43 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 28 มกราคม-มีนาคม 2560 ความเห็นว่า การยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. น่าจะ เป็นผู้ผลิตเสียเอง และท�ำในลักษณะเชิงการค้า โดยจัดคณะ, 2529 ) ซ่ึงก่อนหน้าน้ีไม่ทราบว่าจะผลิตเมล็ดถ่ัว ตั้งศูนย์ผลิตเมล็ดพืชคลุมตระกูลถ่ัวข้ึนทางภาคตะวันชนิดนี้อย่างไร แต่ปัจจุบันสามารถผลิตได้แล้วและให้ ออกเฉียงเหนือ เช่น ท่ีจังหวัดบุรีรัมย์ ซ่ึงมีศูนย์วิจัยยางผลผลิตที่สูงอีกด้วย ส�ำหรับถ่ัวพืชคลุมชนิดอ่ืนๆ เช่น บุรีรัมย์ตั้งอยู่แล้ว ในการผลิตนอกจากมีแปลงผลิตท่ีคาโลโปโกเนียม มูคูนอยดีส และเพอราเรีย ฟาซีลอยดีส สามารถให้น้�ำได้ ต้องน�ำความรู้ในเร่ืองของเทคโนโลยีผู้เขียนและคณะได้ออกส�ำรวจการออกดอกและติดของ เมล็ดพันธ์ุเขา้ มาใช้ด้วย เชน่ การตรวจสอบและวเิ คราะห์ถ่ัวทั้งสองชนิดในจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า ในช่วงเดือน คุณภาพเมล็ดพันธุ์ มีส่ิงก่อสร้างและอุปกรณ์ต่างๆอย่างมกราคม มีการติดฝักดกมาก ซึ่งมากกว่าทางภาคใต้ ครบครัน เช่น ลานตากเมล็ด ห้องเก็บรักษาเมล็ดที่หลายเท่าตัวเท่าตัว (ประเมินจากสายตา) (ภาพท่ี 8) สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ เคร่ืองนวดดังนั้น จึงสามารถกล่าวได้ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมล็ด เครื่องขัดเมล็ด เป็นต้น นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสมควรอย่างยิ่งท่ีจะใช้เป็นแหล่งส�ำหรับผลิตเมล็ดพืช บรรจุหีบห่อที่ได้มาตรฐานและสวยงาม ตลอดถึงคลุมทกุ ชนิด (ยกเวน้ ถวั่ มคู นู า แบรค็ เทยี ตา ซงึ่ ในอนาคต การขนส่ง กล่าวสรุปก็คือท�ำแบบครบวงจร เมล็ดที่ผลิตมีความเป็นไปได้สูงท่ีจะสามารถผลิตได้ เนื่องจาก ได้ถ้าเหลือใช้ในประเทศ ก็ส่งขายไปยังประเทศผู้ปลูกออกดอกได้ดี แต่อาจมีปัญหาในเรื่องของการผสมเกสร ยางและปาล์มน้�ำมันท่ีผลิตเมล็ดเองไม่ได้ดีเท่ากับเราซ่ึงสมควรที่จะศึกษาค้นคว้าต่อไป) เพื่อป้อนเมล็ดให้ เช่น มาเลเซีย อนิ โดนีเซีย เป็นต้นเกษตรกรท่ัวประเทศน�ำไปใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดินในสวน เมื่อผลิตเมล็ดเองได้แล้ว การส่งเสริมให้เกษตรกรยาง และอาจรวมถงึ สวนปาลม์ น้ำ� มนั และไมย้ นื ต้นอ่ืนๆ ส�ำหรับผู้ผลิตนอกจะเป็นเอกชนแล้ว ผู้เขียนมีภาพที่ 6 ถ่ัวคาโลโปโกเนียม ซีรูเลียม ท่ี จ. บรุ ีรัมย์ กำ� ลงั ออกดอก และติดฝักเป็นจ�ำนวนมาก ในชว่ งหนา้ แลง้ (ถ่ายเมือ่ 19 ม.ค. 2560) โดยไม่ตอ้ งใหน้ ้�ำช่วย เปน็ ตัวอยา่ งหน่ึงท่ีแสดงให้เหน็ วา่ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือเหมาะที่จะเปน็ แหลง่ ผลติ เมลด็ ถั่วซีรูเลยี ม
44 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 28 มกราคม-มนี าคม 2560 เลอื กใชพ้ ันธุ์ใหเ้ หมาะสมกบั พน้ื ที่ ในอดีต พืชคลุมตระกูลถ่ัวที่ใช้ปลูกมีแค่ 3 พันธุ์หันกลับมาปลูกพืชคลุมในสวนยางน่าจะมีความเป็นไป คือ คาโลโปโกเนียม เพอราเรีย และ เซ็นโตร-ซีมา การได้สูง แต่ต้องท�ำพร้อมๆไปกับการให้ความรู้ความเข้าใจ ปลูกก็น�ำทั้ง 3 พันธุ์มาผสมกัน ในสัดส่วนต่างๆ เช่นในเร่อื งประโยน์ของการปลกู พืชคลุมให้กบั เกษตรกร 5:4:1 หรอื 2:2:1 ตามล�ำดบั ตอ่ มามถี ว่ั พนั ธ์ุใหม่ทที่ นตอ่ ในการส่งเสริมการปลูกพืชคลุมในสวนยาง มี รม่ เงาได้ดีกว่าพนั ธ์เุ ก่า คือ ถวั่ ซีรเู ลียม มาแนะนำ� ใหป้ ลกูตัวอย่างท่ีน่าสนใจคือ ในประเทศมาเลเซีย มีการจัดท�ำ ก็ได้รับความนิยมพอสมควร แต่ติดปัญหาในเรื่องของชุดท่ีมีวัสดุอุปกรณ์ที่พร้อมส�ำหรับปลูกพืชคลุมให้กับ เมล็ดพันธุ์ ซึ่งหายากและมีราคาแพง และในเวลาไล่เล่ียเกษตรกร (Chee and Chin, 1985) ซึ่งในแต่ละชุด กัน ทางสถาบันวิจัยยางมาเลเซียก็น�ำเสนอถ่ัวมูคูนาประกอบด้วย โคชินชิเนนซิส ซ่ึงมีการเจริญเติบโตหลังจากปลูกได้เร็ว •เมลด็ พันธุ์ถวั่ ท่มี ีคณุ ภาพ ส�ำหรับปลกู ใน มาก สามารถคลุมพื้นที่ได้หมดภายในระยะเวลา 3-4 เดือน การให้เมล็ดก็ไม่มีปัญหา แต่เป็นถั่วที่มีอายุเพียง พ้นื ท่ี 1 เอเคอร์ (2.5 ไร)่ 8-9 เดือน จึงสามารถใช้ประโยชน์ได้ในระยะเวลาส้ันๆ •เชอื้ ไรโซเบียม (Rhizobium) ในปริมาณท่ี เช่น ปลูกร่วมกับพืชคลุมหลัก หรือพืชคลุมที่มีอายุหลาย ปี ได้แก่ ถั่วเพอราเรีย และซีรูเลียม ล่าสุด เม่ือปี ค.ศ. จะใช้คลกุ กบั เมล็ดไดพ้ อดี 1991 (พ.ศ. 2534) C. Mathews ได้น�ำถ่วั มคู ูนา แบร็ค- • ปยุ๋ รอ็ คฟอสเฟต เทียตา จากอินเดียเข้ามาปลูกในสวนปาล์มน้�ำมันที่ •สารเคมีปราบวชั พืชท้งั ประเภทก่อนงอก และหลงั งอก • คูม่ อื ส�ำหรบั แนะน�ำการปลกู การใสป่ ุย๋ และดูแลรักษาคาโลโปโกเนียม มคู ูนอยดสี มคู ูนา โคชินชิเนนซสิ เพอราเรยี ฟาซลี อยดสี(Calopogonium mucunoides) (Mucuna cochinchinensis) (Pueraria phaseoloides)เซ็นโตรซมี า พวิ เบสเซนส์ มูคูนา แบร็คเทียตา คาโลโปโกเนยี ม ซีรเู ลียม(Centrosema pubescens) (Mucuna bracteata) (Calopogonium cearuleum)ภาพที่ 7 รูปรา่ ง ขนาด และสี ของเมล็ดพืชคลมุ ตระกลู ถ่ัวรวม 6 ชนิด ท่ีใช้ปลูกในสวนยาง โดยที่เมล็ดถั่วมูคูนา โคชนิ ชิเนนซิส มีขนาดกว้างxยาว เทา่ กบั1.2x1.7 ซม.
45 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 28 มกราคม-มีนาคม 2560ภาพท่ี 8 ถั่วเพอราเรยี ที่ จ. บรุ รี มั ย์ กำ� ลงั ออกดอก และตดิ ฝักเปน็ จำ� นวนมาก ในชว่ งหนา้ แลง้ (ถ่ายเม่อื 19 ม.ค. 2560) เปน็ ตวั อยา่ งหนึ่งทแ่ี สดงให้เหน็ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหมาะที่จะเป็นแหล่งผลิตเมล็ดถ่ัวเพอราเรีย เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในแง่ของการเป็นพืชคลุมดินแล้ว จะเห็นว่าใบและล�ำต้นจะเหี่ยวเฉา และหยุดการเจริญเติบโตทางล�ำต้นและใบ เพราะถ่ัวต้องส่งอาหารและน้�ำไปเลื้ยงฝักและเมล็ด จึงไม่เหมาะต่อการปลูกเป็นพืชคลุมทางภาคอสี าน แตเ่ หมาะสำ� หรบั ภาคใต้ ซง่ึ มกี ารออกดอกและตดิ ฝกั นอ้ ยกวา่ มาก ดงั นนั้ ในชว่ งหนา้ แลง้ ของทางภาคใต้ ถว่ั เพอราเรยี กย็ งั คงมใี บท่ีเขยี วอยู่ภาพท่ี 9 ถวั่ มูคูนา แบรค็ เทยี ตา ปลกู ในสถานท่เี ดยี วกับถ่วั ซีรเู ลียม (ภาพท่ี 6) และถว่ั เพอราเรยี (ภาพที่ 7) และถ่ายในวันเดียวกัน (19 ม.ค. 2560) ถวั่ออกดอกแต่ไม่ติดฝัก ทำ� ให้ไม่ต้องส่งอาหารและน้�ำไปเลื้องฝักและเมล็ด ถั่วจึงยังคงสามารถเจริญเติบโตทางใบและล�ำต้นได้ ที่ส�ำคัญคือ ยังคงรักษาส่วนท่ีเปน็ สีเขยี วไว้ได้ ทง้ั นี้เนอ่ื งจากถ่วั ชนดิ นม้ี รี ะบบรากท่ลี ึก 2-3 เมตร
46 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 28 มกราคม-มีนาคม 2560 เล้ียงฝักและเมล็ดมาก ถ่ัวจึงยังมีใบและล�ำต้นที่ไม่โทรม มากนัก แต่ในแหล่งปลูกยางใหม่ เช่น ภาคตะวันออกมาเลเซยี ซง่ึ ได้รับการตอบรบั เปน็ อย่างดี โดยเฉพาะสวน เฉียงเหนือ ควรเป็นแหล่งส�ำหรับผลิตเมล็ดพันธุ์มากกว่าปาล์มหรือสวนยางที่มีขนาดใหญ่ เช่น Golden Hope ท่จี ะปลูกเป็นพืชคลมุ ในสวนยาง เน่อื งจากในหน้าแล้งจะPlantation, Sime Darby Plantation ทั้งน้ีเน่ืองจากถั่ว ออกดอกและติดฝักเป็นจ�ำนวนมาก ท�ำให้ต้นโทรม ใบมูคูนาให้ผลผลิตชีวมวลและธาตุอาหารต่างๆสูงกว่าพืช และเถาแห้งเห่ยี ว (ภาพที่ 7)คลุมชนิดเดิมท่ีเคยปลูกกันมาประมาณ 3 เท่า อีกทั้งยัง คาโบโปโกเนียม มูคูนอยดีส เป็นถ่ัวที่มีอายุสั้นทนร่มและความแห้งแล้งได้ดีกว่าอีกด้วย ข้อดีอีกอย่าง เจริญเติบโตคลุมดินได้เร็ว สามารถปลูกร่วมกับพืขคลุมของถ่ัวชนิดน้ีก็คือ สามารถปลูกห่างได้ เน่ืองจากหลัง เพอราเรยี หรอื ซีรูเลียม อย่างใดอย่างหนงึ่ และเหมาะกบัเจริญเติบโตเต็มท่ีแล้ว ล�ำต้นหรือเถาจะเล้ือยไปได้ไกล พ้ืนที่ชุ่มชื้นมากกว่าพ้ืนท่ีแห้งแล้ง ส่วนในพื้นที่แห้งแล้งและเร็วมาก การปลูกพืชคลุมโดยใช้จ�ำนวนต้นปลูกต่อ เหมาะกบั การปลกู เพือ่ ผลิตเมลด็พื้นท่ีน้อยย่อมลดการแก่งแย่งน�้ำและอาหารจากพืชหลัก มูคูนา โคชินชิเนนซิส เป็นถั่วที่มีอายุสั้น แต่เจริญดังนั้น ควรจะปรบั ใช้กบั พืชคลมุ ชนดิ อ่นื ด้วย ซง่ึ ทีผ่ ่านมา เติบโตคลุมดินได้เร็วท่ีสุด เหมาะท่ีจะใช้ปลูกร่วมกับถ่ัวใช้จ�ำนวนต้นต่อพื้นท่ีมากเกินไป เช่น แนะน�ำให้ใช้เมล็ด มูคูนา แบร็คเทียตา หรือพืชคลุมหลักชนิดอื่น เพื่อช่วยเพอราเรียในอัตรา 1-1.5 กก./ไร่ โดยที่เมล็ดเพอราเรีย คลุมดินให้เร็วขึ้น และเพิ่มชีวมวลให้กับดินในปีแรกของหน่ึงกโิ ลกรัมมจี ำ� นวนเมลด็ มากถงึ 80,000 เมล็ด ซ่งึ อาจ การปลกู พืชคลุมมตี น้ งอกถึง 40,000 ต้น (คดิ ท่คี วามงอก 50 เปอรเ์ ซนต)์ เซ็นโตรซีมา พิวเบสเซนส์ เป็นถั่วทม่ี อี ายุหลายปี มีในขณะที่การปลูกถ่ัวมูคูนา แบร็คเทียตา ใช้จ�ำนวนต้น ความทนทานต่อความแห้งแล้งและร่มเงาได้พอสมควรปลูกเพยี ง 46-76 ต้นต่อไรเ่ ทา่ นั้น ให้ปริมาณชีวมวลน้อย ไม่ควรปลูกเด่ียวๆ โดยเฉพาะใน จากท่ีกล่าวมาข้างต้นพอท่ีจะมองเห็นแล้วว่า ณ พื้นท่ีแห้งแล้ง เพราะจะท�ำให้ต้นยางชะงักการเจริญเวลานี้ควรปลูกถ่ัวพันธุ์ไหนเป็นพืชคลุมดินในสวนยาง เติบโตได้ (ไววิทย์ และ คณะ, 2533) นอกจากน้ี เถาหรอือย่างไรก็ตาม ถึงแม้นต้องการท่ีจะปลูกถั่วมูคูนา แบร็ค ล�ำตน้ ของถวั่ ชนิดน้ีสามารถรัดต้นยางไดแ้ น่น จนเกิดเป็นเทียตา เป็นพืชคลุมในสวนยางหรือสวนปาล์มน�้ำมันกัน รอยรัดที่เปลือก (ภาพที่ 10) ผู้เขียนมีความเห็นว่า ควรท้ังประเทศ ก็มิอาจท�ำได้ เพราะติดขัดในเรื่องของเมล็ด ยกเลิกการใช้ถั่วขนิดนี้ผสมกับพืชคลุมชนิดอ่ืน เน่ืองจากพันธุ์ ดังนั้น พันธุ์พืชคลุมเดิมที่เคยปลูกกันมาก็ยังใช้ มีผลเสียมากกว่าผลดี และในปัจจุบันมีถั่วชนิดอ่ืนที่ประโยชน์ได้ดี เพียงแต่มีการบริหารจัดการในเร่ืองของ สามารถใช้ทดแทนถ่ัวพันธุ์ดังกล่าวได้ดีกว่า เช่น ถั่วซีรูพันธุ์พืชคลุมให้เหมาะกับพ้ืนที่ปลูกยาง ซึ่งผู้เขียนขอ เลียมเสนอแนะไว้ดังนี้ มูคูนา แบร็คเทียตา เป็นถั่วที่เหมาะส�ำหรับการ สรุปและข้อเสนอแนะปลูกเป็นพืชคลุมดินทั้งในแหล่งปลูกยางเดิมและแหล่งปลูกยางใหม่ เนื่องจากมีความทนทานต่อความแห้งแล้ง ปัจจุบัน เกษตรกรชาวสวนยาง ไม่นิยมปลูกพืชไดด้ ีมาก และข้อดีอีกประการหน่งึ คือ ไมต่ ิดฝักและเมลด็ คลุมในสวนยาง สาเหตุหลักน่าจะมาจากยังขาดความรู้ในช่วงหน้าแล้ง จึงท�ำให้ต้นไม่โทรมและใบยังคงเขียว ความเข้าใจท่ีถูกต้อง หรือขาดการประชาสัมพันธ์จากตลอดหนา้ แล้ง (ภาพท่ี 9) หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องไปสู่เกษตรกร ปัญหารองลงมา เพอราเรยี และซีรเู ลียม ท้งั คู่ เปน็ ถวั่ ท่ีมอี ายหุ ลาย ได้แก่ เมล็ดพันธุ์พืชคลุมหาซ้ือยาก และมีราคาแพงปี จดั เป็นพชื คลมุ หลัก สามารถปลูกเดี่ยวๆ หรือปลูกรวม เมล็ดที่ซื้อขายกันยังขาดคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน และกันเพื่อช่วยยืดเวลาของการคงอยู่ในสวนยาง แนะน�ำว่า การแก้ไขปัญหาในเร่ืองของการเพิ่มความงอกของเมล็ดควรปลูกในพื้นที่ท่ีมีความช้ืนดี เช่นในแหล่งปลูกยางเดิม ยงั มคี วามยุ่งยากส�ำหรับตวั เกษตรกรซ่ึงอยู่ทางภาคใต้ มากกว่าในแหล่งปลูกยางใหม่ แนวทางในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมให้เนื่องจากในช่วงหน้าแล้ง ถ่ัวไม่ต้องหาอาหารและน้�ำไป
47 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 28 มกราคม-มนี าคม 2560 ถั่วมูคูนา แบร็คเทียตา ส่วนการศึกษาถึงพืชคลุมชนิด ใหม่ที่มีคุณสมบัติในการเป็นพืชคลุมในสวนยางท่ีดีกว่าภาพที่ 10 เถาของถ่ัวเซ็นโตรซีมา สามารถรัดต้นยางจนเกิดเป็นรอยรัดท่ี ถ่ัวมคู นู า แบรค็ เทยี ตา โดยเฉพาะอย่างย่ิงถ่วั ทีอ่ ยู่ในสกุลเปลือก (Genus) Mucuna ซึ่งมกี ว่ารอ้ ยชนิด (Species) ก็เปน็ ส่ิง ท่ีน่าสนใจเกษตรกรหันกลับมาปลูกพืชคลุมในสวนยาง นอกจากการให้ความรู้ความเข้าใจถึงผลประโยชน์ท่ีพึงจะได้รับ เอกสารอา้ งองิจากพืชคลมุ ในทกุ รูปแบบแล้ว การผลิตเมล็ดเพ่อื ป้อนให้เกษตรกรน�ำไปปลูกเป็นพชื คลมุ ในสวนยางซึ่งควรกระท�ำ ภัทธาวุธ จิวตระกูล. 2528. การผลิตเมล็ดพืชคลุมโดยภาครัฐเอง และท�ำอย่างครบวงจร ก็เป็นอีกปัจจัย คาโลโปโกเนยี ม ซรี เู ลยี ม. ว.ยางพารา 6(2): 78-89.หน่งึ ทมี่ ีความส�ำคญั เช่นกัน ภัทธาวุธ จวิ ตระกูล, สนิท สโมสร, ประเทอื ง ดลกจิ , จารกึ จากการทป่ี ัจจบุ ัน มพี ืชคลุมดนิ หลายชนิดใหเ้ ลอื ก บุญศรีรัตน์, ไววิทย์ บูรณธรรม, อารักษ์ จันทุมา,ปลูก การรู้จักเลือกใช้ชนิดของพืชคลุมให้เหมาะกับ อาคม สุ่มมาตย์, จ�ำนงค์ ทองล้น, วีรชาติ แสง-สภาพพื้นท่ีปลกู ยาง ตลอดจนปรับปรงุ วธิ ีการปลกู ก็เป็น สิทธิ์, อานนท์ วาทยานนท์, สมหมาย นิลพันธุ์,อีกเรื่องหน่ึงที่จะท�ำให้การปลูกพืชคลุมในสวนยางของ ปรีชา เชยชุ่ม, วีระเดน่ วจิ ติ รจนั ทร,์ จรญั ดิษฐไชย-ประเทศไทยไดร้ ับผลส�ำเรจ็ มากขึ้น วงศ์, ธวัชชัย ณ นคร และ เฉลิมเกียรติ สายสูง. สุดท้าย ผู้เขียนมีความเห็นว่า งานค้นคว้าทดลอง 2529. การผลิตเมล็ดพืชคลุม Calopogoniumเกี่ยวกับพืชคลุมยังคงมีความจ�ำเป็นต้องกระท�ำต่อไป ท่ี caeruleum ในท้องที่ต่างๆของภาคตะวันออกเร่งด่วนในเวลานี้คือ การศึกษาในเรื่องของการผลิตเมล็ด เฉียงเหนือ. รายงานผลการวิจัย ประจ�ำปี 2559 ศนู ย์วจิ ยั ยางสงขลา สถาบนั วจิ ยั ยาง กรมวิชาการ- เกษตร. ไววทิ ย์ บรู ณธรรม, อารกั ษ์ จนั ทมุ า และ ปราโมทย์ สวุ รรณ- มงคล. 2533. พืชคลุมดินในสวนยางเพ่ืออีสาน เขยี ว ปจั จบุ นั และอนาคต. ว.ยางพารา 10(3): 143- 162. ส�ำนักงานกองทุนสงเคราะห์การท�ำสวนยาง. ไม่ระบุปี. บอกกล่าว...เล่าขาน ต�ำนาน สกย. (ไม่ระบุโรง พมิ พ์) Chee, Y. K. and G. K. Tan. 1982. Pre-treatment of legume cover crop seeds. Plrs' Bull. Rubb. Res. Inst. Malaya 170: 10-13. Chee, Y. K. and T. V. Chin. 1985. A planting kit for establishment of legume covers. Plrs' Bull. Rubb. Res. Inst. Malaya 183: 50-52.
48 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 28 มกราคม-มนี าคม 2560 ปลูกพชื คลมุ ในสวนยางต้ังแตว่ ันนี้ เพอื่ ผลตอบแทนทด่ี ี ในวนั ข้างหนา้ .....
Search