ดอกลลี าวดี ด้วยราคาท่ีสงู อยา่ งตอ่ เนื่องของลลี าวดี ทาให้มเี กษตรกรจานวนมากหนั มา ปลกู ลลี าวดีเพื่อการค้ากนั อย่างเป็นล่าเป็นสนั เนื่องจากลีลาวดีต้นใหญ่นนั ้ หา ได้ยากขนึ ้ ซง่ึ เกษตรกรที่มตี ้นลลี าวดีทงั ้ ต้นใหญ่ ก่ิงชา และเมลด็ ก็จะมีลกู ค้า ไปติดต่อขอซือ้ กนั อย่างต่อเน่ือง ทาให้สามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็น กาให้แก่เกษตรกร ในสมยั ก่อน มตี ้นลน่ั ทมเพียง 2 สายพนั ธ์ุคือ 1. ลน่ั ทมขาว อย่างท่ีเห็นกนั ตามวดั วาอาราม ลนั่ ทมขาวจะชอบแดด มีความสงู ตงั ้ แต่ 3 – 7 เมตร ลาต้นและก่ิงก้านดอู วบ มีสนี า้ ตาลปนเทา เป็นใบเดี่ยวรูป คล้ายหอก ยาว 20 – 30 เซนติเมตร ดอกออกเป็นชอ่ ใหญ่ท่ีปลายกิง่ ดอกมีสี ขาวรูปกรวย มกี ลีบดอก 5 กลีบ จะมกี ลน่ิ หอมมาก มีถ่ินกาเนิดมาจากประเทศ เมก็ ซิโก 2. ลนั่ ทมแดง ทกุ อย่างจะเหมือนลน่ั ทมขาว ยกเว้นใบ ท่ีบางครัง้ จะออกสเี ขยี วเข้ม ดอกมีสแี ดงทงั ้ ดอก ก้านออกเป็นสีมว่ งแดง ดอกมกี ลนิ่ หอม ทงั ้ สองชนิดมีอายยุ ืน ตงั ้ แต่ 50 ถงึ 100 กว่าปี ดอกลลี าวดี ยงั เป็น ดอกไม้ประจาชาติ ของประเทศลาว โดยสว่ นมากจะขนึ ้ อยตู่ อนเหนือของ ประเทศ ไทยทางขนึ ้ พระธาตทุ ี่เมอื งหลวงพระบาง
ต้นชาทอง ไม้พมุ่ สงู 1 เมตร ผวิ ลาต้นหยาบ ขรุขระ สีเทาออ่ น ใบเดี่ยวแบบ ตรงข้าม ใบรูปรี กว้างประมาณ 1.5-2.5 เซนตเิ มตร ยาว ประมาณ 5 เซนตเิ มตร ใบสีเขียวออ่ นอมเหลืองถึงสีเหลืองทอง ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ ดอกชอ่ แบบชอ่ วง แถวเดย่ี ว กลน่ิ หอม ออท่ีปลายยอด กลีบเลีย้ ง 6 กลีบ สีเขียว กลีบดอก 5 กลีบ สีมว่ งออ่ น เกสรเพศผู้ 5 เกสร เกสรเพศเมีย 1 อนั ผลเดยี่ ว ผลสด เมล็ดเด่ียวแข็ง ผลออ่ น สีเขียว ผลแกส่ ีส้ม เมล็ด 1เมล็ด/ผล
ต้นตีนเป็ ด ต้นตีนเป็ด หรือ นิยมเรียก พญาสตั บรรณ เป็นไม้โตเร็ว ลาต้นสงู ใหญ่ นิยมปลกู เป็นไม้มงคล และไม้ประดบั ให้ใบดกเป็นร่มเงา ดอกมีกลิ่นหอมแรงมากถงึ ฉนุ เนือ้ ไม้นามาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้ หลายด้าน อาทิ เก้าอี ้โต๊ะ ไม่ตะเกียบ เป็นต้น แต่ไมน่ ิยมทาเป็น ไม้ก่อสร้าง เน่ืองจากไม่คงคงทน เนือ้ ไม้มีความหนาแนน่ ตา่
ต้นสัก ต้นสกั มีถิ่นกาเนิดอยทู่ างตอนใต้ของประเทศอินเดีย ลาว และไทย (สวนท่ีตดิ ภาคเหนือของไทย) โดยจดั เป็นไม้ยืนต้นผลดั ใบขนาด ใหญ่ ท่ีมีความสงู ของต้นตงั้ แต่ 20 เมตรขนึ ้ ไป และอาจสงู ได้ถึง 30 เมตร มีลาต้นเ ปลาตรง เรือนยอดเป็นทรงพมุ่ กลมค่อนข้างทบึ เปลือกต้นหนา เป็นเทา หรือสีนา้ ตาลออ่ นแกมเทาเปลือกต้นเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็ก ๆ ตามความยาวของลาต้น พอต้นแก่โคนต้นจะเป็นร่องและมีพพู อนขึน้ บ้าง เลก็ น้อย ตามกิ่งอ่อนเป็นรูปเหลี่ยม ตามก่ิงออ่ นและยอดอ่อนมีขนสี เหลือง สว่ นลกั ษณะของเนือ้ ไม้จะเป็นสีนา้ ตาลทอง (เรียกวา่ \"สกั ทอง\") ถึงสีนา้ ตาลแก่ และมกั มีเส้นสีนา้ ตาลแก่แทรกอยู่ (เรียกว่า \"สกั ทองลาย ดา\") เนือ้ ไม้สกั เป็นเสีย้ นตรง เนือ้ หยาบ มีความแขง็ ปานกลาง เลื่อยไสกบ ตกแตง่ ได้งา่ ย และไมค่ อ่ ยยืดหดหรือบดิ งองา่ ยเหมือนไม้ชนิดอ่ืน ขยายพนั ธ์ดุ ้วยการใช้เมลด็ และแบบไมอ่ าศยั เมลด็ (การติดตา, การปักชา , เพาะเลีย้ งเนือ้ เย่ือ) ชอบขนึ ้ ตามพนื ้ ที่ที เป็นภเู ขา หรือตามพนื ้ ราบ ท่ีมีดนิ ระบายนา้ ได้ดี และนา้ ไม่ท่วมขงั หรืออาจจะเป็นดนิ ร่วนปนทราย หรือดนิ ที่มีความลกึ มาก ๆ (โดยเฉพาะดินท่ีเกิดจากหินปนู ท่ีแตกแยกผุ พงั จนกลายเป็นดินร่วนลกึ ) ต้นสกั จะเจริญเติบโตได้ดีมาก โดยมกั จะขนึ ้ เป็นกล่มุ ๆ หรืออาจขนึ ้ ปะปนกบั ไม้เบญจพรรณอ่ืนๆ
เฟ่ืองฟ้ า ช่ือสามญั Paper flower, Bougainvillea เฟื่องฟ้ า ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Bougainvillea glabra Choisy จดั อยใู่ นวงศ์บานเย็น (NYCTAGINACEAE) เฟื่องฟ้ า มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ดอกต่างใบ (กรุงเทพฯ), ดอก กระดาษ ดอกโคม (ภาคเหนือ), ตรุษจีน (ภาคกลาง), เยจ่ ่ือฮวา จ่ือซานฮวา (จีนกลาง) เป็นต้น ดอกเฟ่ื องฟ้ า ต้นเฟ่ื องฟ้ าถกู พบครัง้ แรกในประเทศบราซลิ โดยนกั พฤกษศาสตร์ชาว ฝร่ังเศส เม่อื ประมาณปี ค.ศ. 1766-1769 และได้ถกู นาไปปลกู ยงั สว่ น ตา่ ง ๆ ของโลก เริ่มจากทางยโุ รป อเมริกาเหนือ และเอเชีย สาหรับใน ประเทศไทยได้มีการนาพนั ธ์ุของต้นเฟื่ องฟ้ าเข้ามาจากประเทศสงิ คโปร์ เป็นครัง้ แรกเมอ่ื ประมาณปี พ.ศ.2423 (รัชกาลท่ี 5) และมีการนาเข้ามา จากตา่ งประเทศอีกมากมายจนถงึ ปัจจบุ นั โดยสายพนั ธ์ุของต้นเฟื่ องฟ้ า ในประเทศก็มีจานวนไมน่ ้อยไปกวา่ ตา่ งประเทศ เนื่องมาจากต้น เฟ่ื องฟ้ าเป็นไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทยแล้วยงั เกิดการกลาย พนั ธ์ุเป็นสายพนั ธ์ุใหมเ่ กิดขนึ ้ อีกมากมาย[2]
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Eucalyptus globulus Labill. (Eucalyptus citriodora Hook.) ช่ือสามัญ : Eucalyptus วงศ์ : MYRTACEAE ช่ืออ่ืน : โกฐจฬุ ารส นา้ มนั เขียว มนั เขียว ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ยืนต้น สงู ประมาณ 10-25 เมตร เรือนยอดเป็น พมุ่ หนาทบึ คอ่ นข้างกลม ลาต้นเปลาตรง เปลือก เปลือกห้มุ ลาต้น มีลกั ษณะเรียบ เป็นมนั มีสีเทาสลบั สีขาวและนา้ ตาลแดงเป็นบางแหง่ เปลือกนอกจะแตกร่อนเป็น แผ่นหลดุ ออกจากผวิ ของลาต้น เม่ือแห้งจะลอกออกได้ง่ายในขณะสด ใบ ใบเป็น ใบเด่ียว (simple leaf) เรียงสลบั เป็นรูปหอกยาว 3-12 นวิ ้ กว้าง 0.5-0.8 นวิ ้ ก้านใบยาว ใบสีเขียวอ่อนหมน่ ๆ ทงั้ สองด้าน ใบห้อยลง เส้นใบมองเห็นได้ชดั ดอก ดอกออกเป็นช่อ ตามข้อตอ่ ระหว่างก่ิงกบั ใบ มีก้านดอกเรียวยาว มีก้านย่อยแยก ไปอีก ออกดอกเกือบตลอดปี ผล ผลมีลกั ษณะครึ่งวงกลมหรือรูปถ้วย ผวิ นอกแขง็ เม่ืออ่อนจะมีสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีนา้ ตาลเม่ือแก่ เม่ือผลแก่ปลายผลจะแยก ออก
เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเลก็ ลกั ษณะเป็นพมุ่ เตยี ้ ลาต้นสงู 1-3 เมตร ผิวลาต้น มีสีขาวเทา แตกก่ิงก้านออกใบรอบต้นใบเป็นใบเด่ียว แตกออกเป็นคตู่ รงกนั ข้าม ตามข้อของกิ่ง ลกั ษณะของใบเป็นรูปมนรี ปลายใบแหลม ผวิ ใบเรียบสี เขียวยาว 8-12 ซม. ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามปลายยอดหรือปลายกงิ่ ช่อ หน่งึ มี 5-6 ดอก แล้วแตช่ นิดพนั ธ์ุ ดอกมกี ลน่ิ หอมสีขาวหรือเรียงเป็นชนั ้ เดียว แล้วแตช่ นิดพนั ธ์ุ ดอกบานมีความโต 2-5 ซม. ออกผลเป็นฝักรูปกระบอกแหลม โค้ง ภายในมีเมลด็ 3-5 เมลด็
ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลบั รูปไขก่ ลบั หรือรูปขอบขนานแกมรูปรี กว้าง 8-12 ซม. ยาว 12-28 ซม. ปลายใบท่หู รือมนโคนใบ สอบแหลมหรือมน ขอบใบเรียบหรือเป็นคล่ืนเล็กน้อยและห่อ ขนึ ้ แผน่ ใบหนาและเหนียว สีเขียวสดเป็นมนั ก้านใบยาว 0.5-1 ซม.ดอก สีชมพอู มม่วงจนถงึ ม่วงเข้ม ออกเป็นช่อแบบ ช่อกระจะท่ีปลายก่ิง ช่อดอกตงั้ ยาว 15-30 ซม. กลีบเลีย้ ง โคนเช่ือมตดิ กนั เป็นรูปถ้วย มีสนั นนู ตามยาว และมีขนสนั้ ประปราย ปลายแยกเป็น 6 แฉก กลีบดอก 6 กลีบทรงกลม โคนคอดเรียวเป็นก้านสนั้ ๆ กลีบดอกบางเป็นรอยยบั ย่น เกสรเพศผ้สู ีเหลืองจานวนมาก เส้นผ่านศนู ย์กลางดอก 10- 12 ซม. ออกดอกเดือน ก.พ.-พ.ค. ออกดอกเมื่ออายุ 4-6 ปี
แคฝรั่ง (Mata Raton) เป็นไม้ยืนต้นพลดั ใบขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง นิยมปลกู เพื่อเป็นไม้ประดบั ดอก เนื่องจาก ออกดอกเป็นชอ่ ใหญ่หลงั การ หลน่ ร่วงของใบ ดอกมสี ีขาวหรือชมพอู มขาว แลดสู วยงาม รวมถงึ เพ่ือการ รับประทานดอก โดยนามาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ปัจจบุ นั เป็น ที่นิยมปลกู มากทงั ้ ในสถานท่ีสาธารณะหรือราชการ สถานท่ีท่องเท่ียว ตาม บ้านเรือน และหวั ไร่ปลายนา
ต้นโพธิ์ มีถิ่นกาเนิดในประเทศอินเดีย จดั เป็ นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลดั ใบ แตกก่ิงก้านสาขาออกเป็ น พมุ่ ตรงส่วนยอดของลาต้น ปลายก่ิงลลู่ ง กิ่งอ่อนเกลีย้ ง ตามก่ิงมีรากอากาศห้อยลงมาบ้าง ลาต้นมี ความสงู ประมาณ 20-30 เมตร ลาต้นมีขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลางประมาณ 1.5-3 เมตร และมีนา้ ยางสี ขาว เปลือกต้นเรียบเป็นสีนา้ ตาลปนเทา โคนต้นเป็นพพู อนขนาดใหญ่ โดยจดั เป็นพรรณไม้ท่ีมีรูปทรง ของลาต้นส่วนงามชนิดหนงึ่ ขยายพนั ธ์ดุ ้วยวธิ ีการเพาะเมลด็ ใช้กิ่งชา หรือใช้กระโดงจากราก แต่ สว่ นมากแล้วจะเจริญเติบโตจากสตั ว์นาพา เชน่ นกมากินเมล็ดและไปถ่ายทงิ ้ ไว้ ก็จะเกิดเป็นต้นใหม่ ขนึ ้ มา เจริญเตบิ โตได้ในดนิ ทกุ ชนิด ต้องการนา้ ปานกลาง พบขนึ ้ ทวั่ ไปทงั้ ในทวีเอเชีย ปากีสถาน จีน ตอนใต้ และภมู ิภาคอินโดจีน ในไทยพบในธรรมชาตนิ ้อยมาก เข้าใจว่ากระจายพนั ธ์มุ าจากต้นที่มีการ นามาปลกู เอง และพบขนึ ้ มากตามซากอาคาร และนิยมปลกู กนั ทว่ั ไปในวดั ทกุ ภาคของประเทศไทย
ต้นไม้ที่ชาวไทยเรียกช่ือวา่ โศกนนั้ มีอย่ดู ้วยกนั หลายชนิด จาก ๓ สกลุ คือ สกลุ Saraca สกลุ Amherstia และ สกลุ Brownea มีทงั้ ถ่ินกาเนิดดงั้ เดิมในประเทศไทย จากอินเดยี พมา่ และทวปี อเมริกาใต้ แตโ่ ศกชนิดที่รู้จกั กนั กว้างขวางที่สดุ ตงั้ แตอ่ ดีตก็คอื โศกอนั มีกาเนิด จาก ประเทศอินเดียท่ีมีช่ือวิทยาศาสตร์วา่ Saraca indica linn,. ซง่ึ คนไทยเรียกวา่ โศก หรือโศกนา้ นน่ั เอง
นาย นายปฏภิ าณ ปากหวาน เลขท่ี10 ม.5/1 นางสาว มนสกิ าร บุญศรี เลขท่2ี 9 ม.5/1
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: