Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ebook-22

ebook-22

Published by ju_sureerut, 2020-06-16 03:11:09

Description: ebook-22

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 36 ฉบบั ที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 22

ปที ่ี 36 ฉบบั ท่ี 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 22 สารบญั บทความ 2 ผลกระทบของสารจบั ตัวยางทอ่ี า้ งว่าเป็นกรดออรแ์ กนคิ ย่ีหอ้ หน่ึง ในการผลิตยางก้อนถ้วยและยางแผน่ ดิบ 9 สรีรวทิ ยาการไหลของน�ำ้ ยาง 25 22 ต้นแบบเครอ่ื งวัดเปอรเ์ ซน็ ตเ์ นื้อยางแหง้ ในนำ้� ยางสด รนุ่ ท่ี 1 32 กา้ วใหมย่ างพาราไทย ขนาด 16 x 100 มิลลิเมตร) ส่วนชง่ั น้่าหนกั ท่ีปรับปรงุ แก้ไขแลว้ สว่ นประมวลผล และสว่ นแสดงผล ประจำ�ฉบับ สว่ นโครงสร้างทั้งภายในภายนอกของเคร่อื งตน้ แบบฯ ขา่ วสถาบันวจิ ยั ยาง ต้นแบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งร่นุ ที่ 1 ถูกทดสอบความถว่ งจา่ เพาะของน่า้ ยางที่มี 38 รับโอนขา้ ราชการพลเรือน.... เปอรเ์ ซ็นต์เนื้อยางแห้งในช่วง 19.61 – 43.59 เปอรเ์ ซน็ ต์ โดยเทน้่ายางใสใ่ นหลอดแกว้ ใหเ้ ตม็ แลว้ ปิด ฝา ท่าความสะอาดภายนอก (ภาพท่ี 28) แล้วทา่ การชงั่ น้่าหนักดว้ ยตน้ แบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เนื้อ ตยาัวงอแยหา่ ง้งไปรวนุ่ ัดทเปี่ อ1ร์เซบน็ ันตทเ์ นึกื้อผยลางแนหา่ ง้คด่า้วทยีไ่ วดธิม้ มี าาคต่ารนาวฐณานความถพว่ งบจวา่ า่ เพาะRขคuอวงbานbม่า้ ถeยว่าrงงจตา่วั เอพยา่าะงขอนงนา่ น่้ายา่้ ายงามงี ความสัมพันธก์ ับเปอรเ์ ซ็นตเ์ น้ือยางแห้งในรปู สมการเส้นตรง (ภาพท่ี 29) โดยมคี า่ สหสมั พันธ์ (R2) เท่ากบั 0.96 ทดสอบความสามารถในการวัดเบ้ืองต้นของเคร่อื งวัดเปอร์เซ็นตเ์ นอื้ ยางแหง้ หรอื คา่ ความ ผดิ พลาดของการวดั ต้ังแตน่ า้่ ยางในชว่ ง 24 – 43 เปอรเ์ ซ็นต์เน้ือยางแหง้ จา่ นวน 130 ตัวอย่าง เปรยี บเทยี บความแตกต่างค่าท่ีวัดได้จากเครื่องวดั ต้นแบบกับคา่ เปอรเ์ ซน็ ต์เนอื้ ยางแห้งโดยวธิ ี มาตรฐานที่ไดจ้ ากการหาด้วยวิธอี บแหง้ มาตรฐานตวั อยา่ ง ±(3ภาพในทชี่ ่ว3Cงน0-)้่าsยeตาง้นruแ2บm4บ-เค4ร3ื่องเปวดัอเรป์เซอ็นรเ์ตซเ์ น็นตื้อ์ เนือ้ ยางแหง้ รุ่นท่ี 1 มีความผิดพลาดจากการวัดนอ้ ยกว่า แห้ง (ภาพท่ี 31) ซ่ึงแสดงวา่ ตน้ แบบเคร่ืองวัดมแี นวโน้มสามารถวัดค่าได้ถูกต้องแมน่ ย่าและมี Sensitivity ดี ใช้เวลาการวัดตวั อย่างละไมเ่ กนิ 5 นาที และสามารถในการผลติ ต้นแบบซ่า้ ได้ ในขณะ ทได่ีกใ้ านรกวาดั รเนป่าอตรน้เ์ ซแ็นบตบ์เเนค้ือรยอ่ื างงวแดั หเป้งดอว้รย์เซวน็ิธตมี เ์านต้ือรยฐาางนแใชห้เง้ วรลนุ่ าทร่ีว1มกไาปรใวชัดไ้ ด2จ้ 4รfBrงิ ชaoว่ั ctโแมttลoiงoะmไnดด้จังนัดัน้ทจ่าคึงมู่มีคอื วกาามรเใปช็น้งาไปน ต้นแบบเครื่องวดั เปอร์เซ็นต์ยางแหง้ ในน่า้ ยางสดรุ่นที่ 1 ตามภาพที่ ก.4 (ภาคผนวก) _____________________________________ รหัสทะเบียนวจิ ยั ได้รบั สนับสนนุ การวิจยั จาก งบเงินพเิ ศษคน้ คว้ายาง

2 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ผลกระทบของสารจบั ตวั ยางที่อา้ งวา่ เป็น กรดออรแ์ กนคิ ย่ีหอ้ หน่งึ ในการผลิต ยางกอ้ นถว้ ยและยางแผน่ ดบิ ปรดี เ์ิ ปรม ทัศนกุล ศนู ยว์ จิ ยั และพัฒนาการเกษตรสงขลา สำ�นกั วิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตท่ี 8 สารจับตัวยางท่ีอ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิคยี่ห้อ คาร์บอกซลิ กรฟุ๊ (COOH) เป็นหมู่ฟงั ก์ชนั่ ทีต่ ่ออยู่กบั H หนึ่ง เป็นสารจับตัวยางท่ีผลิตทางการค้าใช้ในการจับตัว หรอื หมูแ่ อลคลิ (R-) หรอื หมูแ่ อรลิ (Ar-) เท่านนั้ ที่บง่ บอก ยางเพ่ือผลิตก้อนถ้วยเป็นหลัก จากค�ำโฆษณาระบุว่า ความเป็นกรด และจากการใช้สารที่ไม่เหมาะสมในการ สามารถใช้แทนกรดน�้ำส้มได้เป็นอย่างดี มีราคาถูกกว่า จับตัวยางย่อมส่งผลกระทบต่อการน�ำยางแท่งไปผลิต ปลอดภัยกว่า น้�ำยางสามารถจับตัวแข็งตัวไวกว่า ก้อน เป็นล้อยางยานพาหนะซ่ึงมีสัดส่วนในการใช้ยางจาก ยางสสี วย ไม่ตดิ กน้ ถ้วย ไมม่ ีกล่ินของสารระเหยท่ีรุนแรง ยางแห้งมากท่ีสุด ย่ิงเป็นการส่งผลเสียหายต่อประเทศ กับจมูก ไม่แสบคันเม่ือสัมผัส ขี้ยางไม่มีกลิ่นเหม็น ไทยท่ขี ึ้นชื่อว่าผลติ ยางท่ีมคี ุณภาพดที สี่ ดุ ในโลก เป็นต้น (ไทยรัฐออนไลน์, 2557) จากการท่ีมีการใช้สาร ในผลิตยางก้อนถ้วยหรือยางแผ่นดิบน้ัน สารที่ใช้ จับตัวยางดังกล่าว แพร่หลายทางภาคตะวันออกเฉียง ในการจับตัวยางตามท่ีสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการ เหนือ ภาคเหนือและทางภาคตะวันออก ส�ำหรับผลิต เกษตรแนะน�ำคือ กรดฟอร์มิค มีสูตรโครงสร้างทางเคมี ยางก้อนถ้วยซ่ึงเป็นวัตถุดิบขั้นต้นในการผลิตยางแท่ง คอื HCOOH มีคารบ์ อนเพยี งตัวเดยี ว จงึ นับว่าเป็นกรด น้ัน เป็นการท�ำให้เกษตรกรชาวสวนยางเกิดความ อ่อนท่ีมีความแรงของกรดไม่มากนักเม่ือเปรียบเทียบกับ สับสน และเป็นข้อกังวลส�ำหรับโรงงานยางแท่ง กรดชนิดอ่ืน ในทางการค้ามีความเข้มข้น 94% หรือ ท่ีกระจายอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจ�ำนวน 20 90% ข้ึนอยู่กับบริษัทผู้ผลิต ซ่ึงกรดฟอร์มิคนับว่าเป็น แห่ง และโรงงานยางแท่งที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนืออีก กรดอินทรีย์ชนิดหน่ึงที่จับตัวเนื้อยางได้อย่างสมบูรณ์ 2 แห่ง แต่ละแห่งมกี �ำลังการผลิตเฉลี่ยปลี ะ 30,000 ตัน และยังสามารถดงึ ธาตุโลหะ เช่น แมกนีเซยี ม แคลเซยี ม (สถาบันวิจัยยาง, 2557) ซึ่งหากเกษตรกรจะใช้สารจับ และทองแดง ออกจากช้ันท่ีเป็นอนุภาคยางมาอยู่ในส่วน ตัวยางที่ไม่ใช่สารเคมีตามท่ีสถาบันวิจัยยางระบุย่อมจะ ที่เป็นของเหลวที่เรียกว่าเซรั่ม ซึ่งธาตุโลหะดังกล่าว สร้างความเสียหายให้กับวงการอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ นับว่าเป็นตัวรีดิวส์ซ่ิงท่ีแรงและท�ำให้ยางเกิดการเส่ือม และปัจจุบันพบว่า มีสารเคมีจับตัวยางมากมายหลาย สภาพได้ในระหว่างการเก็บ ส่วนสารจับตัวยางชนิดอ่ืนที่ ยี่ห้อและมีการโฆษณาต่างๆ นาๆ เกินความจริง และถ้า มีจ�ำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด จากการที่สถาบันวิจัยยาง หากเป็นกรดออร์แกนิคตามความหมายในทางเคมีแล้ว ได้ท�ำการศึกษาด้วยการเก็บตัวอย่างเพ่ือวิเคราะห์ ย่อมจะไม่มีองค์ประกอบอ่ืนใดที่เจือปน จะมีเพียงแต่ โครงสร้างทางเคมีและทดสอบสมบัติทางกายภาพของ ธาตุคาร์บอนและไฮโดรเจน เป็นองค์ประกอบหลักและ ยางพบวา่ ยังไม่มสี ารเคมชี นิดใดทีส่ ามารถผลติ ยางแผน่

3 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 หรือยางก้อนถ้วยแล้วมีสมบัติทางกายภาพที่ดีกว่ากรด ใช้ในการน�ำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้มีค่าความ ฟอร์มิคได้เลย อีกท้ังต้นทุนการผลิตก็ไม่ได้สูงกว่าตามที่ หนดื ท่ีตำ�่ กว่าการใช้กรดฟอรม์ ิคถงึ 40 (1+4 ML100 ํC) ไดโ้ ฆษณากลา่ วอา้ งแต่อย่างใด องคป์ ระกอบทางเคมีของสารจบั ตัวยางที่ ตารางท่ี 2 ส่วนประกอบธาตโุ ลหะ (มก./ลิตร) อา้ งว่าเปน็ กรดออรแ์ กนคิ ย่หี อ้ หน่งึ ของสารจับตัวยางทอ่ี า้ งวา่ เป็นกรดดออรแ์ กนคิ สารจบั ตวั ยางยีห่ อ้ ดงั กล่าวทีน่ �ำมาศึกษา เปน็ สาร ย่ีหอ้ หนึ่ง เปรยี บเทียบกบั กรดฟอรม์ ิค1 ละลายใส ไม่มีสี มีกลิ่นฉุนปานกลาง และเป็นสาร ละลายท่ีเจือจางแล้วพร้อมใช้ในการผลิตยางก้อนถ้วย กรดฟอร์มิค สารจับตวั ยาง หรือยางแผ่นดิบ จากการตรวจสอบฉลากไม่ได้ระบุ ยี่ห้อหนงึ่ โครงสร้างทางเคมี จึงได้ส่งตัวอย่างทดสอบเพ่ือวิเคราะห์ ธาตุ องค์ประกอบทางเคมีที่กรมวิทยาศาสตร์บริการ พบว่า ประกอบดว้ ยกรดซลั ฟรู กิ (กรดกำ� มะถนั ) เขม้ ขน้ 8.80% แคลเซยี ม ไมพ่ บ 64.40 กรดอะซิติก (กรดน้�ำส้ม) 0.47% และกรดฟอร์มิค (กรด แมกนีเซียม ไมพ่ บ 22.40 มด) เพียง 0.00053% (ตารางที่ 1) โซเดียม ไม่พบ 10.91 รวมธาตุโลหะท ี่ ไม่พบ 97.71 วเิ คราะหไ์ ด้ 1 วเิ คราะหท์ ีบ่ ริษทั ห้องปฎบิ ัติการกลาง (ประเทศไทย) จำ� กัด อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตารางที่ 1 องค์ประกอบทางเคมีของสารจบั ลักษณะทีส่ ังเกตไดจ้ ากการใชส้ ารจับตวั ยาง ตัวยางท่ีอ้างว่าเปน็ กรดออรแ์ กนิคยี่หอ้ หนงึ่ 1 ทอ่ี า้ งวา่ เป็นกรดออร์แกนิคย่หี ้อหนึ่ง ผลิตยางก้อนถ้วยและยางแผ่นดบิ ชนดิ กรด ปรมิ าณท่ีพบ (%) จากการน�ำสารจับตัวท่ีอ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิค ซัลฟรู กิ 8.80 ยหี่ ้อหนึ่ง ในอัตรา 100 มิลลลิ ิตร และ 120 มลิ ลลิ ติ รตอ่ อะซติ กิ 0.47 น�้ำหนักยางแห้ง 1 กิโลกรัม ทดลองผลิตยางแผ่นดิบ ฟอรม์ ิก 0.00053 พบว่า ต้องใช้ระยะเวลาถึง 24 ช่ัวโมง ถึงจะสามารถรีด เป็นยางแผ่นได้ ในขณะที่การใช้กรดฟอร์มิค 0.6% 1 วิเคราะหท์ ีก่ รมวิทยาศาสตร์บรกิ าร กรุงเทพมหานคร ต่อปริมาณเนื้อยางแห้งตามค�ำแนะน�ำ จะสามารถรีด เปน็ แผน่ ไดภ้ ายในระยะเวลาเพียง 30 นาที สงั เกตไดจ้ าก นอกจากนี้ ได้ส่งตัวอย่างเดียวกันนี้ทดสอบหา เน้ือยางจับตัวแน่น น�้ำเซรุ่มใส แสดงถึงการจับตัว ป ริ ม า ณ ธ า ตุ โ ล ห ะ ที่ บ ริ ษั ท ห ้ อ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร ก ล า ง สมบูรณ์ ขณะที่สารจับตัวยางยี่ห้อดังกล่าว น้�ำเซรุ่มยัง (ประเทศไทย) จ�ำกดั อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบว่า มีองค์ คงขาวขุ่นถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วก็ตาม ประกอบของแคลเซียม แมกนีเซียม และโซเดียม ใน แผ่นยางแห้งช้ากว่าการใช้ฟอร์มิค และย่ิงทดลองใน อัตรา 64.40, 24.40 และ 10.91 มิลลิกรัมต่อลิตร ตาม อัตรา 120 มิลลิลิตร หลังจากที่ผลิตเป็นแผ่นผ่ึงให้แห้ง ล�ำดับ (ตารางท่ี 2) ซ่ึงจากการศึกษาของ ปรีด์ิเปรม นาน 14 วัน เรม่ิ ปรากฏแผน่ ยางย้อย ลักษณะผิวเปน็ มัน (2555) พบว่า หากใช้สารแคลเซียมในอัตรา 1% ต่อ วาว แสดงถึงความไม่สมบูรณ์ในการจับตัวของเน้ือยาง ปริมาณเนื้อยางแห้งในการจับตัวยาง สมบัติทาง ยางมีความยืดหยุ่นต�่ำ (ภาพท่ี 1 - 3) และหากเปรียบ กายภาพท่ีได้โดยเฉพาะค่าความอ่อนตัวเร่ิมแรกจะต่�ำ เทียบกับความเข้มข้นของเนื้อกรดท่ีใช้ในการจับตัวยาง กว่าการใช้กรดฟอร์มิคถึง 14 หน่วย ค่าดัชนีความอ่อน แผน่ 1 กิโลกรัม หรอื ใชน้ �ำ้ ยางประมาณ 3 ลิตรแลว้ สาร ตัวต่�ำและถือว่าเป็นค่าท่ีต่�ำที่สุด หรือค่าวิกฤตของยางท่ี

4 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 จับตวั ยางยีห่ ้อดังกลา่ ว ปรมิ าตร 100 มลิ ลลิ ติ ร จะมเี นื้อ กรดซัลฟูริก 8.8 กรัม และเนื้อกรดอะซิติก 0.47 กรัม รวมมีเน้ือกรด 9.27 กรัม หรือคิดเป็น 0.927% ต่อ ปรมิ าณเน้อื ยางแหง้ และถ้าใช้ในปริมาตร 120 มิลลิลติ ร จะมีความเข้มข้นของกรด 1.112% ต่อปริมาณเนื้อยาง แหง้ (ตารางท่ี 3) ภาพ 2 ยางแผ่นดิบที่ได้จากการใช้สารจับตัวยางที่อ้างว่าเป็นกรด ออรแ์ กนคิ ยี่หอ้ หนงึ่ ทร่ี ะดบั ความเขม้ ข้น 0.927% ต่อปริมาณเนื้อยางแห้ง ผลปรากฏวา่ แผ่นยางแห้งช้ากวา่ ยางทจี่ ับตวั ด้วยกรดฟอรม์ ิค ภาพ 1 ยางแผ่นดิบท่ีได้จากการใช้กรดฟอร์มิค ท่ีระดับความเข้มข้น นอกจากนี้ได้ทดลองผลิตยางก้อนถ้วยโดยใช้สาร 0.6% ตอ่ ปรมิ าณเนอื้ ยางแห้ง ผลปรากฏว่า เนือ้ ยางแนน่ และแข็ง จับตัวยางย่หี อ้ ดงั กล่าว ในอตั รา 0.927% และ 1.112% ต่อปริมาณเน้ือยางแห้ง เทียบกับปริมาณการใช้กรด ฟอร์มิคในอัตรา 0. 6% ต่อปริมาณเนื้อยางแห้ง พบว่า สารจับตวั ยางย่หี ้อดังกลา่ ว ในอตั รา 0.927% ตอ่ ปรมิ าณ เน้ือยางแห้ง ใช้ระยะเวลาจับตัวนานกว่า 1 ชั่วโมง และ ตารางท่ี 3 ปรมิ าณความเข้มขน้ ของกรด และธาตโุ ลหะ คำ�นวณจากการใชก้ รดฟอร์มคิ เปรียบเทียบกับ สารจบั ตัวยางทอี่ า้ งวา่ เปน็ กรดออร์แกนคิ ยห่ี อ้ หนง่ึ สาร ปรมิ าตรท่ใี ช้ต่อยางแห้ง ความเขม้ ข้นของกรด ความเขม้ ข้นของ 1 กก. (มลิ ลิลิตร) (% ตอ่ ปรมิ าณเน้อื ยางแหง้ ) ธาตุโลหะ (%) กรดฟอร์มิค 4% 150 0.600 0.00 สารจบั ตัวยางยหี่ อ้ หนึง่ 100 0.927 0.00097 สารจบั ตวั ยางยี่หอ้ หนง่ึ 120 1.112 0.00116

5 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ภาพ 4 ยางก้อนถ้วยที่ได้จากการใช้กรดฟอร์มิคหลังจากผึ่ง 1 เดือน ผล ปรากฏวา่ ก้อนยางแหง้ ภาพ 3 ยางแผ่นดิบท่ีได้จากการใช้สารจับตัวยางที่อ้างว่าเป็นกรด ภาพ 5 ยางก้อนถ้วยท่ีได้จากการใช้สารจับตัวยางที่อ้างว่าเป็นกรด ออร์แกนิคย่หี อ้ หนึ่ง ท่รี ะดบั ความเข้มขน้ 1.112% ต่อปริมาณเนอ้ื ยางแหง้ ออรแ์ กนคิ ย่ีหอ้ หน่ึง หลงั จากผึ่ง 1 เดอื น ผลปรากฏว่า กอ้ นยางยังขาวขนุ่ ผลปรากฏวา่ แผ่นยางแห้งชา้ มาก ยางยว้ ย และเน้อื ยางอ่อน หากเพ่ิมระดบั ความเขม้ ข้นเปน็ 1.112% ตอ่ ปรมิ าณเน้อื การศึกษาปริมาณธาตโุ ลหะในนำ้� เซร่ัม ยางแห้ง สามารถจับตัวยางได้สมบูรณ์ภายในระยะเวลา 45 นาที เทียบเท่ากับกรดฟอร์มิค และหลังจากท่ีวาง ท�ำการทดลองผลิตยางก้อนถ้วยโดยการใช้กรด ยางก้อนถ้วยต้ังท้ิงไว้เป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่า ยาง ฟอร์มิค (เกรดทางการค้า) สารจับตัวยางที่อ้างว่าเป็น ก้อนถ้วยที่ใช้กรดฟอร์มิค ปริมาณความชื้นจะลดลง กรดออร์แกนิคย่ีห้อหนึง่ กรดตราเสอื และน้�ำหมักชวี ภาพ ตามระยะเวลาท่ีผ่ึงยาง (ภาพท่ี 4) ส่วนยางก้อนถ้วย เพื่อศึกษาความสามารถในการดึงธาตุโลหะออกจาก ที่ใช้ด้วยสารจับตัวยางยี่ห้อดังกล่าว ยางยังคงมีสี เนื้อยางที่เป็นสาเหตุท�ำให้ยางเกิดการเสื่อมสภาพ การ ขาวขุ่น หากสังเกตด้วยสายตาเสมือนเป็นยางก้อนถ้วย ทดลองใช้น�้ำยางสดปริมาตร 300 มิลลิลิตร ใช้กรด สด แสดงว่าก้อนยางมีความสามารถในการดูดความชื้น ฟอร์มิคเกรดทางการค้า สารจับตัวยางท่ีอ้างว่าเป็นกรด จากการที่มีเกลือซัลเฟตและแคลเซียมท่ีตกค้างอยู่ใน ออร์แกนิคย่ีห้อหน่ึง กรดตราเสือ ในอัตรา 0.6% ต่อ เนอ้ื ยาง (ภาพท่ี 5) ปริมาณเนื้อยางแห้ง ส่วนน�้ำหมักชีวภาพในอัตรา 15 มิลลิลิตร ต่อน�้ำยางสด 300 มิลลิลิตร ตั้งท้ิงไว้จนกว่า

6 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ยางจะจับตัวสมบูรณ์ น�ำน้�ำเซร่ัมที่ได้ไปวิเคราะห์หา ยางที่อ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิคยี่ห้อหนึ่ง ในอัตรา 100 ปริมาณธาตุโลหะด้วยเครื่อง Atomic Absorption มิลลิลิตร (0.927% ต่อปริมาณเน้ือยางแห้ง) และ 120 Spectrophotometer จากการศึกษาพบว่าเมื่อใช้ มิลลิลิตร (1.112% ต่อปริมาณเนื้อยางแห้ง) ต่อเนื้อยาง ฟอร์มิคเกรดทางการค้าจะไม่พบปริมาณแคลเซียม (Ca) แห้ง 1 กิโลกรัม ท�ำการจับตัวเพ่ือผลิตเป็นยางแผ่นดิบ เลย สว่ นแมกนีเซียม (Mg) พบในชว่ ง 269.75 - 278.25 เนื่องจากสามารถเตรียมตัวอย่างเพ่ือทดสอบสมบัติตาม มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งมีปริมาณแมกนีเซียมในน�้ำเซร่ัม มาตรฐานยางแท่งเอสทีอาร์ได้สะดวกกว่ายางก้อนถ้วย น้อยกว่าการใช้สารจับตัวยางท่ีอ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิค จากผลการทดสอบสมบัติเชิงวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบ ย่ีห้อหนึ่ง กรดตราเสือ และน้�ำหมักชีวภาพ ซ่ึงพบในช่วง กับมาตรฐานยางแท่ง STR5L พบว่า ยางแผ่นดิบที่ใส่ 324.25 - 336.0 มลิ ลิกรัมต่อลิตร (ตารางท่ี 4) และเมื่อ สารจับตัวยางท่ีอ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิคยี่ห้อหนึ่ง ท้ัง เปรียบเทียบกับปริมาณธาตุโลหะของสารจับตัวยางที่ สองอัตราจะมีปรมิ าณความออ่ นตัวเร่ิมแรก (Po) มคี ่าต�่ำ อ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิคยี่ห้อหน่ึง ก่อนการจับตัว จะ กว่ายางแผ่นที่จับตัวด้วยกรดฟอร์มิคประมาณ 7 หน่วย พบท้ังปริมาณแคลเซียมและแมกนีเซียม ในขณะท่ีกรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือเพิ่มปริมาณสารจับตัวยางย่ีห้อ ฟอร์มิคไม่พบปริมาณโลหะทั้งสองชนิดเลย แสดงว่าสาร ดังกล่าวอีก 20% ย่ิงท�ำให้ค่าความอ่อนตัวต�่ำลงอีก 1 จับตัวยางที่อ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิคยี่ห้อดังกล่าว ไม่มี หน่วย ซ่ึงบ่งชี้ถึงยางมีความยืดหยุ่นต่�ำ ยางมีลักษณะ ความสามารถในการดึงธาตุโลหะแคลเซียมออกจากเนื้อ เปื่อยยุ่ย ขาดความคงทน ไม่เหมาะกับการน�ำไปขึ้นรูป ยาง โดยยังมีผลให้ปริมาณแคลเซียมยังคงตกค้างอยู่ใน เป็นผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างย่ิงมีค่าความหนืดท่ีต�่ำ เน้ือยางซ่งึ เปน็ สาเหตุใหย้ างเส่ือมสภาพได้เร็วขึน้ กว่าการใช้กรดฟอร์มิคประมาณ 12 หน่วย แสดงถึง โมเลกุลยางถูกท�ำลาย ในขณะที่ยางก้อนที่จับตัวด้วย สมบตั ิทางกายภาพของยางแผน่ ดบิ ตาม กรดฟอร์มิคจะมีค่าความหนืด 72.4 (1+4 ML100 ํC) มาตรฐานยางแท่งเอสทอี าร์ นอกจากน้ี ปริมาณส่ิงระเหยจากการใช้สารจับตัวยางที่ อ้างว่าเป็นกรดออร์แกนิคยี่ห้อหนึ่ง ทั้งสองอัตรามีค่าสูง ได้ท�ำการทดลองใช้กรดฟอร์มิคในอัตรา 0.06% กว่า 0.5% ซ่ึงอยู่ในเกณฑ์ท่ีไม่ผ่านมาตรฐานอาจเนื่อง ต่อปริมาณเน้ือยางแห้ง เปรียบเทียบกับการใช้สารจับตัว ตารางท่ี 4 ปรมิ าณธาตุโลหะท่ตี กคา้ งในน้�ำเซร่ัมจากการใช้สารจับตัวยางชนดิ ตา่ งๆ เปรยี บเทียบกบั กรดฟอรม์ คิ สารจบั ตวั ยาง แคลเซยี ม (มก./ลิตร) แมกนีเซยี ม (มก./ลติ ร) ทองแดง (มก./ลิตร) ฟอรม์ คิ 1 94% - 278.25 1.05 ฟอร์มิค2 94% - 269.75 1.12 สารจบั ตัวยางยีห่ อ้ หนึง่ 3 - 334.75 1.18 กรดตราเสือ4 0.65 336.00 1.12 น้ำ� หมกั ชีวภาพ5 5.54 324.25 1.12 1 เกรดทางการค้า ย่ีห้อ BASF ผลติ จากประเทศเยอรมัน 2 เกรดทางการคา้ น�ำตวั อย่างมาจากบริษทั CP สาขาจังหวัดเลย 3 ตัวอย่างจากรา้ นค้าในจงั หวดั เลย 4 ตัวอย่างจากทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 5 ตัวอยา่ งจากทางภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ

7 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 จากปริมาณซัลเฟตท่ีตกค้างอยู่ในเนื้อยางเป็นสาเหตุให้ ย่ีห้อดังกล่าวเองพบว่า มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบ ซึ่ง ยางดูดความชื้นจากอากาศได้ ซ่ึงสอดคล้องกับยาง เป็นสาเหตุให้ยางเกิดการเส่ือมสภาพเร็วข้ึนกว่าปกติ ก้อนถ้วยท่ีผึ่งนานถึง 1 เดือนแล้วสีของก้อนยางยังคง และสีของยางก้อนถ้วยยังคงขาวขุ่นทั้งๆ ท่ีต้ังทิ้งไว้นาน ขาวขุน่ (ตารางท่ี 5) นับเดือน นอกจากน้ี ยางแผ่นดิบท่ีใช้สารจับตัวยางยี่ห้อ ดังกล่าวในการจับตัวยางเนื้อยางไม่แข็งแรง ส่งผลให้ สรปุ แผ่นยางเกิดการย้อยตัว ซึ่งสรุปได้ว่า ไม่แนะน�ำให้ใช้ สารจับตัวยางย่ีห้อดังกล่าวมาใช้ในการผลิตยางดิบทุก สารจับตัวยางท่ีน�ำมาศึกษา ซึ่งอ้างว่าเป็นกรด ประเภท รวมทั้งสารอ่ืนๆ ท่ีมักพบทั้งในรูปของเหลวและ ออร์แกนิคย่ีห้อหนึ่ง มีองค์ประกอบของกรดซัลฟูริกเป็น ของแข็ง ซ่ึงมักจะส่งผลต่อการน�ำยางก้อนถ้วยไปผลิต หลัก นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยกรดอะซีติกในปริมาณ เป็นยางแท่ง โดยเฉพาะสารซัลเฟตที่ตกค้าง ก่อให้เกิด เลก็ น้อย และกรดฟอรม์ คิ ในปรมิ าณทนี่ อ้ ยมาก และเม่ือ ผลเสียหายต่อเครื่องจักร การจัดการน�้ำเสีย และกล่ิน ทดลองใช้สารจับตัวยางย่ีห้อดังกล่าวเปรียบเทียบกับการ เหม็นท่ีกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์จากยาง ใชก้ รดฟอร์มคิ เกรดทางการคา้ พบวา่ สมบตั ิทางกายภาพ แห้งท่ีจะท�ำให้เกิดการเสียสภาพได้เร็วขึ้น ดังนั้น หาก ของยางแผ่นท่ีใช้สารจับตัวยางย่ีห้อดังกล่าวมีสมบัติทาง เกษตรกรต้องการซ้ือสารจับตัวยางควรศึกษาองค์ กายภาพทดี่ ้อยกวา่ มาก โดยเฉพาะความอ่อนตัวเร่ิมแรก ประกอบของสารเคมีที่ระบุข้างขวด แต่หากไม่แน่ใจ มีค่าต�่ำกว่าการใช้กรดฟอร์มิคประมาณ 7 หน่วย มีค่า ควรส่งตัวอย่างให้สถาบันวิจัยยางท�ำการตรวจสอบเพ่ือ ความหนืดต�่ำกว่าเล็กน้อย และมีปริมาณความชื้นท่ีเกิน ความมั่นใจในการใช้สารจับตัวชนิดน้ันๆ นอกเหนือจาก กว่ามาตรฐาน นอกจากนี้ ยังไม่มีความสามารถในการ กรดฟอร์มิค ซึ่งเป็นกรดที่สถาบันวิจัยยางได้แนะน�ำเดิม ดึงปรมิ าณแคลเซยี มออกจากเนอื้ ยางทัง้ ๆ สารจบั ตวั ยาง ตารางที่ 5 ผลทดสอบสมบัตทิ างกายภาพของตวั อย่างยางแผ่นดบิ จากการใช้กรดฟอร์มิคเปรียบเทยี บ กบั สารจับตัวยางทอี่ ้างวา่ เปน็ กรดออร์แกนคิ ย่ีหอ้ หนงึ่ ตวั อย่าง ปรมิ าณ ปริมาณ ปริมาณเถา้ ปริมาณ ความอ่อนตัว ดัชนคี วาม ความหนืด ส่งิ สกปรก สิ่งระเหย (%) ไนโตรเจน เริ่มแรก ออ่ นตวั (1+4 ML (%) (%) (%) (Po) (PRI) 100 ํC) กรดฟอร์มิค1 0.005 0.37 0.26 0.40 42.1 107.7 72.4 สารจับตวั ยางยหี่ ้อหนึ่ง2 0.006 1.30 0.32 0.38 35.0 114.3 60.6 (0.927% ต่อปรมิ าณ เนอื้ ยางแห้ง) สารจบั ตวั ยางยีห่ ้อหน่งึ 3 0.010 0.61 0.28 0.37 34.0 119.1 60.2 (1.112% ตอ่ ปริมาณ เนื้อยางแห้ง) มาตรฐาน STR 5L 0.004 0.50* 0.40 0.60 35.0 60.0 ** 1 ใช้ในอัตรา 0.600% ต่อปริมาณเนื้อยางแห้ง 2 100 มลิ ลลิ ติ ร หรือเทยี บในอตั ราเนอ้ื กรด 0.927% ตอ่ ปริมาณเนอื้ ยางแห้ง 3 120 มิลลลิ ิตร หรอื เทียบในอตั ราเน้ือกรด 1.112% ต่อปริมาณเน้อื ยางแหง้ * บรษิ ทั ผูผ้ ลิตจะตอ้ งผลติ ยางแทง่ ที่มีปรมิ าณสิง่ ระเหยไม่เกนิ 0.5% ** ในมาตรฐานยางแทง่ เอสทอี าร์ไมไ่ ด้ระบคุ ่าความหนืด

8 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 อยู่แล้ว และจากการที่ใช้สารจับตัวยางชนิดที่ไม่ ปรีดิ์เปรม ทัศนกุล, 2555. มหันตภัยร้ายของเกลือ เหมาะสมจะส่งผลกระทบต่อการน�ำยางก้อนถ้วยไป แคลเซียมในการผลิตยางก้อนถ้วย. วารสาร แปรรปู เปน็ ยางแทง่ และผลิตภณั ฑไ์ ด้ ยางพารา 33(2) : 23-27. สถาบันวิจัยยาง, 2557. ท�ำเนียบโรงงานยางดิบ. เอกสารอ้างอิง ส�ำนักงานตลาดกลางยางพาราสงขลา สถาบัน วิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตร ไทยรัฐออนไลน,์ 2557. กรดยางออแกนิก นวัตกรรมใหม่ และสหกรณ.์ ไม่กดั คน (ออนไลน์). แหลง่ ทมี่ า : https/thairath. co.th/content/449235. 11 กันยายน 2557.

9 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 สรรี วิทยาการไหลของน�ำ้ ยาง ภทั ธาวุธ จิวตระกลู * 93/75 นิพัทธ์สงเคราะห์ 5 ต. หาดใหญ่ อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา 90110. การศึกษาทางด้านสรีรวิทยาของน้�ำยางท่ีได้จาก กายวภิ าค (Anatomy) ของเปลือก ต้นยางพารา ได้ท�ำกันมาเป็นระยะยาวนาน หรือตั้งแต่ และระบบทอ่ น�ำ้ ยาง เกดิ สงครามโลกครง้ั ที่ 1 (ค.ศ. 1914-1918) ในช่วงเวลา นั้นการศึกษาทดลองยังปราศจากเคร่ืองมือที่ทันสมัย โครงสร้างภายในเปลือกของต้นยางพาราท่ีเจริญ แต่ก็ยังมีผลงานออกมาให้เห็นเป็นจำ� นวนมาก จนกระทงั่ เติบโตเต็มที่และยังไม่ได้กรีด (Virgin bark) สามารถ ในราวๆ ปี ค.ศ. 1960 ได้มีการน�ำกล้องจุลทัศน์ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 ชั้น เปน็ วงซ้อนกัน ดังแสดงไวใ้ นภาพ อิเล็กตรอนมาใช้ในการศึกษา ท�ำให้เร่ืองราวบางเรื่องท่ี ท่ี 1 (Gomez, 1982) ชั้นแรก เป็นชั้นเปลือกอ่อน (Soft ดูคลุมเครือ ก็ได้รับค�ำตอบท่ีแน่ชัด ดังเช่น น�้ำยาง คือ bark) อยู่ติดกับแคมเบียม (Cambium) ส่วนใหญ่ ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) ไม่ใช่ Vascuolar sap ดังที่ ประกอบด้วยท่อล�ำเลียงอาหาร (Sieve tube) เป็นรูป เข้าใจกันมาแต่แรก และภายในไซโทพลาซึมน้ี ก็มี ทรงกระบอก และพาเรงคิมาของโพลเอ็ม (Phloem ออรแ์ กเนลลต์ า่ งๆ ท่สี �ำคัญ ได้แก่ อนุภาคลูทอยด์ ซึ่งพบ parencyma) เรียงตัวสลับกันไปกับท่อน�้ำยาง (Latici- ในปี ค.ศ. 1966 นอกจากนี้ ในราวๆ ปี 1950 ยังได้มี fers) เนื้อเย่ือชุดแรกท�ำหน้าที่ล�ำเลียงและสะสมอาหาร การน�ำเครอ่ื งปน่ั ความเร็วสูง (Ultracentrifuge) มาใชป้ นั่ ท่ีถูกสร้างข้ึนท่ีใบ ส่วนอันหลังเป็นที่เก็บน�้ำยาง เน้ือเยื่อ แยกน้�ำยางออกเป็นส่วนๆ ซ่ึงช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ เหล่านี้จะถูกแทรกเป็นช่วงๆ ในแนวนอนด้วยรัศมีเนื้อไม้ สามารถนำ� แตล่ ะสว่ นมาศึกษาในรายละเอยี ดมากยงิ่ ขน้ึ (Medullary rays) ซ่ึงก�ำเนิดในแคมเบียมและเจริญ บทความนี้ได้รวบรวมผลงานท่ีได้จากการศึกษา เติบโตในแนวเส้นรัศมี ผ่านสตีล (Stele) และค่อยๆ ค้นคว้าทดลองทางด้านสรีรวิทยาการไหลของนำ�้ ยางของ เสื่อมสภาพไปในส่วนเน้ือเย่ือของไซเล็ม (Xylem) และ นักวิทยาศาสตร์ช้ันน�ำในสาขาวิชาต่างๆ โดยได้สรุป โพลเอ็ม (Phloem) ท่ีมีอายุมากข้ึน หน้าที่หลักของรัศมี เน้ือหาสาระที่ส�ำคัญเพ่ือให้มองเห็นภาพรวมทั้งหมด เน้ือไม้ก็คือ ขนส่งอาหารที่สังเคราะห์แล้วไปในแนวรัศมี ดังนั้น เนื้อหาจึงครอบคลุมความรู้ในแขนงวิชาต่างๆ ของล�ำต้น ชั้นท่ีสอง คือชั้นเปลือกแข็ง เป็นช้ันท่ียังคงมี ได้แก่ กายวิภาควิทยา วิทยาของเซลล์ และชีวเคมี ท่อล�ำเลียงอาหารและท่อน้�ำยาง แต่ทั้งสองพวกน้ีมีการ ผลงานท่ีได้น�ำมาเสนอ มีท้ังส่วนท่ีได้ทำ� กันมานานหลาย เปล่ียนแปลงและไม่สามารถท�ำหน้าท่ีได้เมื่ออยู่ห่างจาก สิบปี จนถึงผลงานใหม่ๆ ท่ีเพิ่งท�ำ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการที่ แคมเบียมเพ่ิมมากข้ึน ในชั้นเปลือกแข็งนี้ เซลล์พาเรง- จะต้องค้นหาความจริงในเร่ืองใดเรื่องหนึ่งนั้น จะต้องมี คิมาจ�ำนวนมากจะกลายเป็นเซลล์สเกลอเรงคิมา การส่งต่อผลงานวิจัยกันมาเป็นทอดๆ และยังต้องเดินไป (Sclerenchyma cells) เพื่อสร้างเซลล์สโตน (Stone ข้างหน้าเพ่ือค้นคว้าวิจัยกันต่อไป เพ่ือจะได้ใช้ประโยชน์ cells) ทแี่ ข็ง ชั้นนอกสดุ เรียกวา่ เพอรเิ ดร์ม (Periderm) จากพชื มหศั จรรย์นใ้ี หค้ ้มุ คา่ และมีประสิทธภิ าพมากท่ีสดุ ประกอบด้วยเซลลค์ อรก์ (Cork cells) หอ่ หมุ้ อยู่ภายนอก ลึกเข้าไปข้างในเป็นคอร์กแคมเบียม (Cork cambium) * อดีตนกั วิชาการศนู ย์วิจยั การยาง และศนู ยว์ ิจยั ยางสงขลา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (ระหวา่ งปี 2517-2553)

10 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ช้นั เปลอื กแขง็ ชั้นเปลือกอ่อน ท่อน�้ำยาง ประกอบดว้ ยเซลลส์ โตน,พาเรงคิมา, สว่ นใหญ่ประกอบดว้ ย รัศมเี นอ้ื ไม้ ท่อล�ำเลียงอาหารและท่อนำ้� ยาง แถวในแนวตัง้ ของ ท่ีเสอื่ มสภาพ ท่อล�ำเลียงอาหาร คอรก์ เซลล์สโตน แคมเบียม คอร์กแคมเบียม ภาพท่ี 1 ภาพสามมิติของเปลือกตน้ ยางพารา (ทีม่ า : Gomz, 1982) หมายเหตุ : ท่อลำ� เลยี งอาหารซงึ่ อย่ใู นชัน้ เปลอื กออ่ น และพาเรงคิมาทอี่ ยู่ในทั้งช้นั เปลือกอ่อนและชั้นเปลอื กแข็ง ไม่ไดแ้ สดงไว้ในภาพ ส่วน พน้ื ท่ีท่รี ะบายสดี ำ� เปน็ กลมุ่ ของเซลลส์ โตน หรือเฟลโลเจน (Phellogen) ท�ำหน้าที่สร้างเซลล์ อยู่ติดกัน ดังนั้น วงท่อน�้ำยางท่ีไม่ได้ถูกตัดด้วยมีดกรีด คอร์กออกไปข้างนอกล�ำต้น และเฟลโลเดร์ม เนื้อเยื่อ ยาง จะไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ การไหลของนำ้� ยาง ในขณะทีต่ ้นยาง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพาเรงคิมาของคอร์เทกซ์ เข้า โตขึ้น ท่อน�้ำยางที่สร้างข้ึนมาจากแคมเบียมจะค่อยๆถูก ไปขา้ งในลำ� ต้น ดันไปข้างหน้า และการเพ่ิมข้ึนของเส้นรอบวงล�ำต้นจะ ท่อน้�ำยาง ซ่ึงภายในจะเป็นที่สร้างและเก็บยาง ท�ำให้วงท่อน้�ำยางถูกดึงในแนวขนานเส้นสัมผัส (Tan- เกิดข้ึนในลักษณะเป็นท่อเรียงตัวกันเป็นวงแหวนรอบ gential) ซึ่งมีผลท�ำให้มีการแทรกตัวเข้ามาของเน้ือเย่ือ ล�ำต้นหลายวง เพราะว่ามีการเปล่ียนสภาพ (Differenti- อ่ืนๆ ในระหว่างท่อน�้ำยาง ดังนั้น ท่อน�้ำยางที่อยู่ในชั้น ate) โดยแคมเบียม ซ่ึงจะทยอยสร้างเป็นท่อน�้ำยางออก เปลอื กแขง็ จะเสื่อมสภาพและสูญเสยี หน้าท่ไี ป มาเป็นช่วงๆ อย่างสม�่ำเสมอ ในอัตรา 1.5-2.5 วงต่อปี ในแต่ละวงของท่อน�้ำยาง ท่อน้�ำยางที่อยู่ติดกันจะเช่ือม นำ�้ ยางจากตน้ ยางพารา ต่อกัน (Zhao, 1987) จนมีลักษณะเป็นท่อทรงกระบอก ท่ีประสานกันเป็นร่างแห (ภาพท่ี 2) โดยมีรัศมีเนื้อไม้ น้�ำยางที่เก็บรวบรวมได้จากการกรีดเป็นประจ�ำ แทรกตัวอยู่ระหว่างช่องของร่างแหท่อน�้ำยาง ลักษณะที่ ประกอบด้วยไซโทพลาซึม (Cytoplasm) ที่ถูกขับออก ส�ำคัญอีกประการหน่ึงที่มีผลต่อการเก็บเกี่ยวน�้ำยาง จากท่อน้ำ� ยางและมสี ่วนประกอบต่างๆ คล้ายคลึงกบั น้�ำ ก็คือ ไม่ค่อยพบการเชื่อมต่อระหว่างท่อน้�ำยางของวงท่ี ยางที่อยู่ภายในต้น สมบัติความเป็นไซโทพลาซึมได้รับ การยืนยันแน่นอนจากการศึกษาด้วยกล้องจุลทัศน์

11 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 (Southorn, 1969) เมื่อน�ำน้�ำยางสดใส่ในหลอดแก้ว แล้วน�ำไปปั่นใน เครื่องปั่นความเร็วสูง (Ultracentrifuge) พบว่าสามารถ แยกนำ�้ ยางในหลอดแก้วไดเ้ ปน็ 3 ส่วนหลักๆ (Cook and Sekhar, 1953 ; Moir, 1959) คือ ชัน้ บนสุดเป็นส่วนของ ยาง ล่างสุดหรือก้นหลอด เป็นอนุภาคที่สามารถตก ตะกอนได้ เรยี กวา่ Bottom fraction และตรงกลางหลอด เป็นของเหลวอยู่ในรูปของซีรั่ม เรียกว่า C-serum (ภาพ ท่ี 3) องค์ประกอบส่วนใหญ่ของส่วนท่ีอยู่ก้นหลอด ได้แก่อนุภาคลูทอยด์ แต่ก็มีฟรี-วิสริง คอมเพ็กซ์ ปะปน อยู่บ้าง จากการน�ำส่วนท่ีอยู่ก้นหลอด หรือ Bottom fraction มาแช่แข็ง สลับกับการน�ำมาไว้ท่ีอุณหภูมิห้อง Hsia (1958) พบซีร่ัมอีกชนิดหน่ึง เรียกว่า B-serum ซ่ึง ส่วนใหญก่ ค็ อื ของเหลวท่อี ย่ใู นลูทอยดน์ ่นั เอง (Southron and Edwin, 1968) ถึงแม้ว่า Moir (1959) จะใช้วิธีปั่นน�้ำยางและ ภาพที่ 2 ท่อน้�ำยางของตน้ ยางพารา (พนั ธุ์ RRIM 600 ) แสดงใหเ้ หน็ ถึง การเชื่อมต่อกันระหว่างท่อที่อยู่ติดกันในวงท่อน้�ำยางเดียวกัน (ท่ีมา: Zhao, 1986) อิเล็กตรอน (Dickenson,1969) หรือกล่าวโดยสรุปว่า Rubber น้�ำยาง คือ ไซโทพลาซึมของระบบเซลล์ท่ีเชื่อมติดต่อกัน ซึ่งมีความพิเศษตรงท่ีสามารถสังเคราะห์ยาง (Cis-poly- C-serum isoprene) ได้ โดยทั่วไป น�้ำยางประกอบด้วยของแห้ง fBraoctttoiomn ระหว่าง 25-50 % ซึ่งในจ�ำนวนนี้ 90 % เป็นยาง การ กรีดยางเป็นการท�ำความเสียหายให้เกิดข้ึนกับวงท่อ ภาพที่ 3 น�้ำยางสดเม่ือน�ำไปปั่นด้วยความเร็วสูง จะแบ่งออกเป็นสาม น�้ำยางจ�ำนวนหนึ่ง และน�้ำยางท่ีไหลออกมาจะประกอบ ส่วนหลักๆ คือ ส่วนของยางท่ีอยู่ชั้นบนสุดของหลอด ส่วนของเหลวใสๆ ไปด้วยออร์แกเนลล์ (Organelles) หรือส่วนต่างๆ ของ (C-serum) อย่ตู รงกลางหลอด และสว่ นกน้ หลอด (Bottom fraction) ซง่ึ เซลลท์ อ่ นำ้� ยางทท่ี ำ� หนา้ ท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป ส่วนใหญ่ได้แกอ่ นภุ าคลูทอยด์ จากการศึกษาโดยใช้กล้องจุลทัศน์อิเล็กตรอนส่อง ดูส่วนประกอบภายในท่อน้�ำยางท่ียังมีอายุน้อย (Archer et al. 1963 ; Dickenson, 1965 ; Dickenson, 1969) และท่อน�้ำยางที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว (Gomez, 1974) ได้แสดงให้เห็นถึงอนุภาคท่ีส�ำคัญ 3 อย่าง คือ อนุภาค ยาง ลูทอยด์ และฟรี-วิสริง คอมเพ็กซ์ (Frey-Wyssling complex) โดยมีสัดส่วนดังนี้คือ อนุภาคยาง 25-45 % ลูทอยด์ 10-20 % และฟรี-วิสริง คอมเพ็กซ์ 1-3 %

12 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ย้อมสีจนสามารถแยกน�้ำยางออกได้เป็น 11 โซน แต่ ได้ว่าเป็นไซโตซอล (Cytosol) ของน�้ำยาง โดยพื้นฐาน อนุภาคหลักๆ ก็ยังคงเป็นอนุภาคท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้น แล้ว ไซโตซอลนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากไซโตซอลของ ในจ�ำนวนน้ี อนุภาคยาง และลูทอยด์มีส่วนเก่ียวข้องกับ เซลล์พชื โดยทัว่ ไป จากการวิเคราะหไ์ ซโตซอลของนำ้� ยาง การเกดิ การจบั ตวั ของอนุภาคยาง (Floc formation) และ ซ่ึงได้จากการปั่นด้วยความเร็วสูงพบว่า มีออร์แกเนลล์ ขบวนการปิดผนกึ ที่ปลายทอ่ นำ้� ยาง (Southron, 1969) และอนุภาคชนิดท่ีแตกต่างกัน จากการที่พบว่าในไซโต อนภุ าคยาง ซอลมีเอมไซมท์ ี่เกยี่ วข้องกบั วิถไี กลคอลซิ สิ (Glycolysis) ไฮโดรคาร์บอนของยางเป็นองค์ประกอบหลักของ (d’Auzac and Jacob, 1969) และเอมไซม์อืน่ ๆ รวมท้ัง น้�ำยางพารา ปริมาณยางแห้งในน้�ำยางแตกกันระหว่าง เอมไซม์ชนิดต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับวิถีการสร้างไอโซปรี- 25 % ถงึ 45 % มนี ำ้� หนกั โมเลกลุ เฉลีย่ ระหว่าง 200 ถึง นอยด์ (Isoprenoids) (Suvachittanont and Wititsu- 600 กิโลดาลตัน (KDa) โมเลกุลของยางพบในรูปของ wannakul, 1995 ; Koyama et al.,1996) แสดงให้ อนภุ าคในนำ�้ ยาง ซง่ึ มียาง (90 %) เป็นองค์ประกอบหลกั เห็นว่า ไซโตซอลเป็นส่วนท่ีมีขบวนการของเมตาบอลิสม ห่อหุ้มด้วยชั้นบางๆ ของโมเลกุลประเภท Lipophilic (Metabolism) เกดิ ขึ้นหลายขบวนการ (สว่ นใหญไ่ ดแ้ ก่ลิปดิ และโปรตนี ) (Ho et al., 1976) ชน้ั ท่ี อนุภาคลูทอยด์ ห่อหุ้มอนุภาคยางจะมีประจุลบ ซึ่งจะก่อให้เกิดความ ลทู อยดม์ รี ปู ร่างทรงกลม มีขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง เสถียรต่ออนุภาคยางในขณะท่ีแขวนลอยอยู่ในซีร่ัม มากกว่าอนุภาคยาง ลูทอยด์ห่อหุ้มด้วยเย่ือชั้นเดียวที่มี อนุภาคยางมีขนาดต้ังแต่ 5 นาโนเมตร (nm) จนถึง 3 ลิปิดเป็นองค์ประกอบ ลูทอยด์มีบทบาทส�ำคัญต่อความ ไมโครมิเตอร์ (µm) มีรูปร่างทรงกลม เสถียรของอนุภาคต่างๆ ที่แขวนลอยอยู่ในน�้ำยาง เย่ือหุ้มอนุภาคยาง เน่ืองจากการมีประจุลบของย่ือหุ้มซ่ึงอุดมไปด้วย Phos- โดยทั่วไปแล้วจะพบว่าอนุภาคยางจะมีลิปิดรวม phatidic acids (Dupont et al., 1976) ลูทอยด์มี อยู่ด้วย ซึ่งลิปิดน้ีโดยธรรมชาติแล้วก็คือเย่ือหรือ ลักษณะคล้ายคลึงกับ lysosomes (เป็นอวัยวะที่พบ เมมเบรม จากการศึกษาโดยใช้กล้องจุลทัศน์ พบว่า เฉพาะในเซลล์สัตว์ ลักษณะเป็นถุง มีเย่ือหุ้ม ภายในมี อนุภาคยางมีโครงสร้างที่สม่�ำเสมอ โดยมีชั้นฟิมล์บางๆ โปรตีนอัดกันแน่น) มีเอมไซม์ Hydrolase ในปริมาณสูง ห่อหุ้ม (Southron, 1961) แต่เมื่อศึกษาด้วยกล้อง (Jacob et al., 1976) และมบี ทบาทสำ� คัญทำ� ให้อนภุ าค จุลทัศน์อิเล็กตรอน จะเห็นอนุภาคยางมีเนื้อเดียวกัน ยางเกิดการเกาะกลุ่มกัน (Coagulation) ในน�้ำยาง และมีโครงสร้างภายในที่สม�่ำเสมอ แต่ล้อมรอบด้วย (Southron and Edwin, 1968) กลไกของการเกิดการ ฟิล์มท่ีมีความทึบหรือไม่โปร่งแสงมากกว่าโปลีไอโซปรีน รวมตัวน้ี มีสาเหตุจากการแตกตัวของลูทอยด์แล้วมีการ (Polyisoprenes) ที่อยู่ข้างใน (Lau et al., 1986) จาก ปลดปล่อยไอออนที่มีประจุบวก (Cation) และโปรตีน การวิเคราะห์ธรรมชาติของฟิลม์ที่ห่อหุ้มอนุภาคยาง พบ หลายชนดิ (Pakianathan and Milford, 1973) ลูทอยด์มี ว่าเป็นฟอสโฟลิปิด (Phospholipids) และโปรตนี รวมถึง บทบาทหน้าที่ในการเป็นแหล่งสะสมโปรตีนชนิดต่างๆ ลิปิดท่ีเป็นกลาง ซ่ึงเหมือนกับโครงสร้างของเมมเบรน เอมไซม์หลายชนิด และสารละลายต่างๆ โดยอาศัยการ โดยทั่วไป ขนส่งผ่านเมมเบรม (Active membrane transport activity) (Chrestin and Gidrol, 1986) C-serum เยอื่ หมุ้ อนภุ าคลทู อยด์ ส่วนของ C-serum ได้จากการน�ำน้�ำยางมาปั่น จากการศึกษาด้วยกล้องจุลทัศน์อิเล็กตรอนได้ ด้วยเครอ่ื งป่นั ความเรว็ สูง (ดภู าพที่ 3) เป็นส่วนของเหลว แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของการเป็นไมเซลล์ (Micelle) ท่ีได้จากไซโทพลาซึมท่ีอยู่ในท่อน้�ำยาง ซ่ึงสามารถเรียก ของโครงสร้างเยื่อหุ้มอนุภาคลูทอยด์ (Gomez and

13 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 Southron, 1969) ซ่ึงจะอ่อนไหวต่อแรงดันออสโมซิส ตน้ ยางก่อนท่จี ะถกู กรีด น�ำ้ ยางในทอ่ นำ�้ ยางจะอยู่ (Osmoensitive) เป็นอย่างมาก เย่ือหุ้มน้ีมีความหนา ในสภาวะที่มี Hydrostatic pressure สงู ซ่ึงโดยท่วั ไปอยู่ 8-10 นาโนเมตร เม่ือวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบทางเคมี ระหว่าง 10 และ 15 atm ในตอนเช้าตรู่ ทันทีที่กรีดยาง พบว่า มีปริมาณของฟอสโฟลิปิดเป็นส่วนประกอบถึง เสร็จ ความดันที่ปลายท่อน้�ำยางจะลดลงเหลือเท่ากับ 37.5 % ของน้�ำหนักโปรตีน เย่ือหุ้มอนุภาคลูทอยด์น้ี บรรยากาศท่ีล้อมรอบ และการหดตัวของผนังท่อน้�ำยาง อุดมด้วย Phosphatidic acid ซึง่ มปี ริมาณมากถึง 80 % ภายใต้ความดันของเซลล์ที่อยู่ล้อมรอบท่อน้�ำยางซึ่งยัง ของฟอสโฟลิปิดทั้งหมด จากการวิเคราะห์องค์ประกอบ คงเต่งตึงอยู่ จะดันน�้ำยางออกมาด้วยความเร็วสูง จาก ของกรดไขมนั ของฟอสโฟลปิ ดิ พบวา่ เป็นกรดไขมนั ทอ่ี ิ่ม การใช้เครื่องมือวัดความดันภายในท่อนำ้� ยาง (Capillary ตวั ตวั หลักๆไดแ้ ก่ กรด Palmitic และ Stearic สว่ นกรด manometer) พบว่า Turgor pressure ของระบบทอ่ นำ้� ไขมันท่ีไม่อ่ิมตัวก็ปรากฏให้เห็น เช่น กรด Oleic และ ยางตรงบริเวณใต้รอยกรีดลงมาเล็กน้อย จะลดลงอย่าง Linoleic (Dupont et al., 1976) กรดไขมนั ท่อี ิม่ ตัวและ รวดเร็ว แต่บริเวณที่ห่างจากรอยกรีดเพิ่มข้ึน ความดัน กรดไขมันที่ไม่อ่ิมตัวในเยื่อหุ้มอนุภาคลูทอยด์จะมี จะลดลงน้อยกว่า และช้ากว่ามาก (Buttery and ปริมาณพอๆ กัน การท่มี ีกรด Phosphatidic ในปริมาณ Boatman, 1967) ท่ีสูง อาจอธิบายได้ว่า ที่บริเวณผิวของอนุภาคลูทอยด์มี การสญู เสยี Turgor pressure ในทอ่ น�้ำยางจะไป ประจลุ บอยู่สงู (Southron and Yip, 1968) การทเี่ ยื่อหมุ้ รบกวนความสมดลุ ของระบบออสโมซิส* (Osmosis) ผล อนุภาคลูทอยด์ซึ่งไม่มีความยืดหยุ่นและมีความเปราะ ที่ตามมาก็คือ ก่อให้เกิด Suction pressure ซึ่งเป็น แตกงา่ ยตอ่ Osmotic shock และมีความตา้ นทานตำ่� ตอ่ สาเหตุท�ำให้มีการไหลเข้าของน�้ำจากเซลล์ข้างเคียงสู่ท่อ แรงเครียดทางกลศาสตร์ (Mecanical stress) (Pakiana- น�้ำยาง การเคลื่อนย้ายของน�้ำจะกระจายไปทั่วเน้ือเยื่อ than et al., 1966) สามารถอธิบายได้จากองค์ประกอบ ของโฟลเอ็ม และอาจเข้าไปถึงไซเลม็ เรยี กปรากฏการณ์ ของกรดไขมันท่อี ยใู่ นเยอ่ื หมุ้ อนภุ าคลทู อยด์ นี้ว่า “dilution reaction” โดยที่ของแข็งท้ังหมดและ ปริมาณเน้ือยางแห้งท่ีมีอยู่ในน้�ำยางจะลดลงทันทีหลัง การตอบสนองตอ่ การกรดี จากกรีด แต่ปริมาณดังกล่าวจะฟื้นตัวข้ึนบ้างก่อนท่ีน้�ำ ยางจะหยุดไหล และปริมาณยางจะฟื้นฟูกลับสู่ระดับ ในแต่ละคร้งั ทมี่ กี ารกรดี ตน้ ยาง อตั ราการไหลของ ปกติจากการสังเคราะห์ยางขึ้นมาใหม่ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ น�้ำยางจะสูงในช่วงระยะเวลาแรก แต่ในไม่ช้าอัตราการ กรีดเอาน�้ำยางออก เช่นเดียวกับ Turgor pressure จะ ไหลจะลดลง โดยในช่วงระยะเวลาแรกอัตราการไหลจะ ค่อยๆ ฟ้นื ตัวในขณะท่ีน�้ำยางไหลช้าลง จนมคี ่าใกล้เคียง ลดลงอย่างรวดเร็ว และช้าลงในระยะเวลาต่อมา และ กับค่าปกติในช่วงเวลาที่น�้ำยางหยุดไหลส�ำหรับวัน หยุดไหลในท่ีสุด มีระยะเวลาการไหลแตกต่างกันตั้งแต่ ท่ีมีอากาศชื้น แต่ในวันที่มีอากาศแห้งอาจต้องใช้เวลา คร่ึงช่ัวโมงถึงสามช่ัวโมง จากการวัดอัตราการไหลของ เพ่มิ ขน้ึ หลังจากน�้ำยางหยุดไหล น้�ำยางเป็นช่วงๆ ก็จะได้รูปร่างท่ีแน่นอนของเส้นโค้งการ นยิ ามการอุดตนั ของท่อน�ำ้ ยาง ไหล หรอื Flow curve (ภาพที่ 4 ) ผลผลติ ทไ่ี ดร้ ับท้งั หมด ความก้าวหน้าท่ีช่วยท�ำให้เกิดความเข้าใจในเร่ือง ข้ึนอยู่กับอัตราการไหลในระยะแรก และระยะเวลาของ กลไกการไหลของน้�ำยาง เป็นผลมาจากการศึกษา การไหล ต้นยางสองต้นอาจจะให้ผลผลิตเท่ากัน แต่มี รปู แบบของการไหลทแ่ี ตกต่างกัน * ออสโมซิส คือการแพร่กระจายของอณูของเหลวจากสารละลายท่ีเจือจางกว่า เข้าสู่สารละลายท่ีเข้มข้นกว่า โดยผ่านเย่ือบางๆที่เรียกว่า Differentially permeable membrane ซึ่งจะก่อให้เกิด Hydrostatic pressure เพ่ิมขึ้น ออสโมซิสจะเกิดข้ึนเร่ือยๆ จนเกิดการสมดุล น่ันคือ ความดันสูงสุดของสาร ละลายในเซลล์จะเท่ากับความดนั ของน้�ำภายนอก ความดนั นีเ้ รยี กว่า Osmotic pressure และเมือ่ เซลล์ของพชื ดูดนำ้� เข้าไปในเซลล์มาก เซลลจ์ ะพองโต ขึน้ ทงั้ นี้เพราะน้�ำท่ีเขา้ ไปในเซลลจ์ ะไปท�ำให้เกิดความดนั ขน้ึ ท่ีผนงั เซลล์ ความดนั นเ้ี รียกว่า Turgor pressure ซึง่ จะท�ำใหเ้ ซลลร์ ักษารูปรา่ งเอาไวไ้ ด้

14 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ภาพที่ 4 เส้นโคง้ การไหล (Flow curve) และ Turgor pressure ในระหวา่ งการไหล ของยางพนั ธุ์ Tjir 1 ซงึ่ เปน็ ตวั แทนของพนั ธท์ุ ห่ี ยดุ ไหลเร็ว และยาง พันธ์ุ RRIM 501 ซ่งึ เปน็ ตัวแทนของพนั ธทุ์ ี่หยุดไหลช้า (ลกู ศรท่ชี ีแ้ สดงถงึ เวลาทเี่ ร่มิ กรีด) (ท่มี า: Milford et al., 1969) ภาพท่ี 5 อัตราการไหลที่บนั ทึกในช่วงห่างกันทกุ ๆ 30 วนิ าที หลงั จากกรีด ของยางพนั ธุ์ Tjir 1 เปน็ การเปรียบเทยี บระหว่างการกรีดแบบปกติ ไมม่ กี ารใช้ สารเคมเี รง่ น้�ำยาง (กรดี ครงึ่ ล�ำตน้ วนั เวน้ วนั ) (เสน้ ประ) กับวิธกี ารกรดี ซ�้ำที่ 10 และ 20 นาที (ตรงลกู ศรชี้) หลังจากเริม่ กรดี (ทม่ี า: Boatman, 1966) ทดลองของ Boatman (1966) และ Buttery and Boat- อัตราการไหลจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละคร้ังที่มี man (1966, 1967) จากการใช้วิธีกรดี ซ�้ำหา่ งกันทุกๆ 10 การกรีดซ�้ำ ซ่ึงจะได้เส้นโค้งของการไหลเป็นข้ันๆ (ภาพ นาที กรีดเปลือกหนาประมาณ 1 มิลลิเมตร พบว่า ที่ 5) ปรากฏการณน์ ีแ้ สดงให้เห็นวา่ อัตราการไหลจะลด

15 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ลงในระยะเวลาอันสั้นหลังจากกรีด สาเหตุเนื่องจากมี ดชั นีการเกดิ การอดุ ตัน บางส่งิ ไปขดั ขวางทป่ี ลายท่อน้�ำยาง Milford et al. (1969) ได้ศึกษาอัตราการเกิดการ ได้มีการน�ำตัวอย่างท่อน�้ำยางท่ีตัดตามยาวใกล้ อุดตนั ของยางพนั ธุต์ ่างๆ และเสนอวา่ พฤตกิ รรมของการ รอยกรีดมาศึกษาถึงลักษณะของสิ่งท่ีไปขัดขวางการไหล เกิดการอุดตันสามารถแสดงให้เห็นได้จากค่าของดัชนี ของน้�ำยาง โดยใช้กล้องจุลทัศน์อิเล็กตรอน (Southron, การเกิดการอดุ ตนั หรือ Plugging index (PI) ซ่งึ ได้จาก 1968) จากตัวอยา่ งชน้ิ เปลอื กที่เก็บกอ่ นทีน่ �้ำยางจะหยุด สัดส่วนระหว่างอัตราการไหลในระยะแรก (เช่น 5 นาที ไหล พบว่าอนุภาคยางและลูทอยด์ที่ได้รับความเสียหาย แรก) กบั ปรมิ าตรนำ้� ยางท้งั หมดต่อครงั้ กรีด จะไปอดุ ตันท่อนำ�้ ยางบางทอ่ อย่างสมบรูณ์ แตไ่ มเ่ กดิ ขึ้น กับท่อน้�ำยางทั้งหมด สิ่งน้ีชี้ให้เห็นว่า การอุดตันเกิดขึ้น PI = เฉล่ียอตั ราการไหลในระยะแรก (มล./นาที) x 100 อย่างรวดเร็วและสมบรูณ์ต่อเฉพาะบางท่อ ซึ่งมีความ ปรมิ าตรนำ้� ยางทั้งหมด (มล.) เป็นไปได้มากกว่าการเกิดส่ิงอุดตันอย่างช้าๆ ท่ีผนังของ ทอ่ น�ำ้ ยางและขยายตัวเข้าขา้ งใน จากตวั อย่างชน้ิ เปลอื ก พันธุ์ยางท่ีหยุดไหลเร็ว จะมีค่า PI สูง เช่นพันธุ์ ที่เก็บหลังจากน้�ำยางหยุดไหล ยังพบช้ินส่วนท่ีมีองค์ Tjir 1 พบว่า มีการฟื้นตวั ทรี่ วดเรว็ ของ Turgor pressure ประกอบเหมอื นกบั ท่พี บภายในทอ่ (Coagulum) ปิดปาก หลังจากกรีด และการเพิ่มข้ึนของอัตราการไหลของ ท่ออยู่ภายนอก ซ่ึงบางคร้ังลุกลามเข้าไปในท่อน้�ำยาง น้�ำยางหลังจากท่ีได้มีการกรีดซ�้ำ ซ่ึงเป็นลักษณะของ ก่อนทีน่ ้�ำยางจะหยุดไหล (ภาพที่ 6) การอุดตันที่รวดเร็ว ในขณะพันธุ์ยางที่หยุดไหลช้า เช่น RRIM 501 จะมีค่า PI ต�่ำ และไม่พบลักษณะทั้งสอง ประการของพันธุย์ างท่ีหยดุ ไหลเรว็ (ภาพที่ 4 และ 7) CAMBIUM บทบาทของอนภุ าคลูทอยด์ตอ่ การเกดิ การอดุ ตันในทอ่ น�้ำยาง ภาพที่ 6 ภาพตัดตามยาว (Longitudinal Section) แสดงถึงท่อน�้ำยาง มีนักวิชาการหลายท่านท่ีจ�ำลองเหตุการณ์เพ่ือ และ Coagulum ทเ่ี กิดขนึ้ ชน้ิ ตัวอยา่ งนี้ได้จากยางพนั ธุ์ Tjir 1 จากภาพจะ แสดงให้เห็นว่า สาเหตุหลักของการอุดตันในท่อใน เห็นว่ามีจ�ำนวนวงท่อน�้ำยางท่ีสามารถให้น้�ำยางได้ 22 วง แต่มีเพียง 15 ระหว่างการไหลของน้�ำยางก็คือการท�ำความเสียหายให้ วงเทา่ น้ันท่ถี ูกกรีด (ทม่ี า: Southron, 1968) แก่ลูทอยด์ จากการใช้กล้องจุลทัศน์ตรวจดูน�้ำยางที่ปั่น ด้วยความเร็วสูง แสดงให้เห็นว่าน�้ำยางท่ีเจือจางด้วยน�้ำ จะท�ำความเสียหายต่ออนุภาคตรงก้นหลอด (ส่วนใหญ่ คือลูทอยด์) จากน้ันจะรวมตัวกับอนุภาคยางเกิดเป็น Flocs ส่งิ นี้คิดวา่ น่าจะมีสาเหตจุ าก Osmotic shock ต่อ มาก็มีหลักฐานท่ีช้ีแนะว่า การเปลี่ยนแปลงในเรื่องความ เข้มข้นของออสโมซิสของน้�ำยางในระหว่างการไหลจะ ท�ำเสียหายให้กับลูทอยด์ ในช่วงแรกๆ ที่น้�ำยางไหลเร็ว ลูทอยด์เหล่านี้จะถูกขับออกมาจากท่อน้�ำยางก่อนที่จะ ไดร้ บั ความเสียหาย ถึงแมว้ า่ เยื่อเซลล์จะได้รบั ผลกระทบ และลูทอยด์เหล่าน้ีจะรวมตัวเข้ากับอนุภาคยางในเวลา ต่อมา ซ่ึงพบเป็นจ�ำนวนมากในน้�ำยางที่เก็บจากลิ้น รองรับน�้ำยางใต้รอยกรีด ในระยะต่อๆ มา เม่ือน�้ำยาง ไหลช้าลง ลูทอยด์ภายในท่อน้�ำยางจะได้รับความ เสียหายมากขึ้นและรวมตัวกับอนุภาคยาง เกิดเป็น

16 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ยางส่วนแรกท่ีเก็บได้หลังจากกรีด มีค่าสูงกว่าน้�ำยางใน สว่ นถดั ๆ ไป ปรากฏการณ์นสี้ อดคลอ้ งกับการศกึ ษาของ Pakianathan et al. (1966) ซ่ึงพบวา่ ความเสยี หายของ อนุภาคท่ีอยู่ใน Bottom fraction (ส่วนใหญ่คือลูทอยด์) จะเกิดขึ้นมากท่ีสุดในช่วงแรกของไหลหลังจากกรีด Yeang and Paranjothy (1982) ศึกษาความผันแปรตาม ฤดูกาลของรูปแบบการไหลของนำ้� ยาง พบความสัมพันธ์ อย่างสูงระหว่างดัชนีการเกิดการอุดตัน (PI) และดัชนี การแตกตัวของลูทอยด์ ภาพท่ี 7 รปู แบบการไหลของน้ำ� ยางของยางพนั ธุ์ Tjir 1 และ RRIM 501 กลไกการเกดิ การอดุ ตนั ของทอ่ น้�ำยาง เม่ือกรีดตามปกติ และหลังจากกรีดซ้�ำเป็นช่วงๆ ตามลูกศรชี้ (ที่มา: แม้ว่าจะมีงานวิจัยมากมาย แต่กลไกท่ีเก่ียวข้อง Milford et al., 1969) กับการไหลของน้�ำยางหลังจากกรีด ยังไม่เป็นท่ีเข้าใจ อย่างถ่องแท้ แต่เป็นที่แน่ชัดว่า การลดลงอย่างรวดเร็ว Flocs ซ่ึงจะไปสะสมตรงปลายรอยกรีด นั่นคือจุดเร่ิมต้น ของอัตราไหลของน�้ำยางในระยะแรก ตามมาด้วยการ ของขบวนการอุดตันของท่อนำ้� ยาง (Pakianathan et al., ไหลท่ีช้าลง และหยุดไหลในที่สุด เป็นเพราะเกิดการอุด 1966 ; Pakianathan and Milford, 1973) ตันภายใน บริเวณปลายท่อน�้ำยาง และอาจเป็นไปได้ว่า จากการศึกษาต่อมา พบว่า เมื่อลูทอยด์ได้รับ เป็นเพราะ Coagulum ท่ีก่อตัวปกคลุมปลายท่อน้�ำยาง ความเสียหาย เอมไซม์ Acid phosphatase จะถูกปลด บนรอยกรดี (External cap) ขอ้ สนับสนนุ ที่ถกู ต้องของส่งิ ปล่อยออกมาใน B-serum ซ่ึง Pujarniscle and Ribaillier ที่ไปขัดขวางการไหลของน�้ำยางท้ังสองประการข้างต้นก็ (1966) ได้วัด activity ของเอมไซม์ท่เี รยี กว่า Free acid ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่ดูเหมือนว่าการอุดตันท่ีเกิดข้ึน phosphatase ในน�้ำยาง และ Acid phosphatase ภายในน่าจะเป็นเหตุผลหลักท่ีท�ำให้น�้ำยางไหลช้าลง ท้ังหมด หลังจากท�ำให้ลูทอยด์ทั้งหมดแตกโดยใช้ ร่วมกบั External cap ทมี่ บี ทบาทต่อการไหลของน�้ำยาง Detergent และเรียกสดั สว่ นของกรดทง้ั สองว่า “ดัชนกี าร ในช่วงท้ายๆ และท�ำให้น้�ำยางหยุดไหลในท่ีสุด แตกตัวของลูทอยด”์ (Bursting index, BI) (Paardekooper, 1989) เก่ียวกับการจับตัวกันระหว่างอนุภาคยาง (Co- BI = Free acid phosphatase activity x 100 agulation) ซึ่งเป็นสาเหตุท�ำให้เกิดการอุดตันของท่อน�้ำ Total acid phosphatase activity ยาง Gidrol et al. (1994) ได้น�ำเสนอโมลเดลเก่ียวกับ เรื่องนี้ไวว้ า่ เกิดจาก Hevein ทำ� หน้าที่เปน็ สะพานเช่อื ม ดัชนีนี้ ซ่ึงมีความสัมพันธ์ในทางกลับกันกับ ใหอ้ นภุ าคยางมาเกาะรวมตัวกนั โดยอาศัย N-acetyl-D- Osmolarity ของน้�ำยาง จะแสดงถึงเปอร์เซนต์ของ glucosamine (GlcNAc) ซึ่งเช่ือมติดกับโปรตีนบนผิว ลูทอยด์ที่แตกตัวในน�้ำยาง Pujaniscle et al.(1970) ยัง ของอนภุ าคยางทม่ี ีน้�ำหหนักโมเลกุลขนาด 22 KDa ส่วน ได้แสดงให้เห็นว่า ดัชนีการแตกตัวของลูทอยด์ของน�้ำ Chitinase ซ่ึงเป็นเอมไซม์ที่อยู่ภายในอนุภาคลูทอยด์ เช่นเดียวกับ Hevein จะเป็นตัวช่วยป้องกันมิให้เกิดการ จับตัวของอนุภาคยาง โดยจะไปปลดปล่อย GlcNAc ออกจากโปรตีนทอี่ ยูบ่ นผวิ ของอนุภาคยาง ตอ่ มา Wititsuwannakul et al., (2008 a, 2008 b and 2008 c) ได้น�ำเสนอโมเดลใหม่เก่ียวกับการจับตัว

17 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ของอนุภาคยางไว้ว่า ไกลโคโปรตีนที่อยู่บนผิวของ HLL กับ RP-HLLBP แต่ไม่ใช่ HLL กบั CS-HLLBP และ อนุภาคยางขนาดเล็ก (ใช้ช่ือย่อว่า RP-HLLBP) ซ่ึงมี ความส�ำเร็จในการเกิดการจับตัวของอนุภาคยางจนเกิด น้�ำหนักโมเลกุลขนาด 24 KDa (วิเคราะห์โดย SDS- เป็นก้อนยางเม็ดเล็กๆ (Coagulum) ขึ้นมาได้ จ�ำนวน PAGE*) จะทำ� หน้าท่เี ป็น Ligand (โมเลกลุ ที่สามารถจับ ของ HLL binding sites ท่ียังไม่ถูกจับตัว ควรมีจ�ำนวน กับผิวของอนุภาคยางได้อย่างแนบแน่นและจ�ำเพาะ) มากกว่าที่ถูกจับตัวด้วย CS-HLLBP ดงั น้ัน ยง่ิ มจี ำ� นวน ส�ำหรับโปรตีนที่อยู่ในเมมเบรนของอนุภาคลูทอยด์ซึ่งท�ำ ของ HLL binding sites ท่ียังคงไม่ถูกจับตัวด้วย CS- หน้าท่ีเหมือนเลคติน (ใช้ชื่อย่อว่า HLL) และมีน�้ำหนัก HLLBP มากข้ึนเท่าไหร่ ก็ย่ิงมีโอกาสท่ีดีขึ้นส�ำหรับการ โมเลกลุ ขนาด 17 KDa (วเิ คราะห์โดย SDS-PAGE) เพ่ือ เกิดการจับตัวกันของอนุภาคยางเปน็ Cagulum ก่อให้เกิดการรวมตัวกันของอนุภาคยาง ในขณะท่ี เลคตนิ ทอ่ี ยู่ใน C-serum (ใชช้ ื่อย่อว่า CS-HLLBP) ซึ่งมี พน้ื ทเ่ี ปลอื กทม่ี กี ารระบายของน้ำ� ยางหลงั น้�ำหนักโมเลกุลขนาด 40 KDa (วิเคราะห์โดย SDS- จากกรีด (Drainage area) PAGE) จะท�ำหน้าท่ีในการขัดขวางการรวมตัวกันของ อนุภาคยาง และรักษาไว้ซ่ึงความเสถียรของสภาพที่เป็น Lustinec et al. (1966) ได้ให้ค�ำจ�ำกัดความส่วน Colloid ของนำ�้ ยาง (ภาพท่ี 8) คณะผู้วจิ ัยยงั ได้แสดงให้ ของเปลือกท่ีให้น�้ำยางไหลออกมาในระหว่างการกรีด เห็นว่าการอุดตันของท่อน้�ำยางซ่ึงต้องอาศัยการรวมตัว หน่ึงครั้งว่าเป็น “Outflow area” และเรียกพื้นที่เปลือกที่ ของอนุภาคยาง หลักๆ แล้วข้ึนอยู่กับปฏิกิริยาระหว่าง น�้ำยางไหลไปยังรอยกรีด แต่ไปไม่ถึงรอยกรีดว่า “Dis- placement area” ส่วนพ้ืนท่ีท่ีมีการเปล่ียนแปลงของ ภาพท่ี 8 แบบจ�ำลองการรวมตัวกันของอนุภาคยางขนาดเล็ก (SRP) ในน�้ำยาง ประกอบด้วย เลคตินที่อยู่บนเมมเบรนของลูทอยด์ (HLL) กับ ligand ของ HLL ท่ีอยู่บนผิวของอนุภาคยาง (RP-HLLBP) และโปรตีนทีอยู่ใน C-serum (CS-HLLBP) การแตกของอนุภาคลูทอยด์จะน�ำไปสู่การเผยตัวของ HLL ซึ่งสามารถจับได้ท้ัง RP-HLLBP ท่ีอยู่บนอนุภาคยาง ท�ำให้เกิด Coagulum ดังแสดงไว้ในขบวนการ a หรือจับกับ CS-HLLBP ป้องกันไม่ให้เกิด Coagulum ดังแสดงไว้ในขบวนการ b การเกิดการรวมตัวกันของอนุภาคยางในน้�ำยางจะเกิดขึ้นก็ต่อเม่ือขบวนการ A เกิดข้ึนมากกว่าขบวนการ B (ทมี่ า: Wititsuwannakul et al., 2008 c) * Sodium dodecyl sulfate polyacrylamide gel electrophoresis

18 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ความเข้มข้นของน�้ำยาง และมีการเคลื่อนตัวบ้างของ ภาพท่ี 9 Potential displacement area ของยางพันธุ์ RRIM 600 ซ่ึง น้�ำยางอย่างช้าๆ ไปยังรอยกรีด จะมีพ้ืนที่มากกว่า เรียก แสดงให้เห็นถึงการลดลงของ Turgor pressure หลังจากกรีด (ท่ีมา: ว่า Re-equilibration zone” Pakianathan et al., 1976) มีการวัดพื้นที่ที่แท้จริงของ Outflow area โดยใช้ วิธีต่างๆ เช่น Micro-tapping, การวัดการหดตัวของ สรปุ และข้อเสนอแนะ เปลือก, การวัด Turgor pressure และการใช้สารเคมีที่ ผูกกับสารกัมมันตภาพรังสีเข้าไปในเปลือก ห่างจากรอย การให้ผลผลิตของต้นยาง นอกจากเก่ียวข้องกับ กรีดเป็นระยะทางต่างๆ Lustinec et al. (1969) วัดการ การสังเคราะห์ยางที่เกิดขึ้นภายในท่อน้�ำยางแล้ว การ หดตัวของล�ำต้นเพ่ือก�ำหนดขอบเขตของ Outflow area ไหลของน�้ำยาง เป็นอีกปจั จยั หน่ึงทม่ี คี วามสำ� คัญ พบว่า การหดตัวของล�ำต้นจะมากที่สุดตรงบริเวณใต้ จากงานวิจัยที่ผ่านมา เป็นท่ีแน่ชัดว่า การอุดตัน รอยกรีดลงมา 5 ซม. หลงั กรีดไปแล้ว 10 นาที พนื้ ทีข่ อง ของท่อน้�ำยางเกิดจากการรวมตัวกันระหว่างอนุภาค Outflow area จะแผ่ลงมายังบริเวณใต้รอยกรีด เป็น ลูทอยด์ที่ได้รับความเสียหายกับอนุภาคยาง ซึ่งมักจะ ระยะทางระหว่าง 40-60 ซม. แต่จะแผ่ขึ้นเหนือรอยกรีด เกิดตรงบริเวณปลายท่อท่ีถูกกรีด หรือเกิดเป็น Coagu- ในระยะทางที่น้อยกว่า จากงานทดลองหลายๆ ชิ้นท่ีได้ lum ปิดปลายท่ออยู่ภายนอก แต่กลไกของเหตุการณ์ ท�ำกันมา ได้ข้อสันนิฐานว่า น้�ำยางจะไหลตรงมาจาก ดังกล่าวยงั ไมเ่ ป็นทท่ี ราบแน่ชัด เปลือกงอกใหม่เหนือรอยกรีดมายังรอยกรีด โดยท่ี เมื่อไม่นานมานี้ Wititsuwannakul et al. (2008) Ribaillier (1972) ไดป้ ระมาณการว่า 30 % ของน�้ำยางที่ ได้น�ำเสนอกลไกการเกิดการรวมตัวกันของอนุภาคยาง เกบ็ เกย่ี วได้ ไหลโดยตรงมาจากบริเวณเหนอื รอยกรดี ซ่ึงเป็นสาเหตุท่ีก่อให้เกิดการอุดตันภายในท่อน้�ำยาง Pakianathan et al. (1976) ได้ศึกษาเก่ียวกับ กลไกนีป้ ระกอบด้วย HLL, RP-HLLBP และ CS-HLLBP Drainage area โดยการวัดความแตกต่างของ Turgor pressure ในระบบท่อน�้ำยาง ก่อนและหลังการกรีด พบว่า หลังจากกรีด ความดันจะลดลงท้ังบริเวณส่วนท่ี อยู่เหนือและใต้รอยกรีด รวมทั้งด้านข้างรอยกรีดด้วย รูปร่างและขอบเขตของ Drainage area ได้แสดงไว้ใน ภาพที่ 9 มีการสันนิษฐานว่า การกรีดสองรอยโดยท่ีไม่ให้ พน้ื ท่ขี อง Outflow area ทบั ซ้อนกัน หรอื เปน็ อิสระตอ่ กัน เพ่ือให้สามารถเก็บเก่ียวน�้ำยางจากสองรอยกรีดท่ีอยู่ ห่างกันในระยะที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ท่สี ุด อยา่ งไรกต็ าม ในพันธุ์ยางทีใ่ ห้ผลผลติ สูง พ้ืนทขี่ อง Displacement area จะมีพ้ืนที่มากกว่า Outflow area ในขณะที่ Equilibration area จะเกี่ยวข้องกับทงั้ ต้น ส่ิงนี้ จึงอาจอธิบายได้ว่า ท�ำใมผลผลิตที่ได้รับท้ังหมดจาก การกรีดสองรอยกรีดพร้อมๆ กัน โดยท่ัวไปแล้วจะน้อย กว่าผลผลิตท่ีได้รับเป็นสองเท่าจากการแยกกรีดรอยกรีด ใดรอยกรีดหนง่ึ (Paardekooper, 1989)

19 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 (ดูรายละเอียดในเน้ือหา) ท้ังสามตัวนี้ดูเหมือนว่า CS- Rubb. Res. Inst. Malaya. 21: 417-444. HLLBP จะมีบทบาทค่อนข้างมาก เพราะไปขัดขวางการ Dickenson, P. B. 1965. The ultrastructure of the รวมตัวกันของอนุภาคยาง ซึ่งในงานทดลองดังกล่าวยัง latex vessel of Hevea brasiliensis. Proc. Nat. พบสหสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยส�ำคัญอย่างสูงระหว่าง Rubb. Prod. Res. Assn. Jubilee Conf. ผลผลิตยางกบั ปรมิ าณของ CS-HLLBP ในนำ้� ยาง ดงั นนั้ Cambridge 1964 (Mullins, L. ed.) 52-66. จึงมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ CS-HLLBP เป็นตัวบ่งช้ีการ Maclaren and Sons Ltd.: London. ให้ผลผลิตของต้นยางในงานปรับปรุงพันธุ์ยาง โดย Dickenson, P. B. 1969. Electron microscopical เฉพาะอย่างยิ่งในข้ันตอนการคัดเลือกพันธุ์ข้ันต้น ซ่ึง studies of latex vessel system of Hevea ปัจจบุ นั ยงั คงใช้วธิ ีวัดผลผลติ โดยตรงเปน็ หลกั brasiliensis. J. Rubb. Res. Inst. Malaya. 21: 543-559. เอกสารอ้างอิง Dupont, J., F. Moreau, C. Lance and J. L. Jacob. 1976. Phospholipid composition of the Archer, B. L., D. Barnard, E. G. Cockbain, P. B. membrane of lutoids of Hevea brasiliensis Dickenson and A. I. McMullan. 1963. latex. Phytochemistry. 15: 1215-1217. Structure, Composition and Biochemistry of Gidrol, X., H. Chrestin, H-L. Tan and A. Kush. 1994. Hevea Latex. The Chemistry and Physics Hevein, a lectin-like protein from Hevea of Rubber-like Substances (Bateman, L. ed.), brasiliensis (rubber tree) is involed in the 43. Maclaren and Sons Ltd. :London. coagulation of latex. The Journal of Boatman, S. G. 1966. Preliminary physiological Biological Chemistry. 269(12): 9278-9283. studies on the promotin of latex flow by plant Gomez, J. B. 1974. Ultrastructure of mature latex growth regulators. J. Rubb. Res. Inst. vessel in Hevea brasiliensis. Proc. 8th Int. Malaya, 19: 243-258. Cong. Electron Microsc. Camberra 1974, Buttery, B. R. and S. G. Boatman. 1966. Manometric 2, 616. measurement of turgor pressures in Gomez, J. B. 1982. Anatomy of Hevea and its laticiferous phloem tissues. J. Exp. Bot. 17: influence on latex production. MRRDB 283-296. Monograph No. 7. Kuala Lumpur. Buttery, B. R. and S. G. Boatman. 1967. Effects of Gomez, J. B. and W. A. Southron. 1969. Studies tapping, wounding and growth regulators on in lutoid membrane ultrastructure. J. Rubb. tugor pessure in Hevea brasiliensis. J. Exp. Res. Inst. Malaya. 21: 513-523. Bot. 18: 644-659. Ho, C. C., A. Subramanium and W. M. Yong. 1976. Chrestin, H. and X. Gidrol. 1986. Contribution of Lipids associated with the particles in Hevea lutoidic tonoplast in regulation of cytosolic pH latex. Proc. Int. Rubb. Conf. 1975 Kuala of latex from Hevea brasiliensis. Proc. Int. Lumpur (Vol. 2): 441-456. Rubb. Conf. Kualar Lumpur , 66-87. Hsia, R. C. H. 1958. Oxygen absorption by Hevea Cook, A. S. and B. C. Sekhar. 1953. Fractions from brasiliensis latex. Trans. Instn. Rubb. Ind. Hevea brasiliensis latex centrifuged at 34:267. 59,000 g. J. Rubb. Res. Inst. Malaya. 14: 163. Jacob, J. L., F. Moreau, J. Dupont and C. Lance. d’ Auzac, J. and J. L. Jacob. 1969. Regulation of 1976. Some characteristics of the lutoids in glycolysis in latex of Hevea brasiliensis. J.

20 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 Hevea brasiliensis latex. Proc. Int. Rubb. dilution of Hevea latex. J. Rubb. Res. Inst. Conf. 1975 Kuala Lumpur (Vol. 2): 470-483. Malaya. 19: 259-271. Koyama, T., D. Wititsuwannakul, K. Asawatre- Pakianathan, S. W., R. L. Wain and E. K. Ng. 1976. ratanakul, R. Wititsuwannakul, N. Ohya, Y. Studies on displacement area on tapping in Tanaka and K. Ogura. 1996. Isopentenyl mature Hevea trees. Proc. Int. Rubb. Conf. diphosphate isomerase in rubber latex. 1975 Kuala Lumpur (Vol. 2): 225-246. Phytochemistry. 43:769-772. Pujarniscle, S. and D. Ribaillier.1966. Elutde Lau, C. M., J. B. Gomez and A. Subramanium. préliminaire sur les lutoides du latex et leur 1986. An electron microscopy study of the possibilité d’intervention dans le biosynthese epoxidation of natural rubber particles. Proc. du caoutchouc. Revue Générale du Int. Rubb. Conf. 1986 Kuala Lumpur (Vol. 2): Caoutchouc et des Plastiques. 43: 226-228. 525-529. Pujarniscle, S., D. Ribaillier and J. d’ Auzac. 1970. Lustinec, J., K. C. Chai and W. L. Resing. 1966. L’ Du rÔle des lutoides dans l’ écoulement aire drrainée chez lesjeunes arbres de l’ du latex chez l’ Hevea brasiliensis. I, II, Hevea brasiliensis. Revue Générale du Revue Générale du Caoutchouc et des Caoutchouc et des Plastique. 43(10): 1343- Plastiques. 47: 1001-1003, 1317-1321. 1354. Ribaillier, D. 1972. Quelques aspects du rÔle Lustinec, J., J. Simmer and W. L. Resing. 1969. des lutoides dans la physiologie et Trunk contraction of Hevea brasiliensis due l’écoulement du latex d’ Hevea brasiliensis. to tapping. Biologia Plantarum (Praque). 11: Thése, Faculte des Sciences Université d’ 236-244. Abidjan. Milford, G. F. J., E. C. Paardekooper and C.Y. Ho. Southron, W. A. 1961. Microscopy of Hevea latex. 1969. Latex vessel plugging, its importance Proc. Nat. Rubb. Res. Conf. 1960 Kuala to yield and clonal behaviour. J. Rubb. Res. Lumpur: 766-776. Inst. Malaya. 21: 274-282. Southron, W. A. 1968. Latex flow studies. I. Electron Moir, G. F. J. 1959. Ultracentrifugation and microscopy of Hevea brasiliensis very close staining of Hevea latex. Nature. 184: 1626- to the tapping cut. J. Rubb. Res. Inst. Malaya. 1628. 20: 176-186. Paardekooper, E. C. 1989. Exploitation of rubber Southron, W. A. 1969. Physiology of Hevea (latex tree. In: Webter, C. C. and W. J. Baulkwill flow). J. Rubb. Res. Inst. Malaya. 21: 494. (ed.) Rubber. John Wiley & Son, Inc.: Southron, W. A. and E. E. Edwin. 1968. Latex flow New York. pp. 349-414. studies. II. Influence of lutoids on the stability Pakianathan, S. W. and G. F. J. Milford. 1973. and flow of Hevea latex. J. Rubb. Res. Inst. Change in the bottom fraction contents of Malaya. 20: 187-200. the latex during flow in Hevea brasiliensis. Southron, W. A. and E. Yip. 1968. Latex flow J. Rubb. Res. Inst. Malaya. 23: 391-400. studies. III. Electrostatic considerations in Pakianathan, S. W., S. G. Boatman and D. H. the colloidal stability of fresh Hevea latex. Taysum. 1966. Particle aggregation following J. Rubb. Res. Inst. Malaya. 20: 201-215.

21 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 Suvachittanont, W. and R. Wititsuwannakul. 1995. istry. 69: 656-662. 3-Hydroxy-methylglutaryl-Coenzyme A Wititsuwannakul, R., K. Rukseree, K. Kanokwiroon synthase in Hevea brasiliensis. and D. Wititsuwannakul. 2008 c. A rubber Phytochemistry. 40: 757-761. particle protein specific for Hevea latex Wititsuwannakul, R., P. Pasitkul, K. Kanokwiroon lectin binding involved in latex coagulation. and D. Wititsuwannakul. 2008 a. A role for a Phytochemistry. 69: 1111-1118. Hevea latex lectin-like protein in mediating Yeang, H. Y. and K. Paranajothy.1982. Some rubber particle aggregation and coagulation. preliminary determinants of seasonal Phytochemistry. 69: 339-347. variation in clone RRIM 623. J. Rubb. Res. Wititsuwannakul, R., P. Pasitkul, P. Jewtragoon and Inst. Malaya. 30: 131-147. D. Wititsuwannakul. 2008 b. Hevea latex Zhao, X-Q. 1987. The significance of the structure lectin binding protein in C-serum as an of laticifer with relation to the exudation of coagulating factor and its role in a proposed latex in Hevea brasiliensis. J. nat. Rubb. Res. new model for latex coagulation. Phytochem- 2: 94-98.

22 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ตน้ แบบเครอ่ื งวดั เปอร์เซน็ ตเ์ นื้อยางแห้ง ในน้�ำยางสด รุ่นท่ี 1 ปรดี าวรรณ ไชยศรีชลธาร1, อนุชิต ฉ�่ำสิงห์1, ชูศักดิ์ ชวประดษิ ฐ์1, สภุ ทั ร หนสู วัสด์ิ1, จรัสศรี พนั ธไ์ ม้ 2 และ เกษตร แนบสนทิ 3 1 กลุ่มวจิ ยั วิศวกรรมหลังการเกบ็ เกี่ยว สถาบันวจิ ัยเกษตรวศิ วกรรม กรมวิชาการเกษตร 2 กล่มุ อตุ สาหกรรมยาง สถาบันวิจยั ยาง กรมวิชาการเกษตร 3 ศนู ย์วิจัยยางหนองคาย สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ประเทศไทยปัจจุบันมีผลผลิตยางธรรมชาติมาก การวัด และอ่านผลด้วยสายตามนุษย์ ท�ำให้ค่าท่ีได้ ท่สี ดุ ในโลก มกี �ำลงั การผลติ อยทู่ ี่ 4.4 ล้านตนั ตอ่ ปี นำ� มา คลาดเคล่ือนและเบี่ยงเบนสูง ทั้งไม่สามารถท�ำงานได้ ใช้ในประเทศเพียง 13 เปอร์เซ็นต์ นอกน้ันส่งออก อย่างต่อเนื่องและสะดวก เพราะเม่ือใช้เมโทรแลคแล้ว ต่างประเทศในรูปแบบของน้�ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน ต้องล้างให้สะอาดก่อนท�ำการวัดตัวอย่างต่อไป วิธีตรวจ อดั ก้อน ยางแทง่ เปน็ ต้น โดยระหวา่ ง ปี 2553 ถึง 2557 วัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยางโดยการระเหยน�้ำด้วยไมโครเวฟ ปริมาณยางธรรมชาตสิ ่งออกเพิม่ จาก 2,296 เปน็ 3,150 เป็นวิธีหน่ึงท่ีใช้ในการรับซ้ือ แต่ผลการวัดมีความคลาด ล้านกิโลกรัม ท�ำรายได้เข้าประเทศเฉล่ีย 1.33 ล้านล้าน เคล่ือนสูง เน่ืองจากความไม่สม่�ำเสมอในการให้พลังงาน บาทต่อปี วัสดุดิบตั้งต้นของการผลิตยางธรรมชาติคือ ของเคร่ืองไมโครเวฟ ท�ำให้ไม่สามารถระเหยน้�ำจาก น้�ำยางสด เกษตรกรจะขายน�้ำยางสดในตลาดกลาง น้�ำยางสดได้หมดหรือในทางตรงข้ามเกิดการเปล่ียน ทอ้ งถ่นิ โดยราคาเฉลี่ยในปี 2553 และ 2557 กิโลกรมั ละ สภาพของน�้ำยางสด 101.89 บาท และ 55.25 บาท ตามล�ำดับ (ส�ำนักงาน สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรมได้ด�ำเนินการศึกษา เศรษฐกิจการเกษตร, 2558) ยางธรรมชาติเป็นผลผลิต ความสัมพันธ์ระหว่างเปอร์เซ็นต์เน้ือยางกับความ เกษตรท่ีมีมูลค่าและราคาสูง ส่งผลให้การซ้ือขายน้�ำยาง ถ่วงจ�ำเพาะของน้�ำยางเบ้ืองต้นด้วยวิธี platform scale สดต้องยุติธรรม ตรวจสอบได้ และสามารถตรวจวัดได้ method โดยค่าความถ่วงจ�ำเพาะเป็นคุณสมบัติของ อยา่ งรวดเรว็ วัสดุ ซ่ีงได้แก่น�้ำยางสดท่ีแสดงว่าวัสดุมีน้�ำหนักเป็น ปริมาณเน้ือยางแห้ง (DRC) ในน้�ำยางสด เป็น กี่เท่าของน�้ำท่ีมีปริมาตรเท่ากัน (Mohsenin, 1970) พบ ดัชนีชี้วัดในการซื้อขายน้�ำยางสดจากต้นยางพารา ว่าความถ่วงจ�ำเพาะมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับ ปริมาณเนื้อยางในน�้ำยางธรรมชาติมีความแปรปรวนสูง เปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้ง โดยมีสัมประสิทธ์ิการตัดสินใจ ตั้งแต่ 25 ถึง 45 เปอร์เซ็นต์ วิธีตรวจวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือ (R2) 0.96 (ปรีดาวรรณ และคณะ, 2555) เพื่อเป็นการ ยางแหง้ ในปัจจบุ ัน ไดแ้ ก่ วิธมี าตรฐานในห้องปฏิบตั กิ าร ต่อยอดงานวิจัย และพัฒนาเคร่ืองมือวัดส�ำหรับการ พ่อค้ารับซื้อจะน�ำน�้ำยางสดจากเกษตรกรไปตรวจสอบ ซ้ือขายน�้ำยางสดด้วยเครื่องวัดท่ีมีความถูกต้อง แม่นย�ำ และจ่ายเงินให้เกษตรกรในวันถัดไป การซ้ือขายด้วยวิธี รวดเร็วและมีราคาย่อมเยา เป็นผลดีต่อเกษตรกร นี้ใช้เวลานานในการตรวจสอบท�ำให้ต้องอาศัยความเช่ือ ชาวสวนยางไทย สถาบนั วจิ ัยเกษตรวิศวกรรมได้ด�ำเนนิ ใจต่อกันเป็นหลัก วิธีอื่นๆ เช่น การตรวจวัดเปอร์เซ็นต์ ต่อยอดความสัมพันธ์ดังกล่าวในกิจกรรมการศึกษา เนื้อยางด้วย “เมโทรแลค” ซึ่งเป็นอุปกรณ์วัดความถ่วง ทดสอบและพัฒนาต้นแบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์ยางแห้ง จ�ำเพาะแบบลอยในน�้ำยาง โดยวิธีน้ีต้องผสมน�้ำก่อน ในน้�ำยางสดโดยใช้วธิ ีวดั ความถ่วงจ�ำเพาะนี้

23 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 การออกแบบ และพัฒนาภาชนะ ปรมิ าตรคงที่ จากแนวความคิดการหาความถ่วงจ�ำเพาะของ น้�ำยางด้วยการหาน�้ำหนักของน้�ำยางเป็นกี่เท่าของ น้�ำหนักน้�ำท่ีมีปริมาตรเท่ากันตามทฤษฏีของ Mohsenin (1970) น้ัน และเพ่ือต่อยอดการศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างเปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้งกับความถ่วงจ�ำเพาะ ของน�้ำยางเบ้ืองต้นด้วยวิธี platform scale method (ปรีดาวรรณ และคณะ, 2555) จึงมีแนวคิดที่จะเอาค่า ความถ่วงจ�ำเพาะของน้�ำยางมาพัฒนาเป็นเครื่องวัด เปอรเ์ ซน็ ตเ์ น้ือยางแห้ง ตัวอย่างท่ีจะมาท�ำการหาค่าเปอร์เซ็นต์เน้ือยาง แห้ง ให้มีปริมาตรเท่ากันทุกครั้งที่มีการชั่งน้�ำหนัก ส�ำหรับเป็นข้อมูลไปค�ำนวณเทียบกับน้�ำหนักน้�ำใน ปริมาตรเท่ากันเป็นความถ่วงจ�ำเพาะของน้�ำยาง มีการ ภาอพอกทแี่บ3บแภลาะชพนัฒะนปาภรามิ ชานตะปรรคิมงาทต่ีรแคงบทบ่ี โหดยลมอีอดุปแกกรณว้ ์ร่วมกับจกุ ยางซึ่งท่าการขดี เส้นเพอ่ื จ่ากดั ปริมาตรคงท่ี; (กลส)�้นำ(คอขอัญ)กค(คือเพ)จ่อื แุกใลชจร้ะ�ำว่ กม(ัดกงป)ับรหคิมลือาอตตดรท่าซแด่ึงลหมอนีรงูใง่ (หTข้นeดี s้�ำเtยสtาuน้ งbสทe่)วีจ่ นทุกเเ่ี ปกยิ็นนาง แก้ว ขนาด 16 x 100 มลิ ลิเมตร จุกจ�ำกดั ปรมิ าตรตอ้ ง ภาพท่ี 1 ภาชนะปริมาตรคงที่ แบบหลอดแก้วร่วมกับจุกยางซ่ึงท�ำการ ท�ำให้ภาชนะปริมาตรคงที่ มีความแปรปรวนต�่ำ และ ขดี เสน้ เพอื่ จ�ำกัดปรมิ าตรคงท่ี (ลูกศรช้ีคือต�ำแหนง่ ขีดเสน้ ท่จี ุกยาง) ความสามารถในการผลิตซ�ำ้ (Reproductivity) สูง ในเบ้ืองต้นได้น�ำจุกยางมาขีดเส้นเพ่ือจ�ำกัด ปริมาตรคงท่ี ดังภาพท่ี 1 ไดผ้ ลการทดสอบพบว่า มีความ สัมพันธ์ระหว่างค่าความถ่วงจ�ำเพาะของน�้ำยางกับ เปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งเชิงเอ็กซ์โพเนนเชียล แต่การใช้ จุกยางขีดเส้นมีความยุ่งยากในการสังเกตให้ปากหลอด แก้วตรงพอดีกบั เส้นท่ีขีดไว้ ด�ำเนินการปรับปรุงจุกจ�ำกัดปริมาตรเป็นจุกจ�ำกัด ปริมาตรแบบหล่อเรซิ่นที่ฐานจับ เพื่อให้เมื่อใช้จุกจ�ำกัด ปริมาตรจะมีฐานปิดพอดีกับปากหลอดแก้วสะดวกกับ ผู้ใช้ (ภาพที่ 2) เม่ือปิดจุกจ�ำกัดปริมาตร ฐานของส่วน จับหล่อเรซ่ินจะแนบพอดีกับปากของหลอดแก้ว จ�ำกัด ภาพที่ 2 จุกจ�ำกัดปรมิ าตรแบบหลอ่ เรซนิ่ ฐานจับ ภาปไหพรลิมทอาตอี่ 4รกภตาจายมกุ ใรจนูขหา่ อลกงอจัดดุกปใหเรม้คมิ ื่องาททต�ำี่ ครสวแ่วาบนมขบสอะหงอเลหาล่อดวภเสรา่วซยนนน่ิ เอกฐินกาจจนะะจับ เพื่อแก้ไขเรื่องความสามารถในการผลิตซ้�ำ จึง ไดภ้ าชนะจ�ำกัดปรมิ าตรคงที่ จากการทดสอบการใช้งาน ด�ำเนินการพัฒนาจุกจ�ำกัดปริมาตรแบบหล่อซีลาสติก พบว่า จุกจ�ำกัดปริมาตรแบบหล่อเรซ่ินฐานจับมีความ เบอร์ M RTV ซ่ึงมีคุณสมบัติการยืดหดต่�ำและมี ยุ่งยากในการผลิตให้น้�ำหนักของจุกจ�ำกัดปริมาตรเท่า คุณสมบัติการคงรูปท่ีดี (ภาพที่ 3) ท�ำการทดสอบ กัน ท�ำใหค้ วามสามารถในการผลติ ซ�้ำต่ำ� ภาชนะปริมาตรคงที่โดยชั่งน้�ำหนักหลอดแก้วและจุก

ภาพท่ี 5 จุกจา่ กัดปริมาตรแบบวสั ดซุ ลี าสตกิ เบอร์ M RTV ภา2พ4 ท่ี 5 จุกจา่ กัดปรมิ าตรแบบวสั ดุซีลาสต9ิก เบอร์ M RTV ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ภาพท่ี 3 จุกจำ� กดั ปริมาตรแบบวสั ดซุ ลี าสติก เบอร์ M RTV ซลี าสติก เบอร์ M RTV จ�ำกัดปริมาตร แล้วท�ำการบรรจุน้�ำในหลอดแก้วให้เต็ม แล้วปดิ จกุ จ�ำกัดปรมิ าตรแบบซลี าสติก ทำ� ความสะอาด ภายนอกภาชนะแล้วช่ังน้�ำหนักอีกครั้ง (ภาพที่ 4) ผล การทดสอบพบว่า ปริมาตรภายในเฉล่ีย 12.165 ภเลซูกานบพตาิเทศมี่กต6์เรซทนจดตาสิเกมอกตบารรปคคร�ำวมินาาวมตณแรปหภราปากยรนวใ�ำนนมภา0ใา.ช0ช้ว0นัด2ะเปลจอูกา่ รบก์เซาดั ็นศปกตร์์ ิมาภตารพแทบี่ บ4 วทัสดดสซุอบลี ปารสิมาตตกิ รภเาบยใอนรภ์าMชนะRจ�TำกVัดปริมาตรแบบวัสดุ ภเานพื้อยทา่ี ง6ด้ทวยดวสิธอีคบวาปมรถิม่วางตจ�รำภเพาายะใจนะภมีาคชวานมะผจิดา่ พกลดั าปดริมาซตลี ราสแตบิก เบบอวรัส์ MดRซุ TVีลาสติก เบอร์ M RTV จากอุปกรณ์จ�ำกัดปริมาตรแบบซีลาสติกเพียง 0.0001 เปอร์เซ็นต์ แต่วัสดุซีลาสติกยังมีปัญหาในการล้าง ท�ำความสะอาดเนื่องจากล้างน้�ำยางออกค่อนข้างยาก ด�ำเนินการพัฒนาจุกจ�ำกัดปริมาตรเป็นแบบเรซ่ินหล่อมี ร่องใส่ยางโอริงเพื่อผนึกกับหลอดแก้ว และมีรูเปิดตรง กลางให้น้�ำยางส่วนเกินล้นออกได้เพ่ือจ�ำกัดปริมาณน้�ำ ชนะจ่ากดั ปรมิ ายปตารริงมแภาบาตบยรวใคัสนงดหทซุ ล่ีโีลดอายดสกแตากิกร้วเบใบรหอร้แรจ์นุนM่น�้ำอลRนTงVใน(ภหาลพอทดี่ แ5ก) ้วทใดหส้เตอ็บม ปิดฝา เช็ดท�ำความสะอาดภายนอก และท�ำการตรวจ ชั่งน�้ำหนักด้วยเครื่องช่ังดิจิตอล ท�ำซ้�ำจ�ำนวน 50 ตัวอย่าง พบว่า หลอดแก้วและฝาปิดเรซ่ินหล่อมีร่องใส่ ยางโอริงที่ออกแบบสามารถจุน�้ำได้ 12.689 กรัม มี ความแปรปรวนที่ 0.005 กรมั ภาพที่ 5 จุกจำ� กดั ปรมิ าตรเป็นแบบเรซิ่นหล่อมรี ่องใส่ยางโอริง ___ก_า_ร_อ_อ_ก_แ_บ__บ__แ_ล_ะ_พ__ฒั _น__า_ส_่ว_น_ช__ั่ง_น_้�ำ_ห_น__ัก___ น�้ำหนกั ส่วนประมวลผล และส่วนแสดงผล รหัสทะสเ่วบนียนปวริจะยั มไวดล้รผบั สลนแบั ลสนะนุสกว่ านรวแิจสัยดจางกผลงบเงนิ พิเศษ ค้นควส้า่ยวานงช่ังน�้ำหนัก ประกอบด้วยโหลดเซล วงจร _ ____ห__ลั_ก_ก_า_รห_า_เ_ป_อ_ร_์เซ_็น_ต__์เน_้ือ_ย_า_ง_แ_ห_้ง_จ_า_ก_ก_า_ร_วั_ด_ ขยาย วงจรปรับสภาพสัญญาณ โดยส่วนช่ังน้�ำหนัก รหแทหาัสง้งทอกะ้อับเบมคโียวดานยมวอถจิ าว่ัยศงจัยไ�ำคดเวพ้ราับามะสสขนอัมับงพสนันนำ�้ ธยุน์ขากองาสงรเดปวจิอแยัรล์เจซะาห็นกลตกั์เงนกบ้ือาเยรงวานิ ดั งพเิ ศษตคคว้อ้นางมคใหถวาู้้กสยตัญา้องญงแาลณะทมี่มีคีควาวมามลแะเปอรียปดรสวูงนทตี่อ�่ำัตรคา่ากทา่ีวรัสดุ่มไดต้ม�่ำี ความถ่วงจ�ำเพาะจากน�้ำหนักของน�้ำยางด้วยน�้ำหนัก จึงได้สัญญาณท่ีเรียบ เหมาะกับงานท่ีเก่ียวข้องกับ ของน�้ำที่มีปริมาตรเท่าน้�ำยาง จึงจ�ำเป็นต้องมีส่วนชั่ง การวดั __________ ยจาก งบเงนิ พเิ ศษคน้ คว้ายาง

25 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ส่วนประมวลผล ประกอบด้วยไมโครคอนโทรล- เลอร์และโปรแกรมประมวลผล โดยส่วนประมวลผล ต้องเหมาะสมกับการใช้งานเพ่ือรับสัญญาณจากส่วน ชัง่ น�ำ้ หนกั มาประมวลผลเป็นความถว่ งจำ� เพาะ และแปร คา่ เปน็ เปอร์เซ็นตเ์ น้อื ยางแหง้ ส่วนแสดงผล ประกอบด้วยวงจรแสดงผล ซ่ึงต่อ ระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์กับจอแสดงผล จาก โครงสร้างภายในมายังโครงสร้างภายนอกของต้นแบบ เคร่อื งวัดเปอรเ์ ซ็นตเ์ นื้อยางแหง้ ท่ีกล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงแค่หลักการกว้างๆ ส�ำหรับรายละเอียด ซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิคล้วนๆ สามารถหาอ่านได้จากรายงานผลการวิจัยเรื่องเต็มของ ปรีดาวรรณ และคณะ (2556) การออกแบบ และพัฒนาสว่ นโครงสร้างของ เครื่องต้นแบบฯ โครงสร้างของต้นแบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยาง ภาพที่ 6 ฐานรับทรงกระบอก เพ่ือรองรับภาชนะจ�ำกัดปริมาตร แภาหย้งนปอรกะกอบด้วยโครภงสารพ้าทงภี่ า2ย3ในฐาแนลระบัโคทรรงสงกร้ารงะบอเซกลยเพดึ ต่ือดิ รกอับงชรุดับเกภลียาวชปนรับะรจะ่าดกับไดั ดป้ตรามิมภาาตพรท่ี 8 เพอ่ื ให้ โครงสร้างภายใน ประกอบด้วยอุปกรณ์ส่วนรับ โหลดเซลตั้งไดร้ ะดบั ทำ� ใหแ้ รงท่กี ดลงตามแนว 90 องศา แรงหรือน้�ำหนักจากอุปกรณ์จ�ำกัดปริมาตรคงท่ี อุปกรณ์ กับแนวราบเสมอ ส่วนโครงสรา้ งภายนอกจะมอี ปุ กรณ์ที่ ส่งถ่ายแรงไปยังโหลดเซล (อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ โผล่มาด้านนอกได้แก่ ปุ่มเปิดปิดการท�ำงาน ปุ่มกดวัด แปลงค่าของแรงไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า การแปลงค่านี้ หน้าจอแสดงผล ปล๊ักเสียบแหล่งจ่ายพลังงาน อุปกรณ์ ไม่ใช่การแปลงค่าโดยตรงหากแต่เกิดข้ึนสองขั้นตอน ทุกตัวต่อสัญญาณไปยังแผงวงจรด้านในเพื่อรับค�ำสั่ง จากการแปลงค่าทางกลศาสตร์ แรงจะถูกตรวจจับได้ ประมวลผล และแสดงผล (ภาพที่ 9) ผลการออกแบบ จากการเปล่ียนรูปร่างของสเตนเกจ และสเตนเกจแปลง และสร้างโครงสร้างของต้นแบบเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือ ค่าการเปลี่ยนรูปร่างน้ีไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า น�้ำหนัก ยางแห้งท้ังโครงสร้างภายในและภายนอกสามารถใช้ มากจะได้สัญญาณไฟฟา้ มากกวา่ น้�ำหนักนอ้ ย) งานได้ โครงสร้างภายนอก ประกอบด้วยปุ่มเปิดปิดการ ท�ำงาน ปุ่มกดวัด หน้าจอแสดงผล ฐานรองโหลดเซล การทดสอบการท�ำงานตน้ แบบท่ปี รบั ปรุง ชดุ เกลยี วปรบั ระดบั ได้ และฐานรับทรงกระบอก แก้ไขแล้ว การท�ำงานของต้นแบบเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือ น�ำตัวอย่างน�้ำยางสดทม่ี ีเปอร์เซ็นตเ์ น้ือยางแหง้ ใน ยางแห้ง อุปกรณ์จำ� กดั ปริมาตรคงทจ่ี ะถกู วางในฐานรับ ช่วง 19 – 44 เปอร์เซ็นต์ มาด�ำเนินการทดสอบเปรียบ ทรงกระบอก (ภาพท่ี 6) ที่ถูกยึดกับแทง่ ทองเหลืองซง่ึ ตดิ เทียบค่าความถ่วงจ�ำเพาะจากการวัดด้วยต้นแบบเครื่อง ตั้งอยู่ที่ปลายด้านหน่ึงของอุปกรณ์ส่งถ่ายน้�ำหนักไปยัง วัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้ง รุ่นท่ี 1 และน�ำไปหาค่า โหลดเซล น�้ำหนักของวัสดุเป็นแรงกดที่ถูกส่งถ่ายไปยัง เปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งด้วยวิธีมาตรฐานในห้องปฏิบัติ แท่งทองเหลืองที่ติดกับฝาครอบโหลดเซล (ภาพท่ี 7) การ ในขั้นตอนนี้ต้นแบบเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์เนื้อยาง โหลดเซลยึดติดกับฐานรองโหลดเซล และฐานรองโหล แห้งแสดงผลเป็นค่าน�้ำหนักท่ีชั่งได้ออกมา ท�ำการจด

26 ภาพท่ี 23 ฐานรบั ฉทบบัรองิเกลก็ รทะรอบนกิอสก์ 22เพกื่อรกรฎอาคงมร-กบั ันยภาายนชน25ะ58จ่ากัดปริมาตร ภาพที่ 7ภอาปุพกทรณ่ี 2์ส่ง4ถ่าอยุปแรกงรจาณกอ์สปุ ง่ กถร่าณยจ์ แ�ำกรดั งปจราิมกาตอรปุ คงกทรี่ไปณย์จังโ่าหกลัดดเปซลริมาตรคงที่ไปยงั โหลดเซล 24 _____________________________________ รหัสทะเบียนวจิ ยั ไดร้ ับสนับสนุนการวจิ ยั จาก งบเงินพิเศษค้นคว้ายาง ภาพที่ 8ภฐาานพรทอง่ี โ2หล5ดเฐซาลนแลระอชงดุ โเกหลลยี ดวปเซรบั ลรแะดลับะไดช้ ดุ เกลียวปรบั ระดบั ได้

27 ภาพท่ี 25 ฐานรอฉงบโับหอิเลล็กดทเรซอนลิกแส์ ล22ะชกรดุ กเฎกาคลมยี-กวันยปารยนบั 2ร5ะ58ดบั ได้ ภาพท่ี 9ภโาคพรงทสร่ี้า2งภ6ายโนคอรกงขสอรงต้า้นงแภบาบยเคนรออ่ื งกวขดั เอปงอตร์เซน้ น็ แตบเ์ นบ้อื ยเคางรแ่ือหงง้ วรดันุ่ ทเปี่ 1อร์เซน็ ตเ์ น้อื ยางแหง้ รุ่นที่ 1 คทบี่ัวน1าทมึกถแแผ่วลลลงกะ้วจนาท�ำร�ำ�ำทเมกพดตาาาสน้คระอห�แำกบนบาับกสวบเณามเปครกหอทรารา่ือา่ ร์คเงงคซาวว็นวนดัาาตตมเปมน้์ถเอนสแ่วร้ืัอมงบ์เจยพซบ�ำาน็ันปเงตพธรแเ์ับ์รานหะะปอื้้งหจรยดวางุ า้แก่วางกยสงแค้ไูวตหขิ่ธาร้งแีรลุน่ ้วท(โแภ่ีอกา1ร้ไพิงขทแ(กภ่ีลับ1า้ว0พห)(ทลจปี่อุกร2จดะ�7ำทกก)อดัดบลปปดอรร้วะงิมยกทาภอี่เตปาบรช็แนดนบว้แะยบกปภเ้วรราิมซชข่ินานนตหะราลปคด่อรงมทมิ 1ีร่ีทา6่อต่ีปงรxรใับส1ป่ย0าร0ุงง มาตราคฐงาทน่ทีในี่ปหร้อบั งปปรฏุงิบแัตกิก้ไขาแรลว้ (จุกจ่ากัดปริมาตรแบบเรซน่ิ มหิลลล่อิเมีรตอ่ รง)ใสสย่ ่วานงโชอั่งรนงิ �้ำกหับนหักลทอ่ีปดรแับกป้วรุงTแeกst้ไขtแubลe้ว ส่วน ประมวลผล และส่วนแสดงผล ส่วนโครงสรา้ งท้ังภายใน คคววาามมถถร_่ว่วหงง_จจสั_�ำำ� ทเเ_พพ_ะาาเ_ะะบ_==ยี _นน_Aำ�้ วห_–Cิจน_Bยั ัก_น_�ำ้ไ_ดยา_ร้ งบั_/นส_้ำ� น_ห_บันัก_สน_นำ�้ _ุนท_่มีก_ีปาร_ริมว_าจิ _ตัยร_จเ_ทาา่_กก_ัน_ง_ บ_เง(_1ิน_)พ_เิ ศษท ภคาด้นยคสนวอ้าอบตยก้นคาขงแวอาบงมบเคถเคร่วือ่ รงง่ือจตง�ำว้นเพดั แเาบปะบอขฯรอเ์ ซงนน็ �้ตำย์เนาอื้ งยทาี่มงีเแปหอง้ รร์เุน่ซ็ทนี่ต1์เนถืู้กอ A = น�ำ้ หนกั ทช่ี ่งั ได้ ยางแหง้ ในช่วง 19.61 – 43.59 เปอรเ์ ซน็ ต์ โดยเทน�ำ้ ยาง B = น้�ำหนกั ภาชนะปรมิ าตรคงที่ทีป่ รับปรุงแกไ้ ขแล้ว ใส่ในหลอดแก้วให้เต็มแล้วปิดฝา ท�ำความสะอาด C = น�้ำหนักน�้ำทีม่ ีปรมิ าตรเท่ากบั นำ้� ยาง ภายนอก (ภาพที่ 11) แลว้ ท�ำการชั่งนำ�้ หนกั ดว้ ยต้นแบบ น�ำสมการความสัมพันธ์ระหว่างค่าความถ่วง เคร่อื งวดั เปอรเ์ ซ็นตเ์ น้อื ยางแหง้ รุน่ ท่ี 1 บันทึกผล น�ำค่า จ�ำเพาะกับเปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้งที่ได้มาใส่ในโปรแกรม ที่ได้มาค�ำนวณความถ่วงจ�ำเพาะของน�้ำยางตัวอย่าง น�ำ ของต้นแบบเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้ง และท�ำการ น้�ำยางตัวอย่างไปวัดเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งด้วยวิธี ทดสอบความสามารถในการวัดเบ้ืองต้นของเคร่ืองวัด มาตรฐาน พบว่า ความถ่วงจ�ำเพาะของน�้ำยางมีความ เปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้งหรือค่าความผิดพลาดของการวัด สัมพันธ์กับเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งในรูปสมการเส้นตรง โดยใชต้ ัวอย่างนำ�้ ยางในชว่ ง 24 – 43 เปอรเ์ ซน็ ตเ์ นื้อยาง (ภาพที่ 12) โดยมีค่าสหสัมพันธ์ (R2) เท่ากับ 0.96 แห้ง จ�ำนวน 130 ตัวอย่าง เปรียบเทียบความแตกต่าง ทดสอบความสามารถในการวัดเบ้ืองต้นของ ค่าที่วัดได้จากเครื่องวัดต้นแบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์ เคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้งหรือค่าความผิดพลาด เน้ือยางแห้ง รุ่นท่ี 1 กับค่าเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งโดย ของการวัดต้ังแต่น้�ำยางในช่วง 24 – 43 เปอร์เซ็นต์ วิธมี าตรฐานในหอ้ งปฏบิ ัติการ (ดูภาคผนวกที่ 1) เน้ือยางแห้ง จ�ำนวน 130 ตัวอย่าง เปรียบเทียบความ ต้นแบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้งรุ่นท่ี 1 แตกต่างค่าที่วัดได้จากเครื่องวัดต้นแบบกับค่า

แห้ง (ภาพที่ 31) ซึ่งแสดงวา่ ต้นแบบเครื่องวดั มีแนวโนม้ สามารถวดั คา่ ได้ถูกต้องแมน่ ย่าและมี Sensitivity ดี ใชเ้ วลาการวัดตวั อยา่ งละไม่เกิน 5 นาที และสามารถในการผลิตต้นแบบซ้่าได้ ในขณะ ท่กี ารวัดเปอรเ์ ซน็ ต์เน้อื ยางแหง้ ด้วยวิธมี าตรฐานใชเ้ วลารวมการวดั 24 ชั่วโมง ดังนนั้ จึงมีความเป็นไป ไดใ้ นการนา่ ต้นแบบเคร่อื งวดั เปอรเ์ ซ็นตเ์ นื้อยางแห้งรุ่นท่ี 1 ไปใช้ไดจ้ ริง และได้จดั ท่าคู่มือการใช้งาน 28ต้นแบบเครื่องวดั เปอร์เซ็นตย์ างแหง้ ในนา้่ ยางสดรนุ่ ท่ี 1 ตามภาพที่ ก.4 (ภาคผนวก) ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 วัดส�ำหรับการซ้ือขายน้�ำยางสดด้วยเคร่ืองวัดท่ีมีความ ถูกต้อง แม่นย�ำ รวดเร็วและมีราคาย่อมเยา โดยการ ออกแบบ สร้าง และทดสอบ ต้นแบบเครือ่ งวัดเปอรเ์ ซ็นต์ เนื้อยางแห้งด้วยความถ่วงจ�ำเพาะ โดยอาศัยความ สัมพันธ์ระหว่างเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งกับความถ่วง จ�ำเพาะของน�้ำยาง จากความสัมพันธ์ของเปอร์เซ็นต์ เนื้อยางแห้งกับความถ่วงจ�ำเพาะของน�้ำยางในรูป สมการเส้นตรง มีคา่ สหสมั พนั ธ์ (R2) เท่ากับ 0.96 ความถ่วงจ�ำเพาะหาได้จากน�้ำหนักของน�้ำยาง เป็นก่ีเท่าของน้�ำหนักน�้ำที่มีปริมาตรเท่ากัน ดังน้ัน การ ออกแบบและพัฒนาต้นแบบจึงมีองค์ประกอบหลัก 5 ภาพท่ี 10 ตน้ แบบเครอื่ งวัดเปอรเ์ ซน็ ต์เน้อื ยาง รุ่นที่ 1 ส่วน ได้แก่ ส่วนภาชนะจ�ำกัดปริมาตร ส่วนช่ังน้�ำหนัก ส่วนประมวลผล ส่วนแสดงผล และส่วนโครงสร้างของ _____________________________________ รหัสทะเบียนวเจิปยั อไรด้ร์เบัซส็นนับตส์เนนนุ กื้อารยวาจิ ัยงจแากหง้งบโเงดนิ พยเิ วศษิธคีม้นคาวต้ายรางฐานที่ได้จากการหา ด้วยวิธีอบแห้งมาตรฐานตัวอย่าง (ภาพท่ี 13) ต้นแบบ เครอ่ื งตน้ แบบฯ เคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้ง รุ่นท่ี 1 มีความ ส่วนชั่งน�้ำหนักรับน�้ำหนักของน้�ำยางจากภาชนะ ผดิ พลาดจากการวัดน้อยกวา่ ±3 ในชว่ งน้ำ� ยาง 24 - 43 จ�ำกัดปริมาตร ส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังไมโคร เปอร์เซ็นต์เนื้อแห้ง (ภาพท่ี 14) ซึ่งแสดงว่าต้นแบบ คอนโทรลเลอร์ เพื่อประมวลผลน้�ำหนักแล้วแปลงค่า เครื่องวัดมีแนวโน้มสามารถวัดค่าได้ถูกต้องแม่นย�ำและ เป็นความถ่วงจ�ำเพาะและเปอร์เซ็นต์เน้ือยาง การ มี Sensitivity ดี ใช้เวลาการวัดตวั อย่างละไม่เกนิ 5 นาที ทดสอบความสามารถในการวัดเบื้องต้นของเครื่องวัด และสามารถในการผลิตต้นแบบซ้�ำได้ ในขณะท่ีการวัด เปอร์เซ็นต์เนื้อยางหรือค่าความผิดพลาดของการวัด เปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้งด้วยวิธีมาตรฐานใช้เวลารวมการ ต้นแบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยางแห้ง รุ่นท่ี 1 มีความ วัด 24 ชั่วโมง ดังน้ัน จึงมีความเป็นไปได้ในการน�ำ ผิดพลาดจากการวดั น้อยกวา่ ±3 ในชว่ งน�้ำยาง 24 - 43 ต้นแบบเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งรุ่นที่ 1 ไปใช้ เปอร์เซ็นต์เนื้อแห้ง ใช้เวลาการวัดตัวอย่างละไม่เกิน 5 ได้จริง นาที 26 การพัฒนาต้นแบบเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์เน้ือยาง ภาพทงี่า2น7วิจัยตสนน้ ร้ีเแปปุ บ็นแบมลีวเคะัตรขถ่ือุปอ้ งรเวะสัดสนเงปคออ์เแพรื่อน์เซพะ็นัฒตน์เานเื้อคยรื่อางงมร่นุือที่ 1ดส่ว้วนยค1ว.ากมาถร่วหงาจค�ำวเาพมาสะัมพคันวรธด์ระ�ำหเนวิน่างวเิจปัยอแร์เลซะ็นพตัฒ์เนนื้อายใานง (1) (2) (3) ภาพท่ี 11 วิธีการใช้ภาชนะปริมาตรคงที;่ (1) เทนำ�้ ยาง, (2) ปิดฝา และ (3) เช็ดทำ� ความสะอาด (3) (1) (2) ภาพท่ี 28 วิธีการใชภ้ าชนะปริมาตรคงที่; (1) เทน้า่ ยาง, (2) ปิดฝา และ (3) เช็ดท่าความสะอาด

(1) (2) (3) 29ภาพที่ 28 วธิ ีการใชภ้ าชนะปริมาตรคงท่ี; (1) เทนา่้ ยาง, (2) ปดิ ฝา และ (3) เชด็ ท่าความสะอาด ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ปริมาตรแทนหลอดจ�ำกัดปริมาตร เพ่ือเพิ่มความแม่นย�ำ ในการวัด และ 4. การออกแบบ สร้าง ทดสอบ เพ่ิม ความแม่นย�ำในการช่ังน�้ำหนักของเคร่ืองวัดเปอร์เซ็นต์ เนื้อยางแห้งด้วยความถ่วงจ�ำเพาะ เพื่อให้ได้เครื่องวัด เปอร์เซ็นต์เนื้อยางในการซื้อขายน้�ำยางสดท่ีมีความ ถูกต้อง แม่นย�ำ รวดเร็วและมีราคาย่อมเยา เป็นผลดี ต่อเกษตรกรชาวสวนยางไทยตอ่ ไป ภาพท่ี 29ภคาวพามทสี่ มั1พ2ันธค์รวะาหมวส่าัมงเพปันอรธ์เ์รซะน็ หตวเ์ น่างื้อเยปาองกรเ์บั ซค็นวตาม์เนถื้อ่วยงจา่างเกพับาะคขวอางมนถ่้าว่ยงาจงำ� เพาะ ค�ำขอบคณุ ของน�ำ้ ยาง โครงการวิจัยน้ีเริ่มด�ำเนินการจนบรรลุวัตถุ- ยปาร22ะง77สขงอคง์กโอดงยทไดุน้รสับงกเคารรสาะนหับ์กสานรุนทจ�ำาสกวงนบยเงาินงพผิเ่าศนษสคถ้นาคบวัน้า วิจัยยาง และได้รับความอนุเคราะห์ในด้านต่างๆ จาก คุณสุจินต์ แม้นเหมือน คุณพิเชษฐ ไชยพานิชย์ คุณเสาวนีย์ มีมุทา คุณเต็ม สังข์เอียด และคุณอรุณ จันทรโชติ โดยเฉพาะการอ�ำนวยความสะดวกการ ทดสอบในพื้นท่ีผลิตยางพาราภาคกลาง ภาคใต้ และ _____________________________________ ภาคตะวันออก นอกจากน้ี ยังมีผู้ท่ีได้ให้ความช่วยเหลือ รหสั ทะเบยี นวิจัย ได้รับสนบั สนุนการวจิ ยั จาก งบเงินพิเศษคน้ คว้ายาง สนับสนุนในด้านต่างๆ แต่มิได้เอ่ยนามไว้ ซึ่งล้วนแต่มี ส่วนส่งเสริมให้โครงการวิจัยน้ีด�ำเนินงานจนเป็นผล วภภดัาาไพพดทท้จี่าี่ 33ก00เครคหภค่ือววาางาาดพวมมัด้วทสสยตมัมั่ีว้นพ1พธิแ3ันันีมบธธาบร์ร์ตคะะรวหหฐาววามา่่านงสงคกคัม่าบั่าพเเคปปันา่ออธทรร์รเ์์เ่ีวะซซดัห็นน็ ไวตตด่า์เเ์ จ้นนงา้อืคื้อกย่ายเาเาคปงงแรแอื่อหหรงง้์เ้งซวททดั็น่ไีไี่ ดตดต้จ้จน้์เานาแกก้ือบกกยบาาารรงหหแาาหดด้งว้ว้ ทยยวี่ไวดิธิธีม้จมี าาาตตกรรกฐฐาาารนนกกับับคคา่่าสทท�ำี่่ี เรจ็ ซึง่ คณะผวู้ จิ ัยขอขอบคณุ มา ณ โอกาสน้ี วัดได้จากเครื่องวดั ตน้ แบบ เอกสารอา้ งอิง ปรีดาวรรณ ไชยศรีชลธาร, อนุชิต ฉ�่ำสิงห์, ชูศักด์ิ ชวประดษิ ฐ,์ สภุ ัทร หนูสวัสด์ิ และ จรัสศรี พนั ธ์ไม.้ 2555. การศึกษาการใช้ค่าความถ่วงจ�ำเพาะของ น�้ำยางสดในการหาเปอร์เซ็นต์ยางแห้งในน้�ำยาง สด รายงานผลการวิจัยเร่ืองเต็ม ประจ�ำปี 2554 สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร, หน้า 78 – 85. รมดภดมภนุ่้วาา้วาาตยทพตยพวร่ีวรททฐธิ2ฐิธ่ี่ีามาีม33นโนาดา1ด1ตตา่า่ยรเรเคเจภแนทคฐนฐนวาาวนิา่าาินล้ือานกากนกพกมยมะกเากาาคสทราสับรคบัราตรงาอ่ีคอคมือ่แ่ามิดอ1่าอา่างตาหคคก4คกรวรง้ั้แงวแถวดัวถรทาบาบใะใตคามนมี่ไนบบดน้วแดมกแกปับปาตแ้จาตารถนรมกรบากรบัับ่้าวตสว่กวตบปเัดปัดา่าพกา่งกรงรงมาโอื่งุจโทบัุงทดดรตาต่วี�คำ่วียหยร้น้งันดััดกา่ถเรกาแแไพไทาะใาดดบดบรดนร่ไี้จ้วบา้จเบดเัปกายปาเะเ้จกคารกควราขเียรริธเียรคคกื่อวบ่ือีมบอรรักดงเงเา่ือือ่ทงวทวาตงัดงยีนดัโรียววรดเหบเบฯัดป้�ฐดัำปยคาตคอตาอยกด่าก้่นารน้นราอ่ว้า์เแเ์เกแเซรปซยนปงบบับ็นเ็นอวกอปโบบคติธตรารดรกก์ย์เ่ารมี์ย์เียซบัซับยทาคาา็นบน็งคงคา่วตดแตแา่เตง่าารทหาทเ์ห�ำทเ์มฐนนนีย้งไี่้งีไ่เาแ้ือดใื้อดใบนนนนยตแ้จยจ้คนิานนลากา่างก้า่งะก้่าตกแเยแกยตกป่าหาหาาาดิางอง้งรง้งรตรทสทสรหทห้งัดด่ีว์เดไ่ีาี่ไอาซดัดเดเ้ดวุปป็นป้จ้ไจว้วกย็นาดต็นายยรกเกเ้์วควณคกกธิธิรราี์เาีื่อื่อสรรงหงรห ปววมิาาัดดักรฯฯันีดาวสเฉพรก�่ำอัรฒษสณบนิงตคหาไุณรกช์, ายภแสรศาุภนใพรัทชบีชน้ไรลสม้�ำธหนยโาคินทาลรูงส.,คสวช2อดัสูศ5นแดัก5โ์ิล,ดท6ะจ์ิร.เรชลปัสวศเอศลปึกรรอร์เษีะซรพด์าในันนิษตธวกฐ์คิ์ไจา์,วมัรยาอ้ตแมนแรชลุชลวื้นิตจะะ ลรมนุ่ ทอ่ี อ2กแโดบยบผทปู้่ามรกบัีคาปรวตรางุดิ ภมตางั้ ชชรนะ�ำดะนับจา่านกญ้่าัดเพปใือ่รนตมิ งั้การตาะรดรโดับวยเัดคใชรห้่ืองล2วอ.ัดดฯพกลกาา่อรสนหตกกิาขรผนทลา่ ดงขาอน16งแอxลุณะ1ต0ดิภ0ตูมมั้งอลิิทุปลี่มกิลริตี ณร ์เแสลร มิะจกกุัน ในยางแผ่นและยางแท่ง. รายงานผลการวิจัยเรื่อง เโพเพลนคนลมลือ่รอื่ าางงงสอสกจจตอตาาาิกรกิกฯดแกดกจบ้าา้านึงรนบตใรไปใปใชปดน่อนรรม้ร้ใหบัหับคับอชลลลปบ่า่อด่อ้ขดรตดควดวุงว้น้วง้วภงวเแดยเยงางาบเนิเชนิพรรบมงนซงซิบคเบิ่นะ่ิถนคพจพมโมร่ว่าเินรีอ่ืิเรีศศกงตูงูตษมษัดวจรรกปดังกงิเ�ำกากเตราปรเลรมิลพคออคาาน้งรน้ตงราเ์ครค์ซะ(โว(วภน็Pภด้าขา้ าตายยyยพอพเ์ใาาcนชทงทงง้ือห้รnรี่ี่นยะละo33หา้�ำหอ22mงวดวย)แ)า่่าพหeงางแแลด้งดหtงหาด่าeา่ ลสลเ้วเนrง่นต่งยจนิจ3นิกิคเ่าา่โขโว.ปยคยคานพรพรก็มนางลงลถดกากอังงัว่างารงงุ1ปราราทจ6ในในกน่านดออเxงงรพยยวสวณู่ภ1าด่ภูดะอ0าทาท0ย์จยบี่่ี ใใร�ำน3มน3ก่นุ ตกลิตาัวลแัวแัดรเิลลเ2ลคคติะะรรรอ่ื่อื ง4ง4แใล หทะทก้แแจาาบัตงตกุง่่ เตม็ ประจ�ำปี 2556 สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการ เกษตร. _โค__ร_งก_า_ร_ฯ_จ__ึงไ_ด_ม้_อ__บ_ต_น้ _แ_บ__บ_เค__ร่อื__งว_ัด__เป_อ__ร_์เซ_น็ _ต__์เนื้อยางแห้งด้วยความถ่วงจ่าเพาะ รนุ่ 2 ใหก้ ับ ร_ห_สั _ท_ะ_เ_บ_ยี _น_ว_ิจ_ัย__ได_ร้_บั _ส_น_บั _ส_น_นุ_ก_า_ร_ว_จิ _ัย_จ_า_ก__งบ__เง_ิน_พ_ิเศษคน้ ควา้ ยาง รหสั ทะเบียนวิจัย ไดร้ บั สนบั สนุนการวิจัยจาก งบเงนิ พิเศษค้นควา้ ยาง

30 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. 2558. ข้อมูลการผลิต Mohsenin, N. N. 1970. Volume and Density. In ยางพารา [Internet document] URL http:// Physical properties of plant and animal www.oae.go.th/oae_report/export_import/ex- materials. Gordon and Breach Science. port_result.php Accessed 1/10/2015. New York, USA, pp. 66-76.

31 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ภาคผนวกท่ี 1 การหาเปอร์เซน็ ตเ์ น้ือยางแห้งด้วยวิธมี าตรฐานในหอ้ งปฏิบัติการ สุ่มตักตัวอย่างน�้ำยาง แล้วน�ำมาช่ังให้ได้น้�ำหนัก (ภาพท่ี 1 ข) ในขณะรีดมีน้�ำไหลผ่านลูกกล้ิงและแผ่น จ�ำนวน 10 กรัม เติมน�้ำกลั่นจ�ำนวน 6 มิลลิลิตร ลงไป ยาง เสร็จแล้วน�ำแผ่นยางไปอบท่ีอุณหภูมิ 70 องศา ผสมให้เข้ากัน แล้วเติมกรดอะซิติค ความเข้มข้น 2% เซลเซียส เป็นเวลา 16 ชม. จากนั้นน�ำเข้าโหลดูด ลงไป จ�ำนวน 4 มิลลิลิตร โดยมีเทคนิคคือ การเติมกรด ความชื้นนานประมาณ 1 ชม. แล้วน�ำไปช่ังน�้ำหนักยาง ทีละหยดด้วยบิวเรตต์ (Burette) และแกว่งน้�ำยางตลอด ทันที จดบันทึกน�้ำหนักยางท่ีช่ังได้ แล้วค�ำนวณหา เวลา เพ่ือใหเ้ น้ือยางจบั ตัวกันอย่างท่ัวถึง ทิ้งไว้ใหน้ ำ�้ ยาง เปอรเ์ ซน็ ตเ์ น้อื ยางแห้งจากสูตรที่ 2 จบั ตัวประมาณ 30 นาที จะเกิดกอ้ นยางคล้ายเตา้ หู้และ มีน้�ำใสออกมาจากเน้ือยาง แสดงว่าเน้ือยางจับตัว เปอร์เซ็นต์เนอ้ื ยางแหง้ = A xB100 (2) สมบูรณ์แล้ว (ภาพที่ 1 ก) นำ� ไปรดี เปน็ แผน่ บาง ๆ (หนา ไมเ่ กนิ 2 มลิ ลิเมตร) โดยรีดเรียบ 2-3 รอบ รีดดอก 1 รอบ A = น้ำ� หนักแผ่นยางแหง้ B = นำ้� หนกั น้�ำยางสด (ก) (ข) ภาพที่ 1 การหาเปอร์เซ็นตเ์ นือ้ ยางแหง้ ด้วยวิธมี าตรฐานในห้องปฏบิ ตั ิการ (ก) ยางท่ีจับตวั สมบรูณ์แลว้ หลังจากใส่กรด (ข) การรดี ตวั อย่างยางใหเ้ ป็น แผ่นบางๆ กอ่ นนำ� เขา้ อบในตอู้ บ

32 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 กา้ วใหม่ ยางพาราไทย อารักษ์ จนั ทุมา สถาบันวิจยั ยาง กรมวิชาการเกษตร นับต้ังแต่ พระราชบัญญัติ การยางแห่งประเทศ ย้อนไปหลายร้อยปีหลังจากการเดินทางส�ำรวจ ไทย พ.ศ. 2558 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม โลกโดยทางเรือ ไดพ้ บก้อนยางทีช่ าวพื้นเมอื งในทวปี ใหม่ 132 ตอนท่ี 63 ก วันท่ี 14 กรกฎาคม 2558 มีผลบังคบั ใชเ้ ป็นวตั ถซุ ึ่งกระดอนไดใ้ นพิธกี รรม ใช้เปน็ ของเลน่ และ ใช้ต้ังแต่วันถัดมาเป็นต้นไป ท�ำให้หน่วยงานของรัฐ รองเท้ายางกันนำ้� ได้ (ปี พ.ศ. 2039) ตอ่ มาผปู้ ระกอบการ 3 องค์กร ที่มีหน้าท่ีบริหารจัดการ ส่งเสริมสงเคราะห์ ในยุโรปได้น�ำยางมาพัฒนาใช้เป็นยางลบดินสอ ผ้าใบ ปลูกแทนยาง วิจัยและพัฒนายาง และลงทุนการผลิต กันน้�ำ ล้อยางจักรยานและรถยนต์ตามล�ำดับ จึงท�ำให้มี จ�ำหนา่ ยยางตอ้ งรวมเปน็ หน่วยเดียวกัน ซ่งึ เหตผุ ลในการ ความต้องการใช้ยางมากขึ้น ท�ำให้ผลผลิตจากยางป่าใน ประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ียางพารา ทวีปอเมริกากลางและใตม้ ีราคาแพงหายาก จงึ มีแนวคิด และผลผลิตจากยางพารามีความส�ำคัญต่อเศรษฐกิจ ที่จะปลูกในทวีปเอเชียที่มีภูมิอากาศคล้ายกันในพ้ืนที่ ของประเทศและประชาคมโลกเป็นอย่างมาก การปฏิรูป เขตอาณานคิ มของชาวยุโรป เช่น ปลูกในศรลี ังกา อินเดีย ระบบการบริหารจัดการเกี่ยวกับยางพารา การวิจัยและ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม พัฒนา การรักษาเสถียรภาพระดับราคายางพารา การ เป็นต้น รวมทั้งในทวีปอัฟริกา ปรากฏว่าประสบความ ด�ำเนินธุรกิจ และการจัดสรรประโยชน์อย่างเป็นธรรม ส�ำเร็จ สามารถสร้างมูลค่าได้มาก ต่อมาจึงได้แพร่เข้า และย่ังยืนเพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร มาปลูกในประเทศไทยทางภาคใต้ในพ้ืนที่ติดต่อกับ ชาวสวนยางและผู้ประกอบกิจการยาง จึงเป็นส่ิงจ�ำเป็น ประเทศมาเลเซีย ตามหลกั ฐานบนั ทกึ ไว้วา่ ปี พ.ศ. 2441 อย่างย่ิงในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้น�ำเข้ามาปลูกท่ีจังหวัดตรัง ดังนั้น เพ่ือเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกร และ 10 ปีต่อมา หลวงราชไมตรี ได้น�ำไปปลูกที่จังหวัด ชาวสวนยางและผู้ประกอบกิจการยาง จ�ำเป็นต้องจัด จันทบุรี หลังจากน้ันโลกของยานยนต์มีการพัฒนาใช้ ให้มีองค์กรกลางรับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการเก่ียว มากขึ้นจึงมีการขยายพ้ืนปลูกยางมากขึ้น ปัจจุบันพื้นที่ กับยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร ปลูกยางพาราท่ัวโลก มีมากกว่า 80 ล้านไร่ โดยพ้ืนท่ี มีเอกภาพสามารถด�ำเนินการไปได้อย่างเป็นอิสระ ปลูกยางของแต่ละประเทศในทวีปเอเซียแสดงไว้ใน คล่องตัวและใช้ยางพาราและผลผลิตจากยางพาราให้ ตารางท่ี 1 เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด สมควรจัดต้ัง ผลจากการที่พระราชบัญญัติ การยางแห่ง การยางแห่งประเทศไทยขึ้นเพื่อท�ำหน้าท่ีส่งเสริมและ ประเทศไทย พ.ศ. 2558 ประกาศใช้ ได้ยกเลิกกฎหมาย พัฒนากิจการเก่ียวกับยางพาราของประเทศ จึงจ�ำเป็น เดิมไป 8 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับองค์กรท้ัง 3 ท่ีถูกควบ ต้องตราพระราชบัญญัติน้ี ในเน้ือหาฉบับน้ีผู้เขียนจะขอ รวม แต่ท่ีไม่ได้ประกาศยกเลิก คือ พระราชบัญญัติ เรียบเรียงความเป็นมาของยางพาราในอดีตจนปัจจุบัน ควบคมุ ยาง พ.ศ. 2542 ซึ่งมีท้ังวิกฤตและโอกาส แสดงเนื้อหาบางส่วนของ กฎหมายฉบับเดิม และกฎหมายบางฉบับท่ีไม่ได้รวมอยู่ พระราชบัญญัตฉิ บบั เดิม และฉบบั ใหม่ ในกฎหมายฉบับบ้ี รวมท้ังความคดิ เหน็ บางสว่ นให้ผู้อ่าน หลายคนอาจยังสงสัย ข้อดีและข้อบกพร่องของ โดยเฉพาะเกษตรกร และผูส้ นใจไดพ้ จิ ารณา กฏหมายการเก็บภาษียาง หลายประเทศท่ีไม่มีกฎหมาย

33 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ตารางที่ 1 พืน้ ทป่ี ลกู ยางของประเทศตา่ งๆ แสวงหาก�ำไร หากปีไดไม่เพียงพอ ให้รัฐบาลตั้งงบ ในทวีปเอเชยี 1 ประมาณจ่ายเพ่ิมเติมตามความจำ� เป็น (3) เงินนอกเหนือจาก (1) และ (2) เป็นเงินที่ ประเทศ พน้ื ท่ีปลกู ยาง (ล้านไร)่ จัดสรรไว้เพื่อการสงเคราะห์เจ้าของสวนยาง จะจ่ายเพ่ือ การอยา่ งอื่นมิได้ ไทย 22 ส่วนองค์การสวนยาง เป็นรัฐวิสาหกิจท่ีแสวงหา อินโดนเี ซยี 22 ก�ำไร รัฐบาลลงทุนท้ังหมด ต้ังแต่จัดสรรที่ดิน ปลูกยาง มาเลเซีย 7 กรีดยาง ตั้งโรงงานแปรรูปยาง ขายยาง และบริหาร จีน 7 จัดการเงินทุนหมนุ เวยี น เวยี ดนาม 6 ส�ำหรับกฎหมายฉบับใหม่ เรียกช่ือว่า “พระราช อนิ เดีย 5 บญั ญัตกิ ารยางแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2558 ” เรยี กโดย เมียนมา 4 ย่อ ว่า “กยท.” และให้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Rubber กมั พชู า 2 Authority of Thailand” เรยี กโดยย่อ ว่า “RAOT” เนือ้ หา ลาว 2 ทส่ี ำ� คญั โดยย่อ มาตรา 43 ให้จดั ต้งั กองทุนหน่งึ ใน กยท. ฟิลิปปินส ์ 1 เรียกว่า “กองทุนพัฒนายาง” มีวัตถุประสงค์ เพ่ือเป็น ศรีลังกา 1 ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนา รวม 79 ยางพารา ตามมาตรา 49 ให้คณะกรรมการจัดสรรเงิน จากกองทุนตามจ�ำนวนและเพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละ 1 ตวั เลขโดยประมาณ ปีงบประมาณ มสี าระส�ำคญั โดยยอ่ ดังตอ่ ไปนี้ (1) จ�ำนวนไม่เกินร้อยละสิบ เป็นค่าใช้จ่ายในการ เก็บภาษีโดยตรง เช่น อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม เขา บรหิ ารกจิ การของ กยท. บริหารจัดการอย่างไร ประเทศท่ียังมีกฎหมายเก็บภาษี (2) จ�ำนวนไม่เกินร้อยละส่ีสิบ เป็นค่าใช้จ่ายใน ยาง คือ ไทย มาเลเซีย อินเดีย ศรีลังกา มีประวัติความ การส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือเกษตรกร เ ป ็ น ม า แ ล ะ ต ้ อ ง ป รั บ แ ก ้ ไ ข ใ ห ้ ทั น กั บ ส ถ า น ก า ร ณ ์ ชาวสวนยางเพอื่ การปลูกแทน กฏหมายฉบับเดิมที่ถูกยกเลิก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ (3) จ�ำนวนไม่เกนิ ร้อยละสามสบิ ห้า เป็นค่าใช้จา่ ย พระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การท�ำสวนยาง ในการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือ พ.ศ 2503 และแก้ไขต่อมาอีก 3 คร้ัง อีกพวกหนึ่ง คือ เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง พระราชกฤษฎีกาจัดต้งั องคก์ ารสวนยาง พ.ศ 2504 และ และผู้ประกอบกิจการยางในด้านการปรับปรุงคุณภาพ แก้ไขอีก 2 คร้ัง รวมทั้งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ผลผลิต การผลิต การแปรรูป การตลาด และการด�ำเนิน 114 ลงวันท่ี 3 เมษายน พ.ศ 2515 อกี 1 ฉบบั การอ่ืนท่ีเก่ียวข้องกับยางพาราและอุตสาหกรรมยาง เนื้อหาที่ส�ำคัญโดยย่อในพระราชบัญญัติกองทุน แปรรูปยางขั้นต้น อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง สงเคราะห์การท�ำสวนยางฉบับเดิม คือ การเก็บภาษียาง อุตสาหกรรมไม้ยาง การพัฒนายางพาราท้ังระบบ และ หรือภาษีพิเศษ (Cess) ให้เก็บจากผู้ส่งยางออกนอก การรกั ษาเสถยี รภาพราคายาง ราชอาณาจักร ในอัตราที่ประกาศ แล้วให้แบ่งการใช้ (4) จ�ำนวนไม่เกินร้อยละห้า เป็นค่าใช้จ่ายในการ จา่ ยเงินน้ีออกเปน็ 3 ส่วน คือ ส่งเสริมและสนับสนุนด้านการเงิน วิชาการ การศึกษา (1) ไม่เกินร้อยละห้าเป็นค่าใช้จ่ายในการค้นคว้า วิจัย และการค้นคว้าทดลองเก่ียวกับยางพาราในอันท่ีจะ ทดลองเก่ียวกับกิจการยาง มอบให้กรมวิชาการเกษตร เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการยางพาราอย่างครบ ซงึ่ เปน็ นติ ิบคุ คลราชการ โดยสถาบนั วิจัยยาง ดำ� เนินงาน วงจร (2) ไม่เกินร้อยละสิบเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร งานการสงเคราะห์การท�ำสวนยาง เป็นรัฐวิสาหกิจไม่

34 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 (5) จ�ำนวนไมเ่ กนิ ร้อยละเจด็ เป็นคา่ ใช้จา่ ยในการ ว่าการ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ให้ผู้ว่าการ จัดสวสั ดิการเพือ่ เกษตรกรชาวสวนยาง เป็นกรรมการและเลขานุการ หลักเกณฑ์และวิธีสรรหา (6) จำ� นวนไมเ่ กินรอ้ ยละสาม เปน็ คา่ ใชจ้ ่ายในการ บุคคลเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ ให้ ส่งเสริมและสนบั สนุนสถาบนั เกษตรกร เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีก�ำหนด โดยการเสนอแนะ การบริหารและจัดสรรเงินจากกองทุนให้เป็นไป ของคณะกรรมการ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม ตามข้อบังคับท่ีคณะกรรมการก�ำหนด โดยความเห็น มาตรา 18 ชอบของคณะรัฐมนตรี ในกรณีท่ีปีงบประมาณใดมิได้ จัดสรรเงินเต็มตามจ�ำนวนที่ก�ำหนดไว้ส�ำหรับค่าใช้จ่าย การจัดสรรแบ่งส่วนงานขององค์กรใหม่ ในแต่ละประเภทตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจ การยางแห่งประเทศไทย จัดสรรเงินในส่วนที่เหลือไปเป็นค่าใช้จ่ายในประเภทอื่น ซงึ่ มไิ ด้จา่ ยตาม (1) ได้ตามความเหมาะสมและจ�ำเปน็ จากภาพท่ี 1 ในโครงสร้างการยางแห่งประเทศ ในกรณีที่เงินของกองทุนไม่เพียงพอเป็นค่าใช้จ่าย ไทย คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย มีอ�ำนาจ ในการด�ำเนินการตามข้อ(2) (3) (4) (5) และ (6) ให้ หน้าท่ีวางนโยบายและควบคุมดูแลโดยท่ัวไป ซึ่งกิจการ คณะกรรมการน�ำรายได้ตามมาตรา 12 มาจัดสรรเพ่ิม ของ กยท. มาตรา 22 ในวงเล็บท่ี (1) ถึง (10) ภายใต้ เตมิ ไดไ้ ม่เกนิ ร้อยละย่ีสิบของเงนิ รายได้ตามมาตรา 12 คณะกรรมการ มีคณะอนุกรรมการ คณะกรรมการตรวจ ในกรณที เี่ งินกองทุนจดั สรรตาม (1) (2) (3) (4) (5) สอบ ซง่ึ เช่อื มกับส�ำนักตรวจสอบภายในและผ้วู า่ การ ผู้ และ (6) ยังไม่เพียงพอ ให้รัฐต้ังรายจ่ายเพ่ิมเติมในงบ ว่าการยางแห่งประเทศไทย มีหน้าที่บริหารกิจการของ ประมาณประจ�ำปตี ามความจ�ำเปน็ กยท. ให้เป็นไปตามกฏหมาย ในด้านการด�ำเนินงาน จะเหน็ วา่ กฏหมายฉบบั เดมิ มีความแตกต่างจาก ประกอบดว้ ยรองผู้วา่ การฯ 5 ด้าน คือ 1) การบรหิ าร ซึ่ง กฎหมายฉบับใหม่ ที่ครอบคลุมกว้างมากและให้อ�ำนาจ เกี่ยวข้องกับ ยุทธศาสตร์องค์กร สารสนเทศ การคลัง คณะกรรมการไว้มาก ซง่ึ คณะกรรมและผ้วู ่าการดังกลา่ ว ทรัพยากรมนุษย์ ทรัพย์สิน และกองทุนพัฒนายางพารา ตามมาตรา 17 เรียกว่า “คณะกรรมการการยางแห่ง 2) ด้านอุตสาหกรรมยาง ประกอบด้วย ฝ่าย วิจัยและ ประเทศไทย” มจี ำ� นวนท้ังหมด 15 คน ประกอบดว้ ย พัฒนาอุตสาหกรรมยาง มาตรฐานและบริการทดสอบ (1) ประธานกรรมการ ซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งต้ัง ยาง และสนับสนุนอุตสาหกรรมยาง 3) ด้านการผลิต จากผู้ซึ่งมีความรู้ มีความเช่ียวชาญ ด้านเกษตร ยาง ประกอบด้วย ฝ่าย สถาบันวิจัยยาง ส่งเสริมและ วิทยาศาสตร์ อตุ สาหกรรม หรอื บรหิ าร พัฒนาการผลิต พัฒนาเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร (2) กรรมการโดยต�ำแหน่ง ได้แก่ผู้แทนกระทรวง 4) ด้านธุรกิจและตลาด ประกอบด้วย ฝ่าย บริหาร การคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ จัดการโรงงาน บริหารจัดการสวนยาง วิจัยและพัฒนา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทน เศรษฐกิจยาง และตลาดยางพารา 5) ด้านปฏิบัติการ ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย ส�ำนักงานยางจังหวัด 45 จังหวัด และ แห่งชาติ ส�ำนักงานยางสาขา 80 สาขา ภายใต้ผู้ว่าการยาง มี (3) กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิ จ�ำนวนเจด็ คน ซ่ึงคณะ คณะกรรมการลงทนุ ทป่ี รกึ ษา และ กยท. 7 เขต สำ� นกั รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยางจ�ำนวน ผวู้ ่าการ และฝ่ายกฏหมาย สามคน ผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจ�ำนวน สองคน ผู้แทนผู้ประกอบกิจการยางซึ่งเชี่ยวชาญการค้า หนว่ ยงานทีไ่ ม่ได้ถกู ยุบรวม หนึ่งคน ผู้แทนผู้ประกอบกิจการยางซึ่งเช่ียวชาญการ ผลติ อุตสาหกรรมหนง่ึ คน เหตุผลท่ีงานภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมยาง ในมาตรา 26 ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งต้ังผู้ พ.ศ. 2542 ไม่ได้ผนวกรวมในพระราชบัญญัติการยาง แห่งประเทศไทย เพราะกฎหมายฉบบั นี้ใหอ้ ำ� นาจดำ� เนนิ การไว้ท่ีส่วนราชการ ตามบทบัญญัติบางประการเกี่ยว

35 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ิ ภาพท่ี 1 โครงสร้าง การยางแหง่ ประเทศไทย ปี 2558 กับการจ�ำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคลซึ่งมาตรา 29 ความสามารถในการผลติ ยางของประเทศภาคนี น้ั ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 48 และ 3) การจ�ำกัดการปลูกและการผลิตไม่ให้เพิ่มข้ึน มาตรา 50 ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั ตลาดต้องการ ความเป็นมาของ พระราชบัญญัติควบคุมยาง เมื่อรัฐบาลได้เข้ารวมเป็นภาคีแล้ว จึงได้ตรา พ.ศ. 2542 เริม่ จาก ชว่ งปี พ.ศ. 2470 – 2474 เกิดวิกฤติ พระราชบัญญัติควบคุมจ�ำกัดยาง พ.ศ. 2477 และได้ เศรษฐกิจ การค้าทั่วโลกตกต�่ำ โรงงานผลิตภัณฑ์ยางใน แก้ไขเพ่ิมเติม ในปี พ.ศ. 2479 ซ่ึงได้ก�ำหนดวิธีการ ประเทศต่างๆ ประสบปัญหาต้องเลิกล้มกิจการ ท�ำให้ ควบคุมยาง การปลูกยาง การท�ำยาง การส่งออกยาง ความต้องการใช้ยางลดน้อยลงมาก ปริมาณยางดิบจึง ต่อมาข้อตกลงได้เปลี่ยนแปลงบางประการ จึงได้ตรา เหลือล้นอยู่มากในตลาด ราคายางดิบตกต�่ำมาก เหลือ พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2481 ข้ึนใหม่ ในปี กิโลกรัมละ 50 สตางค์ ประเทศอังกฤษซ่ึงมีเมืองขึ้นอยู่ พ.ศ. 2510 ได้เกิดสภาวะการค้ายางราคาตกต�่ำมาก ท่ีแหลมมาลายู ในปี พ.ศ. 2473 ได้แก้ไขสถานการณ์ เพราะประเทศผู้ใช้ยางมีการผลิตยางเทียมซ่ึงเป็น การค้าโดยจัดท�ำโครงการจ�ำกัดการผลิตยาง (Rubber ผลผลิตมาจากน้�ำมันดิบออกมามาก และสามารถ Quota Scheme) ซ่ึงคล้ายกับบริษัทร่วมทุน 3 ประเทศ ทดแทนการใช้ยางธรรมชาติ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ (International Tripartite Rubber Consortium - ITRC) ยกเว้นค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บตามกฎหมายยางเพ่ือ ท่ีมีอยู่ในปัจจุบันนี้ โครงการจ�ำกัดยางคร้ังน้ัน ด�ำเนิน บรรเทาความเดือดร้อนของเจ้าของสวนยาง รวมท้ัง การเพื่อ ยกเว้นการเก็บเงินจากผู้ส่งออกยาง กิโลกรัมละ 10 1) จ�ำกัดจ�ำนวนยางส่งออก (โควตา) โดยให้ สตางค์ด้วย ซ่ึงเหตุการณ์ครั้งน้ัน คล้ายกับ ในปี พ.ศ. ประเทศผู้ผลิตยางสง่ ออกไดเ้ ท่าทก่ี ำ� หนด 2555 ที่เพ่ิงผ่านมาไม่นานนี้ ท่ีรัฐบาลได้ยกเว้นเก็บ 2) การก�ำหนดโควตาการผลิตยาง ให้ถือเกณฑ์ ภาษียาง และจ�ำกัดลดการส่งออกยางลงร้อยละสิบ

36 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ปรากฏว่าไม่มีผลกระทบกับราคายาง ถึงแม้ว่าปัจจุบัน บทสรปุ ได้เลิกมาตรการน้ีแล้วราคายางก็ยังต�่ำอยู่ ซึ่งเกิดจาก เศรษฐกิจโลกซบเซา และปริมาณการผลิตน้�ำมันดิบ ยางเป็นพืชที่โดดเด่นท่ีสุดในบรรดาพืชมากกว่า ล้นตลาด ราคายางจึงตกต่�ำลงด้วย ในปี พ.ศ. 2520 1,200 ชนิดท่ีสามารถให้น้�ำยางได้ ช่วงที่ยางราคาแพง ประเทศมาเลเซีย ขาดแคลนแรงงานกรีดยางและทน ในประเทศปานามา เขตอเมริกากลาง มีการเก็บเก่ียวน�้ำ ไม่ได้กับยางราคายางที่ตกต�่ำเป็นเวลานาน จึงได้ ยางโดยใช้มีดหรือขวานสับต้นยาง จนต้นยางแทบสูญ ประกาศตัดโค่นยาง 7 ล้านไร่ ภายใน10 ปี แล้วเปลี่ยน พันธุ์ จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าราคายางขึ้นอยู่ มาปลูกปาล์มน้�ำมันท่ีให้ผลตอบแทนดีกว่า ประเทศไทย กับภาวะเศรษฐกิจของโลก ดังนั้น ควรปรับตัวให้การใช้ ยังคงเห็นว่ายางพาราจะขาดไปจากตลาดและต้นทุน ประโยชน์ให้ถูกต้องรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพ การผลิตยางไทยยังต�่ำอยู่ในขณะน้ัน จึงได้ขยายการ แวดล้อม พื้นท่ีป่าต้นน้�ำล�ำธาร พื้นท่ีลาดชันมาก พื้นที่ ปลูกยางไปในพ้ืนท่ีปลูกยางใหม่โดยเน้นในภาคตะวัน สูงกว่าระดับน้�ำทะเลเกิน 600 เมตร ไม่ควรปลูกยาง ออกเฉียงเหนือเป็นหลัก เพราะพ้ืนท่ีป่าไม้ในภาคน้ีเหลือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การเก็บเกี่ยวผลผลิตยาง อยูป่ ระมาณรอ้ ยละสบิ ห้า หรอื ถกู ทำ� ลายลงไปเกือบหมด ใช้แรงงานมากกว่าปาล์มน้�ำมัน แต่ปาล์มจ�ำเป็นต้องใส่ แล้ว แต่ในภาคปฏิบัติเมื่อยางราคาดีในช่วงท่ีเศรษฐกิจ ปุย๋ ใหพ้ อเพียงจึงจะได้ผลผลิต ยางพาราถ้าราคาไมด่ ี ถึง ประเทศจีนเบ่งบานปี พ.ศ. 2545-2551 การปลูกยาง ใส่ปุ๋ยน้อยก็ยังพอให้ผลผลิต น้�ำมันดิบราคาต�่ำ ท�ำให้ กระจายทัว่ ไปแม้แตใ่ นเขตที่ไมเ่ หมาะต่อการปลกู ยาง ราคาสินค้าเกษตรถดถอยลง ยางสังเคราะห์ซึ่งเป็น หลังจากพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2481 ผลผลิตจากน้�ำมันดิบมีราคาถูกลงสามารถทดแทน ไดใ้ ชม้ านาน 60 ปี บทบัญญตั ิต่างๆ ไมเ่ หมาะสมกับการ ยางพาราได้ ความเส่ียงด้านราคาน้อยกว่ายางธรรมชาติ ผลิต การค้า การแปรรูปยาง และการตลาด กระทรวง ดงั น้นั เม่อื ยางธรรมชาติราคาต�ำ่ ควรรบี มาทำ� ผลิตภณั ฑ์ เกษตรและสหกรณ์จึงได้เสนอแก้ไข ตั้งแต่ พ.ศ. 2529 ใช้ในประเทศให้มากข้ึน เพื่อเป็นตัวอย่างพัฒนาส่งขาย จนแลว้ เสร็จ ประกาศใชใ้ นปี พ.ศ. 2542 เนอื้ หาที่ส�ำคญั ได้ เช่น ยางผสมทำ� ผิวถนน ลวู่ ิ่งสนามบนิ ทางด่วนพเิ ศษ สรุปโดยย่อ มาตรา 6 การควบคุมยาง การค้ายาง การ ยางผสมกนั ถนนลื่น ผนงั บ่อน้�ำ และอ่ืนๆ ควรลดความถ่ี น�ำเข้าและส่งออกยางในกรณีท่ีเกิดสถานการณ์ที่จ�ำเป็น การกรีดยาง รวมกลุ่มคนกรีดยางเพื่อเพ่ิมรายได้และ 10 มาตรการ คือ (1) ต้นยางชนิดอื่น (2) ต้นยางพันธุ์ดี ควบคุมประสิทธิภาพการกรีดยางให้ดีข้ึน ยืดอายุต้น ที่เหมาะสมในเขตก�ำหนด (3) เขตสวนยาง (4) การแจ้ง ยางมากกว่า 30 ปี เจ้าของสวนได้รับชดเชยเก็บกักก๊าซ เนื้อท่ีสวนยาง (5) เขตห้ามปลูกยางกรณีท่ีเกิดโรค คารบ์ อน และถ้ามีความหลากหลายทางชวี ภาพมากควร ระบาดรุนแรง (6) วิธีท�ำสวนยาง (7) เขตควบคุมการ ได้เพ่ิมอีก ประเทศท่ีเจริญแล้วมักส่งนักวิทยาศาสตร์ ขนยาง (8) ปริมาณควบคุมเน้อื ยาง (9) การจดั ตงั้ ตลาด ไปร่วมมือวิจัยทั่วโลก ซึ่งบางครั้งดูเหมือนจะส้ินเปลือง กลาง (10) มาตรฐานยางและวธิ กี ารมดั บรรจุหบี ห่อ เป็นการเปิดช่องทาง อย่างน้อยเป็นการพัฒนาบุคลากร ในมาตรา 18-29 ได้กล่าวถึงการอนุญาตและการ เกิดความรว่ มมือกนั ท�ำใหร้ ู้เขารูเ้ รา ออกใบอนุญาต ไดแ้ ก่ (1) การน�ำเขา้ หรอื สง่ ออก ต้นยาง ดอก เมล็ด หรือตา หรือส่วนของต้นยางที่ขยายพันธุ์ได้ บรรณานุกรม (2) การขนย้ายยางข้ามเขตควบคุมฯ (3) การขยายพันธุ์ ต้นยางเพ่ือการค้า (4) การคา้ ยาง ซ้ือขายแลกเปล่ียนยาง จนั ทวรรณ คงเจริญ. 2550. ความรเู้ รือ่ งพระราชบัญญัติ (5) การตั้งโรงท�ำยาง ยกเว้นการท�ำยางดิบของชาวสวน ควบคุมยาง พ.ศ. 2542. ว.ยางพารา 28(1): ยาง (6) การน�ำเข้าหรือส่งออกยางฯ ต้องขอใบผ่านด่าน 53-70. ศุลกากร ตามมาตรฐานหีบห่อ (7) การจัดให้มีการ ราชกิจจานเุ บกษา. 2558. พระราชบญั ญตั ิการยางแห่ง วิเคราะหแ์ ละทดสอบคุณภาพยาง ประเทศไทย พ.ศ. 2558. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนท่ี 63 ก วนั ท่ี 14 กรกฎาคม 2558. ส�ำนักงานกองทุนสงเคราะห์การท�ำสวนยาง. 2548.

George,P.J. and Jacob, C.K. 2000. Natural Rubber Agromanagement and Crop Processing. Rubber Res Institute of India.37 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ยางพารา มี รากแกวหรือไม Mean rainfall over 16 years at CRRC (1989-2004) 200.0 180.0 160.0 140.0 120.0 100.0 80.0 60.0 40.0 20.0 0.0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 Month Frequency (%) mm 150Girth at 1.7 m 200 250 20 300 35025 10 Branch 44.4 %C 40020 0 45015 50010 -10 550 -20 6005 -30 6500 -40 700 -50 750Girth (mm) 800 850 900 micromole/m²/s 01/06 30/05 28/05 26/05 24/05 22/05 20/05 18/05 16/05 14/05 12/05 10/05 08/05 06/05 04/05 02/05 ภาพท่ี 2 ภดาพาทนี่ 2สดิ่งา้ นแสิ่งวแดวดลลอ้ อมมการกเกาบ็ กรกั เกกา๊ ซบ็ คากรบักอนกไดา อซอกคไซาดรใ์ นบสวอนยนางไดออกไซดในสวนยาง บอกกล่าว…เล่าขาน ต�ำนาน สกย. ส�ำนักงาน Agromanagement and Crop Processing. กองทุนสงเคราะห์การท�ำสวนยาง. Rubber Research Institute of India. George, P.J. and C.K. Jacob. 2000. Natural Rubber

38 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 ขา่ วสถาบันวิจัยยาง รับโอนข้าราชการพลเรอื น ใ ห้ ดำ� ร ง ตำ� แ ห น่ ง นั ก วิ ช า ก า ร เ ก ษ ต ร ชำ� น า ญ ก า ร สว่ นราชการเดิม กรมวิชาการเกษตร มีคำ�สั่งท่ี 1316/2558 ลง - คำ�ส่ังที่ 2028/2558 ลงวันท่ี 24 กันยายน วันที่ 3 กรกฎาคม 2558 รับโอนข้าราชการพลเรือน 2558 เล่ือนนางอัญญาณี มั่งคง นักวิชาการเกษตร สามัญ นางสาวจารึก เถาว์ราม เศรษฐกรปฏิบัติการ ปฏิบัติการ ฝ่ายบริการตลาดยางดิบ สำ�นักงานตลาด ศูนย์ประเมินผลสำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตร รับ กลางยางพารานครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช โอนมายังกลุ่มวิจัยเสถียรภาพราคายาง สำ�นักงาน สถาบันวิจัยยาง ให้ดำ�รงตำ�แหน่งนักวิชาการเกษตร ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช จังหวัด ชำ�นาญการ ส่วนราชการเดมิ นครศรีธรรมราช สถาบนั วิจยั ยาง เลอ่ื นข้าราชการ ยา้ ยขา้ ราชการ กรมวชิ าการเกษตร มคี ำ�สงั่ เล่ือนข้าราชการ ดงั น้ี กรมวิชาการเกษตร มีคำ�สั่งท่ี 2001/2558 ลง - คำ�สั่งท่ี 1870/2558 ลงวันท่ี 9 กันยายน วันที่ 23 กันยายน 2558 ย้ายนางสาวพรเพ็ญ โพธ์ิทอง 2558 เล่ือนนางสาววิภาวี พัฒนกุล นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ ฝ่ายบริหารท่ัวไป ศูนย์วิจัย ชำ�นาญการ กลุ่มอุตสาหกรรมยาง สถาบันวิจัยยาง ยางหนองคาย จังหวัดหนองคาย สถาบันวิจัยยาง ให้ ให้ดำ�รงตำ�แหน่งนักวิชาการเกษตรชำ�นาญการพิเศษ ไปดำ�รงตำ�แหน่งนักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ กลุ่ม ส่วนราชการเดิม ควบคุมปุย๋ สำ�นักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร - คำ�สั่งที่ 1910/2558 ลงวันท่ี 14 กันยายน 2558 เลื่อนนางสาวมณิสร อนันต๊ะ เศรษฐกรปฏิบัติการ แตง่ ตั้งผู้รักษาการในต�ำ แหนง่ กลุ่มวิจัยเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยยาง ให้ดำ�รงตำ�แหน่ง เศรษฐกรชำ�นาญการ ส่วนราชการเดิม กรมวิชาการเกษตร มีคำ�ส่ังท่ี 1741/2558 ลง - คำ�สง่ั ที่ 1963/2558 ลงวันท่ี 21 กนั ยายน 2558 วันท่ี 26 สิงหาคม 2558 แต่งตั้งผู้รักษาการในตำ�แหน่ง เลื่อนนางสาวมาตุวรรณ บุณยัษเฐียร นักวิชาการ ผู้อำ�นวยการกองการยาง เมื่อผู้อำ�นวยการกองยาง เกษตรปฏิบัติการ กลุ่มวิจัยเสถียรภาพราคายาง ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ โดยเรียงตาม สำ�นักงานตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานี จังหวัด ลำ�ดับ ดงั นี้ สุราษฎร์ธานี สถาบันวิจัยยาง ให้ดำ�รงตำ�แหน่ง 1. นายวรี ชัย ชุณหสวุ รรณ นกั วิเคราะหน์ โยบาย นักวิชาการเกษตรชำ�นาญการ ส่วนราชการเดมิ และแผนชำ�นาญการพิเศษ - คำ�ส่ังที่ 1992/2558 ลงวันที่ 23 กันยายน 2. นางสาวพรทิพย์ ประกายมณีวงศ์ นักวิทยา- 2558 เลื่อนนางสาวณิชชา ปานสี นักวิชาการเกษตร ศาสตร์ชำ�นาญการ ปฏิบัติการ ฝ่ายบริการตลาดยางดิบ สำ�นักงานตลาด 3. นางสาววิภาวี พัฒนกุล นักวิทยาศาสตร์ กลางยางพาราสงขลา จังหวัดสงขลา สถาบันวิจัยยาง ชำ�นาญการ ให้ผู้รักษาการในตำ�แหน่งมีอำ�นาจหน้าที่เช่นเดียว

39 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 22 กรกฎาคม-กันยายน 2558 กับผู้ดำ�รงตำ�แหน่ง ทั้งอำ�นาจหน้าท่ีโดยตำ�แหน่งและ ประชมุ ตา่ งประเทศ ที่ได้รับมอบหมายหรือมอบอำ�นาจมา ประชมุ JRMA นางณพรัตน์ วิชิตชลชัย นักวิชาการเกษตร อนุญาตให้ข้าราชการไปศึกษาต่อ ณ ชำ�นาญการพิเศษ เดินทางไปเข้าร่วมประชุมเก่ียวกับ ตา่ งประเทศ มาตรฐานชีวภาพยาง เพ่ือพัฒนาวิธีการทดสอบ มาตรฐานชีวภาพยางตามมาตรฐานสากล (Determina- กรมวิชาการเกษตรมีคำ�สั่งที่ 1784/2558 ลง tion of Combustion E3n1erกgรyกฎaาnคdมC2O5258Emณisเsมioือnง วันท่ี 1 กันยายน 2558 อนุญาตให้นางสาวประภาศิริ from Rubber) ในวันที่ ตงศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ต�ำแหน่งนักวิชาการ โอซาก้า ประเทศญี่ปุน่ เกษตรปฏิบัติการ สังกัดกลุ่มวิจัย ศูนย์วิจัยยาง ฉะเชิงเทรา สถาบันวิจัยยาง ไปศึกษาต่อระดับปริญญา ประชมุ IRRDB เอก ภาควิชาอนุรักษ์ดินและน้�ำ, Chung University นายพิเชฏฐ์ พร้อมมูล ผู้อำ�นวยการสถาบันวิจัย สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558 ยาง เดินทางไปเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการผู้ ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ด้วยทุนงบพิเศษการ อำ�นวยการครั้งพิเศษ ระหว่างวันท่ี 13 – 14 สิงหาคม คน้ คว้ายาง 2558 ณ กรงุ กวั ลาลมั เปอร์ ประเทศมาเลเซีย นางสาวนภาวรรณ เลขะวิพัฒน์ นักวิชาการ แตง่ ตงั้ ผู้อ�ำ นวยการกองการยาง เกษตรชำ�นาญการพิเศษ เดินทางไปเข้าร่วมประชุม กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านต่างๆ และการประชุมคณะ กรมวิชาการเกษตรมีคำ�สั่งที่ 1846/2558 ลง กรรมการผู้อำ�นวยการคร้ังพิเศษ ระหว่างวันท่ี 10 – 14 วันท่ี 7 กันยายน 2558 ตามอนุสนธิคำ�ส่ังกรมวิชาการ สงิ หาคม 2558 ณ กรงุ กัวลาลมั เปอร์ ประเทศมาเลเซยี เกษตรที่ 837/2558 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ต้ัง นางสาวนภาวรรณ เลขะวิพัฒน์ นักวิชาการ กองการยาง โดยมีฐานะเทียบเท่ากอง และคำ�ส่ังกรม เกษตรชำ�นาญการพิเศษ นางสาวชมลวรรณ ขิวรัมย์ วิชาการเกษตรท่ี 1621/2558 ลงวันท่ี 13 สิงหาคม นักวิชาการเกษตรชำ�นาญการ และ นายพิศิษฐ์ 2558 แต่งตั้งนายพนัส แพชนะ ผู้อำ�นวยการ พิมพ์รัตน์ นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ เดินทางไป สำ�นักงานตลาดกลางยางพารา สถาบันวิจัยยาง ทำ� ประชุมร่วมกับนักวิชาการจากประเทศสมาชิก IRRDB หนา้ ทผ่ี ้อู ำ�นวยการกองการยาง อีกหนา้ ท่หี นงึ่ น้ัน เพื่อนำ�เสนอผลงานในหัวข้อต่างๆ ได้แก่ การเขตกรรม เน่ืองจากนายพนัส แพชนะ แจ้งความจำ�นงไป การผลิต และออกใบรับรองคุณภาพวัสดุปลูกยาง ปฏิบัติงานท่ีการยางแห่งประเทศไทย เพ่ือความ การจัดการเกษตรท่ีเหมาะสม การปลูกพืชร่วมยาง เ ห ม า ะ ส ม จึ ง ย ก เ ลิ ก คำ� ส่ั ง ก ร ม วิ ช า ก า ร เ ก ษ ต ร ท่ี การอารักขาพืช และวิทยาการหลังการเก็บเก่ียว 1621/2558 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2558 และ ระหว่างวนั ที่ 25 – 27 สงิ หาคม 2558 ณ เมอื ง Cagayan แต่งตั้งนายอลงกรณ์ กรณ์ทอง รองอธิบดีกรมวิชาการ de Oro สาธารณรฐั ฟลิ ิปปินส์ เกษตร ทำ�หน้าท่ผี ู้อำ�นวยการกองยาง อีกหน้าทหี่ นง่ึ ประชมุ IRCo บรรจแุ ละแตง่ ตัง้ ผสู้ อบแขง่ ขนั ได้ บริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ จำ�กัด (IRCo) จัดการประชุมความร่วมมือด้านยางระหว่างประเทศ กรมวิชาการเกษตรมีคำ�ส่ังที่ 1825/2558 ลง (International Tripartite Rubber Council : ITRC) วันที่ 3 กันยายน 2558 บรรจุผู้สอบแข่งขันได้ คือ ครง้ั ท่ี 25 โดยสถาบนั วจิ ยั ยางมผี ู้เข้าร่วมประชมุ ดังนี้ นางสาวอัญชนา บุญมาก บรรจุในตำ�แหน่งนักวิชาการ นายพิเชฏฐ์ พร้อมมูล ผู้อำ�นวยการสถาบัน เกษตรปฏิบัติการ (ด้านงานวิจัยพืชสวน) สังกัดกลุ่ม วิจัยยาง เดินทางไปเข้าร่วมประชุม ITRC คร้ังที่ 25 ควบคุมยางตามพระราชบัญญัติ สถาบันวิจัยยาง ระหว่างวันท่ี 9 – 12 กนั ยายน 2558 ณ กรงุ กัวลาลมั เปอร์ กรมวชิ าการเกษตร

40 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 ประชุม IRRDB ณ เมือง Cagayan de Oro สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปินส์ ประเทศมาเลเซยี สัมมนาตา่ งประเทศ นางณพรัตน์ วิชิตชลชัย นักวิทยาศาสตร์ชำ�นาญ การพิเศษ เดินทางไปเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ นายกฤษดา สังข์สิงห์ นักวิชาการเกษตรชำ�นาญ โครงการส่งเสริมด้านอุปสงค์ยาง คร้ังที่ 4 (4th Meet- การพิเศษ และ นางสาวรัชนี รัตนวงศ์ นักวิชาการ ing of Demand Promotion Scheme Committee : เกษตรชำ�นาญการ เดินทางไปเข้าร่วมสัมมนา DPSC) ระหว่างวันที่ 6 – 8 กันยายน 2558 ณ กรุง เชิงปฏิบัติการด้าน Tracing Carbon in Plant กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซยี Metabolism Using Stable Isotopes ระหว่าง ประชุม ANRPC วันท่ี 7 – 20 กันยายน 2558 ณ สาธารณรัฐ นายพิเชฏฐ์ พร้อมมูล ผู้อำ�นวยการสถาบัน ฝรงั่ เศส วิจัยยาง นางณพรัตน์ วิชิตชลชัย นักวิทยาศาสตร์ ชำ�นาญการพิเศษ และ นางสาวนภาวรรณ เลขะวิพัฒน์ เจ้าหนา้ ที่ต่างประเทศศกึ ษาดูงาน นักวิชาการเกษตรชำ�นาญการพิเศษ เดินทางไปเข้าร่วม ประชุมคณะกรรมการสรรหา (Selection Committee) อาจารย์จาก Institute of Tropical Bioscience เพ่ือคัดเลือกเศรษฐกรอาวุโส ในวันท่ี 2 กันยายน 2558 and Biotechnology (ITBB) สาธารณรัฐประชาชน และเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการด้านข้อมูลและสถิติ จีน เดินทางมาประเทศไทยเพื่อขอเข้าพบผู้อำ�นวยการ (Information and Statistics Committee : ISC) คณะ สถาบันวิจัยยาง และศกึ ษาดงู าน และเปลีย่ นความรู้ดา้ น กรรมการด้านอตุ สาหกรรม (Industry Matters Commit- การปรบั ปรุงพนั ธ์ยุ างระหวา่ งวนั ท่ี30กนั ยายน–5ตลุ าคม tee: IMS) นอกรอบระหว่างวันที่ 3 – 4 กันยายน 2558 2558 ณ ศูนยว์ จิ ัยยางฉะเชิงเทรา จงั หวัดฉะเชิงเทรา เพ่ือรับทราบและปรึกษาหารือการเปลี่ยนแปลงของ ตลาดธรรมชาติ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประชุม/สัมมนา/ฝึกอบรม จัดสัมมนาฝ่ายพระราชบัญญัติควบคุมยาง สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร จัดสัมมนา เชิงปฏิบัติการเร่ือง การกำ�กับดูแลมาตรฐานยาง

41 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 22 กรกฎาคม-กนั ยายน 2558 อาจารยจ์ าก Institute of Tropical Bioscience and Biotechnology (ITBB) สาธารณรฐั ประชาชนจนี (คนทสี่ องและส่ีจากดา้ นขวามือ) เดินทางมาศึกษา ดูงาน และเปลีย่ นความรูด้ ้านการปรบั ปรุงพนั ธ์ยุ าง ระหว่างวันที่ 12 – 18 กรกฎาคม 2558 ณ บุรศี รีภู บตู กิ ประชุมวชิ าการยางพารา คร้ังท่ี 2/2558 โฮเต็ล จังหวัดสงขลา และศึกษาดูงานกิจการยาง ในจังหวัดสงขลา ตรัง กระบี่ นครศรีธรรมราช และ อุตสาหกรรมยาง สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ชุมพร มผี ูเ้ ขา้ ร่วมสมั มนาจำ�นวน 26 คน กรงุ เทพฯ มีผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมจ�ำนวน 22 คน ประชุมวิชาการยางพารา ประชมุ สัมมนา สถาบันวิจัยยาง จัดประชุมวิชาการยางพารา สถาบันวิจัยยางร่วมประชุม เสนอผลงานวิจัย คร้ังท่ี 2/2558 ระหว่างวันท่ี 17 – 19 สิงหาคม 2558 และจัดแสดงผลงานเด่น ปี 2558 ในการประชุมสัมมนา ณ โรงแรมโนโวเทล หัวหิน ชะอำ� จ.เพชรบุรี โดย Year End ประจำ�ปี 2558 ระหว่างวันที่ 28 – 29 มีนายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้ว่าการ การยางแห่ง กันยายน 2558 ณ โรงแรมรามาการเ์ ด้น กรุงเทพฯ ประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการ ประชุมและบรรยายพิเศษ มีผู้เข้าร่วมประชุมจำ�นวน 130 คน ฝึกอบรมผู้ประกอบการ และผู้สนใจ ทว่ั ไป สถาบันวิจัยยาง จัดฝึกอบรมหลักสูตร “การ ผลิตผลิตภัณฑ์จากนำ้ �ยาง” ให้แก่ผู้ประกอบการด้าน ยางพาราและผู้สนใจท่ัวไป ระหว่างวันที่ 17 – 19 สิงหาคม 2558 ณ อาคารพิศ ปัญญาลักษณ์ กลุ่ม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook