Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ebook34 ฉบับส่งขึ้นเว็บไซด์ของ กยท.

ebook34 ฉบับส่งขึ้นเว็บไซด์ของ กยท.

Published by ju_sureerut, 2018-10-07 23:10:10

Description: ebook34 ฉบับส่งขึ้นเว็บไซด์ของ กยท.

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 39 ฉบบั ที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2561 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 34

23 ปที ่ี 39 ฉบบั ที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2561 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 26 สารบัญบทความ2 การเพาะเลี้ยงต้นอ่อนยางพาราพนั ธุ์ RRIM 600 จากเปลอื กห้มุ ช้นั ในเมลด็ อ่อน16 จาก GAP สู่ GMP ตอนท่ี 2: การผลิตยางเครพบาง มาตรฐาน GMP22 ความตอ้ งการแรงงานของผู้ประกอบการ ในอตุ สาหกรรมแปรรปู ไม้ยางพารา35 กายวิภาคศาสตร์ของใบยางลกู ผสมชุด RRI-CH-38ท่ี 5 การสาํ รวจขอ มลู ภาคสนามของผูว จิ ัย จากการศึกษาของผูวิจัย (2561)ท่ี 1 ขอ มูลท่ัวไปของผูประกอบการ จากการศึกษาพบวากลุมตัวอยางสวนใหญเปนผูประกอบการานแปรรูปไมยาง รอยละ 83.53 สวนใหญมีแรงงานนอยกวา 50 ดเปนรอยละ 40 มีมูลคาของสินทรัพยสวนใหญไมเกิน 50 ลาน คิดเปนรอยละ 52.12 และมีแนวโนมที่จะไมขยายกิจการคิดเปน ะ 54.12 ซึ่งใกลเคียงกับผูประกอบการที่มีแนวโนมขยายกิจการ

บทบรรณาธกิ าร ปัจจุบัน พ้ืนท่ีปลูกยางพาราลดลงเร่ือย ๆ โดย ยางท่ีถูกวิธี การผลิตยางก้อนถ้วยคุณภาพดี รวมท้ังการเฉพาะในพื้นที่ปลูกยางใหม่ เนื่องจากภาครัฐมีนโยบาย ขนส่งยางก้อนถ้วยไปยังจุดรวบรวมยางจ�ำกัดพ้ืนท่ีปลูกยางเพ่ือควบคุมผลผลิตมิให้ออกสู่ตลาด ตอนที่ 2 (ตีพิมพ์ลงในวารสารฉบับนี้) เป็นเร่ืองมากเกินไป ซ่ึงจะช่วยให้ราคายางมีเสถียรมากขึ้น ของการผลิตยางเครพบาง มาตรฐาน GMP ซ่ึงต้องใช้ประกอบกับผลตอบแทนหรือราคายางไม่เป็นท่ีจูงใจให้ ยางกอ้ นถ้วยคุณภาพดีตามมาตรฐาน GAP จงึ จะไดย้ างเกษตรกรยดึ การท�ำสวนยางเปน็ อาชพี เครพท่ีมคี ุณภาพดี มสี มบตั ิ ส�ำหรับชาวสวนยางที่ยังคงยึดมั่นในการท�ำสวน ต่าง ๆ ของยางคงท่ี มีความสมำ่� เสมอ ลดต้นทนุ การผลติยางเป็นอาชีพต่อไป เนื่องจากเป็นอาชีพเก่าแก่ท่ีท�ำกัน ลดของเสยี ในโรงงานมาต้ังแต่บรรพบุรุษ ดังเช่นชาวสวนยางทางภาคใต้ หรือ ในการท�ำสวนยางโดยใช้หลักปฏิบัติทางเกษตรท่ีดีเกษตรกรทางภาคตะวันออกท่ีมีความเห็นว่า การท�ำสวน และเหมาะสม ต้องมีข้อมูลทางวิชาในด้านต่าง ๆ ของยางพาราเป็นการสร้างรายได้ให้เกือบตลอดท้ังปี แม้ว่า การท�ำสวนยางเข้ามาเก่ียวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีอยู่ราคายางอยใู่ นระดบั ท่ีไม่สูงก็ตาม พร้อมที่ชาวสวนยางสามารถเข้าถึง และเรียนรู้ด้วยตัว ชาวสวนยางท่ีกล่าวมาข้างต้นจ�ำเป็นต้องปรับตัว เองได้ไมย่ ากและเรียนรู้ว่า ในสถานะการณ์ดังเช่นปัจจุบัน จะท�ำ อย่างไรก็ตาม การท่ีจะพัฒนาการท�ำสวนยางให้อย่างไรเพ่ือให้สวนยางยังคงเป็นแหล่งของรายได้ท่ีเพียง เจริญรุดหน้าไปเร่ือย ๆ และเข้ากับสถานะการณ์ที่มีการพอให้กับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นรายได้หลัก หรือรายได้ เปล่ียนแปลงตลอดเวลา จ�ำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าเสรมิ ก็ตาม วิจัยอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับงานด้านการส่งเสริมและ ค�ำตอบของค�ำถามข้างต้นก็คือ ให้ใช้หลักปฏิบัติ พัฒนา ท้ังน้ีเพ่ือท่ีจะได้นวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งข้อมูลที่ทางเกษตรทีด่ ีและเหมาะสม หรือทเ่ี รียกวา่ GAP (Good ทันสมัยมาให้เกษตรกรได้รับรู้และน�ำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งAgricultural Practices) หรือ GMP (Good Manufac- ทีผ่ า่ นมา กม็ ผี ลงานวิจัยทยอยออกมาหลายเรื่องturing Practices) ในแง่ของอตุ สาหกรรมยาง ดังนั้น วารสารฉบับนี้ จึงได้น�ำเสนอผลงานเร่ืองท่ีจะมี ตัวอย่างรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมของหลักปฏิบัติ ประโยชน์ต่อชาวสวนยาง ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมข้างต้น ไดแ้ สดงไวภ้ ายใต้หัวขอ้ เรื่อง \"จาก GAP สู่ GMP\" แปรรปู ไม้ยางพารา และหน่วยงานทเี่ กี่ยวข้อง รวมถงึ นักซ่งึ แบง่ ออกเป็น 2 ตอน วิชาการทีท่ �ำงานด้านการปรับปรงุ พนั ธุย์ าง ตอนที่ 1 (ตีพิมพ์ลงในวารสารฉบับที่แล้ว) เป็น เรื่องของการผลิตยางก้อนถ้วยมาตรฐาน GAP ซึ่งต้อง ดร. วิทยา พรหมมีเร่ิมต้นตั้งแต่การดูแลสวนยางก่อนและหลังกรีด การกรีด บรรณาธกิ ารเจา้ ของ: สถาบันวจิ ยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900บรรณาธกิ ารบรหิ าร: นายพเิ ชฏฐ์ พร้อมมูล ผู้อำ�นวยการสถาบันวจิ ัยยางบรรณาธกิ าร: ดร. วทิ ยา พรหมมีกองบรรณาธกิ าร: ดร.ฐิตาภรณ์ ภมู ไิ ชย์, ดร.พศิ มัย จันทมุ า, นางสาวภรภัทร สุชาติกูล,นางปรีดิเ์ ปรม ทศั นกลุ , นางอารมณ์ โรจนส์ ุจติ ร, นางสาวอธิวีณ์ แดงกนษิ ฐ์ผจู้ ัดการส่ือสงิ่ พิมพ:์ ดร. วทิ ยา พรหมมี ผู้จดั การสือ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส:์ นายชยั วัฒน์ ยศพมิ สารผชู้ ่วยผ้จู ัดการสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์: นายอาเดล มะหะหมดั พิสจู น์อักษร: นางอุบลพรรณ แสงเดช

2 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561การเพาะเลย้ี งตน้ ออ่ นยางพาราพันธ์ุ RRIM 600จากเปลือกหุ้มชั้นในเมลด็ อ่อนวทิ ยา พรหมมี1 และ วราภรณ์ ศรนี าคเอ้ยี ง21สถาบนั วิจัยยาง การยางแหง่ ประเทศไทย2ศูนยว์ ิจัยยางฉะเชงิ เทรา สถาบนั วิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย การเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือเป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยี ฮอร์โมนชักน�ำการสร้างยอด โดยปกติใช้ฮอร์โมนพืชในชีวภาพส�ำหรับน�ำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานด้าน กลมุ่ ไซโตไคนิน เชน่ 6-benzyl-aminopurine ในใบเล้ียงยางพารา ได้แก่ การขยายพันธุ์ และการปรับปรุงพันธุ์ ของถัว่ เหลอื ง (Zhang et al., 1999)เป็นต้น โดยเฉพาะในเรื่องของการถ่ายฝากยีนจ�ำเป็น กระบวนการสร้างต้นอ่อน เป็นการพัฒนาของต้นตอ้ งอาศยั เทคนิคการเพาะเลย้ี งเนอ้ื เย่อื ถงึ แมว้ า่ จะมกี าร ออ่ นจากเซลลร์ า่ งกาย เช่น ต้นอ่อนจากเมลด็ สปอร์ และปลูกถ่ายยีนเข้าไปในเนื้อเย่ือพืชได้ส�ำเร็จก็ตามถ้าหาก ใบ ในบางครั้งการเพาะเลี้ยงเน้ือเยื่ออาจเกิดลักษณะฉ�่ำการเพาะเลี้ยงเน้ือยังไม่ประสพความส�ำเร็จ การพัฒนา น้�ำของเนื้อเยื่อ ซ่งึ เปน็ ลกั ษณะผิดปกตทิ างสณั ฐานวทิ ยาไปเป็นต้นพืชท่ีสมบูรณ์จากเนื้อเยื่อก็ไม่สามารถเกิดขึ้น ของเนอ้ื เยือ่ เรียกวา่ Hyperhydricity ซง่ึ จะพบไดบ้ อ่ ยในได้ พืชไม้ยืนต้น แต่ลักษณะดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดย การพัฒนาไปเป็นต้นพืชท่ีสมบูรณ์ในการเพาะ การดัดแปลงชนิดของน�้ำตาล ปริมาณของแคลเซียมเล้ียงเนื้อเย่ือจะขึ้นอยู่กับเซลล์ร่างกายของพืช และ หรือโดยการใช้ Antivirifying agents เช่น Phloridzinสามารถกระตุ้นให้มีการพัฒนาไปเป็นต้นพืชที่สมบูรณ์ (Debergh, 1992)ได้ โดยผ่านกระบวนการ การสร้างอวัยวะ (Organoge- การเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อในยางพารา มีการชักน�ำnesis) และการสร้างต้นอ่อน (Somatic embryogene- แคลลัสจากส่วนของล�ำต้นท่ีผ่านการท�ำหนุ่มสาวsis) ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะต้องได้รับฮอร์โมน และ รายงานครัง้ แรกโดย Bouychou (1953) การพัฒนาของธาตุอาหาร ท่ีเหมาะสม (Skoog and Miller, 1957) การเพาะเลี้ยงแคลลัสจาก Cotyledon-like embryos กระบวนการสร้างอวัยวะ เป็นการพัฒนาในส่วน รายงานครง้ั แรกโดย Wilson and street (1975) ในขณะของยอด โดยสามารถพัฒนาได้จากส่วนของเนื้อเย่ือต่าง เดยี วกนั Paranjothy and Ghandimathi (1975) สามารถๆ ยกเว้นในส่วนของใบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เพราะพืชใบ ชักน�ำเอมบริออยจากแคลลัสที่ได้จากการเพาะเลี้ยงอับเลี้ยงเดี่ยวมีเนื้อเยื่อเมอริสเต็มเฉพาะในส่วนของโคนใบ ละอองเกสร แต่อย่างไรก็ตาม การทดลองเหล่านี้ยังไม่มี(Maheshwari, 1995) ส่วนของใบเล้ยี ง ช้นิ สว่ นใบ ไฮโป- รายงานประสพความส�ำเร็จในการพัฒนาไปเป็นต้นที่คอทิล และ สแคเทลัมจากเอ็มบริโอ มีศักยภาพในการ สมบูรณ์ จนกระทั่งมีรายงานประสพความส�ำเร็จของการพัฒนาไปเป็นยอดได้เมื่อวางเลี้ยงบนอาหารที่เติม พัฒนาต้นยางโดยผ่านกระบวนการสร้างต้นอ่อนจากการ

3 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 เลย้ี งเยื่อหุม้ ชนั้ ในของเมลด็ อ่อนจากยางพนั ธุ์ Tjir 1 และ BPM 24, PB 260, PB 311, RRII 105 และ RRIM 600เพาะเลี้ยงอับละอองเกสรของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามลำ� ดับ นอกจากน้ี กรรณกิ าร์ และ คณะ (2542) ได้โดย Chen et al. (1977) และ Zheng and Chen (2010) น�ำยางพันธุ์ BPM 24 ไปปลูกในสภาพแปลงปลกู พบวา่ส�ำหรับสถาบันวิจัยยางมาเลเซีย ประสพความส�ำเร็จใน มกี ารเจรญิ เตบิ โตไดด้ กี วา่ ตน้ ยางทไี่ ด้จากการตดิ ตาการเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อเป็นคร้ังแรกในต้นปี 1980 โดยได้ ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นการเพาะเล้ียงต้นอ่อนต้นยางพันธุ์ GT 1 จากการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่ออับละออง ยางพาราพนั ธ์ุ RRIM 600 จากเปลือกหมุ้ ชน้ั ในเมล็ดออ่ นเกสร (Wan et al., 1982) และในปี 1990 สามารถเพาะ ซ่ึงมีขีดจ�ำกัด คือ ไม่สามารถผลิตต้นกล้าได้ในปริมาณเล้ียงเน้ือเย่ือโดยผ่านกระบวนการสร้างต้นอ่อนในยาง มากและสม�่ำเสมอ ดังน้ัน จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตต้นพันธ์ุ RRIM 600 (Hafsah and Wan, 1995) แม่พันธุ์ เพ่ือขยายพันธุ์ก่ิงตาให้ได้ในปริมาณมาก ท่ีผ่านมาเป็นการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือจากส่วนของ ส�ำหรบั การผลิตตน้ กลา้ ยางช�ำถุงที่มคี ุณภาพตอ่ ไปผนังเซลล์อับละอองเกสร ในระยะต่อมาสถาบันวิจัยของฝรัง่ เศส โดย Etienne et al. (1981) และ Carron et al. วธิ ีการด�ำเนินการ(1995) ได้พัฒนาการเพาะเลี้ยงเน้ือเยื่อยางโดยใช้ส่วนของเน้ือเย่ือช้ันในของเย้ือหุ้มเมล็ดอ่อน นอกจากนั้นยังมี การเตรียมชิ้นส่วนของพืช และการชักน�ำให้เกิดการการเพาะเล้ียงโอวุล ซงึ่ รายงานครั้งแรกโดย Guo พฒั นาของเน้ือเยอื่et al. (1982) เตรียมช้ินส่วนพืชวางเล้ียงบนอาหารเพาะเล้ียงต้น ในปี 1990 สถาบนั วิจยั ยางมาเลเซยี สามารถเพาะ อ่อนยางพาราสตู ร MH (Carron et al., 1995) สูตรต่าง ๆเ ล้ี ย ง เ น้ื อ เ ย่ื อ โ ด ย ชั ก น� ำ ต ้ น พื ช ที่ ส ม บู ร ณ ์ ไ ด ้ โ ด ย แตกต่างตามระยะการพัฒนาของเนื้อเย่ือ ซ่ึงแบ่งออกกระบวนการสร้างต้นอ่อนจากการเพาะเล้ียงโอวุล (Haf- เป็น 3 ระยะ คือsah and Wan, 1995) ตน้ ท่ไี ด้จากการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือ ระยะท่ี 1 ระยะ Callogenesis เป็นระยะที่มีการเหล่านั้นได้มีการน�ำไปปลูกในแปลงได้ส�ำเร็จ และมี สร้างแคลลัสจากชิ้นส่วนพืช และแคลลัสมีการพัฒนาไปรายงานว่า ต้นยางท่ีได้จากการเล้ียงต้นอ่อนมีสมรรถนะ เป็นเอ็มบรโิ อเจนคิ แคลลสั (MH-IN และ MH-EXP)สูงกว่าต้นยางท่ีได้จากการติดตา กล่าวคือ มีการเจริญ ระยะที่ 2 ระยะ Somatic embryogenesis เป็นเติบโตดี สามารถเปดิ กรีดได้เร็ว และใหผ้ ลผลติ น้ำ� ยาง ระยะท่ีเอ็มบริโอเจนิคแคลลัสมีการพัฒนาไปเป็นโซสงู กวา่ ปกติ 10-20 % มาตกิ เอม็ บรโิ อ และเอม็ บรโิ อ (MH-DEN และ MH-MAT) ส�ำหรับการเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือยางพาราใน ระยะท่ี 3 ระยะ Regeneration เป็นระยะท่ีประเทศไทยมีรายงานถึงความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง เอ็มบริโอมีการพัฒนาไปเป็นต้นที่สมบูรณ์ มีระบบรากโ ด ย ก า ร เ พ า ะ เ ลี้ ย ง เ ย่ื อ หุ ้ ม ชั้ น ใ น ข อ ง เ ม ล็ ด อ ่ อ น แกว้ (MH-PL)(กรรณกิ าร,์ 2545; Te-chato and Chartikul, 1993; กษดิ ศิ ขั้นตอนการปฏบิ ตั มิ ีดังตอ่ ไปน้ีและ คณะ, 2544) เพาะเล้ียงส่วนของล�ำต้นของต้นกล้า 1. การเตรียมช้ินส่วนพืช โดยการน�ำฝักอ่อนยางและต้นพนั ธ์ุ (ปัทมา และ ภัทธาวธุ , 2535; สมปอง และ พันธุ์ RRIM 600 มาฟอกฆา่ เช้ือโดยการจุ่มในแอลกอฮอล์อรุณ,ี 2535 ก; สมปอง และ อรณุ ี, 2535 ข) เพาะเลย้ี งอับ 95 % และลนไฟ และน�ำไปผ่าเอาเมล็ดออ่ นมาท�ำการผ่าละอองเกสร (สมปอง และ วันทนา, 2531) การเพาะเล้ียง ซกี และหั่นเปน็ ชิ้นบาง ๆเซลลซ์ สั เพนชัน การแยก และการเลีย้ งโปรโต-พลาสต์ (พ 2. การชกั น�ำการสรา้ งและเพิ่มปรมิ าณแคลลัส นำ�จมาลย์ และ สมปอง, 2542) อย่างไร-ก็ตาม จากรายงาน ช้นิ ส่วนพืชวางเลยี้ งบนอาหารสูตร MH-IN เพ่ือชักนำ� การป ร ะ ส พ ค ว า ม ส� ำ เ ร็ จ ใ น ก า ร เ พ า ะ เ ล้ี ย ง เ นื้ อ เ ย่ื อ ใ น สรา้ งแคลลัส และเพม่ิ ปริมาณแคลลัสทีไ่ ดบ้ นอาหารสูตรประเทศไทยมีเพียง Te-chato and Chartikul (1993) เดิม โดยการเปลี่ยนถ่ายอาหารใหม่สูตรเดิมทุก 2-3และ กรรณิการ์ และ คณะ(2542) เท่าน้ัน ท่ีสามารถ สัปดาห์ บันทึกข้อมูลการสร้างแคลลัส ลักษณะของพัฒนาต้นพืชท่ีสมบูรณ์ได้จากต้นอ่อนที่ได้จากการเพาะ

4 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 อายุฝักยางหลังผสมเกสร 4, 5 และ 6 สปั ดาห์ บนอาหาร สูตรชักน�ำแคลลัส พบว่า เยื่อหุ้มช้ันในเมล็ดอ่อนจากฝักแคลลัส การเจรญิ เตบิ โตของแคลลัส ยางทุกอายุฝักหลังผสมเกสรทุกระยะ สามารถชักน�ำให้ 3. การชักน�ำการสร้างเอ็มบริโอเจนิคแคลลัส โดย เกิดการสร้างแคลลัสได้ มีการสร้างแคลลัสได้ 93การน�ำแคลลัสที่ได้ วางเล้ียงบนอาหารสูตร MH-EXP เปอร์เซน็ ต์ (ตารางท่ี 1)เพือ่ ชักน�ำการสร้างเอ็มบรโิ อเจนิคแคลลสั จากนัน้ เปล่ยี น หลังจากย้ายแคลลัสวางเลี้ยงบนอาหารสูตรชักน�ำถ่ายบนอาหารใหม่สตู รเดมิ ทกุ 2-3 สัปดาห์ บนั ทกึ ข้อมลู เอ็มบริโอเจนิคแคลัส มีการพัฒนาไปเป็นเอ็มบริโอเจนิค 4. การชักน�ำการสร้างโซมาติกเอ็มบริโอ ต้นอ่อน แคลลัสได้ 2 เปอร์เซ็นต์ (ตารางที่ 1)และการพฒั นาไปเปน็ ตน้ ทส่ี มบรู ณ์ โดยการนำ� เอม็ บรโิ อ- หลังจากย้ายเอ็มบริโอเจนิคแคลลัสวางเล้ียงบนเจนคิ แคลลสั ทไ่ี ดว้ างเลี้ยงบนอาหารสตู ร MH-DEN และ อาหารสูตรชักน�ำโซมาติกเอ็มบริโอ พบว่าเอ็มบริโอเจนิคMH-MAT เพื่อชักน�ำการพัฒนาไปเป็นโซมาติกเอ็มบริโอ แคลลัสมีการพัฒนาไปเป็นโซมาติกเอ็มบริโอได้ 6.4ต้นอ่อน และวางเล้ียงบนอาหารสูตร MH-PL เพื่อชักน�ำ เปอร์เซน็ ต์ (ตารางที่ 2)ให้เป็นต้นที่สมบูรณ์ บันทึกข้อมูลลักษณะและปริมาณ หลังจากย้ายเล้ียงโซมาติกเอ็มบริโอวางเล้ียงบนตน้ ที่สมบรู ณ์ อาหารสูตรชักน�ำเอ็มบริโอ พบว่า โซมาติก-เอ็มบริโอมี การพัฒนาไปเปน็ เอ็มบริโอ 39.4 เปอร์เซ็นต์ (ตารางที่ 2)การปรับสภาพตน้ กลา้ จากการเพาะเล้ียงตน้ อ่อน หลังจากย้ายเล้ียงเอ็มบริโอวางเล้ียงบนอาหาร การปรับสภาพต้นกล้าจากการเพาะเลี้ยงต้นอ่อน สูตรชักน�ำต้น พบว่า เอ็มบริโอมีการพัฒนาไปเป็นต้นได้ในกระโจมควบคุมความชน้ื น�ำต้นกล้าที่ได้จากการเพาะ 2.4 เปอรเ์ ซน็ ต์ (ตารางที่ 2)เล้ียงต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มชั้นในเมล็ดอ่อนยางพันธุ์RRIM 600 มาล้างรากเอาเศษอาหารวนุ้ ออก แลว้ จ่มุ แช่ ผลของขนาดเมลด็ ความหนาเปลอื กห้มุ ชน้ั ในเมลด็ในสารเคมีป้องกันก�ำจัดเชื้อรา และย้ายปลูกลงในถุง และความหนาของชิ้นส่วนพชืเพาะช�ำ โดยมีวัสดุเพาะช�ำระหว่างดินและขุยมะพร้าว การเพาะเล้ียงเยื่อหุ้มชั้นในเมล็ดอ่อนจากฝักยาง1:1 วางเล้ียงในตะกร้าพลาสติก สเปรย์ (Spray) น้�ำให้ พันธุ์ RRIM 600 ท่ีขนาดของฝักยาง 0.5-0.7, 0.8-1.2,ชุ่ม และหุ้มด้วยพลาสติกใสเพ่ือควบคุมความชื้นภายใน 1.3-1.5 เซนติเมตร ความหนาของเปลือกหุ้มเมล็ด 0.1,น�ำไปวางเลี้ยงในสภาพอุณหภูมิห้อง และวางเล้ียงในตู้ 0.2, 0.3 และ 0.4 เซนติเมตร ความหนาช้ินส่วนพืช 0.1ควบคุมความชนื้ และอณุ หภมู ิ และ 0.2 เซนตเิ มตร บนอาหารเพาะเลยี้ งตน้ อ่อน พบวา่ การปรับสภาพต้นกล้าจากการเพาะเลี้ยงต้นอ่อน สามารถเพาะเล้ียงต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มชั้นในเมล็ดในอาหารเหลวภายใต้สภาพปลอดเช้ือ น�ำต้นกล้าท่ีได้ อ่อนยางพันธุ์ RRIM 600 ได้ส�ำเร็จโดยใช้เมล็ดอ่อนท่ีจากการเพาะเล้ียงต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มช้ันในเมล็ดอ่อน ขนาด 0.5-0.7 เซนติเมตร ความหนาเปลือกหุ้มช้ันในยางพันธุ์ RRIM 600 มาวางเลยี้ งในหลอดท่มี อี าหารเหลว เมลด็ ออ่ น ขนาด 0.1-0.3 เซนติเมตร และ ความหนาของหลังจากวางเล้ยี ง 3-4 สัปดาห์ ย้ายปลูกลงในถงุ เพาะช�ำ ชิ้นส่วนพืช ขนาด 0.1 เซนติเมตร สามารถพัฒนาไปโดยมีวัสดุเพาะช�ำระหว่างดินและขุยมะพร้าว 1:1 วาง เปน็ ต้นกล้าท่สี มบูรณ์ 1-3 % (ตารางท่ี 3 และ 4)เลี้ยงในตะกร้าพลาสติก สเปรย์น�้ำให้ชุ่ม และหุ้มด้วยพลาสติกใสเพ่ือควบคุมความชื้นภายใน น�ำไปวางเล้ียง การผลิตต้นกลา้ ยางพนั ธ์ุ RRIM 600ในสภาพอุณหภูมิห้อง และวางเลี้ยงในตู้ควบคุม การเพาะเลี้ยงต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มช้ันในเมล็ดความชื้นและอุณหภมู ิ อ่อนฝักยางพันธุ์ RRIM 600 สามารถท�ำได้ส�ำเร็จ โดย การน�ำเมล็ดอ่อนหลังผสมเกสร 6 สัปดาห์ มาห่ันเป็นช้ิน ผลการทดลองและวจิ ารณ์ ความหนาเย่ือหุ้มช้ันในเมล็ดอ่อนและความหนาชิ้นส่วนผลของอายุฝกั ยาง การเพาะเลี้ยงเย่ือหุ้มชั้นในเมล็ดอ่อนจากฝักยางท่ี

5 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561ตารางที่ 1 การเกดิ แคลลสั และเอมบรโิ อเจนคิ แคลลสั โดยการเพาะเลยี้ งตน้ ออ่ นจากเปลอื กหมุ้ ชน้ั ใน เมลด็ ยางพนั ธ์ุ RRIM 600 และอายฝุ กั ยางหลงั ผสมเกสรตา่ งกนัอายฝุ กั จ�ำนวนชิ้นที่วางเลยี้ ง การเกิดแคลลสั การเกดิ เอม็ บรโิ อเจนคิ แคลลัส(สปั ดาห)์ (ชิน้ ) (ชนิ้ ) (%) (ชน้ิ ) (%) 121 97 1 0.8 4 125 119 95 7 5.2 5 125 108 86 0 0.0 6 125 116 93 3 2.0 เฉลี่ย 125ตารางที่ 2 การเกดิ โซมาตกิ เอมบรโิ อ เอมบรโิ อ และการพฒั นาเปน็ ตน้ ของยางพาราโดยการเพาะเลย้ี ง ตน้ ออ่ นจากเปลอื กหมุ้ ชนั้ ในเมลด็ ยางพนั ธ์ุ RRIM 600 และอายฝุ กั ยางตา่ งกนัอายุฝัก การเกิดโซมาตกิ เอ็มบรโิ อ การเกิดเอม็ บรโิ อ การเกดิ ตน้(สปั ดาห์) (โซมาติก) (เอ็มบรโิ อ) (%) (ตน้ ) (%) 4 1.3 0.8 60.0 0.0 0.0 5 18.0 10.5 58.3 1.3 6.9 6 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 เฉลี่ย 6.4 3.8 39.4 0.4 2.3พืช ประมาณ 0.1 เซนติเมตร และวางเล้ียงบนอาหาร เอ็มบริโอมีการพัฒนาไปเป็นต้นท่ีสมบูรณ์มีระบบรากเพาะเลย้ี งต้นออ่ นยางพาราสูตร MH (Carron, 1995) แก้ว (MH-PL) (ภาพที่ 1 ) ชิ้นส่วนพืชท่ีเลี้ยงมีการพัฒนาของเนื้อเยื่อออก จ�ำนวนชิ้นส่วนพืชที่วางเลี้ยง 9,600 ช้ิน มีการเป็น 3 ระยะ คือ ระยะท่ี 1 ระยะ Callogenesis เป็น สรา้ งแคลลัส 2,294 ช้ิน คดิ เป็น 24 เปอรเ์ ซ็นต์ ลักษณะระยะที่มีการสร้างแคลลัสจากช้ินส่วนพืช และแคลลัสมี ของแคลลัสท่ีได้จากช้ินส่วนเปลือกหุ้มชั้นในเมล็ดอ่อนมีการพัฒนาไปเป็นเอ็มบริโอเจนิคแคลลัส (MH-IN และ 3 ลักษณะ คือ เป็นเม็ดอัดแน่น เป็นเม็ดอัดแน่นร่วมกับMH-EXP) ระยะท่ี 2 ระยะ Somatic embryogenesis เกาะกันหลวม ๆ และ เกาะกันหลวม ๆ (ภาพที่ 2) แคลลัสเป็นระยะท่ีเอ็มบริโอเจนิคแคลลัสมีการพัฒนาไปเป็น ที่ได้มีการพัฒนาไปเป็นเอ็มบริโอเจนิคแคลลัส 898 ชิ้นโซมาติกเอ็มบริโอ และเอ็มบริโอ (MH-DEN และ MH- คิดเป็น 43 เปอร์เซ็นต์ของแคลลัส หลังจากน�ำเอ็มบริโอMAT) ระยะท่ี 3 ระยะ Regeneration เป็น ระยะที่ เจนิคแคลลัสไปวางเล้ียงบนอาหารสูตรชักน�ำให้เกิดโซ

6 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ตารางที่ 3 ผลของขนาดเมลด็ ความหนาเปลอื กหมุ้ ชน้ั ในเมลด็ ออ่ น และขนาดของชนิ้ สว่ นพชื ในยางพนั ธ์ุ RRIM 600 ตอ่ การเพาะเลย้ี งตน้ ออ่ นขนาด ความหนา ความหนา จำ� นวน จำ� นวน จำ� นวนการเกดิเมลด็ เปลือกหมุ้ ชนิ้ ส่วนพชื ชิน้ สว่ นพชื การเกิด เอ็มบรโิ อเจนคิ(ซม.) ชั้นในเมลด็ ออ่ น (ซม.) ที่วางเล้ียง แคลลสั (ชิ้น) แคลลัส (ซม..) (ชิ้น) (ชิน้ )0.5 - 0.7 0.1 0.1 1,320 1,131 (96) 242 (21)0.8 - 1.2 0.2 0.2 140 58 (41) 26 (45)1.3 - 1.5 0.3 0.1 300 190 (63) 87 (46) 0.4 0.2 60 24 (40) 0 0.1 0.1 370 190 (51) 80 (42) 0.2 0.2 40 0 0 0.3 0.1 44 15 (34) 0 0.4 0.2 138 36 (26) 0 0.1 0.1 270 220 (81) 0 0.2 0.2 90 30 (33) 0 0.3 0.1 450 230 (51) 25 (11) 0.4 0.2 90 36 (40) 0 0.1 260 120 (46) 11 (9) 0.2 56 42 (75) 16 (38) 0.1 132 0 0 0.2 120 36 (30) 12 (33) 0.1 690 170 (25) 19 (11) 0.2 120 92 (77) 19 (21) 0.1 420 170 (40) 22 (13) 0.2 190 48 (25) 14 (29) 0.1 64 0 0 0.2 60 48 (80) 7 (15) 0.1 190 0 0 0.2 120 36 (30) 6 (17)หมายเหต:ุ คา่ ในวงเลบ็ หมายถงึ เปอรเ์ ซนตก์ ารเกดิ แคลลสั การสรา้ งเอม็ บรโิ อเจนคิ แคลลสั การเกดิ ตน้ ทส่ี มบรู ณ์ และไมส่ มบรู ณ์

7 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ตารางท่ี 4 ผลของขนาดเมลด็ ความหนาเปลอื กหมุ้ ชนั้ ในเมลด็ ออ่ น และขนาดของชน้ิ สว่ นพชื ในยางพนั ธ์ุ RRIM 600 ตอ่ การเพาะเลยี้ งตน้ ออ่ นขนาด ความหนา ความหนา จ�ำนวน จำ� นวน การเกดิ ต้นเมล็ด เปลอื กหุ้ม ชน้ิ ส่วนพืช การเกิดโซมาตกิ การเกดิ ไม่สมบรู ณ์ สมบรู ณ์(ซม.) ช้ันในเมล็ดอ่อน (ซม.) เอ็มบรโิ อ เอม็ บรโิ อ (ซม..) (ชิ้น) (ช้นิ )0.5 - 0.7 0.1 0.1 398 334 69 (21) 9 (3)0.8 - 1.2 0.2 0.21.3 - 1.5 0.3 0.1 197 181 78 (43) 0 0.4 0.2 0.1 0.1 102 86 18 (21) 1 (1) 0.2 0.2 0.3 0.1 0 00 0 0.4 0.2 0.1 0.1 108 103 20 (19) 2 (2) 0.2 0.2 0.3 0.1 0 00 0 0.4 0.2 0.1 0 00 0 0.2 0.1 0 00 0 0.2 0.1 0 00 0 0.2 0.1 0 00 0 0.2 0.1 35 25 8 (32) 0 0.2 0.1 0 00 0 0.2 12 9 2 (22) 0 45 39 25 (64) 0 0 00 0 39 35 1 (3) 0 62 37 13 (35) 0 46 45 24 (53) 0 29 24 4 (17) 0 54 52 8 (15) 0 0 00 0 23 21 2 (10) 0 0 00 0 23 19 2 (11) 0หมายเหต:ุ คา่ ในวงเลบ็ หมายถงึ เปอรเ์ ซนตก์ ารเกดิ แคลลสั การสรา้ งเอม็ บรโิ อเจนคิ แคลลสั การเกดิ ตน้ ทสี่ มบรู ณ์ และไมส่ มบรู ณ์

8 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 ภาพที่ 1 การเพาะเลยี้ งต้นอ่อนยางพนั ธ์ุ RRIM600 จากเปลือกหุ้มช้ันในเมลด็ อ่อนภาพที่ 1 การเพาะเล้ยี งต้นออ่ นยางพันธ์ุ RRIM 600 จากเปลือกห้มุ ชน้ั ในเมล็ดอ่อนมาติกเอ็มบริโอ พบว่า มีการพัฒนาไปเป็นโซมาติก นอกจากนั้นพบว่า เอ็มบริโอมีการพัฒนาไปเป็นต้นผิดเอม็ บรโิ อ 588 โซมาติกเอ็มบรโิ อ และเมือ่ นำ� ไปวางเลยี้ ง ปกติ และต้นไม่สมบรู ณ์ 293 ตน้ คิดเปน็ 81 เปอรเ์ ซนต์บนอาหารสตู รชกั น�ำใหเ้ กิดเอ็มบรโิ อ พบว่า มกี ารพฒั นา และไม่มีการพัฒนา 34 ต้น คิดเป็น 34 เปอร์เซนต์ไปเปน็ เอ็มบริโอ 364 เอม็ บริโอ คดิ เป็น 62 เปอร์เซน็ ตข์ อง (ตารางที่ 5 และ ภาพที่ 4)โซมาติกเอ็มบริโอ การเกิดเอมบริโอจะมีท้ังปกติและผิด อย่างไรก็ตาม ผลสำ� เร็จของการเพาะเลี้ยงต้นอ่อนปกติ (ภาพท่ี 3, A-C) จากฝักยางพันธุ์ RRIM 600 ท่ีอายุฝักยางหลังผสมเกสร อย่างไรก็ตาม สามารถแยกเอ็มบริโอที่ได้เป็น 3 4-6 สัปดาห์ นั้นจะแปรปรวนไปตามสภาพแวดล้อมหรือลกั ษณะ คอื เอม็ บริโอลักษณะปกติ มตี มุ่ ก�ำเนิดรากและ ฤดกู าลทเี่ ก็บฝกั ยางใบเลี้ยง 2 ใบ เอ็มบรโิ อมีต่มุ กำ� เนดิ ราก1และใบเลยี้ ง 3 ใบ จากกา2รเพาะเล้ียงเย่ือหุ้มช้ันในเมล็ดอ่อนจ3ากฝักแทลี่ 3ะ,เDอ็ม-ภFบ)ารพิโอทท่ี ี่ใ2บเลลี้ยกังมษีลณักะษขณอะงตแิดคกลันลแสั ลทะบชี่ ิดักงนอําจ(ภาากพชิ้นส่ยฤวดานงูกเพปาันลลธือพุ์ กRบหRวุ้มI่าMชเ้ัมน6ล0ใน็ด0อเมบ่อนลนอด็จาาอหก่อาฝนรักสยยูตาางรงชสสักาานมม�ำาาแรรคถถชลจักลํานัสแ�ำนบกกาางร เมอื่ออนก�ำเปเอ็ น็มบ3รลิโกอั ไษปณวาะงคเลือ้ีย1งบเปน็ นอาเมหด็ารอสดั ูตแรนชัก่นน�ำ2 เป็ นสรเม้างด็ แอคดั ลแลนัส่ไนดร้ ่ว93มกเปบั อเกร์เาซะ็นกตนั ์ หหลลังวจมากๆย้าแยลแะค3ลลเกัสาวะางกสมารบสรู รณ้าก์ง3นัต7ห้นตล้นพวบคมวดิ ๆ่าเปเ็นอ็ม10บรเปิโออมรเ์ีกซา็นรตพ์ขัฒองนเาอไม็ ปบเรปิโ็นอตแ้นลทะ่ี เลี้ยงบนอาหารสูตรชักน�ำเอ็มบริโอเจนิคแคลัส พบว่า แคลลัสมีการพัฒนาไปเป็นเอ็มบริโอเจนิคแคลลัส 2

9 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561AB CภภB:าาเพปพทน็ ่ี เท2มด็ ่ีลอ2ักดั ษแณนล่นะรขกัว่ อมษงกแบัณคเกละาละขัสกทนัอี่ชหงักลนแว�ำมคจๆาลกแลชล้ินะสั สCท่ว:นเช่ีกเปาักะลกนือนั กําหหลจุ้มวาชม้ันกๆใชนเิ้นมลส็ด่วอ่อนนยเปางลสือามกาหรถุ้มจ�ำชแ้ันนกใอนอกเมเปล็น ด็ 3 อล่ักอษนณยะาคงือ สA:าเมป็นาเรมถ็ดอจัดําแแน่นน,กออกเป็ น 3 ลกั ษณะ คือ 1 เป็ นเมด็ อดั แน่น 2 เป็ นเมด็ อดั แน่นร่วมกบั เกาะกนั หลวม ๆ และ 3 เกาะกนั หลวม ๆAB Cภาพท่ี 3 การเกดิ เอมบริโอจากการเพาะเลยี้ งเปลือกหุ้มช้ันในเมลด็ ยางพนั ธ์ุ RRIM600 (ก-ค)ลกั ษณะของเอมบริโอ แบ่งออกเป็ น 3 ลกั ษณะ คือ (1) เอม็ บริโอลกั ษณะปกติ มีตุ่มกาํ เนิดรากและใบเลยี้ ง 2 ใบ (2) เอม็ บริโอ มีตุ่มกาํ เนิดรากและใบเลยี้ ง 3 ใบ และ (3) เอม็ บริโอลกั ษณะใบเลยี้ งติดกนั มีลกั ษณะบิดงอ D E F ภาพท่ี 3 การเกิดเอ็มบริโอจากการเพาะเล้ียงเปลือกหุ้มชั้นในเมล็ดยางพันธุ์ RRIM600 (A - C) ลักษณะของเอ็มบริโอ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ มDภลี:ากัเอพษ็มณทบะรี่บิโอิดลง3ักอษณะกปากรติเมกีตดิ ่มุ เกอำ� เมนดิ บรารกิโแอละจใบาเกล้ยีกงา2รใเพบ, าEะ: เเอล็มยี้ บงรโิ เอปมลีตือมุ่ กกำ� หเนดิุ้มราชก้ันแลใะนใบเเมลีย้ ลงด็ 3ยใบางแพละนั Fธ: เ์ุอม็ บRริโRอลIักMษณ6ะ0ใบ0เลย้ี ง(ตกดิ ก-ันค)ลเลภลกกััายี้ลเลภพษษลงกกััายีณณ้ทพษษ2ลเลภงลเลลี่ละะณณกทกััากกััใยี้ยีขบ้2พบษษษษ่ี3งะะงอดิ ใณณณณทขบ(ง2บ2ง32่ีะะอเดิะะอกอใ)ใขบ(ขบงบงบาม23เอิดเอออริดกอ)(บงง(เงม2็งามเกอเ2รอ)เอรอบกอ)ดิบิโมเเม็าออมรกเเรบออรมบิ็โดิบิโรแเอมม็บอกรเิโรบอบบอิรโดิมิโ่แงอมิโอรรเตีแออบอิิโโบบมุ่มอแออม่งมร่งบกีตจกอบตีิอโมเ่่าาํงุมออุ่มปรอีตกเอกน็จกิโกกน่กุมออเเาาําํิดปปากจกเกเ3็นรรน็นนเาาํกปเาิดลกิเดพากน็3รน3กกัรราแาิดลษาเาะกลลพ3รรกักเณแะกัลเาษาแลลพใกษยะี้ะณลบะกั าแงเณใะษคเะละบลเใปือยเะีณ้ะคเบยีล้ ลลงใืองยะีค้(เยี้บืเอล1ปงงือ(3กค)เยี้1เลลป3หื)องเใ(ยี้อือบ1ล้เุใมงอ3ม็(กบ)ือ1ชม็แหบ3เใก)้แัอนบลบ้รุมหลเใม็ะรใอิโบะ้ชุนมิโแอบม็ อ(้ันล(ชเล3แรบลม3้ัะ)นกใัลิ)โกัรลนอษเะใษเิโ(อด็อนเล3อณณมม็(ม็ย)กัเล3มลาะะบบ)ษเกังปปอด็ลรรษเพณิกโม็อด็ิยกโอณอตนัม็าะตยบลลิงปาธะบิมรกั พมกัง์ปุิกษโรีตพษตีอนัิกโ่ตุณม่RอุณนมลัตธกิะลมกักRธ์ุิาํะใมกัเบษ์าตีํุใIนเบษตีMเ่Rุณมนิดล่RเุณมยีกR้ริดล6ะกRงาาํะยี0้รใIกตาเํบ0ใMงาIนแเบิดMกตนเลิดลก6เแิดิดละ6ยนี0ั้ร(ลใกยกี0้ร0งาบมะนั0งา-กตใีคกตบมแดิ )แดิ(ลีก(กลกะกนั-ะนัใ-คใบคมบม))ี ี ABภาภพาทพ่ี 4ทลกัี่ 4ษณละกัตน้ษยาณงจะากตก้นารเยพาาะงเลจย้ี างตกน้ กออ่านรจเาพกเปาละอื เกลหยี้มุ้ ชงน้ั ตใน้นทพอ่ี ฒั อน่นาไจปเาปกน็ ตเปน้ สลมือบรูกณห์ (Aุ้ม) ชแล้ันะตใน้นไมทส่ มพ่ี บฒัูรณน์ (Bา)ไปเป็ นต้นสมบูรณ์(1) และ ต้นไม่สมบูรณ์ (2)

10 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 ตารางที่ 5 การเพาะเลย้ี งตน้ ออ่ นจากเปลอื กหมุ้ ชน้ั ในเมลด็ ยางพนั ธ์ุ RRIM 600ชนิ้ ส่วนพืช เกิดแคลลัส เกดิ เอม็ บริโอ เกิดเอม็ บรโิ อ เกิดตน้ เกดิ ต้น ไมม่ ี (ชิ้น) (ช้ิน) เจนิคแคลลัส (ชิ้น) สมบูรณ์ ไมส่ มบูรณ์ การพัฒนา 9,600 (ต้น) 2,294 (24) (ขนิ้ ) 364 (62) 37 (10) (ตน้ ) (ตน้ ) 0.989 (43)2 293 (81) 34 (9)หมายเหต:ุ คา่ ในวงเลบ็ หมายถงึ เปอรเ์ ซนต์เปอร์เซ็นต์ หลังจากย้ายเอ็มบริโอเจนิคแคลลัสวางเล้ียง 70-80 เปอร์เซ็นต์ ในขณะท่ีการวางเลี้ยงแบบควบคุมบนอาหารสตู รชกั นำ� โซมาตกิ เอม็ บรโิ อ พบวา่ เอม็ บรโิ อเจนิค ความช้ืนภายในอย่างเดียว มีต้นกล้ารอดชีวิต ประมาณแคลลัสมีการพัฒนาไปเป็นโซมาติกเอ็มบริโอ 6.4 40-50 เปอร์เซน็ ต์ หลงั จากวางเล้ยี ง 4-8 สัปดาห์ ตน้ กลา้โซมาติกเอ็มบริโอต่อก้อนแคลลัส หลังจากย้ายเล้ียง มีการรอดชีวิตลดลง เน่ืองจากการจัดการเร่ืองการโซมาติกเอ็มบริโอวางเล้ียงบนอาหารสูตรชักน�ำเอ็มบริโอ ควบคุมความช้ืนภายในไม่เหมาะสมท�ำให้ต้นเกิดอาการพบว่า โซมาติกเอ็มบริโอมีการพัฒนาไปเป็นเอ็มบริโอ เน่าตาย หลังจากปรับสภาพต้นกล้าและต้นกล้ารอดชีวิต39.4 เปอร์เซ็นต์ หลังจากย้ายเล้ียงเอ็มบริโอวางเล้ียงบน ย้ายต้นกล้าไปวางเล้ียงภายในห้องแต่ไม่มีการควบคุมอาหารสูตรชักน�ำต้น พบว่า เอ็มบริโอมีการพัฒนาไป ความชื้นจนต้นกล้าต้ังตัวได้และย้ายไปวางเล้ียงในเรือนเป็นตน้ 2.4 เปอรเ์ ซ็นต์ เพาะช�ำ ได้รับแสงตามธรรมชาติจนต้นกล้ามีการเจริญ เติบโตดมี กี ารสร้างฉตั รเพ่มิ ขึน้ (ภาพท่ี 5)การปรับสภาพต้นกล้าจากการเพาะเล้ียงต้นอ่อน จากการน�ำต้นกล้ายางจากการเพาะเล้ียงต้นอ่อนจากเปลอื กหุม้ ชนั้ ในเมล็ดออ่ น จากเปลือกหุ้มช้ันในเมล็ดอ่อนยางพันธุ์ RRIM 600 มา การปรับสภาพต้นกล้าจากการเพาะเลี้ยงต้นอ่อน ปรับสภาพจนต้นกล้ามีความแข็งแรงและสมบูรณ์ (ภาพในกระโจมควบคุมความชื้น และการปลูกต้นกล้ายางลง ท่ี 6) ปลูกลงดินเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่า ต้นยางดิน น�ำต้นกล้าท่ีได้จากการเพาะเล้ียงต้นอ่อนจากเปลือก สามารถเจริญเติบโตและมกี ารพฒั นาการท่เี รว็ มากหุ้มชั้นในเมล็ดอ่อนยางพันธุ์ RRIM 600 มาล้างรากเอา การปรับสภาพต้นกล้าจากการเพาะเลี้ยงต้นอ่อนเศษอาหารวุ้นออกแล้วจุ่มแช่ในสารเคมีป้องกันก�ำจัด ด้วยอาหารเหลวในหลอดทดลอง น�ำต้นยางท่ีได้จากการเช้ือรา และย้ายปลูกลงในถุงเพาะช�ำโดยมีวัสดุเพาะช�ำ เพาะเล้ียงต้นอ่อนย้ายปลูกในอาหารเหลวในสภาพระหว่างดินและขุยมะพร้าว 1:1 วางเล้ียงในตะกร้า หลอดทดลอง เพือ่ ศกึ ษาการปรับตวั ของต้นหลงั ยา้ ยปรบัพลาสติก สเปรย์น้�ำให้ชุ่ม และหุ้มด้วยพลาสติกใสเพื่อ สภาพนอกหลอดทดลองเปรียบเทียบกับการเลี้ยงในควบคมุ ความช้ืนภายใน นำ� ไปวางเล้ยี งในสภาพอณุ หภมู ิ อาหารแข็ง โดยการวดั อตั ราการรอดตายของตน้ ยางหลงัห้อง และวางเล้ียงในตู้ควบคุมความช้ืนและอุณหภูมิ ปรับสภาพในกระโจมพ่นหมอกทุกสัปดาห์ พบว่า หลังหลังจากวางเลย้ี ง 3-4 สปั ดาห์ ต้นกล้าท่รี อดชีวติ สามารถ จากย้ายต้นกล้าจากหลอดอาหารเหลวไปปลูกในวัสดุต้ังตัวได้ โดยการวางเล้ียงแบบควบคุมความชื้นท้ัง ปลูกและวางเล้ียงในตู้ควบคุมความชื้นและอุณหภูมิภายในและภายนอก ต้นกล้าสามารถรอดชีวิตได้สูงถึง หลงั จากวางเล้ียง 3-4 สัปดาหต์ น้ ยางมีการเหี่ยวและเน่า

11 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 AB CD EFRสภภRสภRสชภาRสชภRRชสภAหภพRสชภีวีภล:วาภาาภาาRRRีวIภาRพีงัวพภพากพพติRติMทพาาาติปIาIIทาพติIพาพหพMทหรตMทรIMทพี่ี่หMทบัพ6ปห5Mทตล้ี่ตนลต่ีส่ีตรล่ี06566ตลก6่ีับ้ภงัน้งัน้60น้0งกัน50า50ส05า้งั5ปนป0รปก50พลภก0ก0กปปแกร0กรา,ล้รลารลลแกรพัแDบกาัแแลบับกก้โัาบ้าแก้ล้าตัารบ:าละดสาล้โลสาาาโสตโน้ลสโราะดปภรกะโดสรระยดะน้ดภกรภปะดากภปยกปารลกกปยภกกยพปยากาายรร้าลกาาัรบากรตพาากรโรพกาา้รัพบรกยรัาดบ้นรัพรบารสัราบยับวายรย้าอกยวสรวคยรสย้สารวกภดารลย้สคาส้าาคาภ้คาย้วาาชงภ้าคาภยคงยกาวงภรภยีวยยวงกวเบาคพกเาววกเติลาบลาพลบกกาเาลบวลพพหคงลลบบลยี้้าบพพตคยจีล้ลย้ี้ลาคตคุ้ยมีปา้้คตงาคตาคุ้มงัปนงา้งตาตุ้มปนมุกุมปงภป้คนุ้ลมปนภุมปภคก้ลคนก้รภนคลคกลาวูกบัาวคกลากคาวูกลลยการวูกาลวูกสยายลลวกูลเาลมวูกย้าใภลพา้ลาามลใมใง้าชน้าลายงาใามลามย้นานงงน้ื้มายชดพนยะชดมงาอยางชภดชดยเอวอาื้าชดนงืนิ้ลนองนิาณุชาดาื้ื้นงนินงานิณุุณ้ียืจ้ยนจงงนิณุภืภ้นงนจิจเงใหภภจ1าล1าตหนภหจา1าา1าหี้ยภกก..1าภ้น,าายยกก.า1.างภภกย.ยกอภBกาภูมยกใใกก.ก่อููม:มกยใใาากานนูมาใิหนกาานนกยกาารรานใรหิหิาแจรริหแใารร้านรอเารเปแแนปาร้้พแลออเเพลรปป้รอปเกงอพพปลลแรพลระงงเเระณุาปรงราปะพะัลรบับ5าาับะภะาภะัับหบ55ลรภภสัะะบ,5ะภสะเา6ภาสือเ,,ภาลับสสเเ,ล6า6ภาะสเยกมู.ล6าลภายลภยีย้ย..ภภหหิยสีพเย้ตน.ภายีย้ี้านลยี้งุนต้มตน้อาตยงตนาา้ภพนงงอางตพชยงี้น้อ้พ้นพนตออ้,พตนตอั้นกากตกต้งนEกตก้กกในตกลพ้ต้กนอนกต้ล้ตนนนแ3อ้า้นล้ล้น3นอกล้เ3้าอ3โนตลอ้.น3อม่กด้า้า.ระ.่้กาอ.่กอ่กต้อ.ลน่ยกอลรน3รอตรอตFต็ดลกนลตนล้นนล้อน.าอ:่กออจเ้ดา้นน้้นาา้้มตานโ้จจตาดรจกดจลดนาโโชดลน้คโโกกกาาก้กาชดดลน้ชดา็ดาวกชดีวยจกกลลกลบกล้อลเโีาวยียวยีกวตยิกปา้เ้คาด่เ้าอ้ารเา้เาติกปกตปิกปติรกปลุมรานยรรลอรยอายราคยาลยอ้้ลเลาาออืดอดรกปวารร้คา้ยรืาอชดืืออดดากงคชยาคคยีวลวอวพมกชกกชหชิตรีวววชววัวนบืาอดหยีหหวีคี้ืนว้วตุบิามธงบาบา้กคช้ตภุิุม์ง้้ตุิมเตุงิมยวหคชRคลคหาุมเีววหเชบหRชลห้ยชัุมนลลายีุมุ้ม้คตุิม้ใIันง้ลัยี้้นัคMลนยงีัล้งนคใเคควหลชงันงแปใใงังุมใงัวใีย้วา6นนวปล้ใันนปลในปเรง0ามคนะามนาใเสร0มงััเบภรใมเนมรชมวมสลมับนสาปภับสแชัสบืช้ลานยชลภด็ภลลภสเืา้รนสมนภื้ดน็สมาืะ้ภดน็เาพด็อัภบาพมกภภชาเพภภกลเาพภมาเเเพามสลรื,้ายนามรราด็าเือพลาเยพCยรด็ืลภอใพยรนลภย4เ้า:นด็ือใมดเ็ือนอใยา4ด.พ็นใต4านอนก4่พอน.นลาตน้เย.อ2ล่พอะ.นต่กเอด้็2ตน.เใ้า่ชพอ2ตลน4พ2าน้ปนน.ำ�ย้อกน.า้กน.ะ้าลน.ยรากา่กยาอกละูกตอกชยะ2งการกาาลลดน้ชาาํล้างพนช.าราปงงชลร้ราํางพ้ดายรีวํปากพกนัร้ปรอาติินรพปานัารรอับลดนัธรองรนับรอด้ธ์าุับดพธปับรด์ธุ ์ุ นัรอ์ุ ับดธ์ุ

12 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 ทางพันธุกรรมด้วยลายพิมพ์ดีเอ็นเอของต้นยางจากการ เพาะเล้ียงต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มช้ันในเมล็ดอ่อนตายทกุ ตน้ (ภาพที่ 7) ยางพาราพันธุ์ RRIM 600 จ�ำนวน 13 ตน้ และตน้ เปรียบ เทียบพันธุ์ RRIM 600 โดยใช้ Microsetellite จ�ำนวน 6การตรวจสอบความถูกต้องทางพันธุกรรมของต้น ไพร์เมอร์ คือ A131, gA2689, MA179, mT65, M574ยางจากการเพาะเล้ียงต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มชั้นใน และ MA17 พบว่า มีต้นยางที่ได้จากการเพาะเล้ียงต้นเมล็ดอ่อนยางพาราพันธุ์ RRIM 600 โดยใช้ Micro- อ่อนจำ� นวน 12 ตน้ ทมี่ ีลายพมิ พด์ เี อน็ เอเหมือนตน้ เปรียบsetellite เทยี บ RRIM 600 ในขณะท่ี 1 ตน้ มีลายพมิ พด์ เี อ็นเอแตก จากการตรวจสอบความถูกต้องทางพันธุกรรม ต่างไปจากต้นเปรียบเทียบในทุกไพร์เมอร์ คิดเป็นต้นที่มีด้วยลายพิมพ์ดีเอ็นเอของต้นยางจากการเพาะเล้ียงต้น การผดิ ปกตทิ างพันธุกรรม 8 เปอรเ์ ซน็ ต์อ่อนจากเปลือกหุ้มชั้นในเมล็ดอ่อนยางพาราพันธุ์ RRIM600 จำ� นวน 13 ตน้ และต้นเปรยี บเทยี บพนั ธุ์ RRIM 600 การน�ำผลงานวิจยั ไปใชป้ ระโยชน์โดยใช้ Microsetellite จ�ำนวน 6 ไพร์เมอร์ คือ A131,gA2689, MA179, mT65, M574 และ MA17 พบวา่ มตี น้ การเพาะเลี้ยงเน้ือเยื่อยางพาราเป็นเคร่ืองมือยางที่ได้จากการเพาะเล้ียงตน้ ออ่ นจำ� นวน 12 ต้นทม่ี ลี าย ส�ำคัญส�ำหรับการพัฒนางานด้านยางพาราท้ังการขยายพิมพด์ เี อน็ เอเหมอื นตน้ เปรียบเทยี บ RRIM 600 ในขณะ พันธุ์ การปรับปรุงพันธุ์ ตลอดจนการปรับปรุงการผลิตท่ี 1 ตน้ (ตวั อย่างที่ 3) มลี ายพมิ พ์ดเี อ็นเอแตกต่างไปจาก ยางโดยการใช้เทคโนโลยีชีวภาพทั้งในปัจจุบันและในต้นเปรยี บเทียบในทุกไพร์เมอร์ คิดเป็นตน้ ท่มี ีการผดิ ปกติ อนาคต โดยเฉพาะการพัฒนางานวิจัยทางด้านทางพันธกุ รรม 8 เปอร์เซน็ ต์ (ภาพที่ 8) วิทยาศาสตร์ของยางพาราซ่ึงจะต้องลงไปในเชิงลึก เช่น การศึกษาเครื่องหมายโมเลกุลในการปรับปรุงพันธุ์ยาง สรุปผลการทดลองและขอ้ เสนอแนะ การถ่ายฝากยีนในยางพาราเพื่อศึกษาคุณสมบัติและ หน้าท่ีของยีน ตลอดจนการถ่ายฝากยีนเข้าไปใน การเพาะเลี้ยงต้นอ่อนยางพาราจากเปลือกหุ้มช้ัน ยางพาราเพื่อการปรับปรุงพันธุ์ยาง ดังนั้น ผลงานวิจัยน้ีในเมลด็ ออ่ น สามารถท�ำไดโ้ ดยเพาะเลี้ยงชน้ิ ส่วนพืชจาก ถือเป็นเครื่องมือท่ีมีประโยชน์มากส�ำหรับน�ำไปใช้ต่อยเมลด็ หลงั ผสมเกสร 4-6 สปั ดาห์ โดยใชเ้ มล็ดออ่ นทขี่ นาด อดงานวิจัยเชิงลึกในการพัฒนางานวิจัยด้านยางพารา0.5-0.7 เซนตเิ มตร ความหนาเปลอื กหมุ้ ช้ันในเมลด็ ออ่ น ต่อไปขนาด 0.1-0.3 เซนตเิ มตร และความหนาของชิ้นส่วนพืชขนาด 0.1 เซนติเมตร สามารถแบ่งการพัฒนาของ เอกสารอา้ งอิงเนอ้ื เยอื่ ออกเปน็ 3 ระยะ คอื ระยะท่ี 1 ระยะ Callogen-esis เป็นระยะท่ีมีการสร้างแคลลัสจากชิ้นส่วนพืช และ กรรณิการ์ ธีระวัฒนสุข. 2545. ความก้าวหน้าทางด้านแคลลัสมีการพัฒนาไปเป็นเอ็มบริโอเจนิคแคลลัส (MH- การเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อยางพารา. รายงานการIN และ MH-EXP) ระยะท่ี 2 ระยะการ Somatic สัมมนาเร่ืองเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกับembryogenesis เป็น ระยะที่เอ็มบริโอเจนิคแคลลัสมี การปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืช 26-27การพัฒนาไปเป็นโซมาติกเอ็มบริโอ และเอ็มบริโอ (MH- กรกฎาคม 2545. สถาบนั วจิ ยั พชื สวน กรมวชิ าการ- DEN และ MH-MAT) ระยะท่ี 3 ระยะ Regeneration เกษตร. หน้า 67-79.เป็นระยะที่เอ็มบริโอมีการพัฒนาไปเป็นต้นท่ีสมบูรณ์ กรรณกิ าร์ ธรี ะวฒั นสขุ , M.P. Carron, จิรากร โกสยั เสวีมีระบบรากแก้ว (MH-PL) และ ไชยา พฒั นกุล. 2542. การเพาะเลี้ยงเน้ือเย่อื การปรับสภาพต้นกล้าก่อนย้ายปลูกในโรงเรือน ตามโครงการความร่วมมือกับฝรั่งเศส ปี 2540-พบว่า ต้นกลา้ ยงั มกี ารรอดตายต่�ำ หลังจากตน้ กลา้ ตง้ั ตัว 2542. การประชุมวิชาการยางพารา คร้ังท่ี 1ได้สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติย้ายปลูกในโรงเรือน ประจำ� ปี 2542, อ. เมือง จ. สงขลา.และปลูกลงดินได้ส�ำเร็จ จากการตรวจสอบความถูกต้อง

13 การเจริญเติบโตของตน้ ยางขณะปลูก การเจริญเติบโตของตน้ ยางหลงั ปลูก 1 เดือน ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ะปลูก AB ภาพที่ 6 การเจริญเติบโตของต้นกล้ายางจากการเพาะเลี้ยงต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มช้ันในเมล็ดอ่อนยางพันธุ์ RRIM 600 หลังปลูกลงดิน 1 เดือน (A) แกละาร5 เเดจอื รนิญ(B)เติบโตของตน้ ยางหลงั ปลูกภ1าพเดที่ือ7 นการเจริญเติบโตของต้นกล้ายางจากการเพาะเลยี้ งต้นอ่อนจากเปลือกหุ้มช้ันในเมลด็ อ ยางพนั ธ์ุ RRIM600 หลงั ปลกู ลงดิน 1 เดือน และ 5 เดือน ภภาาพพท่ี 7ทกี่ 6ารปกรับาสรภปาพรตับ้นยสาภงจาาพกกตาร้นเพยาะาเลง้ยีจงาตกน้ อก่อานรดว้เพยอาาะหาเลรเหยี้ ลงวตใน้นหลออ่อดทนดดลอ้วงยกอ่ อนายห้ายาปรรับเหสภลาวพนในอกหหลลออดทดดทลอดงลองก่อนย้าย กปษริดับิสสดภิษาฐพบนรรอจกงห, ลจาอรดุวทรรดณลอจงาติเสถียร และ ชยานิจ วชิ าการเกษตร. หน้า 36-51. ดิษฐบรรจง. 2544. การเพ่ิมปริมาณ Somatic ปทั มา ชนะสงคราม และ ภัทธาวธุ จวิ ตระกลู . 2534. การ embryo callus ของยางพารา. เทคโนโลยชี วี ภาพ ขยายพันธุ์ยางพาราด้วยเทคนิคไมโครคัตติ้งใน กับงานวิจัยดา้ นการเกษตร. ส�ำนกั วิจยั และพัฒนา หลอดทดลอง. วิทยาศาสตร์เกษตรศาสตร์ 25: เทคโนโลยีชีวภาพและนิวเคลียร์เทคนิค กรม- 133-138.

ตรวจAส1อ3บ1ความถกู ตอ้ งทาgงAพ2นั 6ธ8กุ 9รรม ตน้ ยาง ดว้ ย Microsettellite ตรวจAส1อ3บ1ความถกู ตอ้ งทาgงAพ2นั 6ธ8กุ 9รรม14 ตน้ ยาง ดว้ ยฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 Microsettellite A131 gA2689 ตรวจสอบความถกู ตอ้ งทางพนั ธกุ รรม ตน้ ยางดว้ ย Microsettellite ตรวจMสAอ1บ7ค9วามถกู ตอ้ งทางmพTนั 6ธ5กุ รรม ตน้ ยางดว้ ย Microsettellite ตรวMจสAอ1บ7ค9วามถกู ตอ้ งทางmพTนั 6ธ5กุ รรม ตน้ ยางดว้ ย Microsettellite MA179 mT65 ตรวจสอบความถกู ตอ้ งทางพนั ธกุ รรมตน้ ยางดว้ ย MicrosettelliteตรวจสMอ5บ7ค4วามถกู ตอ้ งทางพMนั Aธ1กุ 7รรมตน้ ยางดว้ ย MicrosettelliteตรวจสMอ5บ7ค4วามถกู ตอ้ งทางพMนั Aธ1กุ 7รรมตน้ ยางดว้ ย Microsettellite M574 MA17ภาพภที่า8พการทตรว่ี จ8สอกบคาวรามตถกู รตอ้วงทจางสพนัอธกุบรรคมขวองาตน้มกลถา้ ยูกางตพนั ้อธ์ุRงRทIMา6ง00พจานักกาธรเุพการะเลรยี้ มงตน้ขออ่อนงโดตยใ้นช้ Mกicrลos้าetยelliาteงจำพ� นวนัน 6ธไพ์ุ Rรเ์ มอRร์ IM600 จากการเพาะเลยี้ งต้นออ่อนภาพที่ 8 การตรวจสอบความถูกต้องทางพนั ธุกรรมของต้นกล้ายางพนั ธ์ุ RRIM600จภาากพกทารี่ 8เพกาาะรเตลรยี้ วงจตส้นออบอค่อวนามถูกต้องทางพนั ธุกรรมของต้นกล้ายางพนั ธ์ุ RRIM600จากการเพาะเลยี้ งต้นออ่อน

15 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 brasiliensis. Hereditas 4(1): 27-28. Hafsah Jaa Far and W. Y. Wan Abdul Rahaman.พจมาลย์ สรุ นิลพงศ์ และ สมปอง เตชะโต. 2542. ผลของ 1995. In vitro Technology of Hevea-Current ไซโตไคนินต่อการเลี้ยงเซลล์ซัสเพนชันการแยก Developments in the Rubber Research Insti- และการเลี้ยงโปรโตพลาสต์ของยางพารา. tute of Malaysia. 2nd conference on Agricul- ว.สงขลานครินทร์ 21: 169-177. tural biotechnology, 13-15 June, Jakarta.สมปอง เตชะโต และ วันทนา เอ้งย่อง. 2531. การใช้ Paranjothy, K. and H. Grandimathi. 1975. Proceed เทคโนโลยีการเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อเพื่อสร้างสาย ings of International Rubber Conference on พันธุ์แทใ้ นยางพารา. ว. สงขลานครินทร์ 10: 1-6. Tissue and Organ Culture of Hevea. Kualaสมปอง เตชะโต และ อรณุ ี ม่วงแก้วงาม. 2535 ก. การ Lumpur: 59-83. เพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือยางพารา I. การขยายพันธุ์ยาง Skoog, F. and C. O. Miller. 1957. Chemical regula โดยไม่อาศัยเพศในหลอดทดลอง. ว. สงขลา- tion of growth and organ formation in plant นครนิ ทร์ 14: 123-132. tissue cultured in vitro. Symp. Soc. Exp. Biol.สมปอง เตชะโต และ อรณุ ี ม่วงแก้วงาม. 2535 ข. การ 11: 118-130. เพาะเลี้ยงเน้ือเยื่อยางพารา II. เทคนิคการชักน�ำ Te-chato, S. and M. Chartikul. 1993. Tissue culture รากจากยางพาราในหลอดทดลอง. ว. สงขลา- of rubber: Induction cell suspension and นครินทร์ 14: 133-139. embryogenic suspension culture. Songklana-Bouychou, J. G. 1953. La culture in vitro des tissue karin J. Sci. Technol. 15: 341-347. D’ Hevea. Proc. Rubb. Conf. Bogor, 1952. Wilson, H. M. and H. E. Street. 1975. The growth Arch. Rubbercult 30: 50-53. anatomy and morphogenetic potential ofCarron, M. P., H. Etienne, L. Larder, S. Campagna, callus from Hevea brasiliensis. Ann. Bot. Y. Perrin, A. Leconte and C. Chaine. 1995. (London) 39: 671-682. Somatic embryogenesis in Rubber (Hevea Zhang, Z., A. Xing, P. Staswick and T. E. Clemente. brasiliensis Mull. Arg.) Somatic embryogenesis 1999. The use of glufosinate as a selective in woody plants Vol.2, pp. 117-136. agent in agrobacterium-mediated trans-Chen, C. H., F. T. Chen, C. F. Chien, C. H. Wang, formation of soybean. Plant Cell, Tissue and S. C. Chang, H. E Hsu, S. H. Ou, Y. T. He, and Organ Culture. 56: 37–46. T. M. Lu. 1979. A process of obtaining pollen Zheng, X. Q. and X. T. Chen. 2010. Anther culture plants of Hevea brasiliensis. Sci. Sinica 22: for inducing juvenile type of Hevea clone and 81-90. its propagation culturing mini-juvenile-typeDebergh, P. 1992. Reconsideration of the term bud stick in vitro and seedling bud grafting of ‘vitrification’ as used in micro-propagation. rubber tree. Training course on biotechno- Plant Cell, Tissue Organ Cult. 30: 135–140. logical utilization of tropical resources, 5-24Etienne, H., Z. Chen, C. Qian, C.C. Wang, Y. He, July 2010. Institute of Tropical Bioscience and Y. Xiao. 1981. Investigation of ploidy in and Biotechnology (ITBB), China Academy of the process of anther culture of Hevea brasi- Tropical Agriculture Science (CATAS), liensis Muell Arg. Acta Genet. Sin. 8: 169-174. Haikou, China. 188 p.Guo, G., X. Jia and L. Che. 1982. Induction of plantlets from ovules in vitro of Hevea

16 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561จาก GAP สู่ GMPตอนท่ี 2: การผลติ ยางเครพบาง มาตรฐาน GMPปรีด์ิเปรม ทศั นกลุศูนย์บรกิ ารทดสอบรับรองภาคใต้ ฝา่ ยวจิ ยั และพฒั นาอุตสาหกรรมยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ยางเครพเป็นยางดิบประเภทหน่ึงที่ผลิตจากยาง การประเมิน DRC (ปรมิ าณเนอื้ ยางแหง้ ) และไดร้ าคาต่ำ�กอ้ นถ้วย เศษยาง สามารถนำ� มาใชเ้ ปน็ วัตถดุ ิบเริ่มตน้ ใน กว่าความเป็นจริงประมาณร้อยละ 10–15 ดังน้ัน การการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยางได้หลายประเภทเช่นเดียวกับ ผลติ ยางเครพตามมาตรฐาน GMP (Good Manufactur-ยางแผ่นรมควนั และยางแท่ง ing Practices) ที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยาง ยางเครพมีหลากหลายชนิดข้ึนอยู่กับความสะอาด การยางแห่งประเทศไทยก�ำหนด ผลิตจากยางก้อนถ้วยและชนิดของวัตถุดิบ เพ่ือน�ำมาผลิตเป็นยางเครพ คุณภาพดีปฏิบัติตามหลักมาตรฐาน GAP (Good Agri-คุณภาพดี จนถงึ ยางเครพคุณภาพตำ่� cultural Practices) จะได้ยางเครพท่ีมีคุณภาพดี มี ยางเครพที่ผลิตจากน�้ำยางสดโดยตรง เช่น ยางเค สมบัติต่าง ๆ ของยางคงที่ มีความสม่�ำเสมอ ผลิตภัณฑ์รพสีจาง จะน�ำไปผลิตเป็นพลาสเตอร์ยา สายยางยืด จะมีความแปรปรวนตำ่� ลดตน้ ทนุ การผลติ ลดของเสียในส่วนยางเครพที่ผลิตจากยางก้อนถ้วยคุณภาพดี จะเป็น โรงงาน ซึ่งการผลิตยางเครพท่ีมีระบบการจัดการท่ีดีจะยางเครพสีน�้ำตาลท่ีมีความสกปรกน้อย น�ำไปผลิตเป็น สามารถน�ำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้โดยตรง โดยไม่ผลิตภัณฑ์ได้เช่นเดียวกับยางแผ่นรมควันหรือยางแท่ง จ�ำเป็นต้องส่งยางเครพไปยังโรงงานยางแท่งอีกต่อไปเกรดสูง สามารถจ�ำหนา่ ยได้ในราคาทส่ี งู ข้นึ มีอ�ำนาจตอ่ รองกบั ผู้ ส่วนยางเครพที่ผลิตจากเศษยาง ท่ีมาจากยาง ซอ้ื จากความเชื่อม่นั ในกระบวนการผลติ จึงเป็นแนวทางบริเวณคลองกรีด (Tree lace) เศษยางตามเปลือกไม้ หนึ่งที่น�ำมาใช้พัฒนาการผลิตยางเครพของสถาบัน(Bark scrap) หรอื แมแ้ ต่เศษยางจากการขลิบยางแผน่ เกษตรกร ตลอดจนลดปัญหาและข้อจ�ำกัดเรื่องการรมควัน และยางก้อนถ้วยคุณภาพต�่ำ ก็จะได้ยางเครพ ประเมนิ ราคาซือ้ ขายในยางกอ้ นถว้ ยอกี ดว้ ยคุณภาพต่ำ� ผลิตภัณฑ์ทไ่ี ดจ้ ากยางชนิดนีจ้ ะมีสมบตั ิทางกายภาพท่ีตำ่� ลง หลักปฏบิ ัตทิ ่ีดีส�ำหรับการผลติ ท่ีผ่านมาเกษตรกรชาวสวนยางในภาคตะวันออก ยางเครพมาตรฐาน GMPเฉียงเหนือกว่าร้อยละ 70 ผลิตยางก้อนถ้วย และเพิ่มมูลค่ามาผลิตยางเครพมากขึ้น เนื่องจากมีโรงงานยาง สถานประกอบการแท่งกระจายตามจุดต่าง ๆ ท�ำให้สะดวกในการจ�ำหน่ายซึ่งเดมิ จำ� หนา่ ยแตเ่ พยี งยางกอ้ นถว้ ย มกั ถกู กดราคาจาก • สถานท่ีตง้ั อยู่ในบริเวณท่ีน�้ำไม่ท่วมขัง สภาพพ้ืนท่ีมีความ คงตัว ไม่ทรุด ไม่แยกตัวหรือหดตัวที่จะท�ำให้

17 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 ชำ� รดุ หรือแตกหัก เคร่ืองจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ ต้องวางอยู่ใน• เกดิ การแตกรา้ วหรอื ทรดุ ตัวของอาคารไดง้ า่ ย ต�ำแหน่งตามสายการปฏิบัติงาน และง่ายต่อการบ�ำรุง รักษา มีระบบสาธารณูปโภคเพียงพอ และการ เครื่องชั่ง ต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองจาก ส�ำนักงานชั่งตวงวัดหรือหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง• คมนาคมสะดวก และมลี กู ตุ้มมาตรฐานในการสอบเทียบ ส่งิ ปลอมปน มีการปอ้ งกนั สงิ่ ปลอมปนในกอ้ นยาง อยู่ในบริเวณที่ไม่ท�ำให้เกิดการปนเปื้อนต่อ จากเครอื่ งจักร เครอ่ื งมือ และอปุ กรณ์ คณุ ภาพ และไมส่ ง่ ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม การควบคุมกระบวนการผลิตยางเครพ โดยมมี าตรการปอ้ งกนั เช่น การบ�ำบดั นำ�้ เสียจะ ยางก้อนถ้วย ต้องผ่านการรับรองจากกรมโรงงานอุตสาห- กรรม • ฉดี พน่ น้ำ� หรอื ล้างยางกอ้ นถ้วยให้สะอาด • รีดยางด้วยเครื่องรีดเครพให้มีขนาดตามท่ี• อาคารผลิต ก�ำหนด (ความหนาของยางเครพตลอดท้ังแผ่น พื้นอาคารเป็นพื้นคอนกรีตที่เรียบสะอาด และมี ความแข็งแรงสามารถรองรับเครื่องจักรท่ีใช้ใน • ไมเ่ กิน 2 มลิ ลิเมตร) กระบวนการผลิต ไม่มีน�้ำขัง มีการสร้างช่อง ระบายน้�ำที่มีความลาดเอียงเพียงพอ ไม่ให้เกิด นำ� ยางเครพวางพาดบนราวตากเพอ่ื ใหส้ ะเดด็ นำ�้ การหมักหมมของเศษยาง และเป็นที่สะสมของ แล้วน�ำไปผึ่งให้แห้ง หรืออบท่ีอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียล• เช้อื จุลินทรีย์ • การหบี ห่อยางเครพ โครงสร้างภายในอาคาร มีความแข็งแรง และ ทนการกัดกร่อนของสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการ แบบไม่หีบห่อ: ส่งมอบยางในลักษณะเป็นพับ ผลิต ท�ำความสะอาดได้ง่าย สะดวกต่อการ บ�ำรุงรักษา สามารถป้องกันฝน ละอองน้�ำ และ • (Loose bale)• ฝุ่นไดเ้ ป็นอย่างดี แบบหบี หอ่ : 1) ด้วยการมัดยาง: น�ำยางเครพท่ีพับแล้วมาช่ัง บริเวณผลิตมีพื้นที่เพียงพอและจัดแบ่ง น�้ำหนักตามท่ีคู่ค้าก�ำหนด และห่อมัดด้วย พื้นที่เป็นสัดส่วน ได้แก่ พื้นท่ีรับยางวัตถุดิบ ยางเครพชนิดนน้ั พ้ืนที่ท�ำยางเครพ พ้ืนท่ีตากยางเครพ พื้นท่ีวาง 2) หอ่ ห้มุ ดว้ ยถุงพลาสติก: นำ� ยางเครพที่พบั ยางเครพ พนื้ ทคี่ ั ช้ันยางและหีบห่อยาง พื้นที่ แล้วมาช่ังน้�ำหนักตามที่คู่ค้าก�ำหนด น�ำมา จัดเก็บยางเครพพร้อมจ�ำหน่าย และพื้นท่ีจัด อัดแท่ง โดยน้�ำหนักยางเครพและยางเครพท่ี ใช้ห่อหุ้ม มีน้�ำหนักรวมตามที่ลูกค้าก�ำหนด• เก็บอุปกรณแ์ ละเคมีภัณฑ์ เช่น 25, 30, 35 และ 50 กิโลกรัม และห่อหุ้ม ด้วยถงุ พลาสติก วางผังสายการปฏิบัติงานเพื่อให้ปฏิบัติงานได้ 3) การอัดก้อน: น�ำยางเครพท่ีพับแล้วมาช่ังน�้ำ อย่างมีประสิทธิภาพ มีสุขลักษณะท่ีดีในการ หนักตามที่คู่ค้าก�ำหนด น�ำมาอัดก้อน และ ห่อหุ้มด้วยแผ่นยางเครพ โดยน�้ำหนักยาง• ปฏบิ ัติงาน เครพและยางเครพที่ใช้ห่อหุ้ม มีน้�ำหนักรวม 110.5 ± 0.1 กโิ ลกรมั จัดให้มีแสงสว่างและการระบายอากาศที่ กรณีเป็นยางเครพอัดก้อน ทาแป้งกาวยางให้ เหมาะสมเพียงพอส�ำหรับการปฏิบัติงานภายใน• อาคารผลิต มีอุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย เช่น อุปกรณ์ ดบั เพลงิเครอื่ งจักร เครอ่ื งมือ และอุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการผลิต เคร่ืองจักร เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ มีจ�ำนวนเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน และอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานไม่

18 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 • เหมาะสมสม�่ำเสมอทั้ง 5 ด้าน โดยยางเครพอัดก้อนท่ีทาแป้งกาว ระบบการระบายน�ำ้ และบ่อบ�ำบดั นำ้� เสียยางเรียบรอ้ ยแล้ว มนี �ำ้ หนกั รวม 111.11 ± 0.5 กโิ ลกรัม 1) จัดให้มีคูระบายน้�ำล้อมรอบแนวการวางต่อกอ้ น เครื่องจักรและให้เช่ือมต่อลงระบบ�ำบัดน้�ำ ยางเครพอัดกอ้ น ตอ้ งมีการตีตรากอ่ นสง่ มอบ เสยี อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 2) มีระบบบ�ำบัดน้�ำเสียท่ีมีประสิทธิภาพที่• การเก็บรกั ษา สามารถรองรับปริมาณน้�ำเสียได้ไม่น้อยกว่า 60 วนั มรี ะบบการนำ� น�ำ้ หมนุ เวยี นกลบั มาใช้ วางยางเครพที่มัดยางหรือยางเครพอัดก้อน ไม่ ใหมส่ �ำหรบั การล้างพ้ืนและวสั ดุอุปกรณ์ ใหส้ ัมผสั กบั พนื้ โดยตรง โดยใชว้ ัสดรุ องพืน้ เชน่ •บุคลากร• แผงเหล็กหรือแผงไมห้ รือแผงพลาสตกิ ขณะปฏิบัติงานพนักงานท่ีอยู่ในสายการผลิต ยางเครพอัดก้อนให้วางสับหว่างซ้อนกันไม่เกิน ต้องสวมเส้ือผ้าที่ไม่มีกระเป๋า ไม่สวมนาฬิกา เคร่อื งประดับ และไม่มอี ปุ กรณท์ ไ่ี มเ่ ก่ียวข้องกบั• 5 ช้ัน เพอ่ื ปอ้ งกนั การเสยี รปู ทรง • การปฏบิ ตั ิงาน เก็บรักษายางเครพอัดแท่งในลังไม้หรือลังเหล็ก พนักงานควรมีอุปกรณ์ป้องกัน เพื่อสุขอนามัย• ตามรปู แบบทีล่ กู คา้ กำ� หนด • และปอ้ งกันสารเคมที ีต่ กคา้ งในยางก้อนถ้วย บริเวณพื้นท่ีจัดเก็บก้อนยาง ต้องมีป้ายระบุชนิด ชนั้ ยาง และวนั ท่ีผลติ ขณะปฏิบัติงาน ห้ามพนักงานท่ีอยู่ในสายการ ผลิต ดื่มสุราหรือของมึนเมา สูบบุหรี่ และรับการบ�ำรุงรกั ษาและการสขุ าภิบาล • ประทานอาหาร• การทำ� ความสะอาดและการบำ� รุงรักษา พนักงานที่อยู่ในสายการผลิตจะต้องได้รับการ มีแผนการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการใช้งาน การ ฝึกอบรมและเพิ่มพูนความรู้ เพื่อให้ปฏิบัติงาน ตรวจเช็ค และการซ่อมบ�ำรุงเคร่ืองจักร เครื่อง ได้อย่างถูกต้องตามล�ำดับขั้นตอน รวมถึงเร่ือง สุขลักษณะทั่วไปตามความเหมาะสม พร้อมท้ัง• มือ และอปุ กรณ์การผลติ มีการทบทวนให้เกิดความช�ำนาญอย่างน้อยปี ดูแลรักษาเคร่อื งจกั ร เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์การ • ละ 1 ครง้ั ผลิต ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างมี ห้ามรับประทานอาหารในบริเวณปฏิบตั งิ าน• ประสิทธภิ าพ การบันทึกข้อมลู ท�ำความสะอาดสถานประกอบการ รวมถึง • เอกสารและบันทกึ ขอ้ มูล ต้องมีรายการ ดังนี้ เคร่ืองจักร เคร่ืองมือ และอุปกรณ์การผลิต โดย ทำ� ความสะอาดก่อนและหลังการปฏิบตั งิ าน การรับและการจัดเก็บวัตถุดิบที่สถานประกอบ• การสขุ าภบิ าล • การกำ� หนด ควบคุมสัตว์เล้ียงและสัตว์อ่ืนไม่ให้เข้ามาใน การผลิตยางแผ่นดิบ การรมควัน การคัดช้ัน บรเิ วณผลิต คุณภาพยาง การหีบห่อ และการจัดการหลังการ 1) มีวธิ กี ารปอ้ งกันและก�ำจัดสัตว์ในบริเวณผลติ และจดั เกบ็ • หีบหอ่ 2) เฝ้าระวัง ตรวจหาร่องรอยการปนเปื้อนจาก การปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงาน ท�ำความ• สตั ว์อยา่ งสม�ำ่ เสมอ สะอาด การใช้งาน การตรวจเช็คและการซ่อม บำ� รงุ เครือ่ งจักร เครื่องมอื และอุปกรณ์การผลิต การจดั การเศษยางและขยะ 1) เศษยางท่ีเหลือจากการคัดชั้นคุณภาพ ยางตอ้ งจดั เก็บในบริเวณทีก่ ำ� หนด 2) จัดให้มีภาชนะรองรับขยะที่มีฝาปิดใน จ�ำนวนที่เพียงพอ และมีวิธีการก�ำจัดขยะที่

19 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 จนกว่าจะมปี รมิ าณความชื้นน้อยกว่า 1% ลักษณะภายนอกของยางเครพท่ีรีดใหม่ พบว่า• ประวัติการฝกึ อบรมบคุ ลากร เนื้อยางเป็นสีขาวอมเทาเล็กน้อย มีความหนาของแผ่น• การเฝ้าระวัง และการตรวจหาร่องรอยการปน โดยเฉลี่ยไม่เกิน 3 มิลลิเมตร มีปริมาณเนื้อยางแห้ง เฉล่ีย 90% ยางเครพที่ผลิตได้น�ำไปผ่ึงให้แห้งในโรง เปือ้ นจากสตั ว์ รวมทง้ั การปอ้ งกันและก�ำจัด เรือนที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเป็นเวลานาน 12–15 วัน เพื่อรอจ�ำหน่าย ยางท่ีแห้งแล้วจะมีสีเหลืองอม• ผลการตรวจสอบเครอ่ื งช่ัง น้�ำตาลมีปริมาณเน้ือยางแห้งเฉลี่ย 99% ถ้าปริมาณ• ผลการตรวจสอบคุณภาพสิ่งปลอมปนหรือสิ่ง การผลิตเพิ่มมากขึ้นมากกว่า 10 ตันต่อวัน ควรเพิ่ม• ปนเปื้อน เคร่ืองจักรท่ีท�ำหน้าท่ีตัดยางก้อนใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง มรี ะบบสายพานลำ� เลยี ง บอ่ กวนยาง ตระกร้าตักยางเพอ่ื อุณหภูมิห้อง เพ่ิมความรวดเร็วในการผลิตและวางเคร่ืองรีดเครพต่อ การทวนสอบ เก็บรกั ษาข้อมลู ไว้อย่างน้อย 3 ปี เน่ืองกันไม่น้อยกว่า 7 เครื่อง ซ่ึงเคร่ืองจักรดังกล่าวแบ่ง ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ เคร่อื งจกั รหลักและเคร่อื งจักร วิธกี ารผลิตยางเครพจาก เสรมิ ยางกอ้ นถ้วยคณุ ภาพดี เครื่องจักรหลัก ใช้ส�ำหรับการผลิตยางก้อนถ้วยท่ี มกี �ำลงั การผลิตมากกวา่ 10 ตัน ขน้ึ ไป ได้แก่เคร่อื งตัดลด ยางก้อนถ้วยมีรูปร่างลักษณะเป็นตามภาชนะ ขนาด (Slab cutter) เปน็ เครอื่ งจกั รส�ำหรับลดขนาดยางรองรับ เช่น ถ้วยรับน้�ำยาง มีเน้ือยางแห้งระหว่าง 45 – ให้มีขนาดเล็กลง โดยการท�ำงานของใบมีดชนดิ เคลอื่ นที่65% ข้ึนอยู่กับจ�ำนวนมีดกรีดและระยะเวลาการผ่ึง ยาง ที่ยึดติดกับแกนหมุนไปตามความยาวของแกน จ�ำนวนกอ้ นถว้ ยสดจะมีสขี าว และสีค่อย ๆ คล�ำ้ ข้ึนเป็นสนี ำ้� ตาล 7 – 9 ใบมดี ใบมดี บนแกนหมุนจะหมุนผา่ นใบมดี ชนดิตามระยะเวลาการจัดเก็บและยางจะแข็งข้ึนตามล�ำดับ ไม่เคลื่อนที่ ซ่ึงยึดติดอยู่กับห้องตัดอย่างมั่นคงและแข็งยางก้อนถ้วยท่ีวางกองรวม ๆ กันจะเกาะติดกันเป็นก้อน แรง เมอ่ื สง่ ก้อนยางเขา้ ไปในห้องตัด ก้อนยางจะถูกตัดขนาดใหญ่ การน�ำมาบด เฉือน ผสมยางให้เข้ากัน และ ใหเ้ ลก็ ลง จนผ่านรตู ะแกรงขนาด 1, 2, หรอื 3 น้ิว ได้รีดให้เป็นผืนยาว ด้วยการน�ำไปผ่านเคร่ืองรีดเครพ จนมี ตามต้องการ ยางท่ีตัดแล้วจะตกลงในบ่อกวนล้างให้ความหนาบางทีเ่ หมาะสม ยางที่รีดออกมาจงึ เรียกวา่ ยาง สะอาด ตะกอนหนกั จะจมตัวลง ยางจะลอยขึ้น และจะเครพ ถูกส่งต่อไปยังเครื่องรีดเครพด้วยตระกร้าตักยาง โดยมี การผลิตเร่ิมจากน�ำยางก้อนถ้วยสดน�้ำหนัก 35 - ประสิทธิภาพการผลิตไม่น้อยกว่า 3 ตัน/ชม.40 กิโลกรัม ผ่านเครื่องรีดเครพดอกหยาบที่มีน้�ำหล่อ ในส่วนเคร่ืองจักรเสริมได้แก่เคร่ืองจักรชนิดเหนือลูกกล้ิงเพื่อเป็นการซะล้างส่ิงสกปรกให้หลุดออกไป ลำ� เลยี ง เชน่ ตะกร้าตกั ยาง (Bucket elevator) และได้ง่ายและให้ยางน่ิมลง ยางที่ผ่านเครื่องเครพหลาย สายพานล�ำเลียง (Belt elevator) ที่สามารถเสริมคร้งั จะสะอาดข้นึ ตามล�ำดบั ยางทเี่ ป็นก้อนใหญจ่ ะถูกบด ประสิทธิภาพการท�ำงานได้อย่างรวดเร็ว ตะกร้าตักยางเฉอื นและผสมกันเพื่อให้เป็นก้อนขนาดเลก็ ลง หากมีเศษ จะตักยางครง้ั ละ 10 – 15 กก. เทลงในเคร่ืองรีดเครพยางตกตามพ้ืนให้เก็บเพ่ือน�ำมาผ่านเคร่ืองรีดเครพให้ พร้อมท่ีจะบดผสมและล้างให้สะอาดตามล�ำดับโดยมีหมด ยางจะคลุกเคล้าผสมกัน จับตัวติดกัน หลังจากที่ สายพานล�ำเลียงเป็นตัวน�ำยางเข้าเครื่องรีดเครพจนได้ผ่านไปประมาณ 4 รอบ เม็ดยางจะมีขนาดเล็กลงเท่า ยางเครพเปน็ ผืนยาวกว้างประมาณ 30 – 40 ซม. ความเมล็ดข้าวโพด เน้ือยางจะมีความสม�่ำเสมอมากข้ึนจะได้ หนา 1 – 3 มลิ ลเิ มตร ความยาว 5 – 10 เมตร แต่แผ่นยางท่ีติดกันเป็นผืนยาวความยาวประมาณ 5 เมตร สามารถตัดให้มีความยาวตามความเหมาะสมของโรงหลังจากน้ันน�ำยางไปผ่านเครื่องรีดเครพดอกกลางหรือดอกละเอียดอีกประมาณ 3 รอบ เพ่อื ใหแ้ ผน่ ยางมคี วามบางลง เม็ดยางจะมีขนาดเล็กลงเท่าเมล็ดถ่ัวเขียว จากน้ันน�ำยางเครพไปผึ่งให้แห้ง โดยใช้ระยะเวลาในการผ่ึงประมาณ 15 วนั หากต้องการใหย้ างแห้งเรว็ ขึน้ อาจต้องน�ำยางไปอบให้แห้งที่อุณหภูมิไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส

20 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 ยางเข้ารีตตอ่ กนั ไปไดเ้ ลยหรอื รถตากได้ สมบตั ทิ างกายภาพของ ส�ำหรับโครงสร้างของเครื่องรีดเครพประกอบด้วย ยางเครพบางเหล็กเหนียว ล่วนลูกกลิ้งท�ำด้วยเหล็กหล่ออัดเพลาลักษณะดอกเซาะร่องเป็นส่ีเหลี่ยมขนมเปียกปูน มีทั้ง การผลิตยางเครพคุณภาพดีตามมาตรฐาน GMPแบบหยาบและละเอียดตามล�ำดับ ตัวอย่างเครื่องรีดเค จะก�ำหนดสมบัติทางกายภาพตามมาตรฐานยางแท่งรพดอกหยาบจะก�ำหนดขนาดลูกกลิ้งเส้นผ่านศูนย์กลาง ดงั แสดงไวใ้ นตารางที่ 114 น้ิว ความยาว 28 น้ิว มอเตอร์ขนาด 40 แรงม้า ผิว เน่ืองจากเกษตรกรที่ผลิตยางก้อนถ้วยมักถูกกดหนา้ ลูกกลิ้งเซาะเป็นร่องกว้าง 2 หนุ ลกึ 1 หุน ลกั ษณะ ราคา 10 - 15% ของราคาจ�ำหนา่ ย ผลจากการประเมินดอกเป็นรูปสี่เหล่ียมข้าวหลามตัดตามแนวระนาบมุม 20 ความชื้นในยางก้อนถ้วยด้วยสายตา ย่ิงผลิตจ�ำนวนมีดองศา ความกว้างของดอกในแนวต้ัง 20 มม. กรีดมากข้ึน เกษตรกรก็ย่ิงขาดทุนมากขึ้นด้วย แต่หาก เคร่ืองรีดเครพดอกกลางขนาดลูกกลิ้งเส้นผ่าน ผลิตเป็นยางเครพจะต้องลงทุนเพิ่มอีกกิโลกรัมละไม่ต�่ำศูนย์กลาง 14 นิ้ว ความยาว 28 น้ิว มอเตอร์ขนาด 40 กวา่ 2 บาท เมื่อจ�ำหนา่ ยจะได้ราคาเพิม่ ขน้ึ กโิ ลกรมั ละไม่แรงมา้ ผวิ หน้าลกู กล้งิ เซาะเป็นรอ่ งกว้าง 11/2 หุน ลึก 1 ต�่ำกว่า 10 บาท ดังนั้น หากเกษตรกรท่านใดมีความหุน ลักษณะดอกเป็นรูปสี่เหล่ียมข้าวหลามตัดตามแนว สนใจทจี่ ะผลติ ยางเครพ สามารถสอบถามข้อมลู เพิ่มเติมระนาบมมุ 20 องศา ความกวา้ งของดอกในแนวตงั้ 15 มม. ได้ท่ีศูนย์บริการทดสอบรับรองภาคใต้ อ�ำเภอหาดใหญ่ ส่วนเคร่ืองรีดเครพดอกละเอียดจะก�ำหนดขนาด จังหวดั สงขลา โทรศพั ท์ 0 7489 4307ลูกกล้ิงเส้นผ่านศูนย์กลางและมอเตอร์ขนาดเดียวกันกับเคร่ืองรีดเครพดอกหยาบ เพียงแต่ผิวหน้าลูกกลิ้งเซาะ ตารางที่ 1 สมบตั ทิ างกายภาพของยางเครพบางเป็นร่องกว้าง 1 หุน ลึก 1 มม. ลักษณะดอกเป็นรูป ตามมาตรฐานยางแทง่สี่เหล่ียมข้าวหลามตัดตามแนวระนาบมุม 15 องศาความกวา้ งของดอกในแนวตง้ั 10 มม. สมบตั ิ 0.04 ลักษณะการวางเคร่ืองรีดเครพ ในการจัดวาง 0.60เคร่ืองเครพเพ่ือให้สะดวกในการท�ำงาน ตามการ ปรมิ าณสิ่งสกปรกสูงสุด (%) 0.60เคลือ่ นทีข่ องยางท่ีรดี แล้ว ก�ำหนดจัดวางเปน็ 2 แบบคอื ปรมิ าณสิง่ ระเหย สูงสดุ (%) 0.50การวางแบบตามกันไปข้างหน้ากับการวางเครื่องด้าน ปรมิ าณเถา้ สูงสุด (%) 30.0ข้าง (ภาพที่ 1) การวางตามกันไปด้านหน้าค่อนข้าง ปริมาณไนโตรเจนสูงสุด (%) 40.0เหมาะสมกับการใช้สายพาน ในการรับส่งยางจากเครื่อง ความอ่อนตัวยางเรม่ิ แรก, ต่�ำสดุ (Po) 70.0แรกไปยังเครื่องถัดไป ซ่ึงพบการวางเคร่ืองเครพวิธีนี้ใน ดชั นคี วามออ่ นตัว, ต่�ำสดุ (PRI)โรงงานขนาดใหญ่ที่มีก�ำลังการการผลิตวันละมากกว่า ความหนืดมูนน่ี (ML1+4)100o C10 ตัน ส่วนการวางเครื่องเครพแบบเคลื่อนท่ีด้านข้างเหมาะส�ำหรับการรีดเครพที่ใช้แรงงานคน สามารถรีดซ้�ำ ๆ ได้ตามจ�ำนวนครั้งท่ีต้องการ ยางที่รีดแล้วจะจัดกองไว้ด้านข้างคนงานรีดในเครื่องถัดไป ซ่ึงสามารถน�ำ

ยางเครพ21 0.040 (%) (%) สงู สดุ เริม่ แรก, (PRI) 00oC (%) ตา่ํ สดุ 40 สงู สดุ ฉบ0บั อ.ิเล6็กท0รอนกิ ส์ 32 มก0ราค.ม6-ม0นี าคม 2561 0.50 (Po) 70.0 30A ภาพที่ 1 ตัวอยา งการวางเคร่อื งรดี เครพดานขาง B ภาพท่ี 1 ตวั อยา่ งการวางเครอื่ งรดี เครพ A: ดา้ นขา้ ง, B: ไปขา้ งหนา้ แบบตอ่ เนอื่ ง ภาพที่ 2 ตวั อยางการวางเครอื่ งรดี เครพไปขา งหนา แบบตอ เนอื่ ง เนื่องจากเกษตรกรที่ผลิตยางกอนถวยมักถูกกดราคา 10 - 15%ของราคาจําหนาย ผลจากการประเมินความช้ืนในยางกอนถวยดวย

22 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561ความต้องการแรงงานของผ้ปู ระกอบการในอตุ สาหกรรมแปรรปู ไม้ยางพาราปัณณวิชญ์ วงศ์สุวัฒน,์ ภัทรพงศ์ วงศ์สวุ ัฒน,์ พรธริ ฐั ฐ์ พจนสุนทร และ อรอนงค์ เวียงแกว้ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเศรษฐกจิ ยาง การยางแห่งประเทศไทย ยางพาราเป็นพืชที่มีความส�ำคัญกับเศรษฐกิจของ 2543 – 2548 แม้ว่าราคายางจะปรับตัวลดลง แต่การประเทศไทยเป็นอย่างย่ิง เน่ืองจากประเทศไทยเป็น ปลูกยางพาราใหม่ในแต่ละปีก็ยังคงค่อนข้างคงท่ีประเทศผู้ผลิตและสง่ ออกยางพาราเป็นอนั ดบั 1 ของโลก เน่ืองจากผลตอบแทนจากการปลูกยางพารายังคงสูงในปี 2560 ประเทศไทยมีปรมิ าณผลผลิต 4.840 ลา้ นตัน กว่าการปลูกพืชเกษตรชนดิ อ่นื ๆ ดังแสดงในภาพที่ 2มีปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางในรูปของยางแท่ง ไม้ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีได้รับความนิยมยางแผ่นรมควัน น�้ำยางข้น ยางแผ่นดิบ และยางชนิด โดยประเทศไทยเปน็ ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ ซงึ่ คดิ เป็นต่างๆ จ�ำนวน 3.660 ล้านตัน โดยมีมูลค่าการส่งออก ร้อยละ 65 ของปริมาณไม้ยางพาราท่ีผลิตได้มากกวา่ 2.047 แสนล้านบาท ท�ำให้ยางพาราเป็นสนิ ค้า ไม้ยางพาราแปรรูปของไทยมีความสามารถในเกษตรทท่ี ำ� รายไดใ้ หแ้ กป่ ระเทศเปน็ จำ� นวนมาก (Rubber การแข่งขันท้ังในแง่ของคุณภาพและราคาที่ไม่แพงนักIntelligence Unit, 2561) และใกล้เคียงกับไม้ชนิดอื่น เนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็งที่ ในอดีตมีเพียงพื้นท่ีทางภาคใต้เท่าน้ันท่ีนิยมปลูก สามารถแปรรปู ไดง้ า่ ย จงึ มีความสามารถในการน�ำไปใช้ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก แต่ต่อมารัฐบาลในยุค ทำ� เฟอร์นเิ จอร์ และวัสดกุ ่อสร้างต่าง ๆ ได้สนับสนุนการปลูกยางพาราไปท่ัวทุกภูมิภาค นอกจากน้ี ไม้ยางพารายังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศ ตั้งแต่การริเร่ิมโครงการน�้ำพระราชหฤทัย เน่ืองจากไมไ่ ด้เปน็ ไม้ที่ได้จากการตัดไมท้ ำ� ลายปา่จากในหลวง หรือโครงการอีสานเขียว โครงการยาง จากข้อมูลของสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย พบ1,000,000 ไร่ เปน็ ตน้ ประกอบกบั ราคายางในอดีตทเี่ พ่ิม ว่า ประเทศไทยมีการส่งออกไม้ยางพาราแปรรูปในปีสูงขึ้น ดังแสดงในภาพที่ 1 จึงเป็นเหตุจูงใจให้เกษตรกร 2559 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 40,022 ล้านบาท เพ่ิมข้ึนหันไปนิยมปลูกยางพาราท่ัวทุกพื้นที่ ส่งผลให้ปริมาณ จากปี 2558 ซึ่งมมี ลู คา่ การส่งออก 28,393 ลา้ นบาท เพ่มิพน้ื ทป่ี ลกู ยางพาราในปี 2560 เพมิ่ สงู ขนึ้ เปน็ 20.61 ลา้ นไร่ ขึ้นเป็นร้อยละ 40.96 (สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย, จากปริมาณการปลูกยางพาราท่ีเพิ่มมากข้ึนท�ำให้ 2560) ท�ำให้อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพาราเติบโตคาดว่าปริมาณไม้ยางพาราในประเทศจะเติบโตขึ้นราว อย่างต่อเน่ือง รวมทั้งปริมาณความต้องการน�ำเข้าไม้รอ้ ยละ 3 จาก 20 ลา้ นตัน ในปี 2559 เปน็ 23 ล้านตนั ใน ยางพาราแปรรูปของประเทศจีน ซ่งึ เป็นไปตามการขยายปี 2563 และจะเพิม่ ขึน้ อีกราวรอ้ ยละ 5 ตอ่ ปี หรอื คดิ เปน็ ตัวของอุตสาหกรรมเฟอร์นเิ จอร์ และอสังหารมิ ทรัพย์ของ35 ล้านตัน ในปี 2573 จากการปลูกยางพาราใหม่ในปี ประเทศจีน ส่งผลให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม

แสดงใน ภาพ ท่ี 1 จึงเปน เห ตุจูงใจให เกษ ตรกรหั น ไปนิ ยมปลูก ยางพาราท่ัวทุกพ้ืนท่ี สงผลใหปริมาณพื้นท่ีปลูกยางพาราในป 256023 เพิ่มสงู ขึ้นเปฉบนบั อิเล2ก็ ท0รอ.น6กิ ส์132 ลมการานคม-ไมีนราคม(2ก561ารยางแหงประเทศไทย, 2560)ราคา (บาท)ภาพที่ 1 ราคายางระหวา่ งปี 2552 - 2556 (การยางแหง่ ประเทศไทย, 2560 ก) 7 ภาพท่ี 1 ราคายางระหวางป 2552 – 2556 (การยางแหง ประเทศไทย,2560) ปริมาณไม้ยางพารา (ล้านตนั )ป ิรมาณไ ้มยางพารา ( ้ลาน ัตน) 40.00 35.78 2ไม5ย52339055า...000งจ000เพาปกาน20รป.0า20รใ3ิม23น.า0ล0ปณา2รน3กะ.6ต9าเทร2นั 4ศป.4ใ0จลน2ะกู 5เป.1ยต3 าิบ22ง55โ.พ8ต69 า3ข2ร6ึ้น.6แา6รทล2า7ะ่เี .4พวจ6ระมิ่ 2อเ8มพ.2ยา9มิ่ลก2ข9ะข.1้ึน43นึ้ อ3ท0จ.ีก0าาํ1รกใ3า0ห.9ว21คร03าอ 2ลด.ย46าวลน3า ะ4.ปต058รันมิ ตใาอนณปป  หรือ20ค.0ดิ0 เปน 35 ลานตนั ในป 2573 จากการปลูกยางพาราใหมในป 15.00 254130.00– 2548 แมวาราคายางจะปรบั ตวั ลดลง แตการปลกู ยางพารา ใหม5ใ .0น0 แตละปก ็ยงั คงคอนขา งคงที่ เนอื่ งจากผลตอบแทนจากการปลูก ยางพ0.0า0 รายงั คงสงู กวาการปลกู พืชเกษตรชนดิ อน่ื ๆ ดังแสดงในภาพท่ี 2 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 2566 2567 2568 2569 2570 2571 2572 2573 ปรมิ าณไมย้ างพาร า (ลา้ นตนั )ภาพที่ 2 คาดการณ์ปรมิ าณไม้ยางพารา ระหว่างปี 2552 - 2573 (การยางแห่งประเทศไทย, 2560 ข)แปรรปู ไมภย้ าางพพาทราี่ จ2�ำเปคน็ าตดอ้ งกเพา่มิ รปณริมาปณรกิมาราผณลติ ไแมลยะ างพปัญารหาากราะรหขาวดา แงคปลน2แ5ร5งง2าน–ท่ีม2ีค5ุณ7ส3มบัติตามที่มีความต้อ(กงกาารรใยชแ้ ารงงงแาหนเงพปิ่มขรน้ึ ะตเาทมลศ�ำไดทับ ย, 2560) ต้องการ จนกลายเป็นอุปสรรคในการท�ำธุรกิจ โดยผล จากข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า ใน การศึกษาของส�ำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าปจจ �ำำ� ี นน2วว5นน6อแท1ยรง้ัเย่างสปมงงา้นิ ีโาไนงรนร5งกพไป2งม็ต3าไารน่านโมอ้รมะรไยงายเมงใกททาน้ยาวนปา่ศางี่ผงัจ2(พผลตพ0จา,าูุาบสิต0รรัรน0างไาง0ภาทอดทารเุก่ี าอคป1ขไย)กกนนมา ซารรพ่งึยดผจาาืำ�ชทลยเิั้ตงงปเปใขพศน็ อรตหราะง้อไษเญรงททใาฐศยช แ้กซปิจึ่งรสโมปทคย่งัญารกผี่ไิดกูปยหลดทเ้าากข่ีปสรยแรุอะดแรับนทงรงคงบงรรไางอตวอนาทง่อานภยลตยไาม้งนปลคมมนทโอะรีคุานุติยงคขว6สงมอือาาา5งนหผมโปอกู้ผขด่ืันสญรลรใยอาิตมหนมปงไอาแทุคตปารรยงส่าระรใงาจนถาเิมห้ทนาปใกาสงัจศรนแ่วณจรนไรุมบกใงทัเนไหาดงญายมียรมนว่เีกปกสาั็นนูงรรวมทั้งอุแตสขางหขกรันรมทแั้งปใรนรูปแไมง้ขยาองพงคารุณาตภ้องาปพระแสลบะราแครงางทานี่ไไรมฝ้ แีมอื พแงลนะแักรงงแาลนภะาใคกอตุลสเาคหียกรงรกมโับยกไยมา้ ย ไป ช นิ ดอื่น เนื่องจากเปน ไมเนื้ อแข็ งท่ี สามารถแปรรูปไดงาย จึงมี ความสามารถใน การนําไปใชทํ าเฟ อรนิเจอร และวัสดุกอสราง นอกจากน้ีไมยางพารายังเปนมิตรตอสิ่งแวดลอม เนือ่ งจากไมไดเปนไม

24 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ตารางท่ี 1 จำ� นวนโรงงานแปรรปู ไมย้ างพารา ทฤษฎีและแนวคิดทใ่ี ช้ในการศึกษา ปี 2561 แนวคดิ ความตอ้ งการแรงงาน ภาค จำ� นวนโรงงาน อุปสงค์และอุปทานแรงงานเกี่ยวข้องกับพ้ืนฐาน (โรง) ด้านเศรษฐศาสตร์ โดยอุปทานแรงงาน (Labor supply)ตะวนั ออก 61 หมายถึงจ�ำนวนแรงงานในตลาดแรงงานที่มีทักษะตะวันออกเฉยี งเหนือ 17 ความรู้ความสามารถตามท่ีองค์การต้องการ อุปสงค์ตะวันตก 2 แรงงาน (Labor demand) หมายถึงจ�ำนวนแรงงานที่ใต้ 443 องค์การตอ้ งการในอนาคตรวม 523 อุปสงค์แรงงานและอุปทานแรงงานเกี่ยวข้องกับ การวางแผนก�ำลังคน หรือการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ทม่ี า: กรมโรงงานอตุ สาหกรรม (2561) เนื่องจากการงานแผนทรัพยากรมนุษย์สัมพันธ์กับความ ต้องการสินค้าผลิตภาพ หรือความสามารถของแรงงานสู่ภาคบริการ อีกทัง้ ปัญหาอื่น ๆ เช่น แรงงานลาออก เพื่อ ในการผลิตสินค้าแรงงานที่มีอยู่ในองค์การและตลาดไปเรียนต่อ หรือท�ำกิจการส่วนตัว แรงงานไม่มีความ แรงงาน เพ่อื เข้าใจอปุ สงคแ์ ละอุปทานแรงงาน ประการท่ีอดทน แรงงานไมม่ ีความตง้ั ใจ ไม่มคี วามกระตอื รือรน้ ใน ส�ำคัญคือ การก�ำหนดเงื่อนไขและการตอบสนองการท�ำงาน แรงงานไม่มีความพร้อมในการท�ำงานไม่คุ้ม ตอ่ สถานการณ์ต่าง ๆ เช่น กรณอี ปุ สงคแ์ รงงานมากกวา่ค่ากับค่าจ้างที่ได้รับ และปัญหาการสื่อสารกับแรงงาน อุปทานแรงงาน กรณีอุปสงค์แรงงานน้อยกว่าอุปทานต่างด้าว (ส�ำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, 2558) แรงงาน กรณีอุปสงค์และอุปทานแรงงานเท่ากัน กรณี ดงั นน้ั จากปัญหาดงั กลา่ ว ผ้วู ิจัยจงึ ไดศ้ กึ ษาความ อุปสงค์แรงงานมากกว่าอุปทานแรงงานเกิดกรณีงานล้นต้องการแรงงานของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม คน หน่วยงานอาจจัดอบรม และพัฒนาบุคลากรจัดแปรรูปไม้ยางพารา เพื่อที่จะได้รับทราบสภาพปัญหา วางแผนสืบทอดต�ำแหน่ง มีการเลื่อนต�ำแหน่ง สรรหาและความต้องการแรงงานท่ีแท้จริงของผู้ประกอบการ บุคลากรจากภายนอก จัดจ้างช่ัวคราวหรือบางเวลาใช้โรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ตลอดจนเพื่อให้หน่วยงาน ระบบเหมาจา่ ยหรือทำ� งานล่วงเวลา กรณีอปุ สงคแ์ รงงานภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ สถาบันการศึกษา และผู้ น้อยกว่าอุปทานแรงงาน เกิดกรณีคนล้นงาน หน่วยงานใช้แรงงาน สามารถใช้ประโยชน์ในการก�ำหนดนโยบาย ต้องลดเงินเดือนบุคลากร ลดชั่วโมงการท�ำงาน แบ่งงานและวางแผนก�ำลังแรงงาน การเคล่ือนย้ายแรงงาน และ กันท�ำ เกษียณอายุบุคลากรกรก่อนก�ำหนด จูงใจให้ความจ�ำเป็นในการจ้างแรงงานต่างด้าว การก�ำหนดการ บุคลากรลาออกก่อนก�ำหนดเวลาโดยความสมัครใจหรือพัฒนาและยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน รวมทั้งใช้ใน ใช้การเลิกจ้าง กรณีอุปสงค์แรงงานเท่ากับอุปทานการตัดสินใจเร่ืองต่างๆ อาทิ การลงทุน การขยายตลาด แรงงานหน่วยงานอาจใช้วิธีแทนท่ีต�ำแหน่ง โดยการจ้างการย้ายฐานการผลิต อันจะช่วยเพิ่มศักยภาพและขีด งานใหมห่ รือเปล่ยี นตำ� แหน่งงานได้ ดังแสดงในภาพที่ 3ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ แนวคดิ ตลาดแรงงานยางพาราตอ่ ไป ในทางเศรษฐศาสตร์ (จุฑา, 2537) ได้จ�ำแนก ลั ก ษ ณ ะ ต ล า ด แ ร ง ง า น อ อ ก เ ป ็ น 5 แ บ บ ดั ง นี้ 1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (The perfect market) เป็นตลาดท่ีประกอบด้วยนายจ้างและลูกจ้างจ�ำนวนมาก นายจ้างแต่ละรายมักมีการแข่งขันและมีการว่าจ้าง แรงงานเป็นสัดส่วนน้อย เมื่อเทียบกับการจ้างแรงงาน

25 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 สงู อปุ ทานแรงงาน ตำ่ � การคดั เลอื ก ภายใน : การบรรจุุอปสง ์คแรงงาน สงู การเลอ่ื นตำ�แหนง่ - การฝกึ อบรมและพฒั นา - การจา่ ยคา่ ตอบแทน ภายนอก : - การสรรหา การเปล่ยี นแปลงแผนขององค์กร การฝกึ อบรมและพฒั นา การชะลอการบรรจุ ตำ่ � การปลดออกจากงาน กรณมี กี ารคาดการณว์ า่ อปุ สงคจ์ ะเกดิ การเปลย่ี นแปลงใน การปลดออกจากตำ�แหนง่ อนาคตภาพที่ 3 เปรยี บเทยี บอุปสงค์และอุปทานแรงงาน (ทม่ี า: นิดาวรรณ, 2558)ของทงั้ ตลาด ฝา่ ยคนงานกแ็ ข่งด้วย ไม่มสี หภาพแรงงาน เป็นปัจจัยก�ำหนดอัตราค่าจ้างในท้องตลาดแรงงาน ผู้ใช้ทท่ี �ำการผกู ขาดแรงงาน ไมม่ ีกฎข้อบงั คบั ของรฐั บาลหรือ แรงงานสามารถเคล่ือนยา้ ยจากอาชีพเดิมไปสูอ่ าชีพใหม่หน่วยงานของรัฐบาลเข้ามาแทรกแซงข้องเก่ียวกับตลาด หรือจากอุตสาหกรรมท่ีมีรายได้ต่�ำไปสู่อุตสาหกรรมที่มีแรงงาน หรือถ้ามีก็น้อยท่ีสุด นอกจากนี้ ตลาดแข่งขัน รายได้สูง ดังน้ัน ในระยะยาวอัตราค่าจ้างจะมีแนวโน้มสมบูรณ์ยังสมมติให้แรงงานที่ประกอบอาชีพเดียวกัน เขา้ สู่ระดับคา่ จา้ งในตลาดแข่งขนั แรงงาน หรือท�ำงานในอุตสาหกรรมเดียวกันจะต้องมีคุณภาพ 3. ตลาดธรรมชาติ (The natural market) จากและความสามารถเหมือนกัน การเข้าหรือออกจากตลาด การสังเกตของนักเศรษฐศาสตร์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจสามารถท�ำได้อย่างเสรี นายจ้างสามารถเลิกกิจการและ ภายหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 พบว่า อัตราค่าจ้างมีแนวเลิกจ้างคนงาน ส่วนอัตราค่าจ้างจะถูกก�ำหนดขึ้นโดย โน้มท่ีแตกต่างกันมากกว่ามีแนวโน้มท่ีจะเข้าสู่ระดับอุปสงค์และอุปทานของแรงงานและค่าจ้างจะเปล่ียนไป เดียวกัน ตลาดแรงงานแบบนี้มีแนวคิดว่า ความไม่ก็ต่อเมอื่ ปจั จยั ทง้ั 2 อย่างได้เปลีย่ นไป นายจ้างแตล่ ะราย สมบูรณ์ของตลาดแรงงานเกิดข้ึนเพราะการขาดข่าวสารหรอื คนงานแตล่ ะคนจะไมม่ อี ทิ ธพิ ลเหนอื อตั ราคา่ จา้ ง ข้อมูล คือ นายจ้างไม่รู้จักคนงานดีพอและคนงานก็ไม่ 2. ตลาดนีโอคลาสสิค (The neoclassical mar- ทราบว่ามีต�ำแหน่งงานว่างที่ใด อย่างไรก็ตาม นายจ้างket) แนวคิดตลาดแรงงานแบบนี้ดัดแปลงมาจากตลาด เท่านั้นที่จะเป็นผู้ท่ีมีอิทธิพลในตลาดแรงงาน อุปสงค์แขง่ ขันสมบูรณ์ เน่ืองจากตลาดแข่งขันสมบรู ณม์ กั ไมเ่ กิด และอุปทานของแรงงานของตลาดแบบธรรมชาติน้ี ไม่ขึ้น ตลาดแรงงานนีโอคลาสสิคจึงยอมรับความไม่ สามารถก�ำหนดอัตราค่าจ้างดุลยภาพได้แน่นอนสมบูรณ์ของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ คนงานยังแตก 4. ตลาดแรงงานภายใตส้ ถาบัน (The institutionalต่างกันไปตามความรู้ ความสามารถ สภาพร่างกาย มี market) เป็นตลาดท่ีประกอบด้วยสหภาพแรงงานสหภาพแรงงาน แต่ไม่มีอิทธิพลต่อตลาดแรงงานมาก สมาคมนายจ้าง หรือสถาบันต่าง ๆ ท่ีรัฐบาลก�ำหนดข้ึนเกนิ ไป อยา่ งไรกต็ าม อุปสงค์และอปุ ทานของแรงงานยงั มาในตลาดแรงงาน นโยบายของสถาบันเหล่าน้ีมี

26 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 วิเคราะห์จากอุปทานแรงงานและอุปสงค์แรงงาน กระบวนการวิเคราะห์อุปทานแรงงาน คือ การศึกษาอิทธิพลต่อการเคล่ือนไหวของอัตราค่าจ้างมากกว่า ปริมาณแรงงานในตลาดแรงงาน ซึ่งหน่วยงานที่อิทธิพลของอปุ สงคห์ รอื อปุ ทานของแรงงาน ดงั น้นั อัตรา เกี่ยวข้องกับการผลิตแรงงานมีการวางแผนและก�ำหนดค่าจ้างในท้องตลาดจึงไม่จ�ำเป็นจะต้องเกิดข้ึนตรงท่ี นโยบายการผลิตแรงงานของแต่ละหน่วยงานในอุปสงค์และอุปทานของแรงงานเท่ากันในระดับอัตราค่า ภาวะการณ์ปัจจุบัน ส่วนกระบวนการวิเคราะห์อุปสงค์จ้างตามท้องตลาด จะมีทั้งผู้มีงานท�ำและผู้ว่างงาน แรงงาน คือกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของเนื่องจากตลาดแรงงานและต�ำแหน่งงานว่างมีจ�ำกัด หน่วยงานด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ภายในอัตราค่าจ้างจะเปลี่ยนแปลงไปตามอ�ำนาจการต่อรอง องค์การต้องวางแผนให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน การระหว่างนายจ้างกับสหภาพแรงงานหรือตามข้อก�ำหนด วิเคราะห์ส่วนต่างของแรงงานระหว่างความต้องการกฎหมายของฝ่ายรัฐบาล แรงงานภายในองค์การและแรงงานท่ีมีอยู่ในตลาด 5. ตลาดแรงงานภายใต้การจัดการ (The man- แรงงานเพ่ือน�ำไปสู่กลยุทธ์การวางแผนก�ำลังคนของaged market) นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มน้ีเชื่อว่า ตลาด หน่วยงานให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เป็นกระบวนการแรงงานในปัจจุบันเป็นตลาดท่ีขาดความสมบูรณ์ที่สุด วิเคราะห์ความต้องการแรงงานจากหน่วยงานภายนอกเ พ ร า ะ ต ล า ด แ ร ง ง า น มี ท้ั ง ส ม า ค ม น า ย จ ้ า ง องค์การสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นการรวมตัวกันเพ่ือเพิ่มอ�ำนาจต่อ กระบวนการวิเคราะห์แรงงาน ประกอบด้วย 4รอง มีกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับของรัฐบาลเข้ามา ขนั้ ตอน ดงั แสดงข้อมูลในภาพท่ี 4 ดังนี้เกี่ยวข้องกับตลาดแรงงาน นอกจากน้ี แรงงานยังแตก ข้ันที่ 1 การวิเคราะห์อุปสงค์แรงงานหรือก�ำลังคนต่างกันไปตามคุณภาพและสภาพร่างกาย ดังนั้น นัก ขององค์การหรือหน่วยงาน การก�ำหนดความต้องการเศรษฐศาสตร์กลุ่มน้ีจึงมีความเห็นว่าตลาดแรงงานควร แรงงานโดยวเิ คราะห์จำ� นวนแรงงานทมี่ ีอยู่ในหนว่ ยงานแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื ขน้ั ท่ี 2 การวเิ คราะห์อปุ ทานแรงงาน คือการศกึ ษา 1) ตลาดแรงงานเป็นหน่วยย่อยหรือบุคคล จำ� นวนแรงงานในตลาดแรงงาน หรือ แรงงานท่ีมีอยู่ว่ามี(Compulsory individualism) คอื ไมใ่ หม้ ีการรวมตัวเป็น ความสัมพันธ์กับความต้องการแรงงานของหน่วยงานสมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงาน โดยพยายามจ�ำกัด อยา่ งไรหรือท�ำลายการรวมตัวดังกล่าว เพื่อบังคับให้ตลาด ขนั้ ที่ 3 การวเิ คราะห์ส่วนตา่ งแรงงาน (Gap anal-แรงงานมีลักษณะใกล้เคียงกับตลาดแข่งขัน ฝ่าย ysis) หรือก�ำลังคน คือการวิเคราะห์ส่วนต่างของความนายจ้างหรือลูกจ้างไม่มีอ�ำนาจผูกขาด แต่ละคนเป็น ต้องการแรงงานในหน่วยงานหรืออุปสงค์แรงงานและหน่วยของตลาดแรงงานและมีการแขง่ ขนั ซึง่ กันและกัน จ�ำนวนแรงงานท่ีมีอยู่ในตลาดแรงงานหรืออุปทาน 2) ตลาดแรงงานภายใต้การกำ� หนดรว่ ม (Collec- แรงงานtive determination) คือ รัฐบาลเป็นผู้ก�ำหนดอัตราค่า ข้ันที่ 4 การพัฒนากลยุทธ์การวางแผนแรงงานให้จ้างเสียเองแทนที่จะก�ำหนดหรือเปลี่ยนแปลงอัตราค่า สอดคล้องกัน เป็นการวิเคราะห์การวางแผนแรงงานจากจา้ งของคนงานในแต่ละท้องถิน่ หรอื แตล่ ะอาชีพกไ็ ด้ เช่น ภายในองคก์ ารหรือหน่วยงานอาจจะก�ำหนดอัตราค่าจ้างข้ันต�่ำหรืออัตราค่าจ้างขั้นสูงตลาดประเภทนี้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลแทนที่จะเกิดขึ้น วัตถปุ ระสงค์ของการศกึ ษาโดยการกระท�ำของฝ่ายนายจ้างหรือฝ่ายลูกจ้าง การจัดในลกั ษณะนี้ไม่ก่อให้เกิดการแขง่ ขันในตลาดแรงงาน 1. ศึกษาและส�ำรวจสภาพทั่วไปของปัญหาและ อุปสรรคด้านแรงงานท่ีส่งผลกระทบต่อการด�ำเนินธุรกิจแนวคิดการวิเคราะห์แรงงานจากตลาดแรงงาน ของผูป้ ระกอบการในอตุ สาหกรรมแปรรูปไมย้ างพารา บุญเดมิ (2553) ไดอ้ ธบิ ายวิธกี ารวิเคราะหแ์ รงงาน 2. ส�ำรวจคุณสมบัติและลักษณะของแรงงานท่ีผู้จากตลาดแรงงาน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ การ

27 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ภาพที่ 4 กระบวนการวเิ คราะหแ์ รงงานขององค์กร (ท่มี า: นิดาวรรณ, 2558)ท่ี 4 กรประะกบอบวการนตอ้ กงกาาร รวเิ คราะหแรงงานขององวคิธกี ก ารรศึกษา การเก็บรวบรวมขอ้ มลูนดิ าวร รณ1. สภสาพุบขทอั่วรไบปเรดข้าตณนกแารรเงศงสากึ นษนขาอียงอุต ส(า2หก5รร5ม 8เ )ป็นกา1ร.ศ กึกาษรวาิจขัย้อมเอูลกทสุตาิยรภ(ูมDิทoี่รcวuบmรวeมnขta้อrมyูลrเบes้ือeงaตr้นcใhน)แปรรูปไม้ยางพารา และความต้องการแรงงานของผู้ ทุก ๆ ด้าน โดยศึกษารวบรวมจากเอกสาร งานวิจัยประกอบการในอตุ สาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา วารสาร เวบ็ ไซต์ ส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์ เพ่อื ให้ทราบถึงขอ้ มูลห รือโรง2ง.าศนึกแษปารกรทปู ุกเาพฟ้ืนอรรท์น่ี ทเิทจ่ีมอีโบรรไ์ งมงท้ยาานงแวพปานรรราูปวไม้รยางรพาณรา ก ทร่ั วรไ ป2ม. กแทาลรวะเ่ีจิ แัยกภนายี่วคคสิวนดาคมขว(Sาอ uมrvงตey้ อreงsกeaาrรchแ)รเปงน็งกาานร 3. ศึกษาระหวา่ งเดือนตุลาคม 2560 – พฤษภาคม ศึกษาโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิจากภาคสนาม2561 โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างท่ี เป็นผู้บริหาร หรือผู้ปฏิบัติงานท่ีเก่ียวข้องกับการจ้าง พันธดิฐ เทียนทอง (2553) ไดแทรงงําานกของาผู้ปรระศกอึบกกาษรในาอุตปสาหจกรจรมัยแปรกรูปาไมร้ ผลิตพลตอผลผลิตของโรงงานแปรรูปยางไพามรา ยางพาราในจังหวัดสุราษโดยมีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาสภาพทั่วไป และศึกษาปจจัยก

28 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา โดยใช้ ระบบสัดส่วนตามจ�ำนวนสมาชิก ได้จ�ำนวนตัวอย่างในประชากรและกลุ่มตวั อย่าง แตล่ ะภาค ดงั แสดงไว้ในตารางที่ 2 1. ประชากรที่ท�ำการศึกษาแบบส�ำรวจ เป็น ในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยเลือกประชากรที่เก่ียวข้องโดยตรงกับการจัดหาแรงงานของผู้ กลุ่มตัวอย่างในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยวิธีการสุ่มประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา ได้แก่ผู้ ตวั อย่างแบบบงั เอญิ (Accident sampling)บริหาร หรือ ผู้ปฏิบัติงานท่ีด�ำเนินการด้านการจัดหา การทดสอบเครือ่ งมอืแรงงาน ซ่ึงมีสถานประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูป ก่อนท่ีจะท�ำแบบสอบถามท่ีสร้างข้ึน ผู้วิจัยได้ท�ำไมย้ างพาราทัว่ ประเทศ รวมท้งั สิน้ 523 แห่ง แบบสอบถามโดยให้ผู้เช่ียวชาญได้ท�ำการตรวจสอบ 2. การเลือกกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยเลือกตัวแทน ความถูกต้องตามเนื้อหา (Content validity) แนะน�ำประชากรเป็นสถานประกอบการจ�ำนวน 85 แห่ง เป็น แก้ไข เพอื่ ตรวจสอบความถูกต้อง และครอบคลุมเนือ้ หาประชากรทีศ่ ึกษา เพือ่ ใหไ้ ดข้ ้อมลู ทคี่ รบถ้วน โดยจ�ำนวน จากนั้นผู้วิจัยได้ท�ำแบบสอบถามที่สร้างขึ้น ผ่านการของกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัยในครั้งน้ี ผู้วิจัยได้ใช้ ตรวจ แกไ้ ข ใหเ้ หมาะสม แลว้ น�ำไปทดลองใชเ้ ก็บข้อมูลสูตรในการค�ำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างอย่างง่ายของ จากกลุ่มตัวอย่าง 30 ราย จากน้ันผู้วิจัยได้ท�ำการตรวจทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) โดยก�ำหนดระดับความ คุณภาพของเคร่ืองมือ โดยการหาความเที่ยงของข้อมูลเชอื่ มนั่ ทร่ี อ้ ยละ 90 และความผดิ พลาดไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 10 จะ ได้ค่า Cronbach’s alpha เท่ากับ 0.87 ซ่ึงเกิน 0.70ไดก้ ลมุ่ ตวั อย่างท้งั ส้นิ 85 ตวั อยา่ ง ตามสตู ร ถือว่ามีค่าความเที่ยงพอที่จะน�ำไปเก็บรวบรวมข้อมูลมา n = N / (1+Ne2 ) วิเคราะหไ์ ด้ n = 523 / [1 + (523)(0.1)2 ] การวเิ คราะห์ข้อมูล n = 85 1. การวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสาร จะใช้วิธี เม่อื n = จำ� นวนตวั อยา่ ง แจกแจงจัดหมวดหมู่ข้อมูล และใช้ค่าสถิติเชิงพรรณนา N = จำ� นวนประชากรทีศ่ กึ ษา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย น�ำเสนอในรูปแบบของตาราง e = ค่าความคลาดเคลื่อนที่ก�ำหนด 0.1 (10%) และวิเคราะห์เชิงพรรณนา (Descriptive analysis) ใชว้ ธิ กี ารเลอื กตัวอยา่ งแบบกำ� หนดจ�ำนวน (Quo- 2. การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม เป็นการta sampling) เพ่ือให้กลมุ่ ตวั อย่างครอบคลมุ เลอื กสถาน วิเคราะหส์ ถติ ิเชงิ ปริมาณ (Qualitative analysis) โดยใช้ ข้อมูลท่ีได้มาประมวลผลโดยใช้ค่าสถิติเชิงพรรณนาตารางที่ 2 กลมุ่ ตวั อยา่ ง จดั ทำ� ตามแบบ และนำ� มาอภปิ รายผลตามกรอบแนวคิดทตี่ ง้ั ไว้ พรอ้ มข้อ สดั สว่ นประชากร เสนอแนะภาค จำ� นวนโรงงาน จำ� นวนตวั อยา่ ง ผลการวิจัย (โรง) (แหง่ ) ข้อมูลท่วั ไปของผู้ประกอบการตะวันออก 61 11 จากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้ 3 ประกอบการโรงงานแปรรูปไม้ยาง ร้อยละ 83.53 ส่วนตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 17 ใหญ่มีแรงงานน้อยกว่า 50 คน คิดเป็นร้อยละ 40 มี มูลค่าของสินทรัพย์ส่วนใหญไ่ มเ่ กนิ 50 ลา้ นบาท คิดเป็นตะวนั ตก 21 ร้อยละ 52.12 และมแี นวโน้มที่จะไม่ขยายกจิ การคดิ เป็นใต้ 443 70รวม 523 85ทม่ี า: กรมโรงงานอตุ สาหกรรม (2561)

29 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 ไว้ในตารางที่ 5 จากตารางที่ 5 จะเห็นได้วา่ ปัญหาทผ่ี ู้ประกอบการร้อยละ 54.12 ซง่ึ ใกลเ้ คยี งกบั ผู้ประกอบการทม่ี แี นวโน้ม ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการขยายกิจการคิดเป็นรอ้ ยละ 45.88 (ตารางที่ 3) ด�ำเนินกิจการมากท่ีสุด คือ การปรับข้ึนค่าแรงขั้นต�่ำ นอกจากนี้ จากการศกึ ษายังพบว่า ผูป้ ระกอบการ (3.32) รองลงมาคือ ระดับค่าจ้างในปัจจุบัน (3.29) ซ่ึงที่เป็นโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราส่วนใหญ่มีแนวโน้มไม่ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปขยายกิจการคิดเป็นร้อยละ 56.34 และผู้ประกอบการที่ ไม้ยางพารามีความกังวลในเรื่องของต้นทุนในการผลิตเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ หรือผลิตภัณฑ์จากไม้ และขีดความสามารถในการแข่งขันมากท่ีสุด และยางพาราส่วนใหญ่มีแนวโน้มขยายกิจการ คิดเป็น ปัญหาท่ีผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะเป็นร้อยละ 57.14 ปัญหาท่ีส่งผลต่อการด�ำเนินกิจการน้อยท่ีสุด คือ ความ เขม้ งวดของกฎหมายแรงงานอ่ืน ๆ เน่ืองจากในปจั จุบันผู้ประเภทของแรงงานทผี่ ปู้ ระกอบการตอ้ งการ ประกอบการส่วนใหญ่ได้ด�ำเนินการได้อย่างถูกต้องเป็น จากการศึกษาพบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ไปตามกฎหมายที่เก่ียวข้อง ส่วนประเด็นปัญหาท่ีผู้ต้องการแรงงานทั้งชายและหญิงโดยไม่ระบุเพศ คิดเป็น ประกอบการมคี วามคดิ เห็นแตกตา่ งกนั มากทสี่ ุด คือ การร้อยละ 57.65 และส่วนใหญ่ต้องการแรงงานท่ีมีความ จ้างแรงงานต่างด้าว (ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.52)สามารถในการแปรรูปไม้ คิดเป็นร้อยละ 65.88 โดย และประเด็นปัญหาท่ีผู้ประกอบการมีความคิดเห็นแตกมีอายรุ ะหว่าง 18 – 30 ปี มากท่สี ดุ คดิ เป็นร้อยละ 55.29 ตา่ งกนั น้อยทส่ี ุด คือ ความเข้มงวดของกฎหมายแรงงานรองลงมาคือ แรงงานท่ีมีอายุระหว่าง 31 – 4 0 ปี คิดเปน็ อืน่ ๆ (ค่าสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.48)รอ้ ยละ 44.71(ตารางที่ 4) คณุ ลกั ษณะของแรงงานทผี่ ู้ประกอบการตอ้ งการ ส�ำหรับคุณลักษณะของแรงงานที่ผู้ประกอบการปัญหาและอุปสรรคด้านแรงงานท่ีส่งผลกระทบต่อ ต้องการ ผู้วิจัยได้แบ่งออกเป็น 10 รายการ โดยมีเกณฑ์การดำ� เนินกิจการ ในการให้คะแนนท่ไี ดม้ าจากการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ดังน้ี ส�ำหรับปัญหาและอุปสรรคด้านแรงงานท่ีส่งผลก 1.00 – 1.80 หมายความว่า คุณลักษณะของระทบต่อการด�ำเนินกจิ การ แบ่งออกเปน็ 5 ปัจจยั ได้แก่ แรงงานที่ผปู้ ระกอบการตอ้ งการน้อยทีส่ ดุปัจจัยด้านค่าจ้างแรงงาน ปัจจัยด้านสวัสดิการ ปัจจัย 1.81 – 2.60 หมายความว่า คุณลักษณะของด้านฝีมือแรงงาน ปัจจัยด้านกฎหมาย และปัจจัยด้าน แรงงานทีผ่ ปู้ ระกอบการต้องการน้อยการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยมีเกณฑ์ในการให้คะแนนที่ 2.61 – 3.40 หมายความว่า คุณลักษณะของได้มาจากการวิเคราะหค์ า่ เฉลย่ี ดังน้ี แรงงานทผ่ี ู้ประกอบการต้องการปานกลาง 1.00 – 1.80 หมายความวา่ เปน็ ปญั หาทส่ี ง่ ผลกระทบ 3.41 – 4.20 หมายความว่า คุณลักษณะของตอ่ การด�ำเนินงานในระดับน้อยที่สดุ แรงงานทผ่ี ปู้ ระกอบการตอ้ งการมาก 1.81 – 2.60 หมายความวา่ เปน็ ปญั หาทส่ี ง่ ผลกระทบ 4.21 – 5.00 หมายความว่าคุณลักษณะของต่อการด�ำเนนิ งานในระดับน้อย แรงงานทผ่ี ู้ประกอบการต้องการมากท่สี ดุ 2.61 – 3.40 หมายความวา่ เปน็ ปญั หาทส่ี ง่ ผลกระทบ โดยสามารถแจกแจงรายละเอียดของคุณลักษณะตอ่ การดำ� เนินงานในระดบั ปานกลาง ของแรงงานทผี่ ู้ประกอบการต้องการได้ไว้ในตารางท่ี 6 3.41 – 4.20 หมายความวา่ เปน็ ปญั หาทสี่ ง่ ผลกระทบ จากตารางท่ี 6 จะเห็นได้ว่าคุณลักษณะของต่อการดำ� เนนิ งานในระดบั มาก แรงงานท่ีผู้ประกอบการต้องการมากท่ีสุด 3 ล�ำดับแรก 4.21 – 5.00 หมายความวา่ เปน็ ปญั หาทส่ี ง่ ผลกระทบ ได้แก่ มคี ุณธรรม จริยธรรม ซ่อื สัตย์ สุจรติ (4.52) มคี วามตอ่ การด�ำเนนิ งานในระดบั มากทีส่ ดุ โดยสามารถแจกแจงรายละเอียดของปัญหาและอุปสรรคท่ีส่งผลกระทบต่อการด�ำเนินกิจการได้ ดังแสดง

30 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561ตารางที่ 3 จำ� นวน และ รอ้ ยละ ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง จำ� แนกตามลกั ษณะของขอ้ มลู ทวั่ ไป 1 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผปู้ ระกอบการ จ�ำนวน ร้อยละลกั ษณะการประกอบการ 71 83.53- โรงงานแปรรูปนำ�้ ยาง 14 16.47- โรงงานผลติ เฟอรน์ เิ จอร์ หรือผลิตภณั ฑ์จากไม้ยางพาราจ�ำนวนบคุ ลากร/แรงงาน 34 40.00- นอ้ ยกวา่ 50 คน 18 21.18- ระหว่าง 51 - 100 คน 10 11.76- ระหวา่ ง 101 - 150 คน 3 3.53- ระหว่าง 151 - 200 คน 22 23.53- มากกวา่ 200 คนมูลค่าของสินทรพั ย์ถาวร 46 52.12- ไมเ่ กนิ 50 ล้านบาท (S) 28 32.94- ระหวา่ ง 51 - 200 ล้านบาท (M) 11 14.94- มากกวา่ 200 ล้านบาท (L)แนวโน้มการขยายกจิ การ 46 54.12- ไมข่ ยายกิจการ 39 45.88- ขยายกิจการ1 N = 85ขยนั อดทน สงู้ าน (4.49) และสามารถท�ำงานเปน็ ทมี รว่ ม เอ้ือต่อการด�ำเนินธุรกิจ และต้องใช้ระยะเวลาในการกับผู้อื่นได้ (4.35) คุณลักษณะของแรงงานท่ีผู้ประกอบ ด�ำเนินการประมาณ 2 – 3 วนั ทำ� การ และตอ้ งด�ำเนินการการต้องการน้อยที่สุด คือ มีทักษะภาษาต่างประเทศ ต่ออายุก่อน 3 เดือน ตามข้อก�ำหนด ท�ำให้ส่งผล(2.74) กระทบต่อเงินทุนหมุนเวียนของกิจการในการส�ำรองจ่าย ให้กับแรงงานที่ไม่สามารถเรียกเก็บได้ภายในระยะเวลา ข้อเสนอแนะ อันส้ัน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการมีความต้องการให้ภาค รัฐได้เข้ามาช่วยในการจัดหาแรงงานคนไทยให้กับผู้ จากการสัมภาษณ์พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ประกอบการ และลดขั้นตอนในการด�ำเนินการเกี่ยวกับประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือคนไทย ท�ำให้มี การจ้างแรงงานต่างด้าว เพ่ือเป็นการลดภาระและค่าใช้ความจ�ำเป็นต้องจ้างงานแรงงานต่างด้าว แต่ในการจ้าง จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้แรงงานต่างด้าวตามข้อก�ำหนด MOU มีข้อบังคับท่ีไม่

31 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ตารางท่ี 4 จำ� นวน และ รอ้ ยละ ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง จำ� แนกตามประเภทของแรงงาน ทผี่ ปู้ ระกอบการตอ้ งการ 1 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผปู้ ระกอบการ จ�ำนวน ร้อยละเพศ 36 42.35- ชาย 0 0.00- หญิง 49 57.65- ไม่ระบุความสามารถเฉพาะ 29 34.12- ไม่ตอ้ งการ 56 65.88- ต้องการ (การแปรรปู ไม้)ช่วงอายุของแรงงานที่ต้องการ 47 55.29- ระหวา่ ง 18 - 30 ปี 38 44.71- ระหว่าง 31 - 40 ปี 0 0.00- ระหวา่ ง 41 - 50 ปี 0 0.00- มากกว่า 50 ปี1 N = 85ยางพาราของไทยในอนาคต โดยการค�ำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างอย่างง่ายของ ทาโร ยามาเน่ โดยก�ำหนดระดับความเช่ือม่ันร้อยละ 90 สรปุ ผลการศึกษา ความผิดพลาดไม่เกินร้อยละ 10 ได้ตัวแทนประชากร ท้ังสิ้น 85 แห่งจากผู้ประกอบการทั่วประเทศท้ังสิ้น 523 การศึกษาความต้องการแรงงานของผู้ประกอบ แห่ง และใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบกำ� หนดจ�ำนวนเพื่อการในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา มีวัตถุประสงค์ ความครอบคลมุ ของกลุ่มตัวอย่างในทวั่ ทกุ ภมู ภิ าค ซ่งึ ผทู้ ่ีเพ่ือศึกษาและส�ำรวจสภาพท่ัวไปของปัญหาและ ตอบแบบสอบถามจะเป็นผู้บริหาร หรือผู้ปฏิบัติงานที่อุปสรรคด้านแรงงานที่ส่งผลกระทบต่อการด�ำเนินธุรกิจ เก่ียวข้องกับการด�ำเนินงานด้านแรงงาน เพื่อให้ทราบถึงของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา ข้อมูลท่ัวไปของสภาพปัญหาและอุปสรรคในการด�ำเนินและเพ่ือส�ำรวจคุณสมบัติและลักษณะของแรงงานที่ผู้ งาน และแนวคิดความต้องการแรงงานของผู้ประกอบประกอบการต้องการ ซ่ึงได้รวบรวมข้อมูลแบบปฐมภูมิ การในอตุ สาหกรรมแปรรูปไมย้ างพาราโดยการส�ำรวจภาคสนาม การใช้แบบสอบถาม และการ จากผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สัมภาษณ์เชิงลึก รวมท้ังได้เก็บรวบรวมข้อมูลแบบทุติย เป็นผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปไม้ยาง คิดเป็นร้อยละภูมิโดยการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสาร ส่ือ 83.53 ซึ่งส่วนใหญม่ แี รงงานน้อยกว่า 50 คน คดิ เปน็ ร้อยอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ส�ำหรับ ละ 40 และสว่ นใหญม่ ีมลู คา่ ของสนิ ทรพั ยไ์ ม่เกนิ 50 ล้านการสำ� รวจโดยแบบสอบถามใช้วิธีเลอื กตัวแทนประชากร

32 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 ตารางท่ี 5 คา่ เฉลยี่ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน และระดบั ของปญั หาทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ การดำ� เนนิ กจิ การ1ประเดน็ ปญั หา คา่ เฉลีย่ สว่ นเบี่ยงเบน ระดับปญั หา มาตรฐานปัจจยั ดา้ นค่าจ้างแรงงาน (2.99) 3.29 0.97 ปานกลาง- ระดบั คา่ จ้างแรงงานในปัจจุบัน 3.32 1.03 ปานกลาง- การปรับข้ึนคา่ แรงขัน้ ตำ่� 2.51 1.08 นอ้ ย- การจ่ายเงินค่าลว่ งเวลา 2.84 1.06 ปานกลาง- ค่าจา้ งแรงงานไมค่ มุ้ คา่ กับประสิทธภิ าพในการทำ� งานปัจจัยดา้ นสวสั ดกิ าร (2.55) 2.68 1.15 ปานกลาง- การจดั หาท่พี ักให้แรงงาน 2.89 1.06 ปานกลาง- การตรวจสขุ ภาพประจำ� ปี 2.75 1.26 ปานกลาง- การจ่ายเงินประกนั สงั คม 1.88 1.00 นอ้ ย- การเกิดอบุ ตั เิ หตใุ นการท�ำงาน 3.19 1.11 ปานกลางปัจจัยดา้ นฝมี อื แรงงาน (2.74) 2.67 0.96 ปานกลาง- แรงงานไมม่ ฝี มี อื ขาดทักษะ 2.36 0.94 นอ้ ย- ค่าใชจ้ า่ ยในการพัฒนา ฝกึ อบรมสงู- แรงงานไม่ไดท้ �ำงานที่ตนถนัด 3.04 1.52 ปานกลาง 1.61 1.01 นอ้ ยทส่ี ดุปัจจัยดา้ นกฎหมาย (1.95) 1.19 0.48 นอ้ ยทีส่ ุด- การจ้างแรงงานต่างดา้ ว- การจดั หาแรงงานพกิ าร 2.68 1.25 ปานกลาง- ความเขม้ งวดของกฎหมายแรงงานอน่ื ๆ 2.39 1.16 นอ้ ย 2.72 1.18 ปานกลางปัจจยั ด้านการเคลือ่ นยา้ ยแรงงาน (2.04) 1.22 0.54 น้อยที่สดุ- กลบั ภูมิล�ำเนาเดมิ- ลาออกไปทำ� งานในอตุ สาหกรรมอื่น- ลาออกไปท�ำงานในอุตสาหกรรมแปรรปู ไม้ยางพาราอื่น- ลาออกจากอบุ ัติเหตุในการทำ� งาน1 N = 85

33 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 ตารางท่ี 6 คา่ เฉลยี่ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน และคณุ ลกั ษณะของแรงงานทผี่ ปู้ ระกอบการตอ้ งการ1 คณุ ลกั ษณะของแรงงาน ค่าเฉล่ีย ส่วนเบยี่ งเบน ระดบั ความ มาตรฐาน ตอ้ งการ1. มคี วามขยัน อดทน สูง้ าน 4.492. มีฝมี อื แรงงาน มีประสบการณ์ 4.27 0.63 มากที่สดุ3. มคี วามรู้ ความสามารถ ตรงกบั งานท่ีทำ� 4.22 0.81 มากท่สี ุด4. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ 4.52 0.73 มากที่สุด5. สามารถถา่ ยทอดความรใู้ หผ้ ู้อืน่ ได้ 4.11 0.68 มากทสี่ ดุ6. สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ไดอ้ ย่างดี 4.26 0.74 มาก7. มีทักษะภาษาตา่ งประเทศ 2.74 0.71 มากทสี่ ดุ8. สามารถปฏบิ ัตงิ านไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 4.28 1.01 ปานกลาง9. สามารถท�ำงานเป็นทมี ร่วมกับผู้อืน่ ได้ 4.35 0.67 มากท่สี ุด10. มคี วามต้องการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ 3.96 0.67 มากทสี่ ดุ 0.84 มาก1 N = 85บาท คิดเป็นร้อยละ 52.12 นอกจากน้ียังพบว่า กฎหมายแรงงานอน่ื ๆ (1.19) ประเด็นปญั หาทผ่ี ู้ประกอบผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราส่วนใหญ่มี การมีความเหน็ แตกตา่ งกันมากทีส่ ดุ คือ การจา้ งแรงงานแนวโน้มไม่ขยายกิจการร้อยละ 56.34 และผู้ประกอบ ต่างด้าว (ค่าส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 1.52) และประเด็นการท่ีเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์หรือผลิตภัณฑ์จากไม้ ปัญหาท่ีผู้ประกอบการมีความคิดเห็นแตกต่างกันน้อยยางพาราส่วนใหญ่มีแนวโนม้ ขยายกจิ การ ร้อยละ 57.14 ท่ีสุด คือ ความเข้มงวดของกฎหมายแรงงานอ่ืนๆ (ค่า ในด้านประเภทของแรงงานพบว่า ผู้ประกอบการ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.48)ส่วนใหญ่ต้องการแรงงานท่ีมีความสามารถในการ ในประเด็นเก่ียวกับคุณลักษณะของแรงงานท่ีผู้แปรรูปไม้คิดเป็นร้อยละ 65.88 โดยไม่ระบุเพศคิดเป็น ประกอบการต้องการมากท่ีสุด 3 ล�ำดับแรก ได้แก่ มีร้อยละ 57.65 มอี ายุระหวา่ ง 18 – 30 ปี มากท่ีสุด คดิ เป็น คุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต (4.52) มีความขยันรอ้ ยละ 55.29 และรองลงมาคอื มีอายรุ ะหว่าง 31 – 40 ปี อดทน สงู้ าน (4.49) และสามารถทำ� งานเป็นทีมร่วมกบั ผู้คิดเป็นรอ้ ยละ 44.71 อ่ืนได้ (4.35) คุณลักษณะของแรงงานท่ีผู้ประกอบการ ส�ำหรับปัญหาท่ีผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ตอ้ งการน้อยที่สุด คือ มที กั ษะภาษาต่างประเทศ (2.74)มีความเห็นว่าเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการด�ำเนินกิจการมากท่ีสุด คือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต�่ำ (3.32) รองลงมา ประโยชน์ท่จี ะไดร้ บัคือ ระดับค่าจ้างในปัจจุบัน (3.29) และปัญหาท่ีผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะเป็นปัญหาท่ีส่ง 1. ภาครัฐสามารถน�ำข้อมูลจากการศึกษาไปใช้ผลต่อการด�ำเนินกิจการน้อยที่สุด คือ ความเข้มงวดของ เป็นแนวทางในการพัฒนาด้านแรงงานให้ตอบสนอง ความต้องการภาคการผลิตของอุตสาหกรรมแปรรูปไม้

34 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 การยางแห่งประเทศไทย. 2560 ข. รายงานสถานการณ์ ไม้ยางพาราของไทย. กองโลจสิ ตกส์ ฝา่ ยวจิ ัยและยางพารา พฒั นาเศรษฐกิจยาง. 2. สถาบันการศึกษาสามารถน�ำข้อมูลท่ีได้ไปใช้ จุฑา มนัสไพบูลย์. 2537. การวิเคราะห์ตลาดแรงงาน:ในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้ตรงกับความต้องการ แนวคิดเชิงทฤษฎี. โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา มหาวิทยาลยั : กรงุ เทพมหานคร. 3. ผู้ประกอบการสามารน�ำข้อมลู จากการศึกษาไป บุญเดิม พันรอบ. 2553. แนวคิดความต้องการแรงงาน.ใช้ในการวางแผนในการจัดหาแรงงานให้ตรงกับความ ใน: เอกสารประกอบการสอนรายวิชาการวางแผนตอ้ งการ การสรรหาและการคดั เลอื ก. คณะวิทยาการจัมหา วทิ ยาลัยราชภัฏพระนครศรอี ยธุ ยา. หนา้ 19-26. คำ� ขอบคณุ นิดาวรรณ สบรรณเสนีย์. 2556. ความต้องการแรงงาน คนไทยที่มีความรู้ภาษาพม่าในตลาดแรงงานเพื่อ งานวิจัยฉบับน้ีส�ำเร็จลุล่วงได้ ผู้วิจัยต้องขอ เตรียมความพร้อมต่อการเข้าสู่ประชาคมขอบคุณผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา เศรษฐกิจอาเซียน. วิทยานิพนธ์รัฐศาสนศาสตรโรงงานแปรรูปเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา และโรงงาน มหาบณั ฑติ มหาวิทยาลยั บูรพา: ชลบุร.ีแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพาราทุกท่าน ท่ีได้สละเวลา สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย. 2560. สถิติส่งออกและให้ความอนุเคราะห์ในการให้สัมภาษณ์แก่ผู้วิจัย ไม้ยางพาราแปรรปู . สบื คน้ จาก: http://www.tpa-ด้วยความเต็มใจ รวมไปถึงขอขอบคุณพนักงานการยาง rubberwood.org/pdf_viewphp?openfile=afแห่งประเทศไทยในจังหวัดต่าง ๆ ทีไ่ ดใ้ ห้ความร่วมมอื ใน le20170221164335.pdf&topic.การประสานงานในการลงพ้ืนที่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลใน ส�ำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม. 2558. ดัชนีการวจิ ัยคร้ังน้ี อุตสาหกรรม. สืบค้นจาก: http://www.oie.go.th/ academic/index. เอกสารอ้างองิ Rubber Intelligence Unit. 2561. สถติ สิ ่งออกยางพารา ของไทย. สืบค้นจาก: http://rubber.oie.go.th/กรมโรงงานอุตสาหกรรม. 2561. สถิติข้อมูลโรงงาน ImExThaiByProduct.aspx?pt=ex, [5 มีนาคม อุตสาหกรรม. สบื ค้นจาก: http://www.diw.go.th/ 2561]. hawk/content.php?mode=data1search.การยางแห่งประเทศไทย. 2560 ก. ราคายางพาราชนิด ยางแผน่ รมควันชนั้ 3 ยางแผน่ ดิบคณุ ภาพ 3 และ นำ้� ยางขน้ . สบื คน้ จาก www.rubber co.th./rubber 2012/rubberprice la. xis [19 ต.ค. 2560].

35 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561กายวภิ าคศาสตรข์ องใบยางลกู ผสมชดุRRI-CH-38หทัยกาญจน์ สทิ ธา1, สพุ ินยา จนั ทร์ม1ี , ฐติ าภรณ์ ภูมิไชย์2, อารมณ์ โรจนส์ จุ ติ ร3และ ปวีณา ไตรเพมิ่ 41 ศูนยว์ ิจยั และพฒั นาการเกษตรสรุ าษฎร์ธานี กรมวิชาการเกษตร2 สถาบนั วจิ ัยยาง การยางแห่งประเทศไทย3 ศนู ยว์ ิจยั ยางสรุ าษฎรธ์ านี สถาบันวิจยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย4 ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กายวิภาคศาสตร์และสัณฐานวิทยาของใบมี แหลง่ ก�ำเนดิ จำ� นวน 160 สายพนั ธุ์ พบว่า ความหนาของความส�ำคัญต่อการเกิดโรคในพืช (De Costa et al., ใบยางอยู่ระหว่าง 0.15-0.22 มิลลิเมตร เน้ือเย่ือภายใน2006; Lee et al., 1999; Evert, 2006; Mmbaga et al. ไม่มีความแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ ความหนาของ1994) การการคายน้�ำ (Evert, 2006) หรือการทนแล้ง เนื้อเยื่อผิวด้านบน (Upper epidermis) อยู่ระว่าง 4.8-(พัชรยี า และคณะ, 2560) เป็นต้น 12.5 ไมโครเมตร ดา้ นบนของเนื้อเยอื่ ผวิ (Epidermis) มี ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการศึกษกายวิภาคศาสตร์ คิวตินเคลือบ (Cuticle) มีความหนาอยู่ระหว่าง 1.6-7.1ของใบยางพันธุ์ต่างๆ มากนัก ท่ีมีรายงานไว้ เช่น งาน ไมโครเมตร ส่วนเน้อื เย่ือผวิ ด้านล่าง (Lower epidermis)วิจัยของ Sena Gomes and Kozlowski (1988) ซึ่งได้ มีปากใบ (Stoma) ช้ันนี้มีความหนาเฉลี่ย 4.8-11.5ศึกษาลักษณะกายวิภาคศาสตร์ของปากใบและช้ัน ไมโครเมตร ปากใบของยางท้ังหมดเป็นแบบ Paracyticแวกซ์ของโกโก้และยางจ�ำนวน 3 พันธุ์ ในระยะต้นกล้า สว่ นชั้นพาลเิ สด มีโซฟิลล์ (Palisade mesophyll) เกดิ ขน้ึพบว่า ปากใบของใบยางจะอยู่ด้านหลังใบเท่าน้ัน ความ ท้ัง 2 ด้าน ถัดจากชั้นเน้ือเยื่อผิวบนและล่าง และมีชั้นสยาวและความกว้างของปากใบแตกต่างกันอย่างมีนัย ปองจี มีโซฟิลล์ (Spongy mesophyll) อยู่ตรงกลางส�ำคัญทางสถิติในแต่ละพันธุ์ ความถี่ของปากใบใน ระหว่างช้นั พาลเิ สด มีโซฟลิ ล์ บนและลา่ งแต่ละพันธุ์ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ งานวิจัยน้ีเป็นการศึกษากายวิภาคศาสตร์ของใบลกั ษณะผวิ ดา้ นหลงั ใบ (Abaxial) และทอ้ งใบ (Adaxial) ยางลกู ผสมชุด RRI-CH-38 จำ� นวน 60 สายพันธ์ุ เปรยี บมีความแปรผันเป็นอย่างมาก โดยชั้นแวกซ์ของผิวด้าน เทียบกับพันธุ์ RRIM 600 ท้ังนี้เพื่อเป็นข้อมูลพ้ืนฐานหลังใบจะมีลักษณะเป็นสันหนาล้อมรอบปากใบ มี ส�ำหรับน�ำไปใชใ้ นการคดั เลอื กพันธ์ุยางตอ่ ไปลักษณะคล้าย Air chamber ท�ำให้ลักษณะผิวใบคล้ายรา่ งแห (Loose reticulum) ส่วนผวิ ด้านท้องใบมลี ักษณะ วธิ ีการศกึ ษาเปน็ สันขรุขระ พัชรียา และคณะ (2560) ได้ศึกษาลักษณะ ตัวอย่างใบกายวิภาคศาสตร์และสัญฐานวิทยาของใบยางจาก ตัวอย่างใบยางทุกพันธุ์ได้จากแปลงในศูนย์วิจัย และพัฒนาการเกษตรสุราษฎร์ธานี (ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ

36 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 ความหนาใบเฉลี่ยต่�ำสุดและสูงสุด ได้แก่ RRI- CH-38-822 และ RRI-CH-38-926 ซ่ึงมีความหนาใบจ.สุราษฎรธ์ านี) โดยเก็บตัวอย่างใบพันธุล์ ะ 5 ต้น แตล่ ะ เฉล่ยี เทา่ กับ 80.75 และ 133.38 ไมโครเมตร ตามลำ� ดบัตน้ เก็บตวั อยา่ งใบเพสลาดสมบรู ณ์ อายุ 2 สัปดาห์ ทีไ่ ม่ ในขณะท่ีพันธุ์ RRIM 600 มีความหนาใบ 135.01เป็นโรคมาต้นละ 4 ใบ (ใช้ใบย่อยกลาง) เพื่อศึกษา ไมโครเมตรลักษณะพน้ื ผิวของแผน่ ใบจำ� นวน 1 ใบต่อตน้ และศกึ ษา เน้ือเยื่อแผ่นใบมีองค์ประกอบแต่ละช้ันเหมือนกันเน้ือเยือ่ แผน่ ใบจ�ำนวน 3 ใบต่อต้น ทุกสายพนั ธ์ุ (ภาพที่ 1a) คอื ช้นั เคลอื บคิวตินผวิ นอกสดุ (Cuticle) ด้านบนมีความหนาน้อยกว่าด้านล่างของแผ่นการศึกษาโดยใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง (Light ใบ โดยชั้นเคลือบคิวตินด้านบนมีความหนาระหว่างmicroscope) 2.06 - 5.56 ไมโครเมตร (เฉลีย่ 2.85 ไมโครเมตร) คิดเป็น ศึกษาปากใบและลักษณะพื้นผิวของแผ่นใบท้ัง เพียง 3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับความหนาใบ ในขณะท่ีดา้ นหลังใบและท้องใบ ใชว้ ธิ กี าร Clearing โดยตดั แผ่น ช้ันเคลือบคิวตินด้านล่าง มีความหนาระหว่าง 7.75ใบเป็นช้ินขนาด 1x1 เซนติเมตร แช่ในสารละลาย 10% -13.18 ไมโครเมตร (เฉล่ีย 10.65 ไมโครเมตร) คิดเป็นKOH จนใส และย้อมด้วยสี Chlorazol black E จัดท�ำ สดั สว่ น 10 เปอร์เซ็นตข์ องความหนาใบสไลด์ถาวรโดยใช้ DPX mountant เป็น Mounting me- เน้ือเย่ือผิว (Epidermis) ท้ังด้านบนและด้านล่างdia ปิดด้วยกระจกปิดสไลด์ ใช้สถานที่ศึกษา ณ ห้อง มีชัน้ เซลลเ์ พียง 1 แถว ความหนาของเนื้อเยือ่ ผวิ ด้านบนปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ของพืช ศูนย์วิจัยและ และดา้ นลา่ งอย่รู ะหวา่ ง 8.16 - 14.05 ไมโครเมตร (เฉลี่ยพัฒนาการเกษตรสุราษฎร์ธานี 10.85 ไมโครเมตร) และ 6.65 - 13.18 ไมโครเมตร ศึกษาเนื้อเยื่อแผ่นใบ โดยตัดแผ่นใบบริเวณกลาง (เฉลีย่ 9.85 ไมโครเมตร) ตามลำ� ดบั คดิ เปน็ สัดส่วนดา้ นใบเปน็ ชิน้ ขนาด 1x1 เซนติเมตร แล้วคงสภาพชิ้นสว่ นใบ ละ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ของความหนาใบตามวิธขี อง Stenglein et al. (2005) และเตรียมเน้ือเยือ่ เน้ือเย่ือช้ันพาลิเสด (Palisade) มีท้ังด้านบนและเพ่ือตัดเน้ือเยื่อพืชโดยวิธี Paraffin sectioning ตามวิธี ด้านล่าง แต่ละด้านมีเซลล์เพียงช้ันเดียว โดยเน้ือเย่ือพาของ Johansen (1940) ยอ้ มดว้ ยสี Fast green และ Saf- ลเิ สดดา้ นบน (ภาพท่ี 1a, 1c) มักหนากวา่ ด้านลา่ งอยา่ งranin จัดท�ำสไลด์ถาวร โดยใช้ DPX mountant เป็น ชัดเจน ด้านบนมีความหนาระหว่าง 29.85 - 64.03Mounting media ปิดด้วยกระจกปิดสไลด์ ใช้สถานที่ ไมโครเมตร (เฉล่ีย 44.54 ไมโครเมตร) คิดเป็น 41ศึกษา ณ ห้องปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ของพืช ภาค เปอร์เซ็นต์ของความหนาใบ ส่วนด้านล่างมีความหนาวชิ าพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่าง 10.75 - 19.99 ไมโครเมตร (เฉลี่ย 15.54 ไมโครเมตร) คิดเป็นสัดส่วนเพียง 14 เปอร์เซ็นต์ของการศึกษาโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบ ความหนาใบ สอ่ งกราด (Scaning electron microscope) เน้ือเย่ือสปองจี (Spongy) ประกอบไปด้วยเซลล์ ศึกษาปากใบและลักษณะพื้นผิวของแผ่นใบท้ัง 3-4 ช้ัน แทรกกนั หลวม ๆ ระหวา่ งเนื้อเยอ่ื ชั้นพาลเิ สดบนด้านท้องใบและหลังใบ โดยคงสภาพช้ินส่วนใบและ และล่าง (ภาพท่ี 1d) ชั้นนี้มีความหนาระหว่าง 9.60 -เตรียมตัวอย่างใบตามวิธีของ Stenglein et al. (2005) 17.20 ไมโครเมตร (เฉล่ีย 13.21 ไมโครเมตร) คิดเปน็ 12และ da Silva Mores et al. (2009) ณ ศนู ย์เคร่ืองมือวิจยั เปอร์เซ็นต์ของความหนาใบ มีสัดส่วนความหนาแน่นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ของเซลล์ชั้นสปองจีต่อความหนาของช้ันน้ีเฉลี่ยเท่ากับ 4.11 ในขณะที่พันธุ์ RRIM 600 มีองค์ประกอบของ เน้ือเยื่อแผ่นใบเหมือนกับพันธุ์ยางลูกผสมชุด RRI- ผลการทดลองและวิจารณ์ CH-38 ทั้ง 60 สายพันธุ์ โดยมีสัดส่วนของช้ันพาลิเสดเนอื้ เยอื่ แผน่ ใบ ใบยางทุกสายพันธุ์มีขอบใบงุ้มลง (ภาพที่ 1b) มีความหนาใบเฉลย่ี 107.48 ไมโครเมตร โดยสายพนั ธุท์ ม่ี ี

37 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 ใบจะมลี วดลาย 2 แบบ คือ แบบสันตรง (Striate) และ แบบสนั หยกั (Rugulate) โดยสายพนั ธ์ุทม่ี ลี วดลายผิวใบด้านบนคิดเป็น 43 เปอรเ์ ซ็นตข์ องความหนาใบ ในขณะ ด้านท้องใบแบบสันตรง เช่น RRI-CH-38-117, RRI-ท่ีช้ันพาลิเสดด้านล่างคิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของความ CH-38-215, RRI-CH-38-262 และ RRI-CH-38-847หนาใบ การศีกษาคร้ังนี้สอดคล้องกับงานวิจัยของ เป็นตน้พัชรียา และคณะ (2560) ซ่ึงได้ศึกษาลักษณะ ในสว่ นของผวิ ใบดา้ นหลงั ใบหรอื ดา้ นลา่ ง (ภาพที่ 3)กายวิภาคศาสตร์ของใบยางจากแหล่งก�ำเนิดจ�ำนวน ในยางทุกสายพันธุ์จะพบปากใบกระจายอยู่เป็นจ�ำนวน160 สายพันธุ์ ซ่ึงพบว่า เน้ือเยื่อแผ่นใบมีองค์ประกอบ มาก ค่าดัชนปี ากใบเฉลี่ยทั้ง 60 สายพนั ธุ์ เทา่ กับ 47.39การเรียงตัวเหมือนกัน แต่มีความหนาของเน้ือเย่ือแต่ละ เปอร์เซ็นต์ของพ้ืนท่ีเซลล์ผิวทั้งหมด โดยสายพันธุ์ RRI-ชัน้ แตกตา่ งกนั ในแตล่ ะสายพนั ธุ์ CH-38-286 มีดัชนีปากใบต�่ำสุด 24.69 เปอร์เซ็นต์ของ พื้นที่เซลล์ผิวท้ังหมด และสายพันธุ์ RRI-CH-38-997 มีผิวใบและปากใบ ดัชนีปากใบสูงสุด 62.16 เปอร์เซ็นต์ของพ้ืนท่ีเซลล์ผิว ผิวใบของยางทุกสายพันธุ์มีลักษณะลวดลาย ท้ังหมด ในขณะที่ยางพันธุ์ RRIM 600 มีค่าดัชนีปากใบค ล ้ า ย ค ลึ ง กั น เ มื่ อ ศึ ก ษ า ภ า ย ใ ต ้ ก ล ้ อ ง จุ ล ท ร ร ศ น ์ เท่ากับ 35.06 เปอร์เซ็นต์ของพื้นท่ีเซลล์ผิวท้ังหมด โดยอิเล็กตรอนแบบส่องกราด (ภาพท่ี 2-3) โดยผิวใบด้านท้องใบหรือด้านบน (ภาพท่ี 2) จะไม่พบปากใบ และผิวภUภาPพาPทAี่พL1=aทชแน้ั ลี่ ะP1ablisแaaสdดeงดภแา้ านคลบตนดั ะข(ทวอ้าbงงใขบอ)งแ,เSนPอ้ืสOเยNดอ่ื ใ=บงชยนาั้ภงS(pาLoMnค)gayต,: LแOสัดWดงขPกAารLวเร=ยี างชตน้ังวั Pขขaอlงisเอนadอ้ื eเงยดอ่ื เา้ในนบลยา่า้ืองงแแเตลล่ยะะLชื่อOนั้ WโใดEยบPIU=PยชEนั้ าPEIงp=idชe(นั้ rmLEispMiดdา้eนrm)ลา:่isง;ดabา้ น: แบแสนด(สงทภอ้ าดงคใตบงดั),กกขวลาอ้างงบจรรลุ เิ ทวเณรรรขศอียนบแ์ ใบงบบทตใง่ีชมุ้แ้ ัวลสงงข;(ca:,อbแ,สcงดสงเเชกนน้ัลบPา้ือaรli์s5เa0ยdไeมื่อโดคา้ รนใเมบตบนรเม;ยdอื่ สOาเกpลtงicบaแาlรs์ 2ตe0c0tลioไnมะโดคว้ชรยเมกั้ตนลอร้ )งจโลุ ทดรรศยนแ์ บUบใชPแ้ สง;Ed :PแสดIงช=น้ั Spชon้ันgy เมeอื่ Oppiticdaleserctmion ดiว้sยดานบน (ทองใบ), UP PAL = ช้ัน palisade ดานบน (ทองใบ), SPON= ช้นั spongy, LOW PAL = ช้ัน palisade ดานลา ง, และ LOW EPI =

38 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ภาพที่ 2 ลวดลายของผวิ ใบดา้ นทอ้ งใบ (SEM) a: RRI-CH-38-127, b: RRI-CH-38-156, c: RRI-CH-38-286, d: RRI-CH-38-365, e: RRI-CH-38-424,ภf: RาRIพ-CHท-38ี่ -2761ล, gว: RดRI-ลCHา-3ย8-7ข62อ, hง: RผRIิว-CใH-บ38-ด822า, นi: RทRI-อCHง-3ใ8-บ891,(j:SRREI-CMH-3)8;-93a3,:k:RRRRI-CHI--3C8-9H53,-l:3R8RI--C0H-1382-10700,m: RRI-CH-38-1043, n: RRI-CH-38-1066, o: RRI-CH-38-1067 (สเกลบาร์ 10 ไมโครเมตร)b: RRI-CH-38-0156, c: RRI-CH-38-0286, d: RRI-CH-38-0365,e: RRI-CH-38-0424, f: RRI-CH-38-0761, g: RRI-CH-38-0762, h:RRI-CH-38-0822, i: RRI-CH-38-0891, j: RRI-CH-38-0933, k:

39 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561ภeภ:าRพาRทI-่ีพC3Hล-ท3ว8ด-ี่ล6า39ย1,ขfอ:ลงRผRววิ I-ใCดบHด-ลา้3น8ห-า7ล4ยงั7ใ,บgขแ: RลอRะลI-Cกงั ษHผณ-38ะิว-ป7า6ใก1,ใบhบ: R(ดSREIา-MC)Hน-a3:8หR-7R6ลI2-C,ังi:HR-ใ3R8Iบ--C2H9แ,-3b8ล:-8R0ะR3,ลI-jC: RักHR-3Iษ-8C-H3ณ-1318,-8ะc9:1ปR, kRา:I-RCกRHI--Cใ3H8บ--3480-88(,9Sd7,:l:RERRRIM-I-CCHH-)-33;88--49a2045:,,m: RRI-CH-38-933, n: RRI-CH-38-1043, o: RRI-CH-38-1067 (สเกลบาร์ 10 ไมโครเมตร)RRI-CH-38-0029, b: RRI-CH-38-0311, c: RRI-CH-38-0408, d:RRI-CH-38-0424, e: RRI-CH-38-0691, f: RRI-CH-38-0747, g:RRI-CH-38-0761, h: RRI-CH-38-0762, i: RRI-CH-38-0803, j:

40 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561 หยักมักมีขอบเซลล์แบบหยักหรือแบบคลื่น ส่วนสาย พันธุ์ที่มีลวดลายผิวใบแบบสันตรงมักมีขอบเซลล์ผิวเป็นปากใบของยางทุกสายพันธุ์เป็นแบบ Paracytic แบบเรยี บ เช่น RRI-CH-38-127, RRI-CH-38-321, RRI-ประกอบด้วยเซลลข์ า้ งเคียง (Subsidiary cells) ท่ีประกบ CH-38-885 เป็นต้นเซลล์คุม (Guard cell) ตามแนวยาวทั้งสองด้าน ความยาวของเซลล์ผิวด้านบนอยู่ระหว่าง 21.69 -สอดคล้องกบั งานวิจัยของ พัชรยี า และคณะ (2560) แต่ 47.70 ไมโครเมตร (เฉลย่ี 27.49 ไมโครเมตร) ความกวา้ งท้ังน้ีเซลล์ข้างเคียงท้ังสองเซลล์มักจะมีขนาดไม่เท่ากัน อยู่ระหว่าง 15.11 - 37.05 ไมโครเมตร (เฉล่ีย 18.58ส่งผลให้ปากใบมีรูปร่างไม่สมมาตร ปากใบมีความยาว ไมโครเมตร) ส่วนความยาวและความกว้างของเซลล์ผิวระหว่าง 23.33 - 33.72 ไมโครเมตร (เฉลี่ย 28.72 ด้านล่างอยู่ระหว่าง 27.66 - 38.09 (เฉลี่ย 32.32ไมโครเมตร) โดยสายพันธุ์ท่ีมีความยาวปากใบต�่ำสุด ไมโครเมตร) และ 14.47 - 22.13 ไมโครเมตร (เฉล่ียและสงู สดุ ไดแ้ ก่ RRI-CH-38-311 และ RRI-CH-38-691 17.71 ไมโครเมตร) ตามล�ำดับ ในขณะทย่ี างพนั ธุ์ RRIMตามล�ำดับ ความกว้างของปากใบอยู่ระหว่าง 18.49 - 600 มีความยาวของเซลล์ผิวด้านบน 27.83 ไมโครเมตร29.02 ไมโครเมตร (เฉลย่ี 22.86 ไมโครเมตร) ซ่ึงพันธุท์ มี่ ี ความกว้าง 19.35 ไมโครเมตร และมีความยาวและความกว้างปากใบตำ่� สดุ และสงู สุดเป็นพนั ธุเ์ ดยี วกนั กบั ที่ ความกว้างของเซลล์ผิวด้านล่างเฉลี่ยประมาณ 32.43มีความยาวปากใบต�่ำสุดและสูงสุด ตามล�ำดับเช่น และ 17.66 ไมโครเมตร ตามล�ำดบัเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าพันธุ์ RRI-CH-38-311 จัดเป็น พันธุ์ที่มีปากใบเล็กท่ีสุด และพันธุ์ RRI-CH-38-691 มีปากใบใหญ่ท่ีสดุ นอกจากนี้ ท้ัง 60 สายพนั ธ์ุ มีความยาว สรปุ ผลการทดลองของชอ่ งเปิดปากใบอยรู่ ะหวาง่ 8.05 - 11.66 ไมโครเมตร(เฉล่ีย 9.79 ไมโครเมตร) ในขณะท่ีปากใบของยางพันธุ์ ผิวใบและปากใบ ผิวใบของยางทุกสายพันธุ์มีRRIM 600 มีความยาว 29.89 ไมโครเมตร ความกว้าง ลักษณะลวดลายคล้ายคลึงกัน โดยจะไม่พบปากใบ24.22 ไมโครเมตร โดยมีความยาวของช่องเปิดปากใบ บริเวณผิวใบด้านบนหรือด้านท้องใบ ผิวใบจะมีลวดลาย10.01 ไมโครเมตร นอกจากน้ี ลวดลายของผิวใบด้าน 2 แบบ คือแบบสันตรง (Striate) และแบบสันหยกั (Ru-หลังใบของยางทุกสายพันธรุ์ วมท้งั RRIM 600 มลี ักษณะ gulate) พบปากใบกระจายอยู่เป็นจ�ำนวนมากในส่วนขรุขระ แต่ละเซลล์จะมีแว็กซ์ (Wax)เคลือบซึ่งมีลักษณะ ของผิวใบด้านหลงั ใบหรอื ด้านล่างในยางทกุ สายพนั ธุ์ คา่เป็นสันนูนข้ึนมาตรงกลางเซลล์ และมีลวดลายเป็นสัน ดัชนปี ากใบเฉลีย่ เทา่ กบั 0.47 ปากใบเปน็ แบบ Paracyt-เล็ก ๆ (Striate) แบบห่าง ๆ รอบสนั นนู ตรงกลางเซลล์ ic ปากใบมีความยาวเฉลี่ย 28.72 ไมโครเมตร ความ เมื่อศึกษารูปร่างและขอบของเซลล์ผิวใบภายใต้ กว้างเฉลี่ย 22.86 ไมโครเมตร โดยมีความยาวของช่องกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง (ภาพท่ี 4-6) พบว่า รูปร่าง เปิดปากใบเฉลี่ยประมาณ 9.79 ไมโครเมตร นอกจากนี้ของเซลล์ผิวใบของยางทุกสายพันธุ์มีความคล้ายคลึงกัน ลวดลายของผิวใบด้านหลังใบนี้มีลักษณะขรุขระ แต่ละโดยรูปร่างเซลล์ผิวใบด้านท้องใบเป็นรูป (3)4-5 เหลี่ยม เซลล์จะมีแวกซ์เคลือบซึ่งมีลักษณะเป็นสันนูนข้ึนมาตร(หรอื มากกว่า) มุมปา้ นมน ขอบเซลลแ์ บง่ ออกเป็น 3 กลมุ่ งกลางเซลล์ และมลี วดลายเปน็ สนั เล็ก ๆ (Striate) แบบไดแ้ ก่ 1) ขอบเรยี บตรง จำ� นวน 18 สายพนั ธ์ุ (ภาพที่ 4) หา่ ง ๆ รอบสนั นูนตรงกลางเซลล์2) ขอบเป็นคลื่น จ�ำนวน 25 สายพันธุ์ (ภาพท่ี 5) และ 3) รูปร่างและขอบของเซลล์ผิวใบด้านท้องใบเป็นรูปขอบหยกั จ�ำนวน 17 สายพันธ์ุ (ภาพท่ี 6) โดยพันธุ์ RRIM (3)4-5 เหล่ียม (หรอื มากกวา่ ) มุมป้านมน ขอบเซลล์แบง่600 มขี อบเซลลผ์ วิ แบบเรียบตรง (ภาพท่ี 7) ออกเป็น 3 กลมุ่ ได้แก่ ขอบเรยี บตรง ขอบเปน็ คลื่น และ ในส่วนของรูปร่างเซลล์ผิวใบด้านล่างมักเป็นรูป ขอบหยัก สว่ นรปู รา่ งเซลล์ด้านหลงั ใบมกั เปน็ รูปสเ่ี หล่ยี มสเ่ี หลย่ี มผนื ผ้ายาวหรอื ขอบขนาน ขอบเซลลม์ ักเรยี บหรือ ผืนผา้ ยาวหรอื ขอบขนาน ขอบเซลล์มักเรยี บหรอื เป็นคลืน่เป็นคล่ืนเล็กน้อย โดยเม่ือเปรียบเทียบผิวใบด้านบน พบ เล็กน้อย ความยาวของเซลล์ผิวด้านหลังใบเฉล่ียว่า สายพันธุ์ยางที่มีลวดลายผิวใบด้านบนเป็นแบบสัน ประมาณ 27.49 ไมโครเมตร ความกว้างเฉลี่ย 17.71

41 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561CภภาHพ-า3ท8ี่ พ4-9เ0ซ5ทล,ลCผ์่ี :วิ 4ใเซบลดลเา้ ผ์นซวิทใอ้ บลงดใบา้ ลนแทลผะอ้ หงใลิวบงั ขใใบอทงบมี่ Rขี RดอIบ-CาเซHลน-ล38เ์ ร-ทยี9บ89อ(,LMDง:)ใAเซ:ลบเซลลผ์ แลวิ ผใ์ บวลิ ใดบา้ะดนา้หหนลทงั ลอ้ใบงใัแงบลขใะอปงบาRกRใทบI-Cขี่มอHง-3ีขR8R-9อI0-C5บH, B-3:เ8เซซ-9ล8ล9ลผ์ ,วิ Eใลบ: ดเเซา้ รลนลหียผ์ ลวิ งั ใใบบบดแา้ล(นะทLปอ้างกMใใบบขข)ออง;ง RRARRII--:CเHซ-38ล-99ล7,ผF: เิวซลลใผ์ วบิ ใบดดา้ นาหนลงั ใทบแลอะปงากใใบบของขRRอI-CงH-3R8-9R97 (Iสเ-กCลบาHร์ 50-ไ3มโค8รเ-มต0ร)905; B: เซลลผิวใบดานหลังไใมบโครแเมลตะร ปในาขณกะใท่คีบวขามอยางวแRละคRวาIม-Cกวา้Hงข-อ3งเ8ซล-ล0์ 90เน5้ือ;เยCื่อแ:ผ่นเใซบมลีอลงคผ์ปริวะกใอบบดดังนา้ี นชั้นทผิวอนองกใสุดบเคขลืออบงผRิวดR้าIน-ทC้อHงใ-บ3เฉ8ล-่ีย0ป9ระ8ม9า;ณD1:8.เ5ซ8 ลแลละผ4ิว.1ใ1 บดคิวาตนิน ห(Cuลtiังcleใ)บด้าแนลบนะมปีควาามกหในาบนข้อยอกวง่าดR้านRล่าIง-ไ CมโHครเ-เมน3ต้ือ8รเยต-ื่อา0แมผ9ล่น�ำ8ใดบ9ับใ;บEยา:งทเุกซสาลยพลันธผุ์มิวีขอใบใบบงดุ้มาลงนทดขออา้ นงงแบผในน่ คบใดิ บเขปโด็นอยเพชงยีั้นงคRวิ3ตเRิเปคอลิIร-เ์ Cซน็ Hตเ์ ม-ื่อ3เท8ยี -บ0กับ9ค9วา7ม;หนFา:เซลลผิวใบดานหลังใบและปากใบของ RRI-CH-38-0997 (สเกลบาร50 ไมโครเมตร)

42 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561ภBภ:าเพาซลทพล่ี ผ์5วิ ทใเบซดี่ลา้ 5ลนห์ผลิวเงั ใใซบบแดลล้าะนปลทาก้อผใบงใขิวบองแใRลบRะIห-CดลHัง-าใ3บ8น-ท3่ี7ม2ทีข,อCอบ: เเซงซลลใลลผ์ ์แบวิ ใบบแบดคา้ ลนลทื่นอ้ะง(ใหLบMขลอ)งังAR:RใIเ-CซบHล-ลท3์8ผ-ิว่ี6ม9ใ1บีข,ดD้าอ: นเซทบล้อลผ์เงวิใซใบบขดลอา้ นงลหRลแงัRใIบบ-แCลHบะป-3าค8กใ-ลบ3ข7ื่อน2ง,R(RLI-CMH-3)8-;691A, E:: เซเลซลผ์ วิ ลใบดลา้ นผทอ้ งิวใบใขอบง RRดI-CาH-น38-ท803อ, F:งเซใลลผบ์ วิ ใขบดา้ อนหงลงั ใบRแลRะปาIก-ใบCขอHง RR-I-3CH8-38--08033(ส7เกล2บา;ร์ 5B0 ไ:มโคเรซเมตรล) ลผิวใบดานหลังใบและปากใบของ RRI-CH-38-0372; C: เซลลผิวใบดานใเทปบออรใเ์ งนซ็นณใตบะ์ ทสข่ว่ีชน้ันอชค้นั งิวเซตRลิเคลRิล์ผิวดI้า(-EนCpลidH่าeงr-คm3ิดisเ8)ป-ท็น0ั้งสด6ัด้านส9บ่ว1นน;แ1ลD0ะ : เเ(ซPปaอลlรis์เลaซd็นผeต)ิว์ขมอใีทงบั้งคดวด้าานมาบหนนนแาหลใะบลด้าังสน่วใลนบ่าเงนแ้ือแเลตย่ลื่อะะชปด้ัน้าาพนามกลีเซใิเสลบดล์ดข้านอลงา่ งRชน้ั Rน้ีมIเี-ซCลลHเ์ พ-ีย3ง 81 -ช0้นั 6คว9า1มห;นEาข:องเชซัน้ เลซลลล์ผิวเพใียบงชดั้นเาดนียวทโดอยงเนใ้ือบเย่ือขพอาลงิเสRดดR้านIบ-นCคHิดเป-็3น 841-ผิวด้านบนและด้านล่างคิดเป็นสัดส่วนด้านละ 10 เปอร์เซ็นต์ของความหนาใบ ส่วนด้านล่างคิดเป็นสัดส่วน0803; F: เซลลผิวใบดานหลังใบและปากใบของ RRI-CH-38-0803(สเกลบาร 50 ไมโครเมตร)

43 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มีนาคม 2561ภBภ:าาเพซลทพลี่ ผ์6วิทใเบซ่ีดลา้6ลนห์ผลิเวงั ใซใบบแดลล้าะนลปทากผ้อใบงิวใขบองใแRลบRะIห-ดCลHังา-ใ3บ8น-ท2ี่8มท6ีข,อCอบ: เเงซซลลใลลผ์ ์บแวิ ใบบแบดคา้ ลนลทื่นะอ้ ง(หใLบMขลอ)งังAR:RใIเ-CซบHล-ลท3์8ผ-ิี่วม32ใ0บีข,ดD้าอ:นเซทบล้อลเผ์งวิใซใบบขดลอา้ นงลหRลแงัRใIบบ-แCลHบะป-3คา8กใ-ลบ2ข8ื่นอ6ง,(RLRI-MCH-3)8;-32A0, E:: เซเลซลผ์ วิลใบลดา้ นผทอ้ ิวงใบใขอบง RดRI-CาHน-38-ท761อ, F:งเซใลลบผ์ วิ ใขบดา้อนหงลงั ใบRแลRะปาIก-ใบCขอHง RR-I-3CH8-38--07612(ส8เกล6บา;ร์ 5B0 ไม:โคเรเซมตรล) ลผิวใบดานหลังใบและปากใบของ RRI-CH-38-0286; C: เซลลผิวใบดานเพียง 14 เปอร์เซ็นต์ของความหนาใบ นอกจากน้ันที่อยู่ เน้ือเยื่อชั้นพาลิเสดบนและล่าง ชั้นน้ีมีสัดส่วนความหนาทตรองกงลใางบขของอแผง่นRใบRคือIเ-นCื้อเHยื่อ-ส3ป8อง-จ0ี 3(S2po0n;gDy) : เปซระลมลาณผ1ิว2ใเปบอรด์เซา็นตน์ขอหงคลวาังมใหบนาแใบละปากใบขปรอะกงอบRไปRดว้ Iย-เซCลลH์ 3--43ช8้ัน-แ0ท3รก2ก0นั ห;ลEวม:ๆเรซะหลว่าลงผิวใบดานทองใบของ RRI-CH-38-0761; F: เซลลผิวใบดานหลังใบและปากใบของ RRI-CH-38-0761(สเกลบาร 50 ไมโครเมตร)

44 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561ภาพที่ 7 ลกั ษณะเซลลผ์ วิ ใบดา้ นทอ้ งใบและหลงั ใบของยางสายพนั ธ์ุRRIM 600 A: รปู รา่ งเซลลผ์ วิ ใบดา้ นทอ้ งใบ (LM) (สเกลบาร์ 50 ไมโครเมตร), B: รปู รา่ งเซลลผ์ วิใบดา้ นหลงั ใบและลกั ษณะปากใบ (LM) (สเกลบาร์ 50 ไมโครเมตร), C: ลวดลายของผวิ ใบดา้ นทอ้ งใบ (SEM) (สเกลบาร์ 10 ไมโครเมตร), D: ลวดลายของผวิ ใบดา้ นหลงั ใบและลกั ษณะปากใบ (SEM) (สเกลบาร์ 10 ไมโครเมตร)ภาพที่ 7 ลักษณะเซลลผิวใบดานทองใบและหลังใบของยางสายพันธุRRIM 600เ;อAกสารรูปอ้ารงาองิงเซ ลลผิ วใบดdaาSนilvทa Mอoงreใs,บT.M(.L, FM.C). B(aสrrเoกs, ลS.Jบ. าdaรS i5lva0พัชรยี า บญุ กอแกว้ , พรสดุ า ศิรริ กั วงษา, อรพิน อุนาพรม Neto, V.M. Gomes and M. Cunha. 2009. Leaf ไมโแคลระ เดมอตกแรก)้ว;จBุระ.ร2ูป56ร0.าลงักเษซณละกลาผยวิวิภใาคบ- ดา นหbลlaังdใe บanแatoลmะyลanักdษultณrasะtruปctาurกe ใofบsix(SLimMira) ศาสตร์และสัณฐานวิทยาของใบที่บ่งช้ีการทนแล้ง species (Rubiaceae) from the Atlantic Rain (สเกในลยบางาพารรา5. ร0ายงไามนผโลคการรวเิจมัยเตรื่อรงเ)ต;็ม Cประลจ�ำวด ลายFขoreอsงt, ผBraิวzใil.บBioดceาllน33ท(3อ): 1ง5ใ5-บ165(.SEM) ปี 2559. สถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศ Evert, R. F. 2006. Esau's plant anatomy: meristems, (สเกไทลย.บหนา้าร2918-0476ไ. มโครเมตร) ;D ลว ดลาceยllsข, aอnงd ผtisิวsuใesบoดf tาheนpหlanลt ังboใdบy: แthลeirะ DลeักCษoDsณtea DCะ.oปMstา.a,,กRW.ใM.บ.MP..(SDS..REKautMhmnaa)yria(kaสen,เdกWD.ล.Aบ.MJา.. MNร.. 10 ไมWsโtriคluecyรtu&เrมeS,oตfnusรn.c)6t0io7np, pa.nd development. John Dissanayake. 2006. Variation of phyllosphere Johansen, D. A. 1940. Plant microtechnique. microflora of different rice varieties in Sri Lanka McGraw-Hill: New York. and its relationship to leaf anatomical and Lee, S., H. Choi, S. Suh, I. I. S. Doo, K. Y. Oh, E. J. physiological characters. Journal of Agronomy Choi, A. T. Schroeder Taylor, P. S. Low, and and Crop Sciene 192: 209-220. Y. Lee. 1999. Oligogalacturonic acid and

45 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 32 มกราคม-มนี าคม 2561 transpiration rates of Thebroma cacao and Hevea brasiliensis seedlings. Annuals of Botany chitosan reduce stomatal aperture by induc- 61(4): 425-432. ing the evolution of reactive oxygen species Stenglein, S. A., A. M. Arambarria, M. del Carmen, from guard cells of tomato and Commelina M. Sevillanod, and P. A. Balatti. 2005. Leaf communis. Plant Physiology 121(1): 147–152. epidermal characters related with plant’sMmbaga M.T., J. R. Steadman and J. J. Roberts. passive resistance to pathogens vary among 1994. Interaction of bean leaf pubescence accessions of wild beans Phaseolus vulgaris with rust Urediniospore deposition and sub- var. aborigineus (Leguminosae–Phaseoleae). sequent infection density. Annals of Applied Flora 200(3): 285-295. Biology 125: 243–254.Sena Gomes, A. R. and T. T. Kozlowski, 1988. Stomatal characteristics, leaf waxes, and

ใช้กรดซลั ฟิวริกในการทา� ยางกอ้ นถ้วย✘ซลั ฟิวริก ✔ฟอร์มิก1. โรงงานผู้ผลิตยางลอ้ ไม่รับซอื้ 1. เป็นทีต่ ้องการของโรงงาน2. ได้ยางคณุ ภาพต่�า 2. ไดย้ างคุณภาพดี3. ท�าให้เครอ่ื งจกั รเสยี หาย 3. ไม่ทา� ให้เครอื่ งจกั รเสยี หาย4. หน้ากรีดยางเสียหาย 4. ไม่กระทบต่อหนา้ กรีดยาง5. อันตรายตอ่ สขุ ภาพ 5. ไม่กระทบต่อสขุ ภาพ6. สรา้ งมลพิษตอ่ ส่ิงแวดล้อม 6. ไมก่ ระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อมสอบถามข้อมูลไดท้ ี่สถาบันวจิ ยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทยโทร. 0-2579-1576 ตอ่ 301, 0-2940-6653


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook