Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ebook-44

ebook-44

Published by ju_sureerut, 2021-07-06 03:07:39

Description: ebook-44

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 42 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มนี าคม 2564 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 44

ปีท่ี 41 ฉบบั ท่ี 3 กรกฎาคม-กันยายน 2563 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 26 สารบญั บทความ 2 การสรา้ งสวนยางตามหลกั เกษตรทฤษฎใี หม่ สวนยางยง่ั ยนื 11 ผลกระทบทางนเิ วศสรรี วทิ ยาตอ่ กาแฟโรบสั ตา ทป่ี ลกู รว่ มในสวนยางพารา 21 ยกระดบั สวนยาง GAP และยางแผน่ อบแหง้ GMP ของ ศนู ยก์ ารเรยี นรดู้ า้ นการเกษตร มลู นธิ ริ ฐั บรุ ษุ พลเอก เปรม ตณิ สลู านนท์ สกู่ ารพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื 31 สถานการณย์ างพาราของโลก และของไทย ระหวา่ งปี 2558-2563 ภาพปก: ลักษณะต้นกาแฟโรบัสตาอายุ 1 ปี ในสวนยางพาราอายุ 12 ปี ทมี่ กี ารพรวนดินรอบโคนตน้ พร้อมกับใสป่ ุ๋ยอินทรยี ์

บทบรรณาธกิ าร ในชว่ งทีผ่ า่ นมา เกษตรกรชาวสวนยาง คอื ผ้ทู ี่ได้ 1. การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและ รับผลกระทบจากปัญหาภาวะราคายางตกต�่ำ และรวม สถาบนั เกษตรกร มีเป้าประสงค์ คอื เกษตรกรมรี ายไดส้ ูง ถึงราคาไม้ยางอีกด้วย ซึ่งเป็นปัญหาในระดับต้นทาง ข้ึนและสม่�ำเสมอ สถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็งและ ส่งผลให้เกษตรขาดความม่ันคงทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นที่พึ่งของเกษตรกรได้ สถาบันเกษตรกรมีการบริหาร ทั้งนี้เนื่องจากต้นทุนการผลิตท่ีสูงข้ึนและมีรายได้ลดลง แบบมืออาชีพและมีขีดความสามารถในการท�ำธุรกิจ ท�ำให้ภาครัฐต้องเข้าไปดูแลโดยก�ำหนดมาตรการต่าง ๆ เกษตรกรรุ่นใหม่มีความพร้อมที่จะรับสืบทอดกิจการต่อ ขึ้นมา ซ่ึงเป็นการแก้ปัญหาท่ีไม่ย่ังยืน แนวทางการแก้ จากบิดามารดา โดยเพิม่ รายไดค้ รวั เรอื นเกษตรกรฯ และ ปัญหาเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของ พฒั นาศกั ยภาพของเกษตรกรฯ สกู่ ารเปน็ Smart Farmer เกษตรกรไม่ใช่มีเพียงแค่ราคายางเท่าน้ัน การลดต้นทุน การส่งเสริมการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสถาบันเกษตรกร ฯ การผลิต การลดค่าใช้จ่ายในครวั เรือน และ การเพ่ิมราย และการสนับสนุนการท�ำสวนยางในรูปแบบแปลงใหญ่ รายได้ของเกษตรกรเป็นอีกทางเลือกหน่ึงที่จะน�ำมาใช้ใน และการพัฒนาสถาบันเกษตรกรให้มีการบริหารแบบมือ การแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรโดยพ่ึงพาตนเอง ซึ่ง อาชีพ และมีขีดความสามารถในการท�ำธุรกิจ ส่งเสริม เป็นการแก้ปญั หาอย่างยัง่ ยืน และพัฒนาศักยภาพใหก้ ับกลุม่ เกษตรกรรุน่ ใหม่ การยางแห่งประเทศไทยได้มีการจัดท�ำแผน 2. การเพ่ิมประสิทธิภาพและการยกระดับ วิสาหกจิ การยางแหง่ ประเทศไทย (พ.ศ. 2560-2564) ซึ่ง คุณภาพและมาตรฐาน มีเป้าประสงค์ คือ สวนยางที่ มีความเช่ือมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหมดไป สวนยางเก่าที่ต้นยางเส่ือม ยางพารา 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) โดยกำ� หนดใหห้ นว่ ย สภาพมจี �ำนวนพนื้ ที่ลดลง ปรมิ าณผลผลิตยางเพิม่ สงู ขนึ้ งานของภาครัฐทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติตามกรอบและ ต้นทุนในการผลิตยางลดลง ผลิตภัณฑ์ยางพาราท่ีได้รับ แนวทางการพัฒนาประเทศท่ีรัฐบาลได้ก�ำหนดไว้เพื่อให้ มาตรฐานมีจ�ำนวนเพ่ิมขึ้น พ้ืนที่สวนยางพาราที่ผ่านการ บรรลุวิสัยทัศน์ “ ประเทศไทยมีความม่ันคงมั่งค่ังยั่งยืน รับรองมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืนมีจ�ำนวน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลัก เพิ่มขึ้น โดยการบริหารจัดการพนื้ ท่กี ารผลติ และปริมาณ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ” หรือคติพจน์ “ มั่นคง ผลผลิตยางพารา การเพ่ิมประสิทธิภาพในการผลิตและ ม่ังคั่งยั่งยืน ” โดยสร้างความสามารถในการแข่งขันของ การแปรรูปยาง/ไม้ยาง การพัฒนาคุณภาพและยกระดับ ประเทศ สำ� หรบั การพฒั นาอุตสาหกรรมยางท้งั ระบบเพ่ือ มาตรฐานสินค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ขับเคลือ่ นระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในสว่ นที่เกย่ี วขอ้ ง กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร คอื ดร.วทิ ยา พรหมมี บรรณาธกิ าร เจา้ ของ: สถาบนั วจิ ัยยาง การยางแห่งประเทศไทย เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 บรรณาธกิ ารบรหิ าร: ดร.กฤษดา สงั ขส์ งิ ห์ บรรณาธกิ าร: ดร.วิทยา พรหมมี กองบรรณาธกิ าร: ดร.ฐิตาภรณ์ ภูมิไชย,์ ดร.พิศมยั จันทมุ า, นางภรภัทร สชุ าติกลู , นางปรดี ์ิเปรม ทศั นกลุ , นางอารมณ์ โรจน์สุจิตร, นางสาวอธวิ ีณ์ แดงกนษิ ฐ์ ผูจ้ ดั การสอ่ื ส่ิงพมิ พ:์ ดร.วทิ ยา พรหมมี ผจู้ ัดการส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส:์ นายชัยวัฒน์ ยศพิมสาร ผชู้ ่วยผู้จดั การส่อื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์: นายอาเดล มะหะหมดั พิสจู น์อกั ษร: นายวิชา สงิ หล์ อ

2 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 การสร้างสวนยางตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ สวนยางยงั่ ยนื วิทยา พรหมมี กองวจิ ัยและพฒั นายาง การยางแหง่ ประเทศไทย การยางแห่งประเทศไทยได้มีนโยบายส่งเสริม เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ร่วมด้วย และสนับสนุนเกษตรกรให้ปลูกยางแบบผสมผสานเพ่ือ กับการเล้ียงสัตว์ และหรือท�ำประมงในสวนยางท�ำให้ เป็นรายได้ระหว่างรอผลผลิตและเป็นรายได้หมุนเวียน เกษตรกรมีรายได้เพ่ิมขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น จาก ให้เกษตรกรนอกเหนือจากยางพารา ซึ่งชาวสวนยางที่ การวางจ�ำหน่ายผลผลิตอนื่ ๆ นอกจากผลผลติ ยาง มีคา่ ต้องการโค่นยางเพ่ือปลูกแทนหันมาเลือกปลูกยางแบบ ใช้จ่ายครัวเรือนลดลง จากการบริโภคผลผลิตและการใช้ ผสมผสานตามหลักเกณฑ์ท่ีก�ำหนด โดยลดจ�ำนวนต้น ประโยชน์จากไมใ้ ช้สอยในสวนยาง มตี ้นทุนการผลิตยาง ยางต่อพ้ืนที่ลงจากเดิมที่ปลูกลักษณะพืชเชิงเด่ียวและ ลดลง จากการลดค่าใช้จ่ายในการจัดการศัตรูพืช และ ปลูกพืชชนิดอ่ืน ๆ หรือเลี้ยงสัตว์ และหรือท�ำประมงร่วม การจัดการดินปุ๋ยในสวนยาง และท�ำให้เกษตรกรมีงาน ในสวนยาง ในอดีตสถาบันวิจัยยางได้มีการศึกษา ท�ำตลอดท้ังปี ลดการอพยพแรงงานเกษตรหรือย้าย ค้นคว้าวิจัยการเสริมรายได้ในสวนยางท้ังปลูกพืชและ ถิ่นฐานจากชนบทเข้าสู่เมืองหลวงและเมืองใหญ่ เป็น เลี้ยงสัตว์ร่วมในสวนยางพบว่าไม่มีผลกระทบต่อการ แนวทางในการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างย่ังยืน เจริญเติบโตและการให้ผลผลิตยางท่ีท�ำให้เกิดความเสีย “เกษตรกรม่ันคงม่ังค่ังย่ังยืนโดยพ่ึงพาตนเอง” ภายใต้ หายทางเศรษฐกิจ อีกทั้งมีกรณีศึกษาของเกษตรกรที่ การน�ำองค์ความรู้มาบูรณาการการแก้ปัญหายางพารา ประสบความส�ำเร็จในการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน ของประเทศไทย ยืนยันสามารถน�ำมาใช้ส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรปรับ เปล่ียนการจัดการสวนยางแบบใหม่ภายใต้การน�ำองค์ หลกั การปลูกสรา้ งสวนยาง ความรู้มาบูรณาการแก้ปัญหายางพาราของประเทศไทย แบบผสมผสาน “ เกษตรทฤษฎีใหม่ สวนยางยั่งยืน ” ถือได้ว่าเป็น “ นวัตกรรมการจัดการสวนยาง ” เป็นแนวทางในการแก้ การปลูกสร้างสวนยางแบบผสมผสาน คือ การ ปัญหาใหก้ ับเกษตรกรอย่างยง่ั ยืน “เกษตรกรมนั่ คงม่ังคง่ั ปลูกยางพันธุ์ดีเป็นพืชหลักและมีการปลูกพืชชนิดอ่ืน ย่ังยืนโดยพ่ึงพาตนเอง” โดยปรับเปลี่ยนแนวคิดการ และหรือเล้ียงสัตว์ ท�ำประมงร่วมด้วย เพื่อลดต้นทุนใน จัดการสวนยางที่ท�ำเกษตรกรรมแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว การผลิตเพิ่มรายได้ให้แก่เจ้าของสวนตลอดจนการรักษา โดยใชร้ ะยะปลกู 3x7 เมตร และ 2.5x8 เมตร มาเป็นการ ความสมดุลทางธรรมชาติและใช้ประโยชน์จากพ้ืนที่ให้ สร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยขยายระยะห่างระว่าง คุ้มค่าท่ีสุด ทั้งน้ีกิจกรรมเหล่าน้ีต้องไม่มีผลกระทบต่อ แถวหรือใช้ประโยชน์ในระหว่างแถวยางที่มีพื้นที่กว้างให้ การเจริญเติบโตของต้นยางทุกระยะการเจริญเติบโต ตั้งแต่ระยะต้นกล้ายาง ระยะยางอ่อน และระยะยางแก่

3 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ผลผลติ นำ้� ยาง และยงั ทำ� ใหเ้ กษตรกรชาวสวนยางมรี ายได้ เพ่ิมข้ึนจากการจ�ำหน่ายผลผลิตนอกจากยางตลอดจน และต้องไม่มีผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพผลผลิต ช ่ ว ย ล ด ต ้ น ทุ น ใ น ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ เ ป ็ น ก า ร อ นุ รั ก ษ ์ ยางรวมถึงผลกระทบด้านอื่น ๆ ทางสิ่งแวดล้อม ดังน้ัน สิ่งแวดลอ้ ม และสรา้ งระบบนเิ วศวิทยาทดี่ ีในสวนยางอกี การสร้างสวนยางแบบผสมผสานควรขยายระยะของการ ด้วย หลักการคัดเลือกชนิดของพืชหรือกิจกรรมเสริม ปลูกยางโดยขยายระยะระหว่างแถวให้กว้างขึ้นเพ่ือ รายได้ในสวนยาง คือ ต้องเป็นพืชที่ต้องการของตลาด สามารถใช้สอยพ้ืนท่ีในการท�ำกิจกรรมอ่ืน ๆ ได้ และท่ี และนิยมบริโภคในพื้นที่น้ัน ต้องมีสภาพพ้ืนท่ีเหมาะสม ส�ำคัญต้องมีแหล่งน้�ำเพียงพอและการคมนาคมสะดวก กับชนิดของพืช และความรู้ความสามารถในการจัดการ รูปแบบของการสร้างสวนยางแบบผสมผสานสามารถ ของเกษตรกรตอ่ พืชน้นั แบ่งได้ 3 ประเภทคือ การปลูกยางร่วมกับพืชชนิดอ่ืน การปลูกสร้างสวนยางพาราแบบผสมผสาน เชน่ พชื คลุมดนิ ในสวนยาง พชื แซมยาง พชื รว่ มยาง และ สามารถน�ำมาใช้เป็นเคร่ืองมือในการสนับสนุนเกษตรกร ปลูกป่าในสวนยางการปลูกยางร่วมกับการเล้ียงสัตว์ ชาวสวนยางให้มีรายได้เสริมและรักษาเสถียรภาพของ หรือท�ำการประมง และการปลูกยางร่วมกับพืชชนิดอื่น รายได้เกษตรกร ดังน้ัน ปัจจุบันรัฐบาลได้มีนโยบาย และการเล้ยี งสัตว์หรือทำ� การประมง ส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรให้ปลูกยางควบคู่กับการ การสร้างสวนยางพาราในปัจจุบันส่วนใหญ่ ปลูกพืชแซมยางและพืชร่วมยางเพ่ือเป็นรายได้ระหว่าง เป็นการท�ำเกษตรกรรมแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยวโดยการ รอผลผลิตและเป็นรายได้หมุนเวียนให้เกษตรกรนอก ปลูกพืชชนิดเดียวในบริเวณพื้นท่ีกว้างมีท้ังข้อดีและข้อ เหนือจากยางพารา นอกจากน้ัน ยังมีการส่งเสริมให้ เสีย ข้อดีของการปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือ สามารถจัดการ เกษตรกรท�ำสวนยางแบบผสมผสาน ซึ่งเกษตรกร สวนยางได้ง่ายทั้งในเร่ืองของการก�ำจัดวัชพืช การ ชาวสวนยางท่ีต้องการโค่นยางเพื่อปลูกแทนหันมาเลือก ป้องกันการเกิดโรคตลอดจนการจัดการดินและปุ๋ยใน ปลูกยางแบบผสมผสานตามหลักเกณฑ์ที่ก�ำหนดของ สวนยาง โดยเกษตรกรจะมีรายได้จากน้�ำยางหลังปลูก การขอทุนปลูกแทนแบบผสมผสาน (การยางแห่ง- ประมาณ 7 ปี และจากไมย้ างหลังปลกู ประมาณ 25-30 ประเทศไทย, 2558) โดยลดจ�ำนวนต้นยางต่อพ้ืนที่ลง ปี ข้ึนอยู่กับการจัดการสวนยางท่ีดีและเหมาะสม แต่ข้อ จากเดมิ ทปี่ ลูกลกั ษณะพชื เชิงเด่ยี วมตี น้ ยาง 76 ต้นตอ่ ไร่ จ�ำกัดของการปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือ มีความเสี่ยงสูงต่อ ปรบั เหลือไม่นอ้ ยกวา่ 40 ตน้ ตอ่ ไร่ และไมเ่ กนิ 50 ตน้ ตอ่ การขาดทุนได้ง่าย แม้ว่าบางช่วงจะได้ราคาดีแต่ส่วน ไร่ เพ่มิ ระยะหา่ งระหว่างแถวประมาณ 10-12 เมตร เพือ่ ใหญ่แล้วจะได้ราคาต่�ำ เช่น เกิดโรคระบาดในยางพารา ให้เกษตรกรมีพื้นท่ีว่างระหว่างต้นยางไว้ส�ำหรับปลูกพืช หรือเกิดภัยธรรมชาติในพื้นท่ีปลูกยางพารา นอกจากน้ัน หรือท�ำกิจกรรมทางการเกษตรอ่ืนมากข้ึน ไม่ว่าจะเป็น ยังเจอวิกฤตเศรษฐกิจผันผวนราคายางพลิกผันตกต�่ำลง ประมงหรือปศุสัตว์ ในกรณีสวนยางที่ปลูกแล้ว ถ้าสนใจ มาก ซึ่งเผชิญปัญหาท่ัวโลก ส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อน ท�ำสวนยางแบบเกษตรผสมผสาน สามารถปลูกพืชเล้ียง มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการด�ำรงชีพโดยเฉพาะเกษตรกร สัตว์ในสวนยางได้ โดยการปลูกไม้ยืนต้นได้ไม่เกิน 15 รายย่อย จากข้อจ�ำกัดของการปลูกยางในปัจจุบัน ตน้ ตอ่ ไร่ สามารถปรับเปล่ียนการจัดการสวนยางใหม่โดยการ สร้างสวนยางแบบผสมผสานเพื่อให้มีใช้พื้นที่ให้เกิด ความสำ� คญั ของการสรา้ งสวนยาง ประโยชน์สูงสุด ช่วยเพิ่มรายได้และลดความเสี่ยงของ แบบผสมผสาน รายได้ที่จะลดลงเน่ืองจากการปลูกพืชเชิงเด่ียวของ เกษตรกร สามารถท�ำได้โดยการปลูกพืชร่วม พืชแซม การปลูกสร้างสวนยางแบบผสมผสานสามารถ และการเลี้ยงสัตว์ในสวนยาง การปลูกไม้ผล หรือไม้ป่า จัดการสวนยางได้อย่างง่ายทั้งนี้จะต้องไม่มีผลกระทบ ไม้ยืนต้น ส�ำหรับใช้สอยร่วมกับยาง จากรายงานการ ต่อการเจริญเติบโตของยางและการให้ผลผลิตน้�ำยาง ส�ำรวจและงานวิจัยท่ีผ่านมา การสรา้ งสวนยางแบบผสม ท�ำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพ่ิมมากขึ้น ผสานไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและการให้

4 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ราคายางตกต�ำ่ (สถาบันวิจัยยาง, 2562) สง่ิ สำ� คัญอกี ประการหนึง่ คอื การเกษตรเชงิ เดีย่ วมีความ ประเภทของการสรา้ งสวนยาง เส่ียงสูงต่อการขาดทุนท�ำให้เกิดการขาดรายได้ท้ังยังเจอ แบบผสมผสาน วิกฤตเศรษฐกิจผันผวน ราคายางพลิกผันตกต่�ำลงมาก ซ่ึงเผชิญปัญหาท่ัวโลก ดังนั้น เกษตรกรอาจจะเจอกับ การปลูกสร้างสวนยางแบบผสมผสานเป็นการ ปัญหาราคายางตกต�่ำอยู่บ่อยครั้ง จึงมีความจ�ำเป็นต้อง ปลูกยางพันธุ์ดีเป็นพืชหลักและมีการปลูกพืชชนิดอ่ืน วางแผนในการลดต้นทุนการผลิต เช่น การก�ำจัดวัชพืช และหรือเลยี้ งสัตว์ ทำ� การประมง ร่วมดว้ ย เพ่อื ลดตน้ ทุน การป้องกันการเกิดโรค การใส่ปุ๋ย การใช้ยาฆ่าแมลง ในการผลิต เพ่ิมรายได้ให้แก่เจ้าของสวนตลอดจนการ ตลอดจนการจัดการดินและพืชท่ีปลูกในสวนยาง รักษาความสมดุลทางธรรมชาติ และใช้ประโยชน์จาก สามารถท�ำประโยชน์ให้กับสวนยาง โดยมีการเพ่ิมธาตุ พ้นื ท่ีใหค้ ุ้มคา่ ที่สุด ดังนัน้ ควรขยายระยะระหว่างแถวให้ อาหารในดิน ได้แก่ พืชตระกูลถั่วมีแบคทีเรียท่ีปมราก กว้างข้ึนจากเดิม ระยะห่างระหว่างแถว 7 -8 เมตร เป็น อาศัยอยู่อย่างเป็นอิสระในดินหรือส่ิงแวดล้อมอื่น ๆ 9-12 เมตร ตามเปา้ หมายและความเหมาะสมของสภาพ สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้โดยไม่ต้องอาศัย พ้นื ท่ี เพอ่ื สามารถใช้สอยพ้นื ทใ่ี นการท�ำกิจกรรมอน่ื ๆ ได้ คาร์โบไฮเดรตหรือแหล่งพลังงานจากพืช นอกจากลด และที่ส�ำคัญต้องมีแหล่งน้�ำเพียงพอและการคมนาคม ต้นทุนแล้ว ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพ่ิมขึ้นจากการ สะดวก ดังน้ัน สามารถจัดรูปแบบของการสร้างสวนยาง ปลูกพืชและเล้ียงสัตวร์ ว่ มในสวนยาง อกี ท้ังยงั ท�ำใหม้ ีค่า แบบผสมผสานได้ 3 ประเภทคือ (1) การปลกู ยางร่วมกบั ใช้จ่ายในครัวเรือนลดลงโดยการน�ำผลผลิตจากพืชและ พืชชนิดอื่น (2) การปลูกยางร่วมกับการเลี้ยงสัตว์หรือ สัตว์มาใช้บริโภคในครัวเรือน เหลือก็แบ่งปันหรือ ท�ำการประมง (3) การปลูกยางร่วมกับพืชชนิดอื่น และ จ�ำหน่ายในชุมชนสอดคล้องกับกรอบแนวคิดทฤษฎี การเล้ียงสัตว์หรือท�ำการประมง เศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื การดำ� เนนิ ชวี ติ แบบทางสายกลาง การปลูกยางร่วมกับพืชชนิดอืน่ ซง่ึ ม่งุ ให้ทุกคนสามารถพ่ึงพาตวั เองได้ รวมถึงการพัฒนา พืชชนิดอ่ืนที่สามารถอยู่ร่วมกับยางได้ ได้แก่ ไม้ ให้ดีย่ิงข้ึน จนเกิดความย่ังยืน โดยต้ังอยู่บนหลักส�ำคัญ ยนื ตน้ และไม้ทม่ี คี ณุ ค่าทางเศรษฐกจิ ไมผ้ ล พชื ผัก และ สามประการ คือ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล และ สมุนไพร สามารถน�ำมาปลูกเป็นพืชคลุมดินในสวนยาง การมีภมู ิคุ้มกนั ทีด่ ี พืชแซมยาง พชื รว่ มยาง และปลกู เป็นป่าในสวนยาง โดย การปลูกสร้างสวนยางพาราแบบผสมผสาน พชื เหลา่ นน้ั จะตอ้ งไมม่ ผี ลกระทบตอ่ พชื หลกั เชน่ ผลกระทบ สามารถน�ำมาใช้เป็นเคร่ืองมือในการสนับสนุนเกษตรกร ต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของต้นยาง การ ชาวสวนยางให้มรี ายไดเ้ สรมิ ทงั้ นโ้ี ดยสามารถบริโภคพืช ระบาดของโรค และการปฏิบัติงานในสวนยางจนท�ำให้ ผักในครัวเรือน บริโภคสัตว์เลี้ยง ตลอดจนวางจ�ำหน่าย เกดิ ความเสยี หายทางเศรษฐกิจได้ ทอดตลาดเพื่อเพิ่มรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว และเพ่ือ การปลูกพืชคลุมดินในสวนยาง พืชคลุมดิน คือ เป็นแนวทางในการรักษาเสถียรภาพของรายได้เกษตรกร พชื ตระกลู ถ่ัวประเภทเลอื้ ยพนั อายุหลายปี ปลูกคลุมดิน นอกจากน้ี การปลูกไม้ใช้สอยหรือไม้ยืนต้นต่าง ๆ ผสม ในสวนยางหลังจากปลูกยางเพื่อช่วยควบคุมวัชพืชใน ผสานกัน เป็นการเพิ่มสมดุลให้กับสวนยาง อีกทั้ง สวนยางในระยะยางอ่อน ปัญหาส�ำคัญคือ วัชพืชมีการ เป็นการรักษาธรรมชาติให้กับต้นยางอีกด้วย และมี เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อการเจริญ ประโยชน์ทางอ้อม คือ น�ำผลผลิตมาใช้บริโภคใช้สอย เติบโตของต้นยาง การปลูกพืชคลุมดินเป็นวิธีหนึ่งท่ี จ�ำหน่าย และเพมิ่ ความอุดมสมบูรณ์ของดนิ รักษาความ ควบคุมการเจริญเติบโตของวัชพืชได้ รักษาความชื้นใน ชุ่มชน้ื ให้กับหนา้ ดนิ ลดการเกิดไฟไหม้ในสวนยาง ตลอด ดินและช่วยลดการชะล้างและพังทลายของหน้าดิน จนเป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นท่ีดินให้มากที่สุด เพื่อหา ตลอดจนสามารถปรับปรุงโครงสร้างและเพ่ิมธาตุอาหาร รายได้พิเศษชดเชยการเสียโอกาสจนกว่ายางพาราจะ สามารถเปิดกรีดได้ หรือในยางพาราที่เปิดกรีดได้ แต่

5 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ได้ดี ใบสีเขียวเข้มค่อนข้างหนาและเป็นมัน แผ่นใบมีขน เมล็ดมีสีเขียวอ่อนจนถึงน�้ำตาลแก่ ผิวเมล็ดเรียบเป็นมัน ในดินอีกด้วย จะเห็นได้ว่าการปลูกพืชคลุมดินในสวน วาว มีเมล็ดประมาณ 26,200 เมลด็ ตอ่ กโิ ลกรัม ยางมีประโยชน์มากมายได้แก่ ป้องกันการชะล้างพัง เนื่องจากลักษณะและการเจริญเติบโตของพืช ทลายของดิน รักษาความชุ่มช้ืนในดิน เพ่มิ อนิ ทรยี วัตถุใน คลุมดินแต่ละชนิดแตกต่างกัน การปลูกพืชคลุมดินให้ ดิน เพ่ิมธาตุอาหารโดยเฉพาะไนโตรเจนในดิน และเพิ่ม คลุมตลอดอายุต้นยางอ่อน ควรปลูกหลายชนิดรวมกัน การหมุนเวียนธาตุอาหารในดิน ควบคุมวัชพืช ช่วยลด และเมล็ดพันธุ์พืชคลุมดินควรมีความงอกมากกว่า ระยะเวลาการปลูกยางอ่อนเนื่องจากต้นยางโตเร็ว และ ร้อยละ 80 ผลตกค้างของพืชคลุมดินท�ำให้ผลผลิตยางเพ่ิมมากขึ้น การปลูกพืชแซมยาง พืชแซมยาง หมายถึง พืชที่ เช่น พืชตระกูลถ่ัวมีแบคทีเรียที่ปมรากน้ีอาศัยอยู่อย่าง ปลกู ระหวา่ งแถวยางในขณะที่ต้นยางมีอายุ 1-3 ปี แต่ไม่ เป็นอิสระในดินหรือส่ิงแวดล้อมอื่น ๆ สามารถตรึง เกิน 4 ปี ก่อนที่ร่มเงาทรงพุ่มของต้นยางทึบเกินไปจึง ไนโตรเจนจากอากาศได้โดยไม่ต้องอาศัยคาร์โบไฮเดรต หยุดปลูกพืชแซมยาง พืชที่ปลูกควรเป็นพืชล้มลุกที่ไม่ หรือแหล่งพลังงานจากพืช ทั้งนี้จากการส�ำรวจไม่พบ กระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง และเป็นท่ี ผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของยางและการให้ผลผลิต ต้องการของตลาด มแี หลง่ น้�ำเพียงพอ ระยะปลูกยางควร น้�ำยาง และยังท�ำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพิ่ม ใช้ระยะปลกู ไม่นอ้ ยกว่า 2.5 x 7 เมตร หรือ 3 x 7 เมตร มากขึน้ (สถาบันวจิ ยั ยาง, 2561) อยา่ งไรก็ตาม ข้อเสยี ที่ เน่ืองจากพุ่มใบระหว่างแถวยางใช้เวลานานกว่าจึงจะชิด ตามมา คือ เป็นแหล่งอาศัยของโรคและแมลง เป็นเหตุ ตดิ กัน และการปลกู พชื ไร่ท่วั ๆ ไปเปน็ พืชแซมจะทำ� ใหไ้ ด้ ให้เกิดไฟไหม้ในสวนยางได้ง่าย เนื่องจากเศษใบไม้ใบ พื้นที่ปลูกมากกว่า การปลูกพืชแซมต้องปลูกห่างจาก หญ้า เป็นการเพ่ิมโรครากให้แก่ต้นยาง พืชคลุมอาจจะ แถวยางอย่างน้อย 1 เมตร บวกกับครึ่งของระยะปลูก ข้ึนพันต้นยาง ท�ำใหต้ น้ ยางเกดิ ความเสียหายได้ ระหว่างแถวของพืชแซม เช่น ถ้าระยะปลูกข้าวโพดคือ ชนิดของพืชคลุมดินตระกูลถ่ัวท่ีนิยมปลูกในสวน 0.75 x 0.75 เมตร ฉะนั้น ควรปลูกข้าวโพดหา่ งแถวยาง ยาง มี 4 ชนิด คือ เทา่ กับ 1 + (0.5 x 0.5) ซ่งึ เท่ากบั 1.375 เมตร เปน็ ต้น 1. คาโลโปโกเนียม (Calopgonium mucunoi- การบ�ำรุงรกั ษาพืชแซมตามวิธีการของพชื นั้น ๆ ถา้ ความ des) เป็นพืชคลุมดินท่ีเจริญเติบโตได้รวดเร็ว สามารถ อุดมสมบูรณ์ของดินต่�ำ ควรปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่ว คลมุ พืน้ ท่ีทั้งหมดภายหลังปลูกภายใน 2–3 เดือน แต่จะ หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วม ควรปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่ว ตายภายใน 18–24 เดือน มีเมล็ดเลก็ แบน สีน�ำ้ ตาลออ่ น ทันทีเม่ือเลิกปลูกพืชแซม ชนิดของพืชแซมยางที่แนะน�ำ เกือบเหลือง มเี มล็ดประมาณ 65,000 เมล็ดตอ่ กโิ ลกรัม ให้ปลูก คือ พืชไร่ซึ่งมีหลายชนิดที่เหมาะสมส�ำหรับการ 2. เพอราเรีย (Pueraria phaseoloides) เป็นพืช ปลูกเปน็ พชื แซม เช่น ถั่วลสิ ง ถว่ั เขยี ว ถวั่ เหลอื ง ขา้ วโพด คลุมดินท่ีเจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว สามารถคลุมพื้นที่ เลย้ี งสตั ว์ ขา้ วโพดหวาน ขา้ วไร่ ข้าวฟ่าง ฝา้ ย ถว่ั แดง งา ทงั้ หมดหลงั ปลกู ภายใน 5–6 เดอื น คลมุ ดนิ ได้ดเี มื่ออายุ หม่อน สับปะรด หญ้าอาหารสตั ว์ และอ้อยค้นั น้ำ� แตไ่ ม่ เกิน 2 ปี ควบคุมวัชพชื ไดด้ กี วา่ พชื คลุมดินอื่น อยภู่ ายใต้ แนะน�ำให้ปลูกอ้อยโรงงาน เนื่องจากอ้อยโรงงานเป็นพืช ร่มเงาได้ไม่ดี ใบใหญ่หนา เมล็ดเล็กค่อนข้างกลม ยาว ที่ต้องการธาตุอาหารสูงและระยะเวลาเก็บเก่ียวอ้อยเป็น สนี �้ำตามแกม่ เี มล็ดประมาณ 76,000 เมล็ดตอ่ กิโลกรมั ช่วงฤดแู ล้ง ใบอ้อยแห้งอาจเปน็ เชือ้ ไฟไดง้ า่ ย และไมค่ วร 3. เซน็ โตรซมี า (Centrosema pubescens) เป็น ปลูกมันส�ำปะหลังเนื่องจากมีผลกระทบต่อการเจริญ พืชคลุมดินท่ีเจริญเติบโตช้า แต่ทนแล้ง และอยู่ภายใต้ เติบโตของต้นยาง หากเกษตรกรต้องการปลูกมัน รม่ เงาไดด้ ี ใบเล็ก เมลด็ เลก็ แบนมลี าย มเี มล็ดประมาณ ส�ำปะหลังระหว่างแถวยาง ควรปลูกห่างจากแถวยางไม่ 40,000 เมลด็ ตอ่ กิโลกรัม น้อยกว่า 2 เมตร ลดจ�ำนวนแถวของมันส�ำปะหลัง และ 4. ซีรเู ลยี ม (Calopogonium caeruleum) เปน็ พืช ไม่ควรปลูกพันธุ์ที่มีล�ำต้นสูง การปลูกพืชไร่มักจะนิยม คลุมดนิ ทเี่ จรญิ เติบโตในระยะแรกชา้ สามารคลุมพ้ืนที่ได้ หนาแนน่ ภายใน 4–6 เดอื น ทนแล้ง และอย่ภู ายใต้ร่มเงา

6 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 แต่ละชนิด ชนิดของพืชร่วมยางที่แนะน�ำให้ปลูก ได้แก่ ระกำ� หวาน สละ หวาย กระวาน กาแฟ และไม้ดอก เช่น ปลูกกันเป็นระบบ ระบบการปลูกพืชแต่ละแห่งอาจจะ หนา้ ววั เปลวเทยี น ขงิ แดง และ สะเดาเทยี ม นอกจากน้ัน แตกต่างกันตามสภาพนิเวศเกษตร นอกจากนั้น พืชสวน มีการเพาะเห็ดในสวนยาง ซึ่งมีท้ังแบบกองและแบบใน เช่น พริก แตงกวา เผอื ก แตงโม ถ่วั ฝกั ยาว ถั่วลิสง ชะอม โรงเรอื น สามารถจ�ำแนกชนิดพืชร่วมยางไดด้ ังน้ี และ กล้วย เป็นต้น พืชแซมยางในระยะก่อนยางให้ 1. พืชร่วมยางท่ีสามารถเจริญเติบโตได้ดีภายใต้ ผลผลิต คือ ในช่วง 3 ปีแรก ส�ำนักวิจัยและพัฒนาการ รม่ เงาของยาง เมื่อต้นยางมีอายุ 3 ปีขึ้นไปหลงั ปลูก เช่น เกษตร (2553) แนะน�ำพืชแซมยางที่สามารถปลูกได้ ขิง ข่า ขมิ้น ผักพื้นบ้าน และพืชสมุนไพรบางชนิด โดย หลายชนดิ ได้แก่ ปลูกหา่ งจากแถวยาง 1.5 เมตร 1. พืชล้มลุกและเป็นพืชอายุส้ัน เช่น สับปะรด 2. พืชร่วมยางที่ทนต่อสภาพร่มเงาเมื่อยางอายุ ขา้ วโพด ข้าวไร่ ถ่วั ลิสง ถ่ัวเขยี ว ถว่ั หรัง่ ถั่วเหลอื ง แตงโม ประมาณ 10 ปขี ึน้ ไป เช่น พืชสมุนไพร ไดแ้ ก่ ข่า ขม้ิน ขงิ และพืชผักต่างๆ เป็นต้นโดยพืชเหล่านี้ควรปลูกห่างแถว ผักพ้ืนบ้าน เช่น ผักเหลียง หรือ ไม้สกุลหน้าวัว ไม้ดอก ยางประมาณ 1 เมตร วงศ์ขิง เช่น ขิงแดง ดาหลา หงส์เหิน กระเจียวพังงา 2. กล้วย เช่น กล้วยน�้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม กระเจียวส้ม บัว ไม้สกุลเฮลิโกเนีย และไม้ประดับบาง กล้วยเล็บมือนาง และ มะละกอ ควรปลูกแถวเดียว ชนดิ โดยปลูกจากห่างแถวยาง 1.5 เมตร บรเิ วณกงึ่ กลางระหว่างแถวยาง 3. พืชร่วมยางท่ีทนต่อสภาพร่มเงาเม่ือยางอายุ 3. หญา้ อาหารสตั ว์ เชน่ หญา้ รูซ่ี หญ้ากินนสี มี ว่ ง 15 ปีขึ้นไป สามารถปลูกพืชสกุลระก�ำ เช่น ระก�ำหวาน หญ้าขน ควรปลูกห่างแถวยางประมาณ 1.5-2 เมตร สละเนินวง สละหม้อ หวายตะค้าทอง กระวาน กาแฟ หญา้ อาหารสัตว์ชนิดอ่ืน ๆ จะไม่แนะนำ� ใหป้ ลูกแซมยาง โกโก้ กระวานจะปลูกกึ่งกลางแถวยาง ส�ำหรับหวาย เพราะมีผลกระทบตอ่ การเจริญเติบโตของตน้ ยาง ตะค้าทองอาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในสวนยาง 4. มันส�ำปะหลงั ควรปลกู ในปที ่ี 2 หรอื ปีท่ี 3 โดย แนะน�ำให้ปลูกเป็นพชื เสรมิ รายไดก้ ่อนการโค่นยาง ปลูกห่างแถวยางด้านละ 2 เมตร และไถตัดรากมัน การปลูกไม้ป่าในสวนยาง มีไม้ป่าบางชนิดที่ทน ส�ำปะหลังปีละคร้ัง ห่างจากแถวมันส�ำปะหลัง 50 ต่อสภาพร่มเงาของต้นยางขนาดใหญ่โดยปลูกผสม เซนติเมตร เพ่ือป้องกันระบบรากมันส�ำปะหลังเข้ามาอยู่ ผสานกึ่งกลางระหว่างแถวยาง และทดแทนการปลูก ในแถวของต้นยาง ซ่อมต้นยาง เช่น ในวงศข์ องไมย้ ืนตน้ ไดแ้ ก่ กระถินเทพา 5. อ้อยคั้นน�้ำ ควรปลูกให้ห่างจากแถวยาง 2.2 กระถินณรงค์ สะเดาเทียม ทัง พะยอม มะฮอกกานี เมตร ปลกู ครัง้ เดยี ว ไวต้ อ 2 คร้งั เก็บเกยี่ ว 3 คร้ัง ในเวลา ตะเคียนทอง ยางนา ยมหิน ต�ำเสา พะยูง เค่ียม ยมพิน 3 ปี ไม่แนะนาให้ปลูกอ้อยอุตสาหกรรมแซมยางในเขต สะเดาไทย สาธร และประดู่ป่า ในสวนยางทางภาคใต้ แห้งแล้งและในพ้ืนท่ีท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ต่�ำ ซึ่งอาจจะ และในสวนยางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ กระถิน ทำ� ให้มีปัญหาด้านไฟไหมต้ ามมา เทพา กระถินณรงค์ สะเดาไทย ยางนา ตะเคียนทอง การปลูกพืชร่วมยาง พืชร่วมยาง หมายถึง พืชที่ ยมหิน พะยูง สาธร และประดู่ป่า (กรมวิชาการเกษตร, ปลูกระหว่างแถวยาง สามารถปลูกพร้อมตน้ ยางหรอื หลงั 2559) ปลูกยางพารา และอยู่ร่วมกับต้นยางเป็นระยะเวลา การปลกู ไมบ้ ังลม เนือ่ งจากในเขตปลูกยางใหมใ่ น ยาวนาน โดยอาศยั รม่ เงาของตน้ ยาง จะตอ้ งไมม่ ผี ลกระทบ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือบางจังหวัด มัก ต่อการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตของต้นยาง หรือ พบปัญหาลมแรงความเร็วลมมากกว่า 60 กิโลเมตรต่อ การปฏิบัติงานในสวนยาง อาจเป็นพืชที่ชอบแสงแดด ช่ัวโมง ท�ำให้ต้นยางฉีกหักโค่นล้มหรือชะงักการเจริญ น้อยสามารถปลูกภายในร่มเงาของต้นยางพาราได้ และ เตบิ โต ดงั นั้น ควรจะปลกู ไม้บงั ลมรอบสวนยาง แตต่ ้องมี เป็นพืชที่สามารถข้ึนได้ดีในสภาพร่มเงา การปลูกพืชร่วม การจัดการท่ีดี เพราะต้นไม้บังลมเหล่าน้ีมีผลต่อการ ยางควรเลือกปลูกพืชตามความต้องการของตลาด และ พิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกพืชร่วมยาง

7 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ศูนย์กลางมากกว่า 1.5 เซนติเมตรต่อปี อายุส�ำหรับตัด ฟันไม้ประมาณ 5-15 ปี เช่น สะเดาเทียม กระถินเทพา เจริญเติบโตของต้นยาง โดยเฉพาะพื้นท่ีโล่งเตียนอาจจะ กระถินณรงค์ ยูคาลิปตัส เลี่ยน สะเดา ขี้เหล็ก โกงกาง ปลูกไม้บังลมก่อนการปลูกยาง 1-2 ปี ชนิดของไม้บังลม สนทะเล และสนประดพิ ทั ธ์ รวมถงึ ไผช่ นิดต่าง ๆ เป็นต้น รอบสวนยางจะเป็นไม้ผลบางชนิด ไม้ป่าหรือไม้ใช้ 2. ไม้โตปานกลาง มีอัตราการเจริญเติบโตของ สอยอ่ืน ๆ เช่น มะขาม ขนุน กระท้อน มะม่วง ไม้สัก เส้นผ่าศูนยก์ ลาง ประมาณ 0.8-1.5 เซนตเิ มตรตอ่ ปี อายุ กระถินเทพา ไม้ไผ่ สะเดาบ้าน สะเดาเทียม ไม้หอม ไม้ สำ� หรับตดั ฟันไมป้ ระมาณ 15-20 ปี ไดแ้ ก่ สกั ประดู่ ยาง ยอ้ มสี เปน็ ตน้ การปลกู ไม้ยนื ต้นเหลา่ นี้รอบสวนยาง ควร นา แดง สนสองใบ สนสามใบ กระบาก และ สะตอ ปลูกห่างเท่ากับระยะแถวยาง คือ 7 เมตร และมีการจัด เป็นต้น ไถพรวนเพ่ือป้องกันรากไม้เข้าไปรบกวนต้นยางและ 3. ไม้โตช้า มีอัตราการเติบโตของเส้นผ่า เป็นการท�ำแนวป้องกันไฟไหม้ในตัว การปลูก ศูนย์กลาง น้อยกว่า 0.8 เซนติเมตร/ปี รอบตัดฟันไม้ ไมใ้ ช้สอยทโี่ ตเรว็ กว่าต้นยาง เชน่ ยคู าลปิ ตสั สนปฏพิ ัทธ์ ประมาณ 20-30 ปี ได้แก่ ตะเคียนทอง พะยูง ชิงชัน กระถินยักษ์ นอกจากปลูกให้ห่างจากต้นยาง 7 เมตร มะคา่ โมง เตง็ รัง จนั ทร์หอม และกนั เกรา เปน็ ต้น แล้วควรปลูกหลังจากปลูกยางไปแล้ว 2 ปี แต่ควรระวัง ไม้ท่ีมีค่าทางเศรษฐกิจท่ีแนะน�ำโดยกรมป่าไม้ 58 การลกุ ล�้ำพื้นทีข่ องผ้อู ่นื (สถาบันวจิ ยั ยาง, 2562) ชนิด สามารถน�ำมาใช้ประกอบการตัดสินใจปลูกร่วมกับ การปลูกไม้ผล ไม้ยืน และไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ยาง เพ่ือเป็นมรดกและค�้ำประกันเงินกู้ได้ ได้แก่ ไม้สัก ร่วมยาง ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ หมายถงึ ไมย้ นื ตน้ ทกุ ชนดิ มะขาม กระพ้ีเขา-ควาย พฤกษ์ พะยูง ชิงชัน กระซิก รวมถึงไม้ไผ่ท่ีปลูกหรือข้ึนเองตามธรรมชาติและอยู่นอก หลุมพอ ไม้สกุลทุเรียน กันเกรา กฤษณา สุพรรณิการ์ เขตป่าอนุรักษ์ที่มีการใช้ประโยชน์เนื้อไม้ หรือผลิตผล กะทงั ใบใหญ่ เต็ง นนทรี ยมหอม ตะกู พะยอม ปีบ เสลา อ่ืน ๆ ท่ีไม่ใช่เน้ือไม้เพื่อการค้า (คณะวนศาสตร์, 2560) นากบดุ แคนา รัง หวา้ จามจุรี ตะแบกนา ตะเทียนทอง ดังนั้น อาจกล่าวรวมถึงไม้มีค่าทางเศรษฐกิจเป็นไม้ท่ี ฝาง สาธร เทพทาโร ประดู่บ้าน เหลอื งปรีดยี าธร ไม้หอม สามารถสร้างมูลคา่ หรอื แปรรปู เป็นผลติ ภณั ฑ์อื่น ๆ รวม ไม้สกุลยาง สะเดา ยมหิน แดง-ราชพฤกษ์ พลับพลา ทั้งให้ประโยชน์โดยท้ังทางตรงและทางอ้อมแก่ผู้ปลูก มะค่าแต้ ไผ่ทุกชนิด ไม้สกุลจ�ำปี นางพญาเสือโคร่ง เชน่ ไมฟ้ ืน ไม้ใชส้ อย ไมก้ อ่ สรา้ ง ไมเ้ พ่ือพชื อาหาร หรอื ประดูป่ ่า ไมส้ กลุ มะม่วง อินทนลิ น้�ำ กลั ปพฤกษ์ มะหาด ไม้เพื่อน้�ำยาง หรือสารหอมระเหย เป็นต้น ไม้ยืนต้นที่มี มะขามป้อมตีนเป็ดทะเล ตะแบกเลือด สัตตบรรณ ความส�ำคัญทางเศรษฐกิจที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ ตะเคยี นหิน เคย่ี มคะนอง ปลกู แทนมี 3 ประเภทคอื (1) ไมผ้ ล ไดแ้ ก่ ทุเรียน เงาะ การปลูกยางรว่ มกบั การเลยี้ งสตั ว์ มงั คุด ละมดุ ล�ำไย ล้ินจ่ี มะขาม มะม่วง มะพรา้ ว มะนาว การเล้ียงสัตว์เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมและมี ส้มโอ ส้มโอในกลุ่มเปลือกล่อน Mandarins (เช่น ส้ม ความมั่นคง สามารถที่จะสร้างรายได้ และเจริญเติบโต เขียว-หวาน ส้มโชกุน และ ส้มสายน�้ำผ้ึง) ลองกอง กา้ วหนา้ ในเส้นทางอาชีพไดอ้ ย่างดี สำ� หรับการเลี้ยงสตั ว์ ลางสาด ระก�ำ สละ ฝรั่ง ขนุน จำ� ปาดะ มะม่วงหิมพานต์ สัตว์ที่เล้ียงจะต้องส�ำหรับใช้เป็นอาหารหรือผลิตภัณฑ์ ชมพู่ หมาก สาลี่ สะตอ กาแฟ มะปราง มะยงชิด และ อาหาร ทั้งนี้ไม่ครอบคลุมถึงสัตว์ป่าที่ได้จาการล่าและ อนิ ทผลัม (2) ไมย้ นื ตน้ ปลกู เพอื่ แปรรูป ได้แก่ พะยูง สกั สัตว์น้�ำ (มาโนชญ์, 2561) ดังน้ัน การเล้ียงสัตว์ในสวน ยางนา สะเดาเทยี ม ประดู่ กระถนิ เทพา (3) ไมช้ นดิ อืน่ ๆ ยางเป็นอีกช่องทางหน่ึงในการเสริมรายได้ให้กับ ได้แก่ ปาล์มน�้ำมัน กฤษณา และไผ่ (การยางแห่ง- เกษตรกร สามารถแบ่งออกเป็นประเภทของสัตว์ได้ดังน้ี ประเทศไทย, 2558) สัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก และสัตว์ปีก สัตว์เศรษฐกิจท่ีน�ำมา ในท่ีน้ีแบ่งไม้มีค่าทางเศรษฐกิจตามการเจริญ เลยี้ ง เช่น แกะ แพะ สุกร โค กระบือ ห่าน ไก่ ไก่งวง และ เติบโตออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อความสะดวกในการสื่อสาร กับภาคประชาชน (กรมปา่ ไม้, 2562) 1. ไม้โตเร็ว มีอัตราการเติบโตของเส้นผ่า-

8 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 สามารถเอาไว้กินใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนได้ เป็นการลดรายจ่ายในครอบครัว นอกจากน้ีสามารถ เป็ด เป็นตน้ สำ� หรบั การประมงในสวนยาง เชน่ การเลี้ยง จ�ำหน่ายเน้ือไก่และขี้ไก่ยังเป็นปุ๋ยคอกเอาไว้ใส่พืชสวน กบ ปลาดกุ ปลานิล และปลาสวาย เป็นตน้ การเล้ยี งสัตว์ ได้ และข้ีไก่ใช้เลี้ยงปลาน�้ำจืดต่าง ๆ เป็นการเล้ียงไว้ใน นั้นจัดเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างดี บ่อดินธรรมชาติ พันธุ์ปลาที่เล้ียงได้แก่ ปลานิล ปลา สามารถที่จะเล้ียงได้เป็นจ�ำนวนมาก เป็นอาชีพหลักหรือ สวาย ปลาดุก โดยอาจจะเลีย้ งรวมในบ่อเดยี วกัน อันดับ อาชีพเสริมก็ได้ตามความสะดวกและต้องการ (กรม- แรกก่อนลงเลี้ยงปลาต้องเอาข้ีวัวแห้งลงในบ่อเพ่ือเพ่ิม ปศสุ ตั ว์, 2559) ในปจั จุบันน้ีมีคนนิยมเลยี้ งสัตวเ์ ศรษฐกิจ จ�ำนวนประชากรไรแดงให้มากขึ้น จากนั้นจึงปล่อยปลา เป็นจ�ำนวนมากท้ังเป็นงานหลักหรืออาชีพเสริม ข้อดีของ ลงเลี้ยง การปลูกยางร่วมกับปศุสัตว์ หรือประมงซึ่ง การเลีย้ งสตั ว์ มีดงั นี้ เกษตรกรอาจจะใช้พ้ืนที่ว่างระหว่างต้นยางในการท�ำ 1. การเล้ียงปศุสัตว์เป็นหลักประกันรายได้ การ แปลงหญ้า หรือท�ำคอกเล้ียงปศุสัตว์ เช่น วัว แกะ แพะ เลี้ยงปศุสัตว์จัดว่าเป็นหลักประกันรายได้ให้แก่เกษตรกร หรือท�ำบ่อพลาสติก เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ เป็นต้น หญ้าที่ ท่ีจะมีรายได้ใช้จ่าย ถึงแม้ว่าในบางคร้ังจะเป็นเงินท่ีไม่ ปลูกสามารถน�ำมาใช้เป็นอาหารของปศุสัตว์ที่เลี้ยง หรือ มากนักแต่ก็สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและ อาจจะขายกไ็ ดเ้ ชน่ กัน เป็นการลดคา่ ใชจ้ า่ ยและเพิม่ ราย จุนเจือครอบครัวได้เป็นอย่างดี ในยามที่เพาะปลูกไม่ได้ ได้อีกทางหน่ึง (ส�ำนักงานกองทุนสงเคราะห์การท�ำสวน ผล มีปัญหาด้านการเกษตรหรือได้รับความเสียหายจาก ยาง, 2558) น้�ำท่วมหรือภาวะแล้ง การเลี้ยงปศุสัตว์ก็สามารถที่จะ การปลูกยางร่วมกบั การทำ� ประมง เข้ามาเติมเต็มและช่วยเหลือครอบครัวได้ ถ้าหากเลี้ยง การท�ำเกษตรแบบผสมผสานอาจมีท�ำการประมง ปศุสัตว์ไว้จ�ำนวนมากก็สามารถสร้างรายได้ได้อย่างดีใน ร่วมด้วย เป็นการสร้างรายได้ในหลาย ๆ ทางเลือก ท้ังนี้ การประกอบอาชพี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและพื้นท่ีท่ีเหมาะสมในการท�ำ 2. การเล้ียงปศุสัตว์เสริมสร้างอาชีพที่หลากหลาย ประมง เชน่ การเลยี้ งกบ การเลย้ี งปลาดกุ การเลยี้ งปลา การเล้ียงเป็นการช่วยเสริมสร้างอาชีพทางเลือกที่หลาก นลิ และการเลยี้ งปลาสวาย ในพนื้ ที่ระหว่างแถวยางหรอื หลาย เปน็ ตวั ชว่ ยใหแ้ ก่เกษตรกรไดม้ ีรายไดห้ ลาย ๆ ทาง ในสวนยาง เพ่ือท่ีจะน�ำมาสร้างฐานะและขยายกิจการให้ม่ันคงต่อ การเลี้ยงกบ เลี้ยงกบใช้ต้นทุนต่�ำ ใช้ระยะเวลา ยอดไปได้อยา่ งกา้ วไกล เล้ียงเพียงแค่ 2-3 เดือนก็สามารถให้ผลผลิตได้ หากจะ 3. การเล้ียงปศุสัตว์บ�ำรุงดิน การเล้ียงปศุสัตว์น้ัน เล้ียงกบให้ได้ราคาท่ีสูง ควรเล้ียงในช่วงเดือนธันวาคม เป็นอกี หน่งึ ตัวชว่ ยในการบ�ำรุงดิน โดยเฉพาะผูท้ ท่ี ำ� ไร่ท�ำ เนื่องจากเดือนมีนาคมเป็นเดือนที่กบราคาขึ้นสูงสุดใน นาหรือเพาะปลูก มูลสัตว์ก็สามารถใช้เป็นปุ๋ยบ�ำรุงดิน แต่ละปี เพราะเป็นช่วงที่กบขาดตลาด เนื่องจากไม่ เพ่ือที่จะให้ผลผลิตในการเพาะปลูกมีจ�ำนวนมากข้ึน สามารถหาลูกพันธุ์มาเลี้ยงในช่วงฤดูหนาวได้ ฟาร์มท่ี โ ด ย ท่ี ไ ม ่ ต ้ อ ง เ สี ย เ งิ น ใ น ก า ร ซ้ื อ ปุ ๋ ย เ ค มี ห รื อ ปุ ๋ ย ผลิตได้มีน้อยมาก การท�ำบ่อเพาะพันธุ์กบ มีบ่อปูน บ่อ วิทยาศาสตร์มาใช้ ปัจจุบันนี้ได้มีโครงการเก่ียวกับ ดนิ แตกต่างกัน บอ่ ปนู ขนาด 4x4 เมตร ธรรมชาตขิ องกบ ปศุสัตว์ตามพระราชด�ำริที่ส�ำคัญเกิดข้ึนมากมาย เช่น จะมีไข่อีกครั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และเม่ือได้พ่อแม่ โครงการโคนม โครงการเล้ียงแพะ โครงการธนาคารโคก พันธุ์ตามท่ีต้องการแล้วจะน�ำปล่อยสู่บ่อปูนที่เตรียมน้�ำ ระบือ เพ่ือเกษตรกรตามพระราชด�ำริ โครงการเล้ียงวัว ไว้ 10 เซนติเมตร ในชว่ งฤดหู นาวต้องใสพ่ ่อแม่พันธ์ุเยอะ เนือ้ โครงการเลี้ยงแกะ โครงการเลย้ี งสุกร โครงการเลยี้ ง กว่าช่วงฤดูปกติ ซ่ึงใส่อยู่ที่อัตราส่วนตัวผู้ต่อตัวเมีย คือ ไก่ โครงการเล้ียงเป็ด และโครงการเลี้ยงนกกระทา 100 ต่อ 50 เพราะเนื่องจากไม่ใช่ฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้บาง เป็นต้น (กรมปศุสัตว์, 2559) การเลี้ยงวัวไว้กินหญ้าใน ตัวก็จะไม่รัดตัวเมียเป็นสาเหตุให้ต้องใส่มากกว่าปกติ ร่องสวนยาง เป็นเหมือนเครอ่ื งตดั หญา้ ทม่ี ีชีวติ ไม่ตอ้ งใช้ เคร่อื งตัดหญา้ ให้เสยี เวลา ไก่บ้านเล้ียงปลอ่ ยในสวน การ เลือกเล้ียงไก่บ้านเนื่องจากเล้ียงง่าย ทนต่อโรค และ

9 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 เลี้ยงอาจจะท�ำให้เกิดเชื้อโรคระบาดติดต่อตัวอื่น ๆ ได้ ส่วนปลาที่ตาบอด (สังเกตตรงตามีจุดฝ้าขาว) ก็จะมอง แต่ถ้าในช่วงฤดูกาลท่ีกบผสมพันธุ์น้ันใส่เพียง 20 คู่ ไม่เห็นอาหารที่ผู้เลี้ยงให้ ท�ำให้ไม่เจริญเติบโต และอาจ กเ็ พยี งพอแล้ว (วารสารพลงั เกษตร, 2560) เจบ็ ตาย การเลย้ี งปลาดกุ ปลาดกุ สามารถเลี้ยงไดท้ ั้งในบ่อ ดนิ บ่อซเี มนต์ และในกระชงั แต่ส่วนมากนยิ มเลี้ยงในบ่อ บทสรปุ ดิน ซ่ึงขนาดบ่อดินท่ีเหมาะสมควรมีขนาดไม่เกิน 1 ไร่ สถานท่ีสร้างบ่อเลี้ยงปลาควรไม่เป็นท่ีลุ่มหรือที่ดอนเกิน ปัญหาราคายางพาราท่ีก�ำลังตกต่�ำอยู่ในขณะน้ี ไป สามารถจัดระบบน�้ำระบายน้�ำเข้า-ออกได้ดี สภาพ ส่งผลกระทบต่อเกาตรกรชาวสวนยางทั้งด้านเศรษฐกิจ ดนิ ควรเปน็ ดินเหนียว สามารถทำ� เป็นคนั บอ่ เก็บกักนำ้� ได้ และสังคม เพ่ือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับ ดี สภาพน้�ำต้องเป็นน�้ำสะอาดปราศจากสารพิษของ เกษตรกรมีรายได้และมีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน โดยไม่ โลหะหนักหรือยาฆ่าแมลง หรือของเสียจากโรงงาน ต้องหวังพึ่งจากรายได้สวนยางเพียงอย่างเดียว และพ่ึง อุตสาหกรรม และทางคมนาคมสะดวก ตนเองได้โดยไม่ต้องขอให้รัฐช่วยเยียวยาเม่ือยางราคา การเล้ียงปลานิล ปลานิลสามารถเล้ียงได้ในทุก ตกต่�ำ ดังนั้นการน�ำแนวทางการสร้างสวนยางแบบผสม สภาพ เป็นปลาจ�ำพวกกินพชื เลีย้ งงา่ ย ออกลูกดก เจรญิ ผสานสามารถน�ำมาใช้แก้ปัญหาดังกล่าวได้ ซึ่ง เติบโตได้รวดเร็ว การเพาะเลี้ยงระยะเวลา 1 ปี มีอัตรา สอดคล้องกับแผนพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนา การเติบโต ถึงขนาด 500 กรัม รสชาติดี มีผู้นิยมบริโภค เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560- กันอย่างกว้างขวาง การเพาะเล้ียงปลานิลท�ำได้ท้ังในบ่อ 2564) รวมถึงนโยบายของการยางแหง่ ประเทศไทย และ ดินและบ่อปูนซีเมนต์ หรือกระชังไนล่อนตาถี่ การเล้ียง ทางสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพารา บ่อดินต้องมกี ารกำ� จดั วัชพชื และพันธุ์ไม้นำ้� ตา่ ง ๆ ก�ำจดั แห่งประเทศไทย (สยยท.) ก็เล็งเห็นถึงความส�ำคัญของ ศัตรูของปลานลิ ได้แก่ ปลาจำ� พวกกินเน้ือ เชน่ ปลาช่อน การเกษตรแบบผสมผาน ปลาชะโด ปลาหมอ ปลาดุก นอกจากนี้ก็มีสัตว์จ�ำพวก การปลูกสร้างสวนยางแบบผสมผสาน เป็นการ กบ เขียด งู การใส่ปุ๋ย โดยปกติแล้วอุปนิสัยในการกิน รวบรวมเกษตรแบบเชิงเดี่ยวเข้าด้วยกันช่วยเสริมสร้าง อาหารของปลานิลจะกินอาหารจ�ำพวกแพลงก์ตอนพืช รายได้นอกเหนือจากการกรีดยาง มีทั้งกิจกรรมปลูกพืช และสัตว์ เศษวัสดุเน่าเปื่อยตามพื้นบ่อ แหน สาหร่าย เล้ียงสัตว์ และหรือการท�ำประมงในสวนยาง เพ่ือสร้าง ฯลฯ ดังนั้น ในบ่อเลี้ยงปลาควรให้อาหารธรรมชาติ เสริมรายได้ให้กับเกษตรกรเจ้าของสวน ทั้งน้ีกิจกรรม ดังกล่าวเกิดข้ึนอยู่เสมอ จึงจ�ำเป็นต้องใส่ปุ๋ยลงไปเพื่อ เหล่านี้ต้องไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง ละลายเป็นธาตุอาหาร เช่น ระยะต้นกล้ายาง ระยะยางอ่อน หรือระยะยางแก่ การเลี้ยงปลาสวาย ปลาสวายเป็นปลาน้�ำจืด และต้องไม่มีผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพผลผลิต ขนาดใหญ่ นยิ มเล้ียงทั้งในบอ่ และในกระชงั เป็นปลาท่ีมี รวมถงึ มผี ลกระทบทางด้านส่ิงแวดล้อมอีกด้วย คุณค่าทางเศรษฐกิจที่ส�ำคัญชนิดหนึ่ง เพราะเนื้อมีรสดี มีปริมาณมากสามารถปรุงแต่งเป็นอาหารได้หลายแบบ เอกสารอา้ งองิ หลายรส บ่อเลี้ยงควรเป็นบ่อขนาดใหญ่ มีระดับน้�ำลึก ประมาณ 2 เมตร ท�ำเลของบ่อเลย้ี งควรใหอ้ ยใู่ กลห้ รอื ติด การยางแห่งประเทศไทย. 2558. ก�ำหนดไม้ยืนต้นชนิด กบั แมน่ ้�ำล�ำคลอง หรอื ยู่ในทซี่ ึ่งมที างน�้ำไหลถ่ายเทไดใ้ น อ่ืนที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ. การส่งเสริม บางโอกาส เพื่อให้น�้ำเสียได้ถ่ายเทน�้ำได้สะดวก น�้ำท่ีจะ สนับสนนุ การปลูกแทน. แหลง่ ข้อมูล: http://raot. ใช้เลี้ยงต้องเป็นน้�ำท่ีจืดสนิท ถ้าเป็นน�้ำกร่อยหรือมีรส co.th. เฝือ่ น ปลาจะไม่เตบิ โตเทา่ ที่ควร พันธป์ุ ลาควรเลอื กพนั ธุ์ กรมวิชาการเกษตร. 2559. ทางเลือกการปลูกพืชแซม ท่ีจะน�ำมาเพาะเลี้ยง ควรคัดปลาท่ีไม่มีแผล ตาไม่บอด พืชร่วมยาง และกิจกรรมเสริมรายได้ของชาวสวน ไม่เป็นปลาท่ีแคระพิการ ปลาท่ีมีแผลน้ัน หากปล่อยลง ยาง. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ

10 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 นริ นาม. 2560. สัตวน์ �ำ้ การเลยี้ งกบ วธิ ีเลยี้ งกบตน้ ทุนตำ่� ใช้ระยะเวลาเล้ียงเพียงแค่ 2-3 เดือน ส่งตลาด สหกรณ์, 27 หนา้ . สงิ คโปร์. แหล่งข้อมลู : พลังเกษตร.com. กรมปศสุ ัตว์. 2559. การเลีย้ งปศุสตั ว์คืออะไร? รูจ้ ักกอ่ น สถาบันวิจัยยาง. 2561. การเสริมรายได้ในสวนยาง. เร่ิมท�ำเกษตรกรรม. กองแผนงาน กรมปศุสัตว์ ข้อมูลยางพารา ปี 2561. สถาบันวิจัยยาง, การ- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ยางแหง่ ประเทศไทย, 40 หน้า. กรมประมง. 2562. การเพาะเล้ียงปลาสวาย. กองวิจัย สถาบันวิจัยยาง. 2562. การเสริมรายได้ในสวนยาง. และพัฒนาการเพาะเล้ยี งสัตว์น้ำ� จดื . กรมประมง. ศูนย์วิจัยยางหนองคาย. สถาบันวิจัยยาง, การ- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ยางแห่งประเทศไทย, 56 หน้า. กรมป่าไม้. 2562. คู่มอื ส�ำหรับประชาชน การปลกู ไมม้ ีคา่ ส�ำนักงานกองทุนสงเคราะห์การท�ำสวนยาง. 2558. การ ทางเศรษฐกิจ. กรมป่าไม้. กระทรวงเกษตรและ ให้การสงเคราะห์การปลูกแทน. การยางแห่ง- สหกรณ.์ ประเทศไทย จ. ชุมพร. คณะวนศาสตร.์ 2560. ยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนงานการสง่ - ส�ำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8. 2553. ทาง เสริมไม้เศรษฐกิจแบบครบวงจร (พ.ศ. 2561- เลือกการปลูกพืชแซม พืชร่วมยางและกิจกรรม 2579). รายงานฉบับสมบูรณ์ คณะวนศาสตร์ เสริมรายได้ของชาวสวนยาง. ส�ำนักวิจัยและ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. พัฒนาการเกษตรเขตท่ี 8 จังหวัดสงขลา กรม- มาโนชญ์ วงศ์แวว. 2561. มาตรฐานสินค้าเกษตร เกษตร วิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. อินทรีย์ เลม่ 2: ปศุสตั วอ์ ินทรีย์ (มกษ 9000 เล่ม 2-2561) ส่วนมาตรฐานการปศุสัตว์, ส�ำนักงาน ปศสุ ตั วเ์ ขต 3.

11 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ผลกระทบทางนเิ วศสรรี วทิ ยาต่อกาแฟโรบัสตา ทป่ี ลูกร่วมในสวนยางพารา ระวี เจยี รวภิ า1 และ พรเทพ ธรี ะวฒั นพงศ์ 2 1คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ 2ศูนย์วิจยั พืชสวนยะลา สถาบันวจิ ัยพืชสวน กรมวชิ าการเกษตร ยางพาราเปน็ พืชเศรษฐกจิ ส�ำคัญของประเทศไทย ปัจจุบันได้มีการปลูกพืชร่วมหลากหลายชนิด ซ่ึงยังไม่มี มาอย่างตอ่ เน่ืองไม่น้อยกว่า 40 ปี โดยสดั สว่ นพื้นท่ีปลกู การก�ำหนดรูปแบบที่เหมาะสม ท่ีสามารถรองรับการ ยางพาราส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในภาคใต้หรือมากถึง 60 ปลูกพืชร่วมให้มีประสิทธิภาพได้อย่างเพียงพอ โดย เปอร์เซ็นต์ ของพื้นท่ีปลูกยางพาราท้ังประเทศ อย่างไร- เฉพาะชนิดของพืชร่วมที่ปรับตัวให้เจริญเติบโตและให้ ก็ตาม จากวิกฤตราคายางตกต�่ำต้ังแต่ปี พ.ศ. 2556 ผลผลติ ดีในระยะหลังเปดิ กรีด การจดั การปุ๋ย การจดั การ เป็นต้นมา จนท�ำให้มีราคาเฉลี่ยต่�ำกว่า 60 บาทต่อ น�้ำ และระยะปลูกที่เหมาะสมระหว่างต้นยางพาราและ กิโลกรัม น้ัน ได้ท�ำให้เกษตรกรสวนยางพาราประสบ พืชร่วม เปน็ ตน้ ปัญหาการมีรายได้ลดลง จึงมีความต้องการใช้ประโยชน์ สอดคล้องกับความนิยมของเกษตรกรทางภาคใต้ เพื่อการปลูกพืชแซมหรือพืชร่วมบริเวณพ้ืนท่ีว่างระหว่าง ทม่ี ีการขยายพ้นื ทป่ี ลูกกาแฟโรบสั ตา (Robusta) เพิม่ ข้ึน แถวยางพารามากข้ึน ภายใต้นโยบายการสนับสนุนจาก อย่างรวดเร็ว ท้ังในสภาพสวนเชิงเด่ียว สวนไม้ผลผสม รัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหาภาคการผลิตต้นน�้ำอย่าง ผสาน และการปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยางพารา ซ่ึงการ ยั่งยืน ทั้งการลดต้นทุนการผลิตและเสริมรายได้ เพื่อลด ผลิตกาแฟโรบัสตาทางภาคใต้ของไทยน้ัน พบเห็นได้ ความเสี่ยงจากสภาวะความผันผวนของราคายางพารา ส่วนใหญใ่ นจังหวดั ชุมพร ระนอง กระบี่ รวมถึงบรเิ วณ 5 ในอนาคต จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เช่น สตูล สงขลา และยะลา อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการปลูกยางพาราใน ขณะเดียวกัน เกษตรกรยงั ไดม้ กี ารรวมกลุม่ เป็นเครือข่าย อดีตน้ัน ได้ให้ความส�ำคัญกับการท�ำสวนยางพาราแบบ ผู้ปลูกหรือแปรรูป เพ่ือรองรับการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เชิงเด่ียว (Monocropping system) ซึ่งสถาบันวิจัยยาง ของชุมชน เช่น กลุ่มผู้ปลูกกาแฟโรบัสตาบริเวณจังหวัด ได้มีการศึกษาและก�ำหนดเป็นระยะปลูกท่ีเหมาะสมต่อ ตรัง สตลู พัทลงุ และสงขลา เปน็ ต้น ซ่ึงโดยสว่ นใหญย่ งั การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของยางพาราให้มี ต้องการปลูกกาแฟโรบัสตาในสวนยางพารา เพ่ือมีช่อง ประสิทธภิ าพสงู สุด เช่น 3x6 3x7 หรอื 3x8 เมตร ท�ำใหใ้ น ทางเพิ่มรายได้ต่อปีสูงกว่าการปลูกยางพาราเพียงอย่าง ระยะยางพาราอายุ 1-3 ปี จึงยังไมม่ ขี อ้ จ�ำกดั ด้านสภาพ เดียว ท�ำให้กาแฟโรบัสตาได้กลายเป็นพืชร่วมที่ได้รับ พ้ืนที่และปริมาณความเข้มแสงต่อการปลูกพืชแซม แต่ ความสนใจอย่างแพร่หลายส�ำหรับการปลูกร่วมกับสวน ในระยะหลังเปิดกรีดการใช้ประโยชน์พื้นท่ีระหว่างแถว ยางพาราทางภาคใต้ของไทย ยางพารา พืชปลูกส่วนใหญ่ไม่สามารถเจริญได้ดีภายใต้ บทความน้ี จึงเรียบเรียงจากข้อมูลงานวิจัยท่ีมุ่ง สภาพแวดล้อมสวนยางพาราที่มีร่มเงาหนาทึบและการมี เน้นทางนิเวศสรีรวิทยาพืช (ภาพท่ี 1) รวมทั้งข้อมูลที่ ระบบรากยางพาราแผข่ ยายอยา่ งหนาแนน่ ขณะเดียวกัน เก่ียวข้องจากการส�ำรวจ และการสอบถามเกษตรกร

12 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 A BC ภาพที่ 1 การศกึ ษาทางนเิ วศสรรี วทิ ยาเพอ่ื ประเมนิ ผลกระทบของการปลกู กาแฟโรบสั ตารว่ มยางพารา เชน่ ความชน้ื ในดนิ การแขง่ ขนั ของระบบรากยางพาราและ กาแฟโรบสั ตา (A) ประสทิ ธภิ าพการสงั เคราะหแ์ สงของกาแฟโรบสั ตาภายใตส้ ภาพรม่ เงายางพารา (B) และปรมิ าณการสอ่ งผา่ นของแสงและการปกคลมุ ของ ทรงพมุ่ ยางพารา (C) ในชว่ งอายยุ างพารา 5, 10 และ 15 ปี บรเิ วณจงั หวดั สงขลา สตลู และพทั ลงุ เจ้าของสวนยางพาราท่ีมีการปลูกกาแฟโรบัสตาเป็นพืช เพียงอย่างเดียว ซึ่งหากพิจารณาจากปัจจัยที่จะน�ำมา ร่วมบริเวณจังหวัดสงขลา สตูล และพัทลุง เพื่อแสดงให้ ประกอบการตัดสินใจหรือการยอมรับเพื่อปรับเปล่ียนไป เห็นถึงผลกระทบจากปัจจัยจ�ำกัดต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการ เป็นการปลูกกาแฟโรบัสตาร่วมยางพารานั้น อาจมาจาก เจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของกาแฟโรบัสตาในสวน 3 ปจั จัยส�ำคญั (Somboonsuke, 2001) คอื ปัจจัยทาง ยางพารา นอกจากนี้ บทความนี้ยังเสนอแนวคิดส�ำหรับ กายภาพ ชวี ภาพ และ เศรษฐกจิ สังคม แนวทางการจัดการ เพ่ือลดผลกระทบจากข้อจ�ำกัด ปัจจยั ทางกายภาพ ดังกลา่ วและน�ำไปประยุกตใ์ ช้แก่ผูส้ นใจในอนาคตด้วย เม่ือพิจารณาตามหลักวิชาการถึงความความ เหมาะสมของพ้ืนที่ปลูกยางพารา (สถาบันวิจัยยาง, ปจั จัยท่ีมีผลต่อการตดั สินใจปลกู 2555) จึงท�ำให้เกษตรกรมีความเชื่อม่ันถึงศักยภาพเชิง กาแฟโรบัสตาในสวนยางพารา พ้ืนท่ีเพื่อปลูกกาแฟโรบัสตาเป็นพืชร่วมด้วย เช่น เป็น พื้นท่ีปลูกไม่มีน้�ำท่วมขัง หรือไม่มีลักษณะพ้ืนท่ีลาดชัน โดยความหมายของระบบการปลูกพืช (Crop- เกินกว่า 30 องศา และมีหน้าดินอุดมสมบูรณ์ลึกกว่า 1 ping system) จัดเป็นแบบแผนการผลิตพืชปลูก โดย เมตร ฯลฯ ขณะเดียวกัน พ้ืนที่ภาคใต้มีสภาพดินและ ค�ำนึงถึงปัจจัยการผลิตและสภาพแวดล้อมบริเวณพื้นที่ อ า ก า ศ ท่ี เ ห ม า ะ ส ม ต ่ อ ก า ร ป ลู ก ก า แ ฟ โ ร บั ส ต า ปลูก ร่วมกับการตัดสินใจของเกษตรกร ท่ีเปล่ียนแปลง (สถาบันวิจัยพืชสวน, 2562) เช่น มีอุณหภูมิเฉล่ียอยู่ใน ตามปัจจัยด้านเศรษฐสังคมและการได้ผลตอบแทนจาก ชว่ ง 25-32 องศาเซลเซียส ตลอดปี มีปรมิ าณนำ้� ฝนรวม การผลิตพืชปลูกน้ัน โดยรูปแบบการปลูกอาจแตกต่าง ตลอดปีไม่น้อยกว่า 1,800 มิลลิเมตร หรือเจริญเติบโต กนั ตามชนดิ ของพืชปลูก ความหนาแนน่ ในการปลกู และ และให้ผลผลิตได้ดีในสภาพพื้นที่สูงจากระดับน้�ำทะเล ช่วงเวลาการปลูกได้ (Vandermeer, 1989) เช่นเดียวกับ ต่�ำกวา่ 200 เมตร เปน็ ตน้ การตัดสินใจของเกษตรกรในภาคใต้ท่ีต้องการปลูก กาแฟโรบัสตาในสวนยางพารา เพ่ือเสริมรายได้หรือลด ความเส่ียงของรายได้จากการพึ่งพาผลผลิตยางพารา

13 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ระยะก่อนเปิดกรีด ส่วนใหญ่เป็นการปลูกเป็นพืชร่วมหลังจากปลูก ปัจจยั ทางชวี ภาพ สร้างสวนยางพาราแล้วอย่างน้อย 1 ปี จนถึงระยะ ในด้านของสายพันธุ์โรบัสตามีพันธุ์แนะน�ำที่ ยางพาราอายุ 5 ปี ซึ่งจากขอ้ มูลเบ้อื งตน้ พบว่า การปลูก สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในภาคใต้ของไทย กาแฟโรบัสตาในระยะนี้ ท�ำให้มีการเจริญเติบโตได้ใกล้ ได้แก่ พันธุ์ชุมพร 1, พันธุ์ชุมพร 2, พันธุ์ชุมพร 3, พันธุ์ เคียงกับการปลูกในสภาพเชิงเด่ียว หรือร่วมไม้ผลไม้ ชุมพร 84-4 และ พันธุ์ชุมพร 84-5 (สถาบันวจิ ยั พืชสวน, ยนื ตน้ ผสมผสาน เชน่ กลว้ ย ทเุ รยี น สะตอ ฯลฯ เนือ่ งจาก 2562) รวมถึงต้นพันธุ์กาแฟโรบัสตาที่มีการอนุรักษ์ไว้ใน เป็นระยะที่สวนยางพารามีร่มเงาจากทรงพุ่มยางพาราไม่ ชุมชน ตั้งแต่ยุคสมัยน�ำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียก่อน แน่นทึบ ท�ำให้มีการส่องผ่านของแสงได้ดีตลอดทั้งวัน ปี พ.ศ. 2500 ก่อนท่จี ะปรับเปลย่ี นมาปลูกยางพารามาก หรือมีปริมาณใกล้เคียงกับสภาพกลางแจ้ง ท�ำให้ไม่มีข้อ ข้ึนในระยะต่อมา แต่ยังคงพบเห็นต้นกาแฟโรบัสตาอายุ จ�ำกัดด้านการส่องผ่านของแสง และเอ้ือต่อการ มากกว่า 50 ปี และยังคงให้ผลผลิตได้ทุกปี จนได้รับ สังเคราะห์แสงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถเจริญเติบโต ค ว า ม นิ ย ม ข ย า ย พั น ธุ ์ จ า ก เ ก ษ ต ร ก ร เ พื่ อ แ ส ด ง ถึ ง และใหผ้ ลผลติ ไดภ้ ายใน 3 ปีหลงั ปลูก (ภาพที่ 2A) อัตลักษณ์เชิงพื้นที่ปลูก อีกท้ัง แม้ในสวนยางพารามี ระยะหลงั เปิดกรีด สภาพความชื้นสัมพัทธ์สูง และมีสภาพร่มเงาตลอดวัน กาแฟโรบัสตาท่ีปลูกระหว่างแถวยางพาราใน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดของโรคราสนิม แต่ ระยะนี้ ต้องอาศัยอยู่ใต้ร่มเงาของต้นยางพาราตลอด ต้นกาแฟโรบัสตาเป็นสายพันธุ์ที่สามารถต้านทานต่อโรค ฤดกู าล จากขอ้ มลู เบอ้ื งต้น หากเปน็ ช่วงเวลาเริ่มเปิดกรดี ราสนิมได้ดี จึงท�ำให้เกษตรกรมีความมั่นใจในการน�ำไป หน้าแรก ต้นยางพารามักมีทรงพุ่มแน่นทึบ ทำ� ใหม้ กี าร ปลูกรว่ มยางพาราได้ เป็นตน้ สอ่ งผา่ นของแสงแดดนอ้ ย และมคี วามชน้ื สมั พทั ธ์สงู ทำ� ให้ ต้นกาแฟโรบัสตาเจริญเติบโตได้ช้าและมีระยะเวลาให้ ปัจจัยทางเศรษฐกจิ สงั คม ผลผลิตช้ากว่า 3 ปี หรือมีปริมาณผลผลิตลดลงได้ จากผลกระทบด้านราคาผลผลิตยางพาราตกต�่ำ นอกจากน้ี หากปลูกร่วมในระยะหลังเปิดกรีดหน้าที่ 2-3 การประสบปัญหาแรงงานกรีดท่ีมีทักษะ หรือความ หรือระยะยางแก่อายุมากกว่า 20 ปี แม้ยางพารามีทรง ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์จากกาแฟโรบัสตาที่มีอัตลักษณ์ พุ่มโปร่งข้ึน มีการส่องผ่านของแสงมากข้ึน เนื่องจากมี ของชุมชน หรอื การมีแหล่งรับซอ้ื ผลผลติ อาจกลา่ วไดว้ ่า การท้ิงกิ่งมากข้ึนตามธรรมชาติของต้นยางพารา แต่ต้น เป็นปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้เกษตรกรให้ความสนใจและ กาแฟโรบัสตาอาจประสบปัญหาด้านการเจริญเติบโตช้า ตัดสินใจปลกู ร่วมกบั ยางพารามากขึน้ เช่นกัน ลงหรือแคระแกร็น เน่ืองจากมีระบบรากยางพาราหนา แน่นบริเวณใกล้ผิวดนิ (ภาพที่ 2B และ 2C) ชว่ งอายุส�ำหรับการปลกู กาแฟโรบสั ตา ในสวนยางพารา ขอ้ จ�ำกัดด้านศักยภาพการเจริญเติบโต ของกาแฟโรบัสตาในสวนยางพารา ส�ำหรับลักษณะการปลูกกาแฟโรบัสตาร่วม ยางพาราน้ัน แม้เป็นการตัดสินใจโดยเกษตรกรทีต่ อ้ งการ หากพิจารณาจากปัจจัยสภาพแวดล้อมในสวน ปลูกตามความเหมาะสมกับปัจจัยสภาพแวดล้อม หรือ ยางพาราในแต่ละช่วงอายุ สามารถแบ่งข้อจ�ำกัดท่ี บริบทของสังคม และสภาวะทางเศรษฐกิจ แต่ความ สำ� คญั และสง่ ผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ กาแฟโรบสั ตา ส�ำเร็จในการใช้เปน็ พชื ร่วมน้ัน จะขนึ้ อยู่กบั ระยะอายขุ อง ได้ 2 ปัจจัย คือ สภาพร่มเงา และการแผ่กระจายของ ตน้ ยางพาราดว้ ย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ตามระยะ ระบบรากในสวนยางพารา (ตารางท่ี 1) อายุสวนยางพารา คอื ระยะก่อนเปิดกรดี และ ระยะหลัง เปดิ กรดี

14 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 A BC ภาพที่ 2 ลกั ษณะของตน้ กาแฟโรบสั ตาอายุ 5 ปี หลงั ปลกู รว่ มยางพาราในชว่ งอายุ 5 ปี (A) 10 ปี (B) และ 15 ปี (C) สภาพร่มเงาในสวนยางพารา สภาพร่มเงาของยางพารายังส่งผลต่อการสร้างมวล โดยธรรมชาติกาแฟโรบัสตาสามารถปรับตัวได้ดี ชีวภาพทางล�ำต้นของกาแฟโรบัสตาลดลงเม่ือเปรียบ ในสภาพร่มเงา รวมถึงภายใต้สภาพแวดล้อมสวน เทียบกับการปลูกในสภาพกลางแจง้ (Chiarawipa et al., ยางพาราเชน่ อุณหภมู ิ ความช้นื สัมพัทธ์ และความชืน้ ใน 2021) และเป็นสาเหตุส�ำคัญที่ท�ำให้ต้นอ่อนแอและมี ดิน ที่มีส่วนช่วยให้ต้นกาแฟโรบัสตาเจริญเติบโตได้ดีใน ลักษณะอาการแคระแกร็นหรืออาจยืนต้นตายในระยะ ระยะหลงั จากปลกู ในปแี รก หากพจิ ารณาการปลกู กาแฟ ต่อมาได้ ลักษณะเช่นน้ี จึงเป็นสาเหตุให้มีปริมาณ โรบสั ตาระหวา่ งแถวยางพาราในระยะหลงั เปดิ กรดี พบว่า ผลผลิตลดลงได้ถึง 25-50 เปอร์เซ็นต์ เม่ือเปรียบเทียบ ต้นกาแฟโรบัสตามีการปรับตัวด้านลักษณะโครงสร้าง ปริมาณผลผลิตต่อต้นของต้นกาแฟโรบัสตา (อายุ 5 ปี) ทรงพุ่มเพ่ือให้สามารถรับแสงได้ดีข้ึน เช่น การเอนหา ท่ีปลูกในช่วงยางอ่อน (อายุ 1-5 ปี) กับช่วงเร่ิมเปิดกรีด แสงของล�ำต้น การยืดของก่ิงให้สูงชะลูด การแผ่กว้าง และหลังเปิดกรีดหน้าท่ี 2 (อายุ 6-10 และ 11-15 ปี) ของขนาดแผ่นใบและบางลง เน่ืองจากในสภาพพราง เนือ่ งจากมีจ�ำนวนข้อและการตดิ ผลลดตำ�่ ลง แสงทึบ ต้นกาแฟโรบัสตาจะมีการยืดของล�ำต้นเข้าหา การแผ่กระจายของระบบรากในสวนยางพารา แสงมากขึน้ (ระวี และชนนิ ทร,์ 2558) รวมถงึ การปรบั ตัว ยางพารามีระบบรากฝอยหนาแน่นบริเวณผิวดิน ให้มีปริมาณคลอโรฟิลล์ต่อพื้นที่ใบสูงขึ้น เพื่อเพ่ิม จนถงึ ทรี่ ะดับความลึก 30 เซนตเิ มตร และยังแผ่กระจาย ประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสง (ณัฐวิทย์ และคณะ, ระหว่างแถวได้หนาแน่นข้ึนตามช่วงอายุของยางพารา 2562) แต่ในสภาพความเข้มแสงสูงและอากาศร้อนจัด การปลูกกาแฟโรบัสตาร่วมยางพารา จึงเป็นการเพ่ิม อาจท�ำให้ต้นกาแฟโรบัสตามีอาการใบไหม้ หรือชะงัก ความหนาแน่นต่อพ้ืนที่ปลูก ซ่ึงส่งผลให้เกิดการแข่งขัน การเจริญเติบโตและทิ้งใบมากขึ้นได้เช่นกัน นอกจากนี้

15 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ยางพาราที่มุ่งเน้นการปลูกพืชร่วมในอนาคต ท�ำให้การ ปรับปรุงระบบปลูกยางพารากับพืชแซมหรือพืชร่วม จึง ของระบบรากกับต้นยางพาราได้ โดยเฉพาะการใช้น้�ำท่ี ได้รับความสนใจมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่าง ระดับผิวดิน ซ่ึงย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้น�้ำใน ประเทศ บทความนี้ ได้สรุปแนวทางส�ำหรับการจัดการ สวนยางพาราด้วย (Wu et al., 2016) เนอื่ งจากระบบราก เพื่อปลูกกาแฟโรบัสตาในสวนยางพารา ในรูปแบบท่ีมี ต้นกาแฟโรบัสตาเจริญเติบได้ดีในช่วงระดับความลึก ความเป็นไปได้ส�ำหรับการน�ำไปประยุกต์ใช้ในแปลง เดียวกันกับยางพารา แต่ระบบรากยางพาราสามารถ เกษตรกร 2 ลักษณะสำ� คญั คอื การปรบั ระยะปลกู และ ปรับตัวและเจริญได้ดีที่ระดับความลึก 0-60 เซนติเมตร การจดั การดินและปุย๋ (Chiarawipa et al., 2021) รวมถึงเกิดการแก่งแย่งธาตุ การปรบั ระยะปลกู อาหารในดิน ซ่ึงเป็นสาเหตุให้ต้นกาแฟโรบัสตาแสดง ปัจจุบัน มีการปรับระยะปลูกในแปลงเกษตรกร อาการขาดธาตไุ นโตรเจน (N) แมกนีเซยี ม (Mg) สงั กะสี ทางภาคใต้ คอื ปลกู แบบสลับแถวเว้นแถว (Single row (Zn) และทองแดง (Cu) เมื่อเข้าสู่ระยะเริ่มให้ผลผลิต and double space planting pattern) โดยการกำ� หนด (ภาพที่ 3) สอดคล้องกับรายงานที่พบว่า กาแฟโรบัสตา ระยะปลูกระหว่างต้นเท่าเดิม แต่เว้นระยะระหว่างแถว อายุ 3 ปี มีแนวโน้มพบลักษณะอาการขาดธาตุอาหาร ท้ังสวน เช่น 3x10 หรือ 3x14 เมตร (ภาพที่ 4) ซึ่งหาก หรือมีค่าต่�ำกว่ามาตรฐาน เช่น ทองแดง และสังกะสี เป็นการปลูกสร้างสวนใหม่ เกษตรกรยังคงยื่นขอ (อนงนาฏ และคณะ, 2562) ผลกระทบดังกล่าว แสดงให้ สงเคราะห์การปลูกยางพาราใหม่ในแบบท่ี 3 ได้ โดยมี เห็นว่า ต้นกาแฟโรบัสตาท่ีปลูกร่วมกับสวนยางพาราใน ต้นยางพาราไม่น้อยกว่า 40 ต้นต่อไร่ แต่ไม่เกิน 50 ต้น ระยะหลังเปิดกรีด มักได้รับผลกระทบด้านการเจริญของ ต่อไร่ ระยะปลูกสม่�ำเสมอ (การยางแห่งประเทศไทย, รากช้ากว่าปกติ และมีผลต่อความสมบูรณ์ทางล�ำต้น 2563) หรือใช้วิธีโค่นล้มต้นยางพาราเดิมแบบแถวเว้น ลดลงดว้ ย เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั การปลกู ในระยะกอ่ นเปดิ กรีด แถว ดว้ ยแนวทางเชน่ น้ี ทำ� ใหส้ ามารถปลกู กาแฟโรบสั ตา ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขน้ึ เพราะมพี ื้นทว่ี า่ งและการ แนวทางจัดการเพอื่ เพ่มิ ศักยภาพ ส่องผ่านของแสงตลอดช่วงอายุยางพารา และยังลดการ การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิต แข่งขันของระบบรากยางพาราด้วย อย่างไรก็ตาม ควร กาแฟโรบัสตาในสวนยางพารา เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์เชิงพ้ืนท่ีในสวนยางพารา ให้มีประสิทธิภาพสูงข้ึน และปรับปรุงการจัดการสวน ตารางท่ี 1 แนวคดิ เชงิ เปรยี บเทยี บผลกระทบและการปรบั ตวั ของตน้ กาแฟโรบสั ตา ในสวนยางพารา ระยะท่เี ริม่ ปลกู กาแฟโรบสั ตาในสวนยางพารา การปรบั ตวั ของต้นกาแฟโรบัสตาในสวนยางพารา การแข่งขันของ การเจริญเติบโต การใหผ้ ลผลิต อายยุ างพารา สภาพรม่ เงา (ปี) ในสวนยาง ระบบราก 1-5 ตำ่� ต่�ำ สงู มาก สงู มาก 6 - 10 11 - 15 สงู สงู ตำ�่ ต่ำ� ปานกลาง สงู มาก ปานกลาง ปานกลาง หมายเหต:ุ เปรียบเทยี บกับตน้ กาแฟโรบสั ตาอายุ 5 ปเี ทา่ กนั ทปี่ ลูกสภาพกลางแจ้ง หรือไม่ได้รว่ มยางพารา

16 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 AB CD ภาพที่ 3 ลกั ษณะอาการผดิ ปกตทิ พี่ บในตน้ กาแฟโรบสั ตาทปี่ ลกู รว่ มกบั ยางพารา เชน่ การระบาดของโรคราเขมา่ ดำ� บรเิ วณใบ (A) การระบาดของเพลย้ี บรเิ วณ ยอดออ่ น (B) และอาการขาดธาตอุ าหาร เชน่ อาการแผน่ ใบเหลอื งระหวา่ งเสน้ ใบในระยะใบแก่ (C) และใบออ่ น (D) ต้องพิจารณาถึงผลเสียต่อรายได้ของเกษตรกรในอนาคต สวนยางพาราแบบผสมผสาน โดยยังคงปริมาณ ท้ังปริมาณผลผลิตน้�ำยางต่อไร่และราคาไม้ยางพาราต่อ ต้นยางพาราให้ใกล้เคียงเหมือนการปลูกระยะเดิม เช่น ไร่ เน่ืองจากจะมีปริมาณต้นต่อพื้นท่ีลดต�่ำลงจากเดิมถึง การใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 3x2.5 หรือ 3x3 หรือ 4x2 40-50 เปอรเ์ ซ็นต์ เมตร แตเ่ วน้ ระหวา่ งแถวเพมิ่ ขน้ึ ประมาณ 2 เทา่ (Double นอกจากนี้ มีแนวทางการใช้ระบบการปลูกสร้าง space) เช่น 16 เมตร (3x2.5x16 เมตร) หรือ 20 เมตร สวนยางพาราแบบแถวคู่ (Double row planting pat- (4x2x20 เมตร) ฯลฯ ซึ่งในต่างประเทศ พบว่า ต้น tern) (ปราโมทย์ และสุรชาติ, 2558) เพ่ือรองรับการท�ำ ยางพารามีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตน�้ำยางใกล้

17 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 และพรวนดนิ รอบโคนต้นทุก 3 เดอื น จะทำ� ใหม้ อี ัตราการ เจริญเติบโตได้ดีกว่าถึง 25-30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการ เคียงกับระยะปลูกเดิม ส่วนต้นกาแฟยังคงเจริญเติบโต พรวนดินเป็นการลดการแข่งขันจากรากยางพารา ส่วน และให้ผลผลิตสูงใกล้เคียงกับการปลูกแบบเชิงเด่ียว ปุ๋ยอินทรีย์มีคุณสมบัติฟื้นฟูสภาพดินและปรับปรุง (Snoeck et al., 2013) โครงสร้างดินได้ดี จึงมีส่วนช่วยในการดูดซึมธาตุอาหาร อยา่ งไรกต็ าม การใช้รูปแบบท้ัง 2 ลกั ษณะ อาจมี ของรากกาแฟโรบัสตาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความเส่ียงสงู ต่อการโคน่ ล้ม เช่น สายพันธุ์ RRIT 251 ทีม่ ี (อมรรัตน์ และระวี, 2563) (ภาพท่ี 4) ลักษณะการแตกก่ิงและทรงพุ่มใหญ่และไม่ต้านทานต่อ ดังน้ัน การปลูกกาแฟโรบัสตาร่วมกับยางพาราจึง แรงลม หรือสภาพพ้ืนที่ที่มีการชะล้างของหน้าดินได้ง่าย จ�ำเป็นต้องค�ำนึงถึงความหนาแน่นของพืชปลูกภายใต้ หรืออยู่ในพ้ืนที่ลาดชันสูงกว่า 15 องศา เป็นต้น สภาพที่จ�ำกัด เช่น ในสวนยางพาราระยะปลูกเดิม ควร (สถาบันวิจัยยาง, 2555) ขณะเดียวกัน การใช้รูปแบบ ปลูกต้นกาแฟโรบัสตาแบบแถวเด่ียวบริเวณระหว่างแถว การปลูกเช่นนี้ เกษตรกรต้องเข้าใจและพิจารณาถึงผล ยางพารา และมีระยะห่างระหว่างต้นอย่างน้อย 3 เมตร กระทบตามมาในอนาคตด้วย เพราะต้องมีการจัดการที่ เพ่อื ชว่ ยลดการบดบังแสง และผลกระทบการแข่งขันของ ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเพิ่มต้นทุนสูงข้ึนจากความ ระบบราก สอดคล้องกับการปลูกร่วมกับไม้ผลบางชนิด จ�ำเป็นด้านการจัดการน้�ำและปุ๋ยท่ีแตกต่างไปจากการ เช่น ส้มโอ ลองกอง และมังคุด ที่ส่งผลให้มีผลผลิตน�้ำ ท�ำสวนยางพาราแบบเดิม หรือการก�ำหนดระยะปลูกให้ ยางลดลง หากมีการปลกู รว่ มด้วยความหนาแนน่ 30-40 เหมาะสมเพือ่ ลดความหนาแน่นตอ่ พ้นื ทป่ี ลูก เป็นต้น ตน้ ตอ่ ไร่ (สมบรู ณ์ และคณะ, 2558) นอกจากน้ี ควรมขี อ้ ระวงั ในการปลกู ร่วมยางพารา การจดั การดินและปุย๋ ในสวนท่ีมีการระบาดของโรครากขาว หรือการปลูกร่วม หากพิจารณาจากการปลูกร่วมยางพาราในระยะ ในสวนท่ีไม่มีการขุดตอรากยางพาราก่อนปลูกใหม่ ซ่ึง ปลูกแบบเดิม จ�ำเป็นต้องมีการปรับวิธีการให้ปุ๋ยแก่ เป็นสาเหตุให้ต้นกาแฟโรบัสตาถูกโรคเข้าท�ำลายและ ยางพาราและพืชร่วม ซึ่งเป็นแนวทางส�ำคัญอย่างหน่ึง ยนื ตน้ ตายได้ในระยะหลงั ปลกู 1-2 ปีแรก สำ� หรบั การเพมิ่ ศกั ยภาพการเจรญิ เตบิ โตของกาแฟโรบสั ตา ท้ังนี้ แม้ต้นกาแฟโรบัสตาอาจได้รับผลกระทบ ในสวนยางพาราได้ โดยจากการส�ำรวจ พบวา่ เกษตรกร จากปริมาณผลผลิตต่อต้นลดลง แต่บทความน้ี ไม่ได้น�ำ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการเพิ่มต้นทุนจากค่าปุ๋ยเคมีเพ่ือใส่ให้ เสนอในประเด็นด้านคุณภาพผลผลิตของกาแฟโรบัสตา แก่ต้นกาแฟหรือพืชร่วมอ่ืน ๆ แต่ในทางปฏิบัติเกษตรกร ซึ่งควรมีการศึกษาเพ่ิมเติมถึงผลของสภาพร่มเงาในสวน สามารถลดต้นทุนจากปริมาณปุ๋ยเคมีที่ปรับลดสัดส่วน ยางพาราท่ีอาจส่งเสริมให้มีความโดดเด่นด้านกลิ่นรสได้ ลง ด้วยวิธีแบ่งการใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ตาม เนื่องจากสภาพร่มเงามักเอื้อต่อคุณภาพด้านกลิ่นรสของ ค�ำแนะน�ำของสถาบันวิจัยยาง โดยลดปริมาณปุ๋ยเคมี เมลด็ กาแฟ และอาจเปน็ ปจั จัยสำ� คัญที่ช่วยยกระดบั การ (ลดจากค�ำแนะน�ำ 25%) ร่วมกับการให้ปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตกาแฟโรบัสตาเชิงคุณภาพและมีอัตลักษณ์ ส�ำหรับ (สถาบันวิจัยยาง, 2555) ซึ่งผลการศึกษาในต้นกล้าอายุ การปลกู ร่วมยางพาราในอนาคตได้ 1 ปีหลังจากปลูกร่วมกับยางพารา เมื่อเปรียบเทียบกับ การใหป้ ุ๋ยเคมเี พยี งอย่างเดยี ว (100%) พบว่า การใหป้ ๋ยุ สรปุ เคมี (75%) รว่ มกบั ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ (อัตรา 1 กโิ ลกรมั /ตน้ /ปี) สามารถเพ่ิมการเจริญเติบโตของใบ ก่ิง และรากต้น เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ระหว่างแถว กาแฟโรบัสตาในสวนยางพาราสูงข้ึนไม่แตกต่างกัน อีก ยางพารา เพอื่ ปลกู กาแฟโรบัสตาเปน็ พชื รว่ มยางพาราได้ ท้ังยังเป็นการเพิ่มอินทรียวัตถุในดินบริเวณสวนยางพารา อย่างไรกต็ าม ปัจจยั สภาพแวดล้อมในสวนยางพารา จดั ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อยางพาราด้วย (พงศกร และคณะ, เป็นข้อจ�ำกัดท่ีสามารถส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการ 2560) ขณะเดียวกัน หากมีการเพิ่มความถี่ในการให้ปุ๋ย ให้ผลผลิตของกาแฟโรบัสตาลดลง จึงจ�ำเป็นต้องให้

18 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 AB C ภาพท่ี 4 ลกั ษณะตน้ กาแฟโรบสั ตาอายุ 1 ปี ในสวนยางพาราอายุ 12 ปี ทม่ี กี ารพรวนดนิ รอบโคนตน้ พรอ้ มกบั การแบง่ ใสป่ ยุ๋ อนิ ทรยี ์ (A) การไถพรวนระหวา่ งแถว และจดั การนำ�้ (B) และลกั ษณะการปลกู กาแฟโรบสั ตา (อายุ 3 ป)ี รว่ มยางพารา (อายุ 3 ป)ี ทม่ี รี ะยะปลกู ระหวา่ งแถว 10 เมตร (C)

19 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 สวนไมผ้ ลผสมผสาน. ว. วทิ ย.์ กษ. 46 (3) (พิเศษ): 433-436. ความส�ำคัญควบคู่ทั้งการแข่งขันของระบบรากและ สถาบันวิจัยยาง. 2555. ข้อมูลวิชาการยางพารา 2555. ความต้องการแสง โดยต้องค�ำนึงถึงช่วงอายุของ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ยางพารา และเพิ่มความถี่ในการจัดการดินและปุ๋ย สถาบันวิจัยพืชสวน. 2562. คู่มือการจัดการการผลิต ด้วยเหตุนี้ จึงควรมีการปรับปรุงรูปแบบการปลูกสร้าง กาแฟโรบัสตา. กรมวิชาการเกษตรกระทรวง สวนยางพารา ที่รองรับการปลูกกาแฟโรบัสตาเป็นพืช เกษตรและสหกรณ.์ ร่วมให้มีศักยภาพ เพ่ือเป็นแนวทางหนึ่งส�ำหรับการปลูก สมบูรณ์ เจริญจิระตระกูล, พลากร สัตย์ซื่อ และอริศรา ร่วมสวนยางพาราไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื รม่ เยน็ . 2558. ความรภู้ าคปฏบิ ตั ิและบทเรียนกบั การขับเคล่ือนเชิงนโยบายเพื่อเพ่ิมพ้ืนท่ีการปลูก ค�ำขอบคณุ พืชร่วมยาง. ว. พฒั นาสังคม 17: 35-50. อนงนาฏ ศรีประโชติ, พรภัสสร ศุขะพันธุ์, ปิยธิดา ผู้เขียนขอขอบคุณเกษตรกรเจ้าของสวนกาแฟ ชัยด�ำรงโรจน์, นุจรี บุญแปลง และ พรทิวา โรบัสตา และสวนยางพาราบริเวณจังหวัดสงขลา สตูล กัญยวงศ์หา. 2562. ความผันแปรของเหล็ก และพัทลุง ท่ีให้ความอนุเคราะห์ในการท�ำวิจัย และให้ แมงกานีส ทองแดง และสังกะสี ในใบกาแฟที่ ข้อมูลผลกระทบจากการปลูกกาแฟโรบัสตาร่วมกับ ปลกู ในพืน้ ที่ขนาดเล็ก: กรณีศกึ ษาอ�ำเภอวังสะพุง ยางพารามาอยา่ งตอ่ เนื่อง (ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2558) ส�ำหรบั จังหวัดเลย. ว. พืชศาสตร์สงขลานครินทร์ 6 (2): ใช้ประกอบในการเขียนบทความน้ี รวมถึงนักศึกษา 60-68. ปรญิ ญาโท (นิเวศสรรี วิทยาพืช) ท่ชี ว่ ยเหลือในการบนั ทึก อมรรัตน์ ชุมทอง และ ระวี เจยี รวภิ า. 2563. ผลของปุ๋ย ขอ้ มูลและถา่ ยภาพประกอบ และพืชร่วมต่างชนิดกันต่อการเจริญเติบโตของ กาแฟโรบัสต้าพันธุ์พ้ืนเมือง. รายงานวิจัย เอกสารอ้างอิง โครงการวิจัยและนวัตกรรมเพ่ือถ่ายทอด เทคโนโลยีสู่ชุมชนฐานราก ส�ำนักงานคณะ การยางแห่งประเทศไทย, 2563. บันทึกข้อความ เร่ือง กรรมการการอุดมศึกษาจังหวดั สงขลา. ปรับอัตราการจ่ายเงินและรูปแบบการปลูกแทน. Chiarawipa, R., P. Suteekanjanothai, and B. Som- ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563. ฝ่ายส่งเสริมและ boonsuke. 2021. Adaptive ecophysiological พัฒนาการผลิต การยางแหง่ ประเทศไทย. characteristics of leaves and root distribution ณฐั วทิ ย์ ญาณพิสฐิ กลุ , ระวี เจยี รวิภา และ สรุ ชาติ เพชร- of Robusta coffee samplings in relation to แก้ว. 2562. การเปล่ียนแปลงทางสัณฐานและ rubber ages under an intercropping system. สรีรวิทยาภายใต้สภาวะร่มเงาและต�ำแหน่งคู่ใบ J. Agr. Sci. Tech. 23: 387-402. ของใบกาแฟโรบัสต้า. ว. วิทยาศาสตร์และ Da Matta, F. M. 2004. Ecophysiological constraints เทคโนโลยี 27(6): 1046-1057. on the production of shaded and unshaded ปราโมทย์ แก้ววงศ์ศรี และ สุรชาติ เพชรแก้ว. 2558. coffee: a review. Field Crop. Res. 86: 99-114. วนเกษตรยางพารา. คณทรัพยากรธรรมชาติ Somboonsuke, B. 2001. Recent evolution of rubber- มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์วิทยาเขตหาดใหญ.่ based farming systems in southern Thailand. พงศกร สธุ กี าญจโนทยั , ระวี เจยี รวภิ า, บญั ชา สมบูรณ์สุข Kasetsart J. (Soc. Sci.) 22: 61-74. และ ชนนิ ทร์ ศิรขิ นั ตยกุล. 2560. ผลของการให้ Snoeck D., R. Lacote, Z. J. Keli, A. Doumbia, T. ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตของต้น Chapuset, P. Jagoret and E. Gohet. 2013. ' กาแฟโรบัสต้าในสวนยางพารา. ว. พืชศาสตร์ สงขลานครินทร์ 4 (4): 25-31. ระวี เจียรวิภา และ ชนนิ ทร์ ศิริขนั ตยกลุ . 2558. การปรับ ตัวลักษณะฟีโนไทป์ของต้นกาแฟโรบัสต้าภายใต้

20 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ping. Cambridge University Press: Cambridge. Wu, J., W. Liu and C. Chen. 2016. Can inter-crop Association of Hevea with other tree crops ping with the world’s three major beverage can be more profitable than Hevea monocrop plant help improve the water use of rubber during first 12 years. Ind. Crops Prod. 43: trees? J. Appl. Ecol. 53: 1787-1799. 578-586. Vandermeer, J. 1989. The Ecology of Inter-crop-

21 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ตารางท่ี 10 เฉล่ยี ความแตกต่างของผลการทดสอบหลงั จากใส่ 4, 8 และ16 สัปดาห์ กับกอ่ นใส่ ระหว่างกลมุ่ ยาง (PI) และกลมุ่ โฟมมาตรฐานของโรงพยาบาล (CI) ยกระดับสวนยาง GAP และยางแผน่ อบแห้ง GMP ของศูนย์การเรยี นร้ดู ้านการเกษตร มูลนธิ ริ ัฐบรุ ษุ พลเอกเปรม ติณสลู านนท์ สู่การพฒั นาอย่างยัง่ ยืน ปรีด์เิ ปรม ทัศนกลุ และ รัชชตุ า นรากรณ์ ศนู ย์บรกิ ารทดสอบรบั รองภาคใต้ ฝ่ายวิจยั และพัฒนาอุตสาหกรรมยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ยางแผ่นอบแห้ง หรือยางแผ่นผ่ึงแห้ง (Air dried STR 5L หรอื ยางแผ่นรมควันแทน sheet) เป็นยางดิบชนิดหนึ่ง กรรมวิธีการผลิตเช่นเดียว ปัจจุบันการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้เห็น กับยางแผ่นรมควัน เพียงแต่ไม่ใช้ควันในการเคลือบผิว ความส�ำคัญของยางแผ่นอบแห้งเนื่องจากกรรมวิธีการ ของแผน่ ยาง ส่วนการทำ� ใหแ้ หง้ ด้วยการน�ำยางแผ่นทผ่ี ง่ึ ผลิตไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงภาคตะวันออกเฉียง ใหส้ ะเด็ดนำ�้ แล้ว เขา้ หอ้ งอบทใี่ ชพ้ ลงั งานความร้อน หรือ เหนือ สภาวะอากาศมีความชน้ื สัมพัทธต์ �่ำ การเกดิ เช้อื รา อบในโรงอบพลงั งานแสงอาทติ ย์ ทผ่ี า่ นมาเกษตรกรผลติ น้อยกว่าแหล่งผลิตทางภาคใต้ สามารถเพิ่มมูลค่าได้สูง ยางแผ่นอบแห้งคุณภาพดีให้มีสมบัติคงที่ สม่�ำเสมอตรง กว่ายางแผ่นรมควัน จึงได้จัดมีการจัดท�ำการผลิตยาง ตามความต้องการของตลาดน้อยมาก เนื่องจากสัดส่วน แผน่ อบแห้งเกรดพรีเมยี มใหส้ อดคล้องกบั ข้อกำ� หนดของ ผสมน�้ำ น�้ำยางและนำ�้ กรดไม่ถูกตอ้ ง และข้ันตอนการอบ ยางแผน่ รมควันเกรดพรีเมยี ม (มกยท. 1-2562) โดยคาด ยางในห้องอบที่หลังคาท�ำด้วยแผ่นพลาสติกใส ยางจึง ว่าภายในปี 2564 การยางแหง่ -ประเทศไทย จะสามารถ สัมผัสกับแสงยูวีท�ำให้คุณภาพของยางแผ่นเส่ือมลง ประกาศมาตรฐานยางแผ่นอบแห้งเกรดพรีเมียมเพื่อเป็น (เวียง และคณะ, 2560) ยางเหนียวขาดความยืดหยุ่น ทางเลือกของเกษตรกรในการแปรรูปยางดิบ เพ่ิมช่อง (ปรดี เิ์ ปรม, 2554) การผลิตยางแผ่นอบแหง้ ท่ดี ีต้องเลือก ทางการแขง่ ขัน และสรา้ งอ�ำนาจต่อรอง พันธุ์ยางที่มีปริมาณสารสีในน�้ำยางต่�ำ เพื่อให้ยางท่ีแห้ง จากเป้าหมายท่ีจะให้เกษตรกรชาวสวนยางมี แล้วสีเหลอื งใส เชน่ พันธุ์ RRIM 600, GT 1 และ RRIT ผลผลิตเพ่ิมขึ้นจาก 242 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี เป็น 360 225 (ชชั มณฑ,์ 2558) ท้งั ยงั ต้องควบคมุ การผลติ อย่างดี กโิ ลกรมั ต่อไรต่ อ่ ปี ในปี 2580 เปน็ นโยบายของกระทรวง จากสวน ในวงการอุตสาหกรรมยางมีความต้องการยาง เกษตรและสหกรณ์ตามแผนยุทธศาสตร์ยางพารา 20 ปี แผ่นอบแห้งมาก ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ตัน เพื่อน�ำไป (พ.ศ. 2560-2579) โดยต้ังตัวชี้วัดลดจ�ำนวนพ้ืนที่ปลูก ผลิตเป็นอุปกรณ์กฬี า ยางรัดของ พื้นรองเท้า เป็นตน้ แต่ ยางจาก 23.3 ล้านไร่ เป็น 18.4 ล้านไร่ เพิ่มรายได้จาก เนื่องจากผู้ผลิตไม่สามารถผลิตยางแผ่นอบแห้งท่ีมี การท�ำสวนยางจาก 11,984 บาทตอ่ ไร่ เปน็ 19,800 บาท สมบัติคงท่ีได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงหันไปใช้ยางแท่ง ต่อไร่ ซ่ึงเป็นข้ันตอนหน่ึงในการมีส่วนร่วมเพ่ือเพิ่ม

22 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ผลิตภัณฑ์ยางในการน�ำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิด ต่าง ๆ ท่ีสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับ สัดส่วนการใช้ยางภายในประเทศจากร้อยละ 13.6 เป็น ชุมชน การรักษาสิ่งแวดล้อมและกระบวนการตามสอบ ร้อยละ 35 รวมท้ังเพ่ิมมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ กลับได้ตอ่ ไป ยางพาราจาก 250,000 ล้านบาทต่อปี เป็น 800,000 ล้านบาทต่อปี (การยางแห่งประเทศไทย, 2564) วธิ ีการศกึ ษา สอดคล้องกับระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ให้ สามารถลดต้นทุนการผลิต มีผลผลิตต่อหน่วยเพิ่มข้ึน ขอบเขตการศกึ ษา (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2561) และได้ผลผลิตที่มี การวิจัยประกอบด้วย ขอบเขตด้าน เนื้อหา คุณภาพมาตรฐาน ทั้งยังสอดคล้องกับหลักการปฏิบัติ จ�ำนวนตัวอย่าง พ้ืนท่ี ผลผลิต และการจัดท�ำร่าง ทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices, มาตรฐาน GAP) ส�ำหรับยางพารา เร่ืองการผลิตน�้ำยางสด (มกษ. ด้านเน้ือหา สร้างเคร่ืองมือเพื่อใช้ในการเก็บ 5908-2562) ซึ่งหากเกษตรกรได้น�ำเทคโนโลยีดังกล่าว รวบรวมข้อมูล ใช้แบบทดสอบความรู้เร่ืองคุณภาพน�้ำ ไปใช้จะช่วยให้เกษตรกรมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ยางสด และการจัดการสวนยางที่ดีตามมาตรฐาน GAP ต้นยางเจริญเติบโตดีและสม�่ำเสมอ สามารถเปิดกรีดใน โดยเก็บข้อมูลจากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เวลาตามเกณฑ์ท่ีก�ำหนด หรือกรีดได้เร็วข้ึนอย่างน้อย 6 เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เดอื น ถงึ 1 ปี โดยสวนยางทเ่ี ปิดกรดี ตาม GAP สามารถ (หทัยชนก, 2555) จ�ำนวน 40 ราย จากจ�ำนวน เพม่ิ ผลผลติ รอ้ ยละ 30 - 80 และเพิ่มรายได้ไม่น้อยกว่า ทงั้ สิน้ 51 ราย โดยการสมุ่ ตวั อยา่ งแบบไม่ใสค่ ืน (กานดา, ร้อยละ 30 (พิศมัย, 2563) นอกจากนี้ การปฏิบัติตาม 2539) มาตรฐาน GAP ส่กู ารผลิตยางดิบตามมาตรฐาน GMP ที่ จ�ำนวนตัวอย่างประชากรท่ีใช้ในการศึกษาแบบ การยางแห่งประเทศไทย ได้ส่งเสริมจนได้รับการรับรอง เจาะจง เป็นคนงานกรีดยางของศูนย์การเรียนรู้ฯ ท่ีเข้า มาตรฐานไม่น้อยกว่า 63 แห่งทั่วประเทศ สร้างมูลค่า ร่วมโครงการการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส�ำหรับ เพ่ิมไม่น้อยกว่าปีละ 60 ล้านบาท (ปรีด์ิเปรม, 2563ก) ยางพาราเพื่อการผลิตน�้ำยางสด จำ� นวนทง้ั ส้นิ 51 ราย อีกท้ังการศึกษาของปรีดิ์เปรม (2563ข) ระหว่างปี 2559 พื้นท่ีของศูนยก์ ารเรียนรู้ ฯ ครอบคลมุ จ�ำนวนสวน – 2563) พบว่า เกษตรกรไดร้ บั การรบั รองมาตรฐาน GAP ยางท้ังหมด 1,200 ไร่ ผลิตยางก้อนถ้วย จ�ำนวน 1,937 ราย ครอบคลุมพ้ืนท่ี ผลผลิต ศึกษาผลการด�ำเนินงานก่อนและหลังท�ำ 30,363 ไร่ มีโรงผลิตยางเครปที่ผ่านมาตรฐาน GMP มาตรฐาน GAP ส�ำหรับสวนยางพารา และมาตรฐาน จำ� นวน 1 แหง่ สร้างมูลคา่ เพ่ิมไม่นอ้ ยกวา่ 9 ลา้ นบาทต่อ GMP ในการผลติ ยางแผน่ อบแหง้ ปี และที่ส�ำคัญรัฐบาลได้น�ำมาตรฐาน GAP และ GMP การจัดท�ำมาตรฐาน ด้วยการเก็บตัวอย่างยาง ดา้ นยางพาราก�ำหนดเปน็ ยุทธศาสตร์ระดบั ประเทศ แผ่นอบแห้งทุกเดือนในช่วงท่ีมีการผลิต ครั้งละ 6 การด�ำเนินงานวิจัยในคร้ังน้ีเป็นการศึกษาการ ตัวอย่าง ๆ ละไม่น้อยกว่า 350 กรัม เพ่ือทดสอบสมบัติ จัดการสวนยางตามมาตรฐาน GAP สู่การผลิตยางแผ่น ทางวิทยาศาสตร์ ในการจัดท�ำร่างมาตรฐานยางแผ่นอบ อบแห้งมาตรฐาน GMP ณ ศูนย์การเรียนรู้ด้าน แห้งเกรดพรเี มยี มของการยางแหง่ ประเทศไทย การเกษตรมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เครอ่ื งมือและการเกบ็ รวบรวมข้อมูล อ�ำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ตรวจประเมินให้การ โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตร การปฏิบัติทางการ รบั รองสวนยางมาตรฐาน GAP และการผลิตยางแผ่นอบ เกษตรที่ดีส�ำหรับยางพาราเพ่ือการผลิตน้�ำยางสด พร้อม แห้งมาตรฐาน GMP สุ่มเก็บตัวอย่างยางแผ่นอบแห้ง ท้ังแบบทดสอบความรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ ทดสอบสมบัติเชิงวิทยาศาสตร์และเสนอร่างเป็น การวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉล่ียคะแนนสอบเพ่ือศึกษา มาตรฐานยางแผ่นอบแห้งเกรดพรีเมียมของการยางแห่ง ประเทศไทย พร้อมทั้งท�ำการเช่ือมโยงกับบริษัทผู้ผลิต

23 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 เจาะจง ผลการศกึ ษาแสดงไว้ในตารางที่ 1 ผลสมั ฤทธิ์ด้านความรู้ความเขา้ ใจของกลุ่มตวั อยา่ ง ผลการทดสอบกอ่ นเรียน หลังเรียน หลักสตู ร แบบฟอร์มการประเมินตรวจประเมินให้การ การปฏบิ ัตทิ างการเกษตรทด่ี ีสำ� หรับยางพารา รบั รองมาตรฐาน GAP และ GMP โดยใชแ้ บบสัมภาษณ์ เพอื่ ผลิตน�้ำยางสด แบบมีโครงสร้าง (Structure interview) และแบบ ผลสัมฤทธ์ิจากการทดสอบเรื่องการปฏิบัติ สมั ภาษณแ์ บบกึง่ โครงสรา้ ง (Semi-structure interview) ทางการเกษตรที่ดีส�ำหรับยางพาราเพื่อผลิตน�้ำยางสด ด้วยการสัมภาษณ์ การสังเกต และขอตรวจเอกสารการ ของกลุ่มตัวอย่าง เป็นคนงานกรีดของศูนย์การเรียนรู้ ฯ จัดทำ� บันทึก พรอ้ มแบบบนั ทกึ ผลการดำ� เนินงาน จ�ำนวน 40 ราย จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน พบว่า การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติท่ีใช้ การวิจัยเชิง คะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 10.65 คะแนน และคะแนน ปริมาณ สถิติทใ่ี ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู ไดแ้ ก่ ค่าร้อยละ หลงั เรยี นมคี ่าเฉล่ีย 15.13 คะแนน และจากการวเิ คราะห์ ค่าเฉลี่ย ค่าการกระจายของข้อมูล การวิเคราะห์สถิติ ข้อมูลด้วยสถิติโดยวิธีการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่ม แบบ t-test และการวเิ คราะห์ขอ้ มลู จากเนอื้ หา ตัวอย่างจากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน วิเคราะห์สถิติแบบ t-test ด้วยโปรแกรมส�ำเร็จรูป พบว่า ผลการศึกษาและการวิจารณ์ ค่าเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติท่ี ระดับความเช่ือม่ัน 95 เปอร์เซน็ ต์ แสดงถึงผลสัมฤทธ์ิใน ขอ้ มูลสว่ นบคุ คลของคนงานกรีดยาง การอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มตัวอย่างท่ีมีความเข้าใจใน ในการศึกษาครั้งน้ี ได้ท�ำการเก็บรวบรวมข้อมูล จากกลุ่มตัวอย่างท่ีเป็นคนงานกรีดจ�ำนวน 40 คน จาก จ�ำนวนทั้งส้ิน 51 คน ด้วยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ ตารางที่ 1 ขอ้ มลู สว่ นบคุ คลของคนงานกรดี ยาง เพศ ชาย จ�ำนวน (คน) ร้ยละ อายุ หญงิ 20 50 ระดบั การศกึ ษา 20 50 รายไดเ้ ฉลีย่ ตอ่ เดอื น 18 - 25 1 2.5 5 12.5 26 - 35 9 22.5 19 47.5 36 - 45 6 15.0 38 95 46 - 55 2 5 18 45 > 55 21 52.5 ต่ำ� กว่าปริญญาตรี 1 2.5 ปริญญาตรี 6,000 - 9,000 9,001 - 12,000 > 12,000

24 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 สวนยางของศูนย์การเรียนรู้ ฯ ทมี่ พี ืน้ ทสี่ วนยาง 1,200 ไร่ จ�ำนวนคนงานกรีด 51 ราย สามารถผ่านการรับรอง เน้ือหาได้อย่างถูกต้องโดยมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อน มาตรฐาน GAP จากการยางแห่ง-ประเทศไทย 45 ราย เรียน คิดเป็นร้อยละ 88.2 ของคนงานกรีดท้ังหมด อีก 6 ราย ไม่ผ่าน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการกรีดบาด มุมกรีดไม่ ผลการตรวจรับรองมาตรฐาน GAP ได้องศา ถ้วยรองรับน�้ำยางสดไม่สะอาด กรีดยางก่อน เพ่ือผลผลติ นำ้� ยางสด เทีย่ งคนื และไม่ไดก้ รองน้�ำยางสดจากสวน ผลการปฏบิ ตั งิ านในสวนยางของศนู ยก์ ารเรยี นรู้ ฯ ตั้งอยู่ท่ี 185 หมู่ 7 ตำ� บลโนนหมากเคง็ อำ� เภอวัฒนานคร ผลการด�ำเนินงานก่อนและหลังการท�ำมาตรฐาน จังหวัดสระแก้ว บนพ้ืนท่ี 1,200 ไร่ ปลูกยางพันธุ์ RRIT GAP และการผลติ ยางแผน่ อบแหง้ 251 และพันธ์ุ RRIM 600 ร้อยละ 10 และ 90 ของพืน้ ที่ มาตรฐาน GMP ทัง้ หมด อายตุ ้นยางเฉลี่ย 14.4 ปี จำ� นวนตน้ ยางท่ีกรดี ได้ รายได้และมูลค่าเพ่ิมจากผลผลิตยางแห้งก่อน ท้ังหมด 83,064 ต้น จากจ�ำนวนทั้งหมด 91,430 ต้น หรอื และหลังท�ำมาตรฐาน GAP และ GMP ผลการเก็บขอ้ มูล เฉลี่ยกรดี ได้ 69.2 ต้นตอ่ ไร่ จ�ำนวนคนงานกรดี ทงั้ สิ้น 51 ผลผลติ ในรูปผลผลิตยางแห้งของศนู ยก์ ารเรียนรู้ ฯ โดย ราย แต่ละรายรับผิดชอบแปลงกรีดเฉลี่ย 23.5 ไร่ หรือ ใช้ระบบกรดี หนึง่ วนั เวน้ หนึง่ วนั ก่อนท�ำมาตรฐาน GAP จ�ำนวน 1,628.71 ตน้ กรดี สลบั แปลง A และ B จากการ ในปี 2562 และน�ำน�้ำยางสดท่ีผ่านการรับรองมาตรฐาน ส�ำรวจก่อนท�ำมาตรฐาน GAP ในปี 2562 พบว่า หน้า GAP มาผลิตเปน็ ยางแผน่ อบแห้งมาตรฐาน GMP เทยี บ กรีดมรี อยบาด มมุ กรีดไมไ่ ดอ้ งศา ไม่มีการแบง่ เสน้ หน้า- กับปี 2563 พบว่า ผลผิตยางแห้งในปี 2562 เท่ากับ หลัง ถ้วยรองรับน�้ำยางและรางรองรับน้�ำยางไม่สะอาด 278,678.50 กโิ ลกรัม หรือเฉล่ยี 232.23 กิโลกรัมต่อไรต่ อ่ การวางระยะห่างระหวา่ งรางรองรับน้�ำยางกบั รอยกรดี ไม่ ปี เปรียบเทียบหลงั จากไดร้ ับมาตรฐาน GAP และ GMP ถกู ตอ้ ง เริ่มกรีดช่วงเวลา 21.00–22.00 น. เปน็ สาเหตใุ ห้ ในปี 2563 มผี ลผิตยางแหง้ ท้งั สิ้น 362,655.19 กโิ ลกรัม น้�ำยางจับตัวเป็นเม็ด และยางแผ่นที่ผลิตได้เป็นฟอง หรือเฉล่ีย 302.21 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี คิดเป็นผลผิตยาง อากาศซึ่งไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้กรองน้�ำยางสดจากสวน แหง้ ท่ีเพมิ่ ข้ึนเฉลี่ยรอ้ ยละ 30.19 รายได้เฉลย่ี ในปี 2563 ภาชนะรองรับนำ�้ ยางไมส่ ะอาด ไมค่ ว่�ำถว้ ยรองรบั น�ำ้ ยาง เพ่ิมข้ึนร้อยละ 55.09 หรือเพิ่มขึ้น 4.68 ล้านบาทต่อปี หลังจากเก็บน�้ำยางสดแล้ว พบถ้วยรองรับน�้ำยางบาง (ตารางที่ 2 และ 3) สวนวางใกล้กับโคนต้น (กรีดจนถงึ โคนตน้ ) เป็นสาเหตุให้ ทรายและส่ิงปนเปื้อนตกในถ้วยรองรับน้�ำยาง ส่งผลต่อ คุณภาพของยางแผ่นอบแห้งที่ผลิตได้ก่อนและหลัง ป ริ ม า ณ ส่ิ ง ส ก ป ร ก ใ น ย า ง แ ผ ่ น อ บ แ ห ้ ง ท่ี ผ ลิ ต ไ ด ้ การทำ� มาตรฐาน GMP สอดคล้องกับค�ำแนะน�ำของปรีด์ิเปรม (2562) ที่ได้ ผลการด�ำเนินงานของโรงผลิตยางแผ่นอบแห้ง รายงานไว้ว่า ดินหรือทรายท่ีปะปนลงในน้�ำยางสดจะ ของศูนย์การเรียนรู้ ฯ ก�ำลังการผลิตเฉลี่ยปีละ 300 ตัน ท�ำให้ค่าปริมาณส่ิงสกปรกสูง หลังจากการส�ำรวจในปี ก่อนการด�ำเนนิ งานผลติ ยาง GMP ปี 2562 พบวา่ ผลติ 2562 ผู้วจิ ยั จึงได้จดั การอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารเพือ่ ให้ไดร้ ับ ได้ยางแผ่นดิบความช้ืน 1 – 3 เปอร์เซ็นต์ ร้อยละ 95.3 ความรู้ ความเข้าใจ ปรับทัศนคติเพ่ือให้คนงานกรีดเห็น ยางแผ่นดิบความช้ืน 3 – 5 เปอร์เซ็นต์ ร้อยละ 4.37 ความส�ำคัญด้านคุณภาพน�้ำยางสด และการยืดอายุการ นอกจากนี้ พบยางเหนยี วจากการใส่กรดในอตั ราเกนิ กว่า เก็บเกี่ยวต้นยางพาราพร้อมกับมีการติดตามความคืบ ก�ำหนด หลังจากท่ีได้อบรมให้ความรู้ตามหลักปฏิบัติท่ีดี หน้าเป็นระยะ ๆ ส� ำ ห รั บ ผ ลิ ต ย า ง แ ผ ่ น อ บ แ ห ้ ง ข อ ง ก า ร ย า ง แ ห ่ ง หลังจากท่ีคนงานกรีดได้ปรับวิธีการจัดการสวน ประเทศไทย พบว่า สามารถพัฒนาเป็นยางแผ่นอบแห้ง ยางตามข้อกำ� หนด GAP (มกษ. 5908-2562) ในปี 2563 เกรดพรเี มยี ม ร้อยละ 99.2 ทีเ่ หลอื เพียงรอ้ ยละ 0.8 เป็น คณะกรรมการตรวจรับรองมาตรฐาน GAP ของการยาง แห่ง-ประเทศไทย ได้ท�ำการตรวจประเมินให้การรับรอง

25 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางที่ 2 จำ� นวนเงนิ ทไี่ ดร้ บั จากผลผลติ ยางแหง้ กอ่ นทำ� มาตรฐาน GAP และ GMP ปี 2562 ณ ศนู ยก์ ารเรยี นรดู้ า้ นการเกษตรมลู นธิ ริ ฐั บรุ ษุ พลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ จงั หวดั สระแกว้ เดอื น ผลผลติ ยางแห้ง ราคายาง รายได้ ค่าใช้จา่ ย รายได้สทุ ธิ (กก.) (บาท/กก.) (บาท) (บาท) (บาท) พฤษภาคม 4,791.00 25.50 122,170.50 48,868.25 73,302.25 มิถนุ ายน กรกฎาคม 40,839.00 26.20 1,069,981.80 427,911.75 642,070.05 24,543.00 24.17 593,204.31 237,281.75 355,922.56 สหิ าคม 36,877.00 35.45 1,307,289.65 42,361.25 1,264,928.40 กันยายน 33,245.50 35.56 1,182,209.98 33,794.25 1,148,415.73 40,679.00 33.47 1,361,526.13 45,805.25 1,315,720.88 ตุลาคม 67,974.00 37.10 2,521,835.40 31,069.50 2,490,765.90 พฤศจิกายน 29,730.00 40.30 1,198,119.00 0.00 1,198,119.00 ธนั วาคม 278,678.50 33.67 9,356,336.77 867,092.00 8,489,244.77 รวม/เฉล่ีย ยางท่ีไม่ได้คุณภาพ เน่ืองจากยางมีรอยต�ำหนิจาก เรียนรู้ ฯ โดยสุ่มตัวอย่างยางแผ่นอบแห้งทุกเดือนท่ีผลิต เครื่องจักรรีดยาง เสี้ยนไม้ เศษยางท่ีติดตามตะกง/แผ่น เดอื นละ 6 ตวั อย่าง ๆ ละไม่น้อยกว่า 350 กรัม ระหว่าง เสยี บ และฟองอากาศ เปน็ ต้น และลดปัญหาน้ำ� เนา่ เสยี เดือนกันยายน 2562 – กุมภาพันธ์ 2564 รวมจ�ำนวน จากการมีระบบการบริหารจัดการน�้ำล้างเศษยาง 108 ตัวอย่าง มาทดสอบสมบัติเชิงวิทยาศาสตร์ตาม นอกจากนี้ ผลการตรวจประเมินให้การรับรองมาตรฐาน มาตรฐานยางแท่ง STR ได้แก่ ปริมาณสิ่งสกปรก (Dirt) GMP พบวา่ โรงผลิตยางแผ่นอบแหง้ แห่งน้สี ามารถผา่ น ปริมาณสิ่งระเหย (Volatile Matter, VM) ปริมาณเถ้า การรับรองมาตรฐาน GMP จากการยางแห่ง- ปริมาณไนโตรเจน ความอ่อนตัวยางเร่ิมแรก (Plasticity ประเทศไทย ได้เป็นโรงแรกของประเทศ เมื่อวันท่ี 22 origin, Po) ดัชนีความอ่อนตัวของยาง (Plasticity Re- ธนั วาคม 2563 มอี ายกุ ารรบั รอง 1 ปี และในระหวา่ งทีไ่ ด้ tention Index, PRI) ความหนืดมูนนี่ และ สี ผลการ รับการรับรองจะต้องรักษามาตรฐานการผลิตอย่างต่อ ทดสอบไดแ้ สดงไวใ้ นตารางท่ี 4 และ ภาพที่ 1 เนื่อง ซึ่งการยางแห่ง-ประเทศไทย มีมาตรการในการ ตรวจติดตามรักษามาตรฐานการผลิตปีละอย่างน้อย 3 ผลการเชอื่ มโยงกบั ผ้ปู ระกอบการในการน�ำ คร้ัง และมีมาตรการยกเลิกการรับรองหากไม่สามารถ ยางแผน่ อบแหง้ มาตรฐาน GMP รกั ษามาตรฐานไว้ได้ จ�ำหนา่ ยยังโรงงานรับซื้อ การจัดท�ำมาตรฐาน GAP สวนยางของศูนย์การ ผลการทดสอบผลทางวิทยาศาสตร์ยางแผ่นอบแห้ง เรียนรู้ ฯ สู่การผลิตยางแผ่นอบแห้งเกรดพรีเมียม เพอื่ กำ� หนดเปน็ มาตรฐานยางแผน่ อบแหง้ ของ มาตรฐาน GMP ผูว้ ิจยั ไดท้ ำ� การเชือ่ มโยงกบั ตลาดรบั ซื้อ การยางแหง่ ประเทศไทย ท่ีเป็นบริษัทเอกชนภายในประเทศ พบว่า ผู้ซ้ือต่างพึง จากการเกบ็ ตัวอย่างยางแผน่ อบแหง้ ของศูนยก์ าร พอใจผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ท่ีมีสมบัติคงท่ี

ตารางที่ 3 จำ� นวนเงนิ ทไ่ี ดร้ บั และมลู คา่ เพมิ่ จากผลผลติ ย ณ ศนู ยก์ ารเรยี นรดู้ า้ นการเกษตรมลู นธิ ริ ฐั บรุ ษุ พ เดือน ผลผลิตยางแหง้ ราคายาง รายได้ ค่าใช้จ่า (กก.) (บาท/กก.) (บาท) (บาท พฤษภาคม มถิ นุ ายน 13,811.50 18.02 248,883.23 99,553 กรกฎาคม 31,486.50 21.13 665,309.75 266,087 สิหาคม 93,808.79 21.13 1,982,179.73 699,464 กันยายน 21,018.51 37.15 780,837.65 ตลุ าคม 37,544.89 34.67 1,301,681.34 0 พฤศจิกายน 37,665.00 52.17 1,964,983.05 47,567 ธนั วาคม 20.00 56,110 รวม/เฉล่ีย 4,500.00 59.74 90,000.00 36,000 122,820.00 39.63 7,337,266.80 362,655.19 14,371,141.54 0 1,204,782

ยางแหง้ หลงั ทำ� มาตรฐาน GAP และ GMP ปี 2563 พลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ จงั หวดั สระแกว้ าย รายไดส้ ุทธิ ผลผลิตที่เพ่มิ /ลด รายได้สทุ ธทิ ่เี พ่มิ /ลด ท) (บาท) (%) (%) 3.25 149,329.98 188.28 103.72 7.75 399,222.00 - 22.90 - 37.82 4.00 1,282,715.73 282.22 260.39 0.00 780,837.65 - 43.00 - 38.27 7.25 1,254,114.09 0.50 1,908,872.55 12.93 9.20 0.00 - 7.41 45.08 0.00 54,000.00 - 93.38 -97.83 2.75 7,337,266.80 313.12 512.40 13,166,358.79 30.13 55.09

27 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ตารางท่ี 4 สมบตั เิ ชงิ วทิ ยาศาสตรย์ างแผน่ อบแหง้ ของศนู ยเ์ รยี นรู้ ฯ เปรยี บเทยี บกบั รา่ ง มาตรฐานยางแผน่ อบแหง้ เกรดพรเี มยี ม (ADS-P) และมาตรฐานยางแผน่ รมควนั เกรดพรเี มยี ม (RSS-P) (มกยท. 1-2562) คณุ ลักษณะท่ีต้องการ ยางแผ่นอบแหง้ 1 ร่างมาตรฐาน วิธีทดสอบ ของศูนยเ์ รยี นรู้ ฯ ADS-P RSS-P2 ปรมิ าณส่ิงสกปรกสงู สุด (%โดยน้�ำหนกั ) 0.023 (0.009) 0.04 0.02 ISO 249 ปรมิ าณสิ่งระเหยสงู สดุ (%โดยน้ำ� หนัก)3 0.80 (0.11) 0.60 0.60 ISO 248 - 1 ปริมาณเถ้าสงู สุด (%โดยน้ำ� หนกั ) 0.48 (0.08) 0.50 0.35 ISO 247 ปรมิ าณไนโตรเจนสงู สุด (%โดยนำ้� หนกั ) 0.54 (0.07) 0.40 0.40 ISO 1656 ความอ่อนตวั ยางเริม่ แรก, Po ต�ำ่ สดุ 42.1 (5.65) 35.0 42-52 ISO 2007 ดัชนคี วามออ่ นตวั , PRI (%) ตำ่� สดุ 91.8 (3.68) 70 80-100 ISO2930 ความหนดื มูนนี,่ ML (1+4) 100oC - - 70-80 ISO 289 - 1 สี, สงู สุด (Lovibond) 4.5 (0.61) 4.0 - ISO 4660-2011 1ค่าในวงเลบ็ หมายถงึ ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard deviation, SD) 2Ribbed Smoked Sheet Premium grade-Specifications (มกยท. 1-2562) 3ค่าปรมิ าณสิ่งระเหยสูงสดุ ไมเ่ กิน 0.80% เม่ือถงึ ผู้ซอื้ สม่�ำเสมอกว่ายางแผ่นดิบท่ัว ๆ ไป ด้วยคุณลักษณะ ใช้ระบบกรีดหนึ่งวันเว้นหนึ่งวัน ก่อนปรับเข้าสู่มาตรฐาน ภายนอก แผ่นยางสะอาด มีความยืดหยุ่นสูง สีสวย GAP และ GMP ผลผลิต 232 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี หลัง ท�ำให้ผู้ประกอบการต่างให้ราคาสูงกว่าตลาดท้องถิ่น ปรับเข้าสู่มาตรฐานผลผลิตเพิ่มเป็น 302 กิโลกรัมต่อไร่ กโิ ลกรมั ละ 1 – 3 บาท สร้างมูลคา่ เพ่ิมได้ไม่นอ้ ยกวา่ ปลี ะ ต่อปี หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 30.1 โดยมีรายได้เพ่ิมขึ้นจาก 4 ลา้ นบาท 70,74.37 บาทตอ่ ไรต่ อ่ ปี เปน็ 10,971.97 บาทตอ่ ไรต่ ่อปี หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 55.09 สอดคล้องกับงานวิจัยของ สรุป พศิ มัย (2563) ที่ไดศ้ กึ ษาผลผลติ น้ำ� ยางของเกษตรกรใน จงั หวัดตรัง พบวา่ ผลผลติ ยางแหง้ เพมิ่ ข้นึ จาก 1.72 เปน็ ผลสัมฤทธ์ิจากการทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน 3.04 กิโลกรัมต่อไร่ต่อวัน หรือเพิ่มข้ึนร้อยละ 94 หลักสูตรการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส�ำหรับยางพารา เนื่องจากต้นยางมีการสร้างเปลือกงอกใหม่ที่มีจ�ำนวนวง เพอ่ื ผลติ นำ้� ยางสด จากกลมุ่ ตวั อยา่ งของศนู ยก์ ารเรยี นรู้ ฯ ท่อน้�ำยางหนาแน่นสมบูรณ์ ล�ำต้นโตข้ึน น้�ำยางมี พบว่า ผลการทดสอบหลังเรียนมีคะแนนสูงกว่าก่อน ปรมิ าณเน้อื ยางแหง้ สูงขนึ้ ยืดอายุการกรดี ยางไดไ้ มน่ อ้ ย เรียน โดยค่าเฉล่ียมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญ กว่า 5 ปี หากสวนยางทวั่ ประเทศพนื้ ท่ี 20 ล้านไร่ ปฏบิ ตั ิ ทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลต่อ ตามมาตรฐาน GAP สง่ ผลใหผ้ ลผลติ เพิ่มขน้ึ ปีละไม่นอ้ ย การน�ำหลัก GAP ไปพัฒนาสวนยางให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น กว่า 1.5 ล้านตัน มูลคา่ เพ่มิ ไม่นอ้ ยกว่า 75,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้กับผู้เรียนมากขึ้น ส่วนผลการปฏิบัติงาน ผลการขับเคล่ือนให้ศูนย์การเรียนรู้ ฯ ปฏิบัติตาม ตามมาตรฐาน GAP พบว่า สวนยางศูนย์การเรียนรู้ ฯ

ปรมิ าณไนโตรเจนสงู สดุ (%โดยน้ำหนัก) 0.60 0.40 ISO 1656 ความออ่ นตวั ยางเรมิ่ แรก, PO ตำ่ สดุ 35.0 42 - 52 ISO 2007 ดัชนีความออ่ นตัว, PRI (%) ต่ำสดุ 70 80 - 100 ISO 2930 ความหนดื มนู น,่ี ML(1+4) 100oC - 70 - 80 ISO 289 - 1 28ส,ี สงู สดุ (Lovibond) 4.0 - ISO 4660-2011 ***ค่ายปางรแิมผาน่ณรสม่ิงครวะนัเหเกยรสดูงพสดุรีเไมมียเ่ กมินม0า.ต8ร0ฐ%านเกมา่ือรถยงึ าผงูซ้ฉแื้อผบ่งบั ปอระิเเลท็กศไททรยอ(นมกิกยสท์ .414-256ม2ก)ราคม-มีนาคม 2564 Aรปู ทร่ี ูป2ทผี่ ล1กผาลรทกดารสทอดบสสอง่ิ รบะปรเหะริมหยาว(ณ่าvงoสเดlงิ่ aสอื tกนileปกันรmกยaา(tยDtนeirrt2,)5Vข6Mอ2ง)ย–ขาอกงงแุมยผภาน่างพอแผบนั น่แธ์อห2บง้ 5ทแ6ห่ีผ4ลง้ ทิต่ีผตลามติ ตมาามตมรฐาาตนรฐGานMPGMPรูปท่ี 2 ผลการทดสอบส่ิงระเหย (volatile matter, VM) ของยางแผ่นอบแห้งทผ่ี ลิตตามมาตรฐาน GMP ระหวา่ งเดอื นกนั ยายน 2562 – กมุ ภาพันธ์ 2564 ระหว่างเดือนกนั ยายน 2562 – กมุ ภาพนั ธ์ 2564 B รูปที่ 5 ผลการทดสอบความอ่อนตัวเริ่มแรก (Po) ของยางแผน่ อบแห้งทผี่ ลิตตามมาตรฐาน GMP รูปที่ 3 ผลการทดสอบปริมาณเถ้า (Ash) ของยางแผ่นอบแห้งท่ีผลิตตามมาตรฐาน GMP C ระหวา่ งเดอื นกนั ยายน 2562 – กุมภาพนั ธ์ 2564 รปู ที่ 2 ผลการทดสอบสิง่ ระรเหะยหว(า่vงoเดlaอื tนileกันmยาaยttนer2,5V6M2)–ขกอุมงยภาางพแนั ผธน่ ์ 2อ5บ6แ4ห้งท่ผี ลติ ตามมาตรฐาน GMP รปู ท่ี 3 ผลการทดสอบปริมาณเถา้ (Ash) ของยางแผน่ อบแห้งท่ีผลิตตามมาตรฐาน GMP ระหวา่ งเดือนกนั ยายน 2562 – กุมภาพันธ์ 2564 ระหวา่ งเดอื นกันยายน 2562 – กุมภาพนั ธ์ 2564 D Eรปู ท่ี 6 ผลการทดสอบดชั นีความออ่ นตวั (PRI) ของยางแผ่นอบแหง้ ที่ผลิตตามมาตรฐาน GMP รูปที่ 5 ผลการทดสอบความอ่อนตวั เรมิ่ แรก (Po) ของยางแผน่ อบแห้งทผี่ ลติ ตามมาตรฐาน GMP รรปู ูปทท่ี 4่ี 5ผผลลกกาารรททดดสสออบบปครรรวริมะะะาาหหมหณววอวไา่่า่า่อนงงงนเโเเดดตดตือือรือวั เนนเนจรกกกน่มิ นัันนัแ(ยยยNราาากiยยtยrนน(นoPgo222e5)55n66ข6)22อ2ขง––อ–ยงากกกยงมุมุุมาแภภงภผแาาาน่ ผพพพอน่ันันันบอธธธแบ์์์ 2ห22แ555ง้ห6ท66้ง444่ีผทลีผ่ ติ ลตติ าตมามมามตารตฐราฐนานGMGMPP รูปท่ี 4 ผลการทดสอบปริมระาหณวไา่นงโเตดรือเนจนกนั (Nยาitยroนg2e5n6) 2ขอ–งกยามุ งภแาผพ่นนั อธบ์ 2แ5ห6้ง4ที่ผลติ ตามมาตรฐาน GMP รปู ท่ี 3 ผลการทดสอรบะหปวร่าิมงาเดณือเนถา้กัน(Aยsาhย)นข2อ5ง6ย2าง–แกผุม่นภอาบพแันหธ้ง์ ท2่ีผ56ล4ิตตามมาตรฐาน GMP ระหว่างเดอื นกนั ยายน 2562 – กุมภาพันธ์ 2564 FG รูปท่ี 6 ผลการทดสอบดชั นีความอ่อนตวั (PRI) ของยางแผ่นอบแห้งท่ีผลติ ตามมาตรฐาน GMP ภาพท่ี 1 ผลการทดรสะอหบว่าปงเรดมิือานณกันสยางิ่ ยสนก2ป5ร6ก2 (–Aก),ุมปภารพมิ นั าธณ์ 2ส56ง่ิ 4ระเหย (B), ปรมิ าณเถา้ (C), ปรมิ าณไนโตรเจน (D), ความออ่ นตวั เรม่ิ แรก (E), ดชั นคี วามออ่ นตวั (F) และ รูปทค่ี ว4าผมลหกานรดืทมดสนู อนบ่ีป(Gรริม)ะาขหณอวไา่งนงยโเตดารืองเนแจกนผนั น่(ยNอาitบยrนoแgห2e5งn้ 6ท)2ขผี่ อ–ลงติกยุมาตงภาแามผพ่นมนั อาธบ์ต2แร5หฐ6้งา4ทนผี่ ลGิตMตาPมมราะตหรวฐาา่ นงเGดMอื นPกนั รยูปาทยี่ 6นผ2ล5ก6า2รท–ดกสอมุ บภรดะาชั หพนวีคนั่าวงธาเ์ดม2ืออ5น่อ6กน4ันตยวั า(ยPนRI2) 5ข6อ2งย–างกแุมผภ่นาอพบนั แธห์ 2ง้ ท56ี่ผ4ลิตตามมาตรฐาน GMP มาตรฐาน GMP พบว่า สามารถผลิตยางแผ่นอบแห้ง สกปรก มีฟองอากาศและปริมาณความช้ืนในแผ่นยาง เกรดพรีเมยี มได้รอ้ ยละ 99.2 ปริมาณความช้นื น้อยกวา่ 1 สูงกว่า 1 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซง่ึ ผลการดำ� เนนิ การตามมาตรฐาน เปอร์เซ็นต์ ราคาจ�ำหน่ายสูงกว่าราคาประกาศจาก GMP ส่งผลตอ่ การเพม่ิ ผลผลิต เพ่มิ รายได้ ลดตน้ ทนุ การ ส�ำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา เฉล่ีย ผลิต ผลดีต่อสังคม เศรษฐกิจในภาพรวม การยางแห่ง- กิโลกรัมละ 1 บาท และเม่ือเทียบกับก่อนท�ำมาตรฐาน ประเทศไทยได้จัดท�ำร่างมาตรฐานยางแผ่นอบแห้งเกรด GMP พบวา่ ส่วนใหญผ่ ลิตไดย้ างแผ่นดิบความช้ืน 1 – 3 พรีเมยี ม คาดวา่ จะประกาศได้ในปี 2564 เพื่อใหผ้ ู้ผลติ มี เปอร์เซ็นต์ และ 3 – 5 เปอร์เซ็นต์ เน่ืองจากแผ่นยาง อ�ำนาจในการต่อรอง มีตลาดรองรับที่แน่นอนและผู้ผลิต

29 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 AB CD EF ภาพที่ 2 ขน้ั ตอนตา่ ง ๆ ของการทำ� ยางแผน่ อบแหง้ ของศนู ยก์ ารเรยี นรดู้ า้ นการเกษตร มลู นธิ ริ ฐั บรุ ษุ พลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ เรมิ่ จากนำ� นำ้� ยางสดมาทำ� แผน่ ใน ตะกงตบั (A) รดี ใหเ้ ปน็ แผน่ บาง แลว้ นำ� มาตากบนราว จนยางแผน่ แหง้ (B และ C) นำ� มาจดั เรยี งเพอื่ พบั เปน็ มดั (E และ D) แลว้ บรรจใุ นถงุ พลาสตกิ (F) สามารถน�ำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติทางกายภาพ เอกสารอ้างองิ สูง จนท�ำให้ผู้ประกอบการท้ังภายในและต่างประเทศให้ ความสนใจยางเกรดพรีเมียมที่มีกระบวนการตามสอบ กานดา พูนลาภทวี. 2539. สถิติเพื่อการวิจัย. ภาควิชา- กลับได้ ครุศาสตรเ์ ทคโนโลยี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอม- เกล้าพระนครเหนือ. ส�ำนักพิมพ์ฟิสิกส์เซ็นเตอร์.

30 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 GMP. เอกสารประกอบการประชุม The 21st Symposium on TQM Best Practice in Thai- พิมพค์ รงั้ ที่ 1. land. 2–4 กันยายน 2563. ศูนย์ประชุมอุทยาน การยางแห่งประเทศไทย. 2562. ประกาศการยางแห่ง- วิทยาศาสตรแ์ ห่งประเทศไทย จังหวดั ปทมุ ธานี. ประเทศไทย เรื่อง มาตรฐานยางแผ่นรมควนั เกรด พิศมัย จันทุมา. 2563. การเพิ่มผลผลิตและรายได้ของ พรีเมียม:ข้อก�ำหนด Ribbed Smoked Sheet เกษตรกรจังหวัดตรังจากการท�ำสวนยางตาม Premium grade-Specifications. เพื่อใช้ใน มาตรฐาน GAP. ว. ยางพารา 41(2): 2-12. กิจการของการยางแหง่ ประเทศไทย. ชชั มณฑ์ แดงกนษิ ฐ์ นาถาวร, พรทิพย์ ประกายมณวี งศ์ การยางแห่งประเทศไทย. 2563. คู่มือปฏิบัติงาน ข้อ และสุรชัย ศิริพัฒน์. 2558. การวิคราะห์สารชีว ก�ำหนด: การปฏิบัติท่ีดีส�ำหรับการผลิตยางแผ่น โมเลกุลในยางพาราโดยใช้เทคนิคทางชีวเคมีและ อบแห้งเกรดพรเี มยี ม. Air Dried Sheet Premium เทคโนโลยีชีวภาพชั้นสูง. รายงานผลงานวิจัยสิ้น Grade-Specifications. การยางแหง่ ประเทศไทย. สุดปีงบประมาณ 2558. สถาบนั วจิ ยั ยาง การยาง การยางแห่งประเทศไทย. 2564. แผนวิสาหกิจการยาง- แหง่ ประเทศไทย. หนา้ 23. แหง่ ประเทศไทย ระยะ 7 ปี (พ.ศ. 2564 – 2570). เวยี ง อากรชี และคณะ. 2560. ศกึ ษาการใชแ้ บบจำ� ลอง มติคณะกรรมการการยางแหงประเทศไทย ใน โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์สะสมความร้อน คราวประชมุ ครั้งท่ี 14/2563 วันที่ 27 พฤศจิกายน แบบภาวะเรือนกระจกส�ำหรับการอบแห้ง 2563. ยางพาราแผ่นแบบมีการป้องกันรังสีอัลตรา- กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 2561. คมู่ อื โครงการระบบสง่ เสริม ไวโอเลต(ยูวี) และควบคุมอุณหภูมิของโรงอบ. การเกษตรแบบแปลงใหญ่ ประจ�ำปีงบประมาณ วารสารสมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2561. บทความวจิ ยั ปที ี่ 23 ฉบบั ที่ 1 (2560) หนา้ 55-59. ปรีด์ิเปรม ทัศนกุล. 2554. โรงอบยางแผ่นพลังงานแสง ส�ำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ. อาทติ ยร์ ว่ มกบั เตาเผา. ว. ยางพารา 32(2): 12-16. 2562. การปฏิบัติทางการเกษตรท่ีดีส�ำหรับ ปรีด์ิเปรม ทัศนกุล. 2562. หลักปฏิบัติท่ีดีส�ำหรับจุด ยางพารา เลม่ 1 : การผลิตนำ�้ ยางสด. มกษ. 5908 รวบรวมน้�ำยางสดมาตรฐาน GMP. เอกสาร – 2562. มาตรฐานสินค้าเกษตร ประกาศ วิชาการ ศูนย์บริการทดสอบรับรองภาคใต้ ฝ่าย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ราชกิจจานุเบกษา วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยาง การยางแห่ง- เลม่ ท่ี 137 ตอนพเิ ศษ 12ง 15 มกราคม 2563. ประเทศไทย. หทัยชนก พรรคเจริญ. 2555. เทคนิคการเลือกตัวอย่าง. ปรีดเ์ิ ปรม ทัศนกุล. 2563ก. การพัฒนาระบบ GAP และ โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การเตรียมความ GMP ในการผลิตยางธรรมชาติอย่างยั่งยืนของ พร้อมคณะอนุกรรมการสถิติรายสาขาของ ประเทศไทยในปัจจุบัน. บทความเสนอการ ส�ำนกั งานสถิติแหง่ ชาต.ิ ครงั้ ที่ 2 วันท่ี 2 มนี าคม ป ร ะ ชุ ม วิ ช า ก า ร ค รั้ ง ที่ 5 9 ม ห า วิ ท ย า ลั ย 2555 ณ ห้องประชุม 401 ส�ำนักงานสถิติแห่ง- เกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพมหานคร. 12 ชาติ. หนา้ 32. มีนาคม 2564. ปรีด์ิเปรม ทัศนกุล. 2563ข. การยกระดับยางก้อนถ้วย มาตรฐาน GAP สู่การผลิตยางเครปมาตรฐาน

31 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 สถานการณ์ยางพาราของโลก และของไทย ระหว่างปี 2558-2563 อธวิ ณี ์ แดงกนษิ ฐ์, วิญญู โครมกระโทก และ อธิชา อินทอง ฝา่ ยวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ปัจจุบัน ยางท่ีน�ำมาใช้ท�ำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มี 2 ตัวได้ช้ากว่าผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ อีกทั้งการน�ำ ประเภท คอื ยางธรรมชาติ และยางสงั เคราะห์ โดยแต่ละ กลับมาใช้ใหม่ของผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ส่วนใหญ่ยัง ป ร ะ เ ภ ท มี ค ว า ม แ ต ก ต ่ า ง กั น ทั้ ง ใ น เ รื่ อ ง ร า ค า แ ล ะ นอ้ ยกว่ายางธรรมชาติ คุณสมบัติตา่ ง ๆ การน�ำมาใชส้ ามารถนำ� ใชเ้ ดี่ยว ๆ หรอื โดยท่ัวไปการผลิตยางธรรมชาติจะผลิตได้เฉพาะ น�ำมาผสมกันเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพและตรง ประเทศที่เป็นประเทศเกษตรกรรม และมีสภาพดินฟ้า ความต้องการ รวมทงั้ คำ� นงึ ถงึ ต้นทนุ การผลติ อากาศที่เหมาะสมในการผลิต ไม่สามารถผลิตได้ในทุก ยางธรรมชาติ เป็นผลผลิตท่ีได้จากต้นยางพารา ประเทศ ประเทศที่เหมาะสมในการผลิตยางธรรมชาติ การผลิตยางธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย ผลิตยางธรรมชาติจะเป็นการผลิตเชิงเกษตรกรรม พม่า ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา กัมพูชา เป็นต้น ท�ำให้ผลผลิต สามารถปลูกทดแทนได้อย่างต่อเนื่อง มีข้อดีคือยาง ยางธรรมชาติไม่แน่นอน ผันแปรไปตามสภาพอากาศ ธรรมชาติใช้พลังงานน้อยในการผลิตเม่ือเทียบกับยาง และภูมิประเทศในแต่ละแห่ง ท�ำให้เกิดส่วนเกินของ สังเคราะห์ และต้นยางพาราสามารถดูดซับก๊าซ ผลผลิตและขาดแคลนในบางคร้ัง และส่งผลกระทบต่อ คารบ์ อนไดออกไซดอ์ ันเป็นสาเหตุของปรากฏการณเ์ รือน ราคายางธรรมชาติในตลาดโลก ส่วนยางสังเคราะห์น้ัน กระจก ตลอดจนช่วยสร้างความชุ่มช่ืน โดยท�ำให้ฝน โดยท่ัวไปปริมาณการใช้ในแต่ละปีมีปริมาณใกล้เคียง ตกในพื้นที่ปลูกยางเพิ่มมากข้ึน แต่มีข้อเสียเม่ือเทียบกับ กับปริมาณการผลิต ซ่ึงสามารถวางแผนการผลิตได้ ยางสงั เคราะหค์ ือ ผลผลติ ไม่แน่นอน ซ่งึ ผลผลิตขึ้นอยู่กับ แนน่ อน และสว่ นใหญ่เป็นการใช้ในประเทศผูผ้ ลิตเพื่อใช้ สภาพดนิ ฟา้ อากาศในพนื้ ที่ปลูกยางเป็นสำ� คัญ ป้อนโรงงานอุตสาหกรรมและสร้างความมั่นคงให้กับ ยางสังเคราะห์ เป็นยางที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์จาก อุตสาหกรรม โดยประเทศผู้ผลิตยางสังเคราะห์รายใหญ่ ปิโตรเคมี โดยผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุน ของโลก ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และเกาหลีใต้ สูง สามารถควบคุมคุณภาพ และปริมาณได้ตามความ เป็นต้น ส่วนผลผลิตส่วนเกินจะส่งออกไปจ�ำหน่ายยัง ต้องการ แต่มีข้อเสียคือ ในกระบวนการผลิตต้องใช้ ประเทศต่าง ๆ ต่อไป พลังงานสูง และมีการปลดปล่อยมลพิษออกสู่ ส่ิงแวดล้อม อันเป็นสาเหตุท�ำให้สภาพอากาศ พืน้ ท่ีปลกู ยาง เปลี่ยนแปลง และเป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์เรือน กระจก ตลอดจนผลติ ภณั ฑจ์ ากยางสังเคราะห์ยอ่ ยสลาย พื้นทป่ี ลูกยางพารารวมของ 10 ประเทศ ปี 2563 อยทู่ ่ี 79.05 ลา้ นไร่ พืน้ ท่กี รีด อยทู่ ่ี 61.86 ลา้ นไร่ ส�ำหรับ

32 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 สหภาพยุโรป 1.699 ล้านตัน หรือร้อยละ 14.04 ญี่ปุ่น 1.160 ล้านตัน หรือร้อยละ 9.59 และ ยุโรปตะวันออก ประเทศที่มีแนวโน้มพ้ืนท่ีปลูกยางพาราเพ่ิมขึ้น คือ 1.115 ล้านตัน หรือร้อยละ 9.22 ท่ีเหลือผลิตได้ต�่ำกว่า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย พม่า อินโดนีเซีย อินเดีย และ 1 ลา้ นตนั (ตารางท่ี 4) ศรีลังกา ตามล�ำดับ และประเทศที่มีแนวโน้มพื้นที่ปลูก การใช้ ประเทศผู้ใช้ยางสังเคราะห์ส่วนใหญ่เป็น ยางพาราลดลง คอื เวยี ดนาม ไทย และ กมั พชู า ตามลำ� ดบั ประเทศอุตสาหกรรม และเป็นกลุ่มเดียวกับประเทศผู้ ในขณะท่ีปริมาณพ้ืนที่กรีดมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนทุกประเทศ ผลิต โดยช่วงปี 2558 - 2563 ปริมาณการใช้ยาง ยกเว้นมาเลเซยี (ตารางที่ 1) สังเคราะห์ของโลกอยรู่ ะหวา่ ง 11.263 - 14.921 ล้านตนั เมอ่ื พิจารณารายประเทศ พบว่า ปี 2563 จนี เป็นประเทศ การผลติ และการใชย้ างของโลก ที่ใช้ยางสังเคราะห์มากที่สุด จ�ำนวน 3.859 ล้านตัน คิด เปน็ ร้อยละ 32.60 ใชเ้ พ่มิ ขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 15.16 ปริมาณการผลิตยางของโลก ปี 2563 มีจ�ำนวน รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา 1.740 ล้านตัน หรือร้อยละ ท้ังสิ้น 24.695 ล้านตัน เป็นยางธรรมชาติ 12.597 ล้าน 14.70 สหภาพยุโรป 1.712 ล้านตัน หรือร้อยละ 14.46 ตัน และยางสังเคราะห์ 12.098 ล้านตัน และต้ังแต่ปี ญป่ี ่นุ 0.685 ล้านตัน หรือรอ้ ยละ 5.79 และ ยโุ รปตะวัน- 2558 - 2563 ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติมีแนวโน้ม ออก 0.554 ล้านตัน หรือร้อยละ 4.68 ในขณะที่ปี 2562 เพิ่มข้ึนเฉล่ียร้อยละ 1.38 ในขณะที่การผลิตยาง ประเทศผู้ใช้ยางสังเคราะห์ใช้ยางลดลงร้อยละ 24.52 สังเคราะห์มีแนวโน้มลดลงเฉลี่ยร้อยละ 4.10 เนื่องจาก จากปี 2561 เน่ืองจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ ประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้ยางสังเคราะห์ส่วนใหญ่ได้รับผล ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยผู้ใช้ยาง กระทบจากการแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรสั โคโรนา (COVID- สังเคราะห์ที่มีการใช้ลดลงมากที่สุด คือ ยุโรปตะวันออก 19) (ตารางที่ 2) ลดลงร้อยละ 30.27 รองลงมา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ลดลงร้อยละ 29.34, 26.73, สัดสว่ นการใช้ยางธรรมชาติ และยางสังเคราะห์ 25.23 และ 22.36 ตามลำ� ดบั (ตารางที่ 5) ในชว่ งปี 2558 – 2563 แม้วา่ ราคายางจะผนั ผวน การส่งออก ปี 2562 ปริมาณการส่งออกยาง ตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่สัดส่วนการใช้ยางระหว่าง สังเคราะห์ของโลก อยู่ที่ 9.568 ล้านตัน ลดลงจากปี ยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติเปล่ียนแปลงไม่มากนัก 2561 ร้อยละ 2.16 ส�ำหรับปี 2563 (ม.ค. – มิ.ย.) ปรมิ าณ โดยมีการใช้ยางสังเคราะห์มากกว่ายางธรรมชาติ ใน การส่งออกยางสังเคราะห์ของโลก อยู่ที่ 4.201 ล้านตัน สัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 50.52 : 49.48 แต่อตั ราการขยายตัว เม่ือพิจารณารายประเทศ พบวา่ เกาหลใี ตเ้ ป็นประเทศที่ ของปริมาณการใช้ยางสังเคราะห์ลดลงเฉล่ียร้อยละ มีปริมาณการส่งออกยางสังเคราะห์มากท่ีสุด 0.800 4.19 ในขณะที่อัตราการขยายตัวของปริมาณการใช้ยาง ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 19.03 ของปริมาณส่งออก ธรรมชาติเพิม่ ขึน้ เฉล่ียร้อยละ 1.44 (ตารางท่ี 3) ทัง้ หมด รองลงมา คอื รสั เซยี 0.438 ล้านตนั หรือรอ้ ยละ 10.42 สหรัฐอเมริกา 0.434 ล้านต้น หรือร้อยละ 10.33 การผลิต การใช้ และการส่งออกยางสงั เคราะห์ ญ่ีปุ่น 0.335 ล้านต้น หรือร้อยละ 7.98 และเยอรมนี การผลิต ประเทศผู้ผลิตยางสังเคราะห์ส่วนใหญ่ 0.315 ลา้ นตัน หรอื ร้อยละ 7.49 (ตารางท่ี 6) เป็นประเทศพัฒนาแล้ว หรือเป็นประเทศที่มีความ ก้าวหน้าทางอตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี ในช่วงปี 2558 การผลติ การใช้ และการสง่ ออกยาง – 2563 ปริมาณการผลิตยางสังเคราะห์ของโลกอยู่ ธรรมชาติ ระหว่าง 11.128 - 14.934 ล้านตัน เมื่อพิจารณาราย ประเทศ พบว่า ปี 2563 จีนเป็นประเทศท่ีผลิตยาง การผลิต ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติของโลก สงั เคราะหม์ ากทส่ี ดุ จำ� นวน 3,124 ลา้ นตนั คดิ เปน็ รอ้ ยละ ตั้งแต่ปี 2558 – 2563 เพ่ิมขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.38 ต่อปี 25.82 ผลิตเพ่ิมขนึ้ จากปี 2562 รอ้ ยละ 25.41 รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา 1.858 ล้านตัน หรือร้อยละ 15.36

ตารางท่ี 1 พน้ื ทป่ี ลกู และพน้ื ทก่ี รดี ยางพาราของประเท ปี ไทย อนิ โดนีเซีย พน้ื ท่ี พ้ืนที่ พืน้ ที่ พื้นท่ี ปลูก กรีด ปลูก กรดี 2558 23.14 18.43 22.63 18.98 2559 22.94 18.47 22.74 19.01 2560 22.71 19.24 22.87 19.09 2561 22.49 20.17 22.94 19.55 2562 22.19 20.48 22.98 20.13 2563 22.00 20.58 23.01 20.42 อัตราการเตบิ โต -1.03 เฉลี่ยปี 58 - 63 2.63 0.33 1.62 ทม่ี า: Association of Natural Rubber Producing Countries (2021) หมายเหต:ุ ขอ้ มลู ปี 2563 เปน็ ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้

ทศผปู้ ลกู ทสี่ ำ� คญั ปี 2558 - 2563 (หนว่ ย: ลา้ นไร)่ จีน มาเลเซีย เวยี ดนาม พืน้ ที่ พ้นื ที่ พน้ื ที่ พ้ืนท่ี พ้ืนที่ พน้ื ที่ ปลกู กรีด ปลูก กรดี ปลูก กรีด 7.25 4.44 6.72 3.20 6.16 3.78 7.36 4.50 6.74 3.01 6.08 3.88 7.35 4.65 6.76 3.19 6.06 4.08 7.22 4.78 6.77 2.64 6.03 4.29 7.23 4.81 6.79 2.80 5.88 4.44 7.23 4.66 6.92 2.80 5.79 4.50 -0.24 1.33 0.49 -3.00 -1.17 3.87

ตารางท่ี 1 (ตอ่ ) พน้ื ทป่ี ลกู และพนื้ ทกี่ รดี ยางพาราของประ ปี อนิ เดีย พมา่ พ้นื ที่ พืน้ ท่ี พ้ืนที่ พน้ื ที่ ปลกู กรดี ปลกู กรดี 2558 5.07 2.44 4.07 1.78 2559 5.11 2.78 4.09 1.83 2560 5.13 2.97 4.11 1.95 2561 5.14 2.80 4.12 2.06 2562 5.14 3.05 4.13 2.11 2563 5.14 3.06 4.15 2.19 อตั ราการเตบิ โต 0.26 3.89 0.36 4.62 เฉลี่ยปี 58 - 63 ทม่ี า: Association of Natural Rubber Producing Countries (2021) หมายเหต:ุ ขอ้ มลู ปี 2563 เปน็ ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้

ะเทศผปู้ ลกู ทส่ี ำ� คญั ปี 2558 - 2563 (หนว่ ย: ลา้ นไร)่ ฟลิ ปิ ปินส์ ศรลี ังกา กัมพชู า พน้ื ท่ี พืน้ ท่ี พ้นื ท่ี พ้นื ที่ พ้ืนท่ี พน้ื ที่ ปลกู กรดี ปลูก กรดี ปลกู กรดี 1.39 0.73 0.85 0.57 2.43 0.70 1.40 0.89 0.85 0.61 2.70 0.79 1.41 0.96 0.85 0.65 2.73 1.06 1.43 1.01 0.86 0.68 2.73 1.26 1.43 1.07 0.86 0.71 2.54 1.57 1.44 1.11 0.86 0.73 2.52 1.83 0.73 7.97 0.21 5.29 -0.01 22.27

35 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางที่ 2 ปรมิ าณการผลติ และการใชย้ างของโลก ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ปี พ.ศ. ยางธรรมชาติ1 ยางสังเคราะห์ 2 รวม การผลิต การใช้ การผลิต การใช้ ผลต่าง การผลติ การใช้ ผลต่าง 2558 12,254 12,256 -2 13,975 13,930 45 26,229 26,186 2559 12,496 12,726 -230 14,325 14,240 85 26,821 26,966 2560 13,381 13,328 53 14,710 14,621 89 28,092 27,949 2561 13,839 13,898 -58 14,934 14,924 10 28,773 28,822 2562 13,841 13,768 73 11,128 11,264 -136 24,969 25,032 2563 12,597 12,811 -214 12,098 11,838 260 24,695 24,649 ทมี่ า: 1Association of Natural Rubber Producing Countries (2021), 2LMC Tyre & Rubber Ltd. (2020) หมายเหต:ุ ข้อมูลปี 2563 เปน็ ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ตารางที่ 3 สดั สว่ นการใชย้ างธรรมชาตแิ ละยางสงั เคราะหข์ องโลก ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ปี พ.ศ. ยางธรรมชาต1ิ ยางสังเคราะห์ 2 ปรมิ าณการใช้ รอ้ ยละ ปริมาณการใช้ รอ้ ยละ 2558 12,254 46.80 13,975 53.37 2559 12,496 46.34 14,325 53.12 2560 13,381 47.88 14,710 52.63 2561 13,839 48.02 14,934 51.82 2562 13,841 55.29 11,128 44.45 2563 12,597 51.11 12,098 49.08 อัตราการเติบโตเฉลีย่ (%) 1.44 -4.19 ปี 58 - 63 ทีม่ า: 1Association of Natural Rubber Producing Countries (2021), 2LMC Tyre & Rubber Ltd. (2020) หมายเหต:ุ ข้อมูลปี 2563 เปน็ ข้อมูลเบอ้ื งตน้

36 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางที่ 4 ปรมิ าณการผลติ ยางสงั เคราะหข์ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 จนี 2,800 3,010 3,130 3,209 2,491 3,124 2,483 2,433 2,470 1,860 1,858 สหรัฐอเมรกิ า 2,458 2,295 2,295 2,283 1,690 1,699 1,565 1,602 1,569 1,164 1,160 สหภาพยโุ รป 2,239 1,298 1,372 1,396 3,671 3,879 4,007 969 1,115 ญี่ปนุ่ 1,668 14,322 14,710 14,934 2,954 3,143 2.49 2.71 1.52 11,128 12,099 ยุโรปตะวันออก 1,237 -25.49 8.73 อืน่ ๆ 3,573 รวม 13,975 อตั ราการเปลย่ี นแปลง (%) 2.34 ที่มา: LMC Tyre & Rubber Ltd. (2020) หมายเหต:ุ ข้อมลู ปี 2563 เปน็ ข้อมลู เบอื้ งตน้ ตารางที่ 5 ปรมิ าณการใชย้ างสงั เคราะหข์ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 จีน 3,964 4,155 4,308 4,316 3,351 3,859 2,396 2,245 2,349 1,756 1,740 สหรฐั อเมรกิ า 2,461 2,293 2,358 2,335 1,711 1,712 สหภาพยโุ รป 2,257 866 881 887 627 685 668 721 764 533 554 ญีป่ นุ่ 896 3,858 4,104 4,269 3,285 3,288 14,236 14,617 14,921 11,263 11,838 ยโุ รปตะวนั ออก 607 2.18 2.67 2.08 -24.52 5.11 อ่ืน ๆ 3,747 รวม 13,932 อัตราการเปลย่ี นแปลง (%) 0.89 ทม่ี า: LMC Tyre & Rubber Ltd. (2020) หมายเหต:ุ ขอ้ มูลปี 2563 เป็นขอ้ มลู เบอ้ื งตน้

37 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ตารางที่ 6 ปรมิ าณการสง่ ออกยางสงั เคราะหข์ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 เกาหลีใต้ 1,446 1,453 1,565 1,601 1,618 800 974 434 สหรฐั อเมรกิ า 1,129 1,193 1,176 1,153 รสั เซยี 943 986 1,030 1,017 996 438 ญีป่ ุ่น 823 882 894 849 812 335 845 872 848 811 775 315 เยอรมนี ไต้หวนั 492 504 513 552 553 279 364 354 379 346 335 137 ฝรัง่ เศส จีน 190 202 253 286 310 168 อิตาลี 192 213 199 202 199 94 144 167 168 173 165 43 แคนาดา อืน่ ๆ 2,416 2,718 2,792 2,789 2,832 1,160 รวม 8,984 9,544 9,817 9,779 9,568 4,201 อตั ราการเปลีย่ นแปลง (%) 3.54 6.23 2.86 -0.39 -2.16 - ที่มา: International Rubber Study Group (2020) หมายเหตุ: ขอ้ มลู ปี 2563 เปน็ ข้อมูลระหวา่ ง ม.ค.-มิ.ย. โดยปริมาณผลผลิตท่ีเพิ่มข้ึนดังกล่าวเน่ืองจากการ การใช้ ในรอบ 6 ปีท่ีผ่านมา ปริมาณการใช้ยาง เติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์แบบก้าวกระโดดของจีน ธรรมชาตขิ องโลกขยายตวั เพ่มิ ขน้ึ เฉล่ียรอ้ ยละ 1.44 ต่อปี เมื่อปี 2553 – 2554 ท�ำให้ราคายางอยู่ในระดับสูง จึง โดยมีอัตราการใช้ยางธรรมชาติระหว่าง 12.254 – จูงใจให้เกษตรกรในแต่ละประเทศผู้ผลิตยางมีการปลูก 13.898 ล้านตนั เมือ่ พจิ ารณารายประเทศ เหน็ ได้วา่ จนี ยางเพ่ิมขึ้น สว่ นประเทศจีนขยายพนื้ ทปี่ ลกู ไปยังประเทศ เป็นประเทศผู้ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก โดยปี เพื่อนบ้านเพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมใน 2563 มีปริมาณการใช้ 5.444 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ ประเทศ ส�ำหรับปริมาณการผลิตยางธรรมชาติของโลก 42.49 ของปริมาณการใช้ยางธรรมชาติทั้งหมดของโลก ในปี 2563 ลดลงจากปี 2562 จำ� นวน 1.244 ล้านตนั หรือ รองลงมา คือ อินเดีย 1.018 ล้านตัน หรือร้อยละ 7.95 คิดเป็นร้อยละ 8.99 และประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ สหภาพยุโรป 0.994 ล้านตัน หรือร้อยละ 7.76 มากทีส่ ดุ 3 อนั ดบั แรก คอื ไทย อินโดนเี ซีย และเวียดนาม สหรัฐอเมริกา 0.980 ล้านตัน หรือร้อยละ 6.64 ไทย มีปริมาณการผลิตคิดเปน็ ร้อยละ 65.79 ของปริมาณการ 0.687 ล้านตัน หรือร้อยละ 5.36 และ ญ่ีปุ่น 0.668 ผลิตท้ังหมดของโลก ประกอบด้วย ไทย ร้อยละ 33.65 ล้านตัน หรือร้อยละ 5.21 ซ่ึงจะเห็นได้ว่าปริมาณการใช้ อินโดนีเซีย ร้อยละ 22.90 และ เวียดนาม ร้อยละ 9.25 ยางของประเทศผู้ใช้หลักมีแนวโน้มลดลงต้ังแต่ ปี 2562 ส�ำหรับประเทศอ่ืน ๆ ผลิตยางธรรมชาติได้น้อยกว่าปีละ เน่ืองจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเช้ือ 1 ล้านตัน (ตารางที่ 7) ไวรัสโคโรนา (COVID-19) ส�ำหรับประเทศไทยปริมาณ

38 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางที่ 7 ปรมิ าณการผลติ ยางธรรมชาตขิ องประเทศตา่ ง ๆ ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ไทย 4,473 4,347 4,429 4,973 4,852 4,239 อินโดนีเซีย 3,085 3,150 3,510 3,337 2,980 2,885 เวียดนาม 1,086 1,123 1,160 1,288 1,345 1,165 จนี 756 718 769 757 746 693 มาเลเซีย 722 674 740 603 640 520 อนิ เดยี 595 589 704 628 704 662 โกตดิวัวร์ 407 479 582 615 765 855 ศรลี ังกา 88 79 82 83 79 75 263 พมา่ 212 225 242 227 260 1,241 829 1,113 1,164 1,328 1,470 12,597 อ่นื ๆ 12,254 12,495 13,381 13,839 13,841 -8.99 3.01 1.98 7.08 3.42 0.01 รวม อตั ราการเปล่ยี นแปลง (%) ทีม่ า: Association of Natural Rubber Producing Countries (2020) และ การยางแห่งประเทศไทย (2563) หมายเหตุ: ขอ้ มลู ปี 2563 เปน็ ข้อมลู เบอ้ื งตน้ การใช้ยางลดลงเชน่ กัน (ตารางท่ี 8) การผลติ การใช้ และการสง่ ออกยาง การส่งออก ปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติของ ธรรมชาตขิ องไทย โลกในช่วงปี 2558 - 2563 มีอัตราการขยายตัวลดลง เฉลย่ี รอ้ ยละ 1.64 ตอ่ ปี เมอื่ พจิ ารณารายประเทศ เหน็ ไดว้ ่า การผลติ ประเทศผู้ส่งออกยางเป็นประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติมาก รายใหญ่แถบอาเซียน ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย ท่ีสุดของโลก ศักยภาพการผลิตยางของไทย มีมากกว่า เวยี ดนาม และมาเลเซีย โดยปี 2563 ปริมาณการส่งออก ปลี ะ 4 ล้านตนั โดยระหว่างปี 2558 – 2563 ปรมิ าณการ ยางของ ท้ัง 4 ประเทศ อยทู่ ่ี 8.986 ลา้ นตัน หรอื รอ้ ยละ ผลิตยางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉล่ียร้อยละ 0.50 ต่อปี 92.13 ของปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติของโลก โดยเพ่ิมขึน้ จาก 4.473 ลา้ นตัน เมอื่ ปี 2558 เปน็ 4.852 (ตารางที่ 9) ลา้ นตัน ในปี 2562 แต่ในปี 2563 ปริมาณผลผลติ ลดลง ส�ำหรับปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติของโลก ร้อยละ 12.64 เน่ืองจากการเปล่ียนแปลงของสภาพ ปี 2563 อยู่ที่ 9.857 ล้านตัน โดยไทยส่งออกมากท่ีสุด ภมู อิ ากาศ และขาดแคลนแรงงานกรดี ซง่ึ ไดร้ บั ผลกระทบ 3.785 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 38.81 รองลงมา คือ จากการแพรร่ ะบาดของเชอื้ ไวรสั โคโรนา (COVID-19) อินโดนีเซีย 2.440 ลา้ นตัน หรอื ร้อยละ 25.02 เวียดนาม ปริมาณการใช้ยางและปริมาณการส่งออก ตั้งแต่ 1.671 ล้านตัน หรือร้อยละ 17.13 และมาเลเซีย 1.090 ปี 2558 – 2563 มีแนวโน้มเพิ่มข้ึนเฉลี่ย ร้อยละ 3.78 ลา้ นตนั หรอื รอ้ ยละ 11.17 (ตารางที่ 9) และ 0.51 ต่อปี ในขณะทส่ี ตอ๊ กยาง 3 ชนดิ (ยางแผ่นรม ควัน/ยางแท่ง/น�้ำยางข้น) ปรับตัวลดลงเช่นกัน (ตารางท่ี

39 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางท่ี 8 ปรมิ าณการใชย้ างธรรมชาตขิ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 จนี 4,780 5,011 5,386 5,692 5,549 5,444 สหภาพยุโรป 1,159 1,186 1,236 1,231 1,191 994 อินเดยี 1,034 1,082 1,220 1,144 สหรัฐอเมริกา 993 1,006 1,018 937 932 958 987 850 ไทย 601 650 653 627 774 687 691 676 679 706 714 668 ญี่ป่นุ 541 601 619 626 640 598 อนิ โดนเี ซีย 487 506 518 542 528 545 มาเลเซีย 388 403 391 399 404 350 บราซลิ 388 381 384 367 354 312 เกาหลใี ต้ 1,290 1,347 1,422 1,501 1,463 1,346 12,254 12,726 13,328 13,898 13,768 อน่ื ๆ -3.66 3.85 4.73 4.27 -0.93 12,811 -6.95 รวม อัตราการเปลี่ยนแปลง (%) ท่มี า: Association of Natural Rubber Producing Countries (2021) หมายเหต:ุ ขอ้ มลู ปี 2563 เป็นข้อมูลเบ้ืองตน้ 10) และเม่ือพจิ ารณาสดั สว่ นประเภทยางแปรรูปข้ันต้นท่ี และยางผสม ร้อยละ 2.74 และยางอ่ืน ๆ ร้อยละ 4.51 ผลติ ได้ พบวา่ ไทยผลติ ยางแทง่ เอสทอี ารม์ ากทส่ี ดุ รอ้ ยละ ตามล�ำดับ (ตารางที่ 12) 36.91 รองลงมาเปน็ ยางผสม (ยางผสมสารเคมี และยาง ส�ำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ยางมากที่สุด 5 อันดับ คอมปาวด์) น�ำ้ ยางขน้ ยางแผน่ รมควัน และยางประเภท แรก คือ อุตสาหกรรมผลิตยางยานพาหนะเป็น อน่ื ๆ รอ้ ยละ 25.34, 21.83, 12.31 และ 3.79 ตามล�ำดบั อุตสาหกรรมที่ใช้ยางมากท่ีสุด รองลงมาคือ ยางยืด (ตารางที่ 11) ถุงมือยาง รถจักรยานยนต์ และ ยางรัดของ ตามล�ำดับ การใช้ โดยปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในผลิตภัณฑ์ยางทั้ง 5 ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในประเทศของไทย ชนิด มีจ�ำนวน 0.50 ล้านตัน หรือร้อยละ 85.77 ของ เพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่องจาก จ�ำนวน 0.600 ล้านตัน เม่ือปี ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติทั้งหมด ที่เหลือเป็น 2558 เป็น 0.687 ล้านตัน ในปี 2563 หรือมีอัตราการ ผลติ ภณั ฑ์ยางอน่ื ๆ แตพ่ บวา่ ในปี 2563 สัดสว่ นการใช้ ขยายตัวเฉลยี่ ตอ่ ปี อยู่ทรี่ อ้ ยละ 3.78 (ตารางที่ 10) เม่อื ยางเพื่อการผลิตยางยานพาหนะ ยารัดของ และยาง พิจารณาชนิดของยางที่ใช้ในประเทศปี 2563 พบว่า ใช้ หล่อดอก ลดลงจากปี 2562 ในขณะที่การผลิตถุงมอื ยาง ยางแท่งเอสทอี ารม์ ากที่สุด รอ้ ยละ 39.58 รองลงมา คือ และยางยืด เพ่ิมขึ้นร้อยละ 3.25 และ2.89 ตามล�ำดับ นำ้� ยางข้น ร้อยละ 38.18 ยางแผน่ รมควนั ร้อยละ 14.98 (ตารางท่ี 13)

40 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มนี าคม 2564 ตารางที่ 9 ปรมิ าณการสง่ ออกยางธรรมชาตขิ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2558-25631 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 อตั ราการเตบิ โต 2563 เฉลีย่ (%) ไทย2 3,755 3,816 4,401 4,455 3,978 อนิ โดนเี ซยี 2,675 2,603 3,277 2,954 2,582 ปี 58 - 63 มาเลเซยี 1,132 1,053 1,217 1,121 1,058 เวียดนาม 1,137 1,253 1,381 1,500 1,634 3,785 0.51 กมั พชู า 2,440 -1.66 128 145 189 217 282 1,090 -0.74 อน่ื ๆ 1,671 8.34 2,442 2,497 2,446 2,409 2,472 รวม 11,269 11,367 12,911 12,656 12,005 328 21.56 440 -21.82 9,753 -1.64 ทีม่ า: 1Association of Natural Rubber Producing Countries (2021), 2กรมศลุ กากร (2563) หมายเหตุ: ข้อมลู ปี 2563 เปน็ ข้อมูลเบื้องต้น ตารางที่ 10 การผลติ การใช้ การสง่ ออกยางธรรมชาติ และสตอ๊ กยางของไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ปี พ.ศ. การผลิต1 การใช้1 การสง่ ออก2 สต็อก3 2558 4,473 600 3,755 316 2559 4,347 650 3,816 244 2560 4,429 652 4,401 238 4,455 266 2561 4,973 720 3,978 284 3,785 132 2562 4,852 774 0.51 -10.28 2563 4,239 687 อัตราการเติบโตเฉล่ยี (%) 0.50 3.78 ปี 58 - 63 ทม่ี า: 1การยางแหง่ ประเทศไทย (2563), 2กรมศลุ กากร (2563), 3กองการยาง (2563) หมายเหต:ุ 1) ข้อมูลปี 2563 เปน็ ขอ้ มลู เบื้องต้น 2) สตอ็ ก มี 3 ชนิด ได้แก่ ยางแผ่นรมควนั ยางแทง่ และน�้ำยางข้น

41 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางท่ี 11 ปรมิ าณการผลติ ยางธรรมชาตขิ องไทยจำ� แนกตามประเภท ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: รอ้ ยละ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 น้�ำยางข้น1 21.56 19.81 18.00 19.53 21.41 21.83 19.87 14.89 12.62 12.13 ยางแผ่นรมควัน 19.76 19.71 38.43 35.28 34.55 36.91 21.86 24.40 20.38 25.34 ยางแท่งเอสทอี าร์ 42.20 44.93 1.85 5.90 11.05 3.79 100.00 100.00 100.00 100.00 ยางผสม2 11.43 14.17 ยางอื่น ๆ3 5.04 1.38 รวม 100.00 100.00 ท่มี า: การยางแห่งประเทศไทย (2563) 1น้ำ� หนักเนือ้ ยางแห้ง 2ยางผสม ได้แก่ ยางผสมสารเคมี และยางคอมปาวด์ 3ยางอืน่ ๆ เชน่ ยางแผ่นผ่ึงแหง้ ยางเครพ ยางสกิม ยางแผ่นดิบ ฯลฯ ตารางท่ี 12 ปรมิ าณการใชย้ างธรรมชาตขิ องไทยจำ� แนกตามประเภท ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: รอ้ ยละ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 นำ้� ยางขน้ 1 37.32 38.05 38.48 30.28 28.90 39.58 24.76 17.36 46.17 38.18 ยางแผน่ รมควัน 29.92 28.15 21.03 38.06 6.16 14.98 5.73 5.42 0.54 2.74 ยางแท่งเอสทีอาร์ 25.82 19.18 10.00 8.89 18.23 4.51 100.00 100.00 100.00 100.00 ยางผสม2 3.30 6.61 ยางอื่น ๆ3 3.64 8.01 รวม 100.00 100.00 ที่มา: การยางแห่งประเทศไทย (2563) 1น้�ำหนกั เนอ้ื ยางแห้ง 2ยางผสม ไดแ้ ก่ ยางผสมสารเคมี และยางคอมปาวด์ 3ยางอน่ื ๆ เช่น ยางแผ่นผึง่ แห้ง ยางเครพ ยางสกมิ ยางแผน่ ดบิ ฯลฯ

42 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางที่ 13 ปรมิ าณการใชย้ างธรรมชาตขิ องไทยจำ� แนกตามประเภทผลติ ภณั ฑ์ ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: รอ้ ยละ) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ยางยานพาหนะ 49.48 55.19 57.87 59.45 58.99 48.89 ยางยืด 14.61 15.74 17.07 18.00 16.81 19.69 ถงุ มือยาง 13.65 11.83 8.47 8.15 9.71 12.96 ยางรถจกั รยานยนต์ 6.78 5.39 5.16 6.28 3.26 3.33 ถงุ ยางอนามยั 1.59 1.63 1.62 1.21 0.68 0.90 ยางรัดของ 4.16 3.49 4.22 0.67 1.30 0.65 รองเทา้ 0.83 0.85 0.64 0.64 0.63 0.77 กาว 0.51 0.52 0.34 0.28 0.18 0.22 ผลิตภัณฑฟ์ องน้�ำ 0.05 0.03 0.06 0.28 0.05 0.04 อะไหลร่ ถยนต์ 0.58 0.51 0.22 0.24 0.26 0.35 สายพาน 1.25 0.49 0.19 0.15 0.12 0.17 หลอ่ ดอก 0.22 0.18 0.16 0.04 0.04 0.03 ทอ่ ยาง 2.60 0.67 0.11 0.03 0.05 0.15 พื้นรองเท้า เครือ่ งมือทางการแพทย์ 0.25 0.21 0.35 0.03 0.03 0.05 อื่น ๆ 0.06 0.06 0.44 0.03 0.02 0.03 รวม 3.38 3.22 3.48 4.53 7.88 11.77 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 ที่มา: การยางแห่งประเทศไทย (2563) การสง่ ออก ส่งออกไปยงั ตลาดหลกั ได้แก่ จีน รองลงมา คือ มาเลเซีย นอกจากไทยผลิตยางธรรมชาติได้มากเป็นอันดับ ญีป่ ุ่น สหรฐั อเมริกา และเกาหลใี ต้ โดยประเทศที่มีอัตรา หน่ึงของโลกแล้ว ประเทศไทยยังเป็นประเทศท่ีส่งออก การขยายตัวเพิ่มข้ึนมากท่ีสุด คือ มาเลเซีย เน่ืองจาก ยางธรรมชาติมากท่ีสุดของโลกด้วย ปริมาณการส่งออก ความต้องน�้ำยางข้นในการผลิตถุงมือยาง รองลงมา คือ ยางของไทยเพิ่มข้ึนเกือบทุกปี ต้ังแต่ปี 2558 – 2563 จีน สำ� หรับชนดิ ยางทสี่ ่งออกมากท่สี ดุ ของไทยในปี 2563 ปรมิ าณการสง่ ออกของไทยมอี ตั ราการเตบิ โตเฉลย่ี รอ้ ยละ คอื ยางผสม รอ้ ยละ 40.60 รองลงมา คอื ยางแทง่ เอสที- 0.51 ต่อปี และพบว่า ยางผสม และน�้ำยางข้น มีอัตรา อาร์ ร้อยละ 28.87 น�้ำยางข้น ร้อยละ 17.80 และยาง การเตบิ โตเฉลีย่ รอ้ ยละ 42.96 และ 0.91 ตามลำ� ดบั ในปี แผ่นรมควนั รอ้ ยละ 10.02 ตามล�ำดบั ท่เี หลือสง่ ออกยาง 2563 ปริมาณการส่งออกยางของไทยมีท้ังส้ิน 3.785 ชนิดอื่น ๆ ร้อยละ 2.72 เช่น แผ่นผึ่งแห้ง ยางสกิม ยาง ล้านตัน ลดลงจากปี 2562 ท่ีมีปริมาณส่งออก 3.978 เครพ ยางแผน่ ดิบ (ตารางที่ 14 - 15) ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 4.90 ส่วนใหญ่เกือบ 1 ใน 3 ส�ำหรับทา่ เรอื /ดา่ นสง่ ออก ในปี 2563 ประเทศไทย

43 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ตารางที่ 14 ปรมิ าณการสง่ ออกยางธรรมชาตขิ องไทยจำ� แนกตามประเภท ปี พ.ศ. 2558 - 2563 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเภท อตั ราการเตบิ โต 2558 2559 2560 2561 2562 2563 เฉลี่ย (%) ปี 58 - 63 ยางแทง่ เอสทีอาร์ 1,822 1,734 1,585 1,529 1,478 1,093 -8.41 42.96 ยางผสม1 187 678 1,145 1,370 1,233 1,537 0.91 -9.62 น�้ำยางขน้ 1 637 667 696 765 656 674 -28.09 -7.85 ยางแผ่นรมควนั 660 570 709 558 477 379 0.51 ยางคอมปาวด1์ 346 103 73 85 52 51 ยางอ่ืน ๆ2 102 64 193 148 83 52 รวม 3,755 3,816 4,401 4,455 3,978 3,785 อตั ราการเปลีย่ นแปลง (%) 1.6 15.3 1.2 -10.7 -4.9 ที่มา: กรมศลุ กากร (2563) หมายเหตุ: ข้อมลู ปี 2563 เป็นข้อมลู เบอ้ื งต้น 1นำ้� หนักเนื้อยางแหง้ 2ยางอน่ื ๆ เช่น ยางแผ่นผ่งึ แห้ง ยางเครพ ยางสกิม ยางแผน่ ดิบ ฯลฯ ตารางท่ี 15 มลู คา่ การสง่ ออกยางธรรมชาตไิ ปประเทศผซู้ อื้ ปลายทาง ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: ลา้ นบาท) ประเทศ 2558 2559 2560 2561 2562 อตั ราการ 2563 เปล่ยี นแปลง 176,984 135,190 106,411 26,405 21,132 18,346 (%) 15,343 11,162 11,787 จีน 112,869 113,974 13,171 10,920 10,228 106,926 0.48 7,393 5,566 4,851 มาเลเซีย 22,431 20,664 48,449 41,190 39,027 20,548 12.01 287,744 225,160 190,650 ญปี่ นุ่ 13,018 10,986 9,587 -18.67 สหรัฐอเมรกิ า 9,057 10,498 8,290 -18.95 เกาหลใี ต้ 9,169 6,828 4,089 -15.71 อ่นื ๆ 36,378 37,149 32,494 -16.74 รวม 202,922 200,098 181,933 -4.57 ที่มา: กรมศลุ กากร (2563)

44 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 2563 พ้ืนท่ีปลูกยางพารารวมของ 10 ประเทศ อยู่ท่ี 79.05 ล้านไร่ พืน้ ที่กรดี อย่ทู ี่ 61.86 ล้านไร่ และปรมิ าณ ส่งออกผ่านท่าเรือแหลมฉบังมากที่สุด ร้อยละ 42.51 การผลิต การใช้ การส่งออกทั้งยางสังเคราะห์และยาง รองลงมา คอื ด่านปาดังเบซาร์ รอ้ ยละ 26.91 ด่านสะเดา ธรรมชาติมีแนวโน้มลดลง เน่ืองจากทั้งประเทศผู้ผลิต ร้อยละ 15.36 และส่งออกผ่านท่าเรือ/ด่านส่งออกอื่น ๆ และผู้ใช้ยางได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อ ร้อยละ 15.22 (ตารางที่ 16) ไวรัสโคโรนา (COVID-19) 4) สถานการณ์ยางพาราของไทยในปี 2563 การ สรุปและขอ้ เสนอแนะ ผลิต การใช้ และการส่งออกยางธรรมชาติลดลงจากปีท่ี ผ่านมา โดยชนิดยางท่ีไทยผลิตและมีการใช้ยางมาก สรุป ท่ีสุด คือ ยางแท่งเอสทอี าร์ รองลงมา คือ น้�ำยางข้น ยาง จากการวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์ยางพาราของ แผ่นรมควัน ยางผสม และยางอ่ืน ๆ ในขณะที่ ปริมาณ โลกและของไทย ปี 2563 สามารถสรุปสาระส�ำคัญได้ การส่งออกมีการส่งออกยางผสมมากที่สุด รองลง คือ ดงั นี้ ยางแท่งเอสทีอาร์ น้�ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน และยาง 1) ตัง้ แต่ปี 2558 - 2563 ประเทศที่มแี นวโนม้ พ้นื ท่ี อน่ื ๆ และประเทศค่คู า้ ทม่ี มี ูลค่านำ� เขา้ ยางธรรมชาตจิ าก ปลูกยางพาราเพ่ิมข้ึน คือ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย พม่า ไทยมากที่สุด คือ จีน รองลงมา คือ มาเลเซีย ญ่ีปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย และ ศรีลังกา และประเทศท่ีมีแนว สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ โดยประเทศที่มีอัตราการ โน้มพ้ืนที่ปลูกยางพาราลดลง คือ เวียดนาม ไทย และ ขยายตัวเพ่ิมขึ้นมากท่ีสุด คือ มาเลเซีย เนื่องจากความ กัมพูชา ในขณะท่ีปริมาณพื้นท่ีกรีดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุก ต้องน�้ำยางข้นในการผลิตถุงมือยาง และส่วนใหญ่ส่ง ประเทศ ยกเว้นมาเลเซีย ออกผ่านท่าเรือแหลมฉบงั มากท่ีสุด 2) ปริมาณการผลิตและการใช้ยางธรรมชาติของ โลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะท่ีการผลิตและการใช้ยาง สังเคราะห์มีแนวโน้มลดลง ส�ำหรับปริมาณการส่งออก ยางธรรมชาติและยางสงั เคราะหม์ ีแนวโนม้ ลดลง เช่นกนั 3) สถานการณส์ ถานการณย์ างพาราของโลกในปี ตารางที่ 16 ปรมิ าณการสง่ ออกยางธรรมชาตขิ องไทยผา่ นทา่ เรอื /ดา่ นศลุ กากร ปี พ.ศ. 2558-2563 (หนว่ ย: รอ้ ยละ) ปี พ.ศ. กรงุ เทพ ฯ สงขลา แหลมฉบัง ปาดังเบซาร์ สะเดา อื่น ๆ รวม 2558 11.31 2.79 33.50 30.98 13.06 8.36 100.00 2559 9.41 2.78 35.13 33.57 11.10 8.02 100.00 2560 5.23 3.70 37.95 34.17 10.07 8.88 100.00 2561 4.02 4.04 40.18 31.61 11.68 8.48 100.00 2562 2.84 4.47 42.36 31.12 12.67 6.54 100.00 2563 4.08 4.26 42.51 26.91 15.36 6.88 100.00 ท่มี า: กรมศลุ กากร (2563)

45 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 44 มกราคม-มีนาคม 2564 ยางพารา เพ่ือเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับ ยางพาราน�ำไปเป็นแนวทางในการบริหารจัดการการ ขอ้ เสนอแนะ ผลิตและการส่งออกให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและ 1) ควรก�ำหนดนโยบายเก่ียวกับการลดพ้ืนท่ีปลูก ความตอ้ งการของประเทศผู้คา้ นัน้ ๆ ยางให้ชัดเจน และผลักดันให้โครงการควบคุมปริมาณ การผลิตยางของแต่ละประเทศผู้ผลิตส�ำคญั ๆ เกิดขึ้นจริง เอกสารอา้ งอิง โดยผา่ นภาคีความรว่ มมอื ระดบั ประเทศ 2) ส�ำหรับประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้ยางธรรมชาติ กรมศุลกากร. 2563. ข้อมูลปริมาณและมูลค่าการ ควรมีการจัดท�ำแผนเพิ่มปริมาณการใช้ยางให้มีความ สง่ ออกยางของไทย. สมดุลกับประมาณการผลิต ซึง่ ปัจจุบนั พบว่าปรมิ าณการ กองการยาง กรมวิชาการเกษตร. 2563. สถิติยาง ผลิตมากกว่าปริมาณการใช้ ท�ำให้เกิดปัญหาอุปทานล้น ประเทศไทย. ปีที่ 49 ฉบบั ท่ี 4. ตลาด การยางแห่งประเทศไทย. 2563. ข้อมูลการผลิต 3) การท�ำงานแบบบรู ณาการ โดยอาศัยความรว่ ม ยางของไทย. มือระหว่างหน่วยงานของภาครัฐ ในการก�ำหนดแนวทาง Association of Natural Rubber Producing การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปยางท้ังในระดับสหกรณ์ Countries. 2021. Natural Rubber Statistics. และในระดับประเทศเพื่อให้เกิดการพัฒนาการแปรรูป January 2021. ยางเป็นผลิตภัณฑ์ยาง เป็นการเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางใน International Rubber Study Group. 2020. Rubber ประเทศและมลู ค่าเพ่มิ Statistic Bulletin. July–September 2020. 4) ควรให้ทูตเกษตรของไทยที่ประจ�ำอยู่ในแต่ละ LMC Tyre & Rubber Ltd. 2020. Rubber Bulletin. ประเทศส�ำรวจความต้องการการใช้ยางและวิเคราะห์ December 2020. ข้อมูลเชิงลึกเก่ียวกับพฤติกรรมการบริโภคสินค้า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook