ปที ่ี 39 ฉบบั ท่ี 4 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 35
ปที ่ี 39 ฉบบั ท่ี 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 26 สารบัญ บทความ 2 การระบาดของโรคใบรว่ งทีเ่ กดิ จากเชอื้ ราไฟทอบทอรา ความตา้ นทานโรคของพันธุย์ าง และผลกระทบต่อ ผลผลิตยาง 17 การศึกษาระบบโลจสิ ติกสย์ างพาราของไทย นาที ใหไ ดค วามหนาตามตอ งการ จากนน้ั เทยางออกจาก 31 แบบจ�ำ ลองหนุ่ ขาช่วยฝกึ ตัดช้นิ เนื้องอกมะเรง็ แมพิมพ 37 ค�ำแนะน�ำส�ำหรบั ผู้เขยี น รูปท่ี 8 แสดงการเคลือบน้าํ ยางลง พมิ พแ บบจําลองหนุ ขา ชวยฝก ตดั ชน้ิ เนื้องอกมะเร ภาพปก: ลกั ษณะอาการของโรคใบร่วงที่เกิดจากเชอื้ ราไฟทอบทอราแสดงได้ เดน่ ชัดที่ใบ โดยปรากฏรอยแผลชำ�้ สีน้ำ� ตาลเข้มถึงด�ำตามความยาวของกา้ นใบ และมหี ยดน้�ำยางเกาะตดิ อยู่
บทบรรณาธกิ าร การท�ำสวนยางในแต่ละพื้นท่ีของประเทศไทย เช่นจงั หวดั ระนอง และบางพ้นื ทีข่ องจังหวดั พงั งา เมื่อต้น มปี ัญหาและอุปสรรคแตกตา่ งกนั ไป หลกั ๆ แลว้ ขน้ึ อยู่ ยางเป็นโรค ใบจะร่วง มากน้อยขึ้นอยู่กับระดับความ กับดิน และสภาพภูมิอากาศ และท้ังสองเรื่องก็มีความ รุนแรงของโรค และพันธุ์ยางที่ใช้ปลูก ก่อให้เกิดความ เชื่อมโยงกัน เชน่ ถึงแมว้ ่าจะไดร้ ับน�ำ้ ฝนมาก แตถ่ า้ ดนิ มี เสยี หายทางเศรษฐกจิ อยา่ งหลีกเล่ยี งไม่ได้ ลักษณะเป็นทราย ปราศจากอินทรียวัตถุ พ้ืนที่น้ันย่อม ดังนั้น วารสารยางพาราฉบับน้ีจึงน�ำเสนอเนื้อหา แย่กว่าพื้นที่ที่ได้รับน�้ำฝนน้อยกว่า แต่ดินที่มีลักษณะ สาระของโรคใบร่วงท่ีเกิดจากเช้ือราไฟทอบทอรา ผ่าน ร่วนเหนียว ทางโครงการวิจัยเรื่องโรคที่ได้ท�ำเสร็จสิ้นสมบรูณ์มา อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องดินยังพอที่แก้ไข หลายปีแล้ว แต่เร่ืองดังกล่าวแทบจะไม่ได้รับการเผย ปรับปรุงได้ในระดบั หนึ่ง เชน่ ถา้ ดนิ ขาดอินทรยี วัตถุ ก็ใส่ แพร่ เพ่ือให้ฝา่ ยตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นชาวสวน นกั วิชาการ ปุ๋ยคอก หรือปลูกพืชบ�ำรุงดิน หรอื ถ้าขาดธาตอุ าหารกใ็ ส่ นักบริหาร ได้รับรู้ เข้าใจถึงสาเหตุ และผลเสียหายที่จะ ป๋ยุ เคมี เหล่านเ้ี ป็นตน้ ตามมา โดยต้องหาหนทางในการลดความเสียหาย แต่ในกรณีของสภาพอากาศ ไม่สามารถควบคุม ท่ีส�ำคัญอย่างย่ิงคือในเรื่องของพันธุ์ยางท่ีจะใช้แนะน�ำ หรือเปล่ียนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับต�ำแหน่งที่ต้ังของพ้ืนท่ี ให้ปลูกในพน้ื ทที่ ม่ี โี รคน้รี ะบาดเป็นประจ�ำ ปลูกยาง เช่น ถ้าปลูกยางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพ้ืนที่ที่มีฝนตกชุกอย่างเช่นจังหวัดระนอง หรือภาคเหนือ ต้นยางย่อมไดัรับปริมาณน�้ำฝนน้อยกว่า นอกจากจะประสบกับปัญหาเรื่องโรคใบร่วงไฟทอบ- ทางภาคใต้ ทอราแล้ว ยังมีปัญหาอ่ืน ๆ ตามมาอีก เช่น จ�ำนวนวัน แม้ในส่วนของภาคใต้ ก็ใช่ว่าจะมีปริมาณน�้ำฝน กรีดมีน้อย ดังน้ัน จึงต้องมีระบบกรีดท่ีแตกต่างไปจาก ใกล้เคียงกัน บางส่วนของของภาคใต้ โดยเฉพาะทาง พื้นท่ีอนื่ ๆ แม้กระทงั่ ต้องท�ำร่มกนั ฝนให้กบั ตน้ ยาง แถบจังหวัดระนอง และบางส่วนของจังหวัดพังงา จะมี จากทีก่ ลา่ วมาข้างต้น จะเหน็ ความส�ำคญั ของการ ปริมาณน้�ำฝนต่อปีค่อนข้างสูง บางปีมีปริมาณมากกว่า ท�ำ zoning กลา่ วคอื พนื้ ท่ไี หนเป็นอย่างไร กต็ ้องปรับให้ 4,000 มิลลิเมตร ดังท่ีกล่าวขานจังหวัดระนองว่า \"ฝน เข้ากับพื้นท่ีตรงน้ัน ในพื้นที่ท่ีมีฝนตกชุกก็ย่อมมีการ แปดแดดส่\"ี บริหารจัดการแตกต่างกับในพ้ืนที่ท่ีมีฝนตกน้อย และถ้า การที่พ้ืนที่ดังกล่าวมีฝนตกชุก ย่อมเอ้ือต่อการ รวมปัจจัยเรื่องดินเข้ามาเก่ียวข้องด้วยแล้ว ก็จะมีความ เจริญเติบโตของเชื้อรา ท่ีส�ำคัญคือเชื้อราที่เป็นสาเหตุ สลบั ซบั ซ้อนมากยิ่งข้นึ ท�ำให้ใบร่วง หรือที่รู้จักในนามของโรคใบร่วงไฟทอบ- ดร.วิทยา พรหมมี ทอรา เป็นโรคท่ีเกิดขึ้นประจ�ำในพ้ืนท่ีที่มีฝนตกชุก อย่าง บรรณาธกิ าร เจ้าของ: สถาบันวิจยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร 10900 บรรณาธิการบริหาร: ผอู้ �ำ นวยการสถาบนั วิจัยยาง บรรณาธกิ าร: ดร.วิทยา พรหมมี กองบรรณาธกิ าร: ดร.ฐิตาภรณ์ ภมู ไิ ชย,์ ดร.พิศมยั จนั ทมุ า, นางสาวภรภัทร สุชาติกูล, นางปรีดิเ์ ปรม ทัศนกลุ , นางอารมณ์ โรจน์สุจติ ร, นางสาวอธิวีณ์ แดงกนษิ ฐ์ ผูจ้ ดั การส่ือส่ิงพิมพ:์ ดร.วิทยา พรหมมี ผู้จดั การสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์: นายชัยวฒั น์ ยศพิมสาร ผ้ชู ่วยผจู้ ัดการส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์: นายอาเดล มะหะหมดั พสิ ูจน์อักษร: นายวิชา สิงห์ลอ
2 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 การระบาดของโรคใบรว่ งทีเ่ กดิ จากเชื้อรา ไฟทอบทอรา ความตา้ นทานโรคของ พันธุ์ยาง และผลกระทบตอ่ ผลผลิตยาง อารมณ์ โรจนส์ ุจติ ร ศูนยว์ ิจยั ยางสรุ าษฎร์ธานี สถาบันวจิ ยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย โรคใบร่วงท่ีเกิดจากเชื้อราไฟทอบทอรา (Phy- แม้ว่าจะพบใบร่วง 14% จึงประมาณว่าผลผลิตของยาง tophthora botryosa Chee, P. palmivora (Butl.) Bult.) จะลดลงเม่ือมีใบร่วง 25% หรือกล่าวได้ว่าโรคจะมีผล มักปรากฏระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี ท�ำให้ใบยางร่วง กระทบต่อผลผลิตท�ำให้ผลผลติ ลดเมอ่ื มใี บร่วง 25% และเข้าท�ำลายหนา้ กรดี ตน้ ยางทเ่ี ป็นโรคใบรว่ งจากเชื้อ วิธีการควบคุมและป้องกันโรคใบร่วงที่เกิดจาก ราไฟทอบทอรา จะไม่ผลิใบยางออกมาใหม่ในปีนั้น ๆ เช้ือราไฟทอบทอราปฏิบัติค่อนข้างยุ่งยาก เน่ืองจากเป็น จนกว่าจะถึงฤดผู ลใิ บใหม่ ยกเว้นต้นยางท่ีเปน็ โรคใบรว่ ง โรคประจ�ำถิ่น และยางพาราเป็นพืชยืนต้นขนาดใหญ่ท่ีมี จนหมดต้น จะผลิใบใหม่ออกมาทดแทนเล็กน้อย การปลูกเป็นพื้นท่ีกว้างขวาง และปลูกอยู่ท่ัวไป จึงไม่ ประมาณ 5% ของพุ่มใบปกติเท่านั้น (พงษ์เทพ, 2533) นิยมให้ใช้สารเคมี เน่ืองจากอาจมีผลกระทบต่อสภาพ นอกจากนี้ โรคใบร่วงยังท�ำให้ผลผลิตยางลดลงด้วย แวดล้อม ซึง่ ค�ำแนะน�ำปัจจุบันส�ำหรับยางใหญ่มกั เน้นวธิ ี ตัวอย่างจากการศึกษาผลผลิตของยางในแปลงทดลอง เพ่ือป้องกันความรุนแรงของโรค โดยการใส่ปุ๋ยบ�ำรุงตาม ยางสถานีทดลองยางระนอง ปี 2544 ซ่ึงมีโรคระบาด ค�ำแนะน�ำเพ่ือให้ต้นยางสมบูรณ์อยู่เสมอเสริมสร้าง รุนแรงมาก มีค่าดัชนีความรุนแรงของโรคถึง 81% มี ความทนทานต่อภาวะวิกฤตของการระบาดของโรค การ ผลผลิตน้อยกว่าผลผลิตปี 2545 ซึ่งมีการระบาดของโรค ใช้พันธุ์ยางที่ต้านทานหรือพันธุ์ยางที่เหมาะสมในพื้นท่ีที่ รุนแรงระดับปานกลาง มีดัชนีความรุนแรง 44% ถึง มีการระบาดของโรครุนแรงทุกปี เป็นวิธีการที่เหมาะสม 23.23% (อารมณ์ และ คณะ, 2548) ที่สุดท้ังในแง่การจดั การ ความคุ้มค่าทางเศรษฐกจิ ความ Radhakrishna Pillai et al. (อา้ งตาม Jayarath- ยงั่ ยืนและเป็นมิตรตอ่ สงิ่ แวดล้อม nam et al., 1994) รายงานวา่ ผลผลิตของยางพนั ธ์ุ GT 1 การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาสภาพ ลดลง 22.79 และ 30.60% เม่ือใบร่วงเนื่องจากโรค 50 การระบาดของโรค ความรุนแรงและความต้านทานของ และ 75% ตามล�ำดบั แต่จากการศึกษาในยางพนั ธ์ุ RRII พันธุ์ยาง รวมถึงการศึกษาผลกระทบของโรคต่อผลผลิต 105 พบว่า ใบยางร่วงท่ีระดบั ตา่ ง ๆ ท�ำใหผ้ ลผลิตลดลง ยางส�ำหรับการพิจารณาเขตปลูกยางและการเลือกใช้ ไมค่ งที่ อย่างเช่น ผลผลิตลดลง 6.25 และ 23.28% เมื่อ พนั ธุป์ ลกู ทีเ่ หมะสมตอ่ ไป พบมีใบร่วง 6 และ 15% แต่ในบางคร้ังผลผลิตไม่ลดลง
3 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 3 = เป็นโรคปานกลาง พุ่มใบโปร่ง หรือใบร่วง ประมาณ 26-50% วธิ ีการวิจัย 4 = เป็นโรครุนแรง พุ่มใบโปร่ง หรือใบร่วง ประมาณ 51-75% 1. ตรวจสอบความรุนแรงงของโรคใบร่วงที่เกิด 5 = เป็นโรครุนแรงมาก พุม่ ใบโปร่ง หรือใบร่วง จากเชื้อราไฟทอบทอราของยางพันธุ์แนะน�ำและพันธุ์ มากกว่า 75% อ่ืน ๆ ซ่ึงปลูกในปี พ.ศ. 2536 ระยะปลูก 2.5x8 เมตร 2. วเิ คราะห์ความรุนแรงของโรคของพนั ธย์ุ าง และ วางแผนผังการทดลองแบบ Randomized complete ความรุนแรงของโรคในภาพรวมของแปลงทดลอง เป็น block มี 3 ซ�ำ้ จ�ำนวน 26 วธิ ีการ (พนั ธ์)ุ คอื พนั ธุ์ท่ีมอี ยู่ ดัชนีความรุนแรงของโรคคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ (Percen- ในค�ำแนะน�ำพันธุ์ยางปี 2550 (สถาบันวิจัยยาง, 2550) tage Disease Index : PDI) (Joseph et al., 1994) ได้แก่ RRIT 156, BPM 24, PB 255, PB 260, RRIC 110, 2.1 ดัชนีความรุนแรงของโรคของพันธุ์ยาง ใน RRIM 600, BPM 1, PB 235, RRIC 100, RRIC 101, แตล่ ะปีการระบาด (ดภู าคผนวก 1) RRIT 251, PR 302, PR 305, RRIC 121, RRIT 218, 2.2 ความรุนแรงของโรคของแปลงทดลองใน RRIT 225, RRIT 226 และพันธุ์ยางท่ีถูกคัดออกจาก แต่ละปีการระบาด (ดูภาคผนวก 2) ค�ำแนะน�ำแลว้ ไดแ้ ก่ PR 255, PR261, RRIT 25, RRIM 2.3 จัดระดับความต้านทานโรคของพันธุ์ยาง 712, RRIM 703, GT 1, PB 217, RRIM 717 และพนั ธ์ุ เม่ือส้ินสุดงานทดลอง โดยวิเคราะห์จากค่าเฉลี่ยดัชนี RRIT 223 จากทัง้ หมด 5 แปลง ในพน้ื ทภี่ าคใต้ตอนบน ความรุนแรงของโรคของพันธุ์ยางจากทุกปีการระบาด ได้แก่ 1)ศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี อ.ท่าชนะ (ยกเว้นปีการระบาดท่ีมี PDI แปลงทดลอง≤20%) และ จ.สุราษฎร์ธานี 2) ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรระนอง จัดระดับความต้านทานโรค ตามมาตรฐานสถาบันวิจัย อ.กระบุรี จ.ระนอง 3) ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ยาง (2544) (ดูภาคผนวก 3) พังงา อ.ตะก่ัวป่า จ.พังงา 4)ศูนย์วิจัยและพัฒนาการ 3. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสภาพอากาศกับ เกษตรพังงาส่วนแยก อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และ การระบาดของโรคโดยอาศัยข้อมูลปริมาณน้�ำฝน และ 5) ศนู ย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบ่ี อ.เมอื ง จ.กระบี่ จ�ำนวนวันฝนตก และข้อมูลอุตุนิยมวิทยาพื้นฐานอื่น ๆ ของสถานีอุตุนิยมวิทยา ณ สถานที่ต้ังของแปลงทดลอง ตรวจประเมนิ ความรุนแรงของโรคใบร่วงท่เี กิดจาก ท้ัง 5 แปลง เช้ือราไฟทอบทอราของยางทุกพันธุ์ในแปลงทดลองในปี 4. เก็บผลผลิตยางเพ่ือศึกษาผลกระทบของโรค พ.ศ. 2548-2552 ต้ังแต่เร่ิมฤดูฝนจนส้ินสุดฤดูการ โดยเปรียบเทียบผลผลิตของแปลงและพันธุ์ยางระหว่าง ระบาด โดยประเมินปีละ 3 ครั้ง คือ 1) ช่วงต้นฤดูฝน แปลงทดลองศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี อ.ท่าชนะ เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2) ช่วงกลางฤดูฝน เดือน จ.สุราษฎร์ธานี และแปลงศูนย์วิจัยและพัฒนาการ สิงหาคม-ตลุ าคม และ 3) ช่วงปลายฤดูฝน พฤศจิกายน- เกษตรระนอง อ.กระบุรี จ.ระนอง จากผลผลิต 4 ปีกรีด มกราคม ระหว่างปี พ.ศ. 2548-2551 โดยแปลงทดลองศูนย์วิจัย ประเมินโรคด้วยสายตาในภาพรวมของยางแต่ละ ยางสุราษฎร์ธานีมีการระบาดของโรคน้อย-น้อยมาก พันธุ์ในแต่ละแปลงย่อย โดยตรวจสอบอาการของโรค เฉล่ียดัชนีความรุนแรงของโรค 23.3% หรือใบยางร่วง และให้คะแนนความรุนแรงของโรค 6 ระดับ พิจารณา เฉลี่ยน้อยกว่า 25% ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อผลผลิต จากการร่วงของใบยางและความโปร่งของทรงพุ่มใบยาง (Radhakrishna et al., 1994) ในขณะที่แปลงศูนย์วิจัย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของพุ่มใบปกติ (สถาบันวิจัยยาง, และพัฒนาการเกษตรระนองมีการระบาดของโรคปาน 2544) ดงั นี้ กลาง-รุนแรงมากทุกปี เฉลี่ยดัชนีความรุนแรงของโรค 0 = ไม่แสดงอาการ 64.2% หรอื มใี บยางร่วงเฉลีย่ 50-75% 1 = เป็นโรคน้อยมาก พุ่มใบโปร่ง หรือใบร่วง ประมาณ 1-10% 2 = เป็นโรคน้อย พุ่มใบโปร่ง หรือใบร่วง ประมาณ 11-25%
4 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 35 ตลุ าคม-ธนั วาคม 2561 การเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรงน้ัน ขึ้นกับปริมาณน้�ำฝน และจ�ำนวนวันฝนตกเป็นส�ำคัญ โดยปกติโรคจะเกิด 4.1 ค�ำนวณ % Yield loss ตามสูตร ระบาดอย่างกว้างขวางและรุนแรงในระยะที่มีฝนตกหนัก % Yield loss = (Y1-Y2)x100/Y1 ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ในบริเวณที่ที่มีเช้ือราชนิดน้ี เม่ือ Y1 = ผลผลิตจากแปลงทดลอง ระบาดอยู่ (พงษ์เทพ, 2533) จากการศึกษาความสัมพันธ์ ศูนย์วิจัยยางสรุ าษฎรธ์ านี ของปริมาณน�้ำฝนรวม และจ�ำนวนวันฝนตกเป็นรายปี Y2 = ผลผลิตจากแปลงทดลอง มิได้เป็นข้อมูลบ่งชี้ถึงสภาพการระบาดของโรคใบร่วง ศูนย์วจิ ัยและพัฒนาการเกษตรระนอง ไฟทอบทอราที่แท้จริง แต่พบว่า ช่วงเวลาการเกิดโรคใบ 4.2 วิเคราะห์ และหาความสัมพันธ์ระหว่าง ร่วงไฟทอบทอรา สภาพฝนที่ตกหนักเป็นช่วง ๆ สลับกับ % Yield loss กบั ดชั นคี วามรุนแรงของโรค (PDI) เพื่อการ แล้ง และการระบาดและความรุนแรงของโรคราแป้งใน ประเมนิ และพยากรณผ์ ลผลติ ของยางในภาพรวมเบอื้ งตน้ ช่วงใบยางอ่อนมีผลต่อความรุนแรงของโรคใบร่วงไฟทอ บทอรา ดังแสดงในภาพที่ 2 ดังนี้ ผลการทดลองและวิจารณ์ ช่วงเวลาการเกิดโรค โดยช่วงแรกของการระบาด เช้ือราจะเข้าท�ำลายส่วนฝักก่อนในขณะท่ีมีสภาพอากาศ ความรุนแรงของโรค เหมาะสม จากนั้นเชื้อราจะทวีจ�ำนวนและเข้าท�ำลาย ผลการตรวจสอบการระบาดของโรคใบร่วงท่ีเกิด ส่วนใบ ท�ำให้ใบยางร่วงและเข้าท�ำลายหน้ากรีดในท่ีสุด จากเชื้อราไฟทอบทอรากับยางพันธุ์ทดลองจ�ำนวน 26 ซ่ึงฝักยางที่ถูกท�ำลายน้ีจะมีเช้ือราสาเหตุโรคเจริญขยาย พนั ธุ์ จากแปลงทดลองท้งั หมด 5 แปลงในพ้ืนท่ีปลูกภาค พันธุ์อย่างมากมายค้างอยู่บนต้นและจะกลายเป็นแหล่ง ใต้ตอนบน ในช่วงฤดูฝนเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม ในปี เชื้อต่อไปเม่ือเกิดสภาวะท่ีเหมาะสม (พงษ์เทพ, 2533) การระบาด พ.ศ. 2548-2552 แสดงในภาพที่ 1 จะเหน็ ว่า ดังน้ัน สภาวะอากาศที่เหมาะสมต่อการเกิดโรคในช่วงที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรระนองมีการระบาดของ ยางมฝี ักอ่อน เดือนพฤษภาคม-สงิ หาคม จึงมีอทิ ธพิ ลต่อ โรคใบร่วงรุนแรง-รุนแรงมากทุกปี คิดเป็นดัชนีความ การแพรร่ ะบาดและความรนุ แรงของโรคใบรว่ งไฟทอบทอรา รนุ แรงของโรค (PDI) ของแปลงทั้ง 5 ปี เฉลีย่ 64.7% รอง ล ง ม า คื อ ศู น ย ์ วิ จั ย แ ล ะ พั ฒ น า ก า ร เ ก ษ ต ร พั ง ง า จากการศึกษาน้ี พบว่า ในพ้ืนท่ีภาคใต้ตอนบนฝั่ง อ.ตะก่ัวป่า จ.พังงา มีการระบาดของโรคใบร่วงรุนแรง ตะวันตก แปลงทดลองในพืน้ ที่ จ.ระนอง และ อ.ตะก่วั ปา่ ปานกลาง-รุนแรง คิดเป็นดัชนีความรุนแรงของโรคของ จ.พังงา ส่วนใหญ่เร่ิมพบโรคต้ังแต่ต้นฤดูฝนเดือน แปลงทั้ง 5 ปี เฉล่ีย 50.3% ในขณะท่ีแปลงทดลอง พฤษภาคม ส่วนแปลงทดลองใน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบี่ แปลงทดลอง และแปลงทดลองใน จ.กระบ่ี มักพบโรคช่วงเดือน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพังงาส่วนแยก อ.ท้าย- กรกฎาคม-กันยายน ซึ่งช่วงการระบาดของโรคกับความ เหมือง จ.พังงา และ แปลงทดลองศูนย์วิจัยยาง รุนแรงของโรคสอดคล้องกันจากทกี่ ล่าวขา้ งต้น เน่ืองจาก สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นท่ีท่ีมีการระบาดของโรคน้อย-น้อย พบว่า แปลงทดลองในพ้ืนที่ จ.ระนอง และ อ.ตะก่ัวป่า มาก คิดเป็นดัชนีความรุนแรงของโรคของแปลงท้ัง 5 ปี จ.พงั งา ประสบปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงประจ�ำปี เฉล่ียเพียง 39.4, 29.8 และ 19.6% ตามล�ำดับ ดังนั้น รุนแรงกว่าพื้นท่ีอ่ืน ในขณะท่ีแปลงทดลองใน จ.กระบ่ี พ้ืนท่ี จ.ระนอง และ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นพ้ืนท่ีท่ีมี และ อ.ทา้ ยเหมือง จ.พังงา ถงึ แม้จะมโี รคระบาดทุกปี แต่ สภาพท่ีเหมาะสมต่อการระบาดมากที่สุดและรองลงมา ความรุนแรงของโรคน้อยกว่า ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ฝั่ง ส่วนพืน้ ท่ี จ.กระบี่ อ.ท้ายเหมอื ง จ.พงั งา และ จ.สุราษฎร-์ ตะวันออก จ.สุราษฎร์ธานี มักพบโรคช่วงปลายปี เดือน ธานี เป็นพื้นทท่ี ม่ี สี ภาพการระบาดของโรคเหมาะสมนอ้ ย ตลุ าคม-ธนั วาคม การระบาดคอ่ นขา้ งนอ้ ย-นอ้ ยมากทกุ ปี ถึงนอ้ ยทสี่ ดุ ตามล�ำดบั การระบาดของโรคราแป้ง โรคราแป้งในช่วงใบ ยางอ่อนมีผลต่อการสร้างดอกและฝักยางของต้นยาง ซึ่ง สภาพการระบาดของโรค ในสภาพธรรมชาติ สภาพอากาศท่ีเหมาะสมต่อ
มาก มีดชั นีความรุนแรงของโรคเฉลี่ย 39.4, 29.8 และ 19.6 % ตามลาํ ดบั ดงั น้นั พ้นื ท่ีปลูกยาง จ.ระนอง และพ้นื ท่ี อ.ตะกวั่ ป่ า จ.พงั งา เป็นพ้ืนท่ีเสี่ยงต่อความเสียหายจาก การระบาดของโรคใบร่วงไฟทอบทอรา ส่วนพ้นื ท่ี จ.กระบี่, อ. ทา้ ยเหมือง จ. พงั งา และ จ.สุราษฎร์ธานี 5 เป็ นพ้นื ท่ีค่อนขา้ งฉเสบับี่ยอิเงล็กจทารกอนกกิ สา์ ร35ระตลุ บาคามด-ธนัขวอาคงมโ2ร56ค1 นอ้ ยถึงปลอดภยั มาก ตามลาํ ดบั 100 90 2005 2006 2007 80 2008 2009 Loca. Mean % ัดชนีควา%ม ุรDiนsแeรงasขอeงiโรnคd,ePxDI (%) 70 60 50 40 30 20 10 0 Rระaนnoองng Tตaะkกaัว่ uปpา่ a Tทaา้ iยmเหuมaอืngง กรKะrบaี่bi เYฉrล. mย่ี e5aปnี สSุราuษraฏtรthธ์ aาnนiี ภาพทภ่ี 1าพเปรทยี บ่ี 1เท3ยี บคเวปามรรียนุ บแรเงทขอียงบโรคคใบวราว่ มงจราุกนเชแอ้ื รรางไฟขทออบงทโอรรคา ณใบแปรล่วงงทจดลาอกงเ5ชแ้ือปรลงาใไนฟพน้ืททอภี่ าบคใทตต้ออรนาบนณปกี แารประลบงาดท2ด54ล8อ-2ง5552 แปลง ใน พ้ืนท่ีภาคใตต้ อนบน ปี การระบาด 2548-2552 เขปอ็นงปโรัจคจใัยบตรั้ง่วตง2้นไ.ฟท2ที่ส�สอำคบภัญทาพอตร่อกากาารเนรรรื่อะะงบบจาาาดดกแขมลอีผะงลคโตรว่อาคมป(รรEุนิมpแาiรณdงemiรทcวแ่ี cมทoจ้nแรdตงิ iข่มtiอิไoงดnโ้บรsค)่งใชบี้ถรึงว่ สงภไฟาพทอกบารทรอะรบาาจดาแกลภะาคพวทา่ี 2มรจุนะแเหร็นง เชื้อราสาเหตุในแปใลนงสยาภงาพจธารกรกมารชศาึกตษิ าสนี้พภบาพว่าอาหกาากศท่ีเหว่ามกาาะรสมมีปตริม่อากณารนเ้�ำกฝิดนโรรวคมรตะ่อบปาีแดลอะยกา่ งรกรุนระแจรางยนข้อนั งวันข้ึนกบั ทแใชบ่วสอรงดร่วใรจปางบงคใะาไรอนกวฟยิม่อาปกะทามนีทาอณรม2รบี่มุน5นีกศทีฝแ4า้ึกาํอรน8รฝษรงร-ตานข2ะามกอน5บแักง5ห้าีลพโจ2ดรนะบะคขจรขกัวรอะาํอตาา่งนบแงกโิดาแรวปาตดคนปร้ง่อครแพลวา่อกลงนจัิแนนัะทาปฝขโดเรร้งป้านณลครง็ นตุนอนใาบกเแง้อเวฉรดเรยลป่วงัพงง็ามนภไาหจาฟาะสากลพปทกาํ าทคอกโรยรี่บาิญมัวค2ร-านั ณโใฝดฝ3แรนนุน,นปย1บรแปตล5รวร4กงกิเงมทวมตมมดณาิโามแลกรกท.ลอกคก่ีทพงะวจวบ่่ีมจา่าะจไวาํีเเ.เมช่านสรก้ะ่ืทอมิดวโน�รรอนรำคอใาไะวหชใงปบบนั้โนใรารฝตนิคด่วดัวนปงในออไบตี้ียฟรยพรกาะ่ท่า่ว.งเบศองงปกสไ.บา็ นวฟภดท2าร้ทอา5องาอพ5รยขยาบ0กู่ วปร(ทาีะาพมรองบีฝมงรแราะนษาิไลดบตรดเ์ระทะากุนเ้รบปดพรแุน็วาใน,รนมดแงข2ร5อ้ ง3มใ3นูล) จโระคเหรบา็นแ่งวปชา่ ้แ้งีถนปึง้อลสยงภทเปาดพ็นลปกอรางะยรจาร�งะำทใบนุกาปจดี.รขแะอตนง่มอโีกงรามครกีรใะาบบรรรา่ะวดบงขาไอดฟงขโทรอคองบทแมอลารกะาทม2ี่แีด5ท5ชั 1นจ้ ีครมิวงีกาามรรรุนะแแบตราง่จดถาขงึ กอ8กง1โา%รรคศรใึกุนนษแขณรางนะน้ี ท้อปี่ ยพีกพบว.ว่าศา่.มโ2ีดร5คัช4นร9ีาแป้ง ใบร่วงไฟทอบทอราค่อนข้างรุนแรง-รุนแรงมากทุกปี ความรนุ แรง 66% และ 52% ท้งั ทม่ี ีฝนตกมากถงึ 4,247 แตกตา่ งกบั แปลงทดลองที่ อ.ตะก่ัวปา่ จ.พงั งา จะเห็นวา่ และ 4,217 มม. ตามล�ำดับ และในปี พ.ศ. 2548 มี ความรุนแรงของโรคใบร่วงไฟทอบทอราน้อยกว่าแปลง ปริมาณฝนตกเพียง 2,114 มม. แต่กลับพบว่า มีโรค ทดลอง จ.ระนอง ท้ังท่ีมีสภาพฝนไม่แตกต่างกัน แต่พบ ระบาดรุนแรงใกล้เคียงกับปี พ.ศ. 2549 และระบาด ว่าแปลงยางที่ อ.ตะกั่วป่า มีการระบาดของโรคราแป้ง รนุ แรงมากกวา่ ปี พ.ศ. 2551 รุ น แ ร ง ก ว ่ า ทุ ก ป ี เ ช ่ น เ ดี ย ว กั น แ ป ล ง ท ด ล อ ง ที่ จากการพิจารณาจ�ำนวนวันฝนตกในแต่ละปี พบ อ.ทา้ ยเหมือง จ.พังงา พบวา่ มีการระบาดของโรคราแป้ง ว่า ที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา มีวันฝนตกมากกว่าท่ีแปลง ค่อนข้างรุนแรงทุกปี แต่ในทางกลับกันพบว่า โรคใบร่วง ทดลองอื่น แต่การระบาดของโรครุนแรงน้อยกว่า ใน ไฟทอบทอราระบาดค่อนข้างน้อยทุกปี แม้ว่าจะมี ขณะที่ท่ีแปลงยางใน จ.ระนอง มีวันที่ฝนตกน้อยกว่า ปริมาณฝนและวันฝนตกน่าจะเหมาะสมกับการระบาด แปลงทดลองอื่น กลับมีการระบาดของโรครุนแรง ของโรคใบรว่ งไฟทอบทอราก็ตาม มากกว่าทุกปี ดังนั้น นอกจากการระบาดของโรคราแป้ง ปรมิ าณน้ำ� ฝน วนั ฝนตกรวมรายปี ปรมิ าณฝนรวม แล้ว ปริมาณฝนท่ีตกในแต่ละเดือนและแต่ละวันจึงมีผล ทั้งปีสามารถบ่งบอกสภาพการระบาดของโรคได้ในภาพ ตอ่ การระบาดและความรุนแรงของโรคดว้ ยเช่นกนั
เเดดเือือดขนนืออแแนงลโลแระะลคแแะรตตแุน่ล่ลตแะะ่ลรววะงนันัมวกกนาั ม็กม็ กกีผีผม็ วลลีผา่ตตทล่อ่อตุกกกป่อาาีกรรารรดระะรงับบนะาาบ้นัดดานแแดลอลแะกะลคจคะาววคกาากวมมาารรมรุนุนรรแะแุนรบรแงงาขรขดงอขอขงองอโโงรงโรโครครคดดครว้ว้ ดายยแวเ้เชปชย่น้ง่นเชแกก่นลนันั ว้กนั จปจาารกจิกมกากากาณารกรฝศาศนึกรึกทศษษึกี่ตาาโกษโดใดานยโยอดแอาตยารอ่ลรมมะาณรณม์ ์ ณ์ ((22(552เ44ด588ือ4))น8พพ)แบบพลวะวบา่แา่ วตสสา่ ่ลภภสะาาภวพพนัาททพก่ีที่ทม็ าํีาผํี่ทใใลาหํหตใเ้เ้ห่อกกกิดเ้ิดกาโโิรดรรรโคคะรรรบคะะารบบดะาแาบดดลาะคดคคือือควมมาือีวมีวมนันรั ีวุนฝฝนั แนนฝรตตนงกกขตมมอกางามกโการกกกคววกดา่า่ วว้ 22ยา่55เ2ชมม5่นมมกม..นัมตต.ิดิดตตตจิด่อ่อาตกก่อนักนั กา2รน2ั -ศ-332ึกว-ษว3นันาั วโหหดนั รรยืหอืออมรมาือารากมมกกณากกวว์ า่กา่ วา่ ฝแฝแลนลน6ฝแะแ(ะแแลน2โลโลละ5แรระง4้งโ้ลคคโห8หรงร้จจ)คลลหคะะพจาาจรลรบยะยะะะาชชรวรบยบ่ะวา่่วะชาาบงงบสด่วดตตาาภงรริดดิดุตนุานตรรตพิดแุแุนน่อ่อทฉตรรบกแแกี่ท่งอับงรนัรอนัมมกาํเิงงลใาานมั็กมหกกทาารเข้กขอกกน้ึน้ขึนิดิกข้สึนเโเ้ึนม์ม3รเม5ื่อเ่ือคมื่อมตมรื่อุลมีชะีชามคีชบ่ว่วมีช่วง-างธ่วดงทันทวทงี่มา่ีมคทคี่มีวืมอีว่ีมีวนัมน2ั นัีว5ีวฝ6ฝนฝั1นั นนฝฝตตตนนกกกตตมมมกกาาามมกกกากากกกกวววกกา่า่า่ วว222า่า่ 55522มม5ม5มมมม..ม.มตต.ติด.ิดติดตตติดต่อิดต่อ่อกต่อกกนั่อกนันั กนั 22นั2-23--3-323ว-วนวั3วนันันั สวหสนสลั รลบัลือสบักบั มลกบักาบับัมกบั กีชมกมบั่วีชวีชงา่มว่วงีชง่วง 22ฝ0000น220000แลง้ หลายช่วงติดต่อกนั 2200005225000055 200 220000 2200006622000066 118800118800 200 180 118800 180 116600116620000 2005 126000 116600 2006 KKrraabbiKKi rraabbii 160 KKrarabbi iKKrraabbii 114400114410080 114800 114400 140 112200112210060 112600 112200 120 110000110010040 110400 100 110000 80 8810020 18200 8800 80 6610000 1860000 6600 60 648000 4400 60 80 4600 40 4400 40 60 20 2200 20 2200 20 40 2400 0 0020SSuurraaSStttuuthhrraaantntttiihhaannii RRaannoRRonnaaggnnoonngg TTaakkaaTTuuaappkkaaaauuppaa TTaaiimmTTuuaaaaiinmmngguuaanngg 0 00SSuuraratSStththuuaarrnaanittitthhaannii RRaannoonRRngaagnnoonngg TTaakkaauTTupaapakkaaauuppaa TTaaimimuTuTaaanniigmmguuaanngg 0 200 220000220000 0 Suratthani Ranong Takaupa Taimuang Krabi2200007227000077 2200000220000 Suratthani Ranong Takaupa Taimuang Krabi 2200008822000088 118800118820000 2007 2008 116600116610080 180 118800 128000 160 116600 116800 114400114410060 111446000 114400 112200112210040 111224000 112200 110000110010020 111002000 110000 80 8810000 1880000 8800 80 60 660080 6800 6600 60 60 40 440060 4600 4400 40 40 20 220040 2400 2200 20 20 0 00200SSuurraaSStttuuthhrraaaantntttiihhaannii RRaannoRRonnaaggnnoonngg TTaakkaaTTuuaappkkaaaauuppaa TTaaiimmTTuuaaaaiinmmngguuaanngg KKrraabbiKKi rraabbii 200 00SSuurraatSStthtuhuaarrnaanittitthhaannii RRaannoonRRngaagnnoonngg TTaakkaauTTupaapakkaaauuppaa TTaaimimuTuTaaaaninigmmguuaanngg KKrarabbi iKKrraabbii 0 Ranong Taimuang Krabi 0 Takaupa 0 220000220000 Suratthani 118800211088000 Suratthani Ranong Takaupa Taimuang Krabi 111164460000111111164846640000000 112200111222000 22200000909229000099 110000111000000 8800 888000 6600 666000 4400 444000 2200 222000 00 000 SSuurSraaSSutttrtuuhahrrataaatnhnttittaihhnaainnii RRaRannaoRoRnnnoaaggnnngoonngg TTaTakakkaaTTauuauapppkkaaaauuppaa TTTaaaiimimmTuTuuaaaaaininmmnggguuaanngg KKKrraarbabibiKKi rraabbii PPDDPIPPI(D(OODDI(iiOIdId((OOiiiuduiimiddmuiim)uu) mm) ))PPDPDDIPIP((PIPDD(PhhIIhy((yPPtytohhotopyypp.tt.)oo).)pp..))rraraaiininnrrffaafaaiilnlnlll(l((xffxxaa111ll0ll00((0xx00m11mm00mmm00m.m..)))mm..))rrraaaiinninyrryyaaddiidnnaaayyyyssddsaayyss ภภภ25าาาภ5พพพภ2าท)าทพทณ่ี พ2ี่่ีท1แ1คทปว44ี่ 1า่ีล1มง44ทรคคนุดววแลคคราอางวมงม(า5PรรมDุแนุนIปร)แแุลนขงรอรใแแงงนงโรร(รพ(คPงPงนื้ ร(D(ทDาPPภ่ีแIDIDปา))คงโ้IโI,ใ)ร)รตโโโรคต้ครครอรคใรนบคาราบรแรแว่านงาแปปไแฟป้ง้งปท้แงแอ้แงลลบแลทะะลอะโโรโะรารร,โคคปครใใรใคมิบบบาใรณรบ่ว่วนรงำ้�ง่ฝไวไนฟงฟรไวททมฟออแทบลบอะททจบำ�อออนทรรวรนอาาาวรแแนัแาฝลลลนะแะตะปลปกปรระราริมยปิมิมปาราีาณ(ิณมปณนีาคนน้ณ.าํศ้าํ้ฝาํ.ฝนฝ2นน0้าํนร0ฝร6วร-นวม2ว0มรม0แว9แลแมหละลรอืะแะปลี ะพ.ศ.2548- จจาําํ จนจนาําํววนนนนววววนนนันั ววฝฝนนัั นนฝฝตตนนกกตตรรกกาารรยยาาปปยยีีปปปี ีปี 2ป2ี 5ี252454584848--22-8255-5255552225ณ2ณณณแแแปปแลลปงงลททงดดทลลดออลงงอ55งแแแ5ปปปแลลลปงงงใใลในนนงพใพพน้ืน้ืน้ืนพททท้ี่ืนภ่ีภี่ภาทาคาคี่ภคใใาตใตคต้ ต้ใตอ้ ตอนอตน้ นบอบนบนนนบน ปริมาณน�้ำฝนรายเดือน และรายวัน ในสภาพ มากกว่า 25 มม. ตดิ ตอ่ กนั 2-3 วนั สลับกบั การมีช่วงแลง้ ธรรมชาติ สภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการเกดิ โรคระบาด หลายช่วงติดต่อกัน (อารมณ์ และคณะ, 2548) ฝนท่ี อย่างรุนแรงนั้น ขึ้นกับปริมาณน้�ำฝนและจ�ำนวนวันฝน ตกหนักและแรงอาจท�ำให้เช้ือสาเหตุแพร่กระจายได้ ตกเป็นส�ำคญั โดยปกตโิ รคจะเกิดระบาดอยา่ งกวา้ งขวาง อยา่ งกว้างขวางยิง่ ขึ้น ซึ่งจากการวเิ คราะห์สภาพฝนท่ตี ก และรุนแรงในระยะท่ีมีฝนตกหนักติดต่อกัน เป็นเวลา เป็นรายวันต่อความรุนแรงของโรคอย่างละเอียด หลายวัน ในบริเวณท่มี เี ชอื้ ราชนดิ น้รี ะบาดอยู่ (พงษ์เทพ, (อารมณ์ และคณะ, 2552) ก็สามารถยืนยันได้ตาม 2533) สภาพท่ีมวี ันฝนตกมากกวา่ 25 มม.ตดิ ตอ่ กัน 2-3 รายงานข้างตน้ วันหรือมากกว่าเป็นสภาพที่เหมาะกับการเกิดโรค และ ฝนทีต่ กสลับกับมชี ่วงฝนแลง้ ท�ำใหก้ ารระบาดของ โรคจะระบาดรุนแรงมากขึ้นเม่ือมีช่วงที่มีวันฝนตก โรครุนแรงขึ้น ท้ังน้ีเน่ืองจากอุณหภูมิท่ีสูงขึ้นหลังการติด
7 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2548-2552 สามารถสรุปหาดัชนีความ รุนแรงของโรคของยางแต่ละพันธุ์ (Percentage เชื้อในช่วงวันที่ฝนแล้งจะท�ำให้อาการของโรคพัฒนาได้ Disease Index : PDI) และจดั ระดบั ความตา้ นทานโรค เร็ว ท�ำให้ใบยางร่วงเร็วขึ้น จากการศึกษาโดยอารมณ์ ตามระดับดัชนีความรุนแรงของโรคเฉลี่ยจากทุกแปลง และคณะ (2548) พบว่า อณุ หภูมิ 22-30 องศาเซลเซยี ส ทดลอง ยกเว้นแปลงจากศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี ท�ำให้ก้านใบยางที่ปลูกเชื้อแสดงอาการของโรคได้ โดยที่ เน่ืองจากโรครุนแรงน้อยมากทุกปี สามารถจัดกลุ่มพันธุ์ อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ท�ำให้เกิดโรคได้เร็วและ ตามระดับความรุนแรงได้ 3 กลุ่ม ดังแสดงในภาพที่ 3 รุนแรงที่สุด รองลงมาคือท่ี อุณหภูมิ 26 และ 22 องศา ดังนี้ เซลเซียส ตามล�ำดับ ซ่ึงมีความแตกต่างกันทางสถิติ พันธุ์ต้านทาน (20<PDI≤40%) ได้แก่พันธุ์ PB โดยท่อี ณุ หภมู ิ 18 องศาเซลเซียส ไมแ่ สดงอาการโรคหรอื 217, GT 1, RRIC 110 และพันธุ์ RRIC 100 ตามล�ำดบั หากติดโรคแล้ว กลับพบว่าไม่มีการพัฒนาการ ซึ่งให้ผล พันธุ์ต้านทานปานกลาง (40<PDI≤60%) ได้แก่ ในท�ำนองเดียวกันกับการทดลองสภาพกลางแจ้งที่พบว่า พันธุ์ BPM 1, BPM 24, RRIT 156, RRIT 25, RRIM 717, ต้นยางท่ีปลูกเช้ือในสภาพกลางแจ้งโดยไม่พรางแสงจะ PB 235, PB 260, PR 255, PR 302, RRIC 121, RRIT ไม่เป็นโรค แต่ในสภาพที่มีการพรางแสง 50-100% พบ 225, PR 305, PR 261, RRIC 101, RRIT 226, RRIT ว่าใบยางเป็นโรคและร่วงภายใน 3-5 วัน โดยในสภาพ 251, RRIM 712, RRIT 218, RRIT 223 และ พันธุ์ PB กลางวันที่มีอุณหภูมิสูงเน่ืองจากมีแสงแดดจัดจะท�ำให้ 255 ตามล�ำดับ ใบยางร่วงเร็วกว่าวันที่มีสภาพครึ้มฝน และนอกจากนี้ พันธุ์อ่อนแอ (60<PDI≤80%) ได้แก่พันธุ์ RRIM จากการศึกษาระดับความชื้นสัมพัทธ์ต่อการเกิดโรค พบ 703 และ พนั ธ์ุ RRIM 600 ว่าความชื้น 70-95% สามารถท�ำให้เกิดโรคและมีความ จะเห็นว่าจากการจัดระดับความต้านทานน้ีไม่มี รุนแรงของโรคไม่แตกต่างกนั (อารมณ์ และคณะ, 2548) พันธใ์ุ ดจดั เป็นพันธุ์ตา้ นทานมาก และไมม่ พี ันธใุ์ ดจัดเป็น จึงสามารถสรุปได้ว่าในสภาพธรรมชาติโดยท่ัวไป ซึ่งมี พันธุ์อ่อนแอมาก ซึ่งแต่อย่างไร-ก็ตาม ความรุนแรงของ อุณหภูมิกลางวันเฉล่ีย 25-30 องศาเซลเซียส โรคของพันธุ์ยางในแต่ละระดับมากขึ้นหรือน้อยลงข้ึนกับ ความช้ืนสัมพัทธ์ของอากาศปกติท่ัวไป 70-95% และ สภาวะการระบาดของโรคในชว่ งการระบาดน้นั ๆ นัน่ คือ สภาพแสงร�ำไรท่ีไม่มีแสงจดั มาก ซ่งึ รวมถงึ สภาพคร้มึ ฝน หากอยู่ในสภาวะการระบาดของโรคท่ีเหมาะสมมากและ จนถึงมืด กระบวนการการเกิดโรคของพืชท่ีติดเช้ือ มีความรุนแรงของโรคมาก พันธุ์ยางท่ีจัดเป็นพันธุ์ที่ ส า ม า ร ถ เ กิ ด ขึ้ น ไ ด ้ ห า ก ไ ด ้ รั บ เ ช้ื อ ร า ส า เ ห ตุ ท่ี มี อ่อนแอ อาจเป็นโรครุนแรงมากข้ึน และพันธุ์ต้านทาน ประสิทธิภาพ ปานกลางอาจเป็นโรครุนแรงมากข้ึนในระดับรุนแรงหรือ สภาพอากาศในช่วงฤดูฝนในพ้ืนท่ีภาคใต้มี รุนแรงมากได้ และเช่นเดียวกันหากอยู่ในสภาวะการ อุณหภูมิและความช้ืนสัมพัทธ์ไม่แตกต่างกันมาก เป็น ระบาดของโรคท่ีไม่เหมาะกับการระบาดและมีความ สภาพอากาศท่ีค่อนข้างเหมาะสมกับการระบาดของโรค รุนแรงของโรคน้อยมาก พันธุ์ยางท่ีต้านทานอาจไม่พบ ใบร่วงไฟทอบทอรา ดังนั้น สภาพฝนท่ีตกมากกว่า 25 โรค หรือพบโรคได้น้อยมาก และพันธุ์ยางต้านทานปาน มม. ติดต่อกนั 2-3 วนั หรอื มากกวา่ สลบั กับมชี ว่ งฝนแลง้ กลาง ก็อาจเป็นโรครุนแรงน้อย-น้อยมากได้เช่นกัน ดัง หลายช่วงติดต่อกัน จะเป็นปัจจัยด้านภูมิอากาศท่ีมี แสดงในภาพที่ 4 อิทธิพลหลักต่อการระบาดและความรุนแรงของโรคใบ ผลกระทบตอ่ ผลผลติ ยาง ร่วงไฟทอบทอรา ร่วมดว้ ยปัจจัยรองอ่ืน ๆ ตามที่กลา่ วมา ในการศึกษาผลกระทบของโรคใบร่วงไฟทอบ- ข้างตน้ ทอราต่อผลผลิตคร้ังนี้ ได้เปรียบเทียบผลผลิตจาก ผลผลิตรวมเฉลีย่ 4 ปกี รดี ซึ่งเป็นปีกรดี ที่ 5-8 ของแปลง ความต้านทานโรคของพนั ธุย์ าง ความรุนแรงของโรคในยางแต่ละพันธุ์ จาก 5 แปลงทดลองในพ้ืนท่ีภาคใต้ตอนบน ช่วง 5 ปีระบาด
RRIT 223 และ PB 255 เป็นโรครุนแรงถึงรุนแรงมากในพ้นื ที่ จ.ระนอง แต่เป็นโรครุนแรงปานกลางใน สภาพการระบาดปานกลาง ใน อ.ตะกวั่ ป่ า จ.พงั งา แต่เป็นโรคนอ้ ย หรือนอ้ ยมากใน อ.ทา้ ยเหมือง จ. พงั งา และ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นตน้ 8 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 35 ตลุ าคม-ธนั วาคม 2561 Clonal Susceptibility to Phytophthora Leaf Fall disease 100 % ดั%ชDนีiคsวeาaมs ุรeนแsรeงvขeอriงtโyร iค,nPdeDIx(%) 80 60 40 20 0 RRIM 600 RRIM 703 PB 255 RRIT 223 RRIT 218 RRIM 712 RRIT 251 RRIT 226 RRIC 101 PR 261 PR 305 RRIT 225 RRIC 121 PR 302 PR 255 PB 260 PB 235 RRIM 717 RRIT 25 RRIT156 BPM 24 BPM 1 RRIC 100 RRIC 110 GT 1 PB 217 ภภาาพพทท่ี 3่ี 2ระ4ดบั รคะวาดมบัตา้ คนทวาานมโรตคใา้ บนรว่ ทงไาฟนทอโบรทคอรใาบขอรงพ่วนั งธไย์ุ าฟงทอบทอราของพนั ธุย์ าง : PDI >80% = อ่อนแอมาก, 60< PDI ≤80% = อ่อนแอ, 40< PDI ≤60% = ปานกลาง, 20< PDI ≤40% = ตา้ นทาน แ3ล0ะ PDI≤ 20 = ตา้ นทานมากClonal severity to Phytophthora leaf fall disease in different epidemic conditions 100 Suratthani Ranong Takaupa % ดัช% ีนDคiวsาeaมรุseนแsรeงvขerอitงyโรinค,dePxDI (%) Taimaoung Krabi mean RRIM 600 80 RRIM 703 60 PB 255 RRIT 223 40 RRIT 218 RRIM 71220 RRIT 251 RRIT 2260 RRIC 101 PR 261 PR 305 RRIT 225 RRIC 121 PR 302 PR 255 PB 260 PB 235 RRIM 717 RRIT 25 RRIT156 BPM 24 BPM 1 RRIC 100 RRIC 110 GT 1 PB 217 ภาพทภี่ 4าพควทาม่ี 2รนุ5แรคงขวอางมพนั รธุนย์ุ าแงร2ง6ขพอนั ธงใ์ุ พนสนั ภธาพุ์ยแาปงล2งป6ลพกู 5นั แธปุใ์ ลนง ใสนภพนื้าทพป่ี แลปกู ยลางงภปาคลใูกตต้ 5อนแบปนลงในพ้นื ท่ีปลูกยางภาคใต้ สทภดลาอพงกใานรปรีะพบ.ศาต6ด. 0อ2แ<5นล4Pะบ8Dคน-2วI5:า≤5Pม81Dร0ุนI%จแ≤าร=ก2ง0ข2ร%อุนแง=แโปรรนลคงงอ้,ตทแย่าดมลงลาะกอกันง,Pซ2Dคงึ่0ืมอI<ี>P8D0%ร Iะ≤น=อ4ร0งุน2%อ)แ.=รกแงรปมะนลบาอ้ งกรุ ยที ,จด4.ลร0อะ<นงทPอDี่ศงูนIเปย≤์ว็น6ิจพ0ัย้ืน%แทล=ที่ ะ่มีปพีชาัฒ่วนงนกเาวลกลาาางรท,เี่ฝกนษตตกร 1) แปลงทดลองท่ีศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี 6-7 เดือนตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน-ตุลาคม มีช่วงการ อ.ท่าชนะ จ.ส2ุร.า4ษผฎลรก์ธราะนที เบปข็นอพงื้นโรทค่ีทใี่มบีฝรน่วตงไกฟมทากอตบาทมอราตร่อะผบลาผดลขติอยงาโงรคใบร่วงไฟทอบทอรารุนแรงปานกลาง- นไกฤฟดร้อะทูกยทาอรจ-บลบะานเใกทบพ้นอผอาียชยลดรงว่ มาผแง2ราปลล-ะ3กิตะลบคาทรเาดใยววุกดนอืปมาปชนมกีเฉ่ปวีการงรุลรแ่อนปมิศี่ยนลแลาึกผระ5ณาษลงมยขาดัฝปีชปผีอในก่บลวี งกรคงกโ็นีดวทรรอ้ซาคี่ะตย่ึมงทต้กนเรป่าบวุนยง็นา่ขกแาอปมนรังีงงกโีไโรคดครคร่ีอดือ้รใคนทับบใ1ข่ีรบผ)5้า่วรล-งงผ่9วลงผไ(ลฟปlรต oิตีนุท่อs2ขแผอs5รอล)บ4งงผม8ทจโแลด-าาอป2ติกยกร5ลนทกกา5งากุตา1าทนปรร่อด)วแีผ6ติเลบจ-ลคง้ั 7อาแ่งผรกงพเตาลดใะเ่ันิต2นดอื หธคนอืศ์แกุ์ยรนูนปกา้ังาพรย่อนลงฤสวน์ต้งี ษูญจิจกทาภยะัามเดยเาสรปกลาคผียลงรอลมผีสยุ่มงดั ลซบซุรรใผงึ่า่ะึบเงโทลษมดรปิีตยคฎัีสบรบยมระภดาผผ์ีจธัชางล�ลาพำนนปกผ(กีครYีีลาะวอiิตรeทา.lบมd ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี และ 2) ผลผลิตของแปลงทดลองในศูนยบ์ ริการวิชาการและปัจจยั การผลิต ระนอง อ.กระบุรี จ.ระนอง โดยแปลงทดลองที่ศูนยบ์ ริการวิชาการดา้ นพชื และปัจจยั การผลิตระนองน้นั
9 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ผลผลิตมากกว่าแปลงสุราษฎร์ธานีถึง 16.40% รองลง มาคือพันธุ์ RRIC 121 ให้ผลผลิตเฉล่ีย 47.7 กรัม/คร้ัง รุนแรงโรค (PDI) ตามสภาพแปลงปลกู ท่ี จ. ระนอง เป็น กรีด ผลผลิตลดลงเพียง 3.12% 5 กลุ่มเพื่อหาความสัมพันธ์ ดังนี้กลุ่มรุนแรงมาก พันธุ์ยางในกลุ่มที่เป็นโรครุนแรงปานกลาง (มี (PDI>80%), กลุ่มรุนแรงค่อนข้างมาก (70<PDI≤80%), ดัชนีความรุนแรงของโรคมากกว่า 40-60%) แบ่งเป็น กลุ่มรุนแรง (60<PDI≤70%), กลมุ่ รนุ แรงปานกลาง-คอ่ น กล่มุ ท่ี 1: มีดชั นีความรุนแรงของโรคมากกว่า 50- ข้างรุนแรง (50<PDI≤60%) และกลุ่มรนุ แรงปานกลาง- 60% ประกอบดว้ ย 5 พนั ธ์ุ ผลผลติ ทสี่ ญู เสยี เฉลยี่ 13.53 % คอ่ นขา้ งน้อย (40<PDI≤50%) ดงั แสดงในตารางที่ 1 มี พันธุ์ที่ทนทานต่อโรคได้แก่พันธุ์ RRIM 717 ให้ผลผลิต รายละเอยี ด ดังน้ี เฉลี่ย 37.7 กรัม/คร้ังกรีด ให้ผลผลิตมากกว่าแปลง ผลผลิตของแปลงทดลอง แปลงทดลองยาง จ. สรุ าษฎร์ธานี 14.91% ระนอง มีสภาพการระบาดของโรคท่ีรุนแรง มีดัชนีความ รุนแรงของโรคเฉลี่ย 64.2% มีผลผลิตของแปลงเฉล่ีย กลมุ่ ท่ี 2: มดี ัชนีความรุนแรงของโรคมากกว่า 40- 37.1 กรมั /ต้น/ครง้ั กรีด คดิ เป็นผลผลิตท่ีสญู เสยี 23.08% 50% ประกอบด้วย 5 พันธ์ุ ผลผลิตทส่ี ูญเสียเฉลยี่ 2.19% เมื่อเทียบกับแปลงทดลองยางสุราษฎร์ธานีซึ่งมีผลผลิต พันธุ์ที่ให้ผลผลิตมากที่สุดในกลุ่มได้แก่พันธุ์ GT 1 ให้ เฉลย่ี 48.2 กรมั /ต้น/คร้ังกรีด โดยมีพันธุ์ RRIM 703 เป็น ผลผลิตเฉลี่ย 45.1 กรัม/คร้ังกรีด มากกว่าแปลง ยางพนั ธท์ุ ่ีออ่ นแอมากที่สดุ ต้นยางเจรญิ เติบโตชา้ แคระ สรุ าษฎรธ์ านีถึง 27.15% รองลงมาได้แก่พนั ธ์ุ PB 260 ให้ แกร็นมีตน้ เหลอื นอ้ ยมาก และไม่ใหผ้ ลผลติ ในท่ีสดุ ผลผลิตเฉลี่ย 43.7 กรัม/คร้ังกรีด มากกว่าแปลง พันธุ์ยางในกลุ่มท่ีเป็นโรครุนแรงมาก มีดัชนี สุราษฎร์ธานี 6.88% ส่วนพันธุ์ที่ไม่ทนทานต่อโรคแม้ว่า ความรนุ แรงของโรคมากกวา่ 80% ประกอบด้วย 3 พนั ธ์ุ จะเป็นโรคค่อนข้างน้อยก็ตาม ได้แก่พันธุ์ RRIC 100 ได้แก่พันธ์ุ RRIM 703 ซ่งึ เป็นโรครุนแรงมาก ตน้ ยางตาย และ BPM 24 ใหผ้ ลผลติ เฉลีย่ 31.8 และ 34.5 กรัม/ครง้ั พันธุ์ RRIM 600 และพันธุ์ PB 255 มีดัชนีความรุนแรง กรีด ผลผลิตลดลงถงึ 21.88 และ 18.53% ตามล�ำดับ ของโรค เฉลย่ี 88.33% ผลผลิตลดลงเฉล่ีย 41.67% โดย อย่างไรกต็ าม ยางพนั ธ์ุ GT 1, RRIT 156, RRIM พนั ธุ์ RRIM 600 ผลผลติ ลดลงมากถึง 49.82% และพนั ธุ์ 717 และ RRIT 218 เปน็ โรคราแป้งรนุ แรงในสภาพแปลง PB 255 ผลผลติ ลด 33.9% สุราษฎร์ธานี ในขณะท่แี ปลง จ. ระนอง พบวา่ ยางพนั ธ์ุ พันธุ์ยางในกลุ่มท่ีเป็นโรครุนแรง มีดัชนีความ GT 1 และ RRIT 156 เปน็ โรครุนแรงปานกลาง และพนั ธุ์ รนุ แรงของโรคมากกวา่ 60-80% แบ่งเป็น RRIM 717 และ RRIT 218 เปน็ โรครนุ แรงนอ้ ย (อารมณ์ กลมุ่ ท่ี 1: มดี ัชนีความรุนแรงของโรคมากกว่า 70- และ ภรภัทร, 2560) ดังน้ัน โรคราแป้งที่รุนแรงอาจมี 80% ประกอบด้วย 5 พันธุ์ ผลผลิตท่ีสูญเสียเฉลี่ย ผลกระทบต่อผลผลิตท�ำให้ผลผลิตน้อยกว่าศักยภาพของ 30.36% พันธุ์ที่ให้ผลผลิตน้อยมากและผลผลิตลดลง พนั ธ์ุ เมอื่ เปรียบเทียบกับผลผลิตจากแปลงยาง จ.ระนอง มากที่สุด ได้แก่พันธุ์ RRIC 101 ให้ผลผลิตเฉล่ียเพียง ซ่ึงเป็นโรคใบร่วงไฟทอบทอรารุนแรงท�ำให้มีสัดส่วน 24.6 กรมั /คร้ังกรดี ผลผลติ ลดลงถึง 46.93% ส่วนพนั ธทุ์ ี่ ความแตกตา่ งของผลผลิตนอ้ ยกวา่ ท่ีควรจะเปน็ ตัวอยา่ ง ทนทาน พบว่า ผลผลิตลดลงน้อยที่สุดในกลุ่มน้ีได้แก่ ที่โรคราแป้งอาจมีผลต่อผลผลิต ได้แก่ยางพันธุ์ RRIT พันธุ์ RRIT 218 มีผลผลิตเฉล่ีย 41.1 กรัม/คร้ังกรีด 218 จากตารางที่ 1 จะเห็นว่าในแปลงทดลอง จ.ระนอง ผลผลิตลดลง 16.25% เป็นโรคใบร่วงไฟทอบทอรารุนแรงในระดับเดียวกันกับ กลุม่ ท่ี 2: มีดชั นีความรุนแรงของโรคมากกว่า 60- พันธุ์ RRIT 251, RRIT 226 และ RRIT 225 ซึง่ พันธ์ุเหล่า 70% ประกอบดว้ ย 8 พนั ธ์ุ ผลผลติ ทสี่ ญู เสยี เฉลยี่ 21.74% นี้ เ ป ็ น โ ร ค ร า แ ป ้ ง ค ่ อ น ข ้ า ง น ้ อ ย ใ น แ ป ล ง ท ด ล อ ง พนั ธทุ์ ี่ผลผลติ ลดลงมากท่ีสดุ ในกลมุ่ น้ี ไดแ้ กพ่ ันธ์ุ RRIT จ.สุราษฎร์ธานี และให้ผลผลิตมากถึง 82.4, 68.8 และ 251 ให้ผลผลิต 38.6 กรัม/คร้ังกรีด ผลผลิตลดลงถึง 67.1 กรัม/คร้ังกรีด ตามล�ำดับ ในขณะท่ียางพันธุ์ RRIT 53.13% ส่วนพันธุ์ยางที่ทนทานในกลุ่มนี้ ได้แก่พันธุ์ 218 ซ่งึ เป็นโรคราแปง้ รนุ แรงใหผ้ ลผลติ เพยี ง 49.1 กรัม/ RRIT 156 ให้ผลผลติ เฉลีย่ 59.2 กรมั /ครงั้ กรดี พบวา่ ให้
10 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 ตารางที่ 1 เปรียบเทียบผลผลติ ยางของแปลงทดลองศนู ยบ์ ริการวิชาการดา้ นพชื และปัจจัยการผลติ ระนอง กับผลผลติ ของแปลงทดลองศูนย์วิจยั ยางสุราษฎรธ์ านี จาก 4 ปกี รีด (2548-2551) พันธุ์ยาง ระนอง (Y2) สรุ าษฎรธ์ านี (Y1) %Yield loss2 PDI, PDI ผลผลติ 1 PDI ผลผลติ 2 %Yield loss3 RRIM 7034 93 0.0 22 49.1 100.00 88.33, 41.67 RRIM 600 90 23.5 29 46.8 49.82 78.50, 34.43 PB 255 87 32.5 22 49.1 33.90 88.33 28.0 41.67 64.64, 26.55 เฉลี่ย 80 24.6 48.0 46.93 57.44, 18.19 80 28.5 25 46.3 27.61 47.54, 8.41 RRIC 101 79 27.9 21 39.4 19.76 64.91, 24.70 PR 261 78 41.1 25 34.8 16.26 RRIM 712 75 30.4 25 49.1 38.49 RRIT 2183 78.40 30.5 27 49.5 30.36 RRIT 223 69 38.6 53.13 68 45.6 43.8 33.76 เฉล่ยี 67 47.2 30 82.4 3.12 64 59.2 20 68.8 -16.40 RRIT 251 63 33.4 23 48.7 11.75 RRIT 226 62 39.4 20 50.9 30.34 RRIC 121 62 40.4 22 37.9 RRIT 1563 62 51.4 20 56.6 2.93 PR 255 64.63 44.4 19 41.6 23.34 RRIC 110 60 38.1 24 67.1 21.74 RRIT 25 60 33.4 16.04 RRIT 225 57 48.7 56.8 16.01 53 43.6 23 45.4 15.33 เฉล่ีย 52 37.7 25 39.8 24.25 65.35 40.3 22 57.5 -14.91 PR 302 50 43.4 22 57.5 13.53 PR 305 48 45.1 25 32.8 0.31 PB 235 48 31.8 -27.15 BPM 1 47 43.7 46.6 21.88 RRIM 7173 45 34.5 15 43.5 -6.88 47.63 39.7 17 35.5 18.53 เฉลยี่ 64.20 37.1 22 40.7 2.19 25 40.9 23.08 PB 217 23 42.4 GT 13 RRIC 100 40.6 PB 260 22.82 48.2 BPM 24 เฉล่ยี เฉลี่ยแปลง 1 กรมั /ตน้ /ครัง้ กรดี , 2 % Yield loss = (Y1-Y2)x100/Y1, 3 สุราษฎรธ์ านืี เปน็ โรคราแป้งรนุ แรง, 4 ระนอง ไม่มผี ลผลิต
11 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 35 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 จากสมการท่ีได้สามารถประเมินผลผลิตท่ีสูญเสีย ไป ตามดชั นีความรุนแรงของโรคใบรว่ งไฟทอบทอราหรอื คร้งั กรีด เท่านนั้ จากใบยางท่รี ่วงได้ดังนี้ จากการศึกษาผลผลิตท่ีสูญเสียไปเนื่องจากโรค 1) เมอื่ ดชั นีความรุนแรงของโรคมากกวา่ 40-60% จากผลผลิตท่ีลดลง (Yield loss) ข้างต้น สามารถสร้าง หรอื ใบยางรว่ งมากกว่า 25-50% ผลผลิตลดลง 4-20% สมการประเมินผลผลิตท่ีสูญเสียไปของต้นยางในภาพ 2) เมื่อดัชนีความรุนแรงของโรคมากกว่า 60-80% รวม เพื่อใช้ประเมินการสูญเสียผลผลิตของต้นยางท่ัวไป หรือใบยางร่วงมากกว่า 50-75% ผลผลิตลดลงมากกว่า เบื้องต้นตามความรุนแรงของโรคได้จาก ความสัมพันธ์ 20-36% ของค่าเฉลย่ี ดัชนคี วามรุนแรงของโรค (PDI) และผลผลิต 3) เม่ือดัชนีความรุนแรงของโรคมากกว่า 80% ท่ีลดลงเป็นเปอร์เซ็นต์ (% Yield loss) ของต้นยางตาม หรือใบยางร่วงมากกว่า 75% ผลผลิตลดลง มากกว่า กลุ่มดัชนีความรุนแรง ยกเว้นพันธุ์ GT 1, RRIT 156, 36% RRIM 717 และ RRIT 218 เน่ืองจากเหตุผลจากโรค ราแป้งตามที่กล่าวข้างต้น จะได้ในรูปสมการเชิงเส้น ท้ังนี้ปริมาณผลผลิตที่ลดลงขึ้นกับพันธุ์ยางตามท่ี (Linear regression) ดังภาพที่ 5 ดงั นี้ รายงานข้างต้น % Yield loss = 0.7959(PDI) – 27.581 พันธุ์ยางที่เหมาะสมในพ้ืนท่ีท่ีมีการระบาดของโรค (r2 = 0.9821) ใบรว่ งไฟทอบทอรารุนแรง สมการน้ีเป็นการพิจารณาตัวแปรเพียงตัวเดียว จากการวิเคราะห์ระดับความรุนแรงและผลกระ (Single point model) คือดัชนีความรุนแรงของโรค ทบของโรคต่อผลผลิตข้างต้น สามารถใช้เป็นข้อมูลใน (PDI) ตัวอย่าง Single point model ในการประเมิน การพิจารณาพันธุ์ปลูกที่เหมาะสมส�ำหรับพ้ืนที่ท่ีมีสภาพ ความสญู เสยี ในพชื อืน่ (Teng and Johnson, 1987) เชน่ การระบาดท่ีรุนแรง อย่างเช่น พ้ืนท่ีปลูกยาง จ.ระนอง % Yield loss = -25.53+27.17ln(X) เมอื่ X เป็น % ของ ครอบคลุมตอ่ เนือ่ งถงึ พื้นที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พงั งา และพื้นที่ ความรุนแรงของโรคราสนิมของต้นข้าวฟ่าง (Stem rust) ใกล้เคียงท่ีมีช่วงฝนและปริมาณฝนใกล้เคียงกัน ดังนี้ ในช่วงที่มีเมล็ดระยะ 3-4 (Three-forths berry stage), พนั ธุท์ ่ไี ม่ควรปลกู พนั ธ์ทุ ีเ่ ปน็ โรคปานกลาง-รุนแรง % Yield loss = 0.57X เมอื่ X เปน็ % ของความรนุ แรง ของโรคเนา่ คอรวง (Neck blast) ของขา้ วหลงั ออกรวง 30 วนั %yield loss 60 50 %yield loss = 0.7959(PDI) - 27.581 40 r 2 = 0.9821 30 20 10 0 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 PDI ภภาาพพทที่ 5ี่ 5แสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดชั นคี วามรนุ แรงของโรคใบรว่ งทเ่ี กดิ จากเชอ้ื ราไฟทอบทอรา (PDI) ตอ่ ความสญู เสยี ผลผลติ ยาง (%Yield loss )
12 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 ไฟทอบทอราข้างต้น สามารถน�ำมาร่วมพิจารณาถึงพันธุ์ ยางท่ีเหมาะสมส�ำหรับพ้ืนท่ีที่มีสภาพการระบาดท่ีรุนแรง มากทุกปีในสภาพที่เหมาะสมกับการระบาดซ่ึงไม่ ของโรค 2 ชนิดนี้ จากภาพท่ี 6 เห็นไดว้ ่า สว่ นใหญพ่ ันธุ์ ทนทานต่อโรคและให้ผลผลิตน้อย ได้แก่ พันธุ์ RRIC ยางจะแสดงลักษณะความต้านทานต่อโรคราแป้ง และ 101, RRIT 251, RRIC 110, RRIM 600, PB 255, PR โรคใบร่วงไฟทอบทอราผกผันกัน ยางพันธุ์ RRIM 600, 305 และ PR 302 นอกจากนีย้ งั มยี างพนั ธุ์ BPM 24 ซ่ึง PB 255 และ RRIM 703 จัดเป็นพันธุ์ท่ีอ่อนแอต่อโรค พบว่าค่อนข้างต้านทานโรค แต่ในสภาพโรคระบาด ใบร่วงไฟทอบทอรา แต่ต้านทานต่อโรคราแป้ง เช่น รุนแรงกลับพบว่าไม่ทนทานต่อโรค ให้ผลผลิตน้อยเพียง เดียวกนั ยางพันธ์ุ GT 1, RRIT 156, PB 217 และพนั ธ์ุ 34.5 กรัม/ครั้งกรีดเท่านน้ั RRIC 110 อ่อนแอต่อโรคราแป้งแต่ต้านทานต่อโรคใบ พันธุ์ที่ควรปลูกได้ พันธุ์ยางท่ีสามารถปลูกได้ ร่วงไฟทอบทอรา ในขณะเดียวกันพันธุ์ยางที่เป็นพันธุ์ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง ได้แก่ พันธุ์ที่ ต้านทานโรคในระดับปานกลางส่วนใหญ่มีลักษณะ ทนทานต่อโรค แม้ว่าจะเป็นโรคค่อนข้างรุนแรง แต่ ความต้านทานในระดับเดียวกัน ยกเว้นพันธุ์ BPM 1 กระทบต่อผลผลิตน้อยมาก เช่นพันธุ์ RRIC 121 และ และ RRIC 100 จัดเป็นพันธุ์ต้านทานต่อทั้ง 2 โรคน้ี ซ่ึง RRIT 156 สามารถให้ผลผลิตค่อนข้างสูงถึง 47.2 และ เป็นพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดส�ำหรับปลูกในพ้ืนท่ีท่ีมีสภาวะ 59.2 กรมั /ครั้งกรดี การระบาดที่เหมาะสมของท้ังโรคใบร่วงไฟทอบ- พันธุ์ที่แม้ว่าได้รับผลกระทบจากโรคท�ำให้ผลผลิต ทอรา และโรคใบร่วงราแป้ง แต่หากพิจารณาผลผลิต ลดลงก็ตาม แต่ยงั ใหผ้ ลผลิตผลผลิตค่อนข้างสงู กว่าพนั ธ์ุ แล้วพบวา่ พนั ธุ์ RRIC 100 ให้ผลผลิตคอ่ นข้างน้อย อนื่ ๆ เช่นพนั ธ์ุ RRIT 225, PB 235, RRIT 226 และ BPM 1 ให้ผลผลิตในสภาพท่ีเหมาะสมกับการระบาดเฉล่ีย พันธ์ุแนะน�ำท่เี ปน็ ทางเลอื กที่สามารถปลูกได้ แมว้ า่ 51.4, 48.7, 45.6 และ 43.6 กรัม/คร้ังกรดี ตามล�ำดบั จะมีความเส่ียงกระทบต่อผลผลิตและความรุนแรงของ พันธุ์ยางที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษซึ่งต้านทานต่อ โรคแต่ผลผลติ ค่อนข้างสูงกวา่ พันธุอ์ ื่น ๆ ได้แก่ พันธุท์ อี่ ยู่ โรคมากและใหผ้ ลผลิตค่อนขา้ งสงู กว่าพันธ์ุอน่ื ๆในสภาพ ในกลุ่มต้านทานโรคปานกลางค่อนข้างต้านทาน (PDI ที่เหมาะสมกับการระบาดขอโรค เช่น พันธุ์ GT 1 ให้ <50) ได้แก่พันธ์ุ RRIC 121, RRIT 225, PB 260 และ PB ผลผลิตเฉล่ยี 45.1 กรมั /ครงั้ กรีด 235 อย่างไรกต็ าม พนั ธทุ์ ก่ี ลา่ วมานี้ ส่วนใหญไ่ ดถ้ กู คัด ออกจากค�ำแนะน�ำพนั ธยุ์ างในปจั จุบันแล้ว (สถาบนั วิจัย สรุปผลการทดลอง ยาง, 2559) แต่ในบางพ้ืนท่ีพันธุ์เหล่านี้ก็สามารถเป็น ทางเลือกให้เกษตรกรได้ และเป็นข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ 1. สภาวะทเี่ หมาะสมตอ่ การระบาดของโรคใบรว่ ง ส�ำหรับการใช้เป็นฐานพันธุกรรมในการปรับปรุงพันธุ์ยาง ไฟทอบทอรา ต้านทานโรคได้ 1.1 ปริมาณฝนและวันฝนตก สภาวะท่ีท�ำให้ เกิดโรคคือ เม่ือมีวันที่ฝนตกหนักปานกลาง-หนักมาก พันธุ์ยางท่ีเหมาะสมในพ้ืนท่ีท่ีมีสภาวะการระบาดท่ี (มากกว่า 25 มม.) ติดต่อกัน 2 วัน หรือมากกว่า และ เหมาะสมกับท้ังโรคใบร่วงไฟทอบทอรา และโรคใบ สภาพที่เหมาะสมแก่การระบาดคือการมีช่วงฝนที่ รว่ งราแป้ง ตกหนกั ปานกลาง-หนกั มาก ตดิ ต่อกนั 2 วนั หรือมากกว่า ลักษณะสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการระบาด สลับกับฝนแล้งหลายช่วง ตอ่ เนื่องกนั อยา่ งนอ้ ย 3-4 ชว่ ง ของโรคต่อโรคใบร่วงไฟทอบทอรา และโรคราแป้งจาก ภายใน 45 วนั การทดลองน้ีคือ พ้ืนท่ีแปลงทดลอง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 1.2 ช่วงระบาดของโรคตั้งแต่ต้นฤดูฝนเดือน จากผลการวิเคราะห์ระดับความรุนแรงและการจัดกลุ่ม พฤษภาคม-กรกฎาคม จะรุนแรงกว่าการเริ่มระบาดของ ระดับความต้านทานของพันธุ์ยางทั้ง 26 พันธุ์ ต่อโรครา โรคช่วงปลายฤดูฝนเดอื นตลุ าคม-พฤศจกิ ายน แป้ง(อารมณ์ และ ภรภัทร, 2560) และโรคใบร่วง 1.3 การระบาดของโรคราแปง้ รุนแรงมากมแี นว โน้มท�ำให้การเกิดโรคและการระบาดของโรคใบร่วง
พนั ธุ์แนะนาํ ที่เป็นทางเลือกที่สามารถปลูกได้ แมว้ า่ จะมีความเส่ียงบา้ ง คือพนั ธุท์ ี่จดั ใน กลุ่มปานกลางที่ค่อนขา้ งตา้ นทาน(PDI <50) ไดแ้ ก่ RRIC 121, RRIT 225, PB 260 และ PB 235 ส่วน พนั ธุ์อ่ืนๆเสี่ยงต่อการระบาดของโรคที่มีผลต่อผลผลิต 13 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 35 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 Clonal susceptible to Phytopthora and Oidium Leaf Fall Diseases 80 70 Phytop. Oidium %Sดัeชvนีeคrวiาtมy ุรdนiแsรeงaขอsงeโรiคn,dPeDxI((%%)) 60 RRIM 600 RRIM 70350 PB 25540 RRIT 223 RRIT 21830 RRIM 712 RRIT 25120 RRIT 226 RRIC 10110 PR 2610 PR 305 RRIT 225 RRIC 121 PR 302 PR 255 PB 260 PB 235 RRIM 717 RRIT 25 RRIT156 BPM 24 BPM 1 RRIC 100 RRIC 110 GT 1 PB 217 ภาพทภาี่ พ2ท7ี่ 6รระะดดบั คบั วคามวตา้านมทาตนา้แนละทออ่ านนแอแขอลงพะนั อธย์ุ่อานง 2แ6อพนัขธอ์ุ ตอ่งโพรคนใั บรธว่ ุง์ยไาฟงทอ2บท6อรพา นแั ลธะโุ์รตคร่อาแโปรง้ คใบร่วงไฟทอบทอรา และโรคา แป้ง : PDI >80% = อ่อนแอมาก, 60< PDI ≤80% = อ่อนแอ, 40< PDI ≤60% = ปานกลาง, ไฟ ทอ บท2อ01ร<.า4รPนุ DใแนIรพง≤น้ืน้อ4ทย0ี่ภ%าค=ใตตา้้ตนอทนาบนนแฝลั่งะตะPวDันIต≤ก20 =R Rต IMา้ น7ท03า2น.แ3ลมพะาันกRธRุ์อIM่อน6แ0อ0 (60<PDI≤80%) ได้แก่พันธุ์ จ.ระนอง จ.พังงา และ จ.กระบี่ โรคมักระบาดช่วงเดือน ความรนุ แรงของโรคของพันธ์ุยางในแตล่ ะระดบั พฤษภาคม-ตุลาคม หรือถึงเดือนพฤศจิกายนในบางปี มากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นอยู่กับสภาวะการระบาดของโรค โดยมักระบาดรุนแรงกว่าภาคใต้ฝั่งตะวันออกซึ่งส่วน ในช่วงการระบาดนนั้ ๆ ใหญ่จะระบาดช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมและมกราคม 3. โรคใบร่วงไฟทอบทอราท�ำให้ผลผลิตยางลดลง ในบางปี โดยพืน้ ที่ จ.ระนอง ครอบคลมุ ไปถงึ อ.ตะกว่ั ป่า แปรผันตามระดับความรุนแรงของโรคในรูปของสมการ จ.พงั งา ประสบปัญหาการระบาดของโรคใบรว่ งประจ�ำปี เชงิ เสน้ (linear regression) ดังนี้ รุนแรงและค่อนข้างรุนแรงกว่าพ้ืนที่อื่น ส่วนในพ้ืนท่ี % Yield loss = 0.7959(PDI) - 27.581 จ.กระบ่ี, จ.สุราษฎร์ธานี และในพื้นท่ี อ.ท้ายเหมือง (r2 = 0.9821) จ.พังงา ส่วนใหญ่ประสบปัญหาการระบาดของโรคค่อน เมื่อ PDI = ดัชนีความรุนแรงของโรค และ % ขา้ งนอ้ ยและอาจระบาดรุนแรงระดบั ปานกลางในบางปี Yield loss = ผลผลติ ท่ีสูญเสยี 2. ระดับความต้านทานของพันธุ์ยาง แบ่งได้ 3 จากสมการสามารถประเมินผลผลิตท่ีสูญเสีย กลุม่ ไปตามดัชนีความรุนแรงของโรคหรือใบที่ร่วงจากโรคได้ 2.1 พนั ธต์ุ ้านทาน (20<PDI≤40%) ไดแ้ กพ่ นั ธุ์ ดังน้ี 1) เม่ือดัชนีความรุนแรงของโรคมากกว่า 40-60% PB 217, GT 1, RRIC 110 และพันธุ์ RRIC 100 ตาม หรือใบยางร่วงมากกว่า 25-50% ผลผลิตลดลง 4-20% ล�ำดบั 2) เมื่อดัชนีความรุนแรงของโรคมากกว่า 60-80% หรือ 2.2 พันธุ์ต้านทานปานกลาง (40<PDI≤60%) ใบยางร่วงมากกว่า 50-75% ผลผลิตลดลงมากกว่า 20- ได้แก่พันธุ์ BPM 1, BPM 24, RRIT 156, RRIT 25, RRIM 36% และ 3) เม่ือดชั นีความรุนแรงของโรคมากกว่า 80% 717, PB 235, PB 260, PR 255, PR 302, RRIC 121, หรือใบยางร่วงมากกว่า 75% ผลผลิตลดลง มากกว่า RRIT 225, PR 305, PR 261, RRIC 101, RRIT 226, 36% RRIT 251, RRIM 712, RRIT 218, RRIT 223 และ พนั ธุ์ ท้ังนีป้ รมิ าณผลผลิตที่ลดลงขึ้นกบั พนั ธยุ์ างดว้ ยตามที่ PB 255 ตามล�ำดบั รายงานขา้ งต้น
14 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ทดลอง ช่วยเกบ็ และรวบรวมขอ้ มูลงานทดลอง ซึ่งปฏบิ ัติ งานด้วยความเอาใจใส่ท�ำให้ได้ผลงานตามวัตถุประสงค์ ประโยชนท์ ี่ได้รบั ด้วยดีตลอดจนสิ้นสุดงานวิจัยตามแผนการทดลอง 1. ข้อมูลการระบาดของโรคในพ้ืนท่ีปลูกยางตาม เอกสารอา้ งอิง สภาพภูมิอากาศเป็นเคร่ืองมือในการแบ่งเขตปลูกยาง และการเลือกใช้ชนิดพืช และพันธุ์ปลูกท่ีเหมาะสมตาม พงษ์เทพ ขจรไชยกูล. 2533. โรคและศัตรูยางพารา. สภาพการระบาดของโรค ศนู ยว์ จิ ยั ยางสงขลา สถาบันวจิ ัยยาง กรมวิชาการ 2. ขอ้ มลู พันธยุ์ างแต่ละพันธ์ุต่อระดับความรุนแรง เกษตร. 49 หนา้ . ของโรคราแป้ง และโรคใบร่วงที่เกิดจากเช้ือราไฟทอบ- สถาบันวิจัยยาง, 2544. คู่มือการประเมินโรคในแปลง ทอรา ยาง.สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร 3. ข้อมูลผลกระทบของโรคใบร่วงที่เกิดจากเช้ือรา กรงุ เทพมหานคร. 15 หนา้ . ไฟทอบทอราต่อผลผลิตยางในแต่ละพันธุ์ สามารถใช้ สถาบันวิจัยยาง. 2550. ค�ำแนะน�ำพันธุ์ยาง ปี เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกพันธุ์ปลูกในสภาพการ 2550. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร ระบาดที่เหมาะสม และใช้เป็นฐานพันธุกรรมในการ แหง่ ประเทศไทยจ�ำกดั : กรงุ เทพมหานคร. ปรับปรุงพนั ธ์ุ สถาบันวิจัยยาง. 2559. ค�ำแนะน�ำพันธุ์ยาง ปี 2559. 4. เป็นข้อมูลในการใช้การพยากรณ์ และการ บรษิ ทั เอ-วัน ฟิวเจอร์ จ�ำกัด: นนทบุร.ี เตือนภัยการระบาดของโรค รวมทั้งการวางแผนการ อารมณ์ โรจน์สุจิตร, สายใจ สุชาติกูล, สเุ มธ พฤกษว์ รณุ , ควบคุม และป้องกันเพื่อลดความรุนแรงจากการระบาด ประภา พงษอ์ ทุ ธา, ปราโ มทย์ ค�ำพุทธ และ ชูศกั ดิ์ ของโรคไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม สมมาตร. 2552. การระบาดของโรคยางพาราที่ อย่างไรก็ตาม ในเขตภูมิภาคอ่ืนของประเทศไทย ส�ำคัญ และผลกระทบต่อผลผลติ . รายงานผลการ ซึ่งปัจจุบันได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มข้ึนอย่างกว้างขวาง วจิ ยั เรอื่ งเตม็ ประจ�ำปี 2552. สถาบนั วจิ ยั ยาง กรม- และเนอื่ งจากมสี ภาพภมู ิอากาศที่แตกตา่ งจากภาคใต้ซึง่ วิชาการเกษตร. เป็นพ้ืนท่ีปลูกยางเดิม โรคยางพาราในเขตปลูกยางใหม่ อารมณ์ โรจน์สุจติ ร, สเุ มธ พฤกษว์ รณุ , วันเพญ็ พฤกษ-์ อาจเป็นปัญหารุนแรงและแตกต่างจากพ้ืนท่ีปลูกยาง วิวัฒน์, ชูชาติ สวนกูล, สุเทพ บุญสิงห์, ธนกร เดมิ ท้งั สภาพการระบาดและพันธุย์ าง จึงสมควรอยา่ งยิ่ง โทมณี และ ธรี ชาต วิชติ ชลชัย. 2548. อทิ ธิพลของ ท่ีจะต้องศึกษาสภาพการระบาดและศึกษาพันธุ์ปลูกที่ ส่ิงแวดล้อมต่อการระบาดของโรคยางพารา. เหมาะสม เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันความเสียหาย รายงานผลการวิจัยเรื่องเต็มประจ�ำปี 2546 เล่ม ตอ่ ระดับเศรษฐกิจของเกษตรกรและของประเทศต่อไป 2/3. สถาบนั วจิ ัยยาง กรมวชิ าการเกษตร. อารมณ์ โรจนส์ จุ ติ ร และ ภรภทั ร สชุ าติกูล. 2560. การ ค�ำขอบคณุ ระบาดของโรคราแป้ง และความต้านทานโรคของ พันธยุ์ าง. ว.ยางพารา 38 (3): 3-16. ขอขอบพระคุณอดีตผู้อ�ำนวยการศูนย์วิจัยยาง Jayarathnam, K., C. K. Jacob, S. P. Idicula and T. T. สุราษฎร์ธานีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านผู้อ�ำนวยการ Edathil.1994.Incedence of abnormal leaf fall ศูนย์วิจัยยาง นายพงษ์เทพ ขจรไชยกูล ท่ีสนับสนุน disease in clone RRII 105 in traditional rubber โครงการวิจัยนี้ อดีตผู้อ�ำนวยการสถานี/ศูนย์บริการ growing areas. IRRDB Symposium on วิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิต/ศูนย์วิจัยและ Diseases of Hevea. Cochin, 21-22 November พฒั นาการเกษตรของที่ต้ังแปลงทดลองทกุ ทา่ น ที่อ�ำนวย 1994: 59-63. ความสะดวกในการปฏิบัติงานและการดูแลบ�ำรุงรักษา Joseph, A., S. P. Idicula, and V. K. Rajalakshmy. แปลงทดลองมาตั้งแต่ต้น ขอขอบคุณเจ้าหน้าท่ีและ พนักงานลูกจ้างทั้งของสถานที่ต้ังแปลงทดลองและของ ศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานีทุกท่านที่ช่วยดูแลแปลง
15 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 35 ตลุ าคม-ธนั วาคม 2561 Cochin 1974: 357-360. Teng, P. S. and K. B. Jonhson. 1987. Analysis of 1994. Control of Gloeosporium leaf disease epidemiological component in yield loss in young rubber plantations. IRRDB Sympo- assessment. In: Kranz, J. and J, Rotem sium on Diseases of Hevea. Cochin, 21-22 (eds.). Experimental Techniques in Plant November 1994: 82-84. Disease Epidemiology. Luderitz & Bauer: Radhakrishna Pillai, P. N., M. K. George and L. Berlin. pp. 179-189. Thankamma. 1994. Effect of defoliation on the yield of Hevea. Proc. IRRDB Sci. Symp.
16 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 ภาคผนวกท่ี 1 ดชั นคี วามรนุ แรงของโรค (PDI) ของพนั ธุย์ าง ในแตล่ ะปีที่ระบาด PDI พันธ์ุยาง = ผลรวมของคะแนนความรนุ แรงทปี่ ระเมิน x 100 จ�ำนวนซำ�้ ทป่ี ระเมิน X ระดับคะแนนความรนุ แรงโรคสูงสดุ ภาคผนวกท่ี 2 ดัชนีความรุนแรงของโรค (PDI) ของแปลงทดลอง ในแตล่ ะปีท่ีระบาด PDI แปลงทดลอง = ผลรวม PDI ของทุกพันธุ์ จ�ำ นวนพันธย์ุ างทง้ั หมด ระดบั ความรนุ แรงของโรค ตาม PDI ดงั น้ี PDI ≤ 20% = รุนแรงน้อยมาก 20 < PDI ≤ 40% = รุนแรงนอ้ ย 40 < PDI ≤ 60% = รนุ แรงปานกลาง 60 < PDI ≤ 80% = รนุ แรง PDI > 80% = รุนแรงมาก ภาคผนวกที่ 3 การจัดระดบั ความตา้ นทานโรคของพันธุ์ยางเมอื่ สน้ิ สุดงานทดลอง PDI ของพนั ธุ์ยางเฉลีย่ = ผลรวม PDI พนั ธ์ุยางทุกปกี ารระบาด จ�ำ นวนปีการระบาด จัดระดบั ความตา้ นทานโรค แบ่งตาม PDI ของพันธ์ยุ างเฉลยี่ ดังน้ี PDI ≤ 20% = ตา้ นทานมาก 20 < PDI ≤ 40% = ตา้ นทาน 40 < PDI ≤ 60% = ต้านทานปานกลาง 60 < PDI ≤ 80% = อ่อนแอ PDI > 80% = ออ่ นแอมาก
17 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 การศกึ ษาระบบโลจสิ ตกิ ส์ยางพาราของไทย ภทั รพงศ์ วงศส์ วุ ัฒน,์ ปณั ณวิชญ์ วงศ์สุวฒั น,์ พรธริ ฐั ฐ์ พจนสนุ ทร และ อรอนงค์ เวยี งแก้ว กองโลจสิ ตกิ ส์ ฝ่ายวจิ ยั และพัฒนาเศรษฐกจิ ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ยางพารา ถือเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีมีบทบาทส�ำคัญ ส�ำคญั คอื การลดตน้ ทนุ โดยเฉพาะตน้ ทนุ ทางดา้ นโลจสิ - ในการสรา้ งรายไดเ้ ขา้ สปู่ ระเทศ นบั จากอดตี จนถงึ ปัจจุบัน ติกส์ เน่ืองจากต้นทุนด้านแรงงานไม่สามารถลดลงได้ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางเป็นสินค้าส่งออกท่ีมีมูลค่า เพราะมาตรการปรับขึน้ ค่าแรงขั้นตำ่� ของรฐั บาล การส่งออกปีละหลายแสนล้านบาท ซึ่งจากข้อมูลของ ปัจจุบันต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยมีการ กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในปี 2560 ยางพาราและ ปรบั ตัวมากขน้ึ และตน้ ทนุ โลจสิ ตกิ ส์สว่ นใหญเ่ ปน็ ตน้ ทนุ ผลิตภัณฑ์ยางมีมูลค่าการส่งออกเป็นล�ำดับที่ 3 โดยมี ของค่าขนส่งสินค้า เน่ืองจากการขนส่งสินค้าภายใน มูลค่าการส่งออกสูงถึง 5.52 แสนล้านบาท (กระทรวง ประเทศใช้การขนส่งทางถนนเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุด ส่วน พาณชิ ย์, 2561) การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศใช้การขนส่งทางทะเล ขณะเดียวกันยางพาราไทยยังครองส่วนแบ่ง เป็นสัดส่วนสูงที่สดุ ซงึ่ แนน่ อนวา่ ตน้ ทนุ โลจสิ ติกสด์ า้ นนี้ ทางการตลาดเปน็ อนั ดบั 1 ของโลก ท้ังดา้ นการผลติ และ จะไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้เลย เพราะขึ้นอยู่กับราคา การส่งออก ตามด้วยประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม น�ำ้ มนั และปจั จบุ ันราคาน�ำ้ มันมกี ารปรับตัวสงู ข้นึ เร่ือย ๆ จากข้อมูลของสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (คณะท�ำงานพัฒนาขอ้ มูลโลจิสตกิ ส,์ 2559) (ANRPC) คาดการณ์ว่า ในปี 2561 ประเทศไทยจะมี นอกจากน้ี จากข้อมูลของส�ำนักงานเศรษฐกจิ และ ก�ำลงั การผลติ ยางพาราถงึ 4.8 ลา้ นตนั ตอ่ ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ สังคมแห่งชาติ พบว่า จากการศึกษาและวิจัยโลจิสติกส์ 34.01 ของก�ำลงั การผลิตทั่วโลก จ�ำนวน 14.171 ล้านตัน และโซ่อุปทาน สนิ คา้ เกษตรท่สี �ำคญั 5 ชนดิ ได้แก่ ข้าว ตอ่ ปี (ANRPC, 2561) มันส�ำปะหลัง ยางพารา หน่อไม้ฝรั่ง และทุเรียน โดย อยา่ งไรกต็ าม ภาวะเศรษฐกจิ โลกทส่ี ะดดุ จากความ พัฒนาฐานข้อมูลการประเมินประสิทธิภาพการบริหาร กังวลในสหภาพยุโรปเมื่อปี 2555 ท�ำให้ประเทศผู้น�ำเข้า จัดการโลจิสติกส์ครอบคลุม 9 กิจกรรม 3 มิติ (ต้นทุน ยางหลักชะลอการซ้ือยาง และความต้องการในการใช้ เวลา และความน่าเชื่อถือ) เพื่อเป็นเกณฑ์วัดผลการ ยางพาราลดลงต�่ำกว่าปริมาณผลผลิต ส่งผลกระทบให้ ด�ำเนินงานของหน่วยธุรกิจการเกษตรตลอด โซ่อุปทาน ราคายางพารามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2557 สินค้าเกษตรเป้าหมาย โดยผลการศึกษาพบว่า ต้นทุน เน่ืองจากราคายางพาราลดลงอย่างต่อเน่ือง ท�ำให้ โลจิสตกิ สต์ ่อยอดขาย คิดเป็นรอ้ ยละ 34.47 ซ่ึงประกอบ รัฐบาลของประเทศผู้ผลิตยางพาราจึงต้องพยายามหา ด้วย ต้นทุนขนส่งเป็นองค์ประกอบใหญ่ที่สุด ร้อยละ แนวทางต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการใน 15.25 รองลงมา คือ ต้นทุนบริหารคลังสินค้า ร้อยละ อุตสาหกรรมยางพาราในประเทศของตนมีความสามารถ 8.93 ต้นทุนการถือครองสินค้า ร้อยละ 7.16 และต้นทุน ในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งแนวทางท่ี บริหารจัดการ ร้อยละ 3.13 (ส�ำนักงานเศรษฐกิจและ
18 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 การสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมของการผลิต และการ ตลาด เพอ่ื ใหบ้ รรลุเป้าหมาย สังคมแหง่ ชาต,ิ 2558) กิจกรรมของโลจิสตกิ ส์ ประกอบดว้ ย จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า ยางพารา 1) การขนส่งและการเคลื่อนย้ายสินค้า รวมท้ังที่ เป็นสินค้าท่ีต้องการระบบโลจิสติกส์ท่ีมีประสิทธิภาพ เกีย่ วข้องกับบรรจภุ ณั ฑ์ เน่ืองจากต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายมีสัดส่วนที่สูงมาก 2) ตัวแทนการบริหารการจัดส่งและขนส่ง ท้ัง คิดเป็นร้อยละ 34.47 ดังน้ัน หากต้องการสร้างความได้ ภายในประเทศและระหวา่ งประเทศ เปรียบในการแข่งขันกับประเทศผสู้ ง่ ออกอน่ื ๆ จึงจ�ำเป็น 3) กระบวนการ Clearing สินค้า และพิธีการทาง ต้องศึกษาสภาพทั่วไปและส�ำรวจสภาพปัญหาของ ศลุ กากร ระบบโลจิสติกส์ยางภายในประเทศ และศึกษาแนวทาง 4) การบริหารจัดการคลังสินค้าภายในและงานที่ ในการแก้ปัญหาด้านโลจิสติกส์ยางภายในประเทศ เพ่ือ เก่ียวขอ้ งกบั Flow ของสินคา้ , แรงงาน และการใหบ้ ริการ ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ รวมท้ังน�ำผลการศึกษาท่ีได้มา อุปกรณเ์ ครื่องมือที่จ�ำเปน็ ในการเกบ็ รักษาสนิ ค้า ใช้เป็นแนวทางส�ำคัญ และก�ำหนดนโยบาย มาตรการ 5) การบริการคลังสินค้าสาธารณะ และ การกระ ต่าง ๆ ในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ยางภายในประเทศ จายสินค้า อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 6) การบริหารท่าเรือ, การจัดการสถานที่บรรจุ สินค้า, การจัดการสถานีขนส่ง ICD, การได้สัมปทานที่ ทฤษฎีและแนวคิดท่ใี ชใ้ นการศึกษา เกยี่ วกับการขนสง่ 7) กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับมูลค่าเพิ่มทางการตลาด แนวคิดทางด้านโลจิสติกส์ (Logistics) ให้กับลูกค้า ได้แก่ การส่งเสริมการตลาด, การเป็น โลจิสติกส์ หมายถึง กิจกรรมหรือการกระท�ำใด ๆ ตัวแทนในการจัดจ�ำหน่าย, การก�ำหนดความต้องการ เพื่อให้ได้มาซ่ึงสินค้าและบริการ รวมถึงการเคลื่อนย้าย ของตลาดและจัดการค�ำส่ังซ้ือ การให้ข้อมูลเพ่ือคาด จัดเกบ็ และกระจายสนิ คา้ จากแหล่งทผ่ี ลติ จนสนิ ค้าได้ คะเนและพยากรณ์การขาย, การแบ่งบรรจุสินค้าและ มีการส่งมอบไปถึงแหล่งที่มีความต้องการ โดยกิจกรรม Packaging, การจัดเรียงสินค้าในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ดังกล่าว จะต้องมีลักษณะเป็นกระบวนการแบบ การประสานงานกับฝ่ายผลิต เพื่อประโยชน์ในการจัด บูรณาการ โดยเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีเป้า การระบบโลจิสตกิ สข์ องกระบวนการผลติ สินค้า หรืองาน หมายในการส่งมอบแบบทันเวลา และเพ่ือลดต้นทุน มุ่ง สนับสนุนการผลติ อนื่ ๆ เช่น การปอ้ นวัตถุดิบ, การบรกิ าร ให้เกิดความพอใจแก่ลูกค้า และสง่ เสรมิ เพอ่ื ให้เกดิ มลู คา่ งานเกยี่ วกบั การควบคุมคณุ ภาพสินค้า หรอื QC เพิ่มแก่สินค้าและบริการ ทั้งนี้ กระบวนการต่าง ๆ ของ 8) การจัดการข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีสาร ระบบโลจิสติกส์ จะต้องมีลักษณะปฏิสัมพันธ์ที่ สนเทศ สอดคล้องประสานกัน ในอันที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ร่วม การก�ำหนดต้นทุนโลจิสติกส์มีจุดเร่ิมต้นจาก กัน โดยเปา้ หมายทสี่ �ำคัญของโลจิสติกส์ ไดแ้ ก่ การน�ำแนวคดิ ดา้ นการตลาดทกี่ ล่าววา่ “ความส�ำเรจ็ ของ 1) ความรวดเร็วในการส่งมอบสนิ ค้า องค์กรขึ้นอยู่กับการประเมินความจ�ำเป็น และความ 2) การไหลลน่ื ของสินคา้ ต้องการของตลาดเป้าหมาย รวมท้ังส่งมอบความพึง 3) การไหลลืน่ ของขอ้ มลู ขา่ วสาร พอใจเหล่าน้ันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ 4)การสร้างมูลค่าเพ่ิมในกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับ เหนือคู่แข่ง” (Lambert and Ellram, 1998) มาใช้กับ ความตอ้ งการของตลาด หลายองค์กร จนท�ำให้องค์กรเหล่าน้ันสามารถให้บริการ 5) ลดตน้ ทนุ การด�ำเนนิ การเก่ยี วกับสนิ ค้าการดแู ล ลูกค้าได้อย่างโดดเด่น ซ่ึงการตอบสนองที่เกิดข้ึน และ ขนสง่ สินค้า ดังกล่าวก่อให้เกิดความหลากหลายโดยขึ้นอยู่กับ 6) เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพของการแขง่ ขนั กิจกรรมของโลจิสติกส์น้ันจะมีลักษณะท่ีประกอบ ไปด้วยกระบวนการต่าง ๆ มากมาย ซ่ึงต่างท�ำหน้าที่ใน
19 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 ขอบเขตการศึกษา ลักษณะของผลิตภณั ฑแ์ ละการบริการ สง่ ผลใหต้ ้นทุนใน ด้านเนอื้ หา การตอบสนองลูกค้า แตกต่างกันไปด้วย (นฤพร, 2548) ศึกษาสภาพทั่วไปของระบบโลจิสติกส์ยางพารา ซ่ึงต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์สามารถแบ่งออกเป็น ภายในประเทศว่า หลังจากมีการรับซ้ือผลผลิตและ ประเภทใหญ่ ๆ ได้ 4 ประเภท ดงั น้ี แปรรูปผลผลิตยางแล้ว ผู้ประกอบการเลือกวิธีการขนส่ง 1) ต้นทุนการขนส่ง ต้นทุนท่ีเกิดจากกิจกรรมการ และปลายทางการขนส่งภายในประเทศอยา่ งไร ขนส่งและบริการ ซึ่งต้นทุนเหล่านี้ยังผันแปรไปตาม ดา้ นพน้ื ท่ี ปริมาณการขนสง่ น�ำ้ หนัก ระยะทาง จุดหมายปลายทาง ส�ำรวจข้อมูลภาคสนามจากผู้ประกอบการส่งออก รวมไปถึงวธิ กี ารขนส่งที่ก่อใหเ้ กิดต้นทุนที่แตกตา่ งกนั ยางในทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาค 2) ต้นทุนคลังสินค้า ต้นทุนที่เกิดจากกิจกรรม เหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ภายในคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้า การถ่ายโอน ขอ้ มลู ในคลงั สินคา้ การเลอื กสถานที่ต้งั เชน่ โรงงาน คลงั วธิ กี ารศกึ ษา สนิ ค้า จะแปรผันไปตามชนิดและปริมาณของสนิ คา้ 3) ต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง ต้นทุนที่ การศึกษาวิจัยในคร้ังนี้ใช้ข้อมูลจากการศึกษา เก่ียวข้องกับการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง จะผันแปรไปกับ เอกสาร (Documentary research), การวิจยั ภาคสนาม ปริมาณของสนิ คา้ คงคลงั และท�ำใหเ้ กดิ ต้นทนุ ดา้ นต่าง ๆ (Survey research) และการสัมภาษณเ์ ชิงลึก (In-Depth อีก เช่น ตน้ ทุนเงินทุน และต้นทุนคา่ เสียโอกาส ต้นทุนใน interview) ซ่งึ มีรายละเอียดแตล่ ะวธิ กี าร ดังนี้ การดูแลสนิ คา้ ไดแ้ ก่ คา่ ประกันภยั และภาษี ตน้ ทุนพ้นื ที่ 1. การวิจยั เอกสาร เป็นการศึกษาขอ้ มูลทตุ ยิ ภมู ิท่ี การจัดเกบ็ สินคา้ ไดแ้ ก่ ต้นทนุ ด้านสถานทีซ่ งึ่ สัมพนั ธก์ ับ รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นในทุก ๆ ด้าน โดยศึกษารวบรวม ปริมาณของสินค้า ต้นทุนความเสี่ยงในการจัดเก็บสินค้า จากเอกสาร งานวิจัย วารสาร เว็บไซต์ ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ ได้แก่ ความลา้ สมยั การลกั ขโมย เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลท่ัวไป และแนวคิดด้านโลจิสติกส์ 4) ต้นทุนการบริหาร เกิดจากกิจกรรมหลัก 3 ยางพาราของไทย ประเภท คือ 2. การวิจัยภาคสนาม เป็นการศึกษาโดยการเก็บ (1) ระดับการให้บริการ เป็นเงินท่ีจ่ายไปเพื่อ รวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู จิ ากภาคสนาม โดยใชแ้ บบสอบถาม สนับสนุนการบริการลูกค้า เช่น ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ ในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริหาร หรือผู้ การท�ำใหค้ �ำสั่งซอื้ สมบรู ณ์ ปฏบิ ตั งิ านทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การบรหิ ารจดั การดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ (2) ต้นทุนกระบวนการสั่งซ้ือและระบบ โดยการสมั ภาษณเ์ ชิงลกึ (In-depth interview) สารสนเทศ ไดแ้ ก่ ตน้ ทนุ ท่เี กีย่ วข้องกบั กระบวนการสัง่ ซอ้ื การสุ่มกลุ่มตัวอย่างจะเลือกใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง การกระจายการตดิ ต่อสื่อสาร และการพยากรณ์อุปสงค์ แบบบังเอิญในจังหวัดที่มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม (3) ต้นทุนปริมาณ โดยหลักการแล้วจะข้ึนอยู่ ยาง กับปริมาณสนิ คา้ ท่ีจดั ซื้อจัดหาและผลิต วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล 1. ศึกษาสภาพทั่วไปของระบบโลจิสติกส์ 1. การวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสาร จะใช้วิธีแจก ยางพาราภายในประเทศ แจงจัดหมวดหมู่ข้อมูล และใช้คา่ สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ 2. ส�ำรวจสภาพปัญหาและอุปสรรคของระบบ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย น�ำเสนอในรูปแบบของตาราง และ โลจิสตกิ สย์ างพาราภายในประเทศ วิเคราะหเ์ ชงิ พรรณนา (Descriptive analysis) 3. ศกึ ษาแนวทางในการแกป้ ญั หาระบบโลจสิ ติกส์ 2. การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม เป็นการ ยางพาราภายในประเทศ วเิ คราะห์สถิติเชงิ ปรมิ าณ (Qualitative analysis) โดยใช้
20 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 และรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ดังแสดงข้อมูลใน ตารางท่ี 1 และภาพท่ี 1 ข้อมูลที่ได้มาประมวลผลโดยใช้ค่าสถิติเชิงพรรณนา รูปแบบการคา้ ยาง และน�ำมาอภิปรายผลตามกรอบแนวคิดท่ตี ้งั ไว้ พร้อมข้อ International Chamber of Commerce (ICC) เสนอแนะ ประกาศให้ Incoterms 2010 หรอื เงอื่ นไขการคา้ ระหว่าง ประเทศมผี ลบังคบั ใช้ต้ังแตว่ ันที่ 1 มกราคม ปี ค.ศ. 2011 ผลการศกึ ษา ข้อก�ำหนดในการส่งมอบสินค้า หรือเง่ือนไขการส่งมอบ สินค้า (International Commercial Terms) ระหว่างผ้ซู อ้ื ห่วงโซอ่ ปุ ทานยางพารา กับผู้ขายท่ีเป็นสากลซ่ึงก�ำหนดขึ้นโดยสภาหอการค้า ห่วงโซ่อุปทานยางพาราของไทย เริ่มต้นจาก นานาชาติ (International Chamber of Commerce) เกษตรกรเตรียมพ้ืนที่ปลูกยาง โดยคัดสรรพันธุ์ยางให้ เพ่ือให้คู่ค้าท้ังผู้ซื้อและผู้ขายทราบถึง ขอบเขตความรับ เหมาะสมกับพ้ืนท่ี และจัดการดูแลสวนยางจนกว่าจะให้ ผิดชอบภาระค่าใชจ้ ่ายและความเสย่ี งต่าง ๆ โดยช่วยให้ ผลผลิตในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ น�้ำยางสด ยางแผ่นดิบ ทั้งสองฝ่ายท่ีมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมมีความ และเศษยางหรือยางก้อนถ้วย ซึ่งผลผลิตเหล่านี้ เข้าใจตรงกัน โดย Incoterms 2010 มีทั้งหมด 11 รูป เกษตรกรจะขายให้กับกลไกตลาดภายในประเทศ แบบ (พิพัฒน์, 2557) แต่ในการส่งออกยางพารามักจะ ประกอบด้วย สหกรณ์ พ่อค้าคนกลาง และตลาดกลาง ใช้รปู แบบในการส่งออก 4 รูปแบบ ดังต่อไปนี้ ยางพารา ท�ำหน้าท่ีเป็นตัวกลางในการเก็บรวบรวมยาง 1. EXW – EX Works (the named place) เงือ่ นไข ธรรมชาติจากเกษตรกรให้กับโรงงานแปรรูปยาง การส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเม่ือ ธรรมชาติในประเทศ เม่ือโรงงานแปรรูปรับซ้ือยาง จะน�ำ ผู้ขายได้เตรียมสินค้าไว้พร้อมส�ำหรับส่งมอบให้กับผู้ซื้อ มาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นยางแปรรูปชนิดต่าง ๆ ณ สถานที่ของผู้ขายเองโดยผู้ซ้ือจะต้องรับผิดชอบค่าใช้ เชน่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำ� ยางขน้ เปน็ ตน้ เพอื่ จา่ ยตา่ ง ๆ ในการขนส่งสิงคา้ ไปยงั คลงั สินค้าของผซู้ อื้ เอง ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศและเพื่อ 2. FOB – Free On Board (the named port of การส่งออกเป็นส่วนใหญ่ จากการท่ีสวนยางพารามีการ origin) ส่วนใหญ่ใช้เงื่อนไขนี้ในการซ้ือขาย เงื่อนไขการ กระจายตัวอยู่ท่ัวประเทศ และโรงงานแปรรูปยาง ส่งมอบน้ี ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้า เม่ือผู้ ธรรมชาติมีการกระจายตัวตามพ้ืนที่ปลูกยางพารา แต่ ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกาบเรือข้ึนไปบนเรือสินค้า ณ โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ยางมีการกระจุกตัวอยู่ในภาคใต้ ท่าเรือต้นทางที่ระบุไว้ ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบการท�ำ และภาคตะวันออกของประเทศ ดังนั้น จึงจําเป็นต้องมี พิธีการส่งออกด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า กระบวนการขนส่งภายในประเทศท้ังทางถนน ทางราง และค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ รวมทั้งความเส่ียงภัยในการขนส่ง และทางน้�ำ เพ่ือนํายางแปรรูปส่งให้กับโรงงานผลิต สนิ ค้าเป็นภาระของผซู้ อื้ ในทันทีท่ขี องผา่ นกาบเรอื ระวาง ผลิตภัณฑ์ยาง ได้แก่ โรงงานผลิตยางยานพาหนะ เรอื ไปแลว้ โรงงานผลิตถุงมือยาง โรงงานผลิตยางยืด และโรงงาน 3. CIF – Cost, Insurance & Freight (the named ผลิตยางรัดของ โดยสรุปแล้ว การจัดการห่วงโซ่อุปทาน place of destination) เงือ่ นไขการสง่ มอบนี้ ผขู้ ายจะสน้ิ เป็นการจัดการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า สุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้าม ปลายทาง โดยเกิดจากการร่วมมือกันในการดําเนินงาน กาบเรือขึ้นไปบนเรือสินค้า ผู้ขายเป็นคนรับผิดชอบใน ระหวา่ งหน่วยงาน หรอื องคก์ รต่าง ๆ เพื่อใหก้ ารไหลของ การท�ำพธิ กี ารส่งออก จ่ายคา่ ระวางเรอื และคา่ ประกันภยั สนิ คา้ ขอ้ มูล และเงนิ เปน็ ไปไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ ขนส่งสินค้าเพื่อคุ้มครอง ความเสี่ยงภัยในการขนส่ง สินคา้ จนถงึ มือผซู้ ้อื ใหแ้ กผ่ ้ซู อ้ื ด้วย ประเภทและรูปแบบบรรจภุ ณั ฑ์ยางพารา เพื่อการสง่ ออก ผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทยท่ีส่งออกไปยังต่าง ประเทศ สามารถแบ่งออกเป็นตามประเภทของสินค้า
21 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 35 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 ตารางที่ 1 ประเภทและรูปแบบของผลติ ภัณฑ์ยางพาราเพ่อื การส่งออก ประเภท รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ น้�ำยางข้น 1) เบาค์ (Bulk) ขนาดบรรจุ 25-30 ตัน ยางแผ่นรมควัน 2) ถงั มาตรฐาน 205 กิโลกรมั (Drum) 3) ถงุ สูญญากาศ (Flexi Bag) ขนาด 20 – 24 ตัน ยางแทง่ 1) ปรมิ าณ 30 กก., 33.33 กก. และ 35 กก. บรรจใุ นถงุ โพลเี อทธิลนี บนพลั เลตไม้ /ลสู เบลล์ ยางก้อนถ้วยและยางเครป 2) หอ่ และทาเคลือบดว้ ยแปง้ ท�ำเปน็ ยางลูกขุน ขนาด 111.11 กิโลกรัม 1) ปรมิ าณ 30 กก., 33.33 กก. และ 35 กก. บรรจใุ นถงุ โพลเี อทธลิ นี บนพัลเลตไม้ /ลูสเบลล์ 2) บรรจเุ ปน็ ลงั ชนดิ Shrink Wrap ขนาดน้ำ� หนัก 1,260 กิโลกรัม ปริมาณ 30 กโิ ลกรัม ใส่กระสอบหรอื ถงุ โพลเี อทธิลนี AB C D ภาพที่ 1 บรรจภุ ณั ฑแ์ บบ Bulk (A), Drum (B) และ Flexi bag (C) สำ� หรบั นำ�้ ยางขน้ และ Shrink wrap (D) สำ� หรบั ยางแทง่
22 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 สินค้า และเม่ือพิจารณาถึงภาพรวมของเส้นทางการ ขนส่งยางจากโรงงานไปยังท่าเรือ/ด่านส่งออก ของผู้ 4. DDP – Delivered Duty Paid (Door to Door) ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือท้ังหมดเลือกใช้ (the named point of destination) เง่อื นไขการสง่ มอบน้ี การขนส่งทางบก โดยมีปลายทาง 4 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือ ผู้ขายจะส้ินสุดการส่งมอบสินค้า เม่ือผู้ขายได้จัดให้ แหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือเชียงแสน และ ด่าน สินค้าพร้อมส่งมอบ ณ สถานท่ีปลายทางของผู้ซ้ือซึ่งผู้ เชียงของ ดังแสดงข้อมูลในตารางที่ 2 และจากข้อมูลใน ขายเป็นผู้รับผิดชอบ การท�ำพิธีการส่งออกจ่ายค่าระวาง ตารางที่ 2 สามารถน�ำมาสร้างเส้นทางการขนส่งยางของ ขนส่งสินค้า ค่าประกันภัยขนส่งสินค้า และเป็นผู้รับผิด ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ดังแสดงในภาพท่ี 2 ชอบค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการน�ำของลง ภาคตะวันออก จากการส�ำรวจข้อมูล พบว่า จากเรือและค่าขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ท่ีผู้ซ้ือระบุไว้ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางในพนื้ ท่ภี าคตะวนั ออก จนกระทั่งสนิ ค้าพร้อมส่งมอบ ณ สถานที่ปลายทางผขู้ าย สว่ นใหญ่ ซอ้ื วัตถุดิบประเภทเศษยางมากที่สุด รองลงมา ต้องเป็นผู้ด�ำเนินพิธีการน�ำเข้าสินค้าให้แก่ผู้ซ้ือ และเป็น คือ ยางแผ่นดิบ น�้ำยางสด และยางแผ่นรมควัน ตาม ผูจ้ า่ ยค่าภาษนี �ำเขา้ แทนผูซ้ ้ือด้วย ล�ำดับ โดยสัดส่วนในการรับซื้อวัตถุดิบ พบว่า ซ้ือจาก เกษตรกรมากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 43 รองลงมา คือ ขอ้ มูลภาคสนาม สถาบันเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 33 จุดรับซ้ือของบริษัท จากการส�ำรวจข้อมูลภาคสนามโดยการใช้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 13 และพ่อค้าคนกลาง คิดเป็นรอ้ ยละ 11 แบบสอบถาม และการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึกจากผทู้ ีเ่ ก่ียวขอ้ ง ตามล�ำดับ โดยผลิตภัณฑ์ท่ีผู้ประกอบการส่งออกยาง กับการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการ ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง น้�ำยางข้น ท้ังน้ี ในอุตสาหกรรมยาง อาทิเช่น เจ้าของกิจการ ผู้จัดการ ผู้ประกอบการทุกรายมีการจัดเก็บสินค้าไว้ในคลังสินค้า โรงงาน ผู้จัดการฝ่ายโลจิสติกส์ หรือเจ้าหน้าที่ด้าน และบรรจสุ ินคา้ เพ่ือการจดั จ�ำหนา่ ย ณ โรงงาน โลจสิ ติกส์ ในพืน้ ที่ต่าง ๆ ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ นอกจากน้ี จากการศกึ ษายงั พบวา่ ผู้ประกอบการ ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยมีผลการ ส่วนใหญ่เลือกใช้เง่ือนไขแบบ FOB เน่ืองจากทางบริษัท ศกึ ษา ดังนี้ ผู้ประกอบการไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากการส�ำรวจข้อมูล สินค้าและคา่ ใชจ้ ่ายอืน่ ๆ รวมท้งั คา่ เสีย่ งภัยในการขนส่ง พบว่า ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางในพื้นที่ภาค สนิ ค้า และมบี างสว่ นทีเ่ ลอื กเง่ือนไขแบบ CIF เนอ่ื งจากผู้ ตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่ซื้อวัตถุดิบประเภทเศษ ประกอบการต้องการค่าบริหารจัดการในการด�ำเนินการ ยางมากท่ีสุด รองลงมา คือ ยางเครป ยางแผ่นดิบ ยาง ทุกอยา่ งจนกระท่งั สินค้าถึงมือผซู้ ้ือ ณ ท่าเรือ/ด่าน ปลาย แผ่นรมควัน ยางคอมปาวด์ และน�้ำยางสด ตามล�ำดับ ทาง และในกรณีท่ีเง่ือนไขในการซือ้ ขายเป็นราคาขาย ณ โดยสัดส่วนในการรับซื้อวัตถุดิบ พบว่า ซื้อจากสถาบัน หน้าโรงงาน บริษัทคู่ค้าจะเป็นผู้ด�ำเนินการในการติดต่อ เกษตรกร มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 48 รองลงมา คือ ประสานงานและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการ พ่อค้าคนกลาง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 32 และเกษตรกร คิดเป็น ทุกส่วน และเม่ือพิจารณาถึงภาพรวมของเส้นทางการ ร้อยละ 20 ตามล�ำดบั โดยผลติ ภณั ฑท์ ผ่ี ู้ประกอบการส่ง ขนส่งยางจากโรงงานไปยังท่าเรือ/ด่านส่งออก ของผู้ ออกยาง ไดแ้ ก่ ยางแผ่นรมควนั ยางแท่ง น้ำ� ยางข้น และ ประกอบการในภาคตะวันออกทั้งหมดเลือกใช้การขนส่ง ยางเครป ทัง้ นผ้ี ปู้ ระกอบการทกุ รายมกี ารจดั เกบ็ สนิ ค้าไว้ ทางบก โดยมปี ลายทาง 4 แห่ง ไดแ้ ก่ ท่าเรือแหลมฉบัง ในคลังสินค้าและบรรจุสินค้าเพ่ือการจัดจ�ำหน่าย ณ ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือเชียงแสน และ ด่านเชียงของ ดัง โรงงานของผูป้ ระกอบการ แสดงข้อมูลในตารางท่ี 3 และจากข้อมูลในตารางท่ี 3 นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่า เง่ือนไขในการ สามารถน�ำมาสร้างเส้นทางการขนส่งยางของภาคตะวัน ขนส่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นแบบ FOB เนื่องจากบริษัทผู้ ออก ดงั แสดงในภาพท่ี 2 ประกอบการไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่ง สนิ คา้ และคา่ ใชจ้ ่ายอื่น ๆ รวมท้ังคา่ เสย่ี งภัยในการขนสง่
23 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ตารางท่ี 2 ต้นทุนและเส้นทางการขนสง่ จากโรงงานผู้ประกอบการถงึ ด่านส่งออก / ทา่ เรือสง่ ออก ของผูป้ ระกอบการในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จงั หวดั ประเภท รูปแบบ ระยะทาง ค่าขนส่ง ระยะเวลาการ ทา่ เรือ/ดา่ น ต้นทาง ของยาง การขนสง่ (กม.) (บาท/กก.) ขนสง่ (ช่ัวโมง) สง่ ออก * บุรรี มั ย์ ยางแผน่ รมควนั รถบรรทุก 408 0.60 10 1 รถบรรทุก 415 0.73 10 2 ยางแทง่ รถบรรทุก 408 0.60 10 1 รถบรรทกุ 415 0.83 10 2 นำ�้ ยางขน้ รถบรรทุก 415 0.60 10 2 สรุ ินทร์ ยางแผ่นรมควัน รถบรรทุก 434 0.63 10 1 รถบรรทกุ 442 0.63 10 2 ศรสี ะเกษ ยางแท่ง รถบรรทกุ 546 1.00 24 2 รถบรรทกุ 1,053 1.20 48 3 อุบลราชธานี ยางแผน่ รมควนั รถบรรทกุ 1,073 1.20 48 3 รถบรรทกุ 1,086 1.20 48 4 ยางแท่ง รถบรรทกุ 1,073 1.20 48 3 รถบรรทกุ 1,086 1.20 48 4 ยางเครป รถบรรทุก 1,073 1.20 48 3 รถบรรทกุ 1,086 1.20 48 4 นครพนม ยางแทง่ รถบรรทุก 837 0.85 48 2 บึงกาฬ ยางแทง่ รถบรรทกุ 771 1.00 36 1 รถบรรทุก 870 1.00 36 2 อดุ รธานี ยางแผน่ รมควัน รถบรรทกุ 664 1.10 36 2 รถไฟ 624 0.85 36 2 *1 = ท่าเรอื กรุงเทพ, 2 = ท่าเรือแหลมฉบงั , 3 = ทา่ เรอื เชียงแสน, 4 = ด่านเชียงของ ภาคเหนือ จากการส�ำรวจข้อมูล พบว่า ผูป้ ระกอบ สินค้าและบรรจสุ ินคา้ เพอ่ื การจดั จ�ำหน่าย ณ โรงงาน การในอุตสาหกรรมยางในพื้นท่ีภาคเหนือส่วนใหญ่ซ้ือ นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่า ผ้ปู ระกอบการ วัตถุดิบประเภทเศษยางมากท่ีสดุ รองลงมา คือ ยางเครป ท่ีส่งออกยางแท่งเลือกใช้เง่ือนไขในการด�ำเนินการส่ง โดยสัดส่วนในการรับซื้อวัตถุดิบ พบว่า ซื้อจากสถาบัน ออกทั้งแบบ FOB และเงื่อนไขแบบ CIF ซ่ึงเงื่อนไขการ เกษตรกร มากทสี่ ุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 43.00 รองลงมา คอื ส่งออก ขึ้นอยู่กับคู่ค้าปลายทางเป็นผู้เลือกเงื่อนไขใน พ่อค้าคนกลาง คิดเป็นร้อยละ 30.91 และเกษตรกร คิด การด�ำเนินการ และทางส�ำนักงานใหญ่ของบริษัทผู้ เปน็ ร้อยละ 26.09 ตามล�ำดับ โดยผลติ ภณั ฑท์ ่ีผ้ปู ระกอบ ประกอบการเป็นผู้ด�ำเนินการเง่ือนไขในการส่งมอบ การส่งออกยาง ได้แก่ ยางแท่ง ยางเครป ยางก้อนถ้วย ทั้งหมด และผู้ประกอบการที่ส่งออกยางเครปและยาง ท้ังนี้ผู้ประกอบการทุกรายมีการจัดเก็บสินค้าไว้ในคลัง ก้อนถ้วย เลือกใช้เง่ือนไขราคาตามตกลงแต่ละค�ำสั่งซ้ือ
24 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 ตารางที่ 3 ตน้ ทุนและเส้นทางการขนส่งจากโรงงานผูป้ ระกอบการถึงดา่ นส่งออก / ทา่ เรอื สง่ ออก ของผู้ประกอบการในภาคตะวันออก จงั หวัด ประเภท รปู แบบ ระยะทาง คา่ ขนส่ง ระยะเวลาการ ท่าเรอื /ดา่ น ต้นทาง ของยาง การขนส่ง (กม.) (บาท/กก.) ขนส่ง (ชั่วโมง) สง่ ออก * ชลบรุ ี ยางแท่ง รถบรรทุก 152 0.45 4 1 ระยอง รถบรรทกุ 70 0.32 2 2 ยางแผ่นรมควัน รถบรรทกุ 109 0.30 4 2 ตราด รถบรรทุก 1,017 0.72 72 3 สระแก้ว รถบรรทกุ 1,030 0.72 72 4 ยางแทง่ รถบรรทุก 109 0.40 3 2 น�้ำยางข้น รถบรรทกุ 109 0.30 4 2 ยางแผน่ รมควัน รถบรรทุก 309 1.00 6 1 รถบรรทกุ 242 0.62 6 2 ยางแทง่ รถบรรทกุ 189 0.45 4 2 *1 = ท่าเรอื กรงุ เทพ, 2 = ทา่ เรอื แหลมฉบงั , 3 = ทา่ เรือเชียงแสน, 4 = ด่านเชยี งของ โดยระบุว่าราคาที่ได้รับการตกลงจะเป็นไปตามงวดของ จัดเก็บสินค้าไว้ในคลังสินค้าและบรรจุสินค้าเพื่อการจัด การสั่งซื้อสินค้า ไม่ได้อ้างอิงตามราคา FOB และภาพ จ�ำหน่าย ณ โรงงาน รวมของเส้นทางการขนส่งยางจากโรงงานไปยังท่าเรือ/ นอกจากนี้ จากการศกึ ษายังพบว่า ผ้ปู ระกอบการ ด่านส่งออก ของผู้ประกอบการในเหนือทั้งหมดเลือกใช้ ส่วนใหญ่เลือกใช้เงื่อนไขแบบ FOB เน่ืองจากทางบริษัท การขนส่งทางบก โดยมีปลายทาง 5 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือ ผู้ประกอบการไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่ง แหลมฉบัง ทา่ เรอื กรงุ เทพ ทา่ เรอื เชยี งแสน ดา่ นเชียงของ สนิ ค้าและค่าใช้จ่ายอืน่ ๆ รวมทัง้ ค่าเสีย่ งภยั ในการขนสง่ และด่านปาดังเบซาร์ ดังแสดงข้อมูลในตารางที่ 4 และ สินค้า และเมื่อปลายทางเป็นคู่ค้าจากประเทศจีนจะ จากข้อมูลในตารางท่ี 4 สามารถน�ำมาสร้างเส้นทางการ เลือกใช้เงื่อนไขแบบ CIF ซ่ึงบริษัทผู้ประกอบการต้อง ขนสง่ ยางของภาคเหนือ ดงั แสดงในภาพที่ 2 รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการทุกอย่างจนกระท่ัง ภาคใต้ จากการส�ำรวจข้อมูล พบว่า ผู้ประกอบ สนิ คา้ ถงึ มือผ้ซู ้อื ณ ท่าเรือ/ดา่ นปลายทาง และในกรณที ี่ การในอุตสาหกรรมยางในพ้ืนท่ีภาคใต้ส่วนใหญ่ซ้ือ เง่ือนไขในการซื้อขายเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน วัตถุดิบประเภทยางแผ่นดิบมากท่ีสุด รองลงมา คือ น�้ำ บริษัทคู่ค้าจะเป็นผู้ด�ำเนินการในการติดต่อประสานงาน ยางสด ยางแผ่นรมควัน และเศษยาง ตามล�ำดับ โดย และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการทุกส่วน และ สัดส่วนในการรับซื้อวัตถุดิบ พบว่า ซ้ือจากพ่อค้า จากการส�ำรวจพบว่า ภาพรวมของเส้นทางการขนสง่ ยาง คนกลางมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 65.80 รองลงมา คือ จากโรงงานไปยังท่าเรือ/ด่านส่งออก ของผู้ประกอบการ สถาบันเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 25.30 และเกษตรกร ในภาคใต้ทั้งหมดเลือกใช้การขนส่งทางบก โดยมีปลาย คิดเป็นร้อยละ 8.90 ตามล�ำดับ ตามล�ำดับ โดย ทาง 7 แห่ง ได้แก่ ทา่ เรือแหลมฉบงั ท่าเรอื กรุงเทพ ทา่ เรือ ผลิตภณั ฑ์ทผ่ี ูป้ ระกอบการสง่ ออกยาง ไดแ้ ก่ ยางแผ่นรม สงขลา ท่าเรอื กนั ตัง ท่าเรือปนี ัง ด่านสะเดา และด่านปา ควัน ยางแทง่ นำ้� ยางขน้ ท้งั น้ผี ปู้ ระกอบการทุกรายมกี าร ดังเบซาร์ ดังแสดงข้อมูลในตารางที่ 5 และจากข้อมลู ใน
25 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ตารางท่ี 4 ต้นทุนและเส้นทางการขนส่งจากโรงงานผู้ประกอบการถึงดา่ นสง่ ออก / ทา่ เรือส่งออก ของผปู้ ระกอบการในภาคเหนอื จังหวดั ประเภท รูปแบบ ระยะทาง ค่าขนสง่ ระยะเวลาการ ท่าเรือ/ด่าน ต้นทาง ของยาง การขนส่ง (กม.) (บาท/กก.) ขนสง่ (ชัว่ โมง) ส่งออก * พษิ ณโุ ลก ยางแทง่ รถบรรทกุ 473 1.10 12 2 น่าน ยางก้อนถว้ ย รถบรรทกุ 318 1.15 6 3 ยางเครป รถบรรทกุ 302 1.15 6 4 พะเยา ยางเครป รถบรรทกุ 318 0.50 6 3 เชยี งราย ยางเครป รถบรรทกุ 302 0.50 6 4 ล�ำปาง รถบรรทุก 155 0.47 4 3 ยางแทง่ รถบรรทุก 147 0.47 4 4 รถบรรทุก 113 0.31 3 3 รถบรรทุก 157 0.35 4 4 รถบรรทกุ 1,752 1.00 48 5 รถบรรทุก 315 0.50 5 3 รถบรรทกุ 341 0.52 5.5 4 *2 = ทา่ เรอื แหลมฉบงั , 3 = ท่าเรือเชียงแสน, 4 = ดา่ นเชียงของ, 5 = ดา่ นปาดงั เบซา ตารางที่ 5 สามารถน�ำมาสร้างเส้นทางการขนสง่ ยางของ เกิดอุบัติเหตุจากสภาพถนนไม่พร้อม เกิดความล่าช้า ภาคใต้ ดังแสดงในภาพที่ 2 เนื่องจากถนนขาด มีการปรบั ปรุงเส้นทางเดนิ รถ ปิดถนน คา่ ใช้จ่ายในการสง่ ออกยางแตล่ ะชนดิ ในช่วงเทศกาลส�ำคัญ และทางรถไฟที่ยังคงเป็นระบบ จากท่ีได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่า การขนส่งยาง รางเด่ียว ไม่เพียงพอต่อปริมาณการส่งออกในปัจจุบัน ไปยังด่านส่งออกหรือท่าเรือส่งออกของผู้ประกอบการ และในอนาคตปริมาณจะเพิม่ ขนึ้ เรือ่ ย ๆ โรงงานแปรรูปยางในแต่ละพื้นท่ีน้ัน มีความแตกต่างกัน 2. ไม่มีเครื่องทุ่นแรงในการเคลื่อนย้ายสินค้า หรือ ตามวิธีการและระยะทางในการขนส่ง อย่างไรก็ตาม ใน จุดพักหรือถา่ ยโอนสินคา้ การส่งออกยางยังมีค่าใช้จ่ายในการส่งออกต่อตู้ 3. จ�ำนวนตู้คอนเทนเนอร์ไมเ่ พียงพอ และมสี ภาพ คอนเทนเนอร์ ดังแสดงข้อมลู ในตารางที่ 6 ไม่พร้อมใชง้ าน 4. เรอื ขนส่งสินค้าตอ้ งรอบรรทุกสินคา้ ใหเ้ ตม็ ล�ำจึง ปัญหาและอุปสรรคระบบโลจิสติกส์ จะออกเดินเรอื ได้ ยางพาราของไทย 5. ผู้ประกอบการระบุถึงปัญหาด้านเอกสารบาง อย่างมีความล่าช้าในการด�ำเนินการส่งออก เจ้าหน้าที่ท่ี จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการพบว่าปัญหา ให้บริการในการตรวจสอบยางธรรมชาติส่งออกมีไม่ และอุปสรรคระบบโลจิสตกิ สย์ างพารา ประกอบด้วย เพยี งพอ ส่งผลใหอ้ อกใบรับรองลา่ ชา้ 1. ปัญหาทางด้านโครงสร้างพื้นฐานท่ียังขาด 6. การด�ำเนินงานด้านเอกสารผ่าน Shipping ใช้ ประสิทธิภาพ เช่น ระบบการขนส่งทางถนน ได้แก่ การ เวลานานประมาณ 1 – 2 ชม. และหากด�ำเนินการเอง จะ
26 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 ตารางที่ 5 ต้นทุนและเสน้ ทางการขนส่งจากโรงงานผปู้ ระกอบการถงึ ดา่ นสง่ ออก / ท่าเรือส่งออก ของผู้ประกอบการในภาคใต้ จังหวดั ประเภท รูปแบบ ระยะทาง คา่ ขนส่ง ระยะเวลาการ ทา่ เรือ/ดา่ น ต้นทาง ของยาง การขนส่ง (กม.) (บาท/กก.) ขนสง่ (ชัว่ โมง) ส่งออก * สงขลา ยางแท่ง (1) รถบรรทุก 15 0.03 0.5 5 (อ. สะเดา) ยางแทง่ (2) รถไฟ 170 0.10 3 10 ยางแท่ง (3) รถบรรทุก 144 0.18 3.5 5-10 น้ำ� ยางขน้ รถบรรทุก 73 0.05 3 6 รถบรรทุก 15 0.02 0.5 5 รถไฟ 125 0.10 3 10 ยางแผ่นรมควัน (1) รถบรรทุก 176 0.16 3 8 เรือ 300 0.60 24 10 ยางแผ่นรมควนั (2) รถบรรทกุ 55 0.08 1.5 5 รถไฟ 125 0.10 3 10 ตรัง ยางแทง่ (1) รถบรรทุก 155 0.42 3 6 ยางแทง่ (2) รถบรรทุก 190 0.45 4 5 รถไฟ 170 0.10 3 10 ยางแผน่ รมควัน (1) รถบรรทกุ 790 0.80 12 1 ยางแผน่ รมควนั (2) รถบรรทุก 900 1.00 14 2 นำ้� ยางข้น รถบรรทุก 40 0.10 1 8 เรอื 300 0.60 24 10 ยะลา ยางแผน่ รมควนั (1) รถบรรทุก 145 0.34 3 5 รถไฟ 125 0.10 3 10 ยางแผ่นรมควัน (2) รถบรรทกุ 139 0.41 3 6 น้ำ� ยางขน้ (1) รถบรรทกุ 145 0.90 3 5 รถไฟ 125 0.10 3 10 น�ำ้ ยางขน้ (2) รถบรรทกุ 270 1.17 6 5-10 นครศรี- ยางแทง่ รถบรรทกุ 270 1.24 6 5-10 ธรรมราช น้ำ� ยางข้น (1) รถบรรทกุ 243 0.40 5 5 น้�ำยางขน้ (2) รถไฟ 125 0.30 3 10 น้ำ� ยางข้น (3) รถบรรทุก 208 0.86 4 นำ้� ยางข้น (4) รถบรรทกุ 400 1.13 8 6 ยางแผ่นรมควนั รถบรรทกุ 856 1.60 16 5-10 รถบรรทุก 208 1.09 4 2 6 *1 = ท่าเรือกรงุ เทพ, 2 = ทา่ เรือแหลมฉบัง, 3 = ทา่ เรือเชยี งแสน, 4 = ดา่ นเชยี งของ, 5 ดา่ นปาดงั เบซาร,์ 6 = ทา่ เรอื สงขลา, 7 = ท่าเรือภเู ก็ต, 8 = ทา่ เรือกันตัง, 9 = ด่านสะเดา, 10 = ทา่ เรือปนี ัง
27 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ตารางที่ 5 (ต่อ) ต้นทุนและเส้นทางการขนส่งจากโรงงานผู้ประกอบการถึงด่านสง่ ออก / ท่าเรือส่งออก ของผูป้ ระกอบการในภาคใต้ จังหวดั ประเภท รปู แบบ ระยะทาง ค่าขนส่ง ระยะเวลาการ ทา่ เรือ/ด่าน ต้นทาง ของยาง การขนสง่ (กม.) (บาท/ก.ก.) ขนส่ง (ชั่วโมง) ส่งออก * สรุ าษฎร-์ ยางแผน่ รมควนั (1) รถบรรทุก 651 1.00 11 1 ธานี ยางแผน่ รมควัน (2) รถบรรทุก 762 1.00 12 2 กระบี่ น้ำ� ยางข้น (1) รถบรรทุก 336 0.62 5.5 5 รถไฟ 125 0.10 3 10 น้ำ� ยางขน้ (2) รถบรรทกุ 480 1.20 8 9-10 ชมุ พร ยางแท่ง (1) รถบรรทุก 464 0.56 7 1 ยางแทง่ (2) รถบรรทุก 576 0.71 8 2 น้�ำยางข้น รถบรรทกุ 576 0.75 8 2 *1 = ท่าเรือกรงุ เทพ, 2 = ทา่ เรอื แหลมฉบัง, 3 = ทา่ เรอื เชียงแสน, 4 = ดา่ นเชียงของ, 5 ด่านปาดงั เบซาร์, 6 = ทา่ เรือสงขลา, 7 = ทา่ เรือภูเก็ต, 8 = ทา่ เรือกนั ตงั , 9 = ด่านสะเดา, 10 = ท่าเรือปีนัง ตารางท่ี 6 ค่าใช้จ่ายในการส่งออกยางแตล่ ะชนดิ 1 รายการ ยางแผน่ ยางแท่ง นำ้� ยางขน้ ยางก้อนถ้วย 1. เงนิ สงเคราะห์การท�ำสวนยาง (Cess) รมควนั 2.000 1.200 และยางเครป 2. ค่าธรรมเนียมใบผ่านด่าน 2,000 0.002 0.002 3. ใบรับรองปลอดศัตรูพชื 0.002 0.030 0.030 1.400 4. คา่ ด�ำเนนิ การส่งออก (70 บาท/ตนั ) 0.030 0.070 0.070 0.002 5. ค่าภาระหนา้ ทา่ ต้ลู ะ 2,600 บาท 0.070 0.130 0.130 0.020 6. ค่าน�ำรถเข้า ประมาณ 107 บาท 0.130 0.005 0.005 0.070 7. คา่ ซีลตู้ ตลู้ ะ 210 บาท 0.005 0.011 0.011 8. คา่ Flexi Bag 350 USD2 0.011 0.576 - 9. ค่า Shrink wrap - - 0.005 - 0.600 2.024 รวม - 2.848 - 2.248 - - 1.497 1 หน่วย: บาท/กโิ ลกรัม 2 Flexi bag รวมค่า Surveyer และประสานงาน Loading แล้ว 1 USD = 32.93 บาท (อัตราแลกเปล่ียน ณ วนั ที่ 21 สิงหาคม 2561)
28 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ออก เฉยี งเหนอื 6 ทาเรือสงขลา 7 ทาเรือภูเก็ต 8 ทาเรือกันตัง ดานสะเดา 10 ทาเรอื ปนัง ท่มี า: จากการศกึ ษาของผูวิจัย (2561) จากขอมูลในตารางที่ 7 สามารถนํามาสรางเสนท ขนสงยางของภาคใต ดังแสดงขอ มูลในภาพที่ 11 พที่ 8 เสน ทางการขนสง ยางของผูปรภภะาากคพเอหทบนอืก่ี 9ารเใสนน พท้ืนางทกภี่ าารคขนสงยางของภาคตะวันออภกาคใต้ ตะวันออกเฉยี งเหนือ ทม่ี า: จากการสาํ รวจของผวู จิ ัย (2561) า: จากการสํารวจของผูวจิ ัย (2561) ภาคเหนอื ภาคตะวันออก จากการสํารวจขอมลู พบวา ผปู ระกอบการในอุตสาหกรรมยาง จากการสํารวจขอมูล พบวาผูประกอบกาพร้นื ใทน่ภี อาุตคสเหาหนกือรสรวมนยใาหงญซ ื้อวตั ถดุ บิ ประเภทเศษยางมากทสี่ ุด รองลงมา พื้นที่ภาคตะวันออกสวนใหญ ซ้ือวัตถุดิบประยเาภงทเเคศรษปยาโงดมยาสกัดทสี่สุวดนในการรับซ้ือวัตถุดิบ พบวา ซื้อจากสถา งลงมา คือ ยางแผนดิบ นํ้ายางสด และยางแเผกนษรตมรคกรวันมาตกาทม่ีสลุดําคดิดับเปนรอยละ 43.00 รองลงมา คือพอคาคนกลาง ยสัดสวนในการรับซ้ือวัตถุดิบ พบวา ซ้ือจากเเกปษนตรรอกยรลมะา3ก0ท.9ี่ส1ุด แคลิดะเกษตรกร คิดเปนรอยละ 26.09 ตามลําดับ โ นรอยละ 43 รองลงมา คือสถาบันเกษตรกร คิดผเลปติ นภรัณอยฑลทะี่ผ3ูป3ระจกุดอรบับการสงออกยาง ไดแ ก ยางแทง ยางเครป ยางก ของบริษัท คิดเปนรอยละ 13 และพอคาคนกลาง คิดเปนรอยละ 11 าพที่ 10 เสภนาพททาี่ 2งเกสาน้ ทราขงกนาสรขง นยสา่งยงาขงพอางราภใานภคาเคหตนา่ งอื ๆ ของประเทศไทย มา: จากการสาํ รวจของผวู จิ ยั (2561) ภาพท่ี 11 เสน ทางการขนสงยางของภาคใต
29 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 แบบสอบถาม และการสัมภาษณ์เชิงลึก รวมท้ังได้เก็บ รวบรวมข้อมูลแบบทุติยภูมิโดยการรวบรวมข้อมูลเบื้อง ใชเ้ วลาถึง 6 – 8 ชม. ตน้ จากเอกสาร สอื่ อิเล็กทรอนกิ ส์ เวบ็ ไซต์ และงานวิจัยท่ี 7. ค่าใชจ้ า่ ยในการออกสินคา้ ณ ท่าเรอื สงขลา มี เก่ียวข้อง ส�ำหรับการส�ำรวจโดยแบบสอบถามใช้การสุ่ม ราคาสูง จึงเลือกใช้การส่งออกยางผ่านด่านปาดังเบซาร์ ตัวอย่างโดยบังเอิญ โดยผู้ตอบแบบสอบถามจะเป็นผู้ ด่านสะเดา ท่าเรือกนั ตัง ไปทางท่าเรอื ปีนงั ซงึ่ มีคา่ ระวาง บริหาร หรือผู้ปฏิบัติงานท่ีเก่ียวข้องกับการด�ำเนินงาน สินค้าทต่ี �่ำกวา่ มากถึงรอ้ ยละ 30 ด้านโลจสิ ตกิ ส์ จากผลการศึกษาพบว่า ห่วงโซ่อุปทานยางพารา แนวทางในการแกป้ ญั หา ของไทย เร่ิมต้นจากเกษตรกรขายผลผลิต ได้แก่ น�้ำยาง สด ยางแผ่นดิบ และเศษยาง หรือยางก้อนถ้วย ให้กับ ผู้ประกอบการได้เสนอแนวทางในการแก้ไข กลไกตลาดภายในประเทศ ประกอบดว้ ย สหกรณ์ พอ่ ค้า ปญั หาระบบโลจิสติกส์ ดังนี้ คนกลาง และตลาดกลางยางพารา ท�ำหน้าที่เป็น 1. ต้องการให้มีการพัฒนาระบบการขนส่งให้มี ตัวกลางในการเก็บรวบรวมยางธรรมชาติจากเกษตรกร ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เปล่ียนระบบการขนส่งทาง ให้กับโรงงานแปรรูปยางธรรมชาติในประเทศ เมื่อ รถไฟจากรางเด่ียวเป็นรางคู่ พร้อมทั้งมีเคร่ืองทุ่นแรงใน โรงงานแปรรูปรับซื้อยางจะน�ำมาผ่านกระบวนการ การเคลื่อนย้ายสินค้าเพ่ือความสะดวกและรวดเร็วใน แปรรูปเป็นยางแปรรูปชนิดต่าง ๆ เช่น ยางแผ่นรมควัน การท�ำงาน ยางแท่ง และน้�ำยางข้น เป็นต้น โดยรูปแบบของ 2. ควรให้มีเจ้าหน้าท่ีในหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ประกอบการผลิตเพ่ือส่งออก สามารถแบ่ง พร้อมปฏิบัติหน้าที่แบบ Mobile Unit เพ่ืออ�ำนวยความ ออกได้ ดงั น้ี สะดวกให้แก่ผู้ประกอบการท่ีมีปริมาณสินค้าท่ีต้องได้รับ 1) ยางแผ่นรมควัน ส่วนใหญ่นิยมท�ำเป็นยาง การรับรองเพ่ือใช้เป็นเอกสารในการแนบเพ่ือท�ำการส่ง ลูกขุน ตามมาตรฐาน Green Book ขนาดก้อนละ ออกสินคา้ 111.11 กิโลกรัม ซึ่งสามารถบรรจุใส่ตู้คอนเทนเนอร์ 3. ภาครัฐต้องมีประสิทธิภาพในการน�ำเทคโนโลยี ขนาดมาตรฐานได้ 180 ก้อน น�้ำหนักรวม 19,999.80 มาใช้ในการลดขั้นตอน เวลา และค่าใช้จ่ายทางด้าน กโิ ลกรัม โลจิสติกส์ รวมไปถึงผู้ประกอบการจะต้องมีการวางแผน 2) ยางแทง่ ส่วนใหญน่ ิยมท�ำเป็นกอ้ น กอ้ นละ 35 ระยะยาวเพื่อพัฒนาเป็น 3PL (Third-Party Provider กิโลกรัม แล้วบรรจุภัณฑแ์ บบ Shrink Wrap จ�ำนวน 36 Logistics) เต็มรูปแบบเพ่ือเป็นบริษัทท่ีรับบริหารจัดการ ก้อน รวมน้�ำหนัก 1,260 กโิ ลกรมั สามารถบรรจใุ ส่ตตู้ อน ดา้ นโลจิสตกิ ส์ อย่างครบวงจร เป็นการขยายตลาดได้ทง้ั เทนเนอร์ขนาดมาตรฐานได้ 16 Shrink Wrap รวมน�้ำ ในประเทศและต่างประเทศ หนัก 20,160 กโิ ลกรัม 4. ต้องการใหภ้ าครัฐด�ำเนินการลดค่าระวางสินคา้ 3) น้ำ� ยางขน้ สว่ นใหญ่นิยมบรรจุแบบ Flexi Bag ณ ท่าเรือในประเทศไทยลง เพ่ือเป็นทางเลือกล�ำดับแรก ขนาด 20,000 กิโลกรัม และแบบ Drum ถังละ 205 ให้แก่ผู้ประกอบการที่พร้อมสนับสนุนในการใช้บริการใน กิโลกรัม สามารถบรรจุใส่ตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน ประเทศไทย จ�ำนวน 80 ถงั รวมนำ�้ หนกั 16,400 กโิ ลกรัม หรอื บรรจุ 98 ถงั รวมน้�ำหนกั 20,090 กิโลกรมั สรปุ ผลการศึกษา 4) ยางก้อนถว้ ยและยางเครป ส่วนใหญน่ ยิ มบรรจุ ใส่ถุงโพลเี อทธลิ ีน ขนาด 30 กิโลกรมั นิยมสง่ ทางเรือโดย การศึกษาระบบโลจิสติกส์ยางพาราภายใน การเทกองไม่บรรจุใสต่ ้คู อนเทนเนอร์ ประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพท่ัวไป รวมทั้ง นอกจากนี้ จากการศึกษายงั พบว่า ผู้ประกอบการ ส�ำรวจสภาพปัญหาและอุปสรรคของระบบโลจิสติกส์ ยางพารา และศึกษาหาแนวทางในการแก้ปัญหาระบบ โลจิสติกส์ยางพาราภายในประเทศ ซึ่งได้รวบรวมข้อมูล แบบปฐมภูมิโดยการส�ำรวจภาคสนาม การใช้
30 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 รูปแบบในการส่งออกที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เลือกใช้ แบ่งออกเปน็ 3 วิธี คือ โรงงานในอุตสาหกรรมยางพาราของไทยส่วนใหญ่จะ 1) การใช้ราคา FOB เน่ืองจากผู้ประกอบการรับ เน้นการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผิดชอบการด�ำเนินการเพียงแค่ส่งยางขึ้นบนเรือที่จะ การส่งออกยางไปยังต่างประเทศจะต้องท�ำการขนส่งยาง ท�ำการส่งออกเท่านั้น ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการ ไปผ่านทางด่านส่งออกและท่าเรือที่ใช้ในการส่งออกยาง ขนสง่ สนิ ค้าและคา่ ใช้จ่ายอน่ื ๆ รวมท้ังค่าเสย่ี งภัยในการ ไดแ้ ก่ ท่าเรอื แหลมฉบงั ทา่ เรอื กรุงเทพ ทา่ เรอื ปนี ัง ท่าเรือ ขนส่งสินค้าจนกระทงั่ ไปถงึ ปลายทาง เชียงแสน ด่านเชียงของ ด่านสะเดา และด่านปาดังเบ- 2) การใช้ราคา CIF เน่ืองจากผู้ประกอบการ ซาร์ ดังนั้น ต้นทุนในการขนส่งจึงเป็นปัจจัยที่ส�ำคัญต่อ ต้องการได้รับส่วนต่างจากการบริหารจัดการในการ การสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของผู้ประกอบ ด�ำเนินการส่งยางจนกระทั่งยางถึงมือผู้ซ้ือ ณ ทา่ เรือ/ดา่ น การ ปลายทาง จากการส�ำรวจเส้นทางการขนส่งยางในพื้นท่ีภาค 3) ในกรณที ่เี งือ่ นไขในการซ้ือขายเป็นราคาขาย ณ ต่าง ๆ ทีม่ ีประสทิ ธิภาพและต้นทนุ ต่�ำที่สดุ พบว่า หน้าโรงงาน บริษัทคู่ค้าจะเป็นผู้ด�ำเนินการในการติดต่อ ภาคตะวันออก ควรเลือกการขนส่งโดยรถบรรทุก ประสานงานและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการ ปลายทางที่ท่าเรือแหลมฉบัง มีต้นทุนในการขนส่ง ทุกส่วน ซ่งึ ผู้ประกอบการไมต่ อ้ งรับภาระใด ๆ สว่ นใหญผ่ ู้ ประมาณ 0.30 – 0.72 บาท/กิโลกรมั ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางเลือกใช้วิธี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ควรเลือกการ ดงั กล่าว ขนส่งโดยรถไฟหรือรถบรรทุกโดย ปลายทางท่ีท่าเรือ นอกจากน้ี จากการส�ำรวจพบว่า ต้นทุนในการส่ง แหลมฉบัง มีต้นทุนในการขนส่งประมาณ 0.85 – 1.00 ออกยางแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน โดยยางแท่ง มี บาท/กโิ ลกรมั ตน้ ทุนการสง่ ออกสงู ท่สี ุด กิโลกรัมละ 2.848 บาท รองลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ควรเลือกการ มา คือ ยางแผ่นรมควัน มีต้นทุนในการส่งออกกิโลกรัม ขนส่งโดยรถบรรทุก ปลายทางที่ท่าเรือแหลมฉบัง มี ละ 2.248 บาท น�้ำยางขน้ มีต้นทุนในการสง่ ออกกิโลกรัม ตน้ ทุนในการขนสง่ ประมาณ 0.60 – 1.00 บาท/กโิ ลกรมั ละ 2.024 บาท และยางก้อนถ้วยหรือยางเครป มตี น้ ทุน ภาคเหนือตอนบน ควรเลือกการขนส่งโดยรถ ในการส่งออกกโิ ลกรัมละ 1.497 บาท บรรทุกโดย ปลายทางท่ีด่านเชียงของ หรือท่าเรือ เชียงแสน มีต้นทุนในการขนส่งประมาณ 0.30 – 0.50 ค�ำขอบคุณ บาท/กโิ ลกรมั ภาคเหนือตอนล่าง ควรเลือกการขนส่งโดยรถ งานวิจัยฉบับน้ีส�ำเร็จลุล่วงได้ ผู้วิจัยต้องขอ บรรทุก ปลายทางที่ท่าเรือแหลมฉบัง มีต้นทุนในการ ขอบคุณผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยาง และผู้ ขนสง่ ประมาณ 1.10 บาท/กิโลกรมั เก่ียวข้องทุกท่าน ท่ีได้สละเวลาและให้ความอนุเคราะห์ ภาคใต้ตอนบน ควรเลือกการขนส่งโดยรถบรรทุก ในการให้สัมภาษณ์แก่ผู้วิจัยด้วยความเต็มใจ รวมไปถึง ปลายทางท่ีท่าเรอื กรงุ เทพ หรอื ท่าเรอื แหลมฉบัง มตี ้นทุน ขอขอบคุณพนักงานการยางแห่งประเทศไทยในจังหวัด ในการขนส่งประมาณ 0.60 – 1.00 บาท/กิโลกรมั ต่าง ๆ ท่ีได้ให้ความร่วมมือในการประสานงานในการ ภาคใต้ตอนกลาง ควรเลือกการขนส่งโดยรถ ลงพ้ืนที่เพ่ือเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลในการวิจัยคร้งั นี้ บรรทุกและรถไฟ ปลายทางที่ท่าเรือปีนัง มีต้นทุนในการ ขนสง่ ประมาณ 0.70 บาท/กิโลกรมั เอกสารอ้างองิ ภาคใต้ตอนล่าง ควรเลือกการขนส่งโดยรถบรรทุก และรถไฟ ผ่านทางด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ กระทรวงพาณิชย์. 2561. มูลค่าสินค้าส่งออกสินค้า โดยมีปลายทางท่ีท่าเรือปีนัง มีต้นทุนในการขนส่ง เกษตร ปี 2560. สืบค้นจาก: http://www.moc. ประมาณ 0.20 – 0.50 บาท/กโิ ลกรมั go.th/index.php/rubber-service-all-3.html.
31 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ. 2558. รายงานโลจิสติกส์ของ นฤพร ประเสิรฐแสง. 2548. ต้นทุนในการตอบสนอง ประเทศไทยประจ�ำปี 2559. แหล่งข้อมูล: http:// ลูกค้าต่อกิจกรรมโลจิสติกส์ กรณีศึกษาธุรกิจ www.nesdb.go.th/ewt_dl_link.php?nid=6854. โทรศัพท์มือถือ. โครงงานวิจัยวิทยาศาสตรมหา ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม บัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ บัณฑิต แห่งชาต.ิ 2559. สัดสว่ นตน้ ทนุ โลจสิ ตกิ ส์ตอ่ GDP วิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัย ของไทยระหว่างปี 2554 – 2558. แหล่งข้อมูล: เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ,ี หนา้ 15-49. http://www.nesdb.go.th/ewt_dl_link.php? พิพัฒน์ เลิศวิทยานนท์. 2557. ระบบโลจิสติกส์ของการ nid=6854. ส่งออกยางธรรมชาติจากภาคใต้ตอนบนของ Lambert, D. M., J. R. Stock and L. M. Ellram. 1998. ประเทศไทยไปประเทศจีน. วิทยานิพนธ์. Fundamentals of Logistics Management. มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ : ขอนแก่น. Irwin/McGraw-Hill: Boston, MA. สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ. 2561. ปริมาณการ ผลติ ยางของประเทศผ้ผู ลติ ยาง ระหว่างปี 2559 – 2561.
32 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธันวาคม 2561 แบบจำ�ลองหุน่ ขาช่วยฝกึ ตดั ช้นิ เนอ้ื งอกมะเรง็ ราตรี สีสุข1, เมตตา สขุ เจรญิ 1, วรี ะชยั เกา่ บา้ นใหม่1, ณพรตั น์ วชิ ติ ชลชัย1, ทิพชาติ บณุ ยรัตพันธ2์ุ และ สุทธพิ ฒั น์ ไพโรจนบ์ ริบรู ณ์2 1ฝา่ ยวจิ ยั และพฒั นาอตุ สาหกรรมยาง การยางแห่งประเทศไทย 2หน่วยออรโ์ ธปิดกิ สเ์ นือ้ งอกกระดูกและเนอ้ื เย่ือเกยี่ วพัน โรงพยาบาลพระมงกฎุ เกล้า โรคมะเร็ง/เน้ืองอก เป็นโรคท่ีพบได้น้อยและหา วิธกี ารด�ำเนนิ งาน ยาก แต่มคี วามส�ำคัญ เพราะเกีย่ วพันถงึ ชีวติ ผู้ป่วย การ เรียนรู้ด้านทักษะของแพทย์ประจ�ำบ้านกับผู้ป่วยจริงจึงมี เร่ิมจากน�ำเอกซ์เรย์ผู้ป่วยเนื้องอกมะเร็ง ใน โอกาสลดลง แต่ทว่าเม่ือแพทย์เรียนจบแล้วจะต้อง ต�ำแหน่งต้นขา (ภาพที่ 1) มาลอกเลียนแบบเป็นหุ่นฝึก ท�ำการรักษาผปู้ ว่ ยโดยใช้หัตถการ* ทีเ่ รยี นมา ซ่งึ บางครั้ง ทักษะจ�ำลอง โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบดันลอป ไมม่ ีโอกาสไดท้ �ำ การประดิษฐห์ นุ่ ช่วยฝกึ นจี้ ึงมีประโยชน์ (Dunlop process) ซึง่ เปน็ การอาศัยหลักการตนี ้ำ� ยางให้ อย่างมาก ซ่ึงนอกจากจะช่วยฝึกทักษะแล้วยังสามารถ เกิดฟองอากาศและใช้สารก่อเจลอย่างช้า (Delayed เพิ่มปริมาณการใช้ยางธรรมชาติและลดค่าใช้จ่ายใน action gelling agent) ในการท�ำให้ฟองคงตัว กอ่ นน�ำไป การน�ำเข้าหุ่นช่วยฝึกตัดชิ้นเนื้องอกมะเร็งจากต่าง อบวลั คาไนซ์ ประเทศซึ่งมีราคาแพงไดอ้ กี ดว้ ย แบบจ�ำลองหุ่นช่วยฝึกตัดชิ้นเนื้องอกมะเร็งจาก ยางธรรมชาติ ประกอบด้วย 2 ชิ้นส่วน คือ แบบจ�ำลอง วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย ก้อนชิน้ เนื้องอกมะเร็ง และแบบ จ�ำลองห่นุ ขาช่วยฝึกตัด ชิ้นเนื้องอกมะเร็ง โดยมีส่วนของยางหล่อเบ้า (Casting) 1) ใช้เป็นห่นุ ฝกึ ในการสอนแพทย์ประจ�ำบา้ น และ ส�ำหรับเคลือบผิวแบบจ�ำลองทั้ง 2 แบบ และส่วนยาง แพทย์ต่อยอดอนุสาขาออร์โธปิดิกส์เน้ืองอกกระดูกและ ฟองน�้ำส�ำหรับท�ำแบบจ�ำลองก้อนชิ้นเนื้องอกมะเร็งและ เน้ือเยื่อเก่ยี วพัน แบบจ�ำลองหุ่นขาช่วยฝึกตัดช้ินเนื้องอกมะเร็ง ซึ่งสูตรใน 2) ใช้เป็นหุ่นในการสอบหัตถการภาคปฎิบัติ การท�ำแบบจ�ำลองแสดงไว้ในตารางท่ี 1 และ 2 (Objective Structured Clinical Examination, OSCE) ขั้นตอนการท�ำแบบจ�ำลองหุ่นช่วยฝึกตัดชิ้นเนื้อ ตามเกณฑ์แพทยสภา งอกมะเร็งจากยางธรรมชาติ ประกอบด้วย * หัตถการทางการแพทย์ หมายถึงการรักษาผู้ป่วยโดยมีการใช้เคร่ืองมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย เช่น การใช้เข็มเจาะน�้ำจาก ช่องปอด การใส่สายสวนหัวใจ การฉีดยาเข้าในข้อ การผ่าตัดต่าง ๆ การเย็บบาดแผล เป็นต้น ส่วนหัตถการทางการพยาบาล หมายถึง หตั ถการขนาดเล็ก เช่น การเจาะเลือด การท�ำแผล การใหน้ ำ้� เกลอื
agenฟt(อในงกอาารกทาําใศหแฟ ลอะงคใงชตวัส ากอรนกนอําเไจปลอบอวยัลาคททงาาาไชงงนรรางัซงั สส )ีแแี Dลละeกาlaยวyภิ eาาคคd-actio รปูผผทปู ปู ี่ ว ว 1ยยภททาม่ี ม่ี พปี ปี จญาํ ลหอางเรอื่ งง agent( ในการทําใหฟ องคงตวั กอ นนําไปอบวลั คาagent( ในการทําใหฟ องคงตวั กอนนาํ ไปอบวลั คาไนซ33 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตลุ าคม-ธันวาคม 2561 กทผกอปูากผรทงนวอ อ รปูยทนูปางนั ทตี่ทงสทว ทม่ีนรีแย่ีตี่ ต่ีปี งัขล1ทนนญ สะาขกม่ีขขภีแหาาปีวลาายขาเญพะวรวกภิอื่ จหางาาาํ าคยลเวรอภิอื่ งงาค กอนทตี่ นขาขวา รปู ทร ทางทร 1/ฝ1า/ฝยาวยิจวัยจิ แัยลแะลพะฒั พฒันานอาตุ อสตุ าสหาหกกรรมรมยยาางงกกาารรยยาางงแแหหง งปปรระเทศไทย ผปู วผ2/ห2น1//หฝว นายยวอวยอิจอรยั อโแรธลโปะธพดปฒกัิ ดสนกิ เ าสนอเ ้ือนุตง้ือสองากหอกกกรรระรมดะยดูกาูกแงแลกละาะเรนเนย้ือือ้าเงเยยแ่อื หอ่ื เเงกกปีย่ ย่ี รววะพเพทันศไทรยพ.พพรระะ กอนมงกม1/ุฎงฝกเากุฎยลเ2กวา/หลจิ นา ยั ว แยลออะรพโ ฒัธปนดากิ อสเุตนสอ้ื งาอหกกกรระรดมูกยแาลงะเนกื้อาเรยยือ่ าเกงีย่ แวหพงันปรระพเท.พศรไะทย ก2ม/หงกนฎุ ว เกยลอา อรโธปดกิ สเนอ้ื งอกกระดูกและเนอ้ื เยือ่ เกย่ี วพัน รพ.พระ มงกุฎเกภลาพา ที่ 1 ภาพจำ� ลองทางรงั สแี ละกายวภิ าคผปู้ ว่ ยทมี่ ปี ญั หาเรอ่ื งกอ้ นทต่ี น้ ขาขวา 1/ฝา ยวิจัยและพฒั นาอตุ สาหกรรมยาง การยางแห ฝา ยวจิ ยั และพฒั นาอุตสาหกรรมยาง การยาหนวยออรโธปดกิ สเน้ืองอกกระดูกและเน้ือเยือ่ เก1/ภาพท่ี 2เขม็2ตดั/ชนิ้ เนอ้ื ชนดิ พเิศษทป่ี ลายคลา้ ยใบมดี เพอื่ ตดั และดงึ ชน้ิ เนอ้ื ทค่ี าดวา่ เปน็ เซลลม์ ะเรง็ ออกมาตรวจ มง2 ก/หฎุ 1.นเกากรทว�ลำแยบา บจอ�ำลอองก้อรนชโิ้นเนธอื้ งอปกมะดเรง็ กิ สเ น อื้ งอใชเ้ วกลาใกนการรป่ันะ1ดนาทูกี (ภาแพที่ล4) ะเนื้อเย 1.1 ปนั้ พิมพ์แบบจ�ำลองก้อนชนิ้ เน้อื งอกมะเร็ง 1.5 เติมสารเคมีตามสูตรยางฟองน�้ำส�ำหรับท�ำ มงกุฎเกลา 1.2 ผสมน�้ำยางข้น 60% กับสารเคมีตามสูตร แบบจ�ำลองกอ้ นเนอื้ งอกมะเรง็ (ตารางท่ี 2) ยางหล่อเบ้า (ตารางที่ 1) และบ่มไว้ที่ 1.6 เทน้�ำยางท่ีผสมได้แล้วตามสูตรลงในแม่ อุณหภมู หิ ้องเป็นระยะเวลาประมาณ 3 วนั พิมพ์ที่มียางหล่อเคลือบเบ้าผิวไว้แล้ว รอ 1.3 น�ำยางผสมสารเคมีสูตรยางหล่อเบ้า เทลง จนยางเซ็ตตวั (ภาพที่ 5) ในแม่พิมพ์แบบจ�ำลองชิ้นเนื้องอกมะเร็ง 1.7 อบยางทอี่ ณุ หภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน เพื่อไปเคลือบผิวแบบจ�ำลองก้อนชิ้นเนื้อ 1.30 ชวั่ โมง งอกมะเร็ง ท้ิงไวป้ ระมาณ 1 ชวั่ โมง จากนน้ั 1.8 แกะยางออกจากแม่พิมพ์ น�ำมาตัดแต่ง เทยางออกจากแมพ่ ิมพ์ (ภาพท่ี 3) แล้วน�ำไปประกอบในส่วนของหุ่นขาต่อไป 1.4 ผสมน�้ำยางข้น 60% กับโปแตสเซียมโอลิ- (ภาพท่ี 6) เอต แล้วปน่ั ด้วยความเรว็ ใหไ้ ดฟ้ องอากาศ 2. ข้ันตอนแบบจ�ำลองหุ่นขาช่วยฝึกตัดชิ้นเนื้อ
34 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตลุ าคม-ธนั วาคม 2561 ตารางที่ 1 สูตรยางหล่อเตแบาล้ารตะา(าเCงครทaาลs่ีงือ2tทinบผี่gผ2ล)ิวขผสแอลำ� บหงขบพรอจับชืงำ�พเคลคมุชื อลคดงือมุินหบดชุ่นผนิ ขวิ ชิดาแน1ตบเดิ่าบปงตจ็นๆเา่ ปำ�เตงวล็นๆอ่ลอเตธาวงาอ่กล4ตอ้ธา,ุอนา64ตาเ,แหนุอ6ลาอ้ื ะแรหมใลาะ1นะรเ0ดรใ1ป็งนิ 0ีดหปนิลีหังจลาังกจโาคก่นโคปน่าแปล่าะแมลกีะ ส่วนผสม ปริมาณ (ร้อยละโดยน้�ำหนัก) นำ้� ยางขน้ (60 เปอรเ์ ซ็นต์ เน้อื ยางแห้ง) สารเพ่มิ ความเสถยี รของน�ำ้ ยาง (เทอรกิ ) 80 - 90 สารเชอื่ มโยงโมเลกุลยาง (ก�ำมะถัน) 0.1 - 0.5 สารตวั เรง่ ปฏกิ ิริยา (แซดดอี ีซี) 2.0 - 2.5 สารป้องกันการเสื่อม (วงิ สเตยแ์ อล) 1.0 - 2.0 สารปรับสี (ติตาเนยี มไดออกไซด์) 0.5 - 1.5 สารตวั เตมิ (แคลเซียมคาร์บอเนต) 4.0 - 20.0 สารกระตุน้ ปฏกิ ริ ยิ า (ซิงค์ออกไซด์) 2.0 - 5.0 1.0 - 2.5 1 บม่ เรง่ ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ้ ง ประมาณ 3 วนั ตารางท่ี 2 สูตรยางฟองน�ำ้ (Foaming) สำ� หรับท�ำแบบจำ� ลองก้อนชนิ้ เน้อื งอกมะเร็ง และหุน่ ขาช่วยฝกึ หัดตัดชนิ้ เน้ืองอกมะเร็ง ส่วนผสม ปริมาณ (ร้อยละโดยน�้ำหนกั ) นำ�้ ยางขน้ (60 เปอร์เซ็นต์ เนอื้ ยางแหง้ ) สารชว่ ยใหเ้ กดิ ฟอง (โปเเตสเซียมโอลเิ อต) 85 - 95 สารเชือ่ มโยงโมเลกลุ ยาง (ก�ำมะถัน) 1.0 - 5.0 สารตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยา (แซดดีอีซี และแซดเอ็มบีที) 1.5 - 2.5 สารปอ้ งกนั การเสอ่ื ม (วิงสเตย์แอล) 0.5 - 2.0 สารกระตุ้นปฏิกริ ิยา (ซงิ คอ์ อกไซด์) 1.0 - 2.0 สารเสรมิ การกอ่ เจล (ดีพีจ)ี 4.0 - 6.0 สารก่อให้เกดิ เจล (เอสเอสเอฟ) 0.5 - 2.0 0.5 - 2.0
แบบจาํ ลองชิน้ เนอ้ื งอกมะเรง็ เพื่อไปเคลอื บผวิ แบบจําลองกอ น ชน้ิ เน้อื งอกมะเรง็ ท้ิงไวป ระมาณ 1 ช่วั โมง จากน้ันเทยางออก จากแมพิมพ ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 35 1.4 ผสมนํ้ายางขน 60% กบั โปแตสแตสเซียมโอลเิ อต แล ว ป น ยางหล่อเบ้า (ตารางที่ 1) และบ่มไว้ที่ กะามรีกปาลรปูกยลากู งยาง อุณหภูมิหอ้ งเป็นระยะเวลาประมาณ 3 วนั 2.3 น�ำน�้ำยางผสมสารเคมีสูตรหล่อเบ้า เทลง ในแม่พิมพ์แบบจ�ำลองหุ่นขาเพื่อไป เคลือบผิวหุ่นขา ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ใหไ้ ด้ความหนาตามต้องการ จากนัน้ เทยางออกจากแมพ่ ิมพ์ (ภาพท่ี 8) 2.4 ผสมน�ำ้ ยางขน้ 60% กบั สารเคมตี ามสูตร 11.ด4.4วภยผาผคสพสวมทม่ีาน3นมก้ําาเํ้ายรรเยาคว็ ลางใอืงขบหขผน ไ วินแด6บ6ฟ 0บ0จ%อำ� %ลงออกงกกาบั อ้ บกั นโชโาปน้ิ ปศแเนแตอ้ืใตมสชะสแเเรแงว็ตตลสสาเซใเซนยี ียมกมโาโอรอลปลเินอเิ อต1ตแนแลาลว ทวป ี ปน น 2.5 ยางฟองน�้ำ (ตารางที่ 2) จนครบ เทน�้ำยางผสมสารเคมีสูตรยางฟองที่ได้ลง รปู รทปู ี่ ท4 ี่ ภ3าภพาแพสดแงสกดางรกเตามิ รสเคารลเอืคบมผี สิวมแกบบั บนจาํ้ าํ ยลาองขงกนอแ นล ะช ปิ้นน ในพิมพ์ขาประมาณ 2 ส่วน 3 จนถึง ต�ำแหน่งท่ีต้องการวางก้อนยาง รอจนยาง เน้อื มะผเรสง็มดวยความเรว็ แห้งจึงวางก้อนยางที่จะท�ำเป็นเน้ืองอกลง ไป (ภาพท่ี 9) A B1.5 เตมิ สารเคมีเหลือตามสตู รยางฟองนํ้าสาํ หรบั ทาํ แบบจ าํ ล อง 2.6 ผสมน้�ำยางตามสูตรยางฟองน้�ำอีกคร้ัง กอนเนอื้ งอกมะเรง็ ตามขอ 2 เพื่อเททับก้อนเน้ืองอก รอจนยางเซ็ตตัว 1.6ดดวเภวทยายคนพคทว้าํ ว่ีาย4ามากมเงารรเทเรว็ตว็ผ่ีมิใสใหสาหรมไ เคไดไมดดฟผี ฟสแอมอลกงบังอว นอาตำ้� ายกาากามงขาศสน้ ศตู(ใAใรช) ชแลเลวงเ ะวลใปลน่ัานผาใสแในมมนดกวพ้ กยาคิมารวรพปามปนท เรน ว็ี่ม1(ียB1)นานงาาหท ทลี ี อ (ภาพท่ี 10) 2.7 อบยางท่ีอณุ หภมู ิ 100 องศาเซลเซียส นาน รรปู ปู ทท่ี 4่ี 4ภภาาพพแแสสดดงงกกาารรเตเตมิ ิมสสาารรเคเคมมีผีผสสมมกกับบั นนํ้าาํ้ยยาางงขขนน แแล ละ ะป ปนน 3 ช่วั โมง (ภาพท่ี 11) 2.8 แกะยางออกจากแม่พิมพ์ น�ำมาตัดแต่ง ซกั ล้างและพ่นสี (ภาพที่ 12) ยางท่ีอณุ หภูมิ 100 องศาเซลเซยี ส นาน 1.30 ชั่วโมงผผสสมมดดววยยคคววาามมเรเรว็ ว็ ะยาออกจากแมพิมพ นาํ มาตดั แตง แลว นําไปประกอบใเคลอื11บ.5.เ5บภเา ตาเผตพมิ ทวิมิ สี่ไส5าวารกแราเครลเเคทมว นมเี ำ้� หเียรหาลองลผอื จสอื ตนมตาสยาามรามเสคงสมตู เสีูตซรตู รยต็รยยาตาางงวัฟงฟอฟงอลองงใงนนนแา้ํ บ้ําสบสาํ พาํหมิ หพรท์รบั มี่ บั ทยี ทาาํ งาํหแลแบอ่ บบบจจาํ ําลลอองง กกอ เอ นคนลเอื นเบนเ้อื บือ้ งา้ ไงอวอแ้ กลกมว้ มะะเรเรง็ ็งตตาามมขขออ22 ผลการดำ� เนินงาน เม่ือได้แบบจ�ำลองหุ่นขาช่วยฝึกตัดช้ินเนื้องอก ร1ปู1.6.ท6เ่ี 5ทเทนภน้าํ าํ้ายพยากางงาททร่ผี เ่ีผสทสมนมไํา้ ไดยดแาแลงลวผวตสตามามสมสาสูตรูตรเครลลมงงใีสในูตนแรแมยมพาพ งิมฟมิ พพอท งท มี่ ลี่มียงียาใางนงหแหลมบลอ ะบอเรพ็งมิแพล้ว ทดลองน�ำมาตัดตามขวางเพื่อดูลักษณะของ แบบก้อนเน้ือและขา และเม่ือทดลองใช้อุปกรณ์ทางการ ทม่ี ยี างหลอ เคลือบเบาไวแ ลว แพทย์ในการเจาะ และตัดแบบจ�ำลองก้อนชิ้นเน้ือมะเร็ง พบว่า สามารถใช้อุปกรณ์ในการเจาะหุ่นจ�ำลองขาจน ทะลุถึงก้อนชิ้นเน้ือมะเร็งและตัดเอาเน้ือเยื่อของชิ้นเนื้อ เคเคลลอื อื บบเบเบา าผผิวิวไไววแ แ ลลว ว รรออจจนนยยาางงเซเซต็ ต็ ตตวั วั มะเร็งออกมาได้ ผลส�ำเรจ็ และความคมุ้ คา่ นขาตอ ไปทรทรปู มี่ ูป่มีทียทีย่ีาภ5ี่างา5พงหภทหภลา่ี 6ลาพอ แพอเกบคเกบาคลจารลำ�ือรเลือทบอเทบงเนกบเนอ้ ํ้าบนา าํ้ยเาไนยาไอ้ืวางงวแองผแกลผมสลวะสมวเรมงส็ กสาอ่ นารใรเสคเไ่ วคมใ้ นมีสแีสูตบูตบรจรยำ� ยลาอางงหงฟนุ่ฟอขาองงลลงงใในนแแบ สบบาบพมพมิามิรพแถพบ น บ�ำมจ�าำลใหอ้นงหักุ่นศขึกาษชา่วแยพฝทึกยต์ใัดชช้ฝิ้นึกเนกื้อางรอเกจมาะะแเรล็งะทตี่ไดัด้ งอกมะเร็ง ชิ้นเน้ือได้อย่างเหมาะสม ในการฝึกตัดช้ินเนื้อเยื่อของ 2.1 ปั้นพิมพ์แบบจ�ำลองหุ่นขาช่วยฝึกตัดชิ้น นักศึกษาแพทย์แต่ละครั้งจ�ำเป็นต้องใช้เข็มเจาะหุ่น 6 ภาพแสดงแบบจาํ ลองกอนเน้ืองอกมะเรง็ กอ นใสไ วใน เนอื้ งอกมะเรง็ (ภาพที่ 7) ท�ำให้หุ่นจ�ำลองมีการเส่ือมสภาพลงไป ซึ่งหุ่น 1 ตัว 2.2 ผสมน�้ำยางข้น 60% กับสารเคมีตามสูตร สามารถใช้ฝกึ ได้ไม่เกนิ 5 คร้งั ดงั นัน้ การผลิตผลิตภัณฑ์ ลองหุน ขา
2.1 ปนพมิ พแบบจําลองหนุ ขาชว ยฝกตดัขา 2.4 ผสร2มปู .นท4รี่ํา้ ปู9ผยทแสาี่ สง9มขดนแงน้าํสกยดา6างร0กงเ%ทขานรน เกํา้ ทย6บั นา0ส้าํง%ายผราสเกงมคผบั สมสสาีตมราาสเรคมาเมคสรเสี ตูมคูตีตรมรยาสี ยามูตางสรงฟยูตฟาอรองงยงฟนลาอง้ํางงใฟตลนาองเมบใงขนนา เอ้าํ บตา2า จนครบจนครบ พมิ พพ ิมแพละ แกลาะรกวารงวกาอ งนกเอนนอื้ เลนงือ้ ใลนงใเนบาพเบมิ า พพแิมบพบแจบําบลจอํางลหอนุ งหุน 2.5 เทน2้าํ .5ยขาเาทงผขนสาํ้ามยสาางรผเสคมมสสี าูตรรเคยามงีสฟูตอรงยทาไ่ีงฟดลองใทนไี่ พดลิมงพใข นาพปมิ รพะมข าาณปร 36 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 35 ตลุ าคม-ธนั วาคม 2561 2.62ผ.6สมผนสา้ํ มยนาํา้งยตางมตสาูตมรสยูตารงยฟาองงฟนอ้ํางอนกี ้าํ คอรกี ้งั คเรพั้งอื่ เพทอื่ทเบั ทกทอ บั นกเอนนื้อเนื้อ รูปที่ 7 แสดงเบา พมิ พ2.6 ผสมนํ้ายางตามสูตรงยอกางรองอกจฟรนอยอจานงงยเซนาต็งเตาํ้ซวั ต็อตกีวั คร้ัง เพอ่ื เททบั กอ นเน งอก รอจนยางเซต็ ตวั ฝกตดั ชนิ้ เนอ้ื งอกมะเ รูปทรี่ ปู10ท่ี แ1ส0ดแงสกดางรกเทานรเํ้าทยนาํา้งยผาสงมผสสามรสเคามรเสี คตู มรีสยตู ารงยฟาองงฟลองงใลนงเบในาพเบมิ า พพ มิ พ แบบแจบําบลจอํางลหอุนงขหานุ เขพาือ่ เพทื่อทเบั ทกทอบั นกเอนนอ้ื เนื้อ จ2ึง2สว.7วาน2งอ.ก73จ2บอ งึยนสกภอวจาอ้าบวยนาพงนเนยทนทงาถอื้่ีากง่อีล93งึงงทอุณใกตทนาี่จนเรหจอี่บําเะทยา้ แุณนภพนทาำม้�ิหูมถยหําพงาินแ์ึงเทง1ภบปผตงบ0สูมี่จนจมทํา0ิะำ�ส1แลเี่ตาทนออ0รหงเอ าํคงห0้อื มนน่งุศเงสีขปอกางตาู องนรเทายซกศารเ่ีตงลนลาวฟอเงอื้อาซงงไลงงลกยีงปกอใเนสาซอกเบรนียนาล้ วพสางยมิานพไงาน์ ปแกง3าลอะนรชกนาอ3ว่ัรวยจโาชงานมงั่วงยโารมงองแจหนงยา นาที ใหไดความหนาตามตอ งการ จากน้ันรูปท่ี 10 แสดงการเทนํ้ายางผสมสารเคมสี ูตรยางฟองลงในเบา พมิ พ แบบจําแลมองพ หุนมิ ขพา เพือ่ เททบั กอนเนอ้ื ภาพท่ี 10 การเทนำ้� ยางผสมสารเคมสี ตู รยางฟองลงในเบา้ พมิ พแ์ บบจำ� ลอง หนุ่ ขา เพอื่ เททบั กอ้ นเนอ้ื 2.7 อบยางที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซยี ส นาน 3 ชั่วโมงภาพท่ี 7เบา้ พมิ พแ์ บบจำ� ลองหนุ่ ขาชว่ ยฝกึ ตดั ชน้ิ เนอ้ื งอกมะเรง็ รูปทร่ี ูป11ที่ แ1ส1ดแงสกดางรกอาบรยอาบงยแาบงบแจบําบลจอาํ งลหอุน งขหาุนฝขก าตฝดั ก ชตนิ้ ดั มชะน้ิ เรมง็ ะเรง็ 2.82แ.8กะแยกาะงยอาองกอจอากกจแามกพแิมมพพ ิมนพาํ ม นาาํตมดั าแตตัดง แซตกังลซา กั งลแาลงะแพลนะสพี นสี รูปที่ 8 แสดงการเค พมิ พแบบจาํ ลองหนุ ขา 2.2 ผสมน้าํ ยางขน 60% กบั สชาว รยเฝคกมตีตดัาชม ภาพท่ี 11 อบยางแบบจำ� ลองหนุ่ ขาฝกึ ตดั ชน้ิ มะเรง็ ในตอู้ บ 1 และบม ไวท ่อี ุณหยางฟภองนูม�้ำแบิหบจ�ำลอองหงุ่นขเาชป่วยฝนึกตัดรช้ินเะน้ืองยอก ะเวล มะเร็งจึงมีความคุ้มค่าที่จะลงทุนเพ่ือน�ำมาผลิตขายต่อ รูปที่ 11 แสดงการอบยางแบบไ2ป0จใ0นชอาํุดน/ปาลคี ตอโดงยหมีปรุนิมาขณคาวาฝมต้อก งกตารปัดระชมาณนิ้ 1ม00-ะเรง็ 2.3 นาํ นา้ํ ยางผสมสารเคมีสูตรหลอ เบา เภาพที่8การเคลอื บนำ�้ ยางลงในเบา้ พมิ พแ์ บบจำ� ลองหนุ่ ขา
37 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 ภาพท่ี 12 ชน้ิ งานผลติ ภณั ฑย์ างแบบจำ� ลองหนุ่ ขาฝกึ ตดั ชน้ิ มะเรง็ หลงั อบแหง้ และตกแตง่ แลว้ ที่ 12รแปู สทด่ี 1ง2ชแิ้นสงดางนชผ้นิ ลงิตานภผณั ลฑติ ภย ณัางฑแยบาบงจแาํบลบอจงาํ หลอนุ งขหานุ ฝขก าตฝัดกตชดั นิ้ ชน้ิ ลมงัะเอรบง็ แหหลงงั แอลบะแตหกง แแลตะง ตแกลแว ตง แลว ผลการดาํAเนนิ งาน B าเนนิ งานภาพที่ 13 การตดั ชน้ิ งานผลติ ภณั ฑย์ างแบบจำ� ลองหนุ่ ขาฝกึ ตดั ชน้ิ มะเรง็ ตามขวาง (A) และจดุ ทส่ี ามารถใชใ้ นการฝกึ หดั (B) เมื่อไดแบบจาํ ลองหุนขาชว ยฝกตดั ชนิ้ เน้อื งอกมะเรง็ แลว ทมดื่อลไอดงแนบาํ มบาจตาํ ัดปลตรอะาโยงมชหนข์ทนุ วีจ่ ะาขไดงา้รเบั พช่ือว ดยลูฝกั กษตณไดัด้ โะชดยขกน้ิ ระอจเางยนไแปื้อตบามงบโรองเกรยีกนอ แมพนทะยเต์ นเา่ งรๆือ้ ง็ในแปแรละลเทะศว ไขทยา และ ามมอ่ื าทตดดั ลบ ตอ้านงาแ1ลใม.ะสชแขาพมทอ ายวรต์ุปถ่อานยก�ำองมดารเอใชนพณฝ้ สุ ึกาเ่อืขพท า่มิ มดพาะนูเรลงูท็งักกกัษะาแษพรทณแย์ปพระะจทข�ำ ยอ ทใ ักงษนแะแ3กบ.พทสาบยารม์ไดากเ้ใรจนถออผานลานิตะคนตแ�เำไทนลป้ังขใะือ้านยปตเแรพะดั่ือเลทเปศแ็ะนแลบเคขะรปบ่ือรางะจมชือาําฝคแึมกลลอะงกอน อชถะนทงเึงน้ิ รเ่ีใกนเ1ง็ นชอ ตร้อื3น้อือ พปูมดั มชปุ แะทบะชนิ้กเสเวรี่รเ้นิ2รด1น.า็งง็ สณมต3าสแือ้งมาพมะกาลดัท รแถเะมะบใาชารชเสต้เาวรรปงง็น้ิ็นรดาดั็งกตเตคสแถมรเงา่ือัดอาาลงใระกทมชมาดะชแเสาตาเรอขน้ิพอบนรรดัง็ทุปวักถงทตอื้เตษอาใากะเยัดขาายชองนรใงชเมแอ่ือณนพนผแขทขนิุ้ป้ือยกลลใ์กอวเงนยาิตะรองาาารอื่จณกเชภงซนเขียดุาจน้ินณัใ ผอแราทนเงเลลนะฑกจชี่สแติะื้อาานิ้ายลจรภมะมเาะเดุหนะณัจตางเอ้ืทนุารรแดั มะฑจี่สง็ ถแหบะอาํ ายเใบนุบรลอมาชบจง็ จอกางอาํจใงํามรลแอาํขนลาอถกบลาไอกงมใอบจดขงาาชงนจาไหรกใจดทําฝนุอนนละกนขทลอกหะุา จลแสลําะเรคจ็ วแาลมะคคุมวคาา มคมุ คา แบบจําแลบอบงจหําุนลอขงาหชุนวยขฝาชกตวยัดฝชก้ินตเนัดื้อชง้ินอเกนม้ือะงเอรก็งมทะี่ไเดรส็งาท
38 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 35 ตลุ าคม-ธนั วาคม 2561 ค�ำ แนะน�ำ สำ�หรับผู้เขยี น วารสารยางพารา เป็นวารสารทางวิชาการท่ี ช่ือผู้เขียน เกี่ยวข้องกับการท�ำสวนยาง การแปรรูปยาง และ ใช้ชื่อเต็มกับสถานที่ท�ำงานของผู้เขียนแต่ละคน ผลิตภัณฑ์ยาง โดยมีสถาบันวิจัยยาง การยางแห่ง พร้อมกบั ระบเุ บอร์โทรศพั ท์มือถอื และ E-mail address ประเทศไทย เปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบ ของผ้เู ขยี นท่ีจะเป็นผตู้ ดิ ต่อกบั ทางวารสารยางพารา บทความท่ีตีพิมพ์ในวารสารยางพารา เป็นความ เนอ้ื หา เรียงทางวิชาการซ่ึงได้จากการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ หลักตามล�ำดับดงั นี้ และวิจัย ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้จากการท�ำงาน 1. ค�ำน�ำ เป็นการเกร่ินน�ำเร่ืองราวท่ีเกี่ยวข้องเพื่อ เก่ียวกับยางพารา โดยผู้เขียนนอกจากเป็นนักวิชาการ จะน�ำเขา้ ส่เู นอื้ หาหรือตวั เรอื่ ง (ไม่ตอ้ งใส่หวั ขอ้ \"ค�ำน�ำ\") ของสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทยแล้ว ผู้ 2. ตวั เร่ือง เขยี นจากหนว่ ยงานอนื่ ๆ ทท่ี �ำงานเก่ียวกบั ยางพารา หรือ แม้นกระทั่งนักวิชาการอิสระ ก็สามารถส่งเรื่องมาเพ่ือให้ 2.1 น�ำเสนอรายละเอียดของเรื่องตามล�ำดับ พิจารณาตีพิมพไ์ ด้ ควรแบง่ เป็น หวั ขอ้ ใหญ่ หัวข้อย่อย วารสารยางพารา เป็นวารสารราย 3 เดือน คือ 2.2 ควรเรียบเรียงเน้ือหาของบทความโดยใช้ ฉบับ มกราคม-มนี าคม, เมษายน-มิถุนายน, กรกฏาคม- ภาษาที่เข้าใจง่าย เน่ืองจากผู้อ่านวารสารยางพารามี กนั ยายน และ ตลุ าคม-ธนั วาคม ออกเผยแพร่ใน 2 ช่อง หลายระดับ ท้ังนักวิชาการ เจ้าของสวนยาง และ ทางคือ ช่องทางแรก จัดพิมพ์เป็นเล่ม ขนาดกระทัดรัด ประชาชนท่ัวไป จ�ำนวน 48 หน้า บนกระดาษอาร์ต มีภาพ 4 สีประกอบ 2.3 ค�ำศัพท์ใดทเี่ ปน็ ค�ำศัพทเ์ ฉพาะ โดยเฉพาะ อีกช่องทางหนง่ึ จดั ท�ำในรูปแบบสอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์ ใชช้ ือ่ ค�ำศัพท์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ควรอธิบายค�ำศัพท์น้ันใน ว่า \"วารสารยางพารา (ฉบับอิเล็กทรอนิส์)\" เผยแพร่ทาง ลกั ษณะของเชิงอรรถ (Footnote) เว็บไซต์ www.rubber.co.th. หรือ www.raot.co.th 2.4 ในกรณีท่ีบทความมีภาพ หรือตาราง ควร ระบตุ �ำแหน่งของภาพและตารางในเนอื้ หา โดยระบไุ วใ้ น วงเล็บ เช่น ...... (ตารางท่ี 1) หรือ ....... (ภาพที่ 1) การเตรียมต้นฉบับ 2.5 ส�ำหรับตาราง ควรให้รายละเอียดของ ข้อมูลในตารางให้มากท่ีสุด เช่น หน่วยของข้อมูล ท่ีมา ต้นฉบบั ของข้อมูล หมายเหตตุ ่าง ๆ พิมพ์หน้าเดียวบนกระดาษขนาด A4 ใช้ฟอนด์ที่ 3. บทสรุป หรือสรุปวิจารณ์ เป็นการสรุปสาระ นิยมใช้ทั่วไป เช่น TH Sarabun New, Angsana New ส�ำคญั ทงั้ หมดของเรอื่ งท่ีควรเนน้ และอาจจะเสนอขอ้ คดิ เปน็ ต้น แต่ตัวเลขทีใ่ ชพ้ มิ พต์ อ้ งเปน็ เลขอารบคิ เทา่ น้ัน เห็นและวจิ ารณ์ ช่ือเรือ่ ง 4. คำ� ขอบคุณ อาจมี หรอื ไมม่ กี ไ็ ด้ เป็นการแสดง ควรกะทัดรดั แตส่ ื่อถึงเน้ือหาไดด้ ี
39 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 การอา้ งองิ จากวารสาร ให้เรียงล�ำดบั ตามองค์ประกอบดงั ต่อไปน้ี ค�ำขอบคุณแก่ผู้ที่ช่วยเหลือ เช่น ให้ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ 1) ชอื่ ผู้วิจยั แตม่ ไิ ด้เป็นผรู้ ่วมเขียน 2) ปีท่ีพิมพ์ (ปี พ.ศ. ส�ำหรับภาษาไทย ปี ค.ศ. 5. เอกสารอ้างอิง/บรรณานุกรม ในกรณีของ ส�ำหรบั ภาษาอังกฤษ) เอกสารอ้างอิง ให้แสดงเฉพาะเอกสารที่ใช้อ้างอิงใน 3) ชือ่ เร่อื ง เน้อื หาเทา่ นั้น ส�ำหรบั บรรณานกุ รม เป็นรายการเอกสาร 4) ชื่อวารสาร (ชื่อเต็ม หรือค�ำย่อทีก่ �ำหนด) ที่น�ำมาใชใ้ นการเขียนบทความ แต่ไมไ่ ด้อ้างองิ ในเน้ือหา 5) ฉบับท่ี (Volume number) และเล่มที่ (Issue 6. ภาคผนวก ได้แก่ ข้อมูลหรือตารางที่ไม่ number) (ถา้ มี) เกี่ยวข้องกับเนื้อหาโดยตรง แต่ใช้เพ่ือขยายความหรือ 6) หน้า (หมายเลขหน้าแรก-หน้าสุดทา้ ยของเรอ่ื ง) ท�ำให้ผอู้ ่านเขา้ ใจมากยิง่ ขน้ึ การพิมพช์ ือ่ ผวู้ ิจัยส�ำหรบั วารสารภาษาไทย ใช้ช่อื - นามสกุล ส่วนวารสารภาษาอังกฤษ เฉพาะคนแรก เอกสารอ้างอิง เท่านั้น ขึ้นต้นด้วยนามสกุลแล้วค่ันด้วยเคร่ืองหมาย จุลภาค ตามดว้ ยชอื่ ตน้ และชื่อกลาง (ถ้ามี) และในกรณี การอ้างองิ ในเน้อื หา ที่มีผู้วิจัยหลายคน ให้ใช้ และ (ภาษาไทย) และ and ใชร้ ะบบชอื่ และปี ตัวอย่างเช่น (ภาษาอังกฤษ) น�ำหนา้ คนสุดท้าย ภาษาไทย ใชช้ อ่ื ตน้ -ปี พ.ศ. ตวั อยา่ ง (ภาษาไทย): สุมนา แจ่มเหมือน, พรทิพย์ ประกายมณีวงศ์ และ นุช- - ปรดี เ์ิ ปรม (2557) หรือ (ปรดี เิ์ ปรม, 2557) นาฏ ณ ระนอง. 2557. การผลิตท่อน�้ำซึมส�ำหรับ - อารมณ์ และสมคิด (2559) หรอื (อารมณ์ และ ใช้ในการเกษตร. ว. ยางพารา 35(4): 38-46. สมคดิ , 2559) ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ): กรณีท่ีมีผู้เขียนต้ังแต่ 3 คนข้ึนไป ให้ใช้และคณะ Chandrashekar, T. R., M. R. Jana, Joseph Thomas, ตอ่ ท้ายผูเ้ ขยี นคนแรก ตัวอยา่ ง K. R. Vijayakumar and M. R. Sethuraj. 1990. - สุรชยั และคณะ (2557) หรอื (สุรชยั และคณะ, Seasonal changes in physiological charac- 2557) teristics and yield in newly opened trees of หมายเหตุ: ในกรณที ีต่ ้องอ้างถงึ ผ้เู ขียนคนเดียวกนั Hevea brasiliensis in North Konkan, Indian. J. หรือคณะเดียวกัน และมีปี พ.ศ. เดียวกันให้ใช้อักษร ก, Nat. Rubb. Res.3(2): 88-97. ข, ค ตอ่ ทา้ ยปี พ.ศ. เช่น การอา้ งอิงจากหนังสือ หรอื ต�ำรา - อารมณ์ และคณะ (2554 ก), หรือ (อารมณ์ และ ให้เรยี งล�ำดบั ตามองคป์ ระกอบดงั ต่อไปน้ี คณะ, 2554 ข) 1) ช่ือผู้แตง่ ภาษาองั กฤษ ใช้ช่ือสกุล-ปี ค.ศ. 2) ปีทพ่ี มิ พ์ - Haase (2008) หรือ (Haase, 2008) 3) ชื่อหนงั สือ - John and Matthan (2012) หรือ (John and 4) พมิ พ์ครง้ั ท่ี (Edition number) (ถ้ามี) Matthan, 2012) 5) ส�ำนกั พิมพ์ และสถานท่ีพิมพ์ กรณที มี่ ีผ้เู ขียนตงั้ แต่ 3 คนขน้ึ ไป ใหใ้ ช้ et al. ต่อ ตวั อยา่ ง (ภาษาไทย): ทา้ ยผ้เู ขยี นคนแรก นุชนารถ กังพิศดาร. 2552. การจัดการสวนยางพารา - Dickson et al. (1960) หรอื (Dickson et al., อยา่ งยัง่ ยืน: ดิน น�ำ้ และธาตุอาหารพชื . โรงพมิ พ์ 1960) หมายเหตุ: ในกรณีท่ีตอ้ งอา้ งถึงผ้เู ขียนคนเดียวกัน หรือคณะเดียวกัน และมปี ี ค.ศ. เดยี วกัน ให้ใชอ้ ักษร a, b, c ต่อทา้ ยปี ค.ศ. เช่น - Jacob et al.(1996 a), (Jacob et al.,1996 b)
40 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร:์ กรงุ เทพมหานคร. ตวั อย่าง (ภาษาอังกฤษ): ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกัด: Gomez, J. B. 1966. Electron microscopic studies on กรุงเทพมหานคร. the development of latex vessels in Hevea ตัวอยา่ ง (ภาษาอังกฤษ): brasiliensis Muell. Arg. Ph.D. Thesis, Brydson, J. A. 1978. Rubber Chemistry. Applied University of Leeds: Leeds. Science Publishers: London. กรณอี า้ งองิ จากเวบ็ ไซต์ ในกรณีเปน็ บทหน่ึงของหนังสอื ควรเลือกที่เป็นข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐบาล Paardekooper, E. C. 1989. Exploitation of the rub- หรือหน่วยงานที่เป็นท่ียอมรับในวงการวิชาการ โดยเรียง ber tree. In: Webter, C. C. and W. J. Baulkwill ล�ำดับตามองคป์ ระกอบดงั น้ี (eds.) Rubber. John Wiley & Son, Inc.: New ชอ่ื ผู้เขยี น/หนว่ ยงาน ปที ่พี ิมพ์ ชอ่ื เรอื่ ง แหล่งท่มี า York. pp. 349-414. หรอื เขา้ ถงึ หรอื ช่อื เวบ็ ไซต์ วันเดอื นปที ี่สืบคน้ ข้อมลู ตัวอย่าง (ภาษาไทย): เอกสารรวมเลม่ /รายงานเสนอในการประชมุ สมั มนา ทพิ ยรตั น์ หาญสืบสาย. 2539. การดัดแปลงยีน... ส�ำคัญ ให้เรยี งล�ำดบั ตามองค์ประกอบดังตอ่ ไปนี้ ไฉน. แหล่งข้อมูล: http://learn.in.th/god t.html. 1) ชอื่ ผูว้ จิ ัย คน้ เมื่อ กนั ยายน 2547. 2) ปที ่ตี ีพิมพ์ ตวั อย่าง (ภาษาอังกฤษ): 3) ชื่อเร่ือง Bryant, P. 1999. Biodiversity and Conservation. 4) ชือ่ การประชุมสัมมนา Available: www.darwin.bio.uci.edu/~sustain/ 5) สถานท่ี และวนั เดอื น ปี ทจี่ ัดประชุมสมั มนา bio65/Tiltpage.htm.Accessed October 4, ตวั อย่าง (ภาษาไทย): 1999. พิศมัย จันทุมา. 2544. สรีรวิทยาของต้นยางกับระบบ FDA. 2001. Effect of the use of antimicrobials in กรีด. รายงานการประชุมวิชาการยางพารา food-producing animals on pathogen load: ประจำ� ปี 2544 ครัง้ ท่ี 1. เชยี งใหม่, 20-22 กมุ ภา- Systematic review of the published literature. พนั ธ์ 2544: 78-89. Available: http://www.fda.gov/cvm/antimicro ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ): bial/pathpt.pdf. Accessed December 14, Pakianathan, S. W., R. L. Wain and E. K. Ng. 1975. 2001. Studies on displacement area on tapping in กรณอี า้ งจากตวั บคุ คล mature Hevea trees. Proc.Int. Rubb. Conf. ควรใช้กับบุคคลที่เป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการ 1975 (Volume Two). Kuala Lumpur, 20-25 หรอื สงั คมใหเ้ รยี งล�ำดับตามองค์ประกอบดังน้ี October 1975: 225-248. 1) ชอ่ื ผ้ตู ดิ ตอ่ 2) ปีทีต่ ดิ ตอ่ วทิ ยานพิ นธ์ 3) ค�ำว่า \"ตดิ ต่อส่วนตวั \" ช่ือผู้แต่ง ปีที่ตีพิมพ์ ชื่อเรื่อง วิทยานิพนธ์ สาขา 4) สถานที่ วชิ า มหาวิทยาลยั ช่อื เมอื ง ตัวอย่าง (ภาษาไทย): ตวั อย่าง (ภาษาไทย): วชิ ติ ลี้ประเสริฐ. 2560. ติดต่อสว่ นตวั . บรุ ีรัมย.์ ฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์. 2523. ปัญหาบางประการท่ีมีผล ต่อการส่งเสริมการผลิตต้นยางติดตาพันธุ์ดีของ ประเทศไทย. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหา- บัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาส่งเสริมการเกษตร.
41 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 35 ตุลาคม-ธนั วาคม 2561 การตรวจต้นฉบบั ตวั อยา่ ง (ภาษาองั กฤษ): ทางกองบรรณาธิการจะท�ำหน้าที่ตรวจต้นฉบับ Hebant, C. 1981. Private communication. Universite จากผู้เขียนท่ีส่งมาเพื่อแก้ไขปรับปรุงบทความให้มีความ Montpellier. ถูกต้องและสมบรูณ์ ท้ังในรูปแบบและเน้ือหาตามที่ วารสารยางพาราได้จัดวางไว้ ท้ังนี้ ผู้เขียนต้องให้ความ ร่วมมือในการปรับปรุงแก้ไขบทความ เช่น การส่งข้อมูล หรือภาพ มาให้เพ่ิมเติมตามท่ีกองบรรณาธิการหรือผู้ หมายเหตุ: การท�ำรายการเอกสารอ้างอิง ให้เรียงล�ำดับ ตรวจแก้ไขขอไป เอกสารภาษาไทยก่อนภาษาอังกฤษ และเรียงตามตัว ทางกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธ์ิในการตรวจ อักษรตัวแรกของชื่อคนแรก ไม่ต้องใส่เลขท่ีก�ำกับข้าง แก้ไขบทความที่ส่งมาตีพิมพ์ทุกเร่ืองตามแต่จะเห็น หนา้ สมควร ในกรณีท่ีจ�ำเป็นทางกองบรรณาธิการจะส่ง ต้นฉบับท่ีแก้ไขแล้วกลับคืนให้ผู้เขียนพิจาณาอีกครั้ง การส่งตน้ ฉบบั ก่อนที่จะลงตีพิมพล์ งในวารสาร ส่งต้นฉบับท่ีได้รับการตรวจทานความถูกต้องแล้ว มายังบรรณาธิการวารสารยางพารา (ดร.วิทยา พรหมมี) ท่ี E-mail address: [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: