ชั้ น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ที่ ๖ วรรณคดีและวรรณกรรม การอ่านวรรณคดี การอานวรรณคดี เปนการทําความเขาใจบทประพันธใหปรุโปรงและ ใชจินตภาพสรางอารมณ เพื่อจะไดเขาถึงสารที่กวีตองการสื่อ การอานวร รณคดี ตองใชวิจารณญาณในการอานแลวนําไปคิด ใชสติปญญา กลั่นกรอง สกัดคุณคาทางอารมณและคุณคาทางความคิด การวิจักษวรรณคดี คือ เกิดความเขาใจแจมแจง ตระหนักในคุณค่า ดานวรรณศิลปและคุณคาดานสังคม เกิดความหวงแหนและตองการธํารง รักษาใหเปนสมบัติของชาติตอไป การอานที่ไดคิดคนหาเหตุผลมาอธิบาย ความรูสึกของตนเองเปนการแสดงความคิดเห็นขั้นวิจารณ ซึ่งอาจตอยอด ไปถึงการอานวรรณคดีในระดับสูงได
ความสำคัญของวรรณคดี วรรณคดีเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นมรดกทางปัญญาของคนในชาติ วรรณคดี เป็นเสมือนกระจกเงาสะท้อนภาพของสังคมในอดีต ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ กวีมักนำเสนอสภาพสังคมในสมัยที่ตนมีชีวิตอยู่ด้วยการสอดแทรกไว้ในงานเขียนของตน ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ด้านต่างๆ เช่นด้านประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ปรัชญา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคติธรรมอันเป็นแนวทางในการพัฒนาความคิดจิตใจ และโลกทัศน์ของผู้อ่าน กวีมักสอดแทรกแนวคิด คติสอนใจ และปรัชญาชีิวิตไว้ ทำให้ผู้ อ่านได้รับความรู้ มีอารมณ์ร่วมไปกับกวี ดังนั้นวรรณคดีจึงมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ ซึ่งมีทั้งคุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่าด้านวรรณศิลป์และคุณค่าด้านสังคม แนวทางในการอ่านวรรณคดี ๑) เลือกอ่านวรรณคดี ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าบทร้อยกรอง หรือคำประพันธ์หรือกวี นิพนธ์ การเลือกอ่านวรรณคดีเรื่องที่ได้รับยกย่องว่าเป็นวรรณคดีชั้นเยี่ยมทำให้สามารถ ยึดเป็นแนวทางในการอ่านวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ ได้ เพราะวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องจะมี ความเป็นอมตะ มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ และมีข้อคิดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิต ในปัจจุบันได้ ๒) ควรอ่านวรรณคดีให้ตลอดทั้งเรื่อง ทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่องที่อ่าน เพื่อให้รู้องค์- ประกอบของเรื่องและเข้าใจสารที่กวีต้องการสื่อมายังผู้อ่าน ๓) รู้หลักการพิจารณาคุณค่าของวรรณคดี นำหลักนั้นมาพิจารณาวรรณคดีที่อ่าน เพื่อ ให้สามารถเข้าถึงความหมายและคุณค่าของวรรณคดีเรื่องนั้น ๔) สามารถแสดงความคิดเห็น วิจารณ์หรือประเมินคุณค่าวรรณคดี เมื่ออ่านวรรณคดี จบ ผู้อ่านควรวิจักษ์วรรณคดีเรื่องนั้นได้ เพื่อให้เห็นข้อดีและข้อบกพร่องของวรรณคดี เรื่องนั้น จึงจะได้ประโยชน์จากการอ่านวรรณคดีอย่างแท้จริง
การวิจักษ์วรรณคดี วรรณคดี หมายถึง หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีคุณค่า ซึ่งคำว่าวรรณคดี ได้ปรากฏอยู่ในโบราณคดีสโมสร โดยตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวใน พ.ศ. ๒๔๕๐ เพื่อส่งเสริมการประพันธ์ เผยแพร่ความรู้ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณคดี และมีปรากฏในราชกฤษฎีกาการตั้งวรรณคดี สโมสรเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หนังสือที่จัดว่าเป็นวรรณคดี เช่น กวีนิพนธ์ นิทาน ละครไทย ละครพูด เป็นต้น วิจักษ์ หมายถึง ที่รู้แจ้ง ที่เห็นแจ้ง ฉลาด มีสติปัญญา เชี่ยวชาญ วิจักษ์วรรณคดี หมายถึง การพิจารณาว่าหนังสือนั้นๆ แต่งดีอย่างไร ใช้ถ้อยคำ ไพเราะลึกซึ้งกินใจหรือมีความงามอย่างไร มีคุณค่า ให้ความรู้ ข้อคิด คติสอนใจ หรือชี้ให้เห็นสภาพชีวิต ความคิด ความเชื่อของคนในสังคมอย่างไร หลักการวิจักษ์วรรณคดี หลักการวิจักษ์วรรณคดีที่สำคัญ มีดังนี้ ๑) อ่านอย่างพินิจพิจารณา เป็นการอ่านโดยการวิเคราะห์ตั้งแต่ชื่อเรื่อง เช่น บทละครพูดเรื่อง “เห็นแก่ลูก” เมื่ออ่านชื่อเรื่องแล้วมักจะคิดต่อไปว่า ใครเป็นผู้เห็นแก่ลูก ประวัติผู้แต่ง คำนำ คำนิยม สารบัญ ไปจนถึงเนื้อเรื่อง ย่อ และบรรณานุกรม ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจเนื้อหา มูลเหตุของการแต่ง แรง บันดาลใจในการแต่ง ๒) ค้นหาความหมายพื้นฐานของบทประพันธ์ ความหมายพื้นฐานหรือ ความหมายตามตัวอักษร ผู้อ่านสามารถค้นหาได้จากข้อความที่กวีได้นำ เสนอไว้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน ผลเป็นอย่างไร โดยมีหลักการค้นหาความ หมายของบทประพันธ์ ดังนี้
๒.๑) ค้นหาความหมายตามตัวหนังสือ คือ คำใดที่ไม่เข้าใจได้ทันทีสามารถค้นหา ความหมายและคำอธิบายศัพท์ จากพจนานุกรมหรืออภิธานศัพท์ เช่น สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ ช่อฟ้าตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆัมพร บราลีพิลาสศุภจรูญ นภศูลประภัสสร หางหงส์ผจงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย (สามัคคีเภทคำฉันท์) จากบทประพันธ์ศัพท์ที่จะต้องค้นหา ได้แก่ ระยับ หมายถึง พราวแพรว วับวาม (แสงหรือรัศมี) ช่อฟ้า หมายถึง ตัวไม้ที่ติดอยู่บริเวณหน้าบันรูปเหมือนหัวนาคชูขึ้นเบื้องบน ตระการ หมายถึง งาม กล หมายถึง เหมือน ทิฆัมพร หมายถึง ท้องฟ้า นภศูล หมายถึง ยอดปราสาทหรือมณฑปหรือปรางค์ที่แหลมตรงขึ้นไปในอากาศ ประภัสสร หมายถึง สีเลื่อมๆ พรายๆแสงพราวๆเหมือนแสงพระอาทิตย์แรกขึ้น บราลี หมายถึง เครื่องแต่งหลังคาเป็นยอดเล็กๆ เรียงรายตามอกไก่ พิลาส หมายถึง งามอย่างสดใส ศุภ หมายถึง ความงาม จรูญ หมายถึง รุ่งเรือง
๒.๒) ค้นหาความหมายแฝง ความหมายที่ต้องตีความ ซึ่งผู้แต่งอาจใช้คำที่เป็นสัญลักษณ์ เพื่อเสนอสารอันเป็นความคิดหลักของผู้แต่ง เช่น นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า พิษน้อยยิ่งโยโส แมลงป่อง ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี จากบทประพันธ์ข้างต้นกล่าวถึง งูใหญ่มีพิษมากเทียบเท่ากับความร้อนของดวง อาทิตย์ แต่ท่าทางการเลื้อยไปอย่างช้าๆ ไม่แสดงให้รู้ว่ามีพิษมาก ต่างจากแมลง ป่องมีพิษเล็กน้อยอยู่ที่หาง กลับชูหางอวดพิษ ความหมายของโคลงบทนี้ พิจารณาความหมายแฝงได้ว่า งูใหญ่ (นาคี) เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่เปี่ยมไปด้วย อำนาจแต่ไม่โอ้อวดแสดงตน ในขณะที่แมลงป่องเป็นสัญลักษณ์แทนผู้ที่มีอำนาจ น้อยแต่ชอบแสดงฤทธิ์เดชอวดอ้างอำนาจอันน้อยนิด ๒.๓) ค้นหาข้อคิดอันเป็นประโยชน์ เป็นการค้นหาข้อคิดคติเตือนใจที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิต ประจำวันได้ กวีมักสอดแทรกทัศนะ ข้อคิด คติสอนใจ เรื่องต่างๆไว้ในเนื้อเรื่อง ของวรรณคดีผู้อ่านควรอ่านอย่างพิจารณาเพื่อค้นหาคุณค่าจากวรรณคดี เรื่องที่ อ่าน เช่น เรื่องนิราศภูเขาทอง ตอนที่กล่าวถึงองค์เจดีย์ที่ชำรุดทรุดโทรมมีรอย แตกร้าว ดังความว่า ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดสุดก็หลุดหัก โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น (นิราศภูเขาทอง)
จากคำประพันธ์ข้างต้น กวีเปรียบรอยแตกร้าวของเจดีย์ว่าเหมือนเกียรติยศ ชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน ชีวิตคนเราอาจประสบกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาของโลก คนมั่งมีก็อาจเป็นคนจนได้ เมื่อสุขก็อาจทุกข์ได้ มี ยศได้ก็เสื่อมยศได้ มีลาภได้ก็เสื่อมลาภได้ ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจังไม่แน่นอน ๓) รับรู้อารมณ์ของบทประพันธ์ เมื่อรับรู้ความรู้สึกและอารมณ์ที่กวีสอดแทรกในบทประพันธ์เช่น นิราศนรินทร์ กวีกล่าวถึงยามที่ต้องจากคนรัก ความรู้สึกอาลัยรักที่มีต่อนางผู้เป็นที่รักว่า เมื่อ ต้องแยกจากกันราวกับได้ปลิดหัวใจไปจากตัว หากแบ่งหัวใจออกเป็น ๒ ซีกได้ ซีก แรกจะเอาติดตัวไปด้วย ส่วนอีกซีกจะฝากไว้กับนาง ดังความว่า จำใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้ สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่ ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลถนอม ๔) พิจารณาการใช้กลวิธีในการแต่งคำประพันธ์ กลวิธีในการแต่งคำประพันธ์เป็นวิธีสร้างความรู้สึกนึกคิดของกวีช่วยให้ผู้อ่าน เข้าใจทัศนะและนัยสรุปของกวีหรือเนื้อเรื่องได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าการบอกเล่าด้วย ถ้อยคำ และวิธีการตรงไปตรงมา ดังจะเห็นได้จากปมปัญหาของเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผนที่เป็นปมความขัดแย้งเรื่องความรักระหว่างชายสองหญิงหนึ่ง จนใน ที่สุดได้นำไปสู่การคลี่คลายปมปัญหาด้วยการประหารชีวิตนางวันทอง ซึ่งเป็นจุดจบ ที่น่าเศร้าสลดใจ แต่ก็เป็นกลวิธีที่ทำให้เรื่องนี้อยู่ในใจผู้อ่านมายาวนาน เพราะกวี สร้างความรู้สึกค้างคาใจ ความไม่สมหวังของตัวละคร
๕) ความงามความไพเราะของภาษา พิจารณาการสรรคำและการเรียบ เรียงคำให้เป็นตามลำดับอย่างไพเราะเหมาะสมและการใช้โวหารก่อให้เกิด จินตภาพ อารมณ์ และความรู้สึก เช่น กวีเลือกใช้คำที่มีความหมายว่า งาม อย่างเหมาะสม จากบทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี ประดุจมโนภิรมย์รตี ณ แรกรัก แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์ แฉล้ม เฉลา และโสภิ นักนะฉันใด หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย สว่าง ณ กลางกมล ละไม ก็ฉันนั้น (มัทนะพาธา) ๕ การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี วรรณคดีเป็นผลงานที่สืบทอดกันมาช้านานเป็นหนังสือที่มีคุณค่าสมควร อ่านอย่างพินิจ พิเคราะห์ไปถึงการวิจักษ์ ซึ่งเท่ากับเป็นการกลั่นกรองคุณค่า ของวรรณคดีที่อ่าน มีทั้งคุณค่า ทางด้านเนื้อหา คุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ และคุณค่าทางด้านสังคม โดยพิจารณาดังนี้ ๕.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา การพิจารณาคุณค่าด้านเนื้อหามีแนวทางในการพิจารณา ดังต่อไปนี้ ๑) รูปแบบ ในการศึกษาวรรณคดีนักเรียนควรมีความเข้าใจเกี่ยว กับรูปแบบของ วรรณคดีว่าจะพิจารณาวรรณคดีเรื่องนั้นในลักษณะใด ซึ่งรูป แบบของวรรณคดีแบ่งออกเป็น ร้อยแก้วและร้อยกรอง ๑.๑ ร้อยแก้ว คือคำประพันธ์ที่ไม่จำกัดถ้อยคำและประโยค ไม่มีกฎเกณฑ์ทางฉันทลักษณ์เป็นรูปแบบต่างๆ ตายตัว การพิจารณาความ หมายในคำประพันธ์ประเภทร้อยแก้วขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และเนื้อหาของเรื่อง ถ้ากวีมีจุดมุ่งหมายที่จะบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ให้ความรู้ทั่วๆ ไป จะมีการใช้ ภาษาตรงไปตรงมา เรียบง่าย และชัดเจน และหากกวีแต่งเรื่องที่มีเนื้อหาลุ่ม ลึก แสดงความลึกซึ้งแยบคาย
เช่น เรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ปรัชญา หรือเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการ วรรณกรรมร้อยแก้วชิ้นที่เลือกใช้ถ้อยคำได้เหมาะสมเนื้อความ แต่งได้กระชับ รัดกุม สละสลวยสื่อความหมายได้ชัดเจนวางเหตุการณ์ในเรื่องได้แนบเนียน วรรณกรรมร้อยแก้วชิ้นนั้น จะมีความไพเราะงดงามและสะเทือนอารมณ์ผู้ อ่านได้เป็นอย่างดี ๑.๒ คือคำประพันธ์ที่นำคำมาประกอบกันขึ้น ให้มีลักษณะรูปแบบ ตามที่กำหนดไว้และมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ วรรณคดีสมาคมได้มีการ บัญญัติคำว่า ร้อยกรอง เป็นคำรวมเรียกโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย คำประพันธ์ประเภทร้อยกรองจะเน้นจังหวะของเสียงซึ่งเกิดจากการกำหนด จำนวนพยางค์หรือคำเป็นวรรค บาท และบท การผูกคำสัมผัสคล้องจอง อย่างมีแบบแผน ลักษณะการบังคับตำแหน่งวรรณยุกต์ เช่น โคลง เป็นต้น และการเพิ่มสัมผัสคล้องจองในวรรคขึ้นอยู่กับลีลาชั้นเชิงของกวีแต่ละคน วรรณคดีเรื่องหนึ่งๆ อาจใช้คำประพันธ์ชนิดเดียวเป็นหลัก เช่น เสภาเรื่องขุน ช้างขุนแผน เรื่องอิเหนา แต่งเป็นกลอนสุภาพ วรรณคดีบางเรื่องแต่งด้วยคำ ประพันธ์ต่างชนิดกัน เช่น เรื่องพระลอ เรื่องตะเลงพ่ายแต่งเป็นโคลงและร่าย เรียกว่าลิลิต เรื่องมัทนะพาธาแต่งเป็นฉันท์และกาพย์ เรียกว่า คำฉันท์ กาพย์เห่เรือแต่งเป็นโคลง และกาพย์เพื่อให้ฝีพายได้ขับเห่ในกระบวน พยุหยาตราทางชลมารค กวีได้เลือกรูปแบบกาพย์ยานี ซึ่งเหมาะกับเนื้อเรื่อง ที่พรรณนาธรรมชาติร่วมกับอารมณ์ความรู้สึกของกวีที่แสดงความรักความ อาลัยถึงคนรัก ดังความว่า โคลง รอนรอนสุริยโอ้ อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว รอนรอนจิตจำนง นุชพี่ เพียงแม่ เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว คลับคล้ายเรียมเหลียว กาพย์ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ำ สนธยาจะใกล้ค่ำ คำนึงหน้าเจ้าตาตรู
การอ่านคำประพันธ์เป็นจังหวะทำนองตามลักษณะคำประพันธ์แต่ละ ชนิด จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถรับรู้อารมณ์ของกวีที่แทรกไว้ในบทร้อยกรอง อย่างมีประสิทธิภาพ การอ่านอย่างเข้าใจซาบซึ้ง ย่อมช่วยให้ผู้อ่านและผู้ฟัง เข้าถึงรสถ้อยคำ รสความ รสคล้องจอง และรสภาพ อย่างสมจริง เกิดความ รู้สึกประทับใจในวรรณคดีไทย ๒) องค์ประกอบของเรื่อง พิจารณาได้ดังนี้ ๒.๑) สาระ พิจารณาว่าสาระที่ผู้แต่งต้องการสื่อมายังผู้อ่านเป็น เรื่องอะไร เช่น ให้ความรู้ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือแสดงความรู้สึกนึกคิด ออกมา ควรจับสาระสำคัญหรือแก่นของเรื่องให้ได้ว่าผู้แต่งต้องการสื่ออะไร แก่นเรื่องมีลักษณะแปลกใหม่ น่าสนใจเพียงใด เช่น เรื่องสามก๊ก มีเนื้อหา เกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง และการชิงอำนาจกันด้วยอุบายการเมือง และ การสงคราม เป็นต้น ๒.๒) โครงเรื่อง พิจารณาวิธีการเรียงลำดับความคิดหรือ เหตุการณ์ในเรื่องว่าเปิดเรื่อง อย่างไร ดังเช่น โครงเรื่องของเสภาเรื่องขุนช้าง ขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา คือ ผู้หญิงที่ต้องเลือกไปอยู่กับผู้ชายคนใดคน หนึ่ง ซึ่งคนหนึ่งตนก็รักมากอีกคนหนึ่งก็ดีต่อตนมาก กวีมีวิธีวางโครงเรื่องได้ดี หรือไม่ การลำดับความไปตามลำดับขั้นตอนหรือไม่ มีวิธีการวางลำดับ เหตุการณ์ น่าสนใจอย่างไร และมีการสร้างปมขัดแย้งอะไรที่นำไปสู่จุดสูงสุด ของเรื่อง เป็นต้น ๒.๓) ฉากและบรรยากาศ พิจารณาการพรรณนาหรือบรรยาย ฉากของเรื่อง โดยบรรยากาศนั้นสร้างโดยการบรรยายฉาก ซึ่งเกิดจากการ สร้างเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง กวีต้องให้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ และสภาพแวดล้อม เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตาม เช่น เรื่องสามก๊กมี ฉากของเรื่องอยู่ในประเทศจีนในสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ เสภาเรื่องขุนช้าง ขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกามีฉากการตัดสินพระทัยของสมเด็จพระพัน วษาก็เกิดขึ้นในสมัยการปกครอง ตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และ บรรยากาศน่าเกรงขาม เป็นต้น
๒.๔) ตัวละคร พิจารณาลักษณะนิสัยของตัวละครเป็นส่วนสำคัญ ของเรื่อง โดยต้องพิจารณาว่ามีบุคลิกภาพอย่างไรและมีบทบาทอย่างไร พฤติกรรมที่แสดงออกมาดีหรือไม่ เช่น ความไม่รู้จักกาลเทศะของขุนช้างใน คราวที่ดำน้ำเข้าไปถวายฎีกาถึงเรือพระที่นั่ง เป็นต้น ๒.๕) กลวิธีการแต่ง พิจารณาวิธีการเลือกใช้ถ้อยคำ และการนำ เสนอว่ากวีนำเสนออย่างไร เช่น เสนออย่างตรงไปตรงมา เสนอโดยให้ตีความ จากสัญลักษณ์หรือความเปรียบ เสนอโดยใช้ภาพพจน์ให้เกิดจินตภาพ ควร พิจารณาว่าวิธีการต่างๆ เหล่านี้ ชวนให้น่าสนใจ น่าติดตาม และน่าประทับใจ ได้อย่างไร ๕.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ พิจารณาจากการเลือกสรรคำมา เรียงร้อยกันให้เกิด ความงาม ความไพเราะ มีความหมายลึกซึ้งกินใจ ทำให้ผู้ อ่านเกิดจินตนาการ ซึ่งมีแนวทางในการพิจารณา ดังนี้ ๑) การสรรคำ คือ การที่กวีเลือกใช้คำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก อารมณ์ได้อย่างไพเราะตรงตามที่กวีต้องการ โดยพิจารณาการใช้คำ ต่างๆ ดังนี้ ๑.๑) การเลือกใช้คำได้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ เช่น การเลือกใช้คำไวพจน์ คือ คำที่เขียนต่างกัน แต่มีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน บางคำจะใช้ในบทร้อยกรองเท่านั้น เช่น ชมดวงพวงนางแย้ม บานแสล้มแย้มเกสร คิดความยามบังอร แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม ดอกเป็นพวงร่วงเรณู มะลิวัลย์พันจิกจวง ชูชื่นจิตคิดวนิดา หอมมาน่าเอ็นดู (กาพย์เห่เรือ)
๒.๔) ตัวละคร พิจารณาลักษณะนิสัยของตัวละครเป็นส่วนสำคัญ ของเรื่อง โดยต้องพิจารณาว่ามีบุคลิกภาพอย่างไรและมีบทบาทอย่างไร พฤติกรรมที่แสดงออกมาดีหรือไม่ เช่น ความไม่รู้จักกาลเทศะของขุนช้างใน คราวที่ดำน้ำเข้าไปถวายฎีกาถึงเรือพระที่นั่ง เป็นต้น ๒.๕) กลวิธีการแต่ง พิจารณาวิธีการเลือกใช้ถ้อยคำ และการนำ เสนอว่ากวีนำเสนออย่างไร เช่น เสนออย่างตรงไปตรงมา เสนอโดยให้ตีความ จากสัญลักษณ์หรือความเปรียบ เสนอโดยใช้ภาพพจน์ให้เกิดจินตภาพ ควร พิจารณาว่าวิธีการต่างๆ เหล่านี้ ชวนให้น่าสนใจ น่าติดตาม และน่าประทับใจ ได้อย่างไร ๕.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ พิจารณาจากการเลือกสรรคำมา เรียงร้อยกันให้เกิด ความงาม ความไพเราะ มีความหมายลึกซึ้งกินใจ ทำให้ผู้ อ่านเกิดจินตนาการ ซึ่งมีแนวทางในการพิจารณา ดังนี้ ๑) การสรรคำ คือ การที่กวีเลือกใช้คำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก อารมณ์ได้อย่างไพเราะตรงตามที่กวีต้องการ โดยพิจารณาการใช้คำ ต่างๆ ดังนี้ ๑.๑) การเลือกใช้คำได้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ เช่น การเลือกใช้คำไวพจน์ คือ คำที่เขียนต่างกัน แต่มีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน บางคำจะใช้ในบทร้อยกรองเท่านั้น เช่น ชมดวงพวงนางแย้ม บานแสล้มแย้มเกสร คิดความยามบังอร แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม ดอกเป็นพวงร่วงเรณู มะลิวัลย์พันจิกจวง ชูชื่นจิตคิดวนิดา หอมมาน่าเอ็นดู (กาพย์เห่เรือ)
จากบทประพันธ์คำว่า บังอร และ วนิดา หมายถึง ผู้หญิงและนางผู้เป็น ที่รัก ซึ่งจะอยู่ในแต่ละตำแหน่งที่สอดคล้องกันกับบทประพันธ์ ๑.๒) การเลือกใช้คำที่เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง เช่น เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน ก็มาเป็น ศึก บ ถึงและมึงก็ยังมิเห็น จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยั้นมิทันอะไร ก็หมิ่นกู (สามัคคีเภทคำฉันท์) จากบทประพันธ์เป็นการเลือกใช้คำที่เหมาะสมกับฐานะของบุคคล ใน เรื่องเป็นตอนที่พระเจ้าอชาตศัตรูแสร้งใช้คำบริภาษวัสสการพราหมณ์ เมื่อ วัสสการพราหมณ์ทัดทานเรื่องการศึก ซึ่งเป็นคำที่กษัตริย์ใช้กับผู้ที่มีฐานะต่ำ กว่า ๑.๓) การเลือกใช้คำได้เหมาะแก่ลักษณะของคำประพันธ์ เช่น ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย หลบลี้หนีตาย วุ่นหวั่นพรั่นใจ ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย เข้าดงพงไพร ทิ้งย่านบ้านตน (สามัคคีเภทคำฉันท์ จากบทประพันธ์มีคำที่ใช้ได้ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น คำพื้นฐาน ต่างๆ ได้แก่ เลือด หน้าเผือด หลบลี้ ซุก เป็นต้น
การเลือกคำโดยคำนึงถึงเสียง ๑. การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การเล่นเสียงสูงๆ ต่ำๆ คล้ายการ ผันเสียงวรรณยุกต์ เพื่อสร้างความหลากหลายของระดับเสียง ซึ่งจะทำให้เกิดความไพเราะของเสียง ดังตัวอย่าง ๒. การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ ทำให้เกิดความไพเราะและเกิดจินตภาพ ชัดเจน ดังตัวอย่าง ๓. การเล่นคำสัมผัส คือ การใช้ถ้อยคำให้มีเสียงสัมผัสคล้องจองโดยการ สัมผัส ดังตัวอย่าง
การเลือกคำโดยคำนึงถึงเสียง ๔. การซ้ำคำ คือ การใช้เดียวกันในความหมายเดียวกันหลายแห่ง ในบทประพันธ์หนึ่งบทเพื่อย้ำความให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ดังตัวอย่าง การใช้โวหาร ๑. บรรยายโวหาร โวหารที่ใช้บอกกล่าว เล่าเรื่อง อธิบาย หรือบรรยาย เรื่องราว เหตุการณ์ ตลอดจนความรู้ต่าง ๆ อย่างละเอียด ความว่า ๒. พรรณนาโวหาร โวหารที่ใช้กล่าวถึงเรื่องราว สถานที่ บุคคล สิ่งของ หรืออารมณ์อย่างละเอียด สอดแทรกอารมณ์ ความรู้สึกลงไป ความว่า
การใช้โวหาร ๓. เทศนาโวหาร โวหารที่มุ่งโน้มน้าวใจให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม เป็นการ กล่าวในเชิงอบรม แนะนำ สั่งสอน เสนอ ทัศนะ ชี้แนะ ความว่า ๔. สาธกโวหาร โวหารที่มุ่งให้ความชัดเจนโดยการยกตัวอย่างหรือเรื่องราว ประกอบการอธิบาย เนื้อหาสาระ เพื่อสนับสนุนข้อคิดเห็นต่าง ๆ ความว่า ๕. อุปมาโวหาร โวหารที่กล่าวเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจความหมาย อารมณ์ความรู้สึก หรือเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ความว่า
๓) การใช้ภาพพจน์ คือ การพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูดหรือเขียนที่ ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ ได้อารมณ์และความรู้สึก การใช้โวหารมี หลายลักษณะ ดังนี้ ๓.๑) การใช้ภาพพจน์อุปมา เป็นการเปรียบเทียบว่าสิ่ง หนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง โดยใช้คำว่า เสมือน ดุจ ดั่ง ราว เพียง ประหนึ่ง แสดงความหมายอย่างเดียวกับคำว่า เหมือน เช่น นางนวลนวลน่ารัก ไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน แก้วพี่นี้สุดนวล ดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง (กาพย์เห่เรือ) จากบทประพันธ์กวีกล่าวถึงนกนางนวลว่ามีความน่ารัก แต่ ความน่ารักของนกก็ไม่เท่าหน้านวลของนางผู้เป็นที่รัก นางมีหน้านวล ราวกับนางฟ้าที่มีหน้างามผุดผ่อง
๓.๒) การใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์ เป็นการเปรียบสิ่งหนึ่งเป็นอีก สิ่งหนึ่ง การเปรียบ ลักษณะนี้ไม่มีคำที่สื่อความหมายว่าเหมือน ปรากฏอยู่แต่เป็นการเปรียบเทียบโดยใช้คำว่าคือ เป็น พ่อตายคือฉัตรกั้ง หายหัก แม่ดับดุจรถจักร จากด้วย ลูกตายบ่วายรัก แรงร่ำ เมียมิ่งตายวายม้วย มือคลุ้มแดนไตร (โคลงโลกนิติ) จากบทประพันธ์กวีเปรียบพ่อเป็นฉัตร และความตายของ พ่อเป็นเหมือนกับ ฉัตรหัก หมายถึง ผู้ที่คุ้มครองให้ความอบอุ่น มั่นคง ปลอดภัยได้สูญสิ้นไปแล้ว
๓.๓) การใช้ภาพพจน์บุคคลวัต เป็นการสมมติสิ่งไม่มีชีวิตหรือ สัตว์ให้มีกิริยาอาการ ความรู้สึกเหมือนมนุษย์ เช่น หลังคาโบสถ์โอดครวญเมื่อจวนผุ ระแนงลุล่วงหล่นบนพื้นหญ้า เสาอิฐปูนทรุดเซตามเวลา พระประธานสั่นหน้าระอาใจ (แสดงธรรม) จากบทประพันธ์กวีเปรียบพ่อเป็นฉัตร และความตาย ของพ่อเป็นเหมือนกับ ฉัตรหัก หมายถึง ผู้ที่คุ้มครองให้ความ อบอุ่น มั่นคง ปลอดภัยได้สูญสิ้นไปแล้ว
๔) ลีลาการประพันธ์ เป็นท่วงทำนองที่สำคัญในการแต่งคำ ประพันธ์ให้ดีเด่นทำให้ ผู้อ่านเกิดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ คล้อย ตามไปด้วย ดังนี้ ๔.๑) เสาวรจนี เป็นลีลาที่ใช้แต่งความงามจะเป็นความงามของ มนุษย์ สถานที่ หรือธรรมชาติก็ได้ เช่น ชมธรรมชาติ กระถางแถวแก้วเกดพิกุลแกม ยี่สุ่นแซมมะสังดัดดูไสว สมอรัดดัดทรงสมละไม ตะขบข่อยคัดไว้จังหวะกัน ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด แทงทวยทอดอินพรหมนมสวรรค์ บ้างผลิดอกออกช่อขึ้นชูชัน แสงพระจันทร์จับแจ่มกระจ่างตา (เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน)
๔.๒) นารีปราโมทย์เป็นลีลาการประพันธ์ที่มุ่งไปในทำนอง เกี้ยว ประเล้าประโลมด้วยคำหวานเช่นบทเกี้ยวพาราสี แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมประทุมทอง เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป (พระอภัยมณี)
๔.๓) พิโรธวาทัง เป็นลีลาที่แสดงความโกรธแค้น ประชดประชัน เกรี้ยวกราด เช่น ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นดั่งเพลิงไหม้ เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้ น้ำใจจะประดังเข้าทั้งสอง ออกนั่นเข้านี่มีสำรอง ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำลึก (เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน)
๔.๔) สัลลาปังคพิสัย เป็นลีลาแห่งการคร่ำครวญหวนไห้ ตัดพ้อ เศร้าโศก เช่น บท คร่ำครวญ “…โอ้พระชนนีของลูกแก้ว นับวันลูกจะไกลแล้วจากนิเวศน์วัง พระมารดาอยู่ข้างหลังจะประชวรโรคาไข้ถึงสู่สวรรค์ครรไล ก็ที่ไหนจะได้ ถวายพระเพลิงพระชนนีลูกจะบุกป่าพนาลีไปไกลเนตรลูกจะทรงบรรพชา เพศบำเพ็ญผลจะแผ่เพิ่มเติมกุศลส่งทุกค่ำเช้า โอ้พระปิ่นปกเกล้าของลูก เอ่ย อย่าเศร้าเสียพระทัยเลยถึงลูกแก้ว ได้เลี้ยงลูกมาแล้วเอาแต่บุญเถิด นะทูลกระหม่อม ทูลพลางเธอก็น้อมพระเศียรซบแทบพระบาทพระชนนี…” (มหาเวสสันดรชาดก)
๕.๓ คุณค่าด้านสังคม การพิจารณาคุณค่าทางด้านสังคม เป็นการพิจารณาว่า ผู้แต่ง มีจุดประสงค์ในการจรรโลง สังคมอย่างไร โดยพิจารณาจากแนวคิด การให้คติเตือนใจ การสะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ ค่านิยม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและจริยธรรมของคนในสังคมที่ วรรณคดีได้ จำลองภาพ โดยกวีได้สอดแทรกไว้ในบทประพันธ์อย่าง แนบเนียน เช่น จึงปลอบว่าพลายงามพ่อทรามรัก อย่าฮึกฮักว้าวุ่นทำหุนหัน จงครวญใคร่ให้เห็นข้อสำคัญ แม่นี้พรั่นกลัวแต่จะเกิดความ ด้วยเป็นข้าลักไปไทลักมา เห็นเบื้องหน้าจะอึงแม่จึงห้าม ถ้าเจ้าเห็นเป็นสุขไม่ลุกลาม ก็ตามเถิดมารดาจะคลาไคล (เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน) จากบทประพันธ์แสดงถึงลักษณะนิสัยของนางวันทอง จะเห็นได้ว่านางเป็นคนที่รักลูกมาก เมื่อลูกบุกขึ้นเรือนผู้อื่นใน ยามวิกาลก็วิตกว่าลูกจะได้รับอันตรายและมีความผิด แต่เมื่อลูก ตัดพ้อ ว่านางคงไม่รักลูก นางก็รู้สึกเสียใจแล้วจึงยอมตามลูกไป เพราะเห็นแก่ความสุขของลูก
แบบฝึกหัด การอ่านวรรณคดี 1. จงอธิบายความสำคัญของวรรณคดีมาพอสังเขป ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. 2. แนวทางในการอ่านวรรณคดี มีแนวทางการอ่านอย่างไรบ้างจงอธิบาย ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. 3. บรรยายโวหารคืออะไรจงอธิบายและยกตัวย่างประกอบ ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. .................................................................................................................
4. จงยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่มีการใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์ ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. 5. คุณค่าด้านเนื้อหา องค์ประกอบของเรื่องประกอบด้วยอะไรบ้าง ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. 6.ร้อยแก้วคืออะไรจงอธิบายพอสังเขป ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. 7.ร้อยกรองคืออะไรจงอธิบายพอสังเขป ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. .................................................................................................................
8. หลักการวิจักษ์วรรณคดีที่สำคัญมีอะไรบ้าง ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. 9. จงอธิบายการสรรคำพร้อมยกตัวอย่างประกอบ ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. 10. จงยกตัวอย่างคำประพันธ์ที่มีการเลียนเสียงธรรมชาติ ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. .................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: