Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

mis

Published by thunyaluk.ab, 2018-11-14 05:14:31

Description: mis

Search

Read the Text Version

คำนำ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ เป็นรายงานที่จัดทาข้ึนเพ่ือสง่ เสรมิ ใหน้ ักศึกษามีทักษะการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง โครงสร้างของระบบสารสนเทศ เพือ่ การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ พร้อมท้ังนามาประยุกต์ใช้ในการศึกษาและในชีวิตประจาวันเพื่อจะได้มีการเรียนรู้ใหม่ ๆ ซึ่งจะเป็นการสร้างพ้ืนฐานให้นักศึกษามีความรู้และความเข้าใจ ดังนั้นจึงได้จัดทารายงานเพอื่ นักศกึ ษาได้เขา้ ใจถึงความสาคัญของการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ คณะผู้จัดทาขอขอบพระคุณอาจารย์ วิลาวัลย์ วัชโรทัย ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องท่ีได้ให้คาแนะนาและคาปรกึ ษารวมท้งั การจัดทารายงาน ผู้จดั ทารายงานจึงขอขอบพระคณุ มา ณ โอกาสนี้ คณะผูจ้ ัดทา

สำรบญั หนำ้เรือ่ ง 1 2 ระบบสารสนเทศเพ่อื การจัดการ 3 การนาไปใชส้ ามารถแบ่งได้ 4 ระดับ 4 สว่ นประกอบของระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ 5 บทบาทสาคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 6 ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 8 คณุ สมบตั ิของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ 10 การทาข้อมลู ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ 12 ระบบย่อยของสารสนเทศเพือ่ การจดั การ 13 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ 14 ประโยชน์ของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ สรุป

ระบบสำรสนเทศเพอื่ กำรจัดกำร (Management Information System) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ หมายถึง ระบบท่ีรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆท้ังภายใน และภายนอกองค์การอย่างมีหลักเกณฑ์ เพ่ือนามาประมวลผลและจัดรูปแบบให้ได้สารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการทางาน และการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ ของผู้บริหาร เพ่ือให้การดาเนินงานขององคก์ ารเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ โดย MIS (เอ็มเอสไอ) จะประกอบดว้ ยหน้าท่หี ลัก 2 ประการ คือ 1. สามารถเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากแหลง่ ต่าง ๆ ท้งั จากภายใน และภายนอกองคก์ ารมาไว้ดว้ ยกนั อย่างเป็นระบบ 2. สามารถทาการประมวลผลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้ได้สารสนเทศท่ีช่วยสนับสนุนการปฏิบตั งิ าน และการบรหิ ารงานของผูบ้ รหิ าร ดังน้ันถ้าระบบใดประกอบด้วยหน้าที่หลักสองประการตลอดจนสามารถปฏิบัติงานในหน้าที่หลักท้ังสองไดอ้ ยา่ งครบถว้ น และสมบรู ณ์ ระบบน้ันกส็ ามารถถูกจดั เปน็ ระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การได้ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการไม่จาเป็นท่ีจะต้องสร้างขึ้นจากระบบคอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการอาจสร้างขึ้นมาจากอุปกรณ์อะไรก็ได้ แต่ต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่หลักทั้งสองประการได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ แต่เน่ืองจากปัจจุบันคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ท่ีมีประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลนักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst and Designer) จึงออกแบบระบบสารสนเทศให้มีคอมพิวเตอร์เปน็ อปุ กรณ์หลกั ในการจดั การสารสนเทศ ภำพท่ี 1 ระบบสารสนเทศ ท่ีมา https://goo.gl/D6d9da

กำรนำไปใช้งำนสำมำรถแบ่งได้ 4 ระดบั ดงั นี้ 1. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในการวางแผนนโยบาย กลยุทธ์ และการตัดสินใจของผู้บริหารระดบั สูง 2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในส่วนยุทธวิธีในการวางแผนการปฏิบัติและการตัดสินใจของผบู้ ริหารระดับกลาง 3. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในระดับปฎิบัติการและการควบคุมในขน้ั ตอนนี้ผ้บู ริหารระดับล่างจะเปน็ ผูใ้ ช้สารสนเทศเพ่อื ช่วยในการปฏิบตั งิ าน 4. ระบบสารสนเทศท่ีได้จากการประมวลผลระบบสารสนเทศเป็นระบบรวมทั้งนีเ้ นื่องจากไม่สามารถเก็บรวบรวมในลักษณะระบบเดียวเน่ืองจากขนาดข้อมูลมีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนมาก ทาให้การบริหารข้อมูลทาได้อยาก การนาไปใช้ไม่สะดวก จึงจาเป็นต้องแบ่งระบบสารสนเทศออกเป็นระบบย่อย 4สว่ นไดแ้ ก่ ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing System : TPS) ระบบจัดการรายงาน (Management Reporting System : MRS) ระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ (Decision Support System : DSS) ระบบสารสนเทศสานกั งาน (Office Information System : OIS) ภำพท่ี 2 ระบบสารสนเทศ ท่ีมำ https://goo.gl/AH6WDA

ภำพที่ 3 ส่วนประกอบสารสนเทศ ทม่ี ำ https://goo.gl/gD3BxMส่วนประกอบของระบบสำรสนเทศเพ่อื กำรจดั กำร 1. เครื่องมือในการสร้างระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ หมายถึง ส่วนประกอบหรือโครงสร้างพ้ืนฐานท่ีรวมกันเข้าเป็น MIS และช่วยให้ระบบสารสนเทศดาเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจาแนกเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งระบบสารสนเทศไว้ 2 ส่วน คอื 1.1 ฐานขอ้ มลู Data Base เป็นสว่ นประกอบสาคัญท่ีช่วยให้ระบบสารสนเทสมีความสมบูรณ์ และปฏบิ ตั ิงานอย่างมีประสทิ ธภิ าพ 1.2 เครื่องมือ Tools เป็นเครื่องมือท่ีใช้จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูล ประกอบด้วยส่วนสาคัญคอื Hardware (ฮาร์ดแวร์) และ Software (ซอฟแวร)์ 2. วิธีการหรือขั้นตอนการประมวลผล การท่ีจะได้ผลลัพธ์ตามท่ีต้องการ จะต้องมีการจัดลาดับวางแผนงานและวิธกี ารประมวลผลให้ถกู ต้อง เพอื่ ให้ได้ข้อมลู หรือสารสนเทศท่ตี ้องการ 3. การแสดงผลลัพธ์เม่ือข้อมูลได้ผ่านการประมวลผลตามวิธีการแล้วจะได้สารสนเทศ หรือ MISเกิดข้ึน อาจจะนาเสนอในรูป ตาราง กราฟ รูปภาพ หรือเสียง เพื่อให้การนาเสนอข้อมูลมีประสิทธิภาพจะขนึ้ อยู่กับลักษณะของข้อมลู และลักษณะของการนาไปใชง้ าน

ภำพท่ี 4 บทบาทเทคโนโลยี ทีม่ ำ https://goo.gl/CE79gjบทบำทสำคัญของเทคโนโลยีสำรสนเทศ ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดค้นส่ิงอานวยความสะดวกสบายต่อการดาชีวิตเป็นอันมากเทคโนโลยีได้เข้ามาเสรมิ ปัจจัยพ้ืนฐานการดารงชีวิตได้เป็นอย่างดีเทคโนโลยีทาให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจานวนมากมีราคาถูกลงสินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทาให้มีการติดต่อส่ือสารกันได้สะดวก การเดินทางเช่ือมโยงถึงกันทาให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลาพัฒนาการของเทคโนโลยีทาให้ชีวิตความเป็นอยู่เปล่ียนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกาเนิดมาประมาณ 4600 ล้านปี เช่ือกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทาให้เกิดส่ิงมีชีวิตถือกาเนิดบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ลา้ นปี ส่ิงมชี ีวิตทเ่ี ป็นเผ่าพันธ์มุ นุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามาคาดคะเนว่าเม่ือห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางส่ือสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้าเม่ือประมาณ 5000 ปีท่ีแล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือท่ีใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่ามนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีท่ีแล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เม่ือประมาณ 500 ถึง 800 ปีท่ีแล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์

ทาให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มข้ึนมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเปน็ เสียงทางสายโทรศัพท์ไดป้ ระมาณร้อยกวา่ ปที ่ีแล้ว และเมือ่ ประมาณหา้ สิบปที ี่แล้ว กม็ กี ารส่งภาพโทรทัศนแ์ ละคอมพิวเตอร์ทาให้มีการใช้สารสนเทศในรปู แบบข่าวสารมากข้ึนในปัจจุบันมสี ถานท่ีวิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และส่ือต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพ่ือรายงานเหตุการณส์ ดๆ เหน็ ไดช้ ดั วา่ เทคโนโลยีได้เขา้ มามีบทบาทอยา่ งมาก บทบาทของการพั ฒ น า เ ท ค โ น โ ล ยี ร ว ด เ ร็ ว ข้ึ น เ มื่ อ มี ก า ร พั ฒ น า อุ ป ก ร ณ์ ท า ง ด้ า น ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ แ ล ะ ส่ ว น ป ร ะ ก อ บจะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีท่ีผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลาภำพท่ี 5 โลโก้ Shopee ภำพท่ี 6 โลโก้ Lazadaที่มำ https://goo.gl/SiVgjf ท่ีมำ https://goo.gl/cc97rnลักษณะสำคัญของเทคโนโลยสี ำรสนเทศ โดยพ้ืนฐานของเทคโนโลยีย่อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสังคมสมัยใหม่อยู่มาก ลักษณะเด่นที่สาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศมีดังนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพ่ิมประสิทธิภาพในการทางาน ในการประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรมจาเป็นต้องหาวิธีในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพ่ิมประสิทธิภาพในการทางานคอมพิวเตอร์และร ะบบสื่ อส าร เข้ามาช่ว ย ทาให้ เกิดร ะบบอัตโ น มัติเร า ส ามาร ถฝ ากถอน เงิน ส ดผ่ าน เครื่ องเอทีเ อ็ ม ไ ด้ตลอดเวลา ธนาคารสามารถให้บริการไดด้ ขี ึน้ ทาให้การบริการโดยรวมมีประสทิ ธภิ าพ ในระบบการจัดการทุกแห่งต้องใช้ข้อมูลเพื่อการดาเนินการและการตัดสินใจ ระบบธุรกิจจึงใช้เครื่องมือเหล่าน้ีช่วยในการทางาน เช่น ใช้ในระบบจดั เกบ็ เงินสดจองตัว๋ เครื่องบนิ เปน็ ตน้ เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูลและการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้

คอมพิวเตอรส์ อบถามผลสอบจากท่ีบา้ นได้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่ิงทจี่ าเป็น สาหรับการดาเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในองค์การ ประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่จัดทาด้วยระบบ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษีในองค์การทุกระดับเห็นความสาคัญที่จะนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศเกีย่ วขอ้ งกบั คนทุกระดับ พฒั นาการดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ทาใหช้ ีวิตความเปน็ อยขู่ องคนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ดังจะเห็นได้จาก การพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ การใช้ตารางคานวณ และใช้อุปกรณ์ส่ือสารโทรคมนาคมแบบต่าง ๆ เปน็ ต้น ภำพท่ี 7 ระบบสารสนเทศ ทมี่ ำ https://goo.gl/uxEmWjคณุ สมบตั ิของระบบสำรสนเทศเพ่ือกำรจดั กำร การจัดเก็บข้อมูลจาเป็นต้องมีความพยายามและต้ังใจดาเนินการ หรือกล่าวได้ว่าการได้มาซ่ึงข้อมูลที่จะนามาใช้ประโยชน์ องค์การจาเป็นต้องลงทุน ทั้งในด้านตัวข้อมูล เครื่องจักร และอุปกรณ์ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรข้ึนมารองรับ เพื่อให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการระบบข้อมูลจึงต้องคานึงถึงปัญหาเหล่านี้ และพยายามมองปัญหาแบบที่เป็นจริง สามารถดาเนินการได้ ให้ประสิทธิผลคุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้นการดาเนินงานเพื่อให้ได้มาซ่ึงสารสนเทศท่ีดี ข้อมูลจะต้องมีคุณสมบัติขั้นพน้ื ฐาน ดงั นี้

1. ความถูกต้อง หากมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วข้อมูลเหล่านั้นเชื่อถือไม่ได้จะทาให้เกิดผลเสียอย่างมาก ผู้ใช้ไม่กล้าอ้างอิง หรือนาเอาไปใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นเหตุให้การตัดสินใจของผู้บริหารขาดความแม่นยา และอาจมีโอกาสผิดพลาดได้ โครงสร้างข้อมูลที่ออกแบบต้องคานึงถึงกรรมวิธีการดาเนินงานเพ่อื ให้ไดค้ วามถกู ต้องแม่นยามากทีส่ ดุ โดยปกตคิ วามผดิ พลาดของสารสนเทศสว่ นใหญ่ มาจากข้อมูลท่ีไม่มีความถูกต้องซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากคนหรือเคร่ืองจักร การออกแบบระบบจึงต้องคานึงถึงในเร่ืองน้ี 2. ความรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน การได้มาของข้อมูลจาเป็นต้องให้ทันต่อความต้องการของผู้ใช้มีการตอบสนองต่อผู้ใช้ได้เร็ว ตีความหมายสารสนเทศได้ทันต่อเหตุการณ์หรือความต้องการ มีการออกแบบระบบการเรียนค้น และรายงานตามผู้ใช้ 3. ความสมบูรณ์ ความสมบูรณ์ของสารสนเทศขึ้นกับการรวบรวมข้อมูลและวิธีการทางปฏิบัติด้วย ในการดาเนินการจัดทาสารสนเทศต้องสารวจและสอบถามความต้องการใช้ข้อมูลเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีสมบูรณใ์ นระดับหนงึ่ ทีเ่ หมาะสม 4. ความชดั เจนและกะทัดรัด การจดั เกบ็ ข้อมูลจานวนมากจะต้องใช้พน้ื ท่ีในการจัดเกบ็ ขอ้ มูลมากจึงจาเป็นต้องออกแบบโครงสร้างข้อมูลให้กะทัดรัดสื่อความหมายได้ มีการใช้รหัสหรือย่นย่อข้อมูลให้เหมาะสมเพอ่ื ทจี่ ะจัดเกบ็ เขา้ ไวใ้ นระบบคอมพวิ เตอร์ 5. ความสอดคลอ้ ง ความตอ้ งการเปน็ เรื่องทส่ี าคัญ ดงั นั้นจงึ ตอ้ งมีการสารวจเพื่อหาความตอ้ งการของหน่วยงานและองค์การ ดูสภาพการใช้ข้อมูล ความลึกหรือความกว้างของขอบเขตของข้อมูลท่ีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ ภำพท่ี 8 กระบวนการทางาน ที่มำ https://goo.gl/zhi5pn

กำรทำข้อมูลใหเ้ ปน็ สำรสนเทศ การทาข้อมูลให้เป็นสารสนเทศท่ีจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน จาเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดาเนินการ เร่ิมต้ังแต่การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล การดาเนินการประมวลผลข้อมูลให้กลายเปน็ สารสนเทศ และการดูแลรักษาสารสนเทศเพ่ือการใชง้ าน 1. การรวบรวมและตรวจสอบข้อมลู ควรประกอบด้วย 1.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นเรื่องของการเก็บรวบรวมข้อมูลซึ่งมีจานวนมาก และต้องเก็บให้ได้อย่างทันเวลา เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนของนักเรียน ข้อมูลประวัติบุคลากร ปัจจุบันมีเทคโนโลยชี ว่ ยในการจัดเกบ็ อยูเ่ ป็นจานวนมาก เชน่ การป้อนขอ้ มลู เขา้ เครื่องคอมพิวเตอร์ การอ่านข้อมูลจากรหัสแท่ง การตรวจใบลงทะเบยี นที่มีการฝนดินสอดาในตาแหน่งต่าง ๆ เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเช่นกนั 1.2 การตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วจาเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง ข้อมูลท่ีเก็บเข้าในระบบจะต้องมีความเช่อื ถือได้ หากพบที่ผิดพลาดต้องแก้ไขการตรวจสอบข้อมูลมีหลายวิธี เช่น การใช้ผู้ป้อนข้อมูลสองคนป้อนข้อมูลชุดเดียวกันเข้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์แล้วเปรยี บเทยี บกนั 2. การดาเนนิ การประมวลผลข้อมลู ให้กลายเป็นสารสนเทศ อาจประกอบด้วยกจิ กรรมดังต่อไปนี้ 2.1 การจัดแบ่งข้อมูล ข้อมูลท่ีจัดเก็บจะต้องมีการแบ่งแยกกลุ่ม เพ่ือเตรียมไว้สาหรับการใช้งาน การแบ่งแยกกลุ่มมีวิธีการที่ชัดเจน เช่น ข้อมูลในโรงเรียนมีการแบ่งเป็นแฟ้มประวัตินักเรียน และแฟ้มลงทะเบียน สมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองมีกรแบ่งหมวดหมู่สินค้า และบริการ เพ่ือความสะดวกในการคน้ หา 2.2 การจัดเรียงข้อมลู เมื่อจัดแบง่ กลุม่ เปน็ แฟ้มแล้ว ควรมกี ารจดั เรียงขอ้ มลู ตามลาดับ ตวั เลขหรอื ตัวอกั ษร หรอื เพอ่ื ใหเ้ รยี กใช้งานได้ง่ายประหยดั เวลา ตัวอยา่ งการจัดเรยี งข้อมลู เชน่ การจดั เรียงบัตรข้อมูลผู้แต่งหนังสือในตู้บัตรรายการของห้องสมุดตามลาดับตัวอักษร การจัดเรียงช่ือคนในสมุดรายนามผใู้ ช้โทรศัพท์ ทาให้ค้นหาไดง้ ่าย 2.3 การสรุปผล บางครั้งข้อมูลที่จัดเก็บมีเป็นจานวนมาก จาเป็นต้องมีการสรุปผลหรือสร้างรายงานย่อ เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ ข้อมูลที่สรุปได้นี้อาจสื่อความหมายได้ดีกว่า เช่นสถิติจานวนนักเรียนแยกตามชัน้ เรยี นแตล่ ะช้ัน

2.4 การคานวณ ข้อมูลที่เก็บมีเปน็ จานวนมาก ข้อมลู บางส่วนเป็นข้อมลู ตวั เลขท่สี ามารถนาไปคานวณเพ่ือหาผลลัพธ์บางอย่างได้ ดังนั้นการสร้างสารสนเทศจากข้อมูลจึงอาศัยการคานวณข้อมูลท่ีเก็บไว้ด้วย ภำพที่ 9 การจดั การข้อมูลให้เปน็ สารสนเทศ ทีม่ ำ https://goo.gl/U1YkKT 3. การดแู ลรักษาสารสนเทศเพ่ือการใชง้ าน ประกอบด้วย 3.1 การเก็บรักษาข้อมูล การเก็บรักษาข้อมูลหมายถึงการนาข้อมูลมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทกึ ต่าง ๆ เช่น แผน่ บันทึกขอ้ มูล นอกจากนี้ยงั รวมถงึ การดูแล และทาสาเนาข้อมูล เพ่ือใหใ้ ชง้ านต่อไปในอนาคตได้ 3.2 การค้นหาข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บไว้มีจุดประสงค์ท่ีจะเรียกใช้งานได้ต่อไปการค้นหาข้อมูลจะต้องค้นได้ถูกต้องแม่นยา รวดเร็ว จึงมีการนาคอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนช่วยในการทางาน ทาให้การเรียกคน้ กระทาได้ทนั เวลา 3.3 การทาสาเนาข้อมูล การทาสาเนาเพื่อท่ีจะนาข้อมูลเก็บรักษาไว้ หรือนาไปแจกจ่ายในภายหลงั จึงควรจดั เก็บข้อมลู ใหง้ า่ ยตอ่ การทาสาเนา หรอื นาไปใช้อีกคร้ังได้โดยง่าย 3.4 การส่ือสาร ข้อมูลต้องกระจายหรือส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่ห่างไกลได้ง่าย การสื่อสารข้อมูลจงึ เปน็ เรอื่ งสาคัญและมบี ทบาททส่ี าคญั ย่งิ ท่ีจะทาให้การส่งข่าวสารไปยังผู้ใชท้ าไดร้ วดเร็วและทันเวลา

ระบบย่อยของระบบสำรสนเทศเพอื่ กำรจัดกำร หน้าที่หลักของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากท้ังภายใน และภายนอกองค์การมาไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อทาการประมวลผลและจัดรูปแบบข้อมูลให้ได้สารสนเทศท่ีเหมาะสม และจัดพิมพ์เป็นรายงานส่งต่อไปยังผู้ใช้ เพ่ือช่วยให้การตัดสินใจและบริหารงานของผู้บริหารมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้ได้สารสนเทศท่ีเหมาะสมสาหรับผู้ใช้ การทางานต่าง ๆ สามารถแบ่งออกเป็น 4ระบบย่อย ดังตอ่ ไปน้ี 1. ระบบปฏิบัติการทางธุรกิจ (Transaction Processing System) หรือเรียกว่า TPS หมายถึงระบบสารสนเทศท่ีถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทางานเก่ียวข้องกับการดาเนินงานภายในองค์การโดยใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นอุปกรณ์หลักของระบบ โดยที่ TPSจะช่วยสนับสนุนให้การดาเนินงานในแต่ละวันขององค์การเป็นไปอย่างเรียบร้อยเป็นระบบ โดยเฉพาะปัจจุบันที่การดาเนินงานในแต่ละวันมักจะเก่ียวข้องกับข้อมูลเป็นจานวนมาก เพื่อให้การดาเนินธุรกิจเปน็ ไปอย่างสะดวก รวดเรว็ และสามารถปฏิบัตงิ านไดโ้ ดยอัตโนมตั ิ นอกจากน้ี TPS ยังช่วยใหผ้ ้ใู ช้สามารถเรยี กสารสนเทศมาอา้ งอิงอย่างสะดวกและถกู ต้อง 2. ระบบจัดทารายงานสาหรับการจัดการ (Management Report System) หรือเรียกว่า MRSหมายถึง ระบบสารสนเทศที่ถูกออกแบบและพัฒนาข้ึน เพ่ือรวบรวม ประมวลผล จัดระบบและจัดทารายงาน หรือเอกสารสาหรับช่วยในการตัดสินใจท่ีเกี่ยวข้องกับการบริหาร โดยที่ MRS จะจัดทารายงานหรือเอกสาร และส่งต่อไปยังฝ่ายจัดการตามระยะเวลาท่ีกาหนด หรือตามความต้องการของผู้บริหารเน่ืองจากรายงานที่ถูกจัดทาอย่างเป็นระบบจะช่วยให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้วการทางานของระบบจัดออกรายงาน สาหรับการจัดการจะถูกใช้สาหรับการวางแผน การตรวจสอบ และการควบคมุ การจัดการ

ภำพที่ 10 ระบบสารสนเทศ ทีม่ ำ https://goo.gl/koKGLS 3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Supporting System) หรือท่ีเรียกว่า DSS หมายถึงระบบสารสนเทศท่ีจัดหาหรือจัดเตรียมข้อมูลสาคัญสาหรับผู้บริหาร เพื่อจะช่วยในการตัดสินใจแก้ปัญหาหรือเลือกโอกาสท่ีเกิดขึ้น ปรกติปัญหาของผู้บริหารจะมีลักษณะท่ีเป็นกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structure)และไม่มีโครงสร้าง (Nanostructure) ซ่ึงยากต่อการวางแนวทางรองรับหรือแก้ปัญหา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประการสาคญั ของ DSS จะไมท่ าการตดั สนิ ใจใหก้ บั ผบู้ รหิ าร แต่จะจัดหา และประมวลสารสนเทศหรอื สงิ่ ตา่ ง ๆ ทจี่ าเป็นในการตัดสินใจให้กบั ผูบ้ ริหาร 4. ระบบสารสนเทศสานักงาน (Office Information System) หรือที่เรียกว่า OIS หมายถึงระบบสารสนเทศที่ถูกออกแบบและพัฒนาข้ึน เพื่อช่วยให้การทางานในสานักงานมีประสิทธิภาพโดย (OIS ) จะประกอบข้ึนจากเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีเคร่ืองใช้สานักงานท่ีถูกออกแบบให้ปฏิบัติงานร่วมกัน เพ่ือให้การปฏิบัติงานในสานักงานเกิดผลสูงสุด หรือเราสามารถกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าระบบสารสนเทศสานักงานมีวัตถุประสงค์ เพ่ือท่ีจะอานวยความสะดวกในการติดต่อส่ือสารระหว่างพนักงานในองคก์ ารเด่ียวกัน และระหว่างองคก์ ร รวมทงั้ การติดต่อกบั สง่ิ แวดล้อมภายนอก

องคป์ ระกอบของระบบสำรสนเทศเพ่ือกำรจดั กำร MIS สามารถรวบรวมและสรปุ ขอ้ มลู ที่มีรายละเอยี ดต่าง ๆ เพอื่ สร้างสารสนเทศให้กับผู้บรหิ ารไม่ว่าจะเป็นการสรุปผล การวิเคราะห์ การวางแผน เป็นต้น การที่ระบบสารสนเทศจะมีความสามารถดงั กลา่ ว จะต้องมอี งคป์ ระกอบดงั ต่อไปน้ี คือ 1. เครื่องมือในการสร้าง MIS ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) และฐานข้อมูล (Database) ฮาร์ดแวร์ คือ ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่จาเป็นในการประมวลซอฟตแ์ วร์ คือ โปรแกรมคาส่งั ท่ีใชใ้ นการรวมและสรปุ ข้อมลู ฐานข้อมูล คอื การเก็บรวมรวมข้อมูลทจี่ าเป็นไว้ ณ ศูนย์กลางและสามารถนามาใช้ในงานเม่ือมีความต้องการได้ ขอ้ มลู เปน็ หัวใจสาคญั ของ MIS ขอ้ มลู ท่ีดีนอกจากมีคุณสมบัติของความเช่ือม่ันถือได้แล้วยังต้องได้รับการจัดเก็บเป็นระบบท่ีดีสามารถเรียกใช้ได้อยา่ งรวดเร็วไมซ่ ้าซอ้ น อนั จะทาให้กิจการดาเนนิ ไปอย่างไดผ้ ล 2. วิธีการหรือข้ันตอนการปะมวลผล ได้แก่ ลาดับของการประมวลข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อสรา้ งสารสนเทศที่ต้องการ ลกั ษณะท่ีสาคัญของการประมวลผลขอ้ มูล คอื 2.1 ทาการประมวลผลข้อมลู ท่วั ไป 2.2 ใช้ข้อมลู ทีม่ ีรายละเอยี ดมาก 2.3 ระยะเวลาในการใชข้ อ้ มูลเปน็ ระยะส้ันส่วนมากใช้กับการปฏบิ ัตงิ านประจาวนั 2.4 ระบบการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้มักเป็นระบบออนไลน์ (On-lineProcessing) ซ่ึงเป็นวิธีการประมวลผลที่รับข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วทาการประมวลผลทันทีโดยไมม่ ีการเก็บรอหรอื สะสมข้อมลู ไว้ก่อน 3. มกี ารจัดเกบ็ ขอ้ มลู และสารสนเทศเป็นฐานข้อมูล ซ่ึงเป็นฐานข้อมลู นั้นเกดิ จากความคิดท่ีต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ เพื่อเป็นศูนย์กลางของข้อมูลในการใชข้ ้อมูลร่วมกันและช่วยลดความซา้ ซ้อนของขอ้ มูล 4. การแสดงผลลัพธ์ MIS จะจดั ทาสารสนเทศซึ่งจะจาเป็นสาหรบั ผู้บริหารที่จะใชใ้ นการตัดสินใจเก่ียวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของธุรกิจหรือองค์กร ผลลัพธ์จากระบบสารสนเทศต้องสามารถเรียกใช้งาน หรือแสดงผลไดร้ วดเร็วและมักอยู่ในรูปของรายงานแบบต่าง ๆ ไมว่ ่าจะเป็นในรูปของตารางหรือการแสดงโดยใชก้ ราฟ เช่น กราฟเสน้ กราฟแทง่ กราฟกลม เปน็ ตน้

5. มีการจัดการเกี่ยวกับทรัพยากรข้อมูล เพ่ือควบคุมการทางานระบบ ให้ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงเป็นปัจจัยพ้ืนฐานของความต้องการ MIS สาหรับองค์กร ในการดาเนินงานขององค์กรตา่ ง ๆ นัน้ สารสนเทศนบั วา่ มบี ทบาททส่ี าคญั ต่อองค์กรมาก เพราะจะต้องแขง่ ขนั ใหท้ ันกับเวลา ตลอดจนเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการดาเนนิ งานต่าง ๆ จึงไดม้ ีการพัฒนา MIS ด้วยเหตุผลดงั ตอ่ ไปนี้ 5.1. การบริหารงานมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากปริมาณงานเพิ่มขึ้น องค์กรขยายใหญ่ขึ้นปัญหาภายในและภายนอกองค์กรมีมากข้ึน การเตรียมการขยายตัวขององค์กรในอนาคต เน่ืองจากการขยายตัว ขององค์กรและภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ระบบที่ออกแบบจะต้องรองรับการขยายตัวทั้งจานวนพนักงาน และปรมิ าณงานขององค์กรท่ีเพิม่ ขึ้น รวมท้ังซบั ซ้อนในการใชเ้ ทคโนโลยีต่าง ๆ 5.2. ความจาเป็นในเร่ืองกรอบเวลา ปัจจุบันผู้บริหารต้องสามารถปฏิบัติงานในกรอบของเวลาที่ส้ันลง เพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันต่าง ๆ และการที่สังคมมีการใช้ระบบส่ือสารข้อมูลที่ทันสมัยเพ่ิมมากขึน้ เป็นผลทาให้การแขง่ ขันในธุรกจิ มีมากข้นึ ตามลาดับ 5.3. การพัฒนาทางเทคนิค คือ เคร่อื งมือต่าง ๆ เพ่อื เปน็ เครื่องช่วยในการตดั สินใจ เช่น ใชเ้ ทคนิคทางคอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์ แยกแยะจัดสรรข้อมูลให้เป็นสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ ยิ่งในปัจจุบันมีความต้องการใชร้ ะบบสารสนเทศกนั อยา่ งแพร่หลาย มีการนาเทคโนโลยีทางด้านการส่ือสารขอ้ มูลมาใช้ในการติดต่อทางด้านธุรกิจ เช่น การสั่งซื้อสินค้า ตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลกับต่างประเ ทศเปน็ ตน้ 5.4. การตระหนักถึงคุณค่าและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาอย่างย่ิงเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีขนาดเล็กลง ราคาถูกลง มีความสามารถมากข้ึน การใช้คอมพิวเตอร์จะแพร่หลาย อย่างรวดเร็ว ระบบสื่อสารมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นจึงเป็นผลที่จะทาให้องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้เทคโนโลยใี นการสรา้ ง MISประโยชนข์ องระบบสำรสนเทศเพ่ือกำรจัดกำร 1. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสารสนเทศท่ีต้องการได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ 2. ช่วยผู้ใช้ในการกาหนดเป้าหมายกลยุทธ์ และการวางแผนปฏิบัติการ โดยผู้บริหารจะสามารถนาข้อมูลที่ได้จากระบบ สารสนเทศมาช่วยในการวางแผน และกาหนดเป้าหมายในการดาเนินงาน 3. ชว่ ยผู้ใชใ้ นการตรวจสอบประเมินผลการดาเนินงาน 4. ชว่ ยผูใ้ ชใ้ นการศึกษา และวเิ คราะหส์ าเหตขุ องปญั หาผู้บริหารสามารถใชร้ ะบบสารสนเทศประกอบการศึกษา และการค้นหาสาเหตุ หรอื ข้อผดิ พลาดที่เกดิ ขน้ึ ในการดาเนนิ งาน

5. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรืออุปสรรคท่ีเกิดข้ึน เพ่ือหาวิธีควบคุม ปรับปรุง และแก้ไขปญั หา 6. ชว่ ยลดค่าใช้จา่ ย ระบบสารสนเทศที่มปี ระสทิ ธภิ าพ ชว่ ยใหธ้ ุรกจิ ลดเวลา แรงงาน และคา่ ใชจ้ า่ ยในการทางานลงสรุป ข้อมูลหมายถึงข้อมูลดิบท่ีถูกรวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยข้อมูลดิบยังไม่มีความหมายในการนาไปใช้ประโยชน์ หรือตรงตามความต้องการของผู้ใช้ ขณะที่สารสนเทศหมายถึง ผลลัพธท์ ไ่ี ดจ้ ากการประมวลผลข้อมูลดบิ ที่ถูกจัดเก็บไว้อยา่ งเปน็ ระบบ สารสนเทศเปน็ ขอ้ มูลท่ีมีความหมายตรงตามความต้องการของผู้ใช้ ช่วยในการตัดสินใจ วางแผน กาหนดเป้าหมาย และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการดาเนินงานได้อย่างดี ของผู้บริหาร ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ หมายถึง ระบบที่จัดเก็บข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆทั้งภายในและภายนอกองค์การอย่างมีหลักเกณฑ์ เพ่ือนามาประมวลผลให้ได้สารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารในด้านต่าง ๆ เพื่อให้การดาเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพ โดยที่ MISประกอบดว้ ย 3 ส่วนสาคญั ดงั นี้ 1. เครื่องมือในการสร้าง เป็นส่วนประกอบหรือโครงสร้างพื้นฐานที่รวมกันเป็นสารสนเทศและชว่ ยใหร้ ะบบสามารถดาเนินงานได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. วิธีการประมวลผลเป็นลาดับช้นั ในการประมวลผลข้อมูล เพื่อใหไ้ ด้สารสนเทศท่ผี ใู้ ชต้ อ้ งการ 3. การแสดงผลลัพธ์ท่ีได้จากสารสนเทศ มักเป็นรูปแบบของรายงานต่างๆ ซึ่งสามารถเรียกมาแสดงไดอ้ ย่างรวดเร็ว

บรรณำนกุ รมนภารัตน์ พันธ์ถาวรวัฒนา. (2559). ควำมหมำยของระบบสำรสนเทศเพื่อกำรจัดกำร. [ออนไลน์]. แหล่งทมี่ า https://bit.ly/2qLrL2Z (วันท่ีคน้ ข้อมลู : 6 พฤศจิกายน 2561)คมสัน เจรญิ วนา. (ม.ป.ป.). ระบบสำรสนเทศเพ่อื กำรจดั กำรจัดกำร. [ออนไลน์]. แหลง่ ที่มา https://bit.ly/2qHlVQb (วนั ที่คน้ ข้อมูล : 6 พฤศจิกายน 2561)

คณะผ้จู ัดทำชอื่ นางสาวธัญญลกั ษณ์ บญุ วดั หงส์ชื่อเล่น อั้มสำขำวชิ ำ คอมพวิ เตอร์ธรุ กิจเกิดวนั ที 8 พฤษภาคม 2542 อายุ 19 ปีประวตั ิกำรศึกษำปี พ.ศ. 2556 มัธยมศกึ ษาตอนต้น จบการศึกษาจากโรงเรยี นคณะราษฎร์บารงุ ปทุมธานีปี พ.ศ. 2559 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ จบการศกึ ษาจากวิทยาลัยเทคนิคปทมุ ธานี

คณะผ้จู ัดทำชื่อ : นางสาวปิยะพร ดาวงศ์ชอ่ื เล่น : ปกุ๊ ก้ีสำขำวชิ ำ คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจเกดิ วันท่ี 30 เมษายน 2541 อายุ 20 ปีประวตั กิ ำรศึกษำปี พ.ศ. 2556 มัธยมศึกษาตอนตน้ จบการศึกษาจากโรงเรยี นคณะราษฎร์บารงุ ปทุมธานีปี พ.ศ. 2559 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี จบการศกึ ษาจากวิทยาลัยเทคนิคปทมุ ธานี

คณะผูจ้ ัดทำชื่อ นางสาวพัชญา ศรีกนกชอ่ื เลน่ บิวสำขำวชิ ำ คอมพิวเตอรธ์ ุรกิจเกดิ วนั ท่ี 24 มิถนุ ายน 2542 อายุ 19 ปีประวตั ิกำรศกึ ษำปี พ.ศ. 2556 มัธยมศกึ ษาตอนต้น จบการศึกษาจากโรงเรยี นปทุมวิไลปี พ.ศ. 2559 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี จบการศกึ ษาจากวิทยาลยั เทคนิคปทมุ ธานี

คณะผ้จู ัดทำชื่อ นางสาวสทุ ธิดา เปลย่ี นรศั มีชื่อเลน่ ก๊กิสำขำวชิ ำ คอมพิวเตอร์ธรุ กิจเกดิ วนั ที 9 เมษายน 2542 อายุ 19 ปีประวัตกิ ำรศกึ ษำปี พ.ศ. 2556 มัธยมศกึ ษาตอนต้น จบการศึกษาจากโรงเรยี นคณะราษฎร์บารงุ ปทุมธานีปี พ.ศ. 2559 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี จบการศกึ ษาจากวิทยาลัยเทคนิคปทมุ ธานี

คณะผูจ้ ัดทำช่อื นางสาวสโรชา อาจสาอางค์ช่อื เล่น ทรายสำขำวิชำ คอมพวิ เตอรธ์ รุ กิจเกดิ วนั ท่ี 5 เมษายน 2542 อายุ 19 ปีประวัติกำรศึกษำปี พ.ศ. 2556 มธั ยมศึกษาตอนต้น จบการศึกษาจากโรงเรยี นปทุมวิไลปี พ.ศ. 2559 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ จบการศกึ ษาจากวิทยาลยั เทคนิคปทมุ ธานี

คณะผูจ้ ัดทำชื่อ นางสาวสดุ าวรรณ พานทองชอ่ื เล่น บีสำขำวชิ ำ คอมพิวเตอร์ธุรกิจเกดิ วันที่ 11 มนี าคม 2542 อายุ 19 ปีประวัตกิ ำรศกึ ษำปี พ.ศ. 2556 มธั ยมศึกษาตอนต้น จบการศึกษาจากโรงเรยี นปทุมวิไลปี พ.ศ. 2559 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ จบการศกึ ษาจากวิทยาลยั เทคนิคปทมุ ธานี

ครผู ู้สอนชือ่ -นามสกุล นางวลิ าวัลย์ วชั โรทยัวุฒกิ ารศกึ ษา ค.อ.ม. คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ (มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุร)ีครผู ูส้ อน วชิ าระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การ (3204-2105)ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะครูชานาญการ แผนกวิชาคอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ วทิ ยาลยั เทคนิคปทมุ ธานี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook