิจัยยางสงขลา สถาบนั วิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย 2สถาบันวจิ ยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย 3ศนู ยว์ ิจยั ยางฉะเชงิ เทรา สถาบนั วิจัยยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้�ำยางข้นราย N ใหญ่ของโลก ในปี 2558 มีปริมาณการผลติ 964,403 ตัน และกว่าร้อยละ 85 ส่งออกยังต่างประเทศ มีมูลค่ากว่า SN 39,546 ล้านบาท ที่เหลือใช้อุตสาหกรรมภายในประเทศ เพื่อผลิตถุงมือยาง ถุงยางอนามัย จุกนมยาง ยางยืด SS ลูกโป่ง ยางฟองน�้ำ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ถึงแม้ว่าน�้ำยางข้นที่ผลิตโดยทั่วไปจะมีสมบัติที่ ภาพท่ี 1 โครงสร้าง TMTD S ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการทดสอบขององคการมาตรฐาน ระหว่างประเทศ (International Organization for Standardization, ISO) แต่พบว่าปัจจุบันผู้ผลิตน�้ำยาง TMTD จัดเป็นสารเคมีท่ีอยู่ในกลุ่มเอมีนทุติยภูมิ ข้นต่างตระหนักถึงความส�ำคัญของการใช้สารเตตระ ป(Rร2ะNกHอ)บ และเป็นสารเร่งปฏิกิริยาที่มีก�ำมะถันเป็นองค์ เมทิลไทยูแรม ไดซัลไฟด์ (Tetramethylthiuram เม่ือท�ำปฏิกิริยากับไนโตรเจนออกไซด์หรือท่ี disulphide,TMTD) และซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide, เรียกปฏิกิรยิ าไนโทรเซชนั จะได้ไนโทรซามีนดังสมการ ZnO) ท่ีท�ำหน้าที่เป็นสารรักษาสภาพน�้ำยางสดเพื่อ ป้องกันการสูญเสียสภาพน้�ำยางก่อนเข้าสู่กระบวนการ R2NH + NOx R2-N-N=O (ไนโทรซามีน) ปั่นเป็นน�้ำยางข้น ซึ่งสารทั้งสองชนิดน้ีเป็นสารที่ประเทศ ในสหภาพยโุ รป (European Union: EU) ไดใ้ ห้ความเหน็ สารเคมีและสมบัตทิ ีส่ �ำคญั ชอบต่อร่างกฎหมายของระเบียบว่าด้วยสารเคมีของ ในการผลติ น้ำ� ยางข้น สหภาพยุโรป (Registration Evaluation and Authoriza- ในกระบวนการผลิตน้�ำยางข้นนอกจาก TMTD tion of Chemicals: REACH) ท่ีอาจกอ่ ให้เกดิ ความเสีย่ ง และ ZnO แล้ว แอมโมเนียจัดเป็นสารเคมีที่มีความ ต่อสขุ อนามยั และสิ่งแวดลอ้ ม โดยเฉพาะ TMTD จดั วา่ จ�ำเป็นและมีความส�ำคัญตัวแรก ๆ ในการรักษาสภาพ เป็นสารเคมีท่ีถูกจ�ำกัดการใช้ในอุตสาหกรรมถุงมือยาง น้�ำยางสดได้เป็นระยะเวลายาวนาน เนื่องจากช่วยขัด ซึง่ เป็นสารที่กอ่ ใหเ้ กิดไนโทรซามนี (Nitrosoamine) หรอื ขวางการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ลงปะปนในน�้ำยาง สารก่อมะเร็ง และ ZnO เป็นสารท่ีมีกลุ่มโลหะสังกะสี มีประสทิ ธิภาพสงู ใชง้ า่ ย มีราคาถูกเมอ่ื เทยี บกับสารเคมี และตกค้างในผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจก่อผลกระทบต่อสิ่ง ชนิดอื่น ๆ โดยใช้ในอัตรา 0.3% - 0.5% ต่อน�้ำหนักน�้ำ แวดลอ้ มเม่อื นำ� ไปก�ำจัดเปน็ ซากทิ้ง ยางสด ข้ึนอยู่กับระยะเวลาการเก็บรักษา โดยปกติต้อง ใช้เวลาบ่มน�้ำยางก่อนน�ำไปปั่นเพื่อเติมสารเคมีอีกชนิด
3 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 หนึ่งคือไดแอมโมเนียมไฮโดรเจนฟอสเฟต (Diammo- ผลิตผลิตภัณฑ์และประหยัดพ้ืนท่ีและค่าใช้จ่ายใน nium hydrogen phosphate, DAP) และตัง้ ทงิ้ ไว 1 คืน การขนส่ง อีกท้ังเป็นการขจัดสารที่ไม่ใช่ยางออกไปซ่ึง เพื่อให้แมกนีเซียมตกตะกอนเป็นแมกนีเซียมแอมโม- เป็นสาเหตุให้น�้ำยางเสียเสถียรภาพเร็วข้ึน ซึ่งใน เนียมฟอสเฟตหรือทเี่ รียกข้ีแป้งดงั สมการ กระบวนการปั่นแยกน้ีเครื่องปั่นจะใช้ความเร็วรอบสูง โดยเฉลี่ย 7,000 รอบต่อนาที เพื่อท�ำให้เกิดแรงหนี Mg2++ + NH3 + HPO42- Mg(ขNแี้ Hป4ง้P)O4 ศูนย์กลาง อนุภาคยางที่เบากว่าซีรัมจะเคลื่อนที่ไปยัง ส่วนท่ีใกล้แกนหมุนในหม้อปั่นและจะถูกกลไกท�ำให้ไหล โดยทั่วไปน�้ำยางสดมีปริมาณเเมกนีเซียมอยู่ที่ ออกทางท่อส่งน�้ำยางข้นซ่ึงเป็นท่อที่อยู่ด้านบน ส่วนยาง ระดับ 100 - 300 สวนต่อปริมาณของแขง็ ท้งั หมดของนำ้� สกิมเป็นส่วนที่หนักกว่าจะไหลออกทางท่อด้านล่างซึ่งจะ ยาง 1 ลานส่วน (ppm on Total solid) ทง้ั นขี้ น้ึ อยกู่ บั ช่วง มรี างรบั อย่ภู ายนอก น�ำ้ ยางขน้ ท่ีออกจากเคร่ืองป่นั นำ� ไป ฤดูกาล แต่ในการปนเเยกเป็นน�้ำยางข้นมีข้อจ�ำกัดของ เก็บในถังเก็บแล้วรักษาสภาพด้วยแอมโมเนียตาม ปริมาณแมกนีเซียมท่ีระดับไม่เกิน 50 ppm ซ่ึงปริมาณ มาตรฐานการผลิต แมกนเี ซียมจะส่งผลต่อคา่ ความเสถียรเชิงกล (Mechani- โดยท่ัวไปเคร่ืองปั่นจะมีความสามารถปั่นแยกน้�ำ cal stability time, MST) ของน้�ำยาง ถ้าปริมาณ ยางสดได้ประมาณ 400 – 600 ลิตร/ช่ัวโมง แต่เนื่อง แมกนีเซียมสูงจะท�ำใหค้ ่า MST ลดลง นำ�้ ยางทีเ่ สียความ จากมีอนุภาคยางที่แขวนลอยอยู่ในน้�ำยางและโลหะบาง เสถียรจะจับตัวเป็นก้อนได้ง่าย นอกจากน้ีจะส่งผลต่อ ชนดิ เชน่ แมกนีเซียม โพแทสเซียม หรอื ทองแดง ทีป่ ะปน การน�ำน้�ำยางข้นไปแปรรูปเป็นผลติ ภัณฑ์ เชน่ ถุงมือยาง อยู่เล็กน้อยท�ำปฏิกิริยากับ DAP และแอมโมเนีย ใน ถุงยางอนามัย น�้ำยางข้นท่ีมีแมกนีเซียมสูงจะท�ำให้ ขณะปั่นจะค่อย ๆ เกาะตัวมากขึ้นจนไปอุดตันทางไหล ผลติ ภัณฑเ์ กิดต�ำหนิและรรู ว่ั ได้ง่าย ออกของน้�ำยางที่เรียกตม (Sludge) ดังนั้น ภายใน 2 สมบัติของน�้ำยางสดท่ีมีความส�ำคัญอีกสมบัติ ชั่วโมง ประสิทธิภาพการปั่นจะลดลง จ�ำเป็นต้องหยุด หนง่ึ คือปรมิ าณกรดไขมนั ระเหยได้ (Volatile Fatty Acid เครื่องเพ่ือถอดส่วนประกอบต่าง ๆ ออกท�ำความสะอาด : VFA) จ�ำกัดปริมาณไมควรเกิน 0.05% หากเกินกว่าท่ี ประกอบเครือ่ งใหมแ่ ล้วจงึ เดนิ เครื่องป่ันต่อไปได้ ก�ำหนด แนะน�ำใหนําไปผสมกับน้�ำยางท่ีมีคาไมเกิน การผลิตน�้ำยางข้นโดยท่ัวไปจากข้อมูลของกรม 0.05% แต่เนื่องจากน้�ำยางสดที่น�ำไปปั่นเป็นน�้ำยางข้น โรงงานอุตสาหกรรม (2553) พบว่า นำ้� ยางข้น 1 ตัน มี การใช้แอมโมเนียเพียงอย่างเดียวเพ่ือลดปริมาณกรดไข การใช้น�้ำโดยเฉล่ีย 2.2 ลูกบาศก์เมตร ปริมาณการใช้ มันระเหยให้ต�่ำลงตามเกณฑ์ท่ีก�ำหนดจะท�ำได้ยากมาก DAP 3.3 กิโลกรัม ปริมาณการใช้แอมโมเนียส�ำหรับน�้ำ จึงตอ้ งใชแ้ อมโมเนยี รว่ มกับ TMTD และ ZnO ท้งั สองตวั ยางข้นแอมโมเนียสูง 10.2 กิโลกรัม ปริมาณการใช้ เรียกโดยทั่วไปว่า \"ยาขาว\" ใช้ในอัตรา 0.025% ต่อน้�ำ TMTD และ ZnO อยา่ งละ 1.0 กิโลกรัม และจากการท่ี หนักน้�ำยางสด ร่วมกับแอมโมเนีย 0.30% - 0.40% ต่อ สถาบันวิจัยยางได้ท�ำการศึกษาต้นทุนการผลิตพบว่า น้�ำหนักน�้ำยางสด ถึงจะรักษาสภาพน�้ำยางที่มีกรดไขมัน น�ำ้ ยางขน้ 1 กิโลกรมั มตี ้นทุนการผลติ เฉล่ยี 2.70 บาท ระเหยได้ตำ�่ กว่า 0.02 ไวไ้ ด้นานถงึ 10 วัน นอกจากน้ี นักวิจัยจากหลายหน่วยงานได้ พยายามศึกษาการใช้เครื่องมือช้ันสูงหรือสารเคมีที่น�ำมา กระบวนการปนั่ แยกส�ำหรบั น�้ำยางขน้ ทดแทนแอมโมเนียและ TMTD/ZnO แต่ก็ไม่สามารถน�ำ ไปใชใ้ นเชิงธรุ กิจได้ เน่ืองจากต้นทุนที่ใชผ้ ลิตสูงไมค่ ุ้มกับ ส�ำหรับกระบวนการปั่นแยก (Centrifuge) อาศัย การน�ำน้�ำยางข้นไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง และ หลักการแยกส่วนที่เป็นซีรัมออกจากน้�ำยางสดที่มี ไม่มีรายงานผลการทดสอบน�้ำยางข้นหลังจากการเก็บ ปริมาณเนอื้ ยางแห้งโดยเฉลีย่ 32% ไดเ้ ป็นน้ำ� ยางข้นท่มี ี เปน็ ระยะเวลาตา่ ง ๆ กนั วา่ จะยังคงมีสภาพความเป็นน�ำ้ ปรมิ าณเนอ้ื ยางแห้งไมต่ ่ำ� กว่า 60% ซ่งึ เหมาะที่จะน�ำไป ยางหรือคลอลอยด์ได้หรือไม่และเมื่อน�ำไปผลิตเป็น
4 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 น�ำ้ ยางสด ปรับ DRC 30% รกั ษาสภาพด้วย NH3 0.4% ตอ่ น้ำ� หนักน�้ำยางสด TMTD/ZnO 0.025% ตอ่ น�้ำหนักน�้ำยางสด DAP 0.1% ต่อน�้ำหนกั น้ำ� ยางสด บม่ ไว้ 1 คืน เครอ่ื งป่ัน น้�ำยางข้น(Concentrated latex) หางนำ�้ ยาง (Skim latex) 60% DRC 5-7% DRC ไลแ่ อมโมเนยี เตมิ กรดซัลฟวิ รกิ /จับตวั ผา่ นกระบวนการรีดเครพ ภาพที่ 2 กระบวนการปั่นน�ำ้ ยางข้นท่ปี ฏบิ ตั ิกันในปัจจบุ ัน ผลติ ภณั ฑแ์ ลว้ ผ่านมาตรฐานหรือไม่อย่างไร ขนาดสกรูให้เหมาะสมเพ่ือให้ได้น้�ำยางข้นและหางน�้ำ ยางมีปริมาณเนื้อยางแห้งตามก�ำหนด จึงท�ำให้สมบัติ การผลิตน้ำ� ยางข้นปราศจาก TMTD/ZnO ของน้�ำยางข้นหลังปั่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามท่ีระบุ ดงั ตารางที่ 1 นวัตกรรมการผลิตน้�ำยางข้นปราศจาก TMTD/ ข้อดีของนวัตกรรมการผลิตน้�ำยางข้นปราศจาก ZnO ท่สี ถาบนั วิจยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย ร่วมกบั TMTD/ZnO น้ี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของ บริษัทเอแอนด์เจเคมีรับเบอร์ จ�ำกัด คิดค้นยังคงใช้หลัก กระบวนการผลิตน�้ำยางข้นท่ีโรงงานผลิตกันอยู่ใน การผลิตน�้ำยางข้นรูปแบบเดิมที่ใช้กันทั่วไป ด้วยการเจือ ปัจจุบัน และสารเคมีที่ใช้ในการผลิตจัดเป็นเกรดอาหาร จางน�้ำยางสดให้มีปริมาณเน้ือยางแห้งที่ระดับ 30% ท่ีผ่านการรับรองมาตรฐานว่าสัมผัสกับอาหารได้จึง ท�ำการควบคุมปริมาณแอมโมเนียของน�้ำยางสดให้อยู่ใน ปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากจะไม่มีการใช้สารท่ีก่อให้ ปริมาณท่ีจ�ำกัดท้ังก่อนและหลังปั่นเพื่อป้องกันน�้ำยาง เกิดมะเร็งแล้ว ยังได้ใช้สาร DAP ในปริมาณต่�ำกว่าการ เสียเสถียรภาพและเป็นสาเหตุให้ไม่สามารถควบคุม ผลิตโดยทั่วไปเพ่ือควบคุมปริมาณแมกนีเซียมให้อยู่ใน ปริมาณแมกนีเซียมและปริมาณกรดไขมันระเหยได้ มี เกณฑ์มาตรฐานน้�ำยางข้นได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการลด การใช้สารเคมีรักษาเสถียรภาพของน�้ำยางในปริมาณท่ี ปริมาณแอมโมเนียท่ีส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต�่ำ ลด เหมาะสมเพื่อให้ได้ปริมาณแมกนีเซียมและโปรตีนท่ี มลพิษจากกลิ่นเหม็นของแอมโมเนียที่ส่งผลกระทบต่อผู้ ละลายน�้ำได้ต่�ำ ท่ีส�ำคัญยังต้องควบคุมปริมาณน้�ำยาง ปฏิบัติงานและในบรรยากาศทั่วไป และที่ส�ำคัญไม่ สดในระหว่างการปั่น ท�ำการปรับขนาดท่อป้อนและ
5 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 ตารางที่ 1 สมบัตขิ องนำ�้ ยางขน้ ปราศจาก TMTD/ZnO สมบัติน�ำ้ ยางข้น น�ำ้ ยางข้นปราศจาก มาตรฐาน ISO TMTD/ZnO 2004-1997(E) ของแขง็ ทัง้ หมด, ร้อยละโดยนำ้� หนกั ไมน่ ้อยกว่า 62.16 61.5 เนือ้ ยางแห้ง, รอ้ ยละโดยนำ�้ หนกั ไมน่ ้อยกวา่ 61.07 60.0 ของแข็งทีไ่ มใ่ ชย่ าง, รอ้ ยละโดยน้�ำหนัก ไม่เกิน 1.09 2.0 ความเปน็ ดา่ ง (NH3), รอ้ ยละโดยนำ้� หนักน�ำ้ ยางข้น ไม่นอ้ ยกว่า 0.63 0.60 เวลาความคงตวั ตอ เครือ่ งมือกล (mechanical stability), วนิ าที ไมน่ ้อยกว่า 1.615 650 จ�ำนวนกรดไขมันระเหยได้ (VFA No.), ไมเ่ กนิ 0.068 0.2 จ�ำนวนโปแตสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH No.), ไม่เกนิ 0.65 1.0 ตม (Sludge), รอ้ ยละโดยน้ำ� หนกั ไมเ่ กนิ 0.009 0.1 ยางจับก้อน (Coagulum), รอ้ ยละโดยน้ำ� หนัก ไมเ่ กนิ 0.0009 0.05 แมกนเี ซียม, มิลลิกรัมต่อกิโลกรมั ของของแขง็ ทง้ั หมด ไม่เกนิ 29 50 ความหนดื (cPs) Brookfield viscometer รุ่น LVT spindle No. 1, speed 60 rpm 960 ไม่ไดร้ ะบุ โปรตีนชนดิ ละลายน้�ำได้ (µg/g) 108.67 ความเป็นกรด-ดา่ ง 10.46 ไมไ่ ด้ระบุ ความถว่ งจำ� เพาะที่ 25oC 0.94 ไม่ไดร้ ะบุ ไมไ่ ดร้ ะบุ จ�ำเป็นต้องบ่มน้�ำยางสดไว้ค้างคืนเพ่ือตกตะกอน ช่ัวโมงเพ่ือท�ำการหยุดล้างตมและข้ีแป้งท่ีเกาะทางไหล แมกนีเซียมอีกด้วย จึงเป็นการประหยัดเวลาในการ ของน�้ำยางซึ่งท�ำให้ประสิทธิภาพการปั่นลดลง แต่ ปฏิบัติงาน ประหยัดวัสดุอุปกรณ์ในการผลิต และ นวัตกรรมการผลิตนำ�้ ยางขน้ ปราศจาก TMTD/ZnO นจ้ี ะ สามารถปฏิบัติงานได้ง่ายกว่าเดิมไม่ยุ่งยาก น�้ำยางข้นท่ี ใช้เวลาหยดุ เครอื่ งปัน่ 4 - 6 ชว่ั โมงตอ่ ครัง้ เน่ืองจากเกิด ผลิตได้จะก�ำหนดให้เป็นน�้ำยางข้นชนิดแอมโมเนียสูง การอุดตันของตมบริเวณทางไหลของน�้ำยางและตรง หรือแอมโมเนียต�่ำก็ย่อมได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของ บริเวณแกนปั่นโดยมีขี้แป้งเกาะผนังเคร่ืองปั่นเพียงเล็ก ลูกค้า ส่วนค่า MST จะก�ำหนดให้มีค่าตามมาตรฐานได้ น้อยเท่านั้น (ภาพท่ี 8) นอกจากจะลดระยะเวลาการ เช่นกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเก็บ นอกจากน้ี ท�ำความสะอาดล้างเครื่องโดยมีประสิทธิภาพการปั่น ผลพลอยได้จากยางสกิมน�ำไปปรับปรุงโครงสร้าง เพ่ิมขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดแรงงาน ลดต้นทุนการผลิต โมเลกุลสามารถผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเพิ่มมูลค่ามี และลดการจัดการของเสียท่ีเกดิ ขึ้นอกี ดว้ ย สมบัติบางประการที่เด่นกว่ายางแท่ง STR 5L ดังตาราง นำ�้ ยางขน้ ปราศจาก TMTD/ZnO ทีผ่ ลติ ได้น้นี ำ� ไป ที่ 2 ทดลองผลิตเป็นถุงมือแพทย์เพ่ือศึกษาสมบัติทาง ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าในกระบวนการผลิต กายภาพเปรียบเทียบกับถุงมือศัลยกรรมตามมาตรฐาน น�้ำยางข้นโดยทั่วไปจะต้องท�ำการหยุดเคร่ืองปั่นทุก ๆ 2 มอก. 538-2548 พบว่าสมบัติแรงดึงเมื่อขาด โมดูลัส
6 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ตารางที่ 2 ผลทดสอบสมบัตติ ามมาตรฐานยางแทง่ STR ของยางสกมิ ทไ่ี ด้ท�ำการปรับปรงุ โครงสร้าง โมเลกุล (Skim modified, SM) ทเี่ ป็นผลพลอยได้จากการผลติ นำ้� ยางข้นปราศจาก TMTD/ZnO เปรยี บเทยี บกบั ยางแทง่ STR 5L สมบตั ิ SM STR 5L ปริมาณสิ่งสกปรก, ร้อยละโดยนำ้� หนกั ไม่เกิน 0.021 0.04 ปริมาณสิง่ ระเหย, ร้อยละโดยนำ�้ หนัก ไมเ่ กิน 1.13 0.80 ปริมาณเถา้ , รอ้ ยละโดยน�ำ้ หนกั ไมเ่ กนิ 0.38 0.40 ปริมาณไนโตรเจน, รอ้ ยละโดยนำ�้ หนัก ไมเ่ กนิ 1.81 0.60 ความอ่อนตวั เร่มิ แรก (Po), ไมต่ ่�ำกว่า 50.0 30 ดัชนคี วามอ่อนตวั (PRI), ไมต่ ำ่� กว่า 40.4 60 ความหนืด, ML(1+4)1000 C 57.56 ไมไ่ ดร้ ะบุ ส,ี ไมเ่ กิน 12 6.0 ความยืดเมื่อขาด ท้ังก่อนและหลังบ่มเร่ง มีค่าผ่าน ค่า NRC สูง บ่งชี้ว่าน�้ำยางชุดน้ันมีสารท่ีไม่ใช่เน้ือยาง มาตรฐานทกุ ตัว ดงั ตารางท่ี 3 มาก ซ่งึ อาจมีผลกระทบตอ่ ความเสถียรของนำ้� ยาง 4. ความเปนดาง (Alkalinity) ในรูปแอมโมเนีย สมบตั ขิ องนำ้� ยางขน หมายถึง ปริมาณแอมโมเนียท่ีผสมในน้�ำยางเพื่อป้องกัน การจบั ตวั เป็นกอ้ น นำ้� ยางขน้ ชนิดแอมโมเนยี สูงสามารถ โดยท่ัวไปสมบัติน�้ำยางขนผลิตโดยวิธีการปั่นแยก เกบ็ รักษาไดน้ านกวา่ น้ำ� ยางข้นชนิดแอมโมเนยี ตำ่� แตน่ ำ้� จะอ้างอิงตามมาตรฐาน ISO 2004-1997 หรือ มอก. ยางข้นชนิดแอมโมเนียต่�ำจะเหมาะกับการน�ำไปผลิต 980-2552 (ตารางท่ี 4) ระบสุ มบตั ิตา่ ง ๆ ดังน้ี เป็นยางฟองน�้ำเนื่องจากแอมโมเนียจะขัดขวางปฏิกิริยา 1. ปริมาณของแข็งทั้งหมด (Total Solids Con- การเกิดฟองหรือเกดิ เจลในผลติ ภัณฑ์ tent, TSC) หมายถึง ปริมาณของสวนที่เปนเน้ือยาง 5. เวลาความคงตัวตอเคร่ืองมือกล (Mechanical ทั้งหมดในน้�ำยางรวมกับสารอื่นๆ ที่เปนของแข็งและ Stability Time, MST) หมายถึง เวลาท่ีบงถึงความ ไมใชยาง ซ่ึงจะคงเหลือเปนฟลมยางภายหลังจากการ เสถียรของน้�ำยางตออิทธิพลทางกลหรือความสามารถ ท�ำใหแหงดวยอุณหภูมิทดสอบและบรรยากาศท่ีเหมาะ ของนำ�้ ยางในการคงสภาพเปน็ ของเหลวขึ้นกบั ระยะเวลา สม การบ่ม น�้ำยางที่ผา่ นการบม่ เป็นระยะเวลา 20 วัน จะได้ 2. ปริมาณเน้ือยางแหง (Dry Rubber Content, คา่ MST ท่ี 650 วนิ าที DRC) หมายถึง ปรมิ าณของสวนทเ่ี ปนเน้อื ยางทัง้ หมดใน 6. จํานวนกรดไขมันระเหยได้ (Volatile Fatty Acid น�้ำยางข้น ซ่ึงไดจากการท�ำให้น้�ำยางจับตัวดวยกรดอะซิ Number, VFA No.) หมายถึง ปริมาณของกรดไขมันท่ี ติกภายใตสภาวะการควบคุมทเี่ หมาะสม เกิดจากการไฮโดรไลซ์ของคารโบไฮเดรตในซีรัมของน้�ำ 3. ปริมาณของแข็งที่ไม่ใช่ยาง (Non Rubber ยาง สวนใหญ่ประกอบดวยกรดอะซิติก กรดฟอรมิค Content, NRC) หมายถึง ปริมาณของแข็งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ และกรดพรอพิโอนิก บ่งบอกปริมาณเช้ือแบคทีเรียที่มี เน้ือยางที่มีอยู่ในน้�ำยาง เช่น แมกนีเซียม ทองแดง อยู่ในน�้ำยาง ท้ังนี้หากมีเช้ือแบคทีเรียมากจะเกิดกรดไข คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เป็นต้น สามารถหาได้จากการน�ำ มันสูง ท�ำใหน้ �้ำยางแข็งตัวและมกี ล่ินบดู เอาค่า DRC ไปหักออกจากคา่ TSC ถา้ น�้ำยางข้นชดุ ใดมี
7 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ตารางท่ี 3 สมบัติทางกายภาพของนำ�้ ยางข้นปราศจาก TMTD/ZnO ในการขน้ึ รปู เป็นถงุ มือศลั ยกรรม เปรยี บเทยี บกบั มาตรฐาน มอก. 538-2548 สมบตั ิ น้ำ� ยางข้นปราศจาก มาตรฐาน มอก. TMTD/ZnO 538-2548 แรงดึงเมือ่ ขาด (MPa) กอ่ นบม่ เร่ง, ต่ำ� สดุ 25.9 12.5 โมดลู ัส 100 % (MPa), สงู สุด 0.7 ไมร่ ะบุ โมดูลสั 300 % (MPa), สูงสดุ 1.2 2.0 โมดูลสั 500 % (MPa), สูงสดุ 3.1 ไมร่ ะบุ ความยืดเมอื่ ขาด (%) ก่อนบม่ เรง่ , ต่�ำสดุ 812 700 แรงดงึ เมื่อขาด (MPa) หลังบม่ เร่ง, ต่�ำสดุ 28.7 9.5 ความยดื เม่ือขาด (%) หลังบ่มเร่ง, ต�่ำสุด 744 500 ความหนา (mm), ไม่น้อยกวา่ 0.3 0.1 ท่ีมา: สำ� นักงานมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรม (2548) 7. จํานวนโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (Potassium ยืด ถ้าน้�ำยางมีปริมาณกอนยางจับตัว สูงอาจก่อให้เกิด hydroxide number, KOH No.) หมายถึง จํานวนกรัม ปัญหาการอุดตันท่ีปลายหลอดในระหว่างกระบวนการ ของโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ที่สมมูลยพอดีกับอนุมูล ผลติ ได้ ของกรดทั้งหมดที่รวมกับแอมโมเนียในน้�ำยางข้นที่มี 10. ปริมาณแมกนีเซียม (Magnesium content) ปริมาณของแข็งท้ังหมด 100 กรัม โดยเป็นการตรวจหา หมายถึง ปริมาณแมกนีเซียมที่รายงานเทียบเท่ากับ ของเสียท่ีเกิดจากแบคทีเรียในน�้ำยาง เพ่ือวัดความสด ปริมาณโลหะกลุ่มแอลคาไลน์เฮิร์ท โดยมีแมกนีเซียม ของน�ำ้ ยาง และแคลเซียมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอยู่ในน�้ำยางสดและน้�ำ 8. ปริมาณตม (Sludge content) หมายถึง สิ่ง ยางข้นในสถานะท่ีละลายน�้ำได้และที่ท�ำปฏิกิริยาโดย เจือปนที่ไม่ใช่ยาง ซึ่งจะตกตะกอนลงก้นภาชนะเม่ือมี การไทเทรตกับกรดเอทิลีนไดเอมีนเททระแอซีติก หรือ การปั่นหรือกวนน�้ำยาง ส่ิงเจือปนเหล่านี้ประกอบด้วย อดี ที ีเอ (ethylenediaminetetraacetic acid, EDTA) ถ้า ฝุ่นละออง ดิน ทราย เปลือกไม้ และแมกนีเซียม น�ำ้ ยางข้นมแี มกนเี ซียมสงู จะท�ำให้ค่า MST ลดลง แอมโมเนียมฟอสเฟต ถ้าปริมาณตมมีค่าสูงอาจเกิดการ สะสมของปริมาณตมอย่างรวดเร็วระหว่างกระบวนการ ผลิต ท�ำให้น้�ำยางเสียสภาพและไม่สามารถใช้งานต่อไป สรปุ ความเป็นไปไดแ้ ละการน�ำไปใช้ ได้ ประโยชน์ 9. ปริมาณกอนยางจับตัว (Coagulum content) หมายถงึ ปรมิ าณของสารท่ตี กค้างอยู่บนตัวกรองสเตน- กระบวนผลิตน้�ำยางข้นโดยท่ัวไปมีการใช้สาร เลสที่ทดสอบ สารเหล่านี้ประกอบดว้ ยเศษยางจบั ตวั และ TMTD/ZnO เป็นสารรักษาสภาพน�้ำยางสดเพ่ือป้องกัน สารอื่นที่เจือปนมากับน้�ำยาง ค่านี้มีความส�ำคัญต่อ ไม่ให้ค่า VFA สูงกว่ามาตรฐานท่ีก�ำหนด แต่สารชนิดน้ี กระบวนการผลิตที่เข้มงวด เช่น ในการผลิตเส้นด้ายยาง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในการน�ำ ไปข้ึนรูปเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีต้องมีการสัมผัสกับผู้บริโภค โดยตรง ซึ่งสาร TMTD/ZnO เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
8 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 ภาพท่ี 3 ปรบั ระดับ DRC ของนำ้� ยางสดให้ได้ 30% ภาพท่ี 4 ควบคมุ ปรมิ าณแอมโมเนยี กอ่ นปน่ั ภาพท่ี 5 เติมสารรกั ษาเสถยี รภาพของน�ำ้ ยางสด ภาพที่ 6 น้ำ� ยางขน้ ท่ีผลติ ไดป้ ราศจาก TMTD/ZnO ขี้แปง้ ตม (Sludge) ภาพที่ 7 สว่ นของหางน�้ำยาง (skim latex) ภาพท่ี 8 สว่ นท่ีเป็นตม (sludge) และข้แี ปง้ ท�ำให้ประเทศในสหภาพยุโรปได้จ�ำกัดการใช้ในถุงมือ ยางธรรมชาติท�ำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความน่ิม สวมใส่สบาย ยางและปัจจุบันผู้ผลิตจุกนมยางเกือบท้ังหมดได้หันมา และยืดหยุน่ ได้ดกี วา่ ยางสังเคราะห์หลายเทา่ ตัว น�้ำยาง ใช้ยางสังเคราะห์แทนน้�ำยางธรรมชาติที่สามารถหลีก ข้นปราศจาก TMTD/ZnO จึงเป็นสินค้าท่ีสามารถสนอง เลี่ยงสารเคมีตามท่ีระบุได้ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์จาก ความต้องการของบริษัทผู้ผลิตถุงมือยาง จุกนมยาง ถุง
ตารางที่ 4 คณุ ลักษณะน้ำ� ยางข้นทางฟสิ กิ สแ์ ละทางเคมีต รายการ คุณลกั ษณะ ISO 2004-1997 ท่ี ชนดิ HA ชนิด LA ชนดิ 1 ของแข็งทั้งหมด ร้อยละโดยนำ�้ หนกั ไม่น้อยกว่า 61.5 61.5 61 2 เนื้อยางแห้ง รอ้ ยละโดยน�้ำหนกั ไม่นอ้ ยกวา่ 60.0 60.0 60 3 ของแขง็ ทไี่ ม่ใช่ยาง1 รอ้ ยละโดยน�ำ้ หนัก ไม่เกนิ 2.0 2.0 2. 4 ความเปน็ ด่าง (ค�ำนวณเป็น NH3) ไม่น้อยกว่า ไมเ่ กนิ ไม รอ้ ยละโดยนำ�้ หนักน�ำ้ ยางขน้ 5 สเถียรภาพตอ่ การปน่ั 2 (mechanical stability) วนิ าที 0.60 0.29 0. ไมน่ อ้ ยกวา่ 650 650 65 6 ยางจบั ก้อน (coagulum) ร้อยละโดยน�ำ้ หนกั ไม่เกนิ 0.05 0.05 0. 7 ทองแดง มิลลิกรัมต่อกิโลกรมั ของของแข็งท้ังหมด 8 88 ไม่เกิน 8 แมงกานีส มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของของแข็งท้ังหมด 8 88 ไมเ่ กิน 50 50 50 9 แมกนีเซียม มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของของแข็งทั้งหมด 0.10 0.10 0. 0.20 0.20 0. ไม่เกิน 1.0 1.0 1. 10 ตม (Sludge) รอ้ ยละโดยน�ำ้ หนัก ไม่เกนิ 11 ค่ากรดไขมนั ทรี่ ะเหยได้ (VFA number) ไมเ่ กิน 12 คา่ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH number) ไม่เกนิ 1คำ� นวณจากผลต่างระหวา่ งปรมิ าณของแขง็ ทง้ั หมดกบั ปรมิ าณเนอื้ ยางแหง้ , 2เสถียรภาพตอ่ การปั่น เปน็ คา่ 4ขอ้ 8.3 ในมาตรฐาน มอก. 980-2552 *หรือให้เปน็ ไปตามขอ้ ตกลงระหวา่ งผู้ซ้ือกบั ผ้ขู าย
ตามมาตรฐาน ISO 2004-1997 และ มอก. 980-2552 7 มอก. 980-2552 วธิ ี ทดสอบ ด MA3 ชนิด HA ชนิด LA ชนิด MA3 ชนิด HA ครมี ชนิด LA ครมี ISO 124 ISO 126 1.5 61.0* 61.0* 61.0* 65.0 65.0 0.0 60.0 60.0 60.0 64.0 64.0 - .0 1.7 1.7 1.7 1.7 1.7 0.30- ISO 125 มน่ อ้ ยกว่า ไม่นอ้ ยกว่า ไมเ่ กิน 0.59 ไม่น้อยกว่า ไมเ่ กิน .30 0.60 0.29 0.55 0.35 50 650 650 650 650 650 ISO 35 .05 0.03 0.03 0.03 0.03 0.03 ISO 706 88 8 8 8 ISO 8053 88 8 8 8 ISO 7780 0 40* 40* 40* 40* 40* ขอ้ 8.34 .10 0.10 0.10 0.10 0.10 0.10 ISO 2005 .20 0.06* 0.06* 0.06* 0.06* 0.06* ISO 506 .0 0.7* 0.7* 0.7* 0.7* 0.7* ISO 127 าทวี่ ดั ภายหลงั 21 วันนบั จากวนั ที่ทำ� , 3“MA” หรือ “XA” หมายถึง Medium Ammonia Latex
10 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ยางอนามัย และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ท่ีสร้างความ เอกสารอ้างอิง มั่นใจ ความปลอดภัยให้กับผู้ริโภคและมีโอกาสในการ แข่งขันทางการค้าในตลาดโลกสูง โดยเฉพาะจุกนมยาง กรมโรงงานอุตสาหกรรม. 2553. ผลการประเมินผล มีแนวโม้มในการหันกลับมาใช้น�้ำยางข้นปราศจากสาร กระทบและเกณฑป์ ระสิทธิภาพการผลิตเทียบกับ ก่อมะเร็งได้มากข้ึน อีกทั้งปัจจุบันตลาดหมอนยางพารา ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพมาตรฐานของโรงงาน�ำร่อง ในประเทศไทยมีปริมาณการผลิตสูงมาก และเป็นที่ ส�ำหรับอุตสาหกรรมน�้ำยางข้น. โครงการการ ต้องการของตลาดต่างประเทศ การใช้น�้ำยางข้นท่ี ส่งเสริมการประเมินประสิทธิภาพเชิงเศรษฐ ปราศจากสารก่อมะเร็งถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการสัมผัส นิเวศน์ในอุตสาหกรรม (MIS for SMI) กระทรวง โดยตรงแต่เช่ือม่ันได้ว่าผู้บริโภคย่อมตระหนักถึงความ อุตสาหกรรม. ปลอดภัยต่อการน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้อย่าง ส�ำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม. 2548. แนน่ อน ม อ ก . 5 3 8 - 2 5 4 8 ม า ต ร ฐ า น ผ ลิ ต ภั ณ ฑ ์ อุตสาหกรรมถุงมือยางปราศจากเชื้อส�ำหรับการ ศัลยกรรมชนิดใช้ครั้งเดียว. ส�ำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวอุตสาหกรรม.
11 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ประสทิ ธภิ าพและวิธีการใช้สารเคมีบางชนิด ต่อการควบคมุ โรครากขาวในสวนยาง อารมณ์ โรจนส์ ุจติ ร1, จนิ ตนาพร โคตรสมบตั ิ2 และ สธุ ีรา ถาวรรัตน์2 1 ศนู ยว์ ิจยั ยางสุราษฎร์ธานี สถาบันวจิ ัยยาง การยางแห่งประเทศไทย 2 สำ�นักวิจยั และพฒั นาการเกษตรเขตที่ 7 สรุ าษฎร์ธานี กรมวชิ าการเกษตร โรครากขาวของยางพาราเกิดจากเช้ือราช้ันสูง แปลงปลูกใหม่ต่อไปน้ัน สารเคมียังเป็นปัจจัยที่ส�ำคัญ จ�ำพวกเห็ด (Basidiomycetes) มีช่ือวิทยาศาสตร์ว่า ท่ีสุดที่สามารถป้องกัน ก�ำจัดและรักษาโรครากได้อย่าง Rigidoporus microporus พบแพร่ระบาดและท�ำความ รวดเรว็ และมปี ระสทิ ธิภาพ เสียหายแก่พื้นท่ีปลูกยางในทวีปเอเชีย ได้แก่ประเทศ สารเคมีที่มีประสิทธิภาพและแนะน�ำให้ใช้ใน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ศรีลังกา และ ไทย ทวีปอาฟริกา ปัจจุบัน เช่น ไตรดีมอร์ฟ, ไซโปรโคนาโซล, โปรพิโคนา- ได้แก่ ไอโวรีโคสท์ กานา ไนจีเรีย กาบอง โรครากขาว โซล, เฮกซาโคนาโซล และเฟนโิ คลนิล (สถาบันวจิ ยั ยาง, ท�ำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ สามารถพบต้น 2553) พบว่า มีจ�ำหน่ายในพื้นท่ีน้อยมากและราคาค่อน ยางเป็นโรคได้ต้ังแต่ 1-2 ปีแรกปลูก ต้นท่ีเป็นโรคจะ ข้างแพง จึงเป็นข้อจ�ำกัดท่ีส�ำคัญในการจัดการกับโรค ยืนต้นตายและเป็นแหล่งเช้ือแพร่กระจายแก่ต้นยางข้าง ราก จากการทดสอบประสิทธิภาพของสารเคมีชนิดที่ยัง เคียงทั้งในแถวและระหว่างแถวต่อไป ท�ำให้จ�ำนวนต้น ไม่มีในค�ำแนะน�ำของสถาบันวิจัยยางท้ังในสภาพห้อง ยางและผลผลิตต่อไร่ลดลง มีผลท�ำให้สูญเสียรายได้ทั้ง ปฏิบตั ิการและเรือนทดลอง (อารมณ์ และคณะ, 2554 ข) จากผลผลติ น้ำ� ยางและต้นยาง นอกจากน้ี ยงั ตอ้ งเสยี ค่า พบว่า สารเคมีมายโคลบิว-ทานิล (Myclobuthanil ใช้จ่ายเพิ่มเติมในการควบคุมและป้องกันโรคอีกด้วย 12.5%w/v EC) สามารถยับย้ังเชื้อราได้ 100% ที่ความ ในปี 2551-2553 (อารมณ์ และ คณะ, 2554 ก) ได้ส�ำรวจ เข้มข้นของสารออกฤทธ์ิเพียง100 ppm. (part per สวนยางในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่เป็นเฉพาะโรคราก million, สว่ นต่อล้านส่วน) และในสภาพแปลงทดลองพบ ท้ังหมดในจ�ำนวนนี้เป็นโรครากขาวมากถึงร้อยละ 94.82 วา่ ไซโปรโคนาโซล (Cyproconazole 10%w/v SL) อัตรา โดยมีความเสียหายและมีบริเวณท่ีเป็นโรครากขาวเฉล่ีย 500 ppm. หรืออัตรามากกว่า 5 เท่าของอัตราที่มี 0.61ไร่ และ 2.13 บริเวณต่อแปลง ความเสียหาย ประสิทธิภาพ 100% ในห้องปฏบิ ตั กิ าร และ โพรคลอราช (Y=จ�ำนวนต้น) ของต้นยางเนื่องจากโรคแต่ละบริเวณ (Prochloraz 45%w/v EC) ไตรอะดิมิฟอน (Triadime- มากขึ้นตามอายุสวนยาง(X) ดังสมการเลขยกก�ำลัง Y fon 20%w/v EC) ทัง้ อัตรา 2,000 และ 5,000 ppm. สาร =1.493X1,026 ออกฤทธ์ิ หรืออัตรามากกว่า 2 และ 5 เท่าของอัตราท่ีมี ในการป้องกันก�ำจัดโรครากในสวนยางเพื่อลด ประสิทธิภาพ 100% ในห้องปฏิบัติการ มีประสิทธิภาพ ความรุนแรง ป้องกันการแพร่ลุกลามของโรคในแปลง ป้องกันก�ำจัดโรครากได้ดีไม่แตกต่างกัน การทดลองน้ีจึง และลดแหลง่ เชื้อในแปลงปลูกยางเพ่ือมิใหเ้ ปน็ ปัญหาใน ได้ทดสอบสารเคมี มายโคลบิวทานิล โพรคลอราช
12 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ไตรอะดิมิฟอน และไซโปรโคนาโซล ในแปลงปลูกโดย การทดลองที่ 2 การพัฒนาอัตราและวิธีการใช้สารเคมีท่ีเหมาะสม มี ทำ� การทดลองในแปลงยางเกษตรกรที่ อ. ไชยา จ. ประสทิ ธิภาพและประหยดั ส�ำหรบั การนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ สุราษฏร์ธานี แปลงยางอายุ 2.5 ปี ลักษณะดนิ ปลูกเป็น ในการให้ค�ำแนะนำ� และถ่ายทอดสเู่ กษตรกรต่อไป ดินร่วนทราย เป็นโรครากขาว จ�ำนวน 63 จุด กระจาย ท่ัวไป จ�ำนวนตน้ เสยี หาย 247 ตน้ ในพนื้ ท่ี 15 ไร่ หรือคิด การทดลองท่ี 1 วิธีการทดลอง เป็นความเสยี หายร้อยละ 23 เปน็ แปลงปลูกแทนยางเดิม ซ่งึ มปี ระวตั ิเปน็ โรครากขาว และปลูกโดยไมก่ �ำจดั ตอเดิม ท�ำการทดลองในแปลงยางเกษตรกรท่ี อ. และปลูกในแนวปลกู เดิม กาญจนดิษฐ์ จ. สุราษฏร์ธานี แปลงยางอายุ 8 ปี พ้ืนท่ี วางแผนการทดลองแบบ CRD มี 7ซ้�ำ 7กรรมวิธี ปลูก 20 ไร่ ลักษณะดินเป็นดินทราย ประวัติแปลงยาง ดังน้ี คอื เดิมเคยเป็นโรครากขาวและการเตรียมแปลงปลูกไม่มี กรรมวธิ ีท่ี 1 ไตรอะดมิ ฟิ อน อัตรา 1,000 ppm. การก�ำจัดตอเดิม พบต้นยางปลูกใหม่เป็นโรครากขาว กรรมวธิ ีที่ 2 ไตรอะดิมิฟอน อัตรา 2,000 ppm. รุนแรง มีต้นตายกระจายหลายบริเวณ จากการประเมิน กรรมวิธีท่ี 3 มายโคลบวิ ทานลิ อตั รา 250 ppm. ในเดือนมถิ นุ ายน 2554 ก่อนการใชส้ ารเคมีตามกรรมวิธี กรรมวิธที ่ี 4 มายโคลบิวทานลิ อัตรา 500 ppm. ทดลอง พบความเสียหายต้นที่ตายแล้วและเป็นโรค กรรมวธิ ีท่ี 5 ไซโปรโคนาโซล อัตรา 250 ppm. จ�ำนวน 557 ต้น หรือเสียหายร้อยละ 35.8 ของต้นปลูก กรรมวิธีที่ 6 ไซโปรโคนาโซล อัตรา 500 ppm. ท้งั หมด กรรมวิธีที่ 7 ไมใ่ ชส้ ารเคมี (ควบคมุ ) วางแผนการทดลองแบบ CRD (Completely ran- ใช้สารตามกรรมวิธีทง้ั หมด 4 ครง้ั โดย 3 คร้ังแรก domized desing) มี 4 ซำ้� 7 กรรมวิธี ดงั น้ี ใช้ความถ่ีในการใช้สารซ้�ำทุก 3 เดือน และคร้ังสุดท้าย กรรมวิธีท่ี 1 สารเคมี โปรคลอราช ผสมน�้ำอัตรา (ครัง้ ท่ี 4) ราดสารเคมีห่างจากคร้งั ท่ี 3 เปน็ เวลา 6 เดอื น 2,000 ppm. (0.2% a.i.) ราด 3 เดอื น/ครง้ั จ�ำนวน 5 ครง้ั ปริมาตรสารเคมีผสมทใ่ี ช้ 2 ลิตรต่อตน้ กรรมวิธที ่ี 2 สารเคมี ไตรอะดิมฟิ อน ผสมน้ำ� อตั รา 2,000 ppm. (0.2%a.i.) ราด 6 เดอื น/ครงั้ จำ� นวน 3 ครัง้ การด�ำเนนิ งาน กรรมวิธีที่ 3 สารเคมี มายโคลบิวทานิล ผสมน้�ำ 1. คัดเลือกต้นยางในแถวท่ีเป็นโรคและ/หรือต้น อัตรา 250 ppm. (0.025% a.i.) ราด 3เดอื น/คร้ัง จำ� นวน ยางในแถวท่ีติดกับแถวยางที่เป็นโรคในบริเวณเดียวกัน 5 ครั้ง ท�ำเป็นการทดลอง 1 ซ้�ำๆ ละ 1 บริเวณท่ีเป็นโรค โดยมี กรรมวิธีท่ี 4 สารเคมี มายโคลบิวทานิล ผสมน�้ำ ต้นยางทจ่ี ะท�ำการศึกษา 3 ลกั ษณะ คือ อตั รา 500 ppm. (0.05% a.i.) ราด 6 เดือน/ครง้ั จ�ำนวน - ต้นยางท่ีติดกับต้นตาย หรือต้นท่ีแสดงอาการ 3 ครัง้ โรครากรุนแรง กรรมวิธีท่ี 5 สารเคมี ไซโปรโคนาโซล ผสมน�้ำ - ต้นยางท่ีแสดงอาการของโรคบริเวณราก/โคน อัตรา 250 ppm.(0.025%a.i.),3 เดือน/คร้ัง จ�ำนวน 5 ต้น แต่ยังไม่แสดงอาการทางพุ่มใบถัดจากต้นแสดง คร้งั อาการรนุ แรง กรรมวิธีท่ี 6 สารเคมี ไซโปรโคนาโซล ผสมน�้ำ - ต้นยางปกติท่ีอยู่ถัดจากต้นที่แสดงอาการโรค อัตรา 500 ppm. (0.05% a.i.) ราด 6 เดอื น/คร้งั จำ� นวน บริเวณราก ยงั ไมแ่ สดงอาการทางใบ หรอื ต้นยางในแถว 3 ครง้ั ทต่ี ดิ กบั แถวยางที่เป็นโรค กรรมวธิ ีที่ 7 ไม่ใช้สารเคมี (ควบคุม) 2. ขุดดินรอบโคนต้นยางให้เป็นร่อง ลึกและกว้าง ประมาณ 15x30 เซนตเิ มตร 3. ราดสารเคมีท่ีผสมด้วยน้�ำตามกรรมวิธีรอบโคน
13 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 ภาพที่ 2 การเตรยี มสารเคมี ภาพท่ี 1 การเตรยี มต้นยางเพื่อราดสารเคมี สามารถรักษาต้นยางท่ีเป็นโรคและพบเชื้อราในระดับ รุนแรงน้อย-ปานกลางได้ดีมากโดย ไตรอะดิมิฟอน ตน้ ยาง ต้นละ 2 ลติ ร (การทดลองที่ 1) และ 3 ลติ ร (การ 1,000 ppm., และ ไซโปรโคนาโซล 250 ppm. ใชส้ ารเคมี ทดลองที่ 2) โดยไมก่ ลบดนิ 3 เดือน/ครั้งจ�ำนวน 3 คร้ัง รักษาต้นยางได้ถึงร้อยละ 86.7 และ 87.5 ตามล�ำดับ ส่วนกรรมวิธีอ่ืนสามารถ รักษาได้หมดทุกต้นร้อยละ 100 ในขณะท่ีไม่ใช้สารเคมี ผลการทดลองและวจิ ารณ์ (ควบคุม) พบว่า เป็นโรครุนแรงมากข้นึ และ/หรอื ตาย ถึง ร้อยละ 100 ส่วนในต้นยางที่เป็นโรครากขาวรุนแรงซ่ึง แปลงยางอายุ 8 ปี ในพืน้ ท่ี อ.กาญจนดษิ ฐ์ แสดงอาการโรคที่ทรงพุ่มแล้ว พบว่า ไตรอะดิมิฟอน จ. สุราษฎรธ์ านี 2,000 ppm., มายโคลบวิ ทานิล 500 ppm. และ ไซโปร- ผลของการใช้สารเคมีรักษาและป้องกันโรคราก โคนาโซล 500 ppm. ใชส้ ารเคมี 6 เดือน/ครัง้ จ�ำนวน 2 ขาวในต้นยางอายุ 8 ปี จากการตรวจสอบผลการใช้สาร ครัง้ และ ไซโปรโคนาโซล 250 ppm. ใช้สารเคมี 3 เดือน/ เคมีหลังการราดสารครั้งแรก 9 เดือน โดยวิธีการใช้สาร ครั้ง จ�ำนวน 3 คร้ัง สามารถรักษาต้นยางท่ีเป็นโรคราก ไตรอะดิมิฟอน 1,000 ppm.,มายโคลบิวทานิล 250 ขาวรนุ แรงไดบ้ างส่วน รอ้ ยละ 50, 57, 20 และ 43 ตาม ppm., ไซโปรโคนาโซล 250 ppm. ใช้สารเคมี 3 เดือน/ ล�ำดับ ส่วนไตรอะดิมิฟอน 1,000 ppm. และ มายโคล- ครั้ง จ�ำนวน 3 ครั้ง และ ไตรอะดิมิฟอน 2,000 ppm., บวิ ทานลิ 250 ppm., พบว่า ต้นยางที่เป็นโรครากรนุ แรง มายโคลบวิ ทานลิ 500 ppm., ไซโปรโคนาโซล 500 ppm. ตายท้ังหมด เช่นเดียวกับการไม่ใช้สารเคมี (ควบคุม) ใช้สารเคมี 6 เดอื น/คร้ัง จ�ำนวน 2 ครั้ง พบว่า ทุกวธิ ีการ
14 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ภาพท่ี 3 การราดสารเคมี ส�ำหรับประสิทธิภาพในการป้องกันต้นยางข้างเคียงต้นท่ี ภาพท่ี 4 การเตรยี มตน้ ยางสำ� หรบั ราดสารเคมีซ้ำ� พบเช้ือหรือพบโรค ปรากฏว่ามีต้นยางเป็นโรคน้อยมาก เพยี งรอ้ ยละ 8 และ 3.2 ในไซโปรโคนาโซล 250 ppm. ใช้ อาการโรคน้อยมาก การใช้สารเคมีสามารถรักษาต้นยาง สารเคมี 3 เดอื น/ครั้งจำ� นวน 3 คร้ัง และ ไซโปรโคนาโซล ที่เป็นโรคเล็กน้อย-ปานกลางได้มากกว่าร้อยละ 70 และ 500 ppm. ใชส้ ารเคมี 6 เดือน/ครัง้ จำ� นวน 2 ครั้ง ตาม สามารถป้องกันการลุกลามได้มากกว่าร้อยละ 90 ใน ล�ำดับ ในขณะการไม่ใช้สารเคมี (ควบคุม) พบต้นยาง ขณะที่เม่ือไม่ใช้สารเคมีต้นยางปกติที่เป็นต้นยางข้าง เป็นโรครอ้ ยละ 20 เคียง ต้นท่ีพบเชื้อหรือพบโรคปรากฏว่าเป็นโรคและตาย เมื่อใช้สารเคมีซ�้ำมากขึ้นโดยวิธีการใช้สาร ไตร- มากขึ้นถึงร้อยละ 71.4 และ ต้นยางที่เป็นโรคเล็กน้อย- อะดิมิฟอน 1,000 ppm., มายโคลบิวทานิล 250 ppm. ปานกลางเป็นโรครุนแรงเพิ่มข้ึน และหรือตายถึงร้อยละ และ ไซโปรโคนาโซล 250 ppm. ใช้สารเคมี 3 เดือน/ครง้ั 100 แสดงให้เห็นว่าสารเคมีเหล่าน้ีสามารถรักษาต้นยาง จ�ำนวน 5 ครงั้ และ ไตรอะดมิ ฟิ อน 2,000 ppm., มาย- ท่ีเป็นโรครากขาวรุนแรงมากได้ในระดับหน่ึงและมี โคลบวิ ทานิล 500 ppm., ไซโปรโคนาโซล 500 ppm. ใช้ ประสิทธิภาพดีมากในการรักษาต้นยางที่เป็นโรคปาน สารเคมี 6 เดือน/คร้ัง จ�ำนวน 3 ครั้ง จากการตรวจสอบ กลาง-น้อยให้หายเป็นปกติได้ และสามารถป้องกันการ ผลการใช้สารเคมีหลังการราดสารคร้ังแรก 1 ปี 2 เดือน ลุกลามของโรคไดด้ มี าก แล้ว พบว่าสารเคมีทุกชนิด และทกุ อตั ราสามารถควบคุม รักษาและป้องกันโรคได้ดี จากตารางท่ี 1 จะเห็นว่าต้น ยางสามารถเจริญได้ปกติและกลับมาพบเช้ือและแสดง
15 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ตารางที่ 1 การใชส้ ารเคมีกับต้นยางท่ีเป็นโรคราก แสดงเปน็ ร้อยละของตน้ ยางท่ตี าย หรอื รุนรงมากข้นึ หลังการใช้สารเคมกี บั ยางอายุ 8 ปี กรรมวิธี ระดับความรุนแรง หลังจากราดสารเคมี หลังจากราดสารเคมี กอ่ นทดลอง ครงั้ แรก 9 เดอื น ครง้ั แรก 14 เดอื น 1. ไตรอะดมิ ิฟอน 1,000 ppm. รุนแรงมาก 100.0 100.0 (3 เดอื น/ครั้ง) ปานกลาง-นอ้ ย 33.3 33.3 ปกติ 0.0 18.8 2. ไตรอะดมิ ฟิ อน 2,000 ppm. รวม 32.5 32.5 (6 เดือน/ คร้งั ) รนุ แรงมาก 50.0 50.0 ปานกลาง-นอ้ ย 0.0 25.0 3. มายโคลบิวทานิล 250 ppm. ปกติ 0.0 0.0 (3 เดือน/คร้งั ) รวม 2.5 5.0 รนุ แรงมาก 100.0 100.0 4. มายโคลบวิ ทานิล 500 ppm ปานกลาง-น้อย 0.0 0.0 (6 เดอื น/ครง้ั ) ปกติ 0.0 0.0 รวม 7.5 7.5 5. ไซโปรโคนาโซล 250 ppm. รนุ แรงมาก 42.9 57.1 (3 เดอื น/คร้งั ) ปานกลาง-นอ้ ย 0.0 11.1 ปกติ 0.0 0.0 6. ไซโปรโคนาโซล 500 ppm. รวม 7.5 15.0 (6 เดอื น/ครง้ั ) รุนแรงมาก 57.1 57.1 ปานกลาง-น้อย 12.5 25.o 7. ไม่ใช้สารเคมี (ควบคมุ ) ปกติ 8.0 8.0 รวม 17.5 17'5 รุนแรงมาก 80.0 100.0 ปานกลาง-น้อย 25.0 25.0 ปกติ 3.2 9.7 รวม 15.0 22.5 รนุ แรงมาก 100.0 100.0 ปานกลาง-น้อย 100.0 100.0 ปกติ 20.0 71.4 รวม 30.0 75.0 หมายเหตุ : อาการรุนแรงมาก = พ่มุ ใบเหลือง รากเปน็ โรค 100% โคนตน้ เป็นโรคมากกวา่ 50% อาการรุนแรงปานกลาง = พมุ่ ใบปกติ รากเปน็ โรคถงึ โคนตน้ 50% และโคนต้นเป็นโรคมากกว่า 20-50% อาการรุนแรงน้อย = พมุ่ ใบปกติ รากติดเช้ือ เป็นโรคน้อยกวา่ 20 ปกติ = พุ่มใบปกติ รากและโคนต้นปกติ ไมม่ เี ชอ้ื
16 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 แปลงยางอายุ 2.5 ปี ในพืน้ ท่ี อ.ไชยา จ.สุราษฎรธ์ านี สรปุ ผลการทดลองและการน�ำไปใช้ ผลการทดลองในแปลงยางอายุ 2-3 ปี พบวา่ สาร ประโยชน์ เคมีทุกชนิดและทุกอัตรามีประสิทธิภาพดีมาก ในการ รักษาต้นยางท่ีเป็นโรคเล็กน้อย-ปานกลาง และพบว่า 1.สารเคมี ไตรอะดิมิฟอน อัตรา 1,000-2,000 สารเคมีมีประสิทธิภาพในการก�ำจัดเชื้อราในระบบรากท่ี ppm., มายโคลบิวทานิล อัตรา 250-500 ppm. และ เป็นโรค ท�ำให้อาการของโรคหายไม่ลุกลามต้ังแต่การใช้ ไซโปรโคนาโซล อัตรา 250-500 ppm. มีประสทิ ธิภาพใน สารเคมี 2 และ 3 ครงั้ หรือหลังการใชส้ ารเคมีภายใน 9 การยับย้ัง และฆ่าเชื้อราโรครากที่อยู่ในระบบราก เดอื น และ 1 ปี จะเห็นว่า มีต้นยางทีเ่ ปน็ โรครุนแรงมาก สามารถรักษาและฟื้นฟูต้นยางท่ีเป็นโรครุนแรงน้อย- ขึ้น และ/หรือตายเพียงร้อยละ 0-33.3 และ 0-16.7 ปานกลางได้ดี ส่วนต้นยางทีเ่ ป็นโรครุนแรงท่มี อี าการพมุ่ เท่าน้ัน ในขณะท่ีการไม่ใช้สารเคมี มีต้นยางเป็นโรค ใบเหลืองท้ังต้น พบว่า สารเคมีจะมีประสิทธิภาพในการ รุนแรงมากข้ึน และ/หรือตายไปมากถงึ 85.7 (ตารางท่ี 2) ยับยั้งรักษาได้ดี แต่ระบบรากส่วนท่ีถูกท�ำลายโดยเช้ือรา ผลการรักษาต้นยางท่ีแสดงอาการรุนแรงแล้วพบว่าสาร อย่างรุนแรงนั้นไม่สามารถฟื้นฟูอีก ท�ำให้ผุและย่อย เคมีสามารถรกั ษาและฟื้นฟูตน้ ยางไดบ้ างสว่ น จะเห็นว่า สลายไป ต้นที่เป็นโรคมีโอกาสหายเจริญเป็นปกติ หรือ ในช่วงแรกตั้งแต่การใชส้ ารเคมีเพียง 2 และ 3 คร้ัง หรือ สามารถยดื อายตุ ้นยางได้ เนือ่ งจากสารเคมกี ระตุน้ ใหต้ น้ ภายใน 6 และ 9 เดอื น ตน้ ยางทีเ่ ปน็ โรครนุ แรงตายรอ้ ย ยางมีรากงอกมาทดแทน แต่ส่วนมากต้นยางมักล้มและ ละ 25-80 และ 50-80 ตามล�ำดบั ในขณะทใ่ี นกรรมวิธที ี่ ตายในระยะต่อมา เน่ืองจากระบบรากเดิมผุ และไม่ทน ไม่ใชส้ ารเคมี (ควบคุม) พบว่าภายใน 3 เดอื น ตน้ ยางที่ แรงลม พบเช้ือและเป็นโรค แสดงอาการรุนแรงมากข้ึนและ 2. วิธีการใช้สารเคมีรักษาต้นยางเป็นโรคและ ยนื ต้นตายหมดรอ้ ยละ 100 ป้องกันต้นข้างเคียง ควรขุดดินรอบโคนต้นและราดสาร แต่อย่างไรก็ตาม ต้นยางที่เป็นโรครากรุนแรง เคมีซ�ำ้ อย่งนอ้ ย 2 คร้งั ทกุ 3-6 เดือน และจากน้นั ใช้สาร แสดงอาการทางพุ่มใบแล้วส่วนใหญ่ระบบรากถูก เคมีซ�้ำปีละ 1 ครั้ง จนไม่พบโรค หากในแปลงปลูกมีตอ ท�ำลายย่างรุนแรงถึงระบบรากแก้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีเชื้อ ยางเก่า ควรขุดก�ำจัดออกเพ่ือลดแหล่งเช้ือ โดยเฉพาะ โรครากแล้ว และแม้จะมีรากใหม่งอกมาทดแทนรากเดิม อยา่ งย่ิง แปลงยางอายุน้อยที่ปลกู แทนยางเดิมที่เคยเปน็ ท่ีผุพังไปแล้วก็ตาม แต่มักพบต้นยางล้มในภายหลัง ซึ่ง โรครากมาก่อน นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจต้นยางอยู่ จะเห็นว่ามีจ�ำนวนต้นยางตายเพ่ิมในระยะต่อมา (ตาราง เสมอ และเอาใจใสใ่ นการจดั การโรคเมอ่ื ตรวจพบ ท่ี 2) ส�ำหรับต้นยางท่ีเป็นโรครุนแรงเล็กน้อย-ปานกลาง 3. ต้นยางท่ีเป็นโรครุนแรงมากควรตัดต้นและขุด แลว้ พบว่า สารเคมที กุ ชนิดสามารถยบั ยง้ั และฆ่าเชอ้ื ราที่ รากออกไปท�ำลายนอกแปลง หรือในกรณีท่ีมีแรงงาน ท�ำลายระบบรากได้ต้ังแต่การใช้สารเคมีคร้ังแรก และไม่ น้อยและไม่มีเคร่ืองจักร ควรตัดต้น ขุดดินรอบโคนต้น พบการพัฒนาการของโรคใหม้ ีความรุนแรงขน้ึ ระบบราก แล้วราดสารเคมีเพ่ือก�ำจัดเชื้อราท่ีโคนต้นและระบบราก ยางบางส่วนท่ียังไม่ถกู ท�ำลายจงึ สามารถฟนื้ ฟู ตน้ ยางจงึ แต่อาจจะไม่สามารถก�ำจัดเช้ือได้อย่างสมบรูณ์ในกรณีที่ สามารถเจริญและสร้างทรงพุ่มได้เป็นปกติ ส่วนสารเคมี ตน้ ยางมรี ะบบรากใหญ่ โพรคลอราช พบว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่า ไม่สามารถ ยับย้ังและฆ่าเชื้อราท่ีท�ำลายระบบรากได้ตั้งแต่การใช้ คำ� ขอบคุณ สารเคมีคร้ังแรกจะเห็นว่าผลการใช้สาร 2 ครั้ง ต้นยางที่ แสดงอาการน้อย-ปานกลาง แสดงอาการรุนแรงมากขึ้น ผู้วิจัยขอขอบพระคุณเกษตรกรเจ้าของสวนยางทั้ง และตายถงึ ร้อยละ 75 จงึ ไม่เหมาะแกก่ ารน�ำมาใชใ้ นการ 2 แปลงท่ีให้ความอนุเคราะห์สวนยางในการศึกษาครั้งนี้ ควบคมุ โรครากขาว ขอขอบคุณพนักงานราชการงบพิเศษค้นคว้ายาง พนักงานจ้างเหมาทุกคนท่ีช่วยปฏิบัติงานวิจัยจนส�ำเร็จ ลลุ ว่ งตามเปา้ หมายมา ณ ที่นดี้ ้วย
17 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ตารางท่ี 2 ผลการใชส้ ารเคมี แสดงเปน็ รอ้ ยละของตน้ ยางทต่ี าย/หรอื รนุ แรงมากขน้ึ หลงั การใชส้ ารเคมแี ละ ตรวจสอบทอี่ ายหุ ลงั การใชส้ ารครง้ั แรกในชว่ งเวลาตา่ งๆ (กอ่ นใชส้ ารครง้ั ตอ่ ไป) กบั ยางอายุ 2.5 ปี กรรมวิธี อาการเร่ิมต้น 1 ครงั้ , 2 ครั้ง, 3 ครัง้ , 4 ครง้ั , 4 ครง้ั , 3 เดอื น 6 เดอื น 6 เดอื น 2 ปี 3 ปี 50.0 1. ไตรอะดมิ ิฟอน 1,000 ppm. รนุ แรงมาก 50.0 25.0 50.0 50.0 16.7 ปานกลาง-นอ้ ย 16.7 33.3 16.7 16.7 16.7 ปกติ 0.0 0.0 0.0 0.0 25.0 รวม 20.0 0.0 18.8 18.8 60.0 75.0 60.0 60.0 60.0 0.0 2. ไตรอะดิมฟิ อน 2,000 ppm. รนุ แรงมาก 7.7 0.0 0.0 0.0 0.0 ปานกลาง-น้อย 0.0 0.0 0.0 0.0 14.3 ปกติ 20.0 14.3 14.3 14.3 80.0 รวม 60.o 80.0 80.0 80.0 10.0 0.0 10.0 0.0 10.0 0.0 3.มายโคลบวิ ทานลิ 250 ppm. รนุ แรงมาก 0.0 0.0 0.0 0.0 27.8 ปานกลาง-นอ้ ย 16.7 22.2 22.2 33.3 100.0 ปกติ 50.0 50.0 50.0 50.0 16.7 รวม 16.7 0.0 16.7 16.7 16.7 0.0 7.7 16.7 8.3 25.0 4. มายโคลบวิ ทานลิ 500 ppm รนุ แรงมาก 9.5 9.5 20.0 15.0 75.0 ปานกลาง-นอ้ ย 0.0 37.5 55.6 75.0 42.9 ปกติ 16.7 0.0 0.0 14.3 0.0 รวม 0.0 0.0 0.0 0.0 39.1 5.0 13.0 20.8 30.4 100.0 5. ไซโปรโคนาโซล 250 ppm. รุนแรงมาก 20.0 40.0 80.0 100.0 33.3 ปานกลาง-นอ้ ย 22.2 22.2 22.2 33.3 20.0 ปกติ 10.0 0.0 0.0 0.0 34.8 รวม 13.6 13.0 26.1 34.8 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0 85.7 6. ไซโปรโคนาโซล 500 ppm. รนุ แรงมาก 57.1 85.7 85.7 85.7 42.9 ปานกลาง-นอ้ ย 14.3 21.4 28.6 35.7 61.9 ปกติ 41.7 50.0 61.9 61.9 รวม 7. ไม่ใชส้ ารเคมี (ควบคมุ ) รนุ แรงมาก ปานกลาง-น้อย ปกติ รวม หมายเหตุ : อาการรนุ แรงมาก = พุ่มใบเหลือง รากเป็นโรค 100% โคนตน้ เปน็ โรคมากกว่า 50% อาการรุนแรงปานกลาง = พุม่ ใบปกติ รากเปน็ โรคถึงโคนต้น 50% และโคนต้นเป็นโรคมากกว่า 20-50% อาการรนุ แรงน้อย = พุ่มใบปกติ รากติดเช้ือ เป็นโรคนอ้ ยกวา่ 20 ปกติ = พมุ่ ใบปกติ รากและโคนตน้ ปกติ ไมม่ ีเชือ้
18 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ภาพที่ 5 ผลของการใชไ้ ซโปรโคนาโซล อตั รา 250 ppm. (ราดสารเคมี 2 ครัง้ ) หลงั การใช้สารเคมคี รั้งแรก 6 เดอื น ภาพที่ 6 ผลของการใชไ้ ซโปรโคนาโซล อตั รา 250 ppm. ตน้ เดยี วกัน หลงั ราดสารเคมคี ร้ังแรก 2 ปี 3 เดือน
19 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ภาพท่ี 7 ผลของการใชไ้ ซโปรโคนาโซล อัตรา 500 ppm. (ราดสารเคมี 2 ภาพท่ี 8 ผลของการใชไ้ ซโปรโคนาโซล อตั รา 500 ppm. ต้นเดียวกัน หลงั ครัง้ ) หลงั การใชส้ ารเคมคี รง้ั แรก 6 เดอื น ราดสารเคมคี ร้งั แรก 2 ปี 3 เดือน ภาพท่ี 9 ผลของการใช้ไตรอะดมิ ิฟอน อัตรา 1,000 ppm. (ราดสารเคมี 2 ครงั้ ) หลงั การใช้สารเคมีครงั้ แรก 6 เดือน
20 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ภาพที่ 10 ผลของการใช้ไตรอะดิมิฟอน อัตรา 1,000 ppm. ต้นเดียวกัน ภาพท่ี 11 ผลของการใชไ้ ตอะดิมฟิ อน อัตรา 1,000 ppm. ต้นเดียวกัน หลงั หลังราดสารเคมีคร้งั แรก 2 ปี 3 เดือน (ทรงพุ่มสมบรณู )์ ราดสารเคมคี รั้งแรก 2 ปี 3 เดือน ภาพที่ 12 ต้นที่เป็นโรครุนแรงมากก่อนใช้สารเคมี ถึงแม้โรคจะหาย แต่ ภาพท่ี 13 ตน้ ยางแสดงอาการโรคราก และต้นข้างเคียงทตี่ อ้ งใชส้ ารเคมี อาจลม้ เพราะลม
21 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ภาพที่ 14 หลังการราดดว้ ยสารเคมี ตน้ ยางสว่ นใหญ่มรี ากใหมง่ อกออกมาตรงบริเวณแผลเกา่ สว่ นบรเิ วณท่เี ปน็ โรคจะผุ (หลังราด 6 เดือน) เอกสารอ้างองิ เศรษฐกิจของยางพาราสาเหตุโรครากขาวในพ้ืนท่ี ปลูกยางของประเทศไทย. หน้า 248-267. ใน: สถาบันวิจัยยาง. 2553. อาการผิดปกติของยางพารา. รายงานผลการวิจัยเร่ืองเต็ม ประจ�ำปี 2553 สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร. โรงพิมพ์ สถาบันวจิ ัยยาง กรมวชิ าการเกษตร. ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกัด อารมณ์ โรจน์สุจิตร, อุไร จันทรประทิน, พเยาว์ ร่มรื่น- พิมพค์ ร้ังท่ี 2. 82 หน้า สขุ ารมย์ และ บุญปิยะธิดา แคลว่ คล่อง. 2554 ข. อารมณ์ โรจน์สุจิตร, อุไร จันทรประทิน, พเยาว์ ร่มร่ืน- ประสิทธิภาพของสารเคมีในท้องถ่ินต่อการ สุขารมย์, นริสา จันทร์เรือง, สโรชา กรีธาพล, ป้องกันและควบคุมโรครากขาว. หน้า 268-281. วนั เพ็ญ พฤกษว์ ิวฒั น,์ สเุ มธ พฤกษวรุณ, วลัยพร ใน: รายงานผลการวิจัยเร่ืองเต็ม ประจ�ำปี 2553 ศศิประภา, ปราโมทย์ ค�ำพุทธ และ ประภา สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร. พงษ์อุทธา. 2554 ก. ประเมินความสูญเสียทาง
โมระคเรรง็ ารา้กยขใานวสวนยาง \"กำ�จดั แหล่งอาหาร ปรับลดเชือ้ รา ยบั ย้งั รักษา ใส่ใจพัฒนา สวนยางพน้ ภัย\" ดว้ ยความปรารถนาดจี าก สถาบันวจิ ยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย
23 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 ภัยมืดของสารจับตัวยางกอ้ นถ้วย สร้างความ เสยี หายตอ่ คณุ ภาพยางไทย ปรดี ์เิ ปรม ทัศนกุล ศนู ย์วิจัยยางสงขลา สถาบันวจิ ัยยาง การยางแห่งประเทศไทย ปัจจุบันเกษตรกรทางภาคอีสานและภาคเหนือ ภาคอีสานมีปริมาณการใช้กรดซัลฟิวริกถึงร้อยละ 60 นิยมผลิตยางก้อนถ้วย เน่ืองจากใช้น�้ำน้อย ประหยัด เม่ือเปรียบเทียบกับการใช้กรดฟอร์มิก จนท�ำให้ผู้ แรงงาน มีเวลาในการท�ำกิจกรรมอ่ืน ต้นทุนการผลิตต่�ำ ประกอบการยางแท่งกังวลว่าผู้ผลิตยางล้ออาจสั่งยกเลิก ยางก้อนถ้วยนับว่าเป็นวัตถุดิบยางข้ันต้นที่ใช้ในการผลิต ออเดอร์ยางอีสาน เน่ืองจากปริมาณซัลเฟตตกค้างใน ยางแท่ง โดยมีปริมาณการผลิตทางภาคตะวันออกเฉียง ยางสูงจนกลายเป็นปัญหาใหม่ท่ีกระทบต่ออุตสาหกรรม เหนือและภาคเหนือ 386,173 ตัน และ 55,375 ตัน ยาง นอกจากนี้ การใช้กรดดังกล่าวยังก่อมลพิษต่อ (ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2559) หรือร้อยละ 75 สุขภาพของแรงงานตามสวนยางและสถานท่ีรับซื้อ รวม และ 70 ตามล�ำดับ ของผลผลิตยางทั้งหมด อย่างไร- ถึงปัญหาน้�ำยางเหม็นไหลลงตามถนน จนสร้างความ ก็ตาม ผู้ประกอบการผลิตยางแท่งหลายรายมักประสบ เดือดร้อนตอ่ ผู้ใชร้ ถใชถ้ นนและชุมชน ปญั หาเรอื่ งคุณภาพยางก้อนถ้วยทีไ่ ม่สมำ�่ เสมอ สง่ ผลตอ่ การน�ำยางแท่งไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะล้อ สารจับตวั ยางทม่ี ีส่วนผสมกรดซัลฟวิ ริก ยางพาหนะ สาเหตุจากการใช้สารจับตัวยางชนิดอ่ืนที่ ไม่ใช่กรดฟอร์มิกในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นกรดซัลฟิวริก กรดซัลฟิวริกมีจ�ำหน่ายกันมากทางภาคอีสาน เกลือแคลเซียมคลอไรด์ กรดท่ีอ้างว่าเป็นกรดอินทรีย์ ส่วนใหญ่มักเป็นสารปลอมปนสารเคมีชนิดอื่นลงไปด้วย กรดชีวภาพ กรดออร์แกนิค นำ้� ส้มควันไม้ นำ้� หมักชีวภาพ สารปลอมปนเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของยาง เป็นตน้ ก้อนถ้วยท่ีน�ำไปผลิตเป็นยางแท่งแทบทั้งส้ิน โดยพบว่า สารจับตัวท่ีจ�ำหน่ายในรูปสารละลายมักจะอ้างช่ือต่าง ๆ ภัยมืดของสารจับตวั ยาง นานา เช่น กรดออร์แกนิค กรดชีวภาพ กรดซุปเปอร์ ชวี ภาพ กรดอนิ ทรีย์ กรดสฝู้ น ทำ� ใหเ้ กษตรกรหลงเช่ือถึง สารจับตัวยางที่จ�ำหน่ายในภาคอีสานและภาค ความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม จากการศึกษา เหนอื มมี ากกว่า 30 ชนดิ บางชนิดใช้สัญลกั ษณ์เดียวกัน พบว่าสารจับตัวตามที่อ้างมีส่วนผสมของเน้ือกรดซัลฟิว- แต่สีของสารละลายแตกต่างกัน มีตั้งแต่ใสไม่มีสี สี ริก ร้อยละ 8 – 25 นอกจากน้ี ยังพบองค์ประกอบของ เหลืองอ่อน สีเหลืองเข้ม สีด�ำ เป็นต้น บางชนิดยี่ห้อ เกลือแคลเซียม แมกนีเซียม และโซเดียมอีกด้วย ส่งผล เดียวกันแต่มีฉลากระบุส�ำหรับท�ำยางก้อนถ้วยบ้าง ท�ำ ให้ยางมีความยืดหยุ่นต�่ำลง ยางแข็ง ค่าความหนืดสูง ยางแผ่นบ้าง มีท้ังระบุและไม่ระบุถึงวิธีการใช้งาน มีท้ัง ยางเส่ือมสภาพเร็ว ทั้งยังท�ำให้ยางคล�้ำ ผิวหน้าเย้ิม ใช้โดยตรงและตอ้ งเจอื จางน�้ำ ทงั้ หมดจะไมร่ ะบชุ นิดของ ปริมาณความชื้นมีค่าสูงเกินกว่ามาตรฐานท่ีระบุ ย่ิงน�ำ กรด ไมร่ ะบวุ ันเดอื นปี ที่หมดอายุ ยกเวน้ กรดฟอร์มิกทจี่ ะ สารปลอมปนต่าง ๆ เหล่านี้ไปผลิตเป็นยางแผ่นดิบจะ ระบุชื่อว่า “ฟอร์มิก” จากการส�ำรวจพบว่าเกษตรกรทาง เห็นผลชัดเจนขึ้นคือ ยางจะย้วยและอ่อนตัว ไม่สามารถ
24 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 จัดเป็นยางแผ่นดิบคุณภาพดีได้ ข้อดีของกรดซัลฟิวริกมี ส่วนน้�ำเสียที่เกิดข้ึนมีสีคล�้ำยากต่อการบ�ำบัดและส่ง ขอ้ เดียวคือยางจบั ตวั เร็วภายใน 30 นาที นอกนั้นเป็นข้อ กลิ่นเหม็นกระทบต่อส่ิงแวดล้อมและผลิตภัณฑ์จากยาง เสียของกรดซัลฟิวริกทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการท�ำ แห้งที่ท�ำให้เกดิ การเส่อื มสภาพได้เรว็ ขน้ึ ยางก้อนถ้วยเกษตรกรจะต้องหยอดน�้ำกรดลงในถ้วย รองรับน้�ำยาง การใช้กรดซัลฟิวริกท่ีเป็นกรดแก่แม้ว่าจะ นำ้� หมกั ชีวภาพ และ น�ำ้ สม้ ควนั ไม้ เจือจางแล้วก็ตาม โอกาสท่ีไอของน้�ำกรดไปสัมผัสกับ สถาบันวิจัยยาง ได้ก�ำหนดมาตรฐานยางแผ่นดิบ หน้ากรีดหรือกระเด็นไปโดนหน้ากรีด จะท�ำให้หน้ากรีดมี คุณภาพดี ด้วยกรรมวิธีที่ใช้กรดอินทรีย์ที่สลายตัวง่าย สีคล้�ำ และมีโอกาสที่จะเกิดอาการเปลือกแห้ง ส่งผลให้ เชน่ กรดฟอร์มกิ ในการจบั ตวั ยางเพอ่ื ใหไ้ ด้ยางแผ่นที่มสี ี ต้นยางมีอายุกรีดไดส้ นั้ ลง สวย ไม่มีสารตกค้างในแผ่นยาง โดยเฉพาะอย่างย่ิงการ ยกตัวอย่างสารออร์แกนิคยี่ห้อหนึ่งระบุว่า ท�ำยางแผ่นให้มีความสะอาดน้ันจะต้องพิถีพิถันในขั้น \"สามารถใช้แทนกรดน�้ำส้มได้เป็นอย่างดี มีราคาถูกกว่า ตอนการกรอง การใช้น�้ำสะอาด แต่การท�ำยางแผ่นดิบ ปลอดภัยกว่า น้�ำยางสามารถจับตัวแข็งตัวไวกว่า ก้อน ของเกษตรกรบางรายพบว่า มีการใช้สารท่ีสกัดจาก ยางสสี วย ไมต่ ิดกน้ ถ้วย ไมม่ ีกลน่ิ ของสารระเหยที่รนุ แรง ธรรมชาติหรือสารชีวภาพ เช่น น�้ำส้มควันไม้ และ น�้ำ กับจมูก ไมแ่ สบคันเมือ่ สัมผสั ขย้ี างไม่มกี ลนิ่ เหมน็ \" จาก หมักชีวภาพ ทดแทนการใช้กรดในการจับตัว โดยมี การศึกษาพบว่า มีองค์ประกอบของกรดซัลฟิวริกเป็น รายงานว่าน้�ำส้มควันไม้สามารถยับยั้งเช้ือราได้ ส่วนน�้ำ หลัก นอกจากน้ี ยังประกอบด้วยกรดอะซีติกในปริมาณ หมักชีวภาพมีความเป็นกรดสูงใช้จับตัวยางได้เช่นกัน เล็กน้อย และกรดฟอร์มิกในปริมาณที่น้อยมาก และเมื่อ ท�ำให้มีผู้ประกอบการหลายรายจ�ำหน่ายท้ังน้�ำส้มควันไม้ ทดลองใช้กรดออร์แกนิคตามที่อ้างเปรียบเทียบกับการ และน�้ำหมักชีวภาพเพ่ือน�ำมาใช้จับตัวยางก้อนถ้วย โดย ใชก้ รดฟอรม์ กิ เกรดทางการค้าในยางก้อนถ้วยพบว่า ยาง ให้เหตุผลว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้ ไม่กระทบต่อส่ิงแวดล้อม แห้งชา้ เหนยี วเยิ้มท่ผี ิวของก้อนยาง และเมอ่ื ทดลองน�ำ ไม่มกี ลิ่น ยางไมข่ ้ึนรา จบั ตวั เร็ว มาผลิตยางแผ่น ยางที่ใช้กรดออร์แกนิคจะมีสมบัติทาง มีการใช้น้�ำหมักชีวภาพทั้งในการผลิตยางแผ่นดิบ กายภาพต่�ำกว่ามาตรฐานยางแท่ง STR 20 โดยเฉพาะ และยางก้อนถ้วย โดยพบว่าระยะเวลาการจับตัวข้ึนอยู่ ค่าความอ่อนตัวเริ่มแรก (Po) ต่�ำกว่าการใช้กรดฟอร์มิก กับปริมาณของน�้ำหมักชีวภาพท่ีใช้ หากใช้ในปริมาณ ประมาณ 10 หนว่ ย มีคา่ ความหนดื ตำ�่ กวา่ ประมาณ 20 มากสามารถจับตัวได้เร็วข้ึน แต่ยางแผ่นดิบท่ีได้จะมีสี หน่วย และมีปริมาณความช้ืนท่ีเกินกว่ามาตรฐานท่ีระบุ คลำ�้ มาก เม่ือนำ� ไปจัดชนั้ ยางจะได้ยางแผ่นคณุ ภาพคละ ในมาตรการยางแท่ง STR นอกจากน้ี ยังไม่มีความ และจากการทดลองน�ำน�้ำหมักชีวภาพผลิตยางก้อนถ้วย สามารถในการดึงปริมาณแคลเซียมออกจากเน้ือยาง จะตอ้ งใสใ่ นปรมิ าณมากถงึ 50 มิลลิลติ ร ยางจะจบั ตัว ทั้ง ๆ กรดออรแ์ กนิคตามทอ่ี ้างพบว่า มแี คลเซยี มเป็นองค์ ได้อย่างสมบูรณ์ ก้อนยางสีคล้�ำ เมื่อน�ำไปผลิตเป็นยาง ประกอบ ซ่ึงเป็นสาเหตุให้ยางเกิดการเส่ือมสภาพเร็วขึ้น แท่งจัดได้ยางแท่งชั้น STR 20 หากเปรียบเทียบกับยาง กว่าปกติ และสีของยางก้อนถ้วยยังคงขาวขุ่นทั้ง ๆ ที่ตั้ง ก้อนถ้วยคณุ ภาพดีจะสามารถจดั เป็นชน้ั STR 10 ได้ จึง ท้ิงไว้นานนับเดือน ท�ำให้ยางแผ่นดิบท่ีใช้กรดออร์แกนิค ไมแ่ นะนำ� ให้ใช้ ชนิดนี้ในการจับตัวยาง เน้ือยางไมแ่ ขง็ แรง แผน่ ยางเกดิ ส่วนมากเกษตรกรมักใช้น�้ำส้มควันไม้ในการท�ำ การย้อยตัว ซึ่งสรุปได้ว่าไม่แนะน�ำให้ใช้กรดออร์แกนิค ยางแผ่นเน่ืองจากคิดว่าแผ่นยางไม่ขึ้นรา แต่จากการ ตามทีอ่ ้างในการผลิตยางดิบทกุ ประเภท รวมทัง้ สารอนื่ ๆ ศกึ ษาการใช้นำ้� ส้มควนั ไม้ ทั้งใส่ จุ่ม แช่ ในยางแผ่นดบิ ท่ีมักพบทั้งในรูปสารละลายและที่เป็นผง ส่งผลต่อ พบว่า ไม่สามารถยับย้ังเช้ือราได้ทุกกรณี ยางแผ่นดิบท่ี การน�ำยางก้อนถ้วยไปผลิตเป็นยางแท่ง โดยเฉพาะสาร ได้จัดเป็นคุณภาพคละ โดยมีปริมาณส่ิงสกปรกในแผ่น ซัลเฟตท่ีตกค้างก่อให้เกิดผลเสียหายต่อกระบวนการ ยางมากกว่ายางแผ่นดิบที่จับตัวด้วยกรดฟอร์มิกท้ังยัง ผลิตท�ำให้เคร่ืองจักรสึกกร่อนเร็วขึ้น ใช้พลังงานสูงข้ึน ท�ำใหย้ างแผน่ มสี ีคล�้ำ ดา่ ง ด�ำ การใช้นำ�้ ส้มควนั ไมจ้ ับตวั
25 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 ในปริมาณที่มากเกินพอจะเสียค่าใช้จ่ายในการท�ำยาง กรดฟอร์มกิ ตามค�ำแนะนำ� แผน่ เพม่ิ ขึน้ นำ�้ สม้ ควันไม้ 1 ลติ ร ราคา 100 บาท หาก สถาบันวิจัยยางได้แนะน�ำให้ใช้กรดฟอร์มิกหรือที่ เกษตรกรใสใ่ นอัตรา 90 มลิ ลิลติ ร ตอ่ นำ้� หนักยางแผน่ 1 เรียกกรดมดเป็นสารจับตัวยาง เน่ืองจากเป็นสารอินทรีย์ กิโลกรมั จะเสยี คา่ ใช้จา่ ยในการท�ำยางแผน่ ถงึ 9 บาทตอ่ ท่ีระเหยได้ง่าย มีสูตรโครงสร้างทางเคมีคือ HCOOH มี กิโลกรัม ขณะท่ีใส่กรดฟอร์มิก 1 ลิตร ราคา 50 บาท มี คาร์บอนเพียงตัวเดียว จึงนับว่าเป็นกรดอ่อนที่มีความ ต้นทุนการใช้กรดไม่เกิน 0.32 บาทต่อกิโลกรัม ดังน้ัน แรงของกรดไม่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับกรดชนิดอื่น การผลิตยางแผ่นดิบจึงไม่แนะน�ำให้ใส่น�้ำส้มควันไม้ ในทางการค้ามีความเข้มข้น 94% หรือ 90% ขึ้นอยู่กับ นอกจากจะส่งผลต่อสมบัติยางแผ่นดิบ แล้วยังท�ำให้ บริษัทผู้ผลิต นับว่ากรดฟอร์มิกเป็นกรดอินทรีย์ชนิดเดียว ต้นทนุ การผลิตสูงกวา่ การจับตัวด้วยกรดอกี ดว้ ย ท่ีจับตัวยางได้อย่างสมบูรณ์ เน้ือยางมีความยืดหยุ่นดี ซ่ึงเป็นสมบัติท่ีส�ำคัญที่สุดของยางธรรมชาติ อีกท้ังไม่ส่ง เกลือแคลเซียม ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ตกค้างในยาง มีความ เกลือท่ีมักจ�ำหน่ายเพ่ือจับตัวยางก้อนถ้วยมักอยู่ ปลอดภัยคอ่ นขา้ งสงู ในรูปแคลเซียมคลอไรด์ โดยโฆษณาข้างขวดว่าได้น�้ำ ในวงการอุตสาหกรรมด้านยางพารา กรดฟอร์มิก หนกั ดี เปน็ สตู รสู้ฝน ยางจับตัวดี เปน็ ตน้ ทำ� ใหเ้ กษตรกร เป็นสารจับตัวยางใช้ในการผลิตยางแผ่นดิบ ยางก้อน บางรายหลงเชื่อใช้เกลือชนิดน้ีแทนกรดฟอร์มิก จากการ ถ้วย และยางแท่ง STR 5L สามารถจับตัวสมบูรณ์ได้ ศึกษาพบว่า ยางที่จับตัวด้วยแคลเซียมคลอไรด์จะแข็ง ภายใน 45 นาที สีของยางท่ีแห้งแล้วเหลอื งสวย ไมค่ ล้ำ� กระด้าง ขาดความยืดหยุน่ ผวิ หนา้ กอ้ นยางเหนยี วเย้มิ สี ยางแห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่ยังพบเกษตรกร ดำ� คล้ำ� หลังจากทตี่ ั้งท้งิ ไวน้ านกว่า 7 วนั พบวา่ กอ้ นยาง รายย่อยยังคงใช้กรดซัลฟิวริก หรือที่เรียกกรดก�ำมะถัน มีสีคล�้ำมากขึ้นและผิวหน้ายังคงเหนียวเย้ิม ขณะที่ยาง ในการท�ำยางแผ่น ซึ่งกรดชนิดน้ีเป็นกรดแก่ค่อนข้าง ก้อนท่ีจับตัวด้วยกรดฟอร์มิกจะได้เน้ือยางที่จับตัวแน่น อันตราย มีกลิ่นเหม็นแสบจมูก หากจะใช้ในการท�ำยาง สมบูรณ์ ความยืดหยุ่นดี นอกจากนี้ ผลการทดสอบ ก้อนถ้วยจะส่งผลกระทบต่อหน้ากรีด เกิดสีด�ำคล้�ำ สมบัติเชิงวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบกับมาตรฐานยาง เพราะไอของกรดมีเกลือซัลเฟตจะเปล่ียนสภาพเป็น แท่ง STR 10 พบว่า ยางก้อนถ้วยที่ใส่เกลือแคลเซียม ซัลไฟด์ท่ีมีสีคล้�ำ และยังพบว่าเกษตรกรมักใช้ในอัตรา คลอไรด์มีปริมาณความช้ืนสูงมาก ปริมาณความอ่อนตัว ที่มากกว่าก�ำหนดซ่ึงส่งผลให้แผ่นยางมีสีคล�้ำ เกิดฟอง เร่ิมแรก และดัชนีความอ่อนตัวต่�ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งบ่งชี้ อากาศ แผ่นยางเหนียว แห้งช้า เนื้อแข็งกระด้าง โดย ถึงยางขาดความยืดหยุ่น ท�ำให้ยางมีลักษณะเปื่อยยุ่ย เฉพาะอย่างยิ่งเม่ือเกษตรกรน�ำยางไปตากแดด ย่ิงท�ำให้ ขาดความคงทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคา่ ความหนดื ตำ่� มาก ยางเส่ือมคุณภาพเร็วข้ึนจัดเป็นยางคุณภาพคละ ซ่ึงขาย แสดงถึงโมเลกุลยางถูกท�ำลาย อย่างไรก็ตาม ผลการ ไดร้ าคาตำ�่ กว่ายางคุณภาพดีเฉลย่ี กิโลกรมั ละ 1.20 บาท ทดสอบสมบัติการคงรูปเป็นข้อแสดงให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ส�ำหรับตน้ ทนุ ของกรดฟอร์มกิ อยทู่ ี่ 0.32 บาทต่อกโิ ลกรัม ว่ายางก้อนถ้วยท่ีจับตัวด้วยเกลือแคลเซียมคลอไรด์มีค่า ในขณะที่กรดซัลฟิวริกมีต้นทุนไม่เกิน 0.15 บาทต่อ ความทนแรงดึง การทนต่อแรงยืดจนขาด ท้ังก่อนบ่มเร่ง กิโลกรัม ในท้องตลาดมักพบสารละลายกรดซัลฟิวริกท่ี และหลังบ่มเร่ง ต่�ำกว่ายางก้อนที่ใช้กรดฟอร์มิกในการ เจือจางแล้วเข้มข้น 5 - 10% พรอ้ มใช้บรรจใุ นขวดขนาด จับตัวมาก ส่งผลให้ค่าความหนืดต�่ำ ซึ่งมีผลกระทบ 750 ซซี ี ราคาจำ� หนา่ ยขวดละ 15-20 บาท หากจะเปรยี บ โดยตรงต่อการน�ำยางเหล่านี้ไปท�ำเป็นผลิตภัณฑ์และก่อ เทียบกับกรดฟอร์มิก เกรดทางการค้าแล้ว พบว่ามีราคา ให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการผลิตและมีผล สูงกว่าถงึ 5 เท่าเลยทีเดียว กระทบโดยตรงตอ่ ผู้ที่น�ำยางไปใช้ กรดอะซีตกิ กรดอะซีติกหรือที่เรียกกรดน�้ำส้ม สามารถจับตัว
26 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ตารางที่ 1 สมบตั ิทางกายภาพตามมาตรฐานยางแทง่ ของยางก้อนถ้วยท่ีจบั ตวั ดว้ ยกรดฟอรม์ ิก เปรียบเทียบกับกรดซลั ฟิวรกิ และสารชนดิ อน่ื ชนดิ ของ ปรมิ าณ ปรมิ าณ ปริมาณ ปรมิ าณ ความออ่ น ดชั นีความ ความหนืดมนู นี สารจบั ตัว ส่งิ สกปรก ส่ิงระเหย เถา้ ไนโตรเจน ตัวยางเริม่ อ่อนตวั (ML1+4) 100oC (%) (%) (%) (%) แรก (Po) (PRI) ฟอรม์ กิ แนะนำ� 0.005 0.38 0.47 0.47 50.0 68.01 85.7 ฟอร์มิก ยหี่ อ้ 1 0.010 0.41 0.44 0.46 46.0 69.57 78.7 ฟอร์มิก+ CaCl2 ยหี่ ้อ 2 0.015 1.29 0.56 0.44 48.5 28.56 82.3 ฟอร์มกิ + CaCl2 ย่หี ้อ 3 0.025 1.18 0.52 0.43 50.0 26.56 82.8 ซลั ฟิวริก ยี่หอ้ 1 0.008 1.62 0.44 0.55 21.0 50.00 42.0 ซลั ฟวิ ริก ยีห่ อ้ 2 0.016 1.40 0.47 0.55 22.0 56.82 59.0 ซัลฟิวริก ยีห่ อ้ 3 0.009 1.07 0.45 0.42 50.0 59.00 85.1 ซัลฟวิ ริก ย่ีหอ้ 4 0.006 1.32 0.57 0.53 31.0 87.10 47.0 น้�ำส้มควันไม้ 0.041 0.34 0.51 0.46 48.4 62.10 80.8 น้ำ� หมักชีวภาพ 0.025 0.47 0.52 0.45 46.7 64.60 82.3 มาตรฐาน ไม่เกนิ ไม่เกนิ ไมเ่ กิน ไมเ่ กิน ไมต่ �ำ่ ไมต่ ำ่� ไมร่ ะบุ 0.080 0.50 0.60 0.60 กว่า 30 กว่า 30 STR 10 ยางได้เชน่ กนั แต่กรดชนิดน้ีเปน็ กรดอ่อนกวา่ กรดฟอร์มิก ส่วนความยืดหยุ่นต่�ำกว่าฟอร์มิก และน้�ำเสียที่เกิดจาก มีกล่ินฉุน กรดอะซีติกทางการค้าความเข้มข้น 99.85% การใช้กรดอะซีติกมีกลิ่นเหม็นฉุนจากกรดน้�ำส้มท่ียังคง แกลลอนขนาด 30 กิโลกรัม ราคา 900 บาท ส่วนกรด ตกค้างอยู่ ฟอร์มิก ความเข้มข้น 94% แกลลอนขนาด 35 กิโลกรัม ราคา 1,300 บาท แต่ในการท�ำแผ่นต้องใช้ปริมาตรของ สรุปและข้อเสนอแนะ กรดอะซตี กิ มากกว่าฟอรม์ ิกถึง 2 เท่า จงึ ทำ� ให้ตน้ ทนุ การ ผลิตสูงกว่าและในการจับตัวยางยังต้องใช้ระยะเวลาการ กรดฟอร์มิก เป็นสารจับตัวยางที่ดีท่ีสุดส�ำหรับท�ำ จับตัวนานกว่า ซ่ึงหากเกษตรกรจะใช้ระยะเวลาในการ ยางทุกชนิดเน่ืองจากเป็นกรดอินทรีย์ที่ระเหยง่าย จับตัวเท่ากับที่เคยใช้กรดฟอร์มิกจับตัวยางแล้วเน้ือยาง ปลอดภัยต่อผูใ้ ช้และสง่ิ แวดล้อม สามารถจบั ตัวสมบูรณ์ จะจับตัวไม่สมบูรณ์ น�้ำเซรั่มยังคงขาวขุ่นจะได้เน้ือยาง ไมเ่ กนิ 1 ช่ัวโมง เน้ือยางมคี วามยืดหย่นุ ดี สีสวย เหมาะ อ่อน ส่วนสีของแผ่นจะมีสีเหลืองใสเช่นเดียวกับฟอร์มิก ในการผลิตผลิตภณั ฑ์ยางทกุ ชนิด กรดอะซีติก ถึงแม้วา่ จะเป็นกรดอ่อน แตม่ กี ลน่ิ ฉนุ
27 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ใช้ระยะเวลาการจับตัวท่ีนานกว่า มีราคาแพงกว่ากรด ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์จะต้องใช้พลังงานในการบดยางสูง ฟอรม์ คิ โอกาสท่ีบดผสมยางกับสารเคมียาก และได้ผลิตภัณฑ์ กรดซัลฟวิ ริก เป็นกรดอนนิ ทรีย์ จัดว่าเปน็ กรดแก่ที่ ยางท่ีมคี ุณภาพต่ำ� อันตราย มีปริมาณซัลเฟตตกค้างในยางก้อนถ้วยมาก ดังน้ัน หากเกษตรกรตอ้ งการซ้ือสารจับตวั ยางควร ยากตอ่ การสลายตวั ถึงแมว้ า่ จะจับตวั ยางไดเ้ รว็ กว่ากรด ศึกษาองค์ประกอบของสารเคมีและความเข้มข้นท่ีระบุ ชนิดอนื่ แต่ทำ� ใหย้ างรดั ตัวแนน่ แขง็ ปริมาณความชื้นใน ข้างขวดเท่านั้น แต่หากไม่มีก็ไม่ควรใช้และหันไปใช้กรด ยางสูงจากปริมาณซัลเฟตท่ีดูดความชื้นจากอากาศ ยาง ฟอร์มกิ ซง่ึ จะระบุชอ่ื ความเขม้ ขน้ อย่างชดั เจน และจาก จึงเหนียวเย้ิมและมีสีคล�้ำ ในทางการค้ามักมีการเติม การท่ีใช้สารจับตัวยางชนิดที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลกระ เกลือแคลเซียมคลอไรด์จึงท�ำให้ยางมีความยืดหยุ่นต�่ำ ทบต่อการน�ำยางก้อนถ้วยไปแปรรูปยางแท่งและ ส ร ้ า ง ค ว า ม เ สี ย ห า ย อ ย ่ า ง ม า ก ต ่ อ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ ์ แ ล ะ ผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ยางยานพาหนะ เครอื่ งจกั รท่ีสึกกรอ่ นเรว็ อกี ทงั้ ตกค้างในสิ่งแวดล้อม ท่ีมีปริมาณการใช้จากยางแห้งมากท่ีสุด และควรช่วยกัน น้�ำส้มควันไม้และน�้ำหมักชีวภาพ ถึงแม้ว่าจะเป็น รณรงค์มาใช้กรดฟอร์มิกซึ่งปัจจุบันยังไม่พบว่ามีสารจับ สารท่ีสกัดจากธรรมชาติมีฤทธิ์เป็นกรด แต่ก็ส่งผลต่อ ตัวยางท่ีมีราคาถูกกว่าและคุณภาพดีกว่า นอกจากนี้ สมบตั ทิ างกายภาพของยาง ทำ� ให้มปี ริมาณสิ่งสกปรกใน ควรนึกถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ข้ึนชื่อว่าเป็นผู้ ยางสูง ความหนืดสูง และมีต้นทุนการผลิตมากกว่ากรด ผลิตและจำ� หนา่ ยยางที่มคี ณุ ภาพดที ่สี ุดในโลก ฟอร์มิก เกลือแคลเซียมคลอไรด์ ท�ำให้ก้อนยางเหนียวเย้ิม เอกสารอา้ งอิง สีด�ำคล�้ำ ยางแข็งกระด้าง ความหนืดสูง ความต้านทาน ต่อการเส่ือมสภาพต่�ำ ปริมาณความช้ืนสูง หากน�ำไป ส�ำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร. 2559. สบื คน้ จาก: www. oae.go.th/ [4 กนั ยายน 2559]
ใชก้ รดซลั ฟวิ รกิ ในการท�ำยางกอ้ นถ้วย ✘ซลั ฟิวริก ✔ฟอร์มกิ 1. โรงงานผผู้ ลิตยางล้อไม่รบั ซ้อื 1. เป็นทีต่ ้องการของโรงงาน 2. ได้ยางคณุ ภาพตำ�่ 2. ได้ยางคุณภาพดี 3. ท�ำให้เคร่อื งจักรเสียหาย 3. ไม่ทำ� ให้เครอื่ งจกั รเสยี หาย 4. หนา้ กรดี ยางเสยี หาย 4. ไม่กระทบต่อหนา้ กรีดยาง 5. อนั ตรายตอ่ สุขภาพ 5. ไม่กระทบต่อสขุ ภาพ 6. สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดลอ้ ม 6. ไม่กระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อม สอบถามขอ้ มลู ได้ที่ สถาบันวิจัยยาง การยางแหง่ ประเทศไทย โทร. 0-2579-1576 ตอ่ 301, 0-2940-6653
29 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 กระบวนการไกลคอลซิ ิสในเซลลท์ ่อน้ำ� ยาง ภัทธาวุธ จิวตระกูล 93/75 นพิ ัทธ์สงเคราะห์ 5 ต. หาดใหญ่ อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา 90110 การท่ีสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตน้�ำยางจากต้นยาง สำ� หรบั ยางพารา สามารถแบง่ วถิ ีของกระบวนการ ได้ตลอดไป ไม่มีวันหมด ตราบเท่าท่ีเปลือกของต้นยาง เมตาบอลสิ มออกเปน็ 2 ส่วนหลกั ๆ (ภาพท่ี 1) คอื ยังคงเจริญเติบโตได้ตามปกติ ท้งั นีเ้ พราะเซลลท์ ่อน�ำ้ ยาง 1. กระบวนการคะตาบอลิสมเพื่อสลายน้�ำตาล ที่มีอยู่จ�ำนวนมากในบริเวณชั้นเปลือกอ่อน จะท�ำหน้าท่ี ซโู ครส (Sucrose) ซ่ึงเปน็ โมเลกลุ ต้ังตน้ ในการผลิตสาร 3 เสมือนโรงงานงานผลิตยาง โดยท่ีตัวโรงงานสามารถ ชนดิ ไดแ้ ก่ ก. อะซเิ ตท (Acetate) หรือ Acetly CoA ซงึ่ ผลิตยางชดเชยส่วนที่ถูกเก็บเก่ียวออกไปในแต่ละครั้ง เป็นสารตั้งต้นของโพลิเมอร์ ข. พลังงานในรูปของ ATP กรีดได้ การท่ีเป็นเช่นน้ีได้ เน่ืองจากต้นยางเม่ือได้รับสาร (Adenosine triphosphate) และ ค. สารน�ำอีเล็คตรอน อาหารจากใบ ผ่านทางขบวนการการสังเคราะห์แสง (NADPH) ซ่ึงขาดไม่ได้ส�ำหรับการสังเคราะห์ยางเช่นกัน และจากทางราก โดยการดูดน�้ำและธาตุอาหารต่างๆ รายละเอยี ดบางสว่ นของเร่ืองน้จี ะไดก้ ลา่ วในบทความน้ี สารอาหารเหล่านี้เม่ืออยู่ในเซลล์ท่อน้�ำยางจะถูก 2. กระบวนการอะนาบอลิสม เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เปลี่ยนแปลงโดยกระบวนการที่เรียกว่า เมตาบอลิสม ของการสงั เคราะห์ Cis-polyisoprene จากอะซเิ ตท (หรอื (Metabolism) ให้กลบั กลายเปน็ ยางได้ Acetyl CoA) ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดในวารสาร โดยหลกั การแล้ว เมตาบอลสิ ม เปน็ กระบวนการที่ ยางพาราฉบับตอ่ ไป ประกอบด้วยปฏิกิริยาเคมีต่างๆที่เกิดข้ึนภายในเซลล์ อุปกรณ์ท่ีใช้เพ่ือก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีในขบวนการเม- ขั้นตอนของกระบวนการไกลคอลซิ ิส ตาบอลิสม ได้แก่ เอ็นไซม์ ดังน้ัน จึงกล่าวได้ว่า เมตา- บอลสิ ม คอื กระบวนการปฏกิ ริ ิยาทีเ่ รง่ ด้วยเอ็นไซม์ เพื่อ น้�ำตาลซูโครส เม่ือถูกสร้างข้ึนโดยการสังเคราะห์ น�ำเอาพลังงานและสสารจากสิ่งแวดล้อมมาใช้ให้เป็น แสง จะแพร่กระจายไปยังเน้ือเยื่อส่วนต่างๆของพืช โดย ประโยชน์ต่อพืช โดยการเปล่ียนให้เป็นปัจจัย 3 อย่าง เฉพาะอย่างยิ่งส่วนท่ีเรียกว่า ‘Sink’ ซ่ึงเป็นบริเวณที่มี ได้แก่ ก. พลังงานชีวเคมี (Biochemical energy) ข. กิจกรรมของเมตาบอลิสมสูง ตัวอย่างของ Sink ท่ีเห็น อีเลคตรอน (Electron) และ ค. สารต้นตอส�ำหรับการ เด่นชัด เช่น ส่วนของ Apical meristem ท่ีก�ำลังเจริญ สังเคราะห์ (Biosynthetic precursor) เติบโต ส่วนของผล และ เมล็ด เปน็ ตน้ ส�ำหรับตน้ ยางที่ เมตาบอลิสม ประกอบด้วยกระบวนการคะตาบอ- อยู่ในช่วงเก็บเก่ียวน้�ำยาง บริเวณท่ีมีการสร้างยางขึ้นมา ลิสม (Catabolism) ซึ่งท�ำลายโมเลกุลใหญ่ หรือสห- ชดเชยส่วนท่ีถูกกรีดออกไป จัดว่าเป็น Sink ที่มีความ โมเลกุล ให้เป็นโมเลกุลเล็ก เพื่อป้อนให้กับกระบวน สำ� คญั ในระดบั ต้นๆ การอะนาบอลิสม (Anabolism) เพ่ือสร้างโมเลกุลใหญ่ กระบวนการไกลคอลิซิสในเซลล์ท่อน้�ำยางซ่ึงเกิด ในตัวของสิ่งมีชวี ติ ตอ่ ไป ขึ้นในไซโตปลาสม (Cytoplasm) สามารถแบ่งออกได้ เปน็ 4 ขั้นตอน (ภาพที่ 2) คอื
30 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 Malic acid RUBBER NAD 2 NADP 3 ADP NADH 2 NADPH 3 ATP CO2 Oxaloacetic acid (OAA) Acetyl CoA CoA ATP CO2 Pyruvate Acetic acid NAD (P) H CO2 Sucrose PEP NADH ATP Acetaldehyde NAD+ NADH NAD+ Lactic acid Ethanol ภาพท่ี 1 แผนผงั โดยทั่วไปของเมตาบอลิสมของนำ้� ยาง ตอนท่ีหน่ึง เป็นการสลายน�้ำตาลซูโครส ซ่ึงเป็น -Diphosphoglycerate (DPG) ขณะเดียวกันก็ปล่อย โอลิโกแซคคาไรด์ (Oligosaccharide) ใหเ้ ป็นโมโนแซค- อเี ล็คตรอนใหแ้ ก่ NAD+ ปฏิกริ ยิ าน้ถี ูกเร่งด้วย Glyceral- คาไรด์ 2 ชนิด คือ กลูโคส (Glucose) และ ฟรุคโตส dehyde 3-phosphate dehydrogenase จากน้ัน DPG (Fructose) โดยอาศยั เอน็ ไซม์ Invertase ( หรือ Fructo- จะทำ� ปฏกิ ิริยากับ ADP ได้ 3-phosphoglycerate (3PG) furasidase) และ ATP ในปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ Phosphoglycerate ตอนท่ีสอง เป็นการสลายน้�ำตาลกลูโคสให้เป็น kinase ปฏิกิริยิน้ีสร้าง ATP โดยวิธีฟอสฟอริเลช่ันระดับ สองไทรโอสฟอสเฟต (Triose phosphate) ประกอบด้วย สับเตรท (Substrate level phosphorylation) 3PG จะ 4 ปฏิกริ ยิ า คอื ปฏิกิรยิ าของ Hexokinase หรือ Glucoki- เปล่ียนแปลงต่อไปให้เป็น Phosphoenolpyruvate nase ใช้ ATP เพื่อเปล่ียนกลูโคสให้เป็น Glucose 6- (PEP) ซึ่งจะให้ ATP อีกตัวหนึ่ง โดยวิธีฟอสฟอริเลช่ัน phosphate (6GP) ซึ่งเปลี่ยนเป็น Fructose 6-phos- ระดับสบั เตรทเชน่ เดียวกัน รวมท้งั ให้ไพรูเวท (Pyruvate) phate (F6P) ต่อมา Phosphofructokinase จะเปลี่ยน ด้วย ปฏกิ ิริยานีถ้ ูกเรง่ ด้วยเอน็ ไซม์ Pyruvate kinate F6P ให้เป็น Fructose 1, 6-diphosephate (FDP) ซี่ง ตอนที่สี่ จะเป็นการเปลี่ยนไพรูเวทให้เป็น แตกตวั เป็นสารท่มี ี 3 คารบ์ อนสองชนดิ คอื Glyceralde- สารประกอบที่มี 2 หรือ 3 คาร์บอน ไพรูเวทจะสูญเสีย hyde 3-phosphate (G3P) และ Dihydroxyacetone- คาร์บอนไดออกไซด์ กลายเป็น Acetaldehyde โดยการ phosphate (DHAP) โดยอาศัยการเร่งของปฏิกิริยาของ เร่งของปฏิกิริยา Pyruvate decarboxylase ต่อจากนั้น เอน็ ไซม์ Aldolase Acetaldehyde จะถูกออกซิไดส์ด้วย NAD+ กลายเป็น ตอนที่สาม มี 6 ปฏกิ ิริยา เรม่ิ ด้วย DHAP เปลยี่ น อะซิเตท (Acetate) ซึ่งต่อมาจะเปล่ียนเป็น Acetyl CoA เป็น G3P โดยอาศยั เอ็นไซม์ Triose phosphate isomer- ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของการสร้างยางในกระบวนการอะนา- ase ตอ่ จากนี้ G3P จะท�ำปฏกิ ริ ิยากบั ฟอสเฟตใหไ้ ด้ 1, 3 บอลิสม โดยใช้ ATP และ CoA นอกจากน้ี Acetalde-
31 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 Sucrose 1 2 UDP Glucose+Fructose Fructose+UDP-Glucose PPi 4 NTP UTP 3 Glucose 1-phosphate NDP 5 Glucose 6-phosphate Hexose 6-phosphate 6 Fructose 6-phosphate NTP PPi 78 NDP Pi Fructose 1, 6-diphosphate (FDP) 9 Dihydroxyacetone phosphate 10 Glyceraldehyde 3-phosphate (DHAP) (G3P) NNAADD1PP,3+H1-1Diphosph1o2NNgAAlPyDDicHerate (DGP) ADP 13 ATP 3-Phosphoglycerate (3PG) 14 OAA 2-Phosphoglycerate (2PG) CO2 15 Phosphoenolpyruvate (PEP) TCA Cycle NADH 16 ADP Oxidative NAD NADPH CO2 Acetaldehyde Pathways NADP PyruvatNAeTAPDH 18 NADH Malate CO2 17 19 20 NAD NAD Alanine Lactate Acetate Ethanol Acetyl CoA ภาพที่ 2 วิถีไกลคอลซิ สิ 1= Fructofuranosidase (Invertase), 2 = UDPG-glucose fructose glucosyl transferase (Sucrose synthetase), 3 = Hexo- kinase, 4 = UDPG-pyrophosphorylase, 5 = Phosphoglucomutase, 6 = Phosphohexose isomerase, 7 = ATP phosphofructokinase, 8 = Py- rophosphate : fructose-phosphate-6-phosphotransferase, 9 = Fructose diphosphate aldolate, 10 = Phosphotriose isomerase, 11 = Glycer- aldehyde phosphate dehydrogenase (non-phosphorylating), 12 = Glyceraldehyde phosphate dehydrogenase (phosphorylating), 13 = 3-phosphoglycerate kinase, 14 = Phosphoglycerate mutase15 = Phosphopyruvate hydratase (Enolase), 16 = Pyruvate kinase, 17 = Lac- tate dehydrogenase, 18 = Pyruvate decarboxylase, 19 = Aldehyde dehydrogenate, 20 = Alcohol dehydrogenase
32 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 hyde จะถกู รีดิวซด์ ว้ ย NADH ไดเ้ อธานอล ขึ้นเป็น 6.9 มีผลท�ำให้เอ็นไซม์ PEPcase มีกิจกรรมสูง ขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ได้ก็ตาม แต่ภายใต้ ทางแยกของกระบวนการ สภาวะทางสรีรวิทยา ทิศทางของกระบวนการไกลคอลิ ไกลคอลิซิสที่ PEP ซสิ ท่จี ะเปลยี่ น PEP เป็น OAA จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้นอ้ ย หรือกล่าวได้ว่า ทิศทางของเมตาบอลิสมในน้�ำยางตรง (Phosphoenolpyruvic crossroad) ทางแยกที่ PEP มกั จะไดผ้ ลผลิตของไพรเู วท ซง่ึ อยู่ในข้นั ตอนระหว่างทางของการสังเคราะห์ยาง อย่างไรก็ตาม ในเซลล์ท่อน�้ำยาง Acetyl CoA ท่ีได้จาก ในบางกรณีท่ีสภาวะความสมดุลมีการเปลี่ยนแปลงเกิด กระบวนการไกลคอลิซิสจะถูกน�ำไปใช้เป็นสารตั้งต้น ข้ึน เช่น มีการใช้สารเคมีเร่งน้�ำยางมากเกินไป ปริมาณ ส�ำหรับการสังเคราะห์ยาง ในขณะที่สิ่งมีชีชิตโดยท่ัวไป ยางท่ีสร้างได้จะลดลง ถึงแม้ว่าจะมีการใช้น้�ำตาลซูโครส Acetyl CoA ท่ีได้จากกระบวนการไกลคอลิซิส จะสลาย ในกระบวนการไกลคอลิซิสท่ีสูงก็ตาม เป็นผลท�ำให้ ตวั เพื่อใหไ้ ดพ้ ลังงานในรปู ATP จำ� นวนมาก กระบวนการ ปริมาณของน�้ำตาลลดลง ในกรณีเช่นนี้ การเพิ่มข้ึนของ สลาย Acetyl CoA ท่ีส�ำคัญคือวัฏจักรเครบส์ (Krebs pH ในไซโตปลาสมที่มีสาหตุจากการใช้ฮอร์โมน จะไป cycle) หรือมีช่ือเรียกอ่ืนๆว่า วัฏจักรกรดซิตริค (Citric เปลีย่ นแปลง Energy charge ท่ีเชือ่ มโยงกับการเพิม่ ข้ึน acid cycle), วัฏจักรกรดไทคาร์บอซิลิค (Tricarboxylic ของซูโครสโดย \"sink effect\" และการเร่งของปฏิกิรยิ าใน acid) หรอื วฏั จกั รทีซเี อ (TCA cycle) เป็นระบบเมตาบอ- วัฏจักรเครบส์ เป็นปัจจัยที่อธิบายได้ว่าเป็นการท�ำหน้าท่ี ลิสมทเี่ กิดขึ้นในไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) ที่ผิดปกติของวิถี PEP และมีการเบ่ียงเบนไปสู่การเติม ส�ำหรับยางพารา การศึกษาเก่ียวกับปฏิกิริยา CO2 ใหก้ บั PEP เพิม่ ขึ้น ต่างๆของวัฏจักรเครบส์ท่ีเกิดขึ้นในน�้ำยางท่ีได้จากการ กรีด กระท�ำได้ยากในห้องปฏิบัติการ (หรือในสภาพ in vitro) เนื่องจากแทบไม่มีไมโตคอนเดรียปรากฏอยู่ในน้�ำ ยาง ต่างจากกระบวนการไกลอคอลิซิสที่สามารถทดลอง เอน็ ไซมท์ สี่ �ำคัญในกระบวนการ ในห้องปฏิบัติการได้อย่างสะดวก เน่ืองจากเป็นกระบวน ไกลคอลซิ ลิ การทเ่ี กิดขนึ้ ในไซโตปลาสม อยา่ งไรก็ตาม กระบวนการไกลคอลซิ ิสท่ีเกดิ ข้ึนใน Invertase เซลล์ท่อน�้ำยาง เม่ือปฏิกิริยามาถึง Phosphoenolpyru- เป็นเอ็นไซม์ท่ีจัดว่ามีความส�ำคัญต่อการควบคุม vate (PEP) จะมีทางแยก 2 ทาง ทางหนง่ึ เพือ่ ผลติ Oxa- ความแรง (Intensity) ของกระบวนการไกลคอลิซิส เป็น loacetic acid (OAA) เมเลท (Malate) และกรดอน่ื ๆใน หลักส�ำคัญ (Key stone) ของกระบวนการคะตาบอลสิ ม วัฏจักรเครบส์ หรืออีกทางหน่ึง ตรงไปสร้างไพรูเวท และ ทสี่ ลายไฮโดรคาร์บอน ดังนน้ั จึงถือไดว้ า่ เป็นปจั จัยจำ� กัด อะซิเตท ซ่ึงเป็นสารต้ังต้นของการสังเคราะห์ยาง ตัวหน่ึงต่อการให้ผลผลิตยาง กิจกรรมของเอ็นไซม์ขึ้นอยู่ ปรากฏการณ์น้ีมีเอ็นไซม์ 2 ชนิดเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ กบั ค่า pH โดยค่า pH ท่เี หมาะสมอยรู่ ะหว่าง 7.3 ถึง 7.5 Phosphoenol pyruvate carboxylase (PEPcase) และ การที่ตัวเอ็นไซม์จะอ่อนไหวต่อสารควบคุม (Effctor) Pyruvate kinase ซึง่ ทง้ั 2 ชนดิ ใช้สบั เตรทตวั เดียวกนั คือ หลายตัวที่อยู่ในไซโตปลาสม หรือต่อตัวยับย้ัง (Inhibi- PEP การขับเคล่ือนของระบบนี้ข้ึนอยู่กับลักษณะของ tor) เชน่ Mg2+ , Cu2 หรือตัวกระต้นุ (Activator) เช่น Pi, เอ็นไซม์ที่เก่ียวข้องแต่ละชนิด (ภาพท่ี 3) กล่าวคือ ใน สNาHร4ค+,วบRค-SุมHเหลแ่าลนะี้จะCทl-�ำ1งอายนู่ทไดี่ก้อายรเ่าปงลม่ียีปนระแสปิทลธงิภขอาพง เpมH่ือ สภาพท่ีมีเมเลท เอ็นไซม์ PEPcase จะอ่อนไหวต่อการ ตัวกลาง (Medium) มีสภาพเป็นกรดเล็กน้อย แต่จะให้ เปล่ียนแปลงของ pH ในขณะท่ี Pyruvate kinase จะไม่ ผลกลับกันในสภาพที่เป็นด่าง ปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ ได้รับผลกระทบ ถึงแม้ว่า C-serum ของน�้ำยางค่อนข้าง Invertase เมื่อวัดในน้�ำยางจากต้นท่ีไม่ได้เก็บเกี่ยว เป็นกรด (pH อยรู่ ะหว่าง 6.6 ถึง 6.8) ผลผลิตของ OAA ผลผลิต ภายใต้สภาพท่ีเหมาะสม พบว่า จะมีค่าต่�ำ แต่ และเมเลท จะมีปริมาณต่ำ� อยา่ งไรกต็ าม คา่ pH ทเี่ พม่ิ จะมีค่าสูงข้ึนในน้�ำยางจากต้นท่ีเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว
33 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 CMPCpitEaHralaPattee SUCROSE ADP NAD(P) ATP NAD(P)H 2-PGA Citrate OAA PEPcase ADP n ADP CO2 Enolase RPSOH4 NADH PEP pHsptHasttat TCA Cycle ADP Pyruvate Kinase Oxidative ATP Pathways NAD NADPH Pyruvate NADH n ATP NAD NADP LACTATE Malate enMzaylmice CO2 (not metabolised) Acetate NpAHDP Acetyl CoA 2 NADPH 3 ATP 2 NADP 3 ADP Main factors of regulation CIS-POLYISOPRENE ภาพท่ี 3 แผนผงั ทางแยกของกระบวนการไกลคอลซิ ิสท่ี PEP (Phosphoenolpyruvate); ADP = Adenosine 5'- diphosphate, ATP = Adenosine 5'- triphosphate, NAD = Nicotinamide-adenine dinucleotide, NADH = Nicotinamide-adenine dinucleotide (reduced), NADP = Nicotinamide- adenine dinucleotide phosphate, NADPH = Nicotinamide-adenine dinucleotide phosphate (reduced), NAD(P) = coenzyme ซึง่ อาจจะเป็น NAD หรอื NADP, NAD(P)H = coenzyme ซ่ึงอาจจะเปน็ NADH หรือ NADPH สะท้อนให้เห็นว่าเกิดการกระตุ้นทางเมตาบอลิสมใน ควบคุมโดยสารอินทรีย์ท่ีอยู่ล้อมรอบ และโดยเฉพาะ เน้ือเยื่อท่อน�้ำยาง อย่างไรก็ตาม ไม่พบความแตกต่าง อย่างยิ่งก็คือเร่ืองของ pH ซ่ึงเป็นปัจจัยส�ำคัญต่อการ อย่างเดน่ ชดั ของปฏิกิริยาของเอน็ ไซม์ Invertase ระหว่าง ควบคุมการท�ำงานภายในเซลล์ท่อน�้ำยาง การเร่ง พันธุ์ยางจากต้นท่ีกรีดตามปกติ การเร่งปฏิกิริยาของเอ็น ปฏิกิริยาของเอ็นไซม์นี้จะลดลงเม่ือตัวกลางกลับกลาย ไซม์ชนิดนี้ หรือที่มีช่ือเรียกว่า Fructofuranosidase ถูก เป็นกรด แต่จะเพ่ิมขึ้นเมื่อตัวกลางกลายเป็นด่างมากขึ้น
34 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 ปรากฏการณน์ จี้ ะแสดงบทบาทหลกั ไมเ่ ฉพาะต่อการขับ เหมาะสมอยู่ที่ 7.2 คา่ Km2 ส�ำหรับ ATP อย่รู ะหว่าง 25- เคล่ือนของกระบวนการคะตาบอลิสมเพื่อสลายน้�ำตาล 35 ไมโครโมล (µM) ส�ำหรบั Mg2+เป็น Cation ท่ีจ�ำเป็น เท่าน้ัน ยังส่งผลถึงเมตาบอลิสมของการสร้างยางในน้�ำ ส�ำหรับเร่งปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ ภายใต้สภาวะที่เหมาะ ยางอีกดว้ ย สม มคี า่ Km นอ้ ยกว่า 0.5 ไมโครโมล ซง่ึ จัดว่ามปี รมิ าณ น้อยท่ีมีอยู่ใน Cytosol โดยทั่วไปแล้ว ยกเว้นพวก Hexokinase (HK) และ Fructokinase (FK) mono- และ diphosphate สารทม่ี คี วามสามารถในการ เอ็นไซม์ท้ังสองชนิดน้ี มี Potential activity ที่ต่�ำ เปล่ยี นแปลงการเร่งปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ Phosphofruc- แต่ไม่อ่อนไหวต่อการผันแปรของ pH สามารถเติมกลุ่ม tokinase ไดแ้ ก่ ATP, Citrate, NH4+, Inorganic phos- ฟอสฟอริคให้กับกลูโคสและฟรุคโตส อย่างไรก็ตาม การ phorus (Pi) และ Phosphoenolpyruvate เร่งปฏิกิริยาโดย Fructokinase จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธภิ าพมากกว่า Hexokinase (หรือ Gluco- Fructose-6-Phosphate Phosephotransferase kinase) ผลก็คือฟรุคโตสชอบที่จะถูกเร่งปฏิกิริยาเมื่อ เป็นเอ็นไซม์อีกชนิดหนึ่งที่ผลิต FDP จาก F6P เทียบกับกลูโคส จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการ ส่ิงนี้ และ Inorganic pyrophosphate (PPi) มคี วามเป็นไปได้ อธิบายได้ว่ามีการน�ำฟรุคโตสไปใช้ในกระบวนการไกล ว่าบทบาทของเอ็นไซมต์ วั นี้อาจจะมีความสำ� คัญทงั้ ในแง่ คอลิซิสได้เป็นอย่างดี และพบการสะสมของกลูโคสใน พลังงานของกระบวนการเมตาบอลิสม และในเร่ืองการ บางสถานการณ์ของการทดลอง และจากความจริงท่ีว่า หมุนเวยี น (Turn over) ของ Inorganic pyrophosphate เมื่อพบ Hexose (โมโนแซคคาไรดท์ ่ีมีคาร์บอน 6 ตวั เปน็ (PPi) ซึ่งเกีย่ วขอ้ งโดยการสังเคราะห์ยาง ชนิดที่พบมากท่ีสุดในธรรมชาติ) ในน�้ำยาง ปริมาณของ Adose (หรือกลูโคส) จะมีมากกว่า Ketose (หรือฟรุค Aldolase โตส) อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่า Hexokinase เอ็นไซม์ชนิดน้ีซ่ึงน�ำไปสู่การสร้าง Triose phos- จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีความไม่เสถียรมากกว่า phate จาก FDP และไม่ได้แสดงคุณสมบัติในการเป็น Fructokinase ปรากฏการณเ์ ช่นน้สี ามารถอธบิ ายไดโ้ ดย ปัจจยั จำ� กดั อยา่ งใดอย่างหน่ึงเปน็ การเฉพาะ ผลทางบวกจากการเติมฟรุคโตส แต่จะไม่เกิดผลแต่ อย่างใดจากการเติมกลูโคสต่อ Respirstory quotient1 Glyceraldehyde phosphate dehydrogenase ของน�้ำยาง การท่ีปราศจากกลูโคสและฟรุคโตสในน�้ำ น้�ำยางจากต้นยางพารามีลักษณะเฉพาะคือมี ยางสดแสดงให้เห็นว่าในข้ันตอนแรกของการเติมกลุ่ม GAPDH 2 ชนดิ หนง่ึ ในน้ันคือเอน็ ไซมใ์ นขบวนการไกล ฟอสเฟต (Phosphorylation) ใหก้ บั น้�ำตาลไมไ่ ดเ้ ป็นการ คลอลิซิส ซ่ึงได้รับการท�ำบริสุทธ์ิ (Purification) และ จำ� กัดต่อกระบวนการไกลคอลซิ ิส ศึกษาถึงคุณสมบัติต่างๆ เอ็นไซม์ชนิดนี้สามารถท�ำ หน้าที่แบบกลับไปกลับมาได้ (Reversible) กล่าวคือ Phosphofructokinase (PFK) สามารถเติม Phosphoric group (Phosphorylate) ให้ เป็นเอ็นไซม์ท่ีเปลี่ยน Fructose 6-phosphate กับ Glyceraldehyde 3- phosphate (G3P) เพ่อื เปลยี่ น (F6P) เป็น Fructosei 1,6-diphosphate (FDP) การเร่ง เป็น 1, 3 Diphosphoglycerate (DPG) และมีการใช้ ปฏิกิยาข้ึนอยู่กับค่า pH เพียงเล็กน้อย โดยมีค่า pH ท่ี เพยี ง NAD+ เอ็นไซม์อีกชนิดหนึ่งไม่ได้เร่งปฏิกิริยาโดยการเติม Phosphoric group แต่เป็นการเร่งปฏิกิริยาโดยการเติม 1นำ�สเขัดา้ สม่วานขขอองงdอiตั oรxาyCgeOn2ทป่ี ลอ่ ยออกไปของเซลล์หรือเนอื้ เย่ือต่ออัตราการ ออกซิเจน (Oxidation) ให้กับ G3P เพ่ือเปลี่ยนเป็น 2 ค่าคงท่ีของมิเคลิส (Mechaelis constant) แสดงใหเ้ หน็ วา่ เอน็ ไซม์ 3-Phosphoglycerate สามารถจบั สับสเตรทไดด้ ีเพยี งไร ถ้าคา่ Km นอ้ ย เอ็นไซม์จบั กับสับ- เอ็นไซม์ทั้งสองชนิดนี้ (ในสภาพ่ียังไม่ได้ท�ำ สเตรทไดด้ ี
35 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 บริสุทธ์ิ) โดยประมาณแล้วมีอัตราความเร็วของปฏิกิริยา หลัง มีผลท้ังความเร็วและความจ�ำเพาะ (Affinity) ของ (Specific activity) พอๆกัน การท่ไี ด้ 1, 3 Diphospho- เอ็นไซม์กับสับสเตรทของมัน สารควบคุม (Effector) glycerate (DPG) ตัวเอ็นไซม์ Glyceraldehyde phos- กลุ่มหน่ึงจะไม่ก่อให้เกิดผลในทางบวก (Additive ef- phate dehydrogenase (NAD+ enzyme) จดั ไดว้ า่ เป็น fect) แต่จะมผี ลในการทำ� งานร่วมกัน (Synergic effect) เอ็นไซม์ตัวส�ำคัญ (Key enzyme) เพื่อให้ได้มาซึ่ง กับสารควบคุมของ PK กลุ่มอ่ืนๆ ส่ิงนี้จึงให้ค�ำตอบว่า พลังงานโดยกระบวนการไกลคลอลิซิส เนื่องจาก Di- บริเวณเร่ง (Active site) ของเอน็ ไซม์เหล่านม้ี คี วามแตก phosphoacid อย่ตู รงจดุ เริม่ ตน้ ของการได้พลงั งานในรปู ต่างกัน ถึงแม้ว่าปริมาณของ K+ ยังคงสูงพอที่จะท�ำให้ ATP จำ� นวน 2 ATP ซึ่งสังเคราะหโ์ ดยเอ็นไซม์ Phospho- เอน็ ไซมท์ ำ� งานไดส้ งู สุด แต่ K+ ในปรมิ าณเดยี วกนั จะใช้ glycerate kinase (PK) เอน็ ไซม์ชนิดนถ้ี กู ยับยง้ั โดย ATP ไม่ได้ผลกบั สารควบคมุ พวก R-SH และ Pi ใน PK กลมุ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถูกยับยั้งแบบแข่งขันโดย NADH อื่นๆ ซึ่งมีความเข้มข้นผันแปรเป็นอย่างมาก และห่าง อยา่ งไรก็ตาม เปน็ ทน่ี ่าสงั เกตวา่ ภายใต้สภาวะปกติ การ ไกลเป็นอย่างมากจากระดับที่ควรจะกระตุ้นให้เอ็นไซม์มี ที่เอ็นไซม์ชนิดนี้มี Potential activity ท่ีสูงมาก ก็ไม่ได้มี กิจกรรมสูงสุด ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าความ บทบาทต่อการขับเคลื่อนกระบวนการไกลคลอลิซิส ผันแปรของจ�ำนวนสารควบคุมเหล่านี้อาจส่งผลต่อการ เน่ืองจากความจริงท่ีว่า ท้ังๆที่มีความเป็นไปได้ท่ีจะถูก ท�ำงานของ PK เอ็นไซม์ PK ยังมีความอ่อนไหวต่อตัว ยับย้ังค่อนข้างมาก แต่ก็สามารถท�ำงานได้มากกว่าขั้น ยบั ยงั้ (Inhibitor) ท่มี ีอยู่ในนำ้� ยาง เชน่ ซิเตรท (Citrate) ตอนอืน่ ๆท่ถี ูกเร่งปฏกิ ิรยิ าโดย Invertase หรอื Fructoki- ทองแดง (Cu) และสังกะสี (Zn) อย่างไรก็ตาม สาร nase ส�ำหรับเอน็ ไซม์ Glyceraldehyde phosphate de- ควบคุมเหล่านี้จะมีผลในบางกรณีเท่านั้น เช่น ถ้ามีซิเตร hydrogenase (NADH+ enzyme) ซ่ึงจะไม่เร่งปฏิกิริยา ทมากเกินพอ เม่ือเทียบกับความสัมพันธ์ของแมกนีเซียม โดยการเติม Phosphoric group ดังน้ัน จึงข้ามข้ันตอน และการเพ่ิมข้ึนของปริมาณทองแดงและสังกะสีในรูป การสร้างพลังงานในวิถีไกลคลอลิซิส เน่ืองจากไม่ได้น�ำ ของ Active nonchelated form ไปสู่ 1, 3-Diphosphoglycerate (DPG) แต่จะให้ 3- เอ็นไซม์ PK นอกจากควบคุมการท�ำงานของ Phosphoglycerate (3PG) โดยตรง ดังนั้นจึงเป็นการ กระบวนการไกลคลอลิซิสภายใต้สถาวะที่แน่นอนแล้ว หลีกเลี่ยงการท�ำงานของเอ็นไซม์ Phosphogly- ยังแสดงบทบาทท่ีส�ำคัญเป็นอย่างมากในการท�ำหน้าที่ cerate kinase (PGK) ซ่ึงใหพ้ ลังในรูป ATP ตรงทางแยก PEP Pyruvate kinase (PK) Phosphoenolpyruvate carboxylase (PEPcase) เอ็นไซม์ชนิดนี้ที่ได้จากน�้ำยาง ก็เหมือนกับเอ็น เป็นเอ็นไซม์ทมี โี มเลกลุ ขนาดใหญ่ (449,000 dal- ไซม์ PK ท่ีได้จากแหล่งอื่นๆ คือ มีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ ton) การท�ำงานขึ้นอยู่กับ pH เพียงเล็กน้อย ในสภาพที่ (3,500,000 dalton) ประกอบด้วย 4 monomer ท่เี หมือน ปราศจากมาเลท (Malate) แต่ต้องการ Mg2+ อย่างไร- กัน ไม่ค่อยอ่อนไหวต่อ pH การท�ำงานข้ึนอยู่กับ Mg+ ก็ตามเป็นเอ็นไซม์ที่อ่อนไหวต่อตัวยับย้ังจ�ำพวก Mg2+, อย่างไรก็ตามเมื่อมี Mg+, ADP และ Phosphoenolpyru- Ca2+, Zn2+, Cu2+ และกรดอินทรีย์ต่างๆ แต่กระนั้น vate (PEP) มีแค่กิจกรรมของเอ็นไซม์เท่าน้ันท่ีอ่อนแอ ก็ตามมีเพียงสารท่ีสามารถพิจารณาว่าเป็นสารควบคุม แต่ตัวเอ็นไซม์ก็มีตัวกระตุ้น (Activator) หลายตัว สิ่ง ได้แก่ ซิเตรท และทส่ี �ำคญั ทสี่ ดุ คือ มาเลท การยับยั้งการ เหล่าน้ีจึงสามารถแบ่ง PK ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ท�ำงานของมาเลทข้ึนอยู่กับค่า pH โดยที่การยับย้ังจะ PเปKน็ ทP่ีมKี Pทi ีม่แลี Kะ+TแhลioะlsN(HR-4SรHว)มรอวยมดู่ อว้ ยยดู่ อ้วกียกเลอมุ่็นหไซนมึ่ง์เหเปลน็่า เกิดข้ึนมากในสภาพท่ีตัวกลาง (Medium) เป็นกรด น้ีจึงมีกลไกการท�ำงานท่ีแตกต่างกันอย่างมาก กล่าวคือ มากกวา่ เปน็ ดา่ ง โดยทั่ไปแลว้ ความเข้มข้นของมาเลทจะ กลุ่มแรกมีผลเพียงแค่ความเร็วของปฏิกิริยา ส่วนกลุ่ม มีปริมาณมากกว่า 7 mM ซ่ึงเป็นปริมาณท่ีเพียงพอ ส�ำหรับ Carboxylase ที่จะสามารถแสดงผลได้ในระดับ
36 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 เกือบสงู สุดอย่เู สมอ ผลท่ตี ามากค็ อื การเร่งปฏกิ ิริยาโดย ซึ่งการท�ำงานจะถูกกระตุ้นท่ี pH ที่เป็นด่างโดยการเพ่ิม เอ็นไซม์จะไม่ถูกครอบงำ� โดย การเปล่ียนแปลงความเข้ม การทำ� งานของ PEPcase ซ่งึ ผลิต Oxaloacetate ซง่ึ เป็น ข้นของพวก Diacid แตจ่ ะถูกครอบงำ� โดย pH เป็นสาเหตุ สับสเตรทของมนั เอง ท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงต่อความหนาแน่นของมาเลท ซ่ึงเป็นตัวยับย้ัง ดังน้ันกลไกการควบคุมน้ีจะไม่มีการขับ Pyruvate decarboxylase (PDC) เคลอื่ นแบบยอ้ นกลับ (Feedback regulation) นอกจาก เอ็นไซม์ชนิดน้ีพบในส่วนของไซโทปลาซึม ค่อน น้ี เมอ่ื เทยี บกบั Crassulaceae และใน Guard cell ของ ข้างเสถียร มีความส�ำคัญเนื่องจากเป็นตัวผลิต Acetal- ปากใบ ความเข้มข้นของมาเลทในน้�ำยางจะยังคงมี dehyde ซงึ่ เป็นสารทจ่ี ะผลติ Acetyl CoA ซงึ่ เป็นโมเลกลุ ความสมดุลที่คงที่ระหว่างไซโทพลาซึม (Cytoplasm) เรม่ิ ต้นของการสรา้ งไอโซปรีน (Isoprene) หรอื ยางต่อไป และแวควิ โอล (Vacuole) ส่วนในนำ�้ ยางกไ็ มม่ ีความแตก การท�ำงานมีความต้องการ Thiamine pyrophosphate ต่างกันมากระหว่างปริมาณของมาเลทท่ีอยู่ในไซโตปลา- และถูกยับยั้งโดย FNa คุณสมบัติหลักก็คือ การท�ำงาน สม และลูทอยด์ (Lutoid) ดังนั้น ความสัมพันธ์ของ ข้นึ อยกู่ ับ pH เป็นอย่างมาก โดยคา่ pH ประมาณ 6.0 จะ มาเลท ระว่าง Compartment จึงดูเหมือนว่าไม่มีความ ส่งผลให้เอ็นไซม์ท�ำงานได้สูงสุด ค่า pH น้ี ห่างไกลจาก ส�ำคญั ค่า pH ทีเ่ หมาะสมของเอน็ ไซม์ Invertase (pH 7.5) ซ่ึง ก�ำกับการขับเคล่ือนของกระบวนการไกลคลอลิซิส และ หา่ งจาก PEPcase (pH 8.4) ซง่ึ จะเกดิ การสลายน้�ำตาล Lactate dehydrogenase (LDH) จากการศกึ ษาพบว่า เอน็ ไซมช์ นดิ น้เี ปน็ อัลโลสเต- โดยตรงไปสู่การสังเคราะห์กรดต่างๆในวัฏจักรเครบส์ ริคเอ็นไซม์ (Allosteric enzyme) ซ่ึงโดยหลักการแล้วเป็น (Krebs cycle) เอน็ ไซม์ทป่ี ระกอบดว้ ยหนว่ ยย่อย (Subunit) หลายหน่วย โดยท่ีหน่วยต่างๆมีการท�ำงานร่วมมือกัน นอก- Alcohol dehydrogenase (ADH) จากน้ี อัลโลสเตริคเอ็นไซม์ยังสามารถจับกับสารควบคุม pH ที่เหมาะสมต่อการท�ำงานของเอ็นไซม์ชนิดนี้ ซ่ึงอาจเป็นตัวกระตุ้น (Activator) ท่ีท�ำให้เอ็นไซม์เร่ง อยู่ที่ 7.5 ถูกยับย้ังโดย ATP ซ่ึงจะรุนแรงในสภาพที่เป็น ปฏิกิริยาได้ดีข้ึน หรือตัวยับยั้ง (Inhibitor) ท่ีท�ำให้การ กรดมากกว่าในสภาพท่ีเป็นด่าง เอ็นไซม์ชนิดนี้ไม่จัดว่า ท�ำงานของเอ็นไซม์ช้าลง คุณสมบัติดังกล่าวท�ำให้ เป็นอัลโลสเตริคเอ็นไซม์ ATP จัดเป็นตัวยับย้ังแบบไม่ ปฏิกิริยาที่เร่งด้วยอัลโลสเตริคเอ็นไซม์เหมาะสมท่ีจะเป็น แข่งขัน (Uncompetition inhibitor) เม่ืออ้างถึง Acetal- จุดควบคุมขบวนการเมตาบอลิสมต่างๆ เพราะว่าอัตรา dehyde และเป็นตัวยับย้ังแบบแข่งขัน (Competitive ความเร็วของปฏิกิริยานั้นสามารถปรับได้อย่างรวดเร็ว inhibitor) เม่ืออา้ งถึง NADH เป็นไปได้ว่าการทำ� งานของ เพื่อตอบสนองความตอ้ งการของเซลล์ เอ็นไซม์ ADH ท่ีอยู่ภายในเซลล์ท่อน้�ำยางจะไม่ดี การท�ำงานของเอ็นไซม์ชนิดน้ีจริงๆแล้วขึ้นอยู่กับ เนื่องจากข้ึนอยู่ว่ามี Acetaldehyde มากน้อยแค่ไหน pH เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าการท�ำงานของเอ็นไซม์จะดี และท่ีส�ำคัญท่ีสุดกค็ ือ NADH มากในสภาพทเี่ ปน็ กรดปานกลาง (pH 6.5) แต่จะทำ� งาน ได้ไม่คอยดีเมอื่ pH มีค่าเกิน 7.0 สรุป การที่ในน�้ำยางมีปริมาณแลคเตรท (Lactate) ต่�ำ มาก ช้ีให้เห็นว่าตัวของเอ็นไซม์จะไม่ค่อยท�ำงาน ไกลคอลิซิส ท่ีเกิดข้ึนในไซโตปลาสม (Cyto- ปรากฏการณ์น้ีสามารถอธิบายได้ว่า ตัวของเอ็นไซม์ได้ plasm) ของเซลล์ท่อน้�ำยาง จัดเป็นกระบวนการ รับผลในทางยับยั้งจากสารควบคุมต่างๆร่วมกับ pH ท่ี คะตาบอลิสม (Catabolism) เพ่ือสลายน�้ำตาลซูโครส เป็นกรด และการขาด NADH สารหลังสุดนี้จะถูก (Sucrose) ไปเป็นอะซิเตท (Acetate) หรอื Acetyl CoA แก่งแย่งแข่งขันโดยเอ็นไซม์ Malate dehydrogenase ซ่ึงจะถูกน�ำไปใช้เป็นสารต้ังต้นในกระบวนการอะนาบอ- ลสิ ม (Anabolism) หรือการสร้างยางตอ่ ไป
37 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 กระบวนการไกลคอลิซิส ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน d' Auzac, J. and J. L. Jacob. 1969. Regulation of กับอีกหนง่ึ ทางแยกที่ PEP (Phosphoenolpyruvate) ซึ่ง glycolysis in latex of Hevea brasiliensis. J. ในทกุ ขั้นตอนมเี อน็ ไซมเ์ ป็นตวั เร่งปฏิกริ ิยา โดยที่เอน็ ไซม์ Rubb. Res. Inst. Malaya. 21(4): 417-444. แต่ละตัวจะมีบทบาทหน้าที่ที่จ�ำเพาะและประสิทธิภาพ Jacob, J. L. and J. C. Prevot. 1992. Metabolism of การท�ำงานจะข้ึนอยู่กับสภาพแวดล้อม ที่ส�ำคัญคือ pH the laticiferous system and its biochemical และสารควบคุม (Effector) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวยับยั้ง regulation. In: Sethuraj, M. R. and N. M. (Inhibitor) หรือตัวกระตนุ้ (Activator) Mathew (ed.) Natural Rubber: Biology, Cul- เอ็นไซม์ท่ีจัดว่ามีความส�ำคัญต่อการขับเคลื่อน tivation and Technology. Elsevier Science กระบวนการไกลคอลิซิส และเป็นปัจจัยจ�ำกัดตัวหนึ่งต่อ Publishers B. V. : Amsterdam. pp. 116-136. การให้ผลผลิตยาง คือ Invertase นอกจากควบคุม Jacob, J. L., J. M. Eschbach, J. C. Prevot, D. Ros- ปฏิกิริยาในต�ำแหน่งต้นทางของวิถีไกลคอลิซิสแล้ว sel, R. Lacrotte, H. Chrestin and J. d’Auzac. ประสิทธิภาพการท�ำงานของเอ็นไซม์ชนิดน้ีข้ึนอยู่กับ 1986. Physiological basis for latex diagno- ความเป็นกรด-ด่างของตัวกลาง (Medium) เป็นอย่าง sis of the functioning of laticiferous system in มาก กล่าวคือ จะทำ� งานได้ไม่ดใี นสภาพทเ่ี ป็นกรด แต่จะ rubber tree. Proc. Int. Rubber Conf. 1985 ท�ำงานได้ดีในสภาพท่ีเป็นด่างเล็กน้อย หรือ ค่า pH ที่ (Volume III) Kuala Lumpur, 20-25 October เหมาะสมอยรู่ ะหวา่ ง 7.3 ถงึ 7.5 ดังนนั้ นอกจากการวดั 1985: 43-65. ป ริ ม า ณ ข อ ง น�้ ำ ต า ล ซู โ ค ร ส ซึ่ ง เ ป ็ น ส า ร ต้ั ง ต ้ น ข อ ง Jacob, J. L., J. C. Prevot and R. G. O. Kekwick. กระบวนการไกลคอลิซิสแล้ว การวัดค่า pH ของนำ้� ยาง 1989. General metabolism of Hevea brasilien- สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงการให้ผลผลิตของต้นยางได้ใน sis latex (With the exception of isoprenoid ระดับหนึง่ anabolism). In: d' Auzac, J., J. L. Jacob and H. Chrestin (ed.) Physiology of Rubber Tree บรรณานุกรม Latex, The Laticiferous Cell and Latex- A Model of Cytoplasm. CRC Press, Inc.: Flo- มนตรี จุฬาวัฒนทล. 2542. เมตาบอลิสมของคาร์โบ- rida. pp 101-144. ไฮเดรท. ใน: ชีวเคมี. ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด จิรรัชการ Yeang, H. Y., J. L., Jacob, J. C. Prevot and A. Vidal. พิมพ์: กรุงเทพมหานคร. หนา้ 193-213. 1986. Invertase activity in Hevea latex serum: Cambell, M. K. 1999. Glycolysis. In: Biochemistry Interaction between pH and serum cocen- (Third Edition). Harcourt Brace & Company: tration. J. nat. Rubb. Res., 1(1): 16-24. New York. pp. 454-481.
38 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 คำ�แนะนำ�สำ�หรบั ผู้เขียน วารสารยางพารา เป็นวารสารทางวิชาการท่ี เปน็ ต้น แตต่ วั เลขที่ใช้พมิ พ์ต้องเป็นเลขอารบคิ เทา่ นน้ั เก่ียวข้องกับการท�ำสวนยาง การแปรรูปยาง และ ชื่อเรื่อง ผลิตภัณฑ์ยาง โดยมีสถาบันวิจัยยาง การยางแห่ง ควรกะทัดรัด แต่สือ่ ถึงเนือ้ หาได้ดี ประเทศไทย เป็นเจา้ ของ ชอื่ ผ้เู ขียน บทความท่ีตีพิมพ์ในวารสารยางพารา เป็นความ ใช้ช่ือเต็มกับสถานท่ีท�ำงานของผู้เขียนแต่ละคน เรียงทางวิชาการซ่ึงได้จากการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง พร้อมกบั ระบุเบอร์โทรศัพท์มือถือ และ E-mail address และวิจัย ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้จากการท�ำงาน ของผู้เขยี นทจ่ี ะเป็นผ้ตู ดิ ต่อกบั ทางวารสารยางพารา เก่ียวกับยางพารา โดยผู้เขียนนอกจากเป็นนักวิชาการ เน้อื หา ของสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทยแล้ว ผู้ ประกอบด้วยหัวขอ้ หลกั ตามลำ� ดับดงั นี้ เขียนจากหน่วยงานอื่นๆที่ท�ำงานเก่ียวกับยางพารา หรือ 1. ค�ำน�ำ เป็นการเกร่ินน�ำเรื่องราวที่เก่ียวข้องเพื่อ แม้นกระท่ังนักวิชาการอิสระ ก็สามารถส่งเรื่องมาเพ่ือให้ จะน�ำเขา้ สูเ่ นื้อหาหรือตวั เรอ่ื ง (ไมต่ ้องใสห่ วั ข้อ \"ค�ำนำ� \") พจิ ารณาตพี ิมพ์ได้ 2. ตัวเร่อื ง วารสารยางพารา เป็นวารสารราย 3 เดือน คือ ฉบับ มกราคม-มนี าคม, เมษายน-มถิ ุนายน, กรกฏาคม- 2.1 น�ำเสนอรายละเอียดของเร่ืองตามล�ำดับ กนั ยายน และ ตลุ าคม-ธนั วาคม ออกเผยแพร่ใน 2 ช่อง ควรแบ่งเป็น หัวขอ้ ใหญ่ หัวขอ้ ยอ่ ย ทางคือ ช่องทางแรก จัดพิมพ์เป็นเล่ม ขนาดกระทัดรัด 2.2 ควรเรียบเรียงเนื้อหาของบทความโดยใช้ จ�ำนวน 48 หน้า บนกระดาษอาร์ต มีภาพ 4 สีประกอบ ภาษาที่เข้าใจง่าย เน่ืองจากผู้อ่านวารสารยางพารามี อกี ชอ่ งทางหนึ่ง จัดท�ำในรูปแบบส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ใช้ช่ือ หลายระดับ ทั้งนักวิชาการ เจ้าของสวนยาง และ ว่า \"วารสารยางพารา (ฉบับอิเล็กทรอนิส์)\" เผยแพร่ทาง ประชาชนทว่ั ไป เว็บไซต์ www.rubberthai.com 2.3 คำ� ศัพทใ์ ดท่ีเป็นคำ� ศพั ทเ์ ฉพาะ โดยเฉพาะ บทความที่ผ่านการตรวจสอบ แก้ไข และปรับปรุง ค�ำศัพท์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ควรอธิบายค�ำศัพท์น้ันใน แล้ว จะทยอยลงในวารสารยางพารา (ฉบับอิเล็กทรอ- ลกั ษณะของเชิงอรรถ (Footnote) นิกส์) กอ่ น ไปทลี ะเรื่องสองเรื่อง จนไดฉ้ บบั สมบรูณ์ จาก 2.4 ในกรณีที่บทความมีภาพ หรือตาราง ควร น้ันจะน�ำเน้ือหาเดิมมาจัดตีพิมพ์เป็นรูปเล่มเพ่ือแจกจ่าย ระบตุ �ำแหน่งของภาพและตารางในเนื้อหา โดยระบุไว้ใน ให้กับสมาชิก และหน่วยงานหรือบุคคลท่ีเก่ียวข้องกับ วงเล็บ เชน่ ...... (ตารางท่ี 1) หรอื ....... (ภาพท่ี 1) ยางพาราตอ่ ไป 2.5 ส�ำหรับตาราง ควรให้รายละเอียดของ ข้อมูลในตารางให้มากที่สุด เช่น หน่วยของข้อมูล ท่ีมา การเตรียมตน้ ฉบบั ของข้อมูล หมายเหตุต่างๆ 3. บทสรุป หรือสรุปวิจารณ์ เป็นการสรุปสาระ ตน้ ฉบับ พิมพ์หน้าเดียวบนกระดาษขนาด A4 ใช้ฟอนด์ที่ นิยมใช้ทั่วไป เช่น TH Sarabun New, Angsana New
39 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 สำ� คัญทั้งหมดของเรือ่ งทคี่ วรเน้น และอาจจะเสนอขอ้ คิด หรือคณะเดยี วกนั และมีปี ค.ศ. เดียวกัน ใหใ้ ช้อักษร a, เหน็ และวิจารณ์ b, c ต่อท้ายปี ค.ศ. เชน่ 4. คำ� ขอบคณุ อาจมี หรอื ไม่มีก็ได้ เปน็ การแสดง - Jacob et al.(1996 a), (Jacob et al.,1996 b) ค�ำขอบคุณแก่ผู้ที่ช่วยเหลือ เช่น ให้ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ แต่มิไดเ้ ป็นผรู้ ว่ มเขยี น การอา้ งองิ จากวารสาร 5. เอกสารอ้างอิง/บรรณานุกรม ในกรณีของ ให้เรียงลำ� ดับตามองค์ประกอบดังตอ่ ไปน้ี เอกสารอ้างอิง ให้แสดงเฉพาะเอกสารท่ีใช้อ้างอิงใน 1) ชือ่ ผวู้ จิ ัย เนอ้ื หาเท่าน้นั ส�ำหรับบรรณานกุ รม เป็นรายการเอกสาร 2) ปีท่ีพิมพ์ (ปี พ.ศ. ส�ำหรับภาษาไทย ปี ค.ศ. ทน่ี �ำมาใชใ้ นการเขียนบทความ แตไ่ มไ่ ด้อ้างอิงในเน้อื หา สำ� หรับภาษาอังกฤษ) 6. ภาคผนวก ได้แก่ ข้อมูลหรือตารางท่ีไม่ 3) ชื่อเรือ่ ง เกี่ยวข้องกับเนื้อหาโดยตรง แต่ใช้เพื่อขยายความหรือ 4) ชอื่ วารสาร (ชอ่ื เตม็ หรอื คำ� ย่อทก่ี ำ� หนด) ท�ำให้ผู้อา่ นเข้าใจมากยงิ่ ขน้ึ 5) ฉบับท่ี (Volume number) และเล่มท่ี (Issue number) (ถา้ ม)ี เอกสารอ้างองิ 6) หนา้ (หมายเลขหนา้ แรก-หน้าสดุ ท้ายของเรือ่ ง) การพมิ พช์ ือ่ ผู้วจิ ัยสำ� หรับวารสารภาษาไทย ใช้ช่อื - การอา้ งอิงในเน้ือหา นามสกุล ส่วนวารสารภาษาอังกฤษ เฉพาะคนแรก ใชร้ ะบบช่ือ และปี ตัวอย่างเช่น ภาษาไทย ใชช้ อ่ื ตน้ -ปี พ.ศ. เท่านั้น ขึ้นต้นด้วยนามสกุลแล้วคั่นด้วยเครื่องหมาย - ปรีด์ิเปรม (2557) หรอื (ปรีดิเ์ ปรม, 2557) จุลภาค ตามดว้ ยชือ่ ต้นและชื่อกลาง (ถ้าม)ี และในกรณี - อารมณ์ และ สมคิด (2559) หรอื (อารมณ์ และ ท่ีมีผู้วิจัยหลายคน ให้ใช้ และ (ภาษาไทย) และ and สมคิด, 2559) (ภาษาองั กฤษ) น�ำหนา้ คนสุดท้าย กรณีท่ีมีผู้เขียนตั้งแต่ 3 คนข้ึนไป ให้ใช้และคณะ ตวั อย่าง (ภาษาไทย): ต่อท้ายผู้เขยี นคนแรก ตวั อยา่ ง สุมนา แจ่มเหมือน, พรทิพย์ ประกายมณีวงศ์ และ นุช- - สุรชัย และ คณะ (2557) หรือ (สุรชยั และคณะ, นาฏ ณ ระนอง. 2557. การผลิตท่อน้�ำซึมส�ำหรับ 2557) ใชใ้ นการเกษตร. ว. ยางพารา 35(4): 38-46. หมายเหตุ: ในกรณที ตี่ ้องอ้างถงึ ผู้เขียนคนเดยี วกนั ตวั อยา่ ง (ภาษาองั กฤษ): หรือคณะเดียวกัน และมีปี พ.ศ. เดียวกันให้ใช้อักษร ก, Chandrashekar, T. R., M. R. Jana, Joseph Thomas, ข, ค ต่อทา้ ยปี พ.ศ. เชน่ K. R. Vijayakumar and M. R. Sethuraj. 1990. - อารมณ์ และ คณะ (2554 ก), หรอื (อารมณ์ และ Seasonal changes in physiological character- คณะ, 2554 ข) istics and yield in newly opened trees of ภาษาองั กฤษ ใช้ชื่อสกุล-ปี ค.ศ. Hevea brasiliensis in North Konkan, Indian. J. - Haase (2008) หรือ (Haase, 2008) Nat. Rubb. Res.3(2): 88-97. - John and Matthan (2012) หรือ (John and Matthan, 2012) การอ้างอิงจากหนงั สือ หรอื ต�ำรา กรณที ่มี ผี เู้ ขยี นต้งั แต่ 3 คนข้ึนไป ใหใ้ ช้ et al. ตอ่ ให้เรยี งลำ� ดับตามองค์ประกอบดงั ตอ่ ไปนี้ ท้ายผู้เขยี นคนแรก 1) ชื่อผแู้ ตง่ - Dickson et al. (1960) หรอื (Dickson et al., 2) ปที ีพ่ มิ พ์ 1960) 3) ชอ่ื หนังสือ หมายเหตุ: ในกรณีทีต่ ้องอา้ งถึงผเู้ ขียนคนเดียวกนั 4) พมิ พ์ครั้งท่ี (Edition number) (ถ้าม)ี
40 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กนั ยายน 2559 5) ส�ำนักพิมพ์ และสถานทีพ่ ิมพ์ ฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์. 2523. ปัญหาบางประการที่มีผล ตัวอย่าง (ภาษาไทย): ต่อการส่งเสริมการผลิตต้นยางติดตาพันธุ์ดีของ นุชนารถ กังพิศดาร. 2552. การจัดการสวนยางพารา ประเทศไทย. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหา- อย่างย่ังยนื : ดิน น้�ำ และธาตอุ าหารพืช. โรงพมิ พ์ บัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาส่งเสริมการเกษตร. ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกัด: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์: กรุงเทพมหานคร. กรงุ เทพมหานคร. ตวั อย่าง (ภาษาอังกฤษ): ตวั อยา่ ง (ภาษาอังกฤษ): Gomez, J. B. 1966. Electron microscopic studies on Brydson, J. A. 1978. Rubber Chemistry. Applied the development of latex vessels in Hevea Science Publishers: London. brasiliensis Muell. Arg. Ph.D. Thesis, ในกรณเี ปน็ บทหนง่ึ ของหนงั สอื University of Leeds: Leeds. Paardekooper, E. C. 1989. Exploitation of the rub- ber tree. In: Webter, C. C. and W. J. Baulkwill กรณอี า้ งองิ จากเวบ็ ไซต์ (ed.) Rubber. John Wiley & Son, Inc.: New ชื่อผู้เขียน ปีท่ีพิมพ์ ช่ือเร่ือง แหล่งที่มาหรือเข้าถึง York. pp. 349-414. หรือช่ือเว็บไซต์ วันเดอื นปที ส่ี บื คน้ ข้อมูล เอกสารรวมเลม่ /รายงานเสนอในการประชมุ สมั มนา ตัวอย่าง (ภาษาไทย): ให้เรยี งลำ� ดับตามองค์ประกอบดังตอ่ ไปนี้ ทพิ ยรตั น์ หาญสืบสาย. 2539. การดดั แปลงยนี ... ส�ำคญั 1) ชื่อผู้วิจัย ไฉน. สืบค้นจาก: http://learn.in.th/god t.html 2) ปีทีต่ พี มิ พ์ [ก.ย. 2547]. 3) ช่ือเร่อื ง ตวั อย่าง (ภาษาไทย): 4) ชอื่ การประชุมสมั มนา Bryant, P. 1999. Biodiversity and Conservation. Re- 5) สถานท่ี และวนั เดือน ปี ที่จดั ประชมุ สมั มนา trieved October 4, 1999, from www.darwin. ตัวอยา่ ง (ภาษาไทย): bio.uci.edu/~sustain/bio65/Tiltpage.htm พิศมัย จันทุมา. 2544. สรีรวิทยาของต้นยางกับระบบ กรีด. รายงานการประชุมวิชาการยางพารา หมายเหตุ: การท�ำรายการเอกสารอ้างอิง ให้เรียง ประจ�ำปี 2544 ครัง้ ที่ 1. เชยี งใหม,่ 20-22 กุมภา- ล�ำดบั เอกสารภาษาไทยกอ่ นภาษาองั กฤษ และเรียงตาม พนั ธ์ 2544: 78-89. ตัวอักษรตัวแรกของช่ือคนแรก ไม่ต้องใส่เลขที่ก�ำกับข้าง ตัวอยา่ ง (ภาษาอังกฤษ): หนา้ Pakianathan, S. W., R. L. Wain and E. K. Ng. 1975. การสง่ ต้นฉบับ Studies on displacement area on tapping in mature Hevea trees. Proc.Int. Rubb. Conf. ส่งต้นฉบับที่ได้รับการตรวจทานความถูกต้องแล้ว 1975 (Volume Two) Kuala Lumpur, 20-25 Oc- มายังผู้จัดการส่ือส่ิงพิมพ์ (นายไพรัตน์ ทรงพานิช) ที่ E- tober 1975: 225-248. mail address: [email protected] (จนถึงเดือน กันยายน 2560) วทิ ยานพิ นธ์ การตรวจตน้ ฉบับ ช่ือผู้แต่ง ปีที่ตีพิมพ์ ช่ือเรื่อง วิทยานิพนธ์ สาขา วชิ า มหาวทิ ยาลยั ชอื่ เมือง ทางกองบรรณาธิการจะท�ำหน้าท่ีตรวจต้นฉบับ ตวั อยา่ ง (ภาษาไทย): จากผู้เขียนที่ส่งมาเพื่อแก้ไขปรับปรุงบทความให้มีความ ถูกต้องและสมบรูณ์ ท้ังในรูปแบบและเน้ือหาตามท่ี
41 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 26 กรกฏาคม-กันยายน 2559 วารสารยางพาราได้จัดวางไว้ ท้ังนี้ ผู้เขียนต้องให้ความ แก้ไขบทความที่ส่งมาตีพิมพ์ทุกเร่ืองตามแต่จะเห็น ร่วมมือในการปรับปรุงแก้ไขบทความ เช่น การส่งข้อมูล สมควร ในกรณีที่จ�ำเป็นทางกองบรรณาธิการจะส่ง หรือภาพ มาให้เพ่ิมเติมตามที่กองบรรณาธิการหรือผู้ ต้นฉบับท่ีแก้ไขแล้วกลับคืนให้ผู้เขียนพิจาณาอีกคร้ัง ตรวจแก้ไขขอไป กอ่ นที่จะลงตีพิมพ์ลงในวารสาร ทางกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธ์ิในการตรวจ
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: