Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 7 แผนฯ การประดิษฐ์โคม - ตุงล้านนา

7 แผนฯ การประดิษฐ์โคม - ตุงล้านนา

Published by tong_yodya, 2021-12-19 04:37:55

Description: 7 แผนฯ การประดิษฐ์โคม - ตุงล้านนา

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (ประจำฐานการเรยี นรู้) ฐานการเรยี นร้ทู ี่ 7 การประดษิ ฐโ์ คม - ตงุ ลา้ นนา ครผู ้สู อน นางสาวรชั ฎาภรณ์ ยอดยา ครู กศน.ตำบล ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอแมล่ าว สำนกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดเชียงราย สำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ

แผนการจดั การเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก คำนำ การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ประจำฐานการเรียนรู้) เป็นแผนบูรณาการเข้ากับการหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีสาระ และมาตรฐานการเรียนรู้ 5 สาระ ไดแ้ ก่ ทกั ษะการเรยี นรู้ ความรูพ้ ้นื ฐาน การประกอบอาชีพ ทักษะการดำเนินชีวิต การพัฒนาสังคม เพื่อส่งเสริม ปลูกฝัง และเสริมสร้างอุปนิสัยความพอเพียงให้ผูเ้ รียน โดยจัดการเรียนรู้ให้ผูเ้ รียนได้ ฝึกใช้ หลักการเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข คือ ความรู้ คุณธรรม 3 หลักการ คือ พอประมาณ ความมีเหตุผล มี ภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ในการคิดและปฏิบัติงานต่างๆ จนส่งผลให้การดำเนิน ชีวิตเกิดความสมดุลและพร้อมรับการ เปล่ียนแปลงใน 4 มิติ คือ วัตถุ/เศรษฐกจิ ดา้ นสงั คม ด้านวัฒนธรรม ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ทั้งนี้ การจัดการเรียนรู้จะ ประสบความสำเร็จ ตามจุดประสงคท์ ีต่ ้ังไวค้ รูผสู้ อนจำ เปน็ ตอ้ งใช้หลกั การเศรษฐกิจพอเพยี ง (2 เงื่อนไข 3 หลักการ 4 มิติ) ในการวางแผนและจัดการเรียนรู้ กล่าวคือ ในการกำหนดเนื้อหา เวลา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้/ อปุ กรณ์ แหล่งเรยี นรู้ และการวดั ประเมนิ ผล กศน.อำเภอแม่ลาว จึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ ตอบสนองกลยุทธ์ การพัฒนาสถานศึกษา จึงได้ ให้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ นำหลัก 2 เงื่อนไข 3 หลักการ 4 มิติ บูรณาการสกู่ ารเรยี น การสอนในทกุ รายวชิ า เพ่อื ให้ นักเรียนมี ความรู้ ความเขา้ ใจสามารถปฏบิ ตั ิ ตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียงได้ อยา่ งถกู ต้อง เป็นผมู้ ี คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ข สารบญั หน้า คำนำ ก สารบญั ข ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 7 การประดิษฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 1 - 91 - การวเิ คราะหก์ จิ กรรมการเรยี นรู้สหู่ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2 - ผงั มโนทัศนว์ เิ คราะห์หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 2551 3 - แผนการจดั การเรยี นรู้ การประดิษฐ์โคม - ตุงล้านนา 4-6 - ใบความรู้ การประดิษฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 7 - 10 - แบบทดสอบ การประดษิ ฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 11 – 12 - แบบประเมินความพงึ พอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ 13 ภาคผนวก 14 1. แผ่นพบั ฐานการเรยี นรู้ 2. คำส่ังแตง่ ตัง้ คณะทำงาน และจดั ทำแผนการจัดการเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ประจำฐานการเรยี นรู้) กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย พุทธศักราช 2564 3. คำสง่ั แตง่ ต้งั คณะทำงาน และครผู สู้ อนประจำฐานการเรียนรูต้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ประจำฐานการเรียนรู้) กศน.อำเภอแม่ลาว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชียงราย พทุ ธศกั ราช 2564 4. คณะผู้จัดทำ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 1 การวิเคราะหก์ จิ กรรมการเรียนรู้สูห่ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ฐานการเรยี นรู้ การประดิษฐ์โคม - ตุงล้านนา 2 เงือ่ นไข เงอ่ื นไขความรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม 1. เร่ือง ประวัติความเป็นมาโคม ตุงล้านนา 1. ความชือ่ สัตย์ 2. เรอ่ื ง การประดษิ ฐ์ โคม - ตงุ ล้านนา แบบตา่ งๆ 2. ความขยันหมนั่ เพยี ร 3. เรื่อง การเก็บรักษาช้ินงาน 3. ความอดทน 4. เร่อื ง การบรรจุโคม - ตงุ ลา้ นนา เพ่อื การจำหน่าย 5. เร่ือง การทำบัญชีรายรบั รายจา่ ย 4. ความรบั ผิดชอบ ตรงตอ่ เวลา 6. เรอื่ ง การตลาด 5. ความสามัคคี 6. ความประหยัด 7. ความเออื้ อาทร ชว่ ยเหลือแบ่งปันซึง่ กนั และกัน 1. พอประมาณ 3 หลักการ 3. มภี ูมคิ มุ้ กันในตวั ท่ีดี 1. องค์ความรู้ทั้งหมด เกี่ยวกับ การ ประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา 2. ความมีเหตผุ ล 1. ศึกษาองค์ความรู้ทั้งหมด เกี่ยวกับ 2. วสั ดอุ ปุ กรณ์ในการประดิษฐ์ 1. เพอ่ื อนุรักษ์ ศิลปะ ด้านวัฒนธรรม ใน การประดษิ ฐ์ โคม - ตุงลา้ นนา โคม - ตุงล้านนา การประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา 2. มีการวางแผนในการประดิษฐ์ โคม - 3. วัสดุในท้องถิ่นที่ใช้ในการประดิษฐ์ 2. เพื่อประกอบอาชีพสร้างรายได้หลัก ตงุ ล้านนา โคม - ตงุ ล้านนา หรอื รายไดเ้ สริม 4. การตลาด 3. เพื่อมองเห็นประโยชน์ และคุณค่า ของการประดิษฐ์ โคม - ตุงลา้ นนา ชีวิตที่มีความสมดุลและพร้อมรบั ต่อการเปล่ียนแปลงใน 4 มิติ วัตถ/ุ เศรษฐกิจ ด้านสงั คม ดา้ นวฒั นธรรม ดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม 1. การลดรายจ่าย เพ่มิ รายได้ 1. สังคมแห่งการแลกเปลี่ยน 1.การประดิษฐ์ โคม - ตงุ ล้านนา 1. เห็นคุณค่าของปราชญ์ เรียนรู้ ไมใ่ หก้ ระทบต่อสง่ิ แวดลอ้ มตา่ งๆ ชาวบ้านภูมิปัญญาท้องถิ่นใน ความค้มุ ค่า และประหยัด 2. ความสามัคคีในการทำงาน เชน่ เศษไม้ เศษกระดาษ เศษผา้ การประดษิ ฐ์ โคม - ตงุ ล้านนา ต้นทนุ ทเ่ี หลอื ใช้ ฯลฯ 2. เห็นคุณค่าและความสำคัญ 2. วัสดใุ นทอ้ งถ่นิ ในการ เป็นกลมุ่ อย่างมีระบบ 2. การใช้วัสดุธรรมชาติอย่างคุ่ม ของวัสดธุ รรมชาติในท้องถน่ิ ประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา 3.สังคมแห่งความเอื้ออาทร ค่าให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด 3. วสั ดใุ นทอ้ งถ่นิ ทใ่ี ชเ้ ปน็ การ แบง่ ปนั ซง่ึ กันและกัน เช่น วัสดุในการประดิษฐ์ โคม - เชน่ ไมไ้ ผ่ และอน่ื ๆ ประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา ตงุ ล้านนา 4. คุณค่าและภูมิปญั ญาใน ท้องถิ่นในการประดษิ ฐ์ โคม - ตุงลา้ นนา กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ สาระที่ 1. ทักษะการเรียนรู้ ผังมโนทัศน์วเิ คราะห์ลักสตู รฐานการเรียน รายวิชา ทกั ษะการเรยี นรู้ เรอื่ ง หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับก - การเรยี นร้ดู ้วยตวั เอง ระดบั ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอน - การใช้แหล่งเรียนรู้ - การจดั การความรู้ ฐานการเรีย - การคิดเป็น การประดษิ ฐโ์ ค Internet กับการเรียนรไู้ รพ้ รมแดน เร่อื ง ล้านนา การสืบค้นข้อมลู จาก Website สาระที่ 2. ความรู้พืน้ ฐาน สาระท่ี 5. การพัฒ รายวิชา คณติ ศาสตร์ รายวิชา การพัฒนา เรอ่ื ง เรอื่ ง - จำนวน และการดำเนินงาน - การพัฒนาตนเอง - การวดั เรขาคณิต รายวิชา ศาสนา แล - การใช้เคร่อื งมือและการออกแบบ เรอื่ ง ผลติ ภัณฑ์ - ศาสนา วัฒนธรรม - การใช้ทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ในงานอาชีพ

จพอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 2 นรู้ การประดษิ ฐโ์ คม – ตงุ ล้านนา การศึกษาข้นั พื้นฐาน 2551 สาระที่ 3. การประกอบอาชีพ นต้น มธั ยมศึกษาตอนปลาย รายวชิ า ช่องทางการเขา้ สูอ่ าชีพ เร่อื ง - ช่องทางการเข้าสู่อาชพี - ทกั ษะการประกอบอาชีพ - พฒั นาอาชีพให้มีอยมู่ ีกนิ - ความพรอ้ มในการเข้าส่อู าชีพ ยนรู้ คม – ตงุ า ฒนาสังคม สาระท่ี 4. ทักษะการดำเนินชีวติ าตนเอง ชมุ ชน สงั คม รายวิชา เศรษฐกจิ พอเพยี ง เรือ่ ง ง ชุมชน สงั คม - ความพอเพียงในครัวเรือน ละหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง - การนำเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยุกต์ใช้ ในครอบครวั รายวิชา ศลิ ปศกึ ษา เรอ่ื ง - ทศั นศลิ ป์ไทย ม ประเพณี

แผนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3 แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูต้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (ประจำฐานการเรียนรู้) 1. ชอ่ื ฐานการเรียนรู้ การประดษิ ฐโ์ คม - ตงุ ลา้ นนา เวลา 5 ชัว่ โมง 2. ชอื่ ผ้จู ดั ทำ นางสาวรชั ฎาภรณ์ ยอดยา 3. สาระสำคัญ หลังเทศกาลวันออกพรรษา เมื่อปลายฝนต้นหนาว เป็นสัญญาณบอกว่าเทศกาลยี่เป็งได้เข้ามาเยือน แล้ว ชาวล้านนาต่างพากันเตรียมเครื่องใช้ ไม้สอย และเครื่องไทยทานเพื่อไปทำบุญที่วัด เพราะในช่วงเวลานี้ ถือว่าเป็นวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน ยี่ (เหนือ) หรือ เดือน 12 ผู้เฒ่า ผู้แก่ จะถือโอกาส ไปนอนค้างแรม ที่วัด เพื่อฟังธรรมอันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนล้านนา โคมไฟกับงานประเพณียี่เป็ง ถือได้ว่าเป็นของคู่กัน แต่ ก่อนชาวล้านนามีโคมไฟใช้ไม่แพร่หลาย จุดประสงค์ ของการใช้สอยของโคมไฟโบราณ ทำขึ้นเพื่อใช้เป็น ตะเกียง หรอื สงิ่ ประดษิ ฐ์ สำหรบั จดุ ไฟให้สวา่ ง แตด่ ว้ ยเหตุผลทีโ่ คมตงุ ลา้ นนามีราคาแพงตามประเพณี จงึ โคม ตุงล้านนาสรา้ งรายได้ เป็นอาชพี เสริมแก่ตนเอง ครอบครวั และเป็นการสบื ทอดภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ 4. วัตถปุ ระสงค์ 4.1 วตั ถปุ ระสงค์กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1.1 เพ่ือให้ผเู้ ขา้ รบั การอบรมมีความรู้ความเขา้ ใจในการประดษิ ฐโ์ คม - ตงุ ลา้ นนา 4.1.2 เพ่ือให้ผเู้ ขา้ รับการอบรมมที กั ษะในการประดษิ ฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 4.2 วัตถุประสงค์ของฐานการเรยี นรู้ 4.2.1 เพือ่ ใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการอบรมเหน็ ตวั อยา่ งการประดษิ ฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 4.2.2 เพอ่ื ให้ผเู้ ขา้ รบั การอบรมได้รบั ความรเู้ กี่ยวกับการประดิษฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 4.2.3 เพื่อใหผ้ ้เู ข้ารับการอบรมไดฝ้ ึกทักษะการประดิษฐโ์ คม - ตุงลา้ นนา 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ 5.1 แนะนำวิทยากรและหลักสูตรการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ประจำฐานการเรียนรู้) การประดษิ ฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 5.2 ชแ้ี จงวัตถปุ ระสงค์ของฐานการเรยี นรู้เกย่ี วกบั การประดิษฐโ์ คม - ตุงลา้ นนา 5.3 แจ้งขอบเขตเน้อื หากจิ กรรมการอบรมแกผ่ เู้ ขา้ รับการอบรม 5.3 ทดสอบกอ่ นเรยี น 5.4 วทิ ยากรแนะนำวัสดุ อุปกรณ์ในการประดษิ ฐโ์ คม - ตุงลา้ นนา 5.5 แบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารประดิษฐ์โคม - ตงุ ล้านนา 5.6 ผูเ้ รียนถอดบทเรียน 2 : 3 : 4 องคค์ วามรู้ท่ีได้จากการเรยี นรรู้ ายบุคล 5.7 แลกเปลีย่ นเรียนรู้ นำองค์ความรทู้ ่ีได้จากการถอดบทเรียนมาสรุปเป็นภาพรรวม สอบถาม และให้ ขอ้ เสนอแนะ 5.8 ทดสอบหลังเรียน 5.9 ประเมินความพึงพอใจวทิ ยากร กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4 6. ส่ือ / อุปกรณ์ 6.1 ปราชญ์ชาวบา้ น 6.2 แผน่ พับองค์ความรู้การประดษิ ฐโ์ คม - ตุงลา้ นนา 6.3 วสั ดุในการประดิษฐ์โคม - ตุงล้านนา 7. ความรู้ท่ไี ดร้ ับจากฐานการเรียนรู้ 7.1 ศาสตรพ์ ระราชา ( 9 คำสอนของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ) ขอ้ ที่ 1 ความเพียร ขอ้ ที่ 2 ความพอดี ข้อที่ 3 ความรู้ตน ขอ้ ที่ 4 คนเราจะต้องรบั และจะต้องให้ ขอ้ ที่ 8 ความซื่อสตั ย์ 7.2 ศาสตรท์ ้องถนิ่ - ปราชญ์ชาวบา้ น นางบวั จนั ทร์ วรรณมูล ความรูเ้ รื่อง ประวัติความเป็นมาโคม ตุงลา้ นนา นางนงนุช ภิราษร ความรู้เรอื่ ง การประดิษฐโ์ คม - ตงุ ลา้ นนา 7.3 ศาสตรส์ ากล - สาระการเรยี นรู้ที่ 1 ทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ Internet กบั การเรียนรูไ้ ร้พรมแดน (วิชาเลือก) - สาระการเรียนรทู้ ่ี 2 ความรู้พน้ื ฐาน รายวชิ า คณิตศาสตร์ - สาระการเรยี นรทู้ ่ี 3 การประกอบอาชีพ รายวิชา ชอ่ งการการเข้าสู่อาชีพ - สาระการเรียนรทู้ ี่ 4 ทักษะการดำเนินชีวติ รายวิชา เศรษฐกิจพอเพียง ศิลปศกึ ษา - สาระการเรียนรู้ที่ 5 สาระการพฒั นาสังคม ชมุ ชน รายวชิ า การพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม 8. ความสอดคล้องกับหลักในการทรงงานของในหลวง ข้อท่ี 1 จะทำอะไรตอ้ งศกึ ษาข้อมลู ให้เปน็ ระบบ ข้อท่ี 4 ทำตามลำดับขั้น ขอ้ ที่ 7 ไมต่ ิดตำรา ข้อที่ 8 ประหยัด ข้อท่ี 9 ทำให้ง่าย ขอ้ ท่ี 10 การมีส่วนรว่ ม ขอ้ ที่ 17 การพ่งึ ตนเอง ขอ้ ท่ี 18 พออยูพ่ อกิน ข้อที่ 19 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ข้อท่ี 20 ความซอ่ื สัตย์สจุ รติ จริงใจต่อกัน ขอ้ ที่ 21 ทำงานอย่างมีความสุข ขอ้ ท่ี 22 ความเพียร ขอ้ ที่ 23 รู้ รัก สามัคคี กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 9. ความสอดคลอ้ งกบั หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 : 3 : 4) 2 เง่อื นไข เงือ่ นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 1. เรื่อง ประวัติความเปน็ มาโคม ตุงลา้ นนา 1. ความชือ่ สตั ย์ 2. เรอื่ ง การประดษิ ฐ์ โคม - ตุงล้านนา แบบต่างๆ 2. ความขยนั หม่นั เพยี ร 3. เรอ่ื ง การเกบ็ รักษาชน้ิ งาน 3. ความอดทน 4. เรื่อง การบรรจโุ คม - ตุงล้านนา เพ่ือการจำหน่าย 4. ความรับผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา 5. เรอ่ื ง การทำบัญชรี ายรบั รายจา่ ย 5. ความสามัคคี 6. เรอ่ื ง การตลาด 6. ความประหยดั 7. ความเออ้ื อาทร ช่วยเหลือแบ่งปันซง่ึ กันและกนั 3 หลกั การ พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมิคมุ้ กนั ในตวั ท่ดี ี 1. องคค์ วามรู้ทัง้ หมด เกย่ี วกับ 1. เพอ่ื อนรุ ักษ์ ศิลปะ ด้านวฒั นธรรม 1. ศกึ ษาองค์ความร้ทู ง้ั หมด เก่ียวกับ การประดิษฐ์ โคม - ตุงลา้ นนา ในการประดษิ ฐ์ โคม - ตงุ ล้านนา การประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา 2. วสั ดอุ ุปกรณ์ในการประดิษฐ์ 2. เพอ่ื ประกอบอาชีพสร้างรายได้ 2. มกี ารวางแผนในการประดิษฐ์ โคม - โคม - ตงุ ลา้ นนา หลกั หรอื รายไดเ้ สรมิ 3. วัสดุในท้องถิน่ ที่ใช้ในการ ตงุ ล้านนา ประดษิ ฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา 3. เพือ่ มองเหน็ ประโยชน์ และ 4. การตลาด คุณคา่ ของการประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา ดา้ น ชวี ติ ทีเ่ กดิ ความสมดุลและพรอ้ มรบั ต่อการเปล่ียนแปลงใน 4 มติ ิ ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านส่งิ แวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม ความรู้ 1. การลดรายจ่าย เพ่มิ 1. การประดิษฐ์ โคม - รายได้ ความคุ้มคา่ และ ตงุ ลา้ นนา ไม่ให้ ประหยดั ต้นทุน กระทบต่อสง่ิ แวดล้อม ตา่ งๆ เช่น เศษไม้ เศษ กระดาษ เศษผา้ ที่ เหลอื ใช้ ฯลฯ ทักษะ 1. วสั ดใุ นท้องถน่ิ ในการ 1. สังคมแหง่ การ ประดษิ ฐ์ โคม - ตงุ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ลา้ นนา 2. ความสามัคคีในการ 2. วัสดใุ นทอ้ งถิ่นที่ใช้ ทำงานเป็นกลุ่มอย่างมี เป็นการประดิษฐ์ โคม - ระบบ ตุงลา้ นนา 3.สังคมแห่งความเอื้อ อาทรแบ่งปันซึ่งกัน และกัน กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6 เจตคติ 3. คุณคา่ และภูมิปญั ญา 2. การใชว้ ัสดุ 1. เห็นคุณค่าของปราชญ์ ในท้องถิ่นในการ ธรรมชาติอย่างคุ่มคา่ ชาวบ้านภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ประดษิ ฐ์ โคม - ตงุ ให้เกิดประโยชน์อย่าง ในการประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา สูงสุด ลา้ นนา เชน่ วัสดใุ นการ 2. เห็นคุณคา่ และ ประดษิ ฐ์ โคม - ตงุ ความสำคัญของวสั ดุ ลา้ นนา ธรรมชาติในทอ้ งถิ่น เช่น ไม้ไผ่ และอืน่ ๆ 10. การนำไปประยุกต์ใช้ 10.1 การประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 10.1.1 การเลือกวัสดุ อุปกรณ์จากธรรมชาติให้คุ้มค่า และได้ประโยชน์สูงสุด ในการ ประดิษฐ์ โคม - ตุงลา้ นนา 10.1.2 รู้จกั การวางแผน การทำงาน การประดิษฐ์ โคม - ตงุ ลา้ นนา 10.1.3 การลดรายจา่ ย เพม่ิ รายได้ใหก้ ับครอบครวั 10.2 การประยุกต์ใช้ในภารกจิ ตามหน้าที่ 10.2.1 การวางแผนการทำงานแบบมขี ้นั ตอน 10.2.2 ความชื่อสตั ย์ ความขยันหมัน่ เพียร ความอดทน ความรบั ผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา ความ สามัคคี ความเออื้ อาทร ชว่ ยเหลือแบง่ ปันซึ่งกนั และกนั 11. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 11.1 การทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรยี น 11.2 การประเมินชน้ิ งาน 11.3 การประเมนิ ความพงึ พอใจ ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติม .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................... ................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 7 ใบความรู้ เรื่องการประดษิ ฐ์โคม-ตงุ ล้านนา การจดั การเรยี นรูต้ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ฐานการเรียนรู้ การประดษิ ฐ์โคม-ตงุ ลา้ นนา ตำนานโคม ตำนานโคม การยกโคม หรอื การลอยโคม แต่เดมิ เปน็ พิธีทางศาสนาพราหมณ์ กระทำขน้ึ เพ่ือบูชาพระ เจ้าทั้ง 3 คือพระนารายณ์ พระพรหม พระอิศวร ภายในโคมจุดเทียน หรือทางเปรียงหรือไขข้อพระโคซึ่ง พราหมณน์ ำมาถวายการบชู าดว้ ยนำ้ มันไขข้อโคนี้ เปน็ พธิ ที างลทั ธพิ ราหมณ์แท้ๆ ในเอกสารโบราณของล้านนาที่ได้บันทึกคติ ความเชื่อ เกี่ยวกับพิธีจุดประทีปโคมไฟนี้มีอยู่หลายฉบับ วดั หนองออน อานสิ งส์ประทปี ฉบับวัดแม่ตัง๋ วัดรตั นาราม วดั ดวงดเี ป็นตน้ โดยเฉพาะวัดหนองออน ไดก้ ลา่ วถึง อานสิ งสข์ องการจุดประทีปบูชาว่า ผู้ใดก็ตามไดจ้ ดุ ประทปี ในคนื วนั เพ็ญเดือนสบิ สองหากเกิดมาชาตหิ น้า จะได้ เกดิ ในตระกูลเศรษฐี เปน็ ผ้มู ีรปู โฉมโนมพรรณอันสสวยงาม อุดมไปดว้ ยทรัพย์สินเงินทองขา้ วของตา่ งๆ กล่าวได้ว่า คติความเชื่อเกี่ยวกับการจุดประทีปบูชานั้นได้รับอิทธิพลมาจากชาดกนอกนิบาตร เรือ่ ง “แมก่ าเผือก” ซง่ึ แตง่ โดยชาวล้านนา จานไวใ้ นใบลานซ่ึงบนั ทกึ เอาไวว้ า่ ในสมัยท่ีพระพุทธเจา้ ห้าพระองค์ คือ พระกกสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตม พระศรีอาริยะเมตไตร เมื่อครั้งเปน็ พระโพธิสตั ว์ ได้ จุดประทปี บชู าคูณผู้เป็นมารดาผู้เป็นแม่กาเผือกที่ตายไปอย่บู นสวรรค์ พุทธศาสนิกชนจงึ ได้ประพฤติปฏิบัติสืบ ต่อๆกนั มาและในตอนเย็นของคนื ยเ่ี ป็งพระสงฆต์ ามวัดต่างๆ ก็จะมีการนำเอาพระธรรมเทศนา เรอ่ื งแม่กาเผือก นมี้ าเทศน์ใหศ้ รทั ธาไดร้ ับฟัง และมีก่ีจดุ ประทปี สว่างไสว พร้อมทง้ั การจดุ ประทดั ด้วย ในกลางวันจะมีการปล่อยโคมลอยเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ และเพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีใน สวรรค์ รวมทั้งการแขวนโคมไฟไว้ประตู หน้าบ้าน และปักเสาสูงชักโคมแขวนไว้บนอากาศ เรื่องอานิสงส์การ จุดประทีปบูชาฉบบั วัดพรหม จังหวัดน่าน ได้บันทึกเอาไว้ว่า สมัยพุทธกาลได้มกี ารปักเสาสูงชักโคมขึ้นไปขวน ไวบ้ นอากาศเปน็ พทุ ธบูชามานานแล้ว ในปัจจุบันโคมนั้นทำขึ้นมาเพื่อนำไปถวายที่วัด เพราะมีความเชื่อว่าชาติหน้าเกิดมาจะมีสติปัญญา เนื่องจากแสงสวางที่ส่องเข้าไปในความมืดเปรียบกับบุคคลที่มีปัญญาจะมองเห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงได้ ไมม่ ดื บอดแต่เดมิ ประเพณกี ารจุดโคมจะทำขึ้นเฉพาะในบ้านของเจ้านายใหญโ่ ตหรอื ผู้มอี นั จะกนิ เทา่ น้นั โดยจะ ใชป้ ระทปี ให้เกดิ แสงสว่างแลว้ นำไปใสไ่ ว้ในโคมหรือในประทีป ทมี่ ีลกั ษณะเปน็ ผางประทปี เล็กๆแล้วใชน้ ้ำมันงา น้ำมันหุ่ง หรือน้ำมันมะพร้าวใส่ไปในถ้วยดิน เพื่อให้ไฟติดไส้ที่อยู่ตรงกลางถ้วยหรือประที แต่ในปัจจุบันใช้ ไฟฟ้าเสียมากกว่า ตามปกติการจุดโคมทำกันในวันพระ แต่จริงๆแล้วการจุดโคมสามารถจุดได้ทุกวัน โดยไม่ จำกดั โอกาสหรอื ทเี่ รียกตามภาษาทางธรรมว่า อกาลิโก ซึ่งแลว้ แตค่ วามพอใจและความสะดวก โคมเมอ่ื จดุ แล้ว กจ็ ะนำไปแขวนตามชายคาหน้าบ้าน ให้เป็นทีส่ วยงามและเปน็ การบูชาเทพาอารกั ษ์ อกี ทางหน่งึ ด้วย โคม-ตุงล้านนา โคมล้านนา หรือ ภาษาทางภาคเหนือ เรียกว่า “โกม” เป็นศิลปะการประดิษฐ์ของภูมิปัญญาทางถน่ิ ของคนล้านนา และมีอิทธิพลต่อการดำรงชวี ติ ของคนล้านนาในเร่ืองของความเช่ือ ขนบธรรมเนียมประเพณี ใน เทศกาลเดือนสบิ สอง หรืองานลอยกระทง การประดิษฐ์โคมล้านนา คือ การนำเอาวัสดุในท้องถิ่นเช่น ไม่ไผ่ กระดาษสา ที่เกิดจากภูมิปัญญา ชาวบ้านมาแต่โบราณกาลสืบทอดต่อๆกันมาและเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ออกแบบ ตกแต่ง ใช้ศิลปะแบบ ภูมิปญั ญาไทย จดุ ประสงคเ์ ดมิ เพอื่ จุดเปน็ พทุ ธบชู าในความเชอ่ื ของคนสมยั โบราณ ซง่ึ ปจั จบุ ันน้ี คนไทยลา้ นนา ได้นำเอาเทคโนโลยี เทคนิคใหม่ๆมาสร้างสรรคง์ านเพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 8 เช่นนำมาตกแต่งประดับประดาสถานที่ และบ้านเรือน ร้นค้า การจัดนิทรรศการในเรื่องของกรอนุรักษ์ภูมิ ปญั ญาทอ้ งถ่ิน เปน็ ตน้ ทำให้มผี สู้ นใจมากขึ้นท้ังในและต่างประเทศ ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นคนรุ่นหลังควรได้สืบสานความเป็นไทยล้านนาโดยการศึกษาประวัติ ความ เป็นมา รู้ขั้นตอนวิธีการประดิษฐ์ มีทักษะในการประดิษฐ์ ออกแบบด้วยความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง และ สมารถนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ ห้เกิดประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวันได้ ลกั ษณะของโคม-ตงุ ลา้ นนา ลักษณะของโคมล้านนา มีอยู่ 3 ลกั ษณะ 1. โคมถอื แบ่งได้ 2แบบ คอื 1.1 โคมดอกบวั รูปแบบเหมือนดอกบัวตมู ใชส้ ำหรบั พระ หรือต้งั พระพุทธรูป 1.2 โคมหูกระต่าย(อ่าน “โกมหูกระต่าย”) หมายถึง พรหมวิหารสี่ จะใช้ถือเดินในขบวนแห่ จากนั้นไปประดับบริเวณรอบโบสถ์ หรือสถานที่ๆมีพิธีการ หรือบริเวณหน้าบ้าน โคมหูกระต่ายมี 4 ด้าน ซึ่ง เปรียบกับ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นโคมที่ใช้ประดับในเทศกาลยี่เป็ง (วันลอยกระทง) หรือวันเพ็ญ เดอื นสิบสอง สามารถแยกได้เป็นสองส่วน คอื ส่วนทใี่ หแ้ สงสว่างและส่วนท่เี ปน็ เรอื นโคม ส่วนทีใ่ ห้แสงสว่างน้ัน มกั ใชป้ ระทปี มากกว่าตะเกียง และในระยะหลงั นิยมใชไ้ ฟฟา้ แทนประทปี โคมหูกระต่ายมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณ 10 เซนติเมตร เจาะรูทั้งสี่มุม ใช้ไม้ไผ่เหลา ขนาดประมาณครึ่งเซนติเมตรปักลงในรูนั้น ทำเป็นปีกขึ้นไปโดยตัดขอบบนให้โค้งและสูงประมาณ 20 เซนติเมตร ด้านบนให้กว้างประมาณ 15 เซนติเมตร จะได้เรือนโคมลักษณะเป็นสี่เหลีย่ มมีปลายบานออกจาก กัน ใช้กระดาษว่าวหรือกระดาษแก้วสีต่างๆปิดทับทั้งสี่ด้านของเรือนโคมและเปิดช่องด้านบนเมื่อใช้งานก็วาง ประทปี หรอื เทียนท่จี ุดไฟลงกลางเรอื นโคม สว่ นฐานของโคมหูกระต่ายนั้น อาจทำด้วยกาบกลว้ ยช้ินจากลำต้นมะละกอหรือแผน่ ไม้ ก็ได้ และอาจ ใช้วางประดับอยู่กับที่หรืออาจทำให้ถือไปได้นั้นฐานของเรือนโคมอาจทำด้วยไม้สักเจาะรูตรงกลางสำหรับใส่ ดา้ มถือ ซ่ึงมคี วามยาวประมาณ 25 เซนตเิ มตร 2. โคมแขวน หรือ โคมค้าง คือโคมที่จะต้องติดหรือแขวนไว้บนค้าหรือที่สูงๆดวงโคมที่นำมาติดตัง้ บน ค้างนี้ มักทำโครงด้วยไม้ไผป่ ะด้วยกระดาษ เป็นโคมทรงกลมหักมุมที่เรียกว่าโคมรงั มดส้ม มีประทีปหรือเทียน จุดใหส้ วา่ ง ท้ังนี้อาจทำเป็นรูปอนื่ อาทเิ ช่น รปู หมี รูปไก่ รปู นกยงู รูปดาวหา้ แฉก รปู เครอื่ งบิน รูปจรวด ก็อาจ ทำไดต้ มที่เห็นวา่ งาม และอาจยงั ต้องใชโ้ คมญ่ปี ่นุ หรอื จนี มาทำโคมคา้ งก็ได้ มีดงั นี้ 2.1 โคมเพชร หรือโคมไห หรือโคมดิ่ง เป็นโคมที่พัฒนามาจากโคมรังมดส้ม หรือโคมเสมาธรรมจักร น่ันเอง โคมเพชรเรยี กชื่อตามลกั ษณะของรูปทรงท่มี ลี กั ษณะเหมือนของจรงิ วัสดทุ ี่ใชใ้ นการประดิษฐไ์ ม่แตกต่าง จากโคมอื่นๆเลย 2.2 โมดาว เปน็ โคมทีป่ ระยุกต์ขึ้นมาใหมจ่ ากโคมดั้งเดิมแตย่ งั คงใชว้ สั ดุ และวิธีการเดิม แตด่ ดั แปลงใน รูปแบบของโครงสร้างการขึ้นโครงของตัวโมเท่านั้นที่ต้องหักไม้ไผ่เป็นแฉก 5 แฉกคล้ายรูปดาว ส่วนลวดลาย ประดับบนตัวโคมคงใชล้ ายทแ่ี ตกตา่ งจากโคมอื่น นนั้ คือ ลายแก้วชงิ ดวง เป็นลวดลายทคี่ งเอกลักษณ์ของความ เป็นลา้ นนา 2.3 โคมทรงกระบอก แบ่งออกเป็น 2 แบบ คอื - โคมงวงชา้ ง ซ่งึ ยาวกวา่ และใช้จดุ บูชาหนา้ พระประทาน -โคมกระบอก 2.4 โคมแปดเหลย่ี ม หรือ โคมธรรมจกั ร มแี ปดดา้ น หมายถึง มรรคมีองค์แปด 2.5 โคมเจียรนัย หรอื โคมเดย่ี ว กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 9 2.6 โคมผัด (หมนุ ) โดยใชค้ วามรอ้ นจากควันเทียนทำใหห้ มุน มีสองชน้ั ดว้ ยกนั ชัน้ ในจะมีแกนฝนเป็น ลักษณะเข็มวางไว้ และจะมีลวดลายต่างๆเวลาหมุนเงาลวดลายจะปรากฏท่ีชัน้ นอก ส่วนมากโคมผัดจะตั้งไว้ท่ี วัดและเคลอื่ นยา้ ยไม่ได้ โคมผดั เปน็ โคมท่ีหมุนได้ ซงึ่ คลา้ ยกับทางภาคกลาง เรียกวา่ โคมเวยี น โคมน้ีทำเป็นรูป ทรงกระบอก ขนาดกวา้ งประมาณ 50 เซนตเิ มตร สงู ประมาณ 70 เซนติเมตร หมุ้ ด้วยกระดาษสาหรอื กระดาษ สา หรือกระดาษว่าวสีขาวอาจทำเปน็ สองชั้นเดยี วกันก็ได้หากทำครอบสองชั้นแล้ว ชั้นในจะมีภาพต่างๆปิดไว้ เปน็ ระยะๆพองาม มีสายหรือซ่โี ยงจากกรอบเข้าหาแกนกลางซึ่งทำเปน็ ตุม่ ใส่ไว้ในก้นถ้วย ปิดแถบกระดาษเข้า กับสายหรือซ่ีนั้นโดยให้มีมมุ และระยะที่ลงตัว เมื่อจุดเทียนซึ่งตดิ ต้ังไว้กลางโคมนัน้ ความร้อนจากเปลวเยนจะ ไปกระทบกับแถบกระดาษและจะผลักให้ส่วนที่เป็นโค้งครอบนั้นให้ผัด คือหมุนไปเรื่อยๆ เงาของภาพที่ปิดไว้ จะส่องไปกระทบกับครอบช้ันนอก สร้างความเคลอื่ นไหวดว้ ยแสงเงาไดร้ ะดับหนึ่ง 2.7 โคมรปู สัตว์ตา่ งๆ เปน็ โคมซึง่ ได้พัฒนาดัดแปลงจาดความคดิ ของผูท้ ป่ี ระดิษฐจ์ ากโคมท่ีมมี าแตด่ ้งั เดิมมาเป็นรูปสตั วต์ ่างๆ 3.โคมลอย เป็นคำที่ภายหลังท่ีใช้เรยี กเครื่องเล่นทำด้วยกระดาษลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ ใช้ลมร้อน บรรจุภายในให้ลอยข้ึนไปได้ เดิมเรียก ว่าวรม (อ่าน “ว่าวฮม”) หรือว่าวควันเปน็ โคมที่ทำจากการตอ่ กระดาษ ว่าวเป็นโคมขนาดใหญ่เป็นทรงกลม หรือสี่เหลี่ยม ตรงปากใช้ไม้ไผ่ขดเป็นวงกลมพอให้ใช้ไม้ไผ่ขดเป็นวงกลม พอให้ใช้ไม้ท่ีพันผ้าและชุบน้ำมันให้เกิดควัน นำไม้จดุ ไฟนเ้ี ข้าไปในวงกลมนที้ ำให้ควันอยู่ข้างใน เมื่อปล่อยควัน เข้าไปจนกระทั่งโคมนั้นลอยขึ้นสู่อากาศ อาจจะมีการนำเงิน หรือเขียนหนังสือติดไปด้วย หรือส่วนใหญ่มักจะ ใสป่ ระทัดเป็นหางเมอ่ื จุดข้นึ ไประยะหน่ึง ก็จะเกิดเสยี งดัง คตกิ ารปลอ่ ยโคมนเี้ พื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณบี นสวรรค์ หรอื บูชาผู้ให้กำเนดิ ตนคือ พ่อเกิด แม่เกิด โดยเฉพาะผู้ท่ีเกดิ ปจี อ ต้องไหวบ้ ูชา พระเกศแก้วจฬุ ามณเี จดีย์ หรอื เปน็ การสะเดาะเคราะห์จงึ นยิ มทำโคมลอย และในอีกประโยชนห์ น่งึ คือ สมยั โบราณเม่อื เกดิ สงคราม ก็จะใช้โคมลอยไปยงั เม่ือของข้าศึกพอดีกับธูปไหม้ลง ถึงดินไฟ ก็จะระเบิดตดิ กระดาษโคม ทำให้ลูกไฟตกลงยังค่าย บ้านเรือนข้าศึก โคมลอยนี้จะเป็นโคมชนิดเดียว ท่ีจะจุดลอ่ ยในเวลากลางวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าถึงเที่ยงเปน็ ส่วนมาก ในปัจจุบนั ไม่ได้เจาะจงใช้เฉพาะงานย่ีเป็ง หรอื เทศมหาชาติ แต่จะใช้เปน็ พุทธบูชาได้ตลอดปี และยัง ใชใ้ นการประดับตกแต่งบ้านเรือน อาคารสำนกั งาน ตลอดท้งั โรงแรมตา่ งๆ เพื่อให้ได้ความรู้สึกและบรรยากาศ แบบล้านนา อย่างสวยงาม ซึ่งโคมนี้แมจ้ ะรับอทิ ธิพลจากหลายๆประเทศแต่ในปัจจุบันที่หลงเหลืออยู่ที่เห็นชัด ก็จะมแี ตใ่ นจงั หวัดเชยี งใหมห่ รอื จังหวัดใกลเ้ คยี งเทา่ น้ัน จดุ มุ่งหมายของการจุดโคมบูชา 1. เพ่อื เป็นพุทธบชู า 2. เพ่อื ความสวยงาม 3. เพื่อให้แสงสว่าง 4. เพือ่ เป็นสิรมิ งคลแก่เจ้าของบา้ น การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน 1.นำไปประดบั ตกแต่งท่ีอยูอ่ าศยั ตามบา้ นเรือนและร้านคา้ ให้สวยงามนา่ ดู 2.ประดษิ ฐ์เปน็ ของท่รี ะลกึ แก่นกั ท่องเทย่ี วในขนาดเล็กถึงใหญ่ 3.ประยกุ ต์โดยนำวสั ดุเหลอื ใช้เชน่ เศษผา้ หรอื กระดาษอ่ืนมาประดิษฐ์แทนกระดาษสา ประโยชน์ของโคมล้านนา 1.เพื่อให้แสงสวา่ งในเวลากลางคนื กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 10 2.เพ่ือเป็นพทุ ธบูชาในเทศกาลย่เี ป็งหรือวันลอยกระทง 3.สืบสานและอนุรกั ษ์ประเพณีทอ้ งถนิ่ ภาคเหนือ 4.เพ่อื ให้เปน็ สิริมงคลแก่เจ้าของบ้านตามความเช่ือของชาวล้านนา 5.เพอ่ื ตกแตง่ และประดบั ประดาบ้านเรือนหรือสถานท่ีต่างๆ ทแ่ี สดงถงึ ความเปน็ ล้านนา กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 11 แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรยี น การจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ฐานการเรยี นรู้ เร่ือง การประดษิ ฐโ์ คม-ตงุ ล้านนา ................................................................... จงเลอื กคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ุดเพยี งขอ้ เดียว (10 ขอ้ 10 คะแนน) 1. ศาสนาใดทีม่ ีการนำโคมมาประกอบพธิ ีทางศาสนาเปน็ ศาสนาแรก ก. ศาสนาพทุ ธ ข. ศาสนาซิกส์ ค. ศาสนาพราหมณ์ ง. ศาสนาฮนิ ดู 2. โคมไฟของล้านนาเป็นความเช่อื เกี่ยวกบั พธิ อี ะไร ก. พธิ ีปล่อยโคม ข. พิธีจดุ ประทปี ค. พิธีจดุ เทยี น ง. พธิ ีตกแตง่ ประกอบวดั วาอารามในวนั ยเ่ี ป็ง 3. โคมล้านนาท่พี บเหน็ ในปัจจบุ นั ไดด้ ดั แปลงประยุกต์และพฒั นาการมาจากการประดิษฐ์โคมอะไร ก. โคมลอย ข. โคมดาว ค. โคมไห ง. โคมธรรมจกั ร 4. โคมล้านนาแบง่ ออกเป็นกี่ลกั ษณะ ก. 2 ข. 3 ค. 4 ง. 5 5. วัสดุท่ีใชใ้ นการประดิษฐ์โคมล้านนาส่วนใหญใ่ ช้วสั ดปุ ระเภทใด ก. วสั ดุสงั เคราะห์ ข. วัสดจุ ากธรรมชาติ ค. วัสดตุ ามทอ้ งถิ่น ง. วสั ดุที่ดัดแปลงจากธรรมชาติ 6. ข้อใดไมใ่ ชจ่ ุดมงุ่ หมายของการจดุ โคมบูชา ก. เพื่อเป็นพุทธบชู า ข. เพ่ือความสวยงาม ค. เพื่ออุทศิ แกผ่ มู้ ีพระคณุ ง. เพ่ือใหเ้ ป็นสิรมิ งคลแก่เจา้ ของบ้าน 7. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะของโคมตามช่อื ท่สี ร้าง กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 12 ก. ลกั ษณะของตวั โคมทเี่ หมอื นธรรมชาติ ข. ลกั ษณะของการใช้งานบชู า ค. ลักษณะของวัสดทุ ีใ่ ชป้ ระดิษฐ์ ง. ลกั ษณะลักษณะตามความนิยม 8. ขอ้ ใดเปน็ วัสดทุ ใ่ี ชใ้ นขนั้ ตอนการขน้ึ โครงสรา้ งของโคม 1 ลวด 2 กรรไกร 3 กระดาษ 4 กาว 5 กระดาษองั กฤษสีเหลอื ง 6 ไม้ไผ่ 7 ลวดเย็บกระดาษ ก. 3 4 5 6 7 ข. 1 2 3 4 6 ค. 1 3 4 5 6 ง. 1 2 3 6 7 9. สาเหตุสำคญั ใดทีเ่ ราเลือกใช้กระดาษสาสีขาวหรือวสั ดุในการประดิษฐ์ตัวโคม ก. เพราะโปรง่ แสง ข. เพราะหาได้งา่ ย ค. เพราะราคาถูก ง. เพราะเปน็ ตน้ แบบจากภูมิปญั ญาท้องถ่นิ 10. วสั ดขุ อ้ ใดทีเ่ ราสามรถดัดแปลงนำไปใช้ในการประดบั ตัวโคมแทนกระดาษองั กฤษได้และสวยงาม ก. กระดาษว่าว ข.กระดาษโปสเตอร์ ค.กระดาษหอ่ ของขวญั ง.กระดาษรีไซเคิลท่ีนำมาทำเปเปอรม์ าเชร่ ์ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 13 แบบประเมินความพึงพอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอแม่ลาว สังกัดสำนักงาน สง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวดั เชียงราย คำช้ีแจง โปรดใส่เครอ่ื งหมาย √ ลงในช่องทางขวามือ ตามความคิดเหน็ ของท่านที่มตี ่อการดำเนินงานของฐานการเรยี นร้ตู าม หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอแม่ลาว ในแตล่ ะขอ้ โดยมี น้ำหนักคะแนน ดงั นี้ ระดบั คะแนน 5 หมายถึง พึงพอใจมากทส่ี ดุ ระดับคะแนน 4 หมายถงึ พึงพอใจมาก ระดับคะแนน 3 หมายถงึ พงึ พอใจปานกลาง ระดบั คะแนน 2 หมายถึง พงึ พอใจนอ้ ย ระดับคะแนน 1 หมายถงึ พงึ พอใจน้อยทสี่ ดุ ตอนที่ 1 ข้อมลู ท่วั ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม เพศ □ ชาย □ หญิง อายุ □ นอ้ ยกวา่ 20 ปี □ 21 – 30 ปี □ 31 – 40 ปี □ 41 – 50 ปี □ 51 – 60 ปี □ มากกวา่ 60 ปี สถานภาพ □ นักศกึ ษา □ ครู □ ผ้บู ริหาร □ อืน่ ๆ ระบุ………………… ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจของผ้ตู อบแบบสอบถามทม่ี ตี อ่ การดำเนินงานฐานการเรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรู้ท…่ี ……….... / ชอื่ แหลง่ เรยี นรู้ .............................................................................................................. ประเดน็ ความคิดเหน็ ระดบั ความพึงพอใจ 54321 ดา้ นวทิ ยากร 1. เทคนคิ การถา่ ยทอดความรู้ 2. การเชอื่ มโยงความรู้ตามหลกั 2-3-4-3 3. ความครบถว้ นของเน้อื หาในการถา่ ยทอด 4. ระยะเวลาถ่ายทอดองค์ความรทู้ ี่เหมาะสม 5. การเปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รียนมสี ว่ นร่วม 6. การตอบซักถาม ด้านสถานที่ 7. สถานทจ่ี ัดการเรียนรูม้ ีความสะอาดและเหมาะสม 8. ความพรอ้ มของอปุ กรณก์ ารเรียน 9. ความพร้อมของสื่อเทคโนโลยี ด้านความรูค้ วามเข้าใจ 10. ความคดิ รวบยอดทีไ่ ดจ้ ากการเรยี นรูใ้ นฐาน 11. ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้แกบ่ ุคคลอื่น 12. การแลกเปล่ียนประสบการณ์กับบุคคลอน่ื ด้านการนำความรู้ไปใช้ 13. การนำความรู้ท่ไี ดร้ ับสูก่ ารปฏิบตั ิในชีวิตประจำวัน 14. การนำความรูท้ ่ไี ดร้ บั สู่การประกอบอาชพี 15. การเผยแพรค่ วามรู้แกบ่ ุคคลอ่ืน ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 14 ภาคผนวก กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั ปร

รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 15

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั ปร

รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 16

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 17 กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 18 กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 19 กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 20 กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 21 กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรูต้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 22 คณะผู้ทำงาน 1. นายวิเศษ พลธนะ ผอ. กศน.อำเภอแม่ลาว ประธาน 2. คณะกรรมการสถานศกึ ษา 3. องคก์ รนักศึกษา ท่ปี รึกษา 4. ปราชญช์ าวบา้ น 5. นางกาญจนณ์ ัฎฐา ครี ีธีรกุล ทป่ี รกึ ษา 6. นางสาวกฤติณา จินธะนู 7. นางสาวชุตาภรณ์ ศรียนจอง ทป่ี รึกษา 8. นางศริ พิ ร เอ่ียมพร้อม 9. นางกนกพร ถาคำ ครู ชำนาญการ คณะทำงาน 10. นางสรุ ภี รณ์ ศรีคำ 11. นายจรุญ ไชยชมภู ครู ผูช้ ่วย คณะทำงาน 12. นายสรุ เกยี รติ อำพนั ธ์ 13. นางสาวรัชฎาภรณ์ ยอดยา พนกั งานพิมพ์ ส.4 คณะทำงาน 14. นางสาวรัชนี สวสั ดี 15.นางสาวฤทยั รตั น์ เกนิ ตวั ครู อาสาฯ คณะทำงาน 16. นายศุภฤกษ์ ยอดยา ครู อาสาฯ คณะทำงาน ครู กศน.ตำบล คณะทำงาน ครู กศน.ตำบล คณะทำงาน ครู กศน.ตำบล คณะทำงาน ครู กศน.ตำบล คณะทำงาน เจ้าหนา้ ท่ีบรรณารกั ษ์ คณะทำงาน เจา้ หน้าท่ีธรุ การ คณะทำงาน ครู กศน.ตำบล คณะทำงานและเลขานุการ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 23 ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอแม่ลาว สำนกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั เชียงราย สำนกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook