Soil and water laboratory

นฤมล บญุ กระจา่ ง สาขาวชิ าวศิ วกรรมเกษตรและเทคโนโลยี คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตะวนั ออกปฏบิ ตั ิการอนุรักษ์ดินและนา้ รายวชิ าหลกั การอนรุ ักษ์ดนิ และนา้

บทท่ี 3 ความรุกแรงของฝนทม่ี ตี ่อดินวตั ถุประสงค์ 1. อธิบายอิทธิผลของฝนที่มีต่อการกระจายตวั ของดินได้ 2. เขา้ ใจความรุกแรงของฝนท่ีมีต่อดินได้อุปกรณ์ 1.ถาดกน้ ลึก 2. กระดาษหนงั สือพิมพ์ 3.นาฬิกาจบั เวลา 4.เคร่ืองชง่ั ไฟฟ้า 5.ขวดฉีดน้าวธิ ีการทดลอง 1. ใส่ดินลงในถาดกน้ ลึก จากน้นั นากระบอกฉีดน้า ที่ผา่ นการชง่ั น้าหนกั แลว้ ฉีดลงบนดิน โดยปรับให้ หวั ฉีดอยใู่ นระดบั เบา จบั เวลา 3 นาที 2. ทาเช่นเดียวกนั กบั ขอ้ 1 แต่เปลี่ยนระดบั หวั ฉีดใหแ้ รงข้ึน เป็นแรงสุด 3. ทาเช่นเดียวกนั กบั ขอ้ 1 แต่บนดินใหป้ ักไมไ้ วโ้ ดยรอบ และปรับหวั ฉีดใหม้ ีความแรงสุด 4. ทุกคร้ังที่ทาการทดลองถ่ายภาพเกบ็ เพื่อใช่ประกอบการสรุปผลการทดลองกิจกรรม 1. สงั เกตความรุนแรงของการฉีดน้าที่มีผลต่อลกั ษณะหนา้ ดิน 2. เปรียบเทียบผลการทดลองในขอ้ 1กบั 2 และ2 กบั 3 3. ทารายงาน

ขอ้ ท่ี 1 ภาพแสดงการฉีดท่ีดว้ ยฉีดแบบเบาจะเห็นวา่ การฉีดแบบเบาจะไมท่ าใหด้ ินมีการกระจายตวัไมเ่ ทา่ ไหร่ และทาใหต้ ะกอนดินไหลออกมานอ้ ยขอ้ ที่ 2 ภาพแสดงการฉีดท่ีดว้ ยฉีดแบบแรงจะเห็นวา่ การฉีดแบบแรงจะทาให้ดินมีการกระจายตวัและทาใหต้ ะกอนดินไหลออกมาเยอะกวา่ อนั แรก

ขอ้ ท่ี 3 ภาพแสดงการฉีดท่ีดว้ ยฉีดแบบแรงที่มีการปักไมไ้ วจ้ ะเห็นวา่ การฉีดแบบแรงท่ีมีการปักไม้ไวจ้ ะทาใหด้ ินไมม่ ีการกระจายตวั และทาใหต้ ะกอนดินไหลออกมานอ้ ยกวา่ อนั แรกขอ้ ท่ี 4 ภาพแสดงการเปรียบเทียบการฉีดท่ีดว้ ยฉีดแบบเบาและแรงจะเห็นวา่ การฉีดแบบแรงจะทาให้ดินมีการกระจายตวั และทาให้ตะกอนดินไหลออกมาเยอะและการฉีดแบบเบาจะไม่ทาให้ดินมีการกระจายตวั ไมเ่ ทา่ ไหร่ และทาใหต้ ะกอนดินไหลออกมานอ้ ย

ขอ้ ที่ 5 ภาพแสดงการฉีดที่ดว้ ยฉีดแบบแรงท่ีมีการปักไมไ้ วแ้ ละฉีดแบบเบาจะเห็นว่าการฉีดแบบแรงที่มีการปักไมไ้ วจ้ ะทาให้ดินไม่มีการกระจายตวั และทาให้ตะกอนดินไหลออกมาน้อยกว่าอนัแรกและการฉีดแบบเบาจะไม่ทาให้ดินมีการกระจายตวั ไม่เท่าไหร่ และทาให้ตะกอนดินไหลออกมานอ้ ย ก็เพราะว่าอนั ที่ปักไมไ้ วม้ ีการบงั หรือกนั น้าไม่ให้ไปโดนดินโดยตรงทาให้ตะกอนมีนอ้ ยกวา่ 2อนั แรกตารางแสดงค่าอตั ราการไหล การทดลองการฉดี น้าใสด่ นิการทดลอง เวลาที่ กอ่ น หลงั ปรมิ าณน้าทเ่ี หลอื อตั ราการไหล 1 ใช ้ 718.49 453.27 265.22 8.841 2 742.14 435.31 306.83 3 30 624.36 304.75 319.61 10.228 30 695.00 397.78 297.22 10.654 คา่ เฉลยี่ 30 28.44 SD 30 62.31 81.06 9.91 0.95 0

รายช่ือคนในกลุ่ม 1 จอกแกว้ รหสั นกั ศึกษา 015940131007-7 นาย ชวลิต อ่าแห รหสั นกั ศึกษา 015940131003-6 นางสาว สุนารี บุญเพง็ รหสั นกั ศึกษา 015940131002-8 นางสาว จิรวรรณ เตียววณิชกุล รหสั นกั ศึกษา 015940131001-0 นาย จตุพร แพง่ ศิริ รหสั นกั ศึกษา 015930131005-2 นาย เชิดศกั ด์ิ กลา้ สมุทร รหสั นกั ศึกษา 015930131002-2 นาย ทิวตั ถ์

บทที่ 4 อทิ ธิพลของควาลาดเอยี งทม่ี ตี ่อดินเมื่อเกดิ ฝนตกวตั ถุประสงค์ 3. อธิบายอิทธิผลของความลาดเอียงของพ้ืนท่ีมีต่อดินเมื่อเกิดฝนตกได้ 4. เขา้ ใจความรุกแรงของความลาดเอียงที่มีผลกระทบต่อดินเมื่อเกิดฝนตกได้อุปกรณ์ 1.ถาด 2. กระดาษหนงั สือพิมพ์ 3.นาฬิกาจบั เวลา 4.เคร่ืองชงั่ ไฟฟ้า 5.ขวดฉีดน้าวธิ ีการทดลอง 5. ใส่ดินลงในถาดกน้ ลึก จากน้นั นากระบอกฉีดน้า ที่ผา่ นการชงั่ น้าหนกั แลว้ ฉีดลงบนดิน โดยปรับให้ หวั ฉีดอยใู่ นระดบั เบา จบั เวลา 3 นาที 6. ทาเช่นเดียวกนั กบั ขอ้ 1 แตเ่ ปลี่ยนลกั ษณะการวางถาดดินใหเ้ อียงเลก็ นอ้ ย วดั มุมเอียงของถาด จากน้นั ฉีดน้าลงบนถาดดิน จบั เวลา 3 นาที 7. ทาเช่นเดียวกนั กบั ขอ้ 2 แตเ่ พิ่มมุมเอียง 8. ทาเช่นเดียวกบั ขอ้ 3 แต่ดินใหป้ ักกิ่งไมไ้ วโ้ ดยรอบ 9. ทุกคร้ังที่ทาการทดลองถ่ายภาพเก็บ เพื่อใช่ประกอบการสรุปผลการทดลอง 10. คานวณ อตั ราการใหน้ ้า โดยใชส้ ูตรกจิ กรรม 4. สังเกตความรุนแรงของการฉีดน้าท่ีมีผลต่อลกั ษณะหนา้ ดิน 5. เปรียบเทียบผลการทดลองในขอ้ 1กบั 2 และ2 กบั 3 และขอ้ 3 กบั 4 6. ทารายงาน

รูปท่ี 1 นาดินใส่ถาด และกดดินเพม่ิ ความหนาแน่นใหก้ บั หนา้ ดินรูปท่ี 2 วดั ความลึกของดิน และทาการชงั่ น้าหนกั ดินและน้าก่อนการทดลอง รูปท่ี 3 การฉีดน้าลงหนา้ ดิน จบั เวลา 3 นาที

รูปท่ี 4 การเปรียบเทียบก่อนและหลงั การทดลองที่ 1 จะเห็นไดว้ า่ มีการกระจายของหนา้ดิน ที่เกิดจากการฉีดน้า รูปที่ 5 การเปรียบเทียบก่อนและหลงั การทดลองที่ 1 และ 2 จะเห็นไดว้ ่ามีความแตกต่างกนั ระหวา่ ง 1 และ 2 โดยการทดลองที่ 2 มีความลาดเอียง 7 องศา มีการกระจาย และการชะลา้ งพงั ทลายของหนา้ ดินมากกวา่ อนั ที่ 1 เนื่องจากระนาบพ้นื ที่มีองศาที่แตกตา่ งกนั รูปที่ 6 การเปรียบเทียบการทดลอง 2 และ 3 จะเห็นไดว้ า่ มีความแตกต่างกนั ระหวา่ ง 2และ 3 โดยการทดลองท่ี 2 มีความเอียง 7 องศา และ การทดลองท่ี 3 มีความเอียง 17 องศา ทาให้การทดลองที่ 3 มีการกระจายและการพงั ทลายของหนา้ ดินมากกวา่ การทดลองท่ี 2

รูปที่ 7 ทาการปักกิ่งไมโ้ ดยรอบถาดทดลอง เพ่ือทาการทดลอง ที่ 4 โดยทามุมเอียง 17องศา เทา่ กบั การทดลองที่ 3 รูปที่ 8 การเปรียบเทียบการทดลองท่ี 3 และ 4 โดยมีความเอียง 17 องศาเท่ากนั จะเห็นได้วา่ มีความแตกต่างกนั ระหวา่ ง 3 และ 4 จะเห็นไดช้ ดั เจนวา่ การทดลองที่ 3 จะมีการกระจายและการพงั ทลายของหนา้ ดินมากกวา่ อนั ที่ 4 ถึงจะมีความลาดเอียงเท่ากนั ก็ตาม เน่ืองจากการทดลองที่ 4 มีกิ่งไมป้ ักอยูโ่ ดยรอบถาดการทดลองจึงมีการกระจายและพงั ทลายของหน้าดินน้อยกวา่ ทุกๆ การทดลอง เช่นเดียวกบั การปลูกตน้ ไม้ รูปที่ 9 ทาการชงั่ น้าหนกั หลงั การทดลองทุกๆ คร้ัง และทาการจดบนั ทึก

ตารางแสดงค่าอตั ราการไหลการทดลอง เวลาที่ใช้ การทดลองการฉีดน้าใส่ดิน อตั ราการไหล ก่อน หลงั ปริมาณน้าที่เหลือ 1 30 8.841 2 30 718.49 453.27 265.22 10.228 742.14 435.31 306.83 3 30 10.654 คา่ เฉลี่ย 30 624.36 304.75 319.61 9.91 0 695.00 397.78 297.22 0.95 SD 62.31 81.06 28.44สมาขกิ กลุ่ม 1 จอกแกว้ รหสั นกั ศึกษา 015940131007-7 นาย ชวลิต อ่าแห รหสั นกั ศึกษา 015940131003-6 นางสาว สุนารี บุญเพง็ รหสั นกั ศึกษา 015940131002-8 นางสาว จิรวรรณ เตียววณิชกุล รหสั นกั ศึกษา 015940131001-0 นาย จตุพร แพง่ ศิริ รหสั นกั ศึกษา 015930131005-2 นาย เชิดศกั ด์ิ กลา้ สมุทร รหสั นกั ศึกษา 015930131001-1 นาย ทิวตั ถ์