ใบความรทู้ ่ี 1 เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ Information Technology เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) คือ การประยกุ ตค์ วามรทู้ างด้านวิทยาศาสตรเ์ พ่ือนามาจดั การสารสนเทศที่ต้องการ โดยอาศยั เทคโนโลยีสมยั ใหม่ และความร้กู ระบวนการดาเนิ นงานสารสนเทศตงั้ แต่ ขนั้ ตอนการ แสวงหา การวิเคราะห์ การจดั เกบ็ ตลอดจนถงึ การเผยแพร่สารสนเทศ เพอ่ื เป็นการเพ่ิม ประสิทธิภาพ ความถกู ต้อง ความแม่นยา และความรวดเรว็ ต่อการนามาใช้ประโยชน์ องคป์ ระกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ 1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Computer Technology) คอมพิวเตอร์ คือ อปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกสอ์ ย่างหน่ึงที่มคี วามสามารถในการคานวณ อตั โนมตั ิตามชุดคาสงั ่ สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้กบั ปัญหาเลก็ จนถงึ ปัญหาใหญ่ได้ โดยมีกระบวนการทางาน ตงั้ แต่การรบั ข้อมลู เข้า (Input) เพ่ือทาการประมวลผล (Process) และนามาแสดงผลลพั ธ์ (Output) ตลอดจนถงึ การเกบ็ ข้อมลู (Storage) 2. เทคโนโลยีการส่ือสารและโทรคมนาคม เป็ นองคป์ ระกอบที่ทาหน้าท่ีเผยแพร่ แลกเปลี่ยนสารสนเทศไปยงั ผ้ทู ี่ ต้องการในแหล่งต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวดเรว็ ถกู ต้อง ครบถว้ น และทนั สถานการณ์ โดยสารสนเทศในปัจจบุ นั มีหลากหลายรปู แบบท่ีใช้ในการแลกเปลี่ยนซ่ึงกนั
ใบความรทู้ ี่ 2 ภยั คกุ คามต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ภยั คกุ คามต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ภยั คกุ คามทางระบบฮารด์ แวร์ (Hardware Security Threats) คือ ภยั ท่ีมีต่อระบบการจ่ายไฟฟ้า ภยั ที่เกิดจากการทาลายทางกายภาพโดยตรงต่อ ระบบคอมพิวเตอรน์ ัน้ ๆ และภยั จากการลกั ขโมยโดยตรง ภยั คกุ คามทางระบบซอฟตแ์ วร์ (Software Security Threats) การลบซอฟตแ์ วรห์ รอื การลบเพียงบางส่วนของซอฟตแ์ วรน์ ัน้ ๆ การขโมยซอฟตแ์ วร์ (Software Theft) การเปล่ียนแปลงแก้ไขซอฟตแ์ วร์ (Software Modification) ภยั คกุ คามต่อระบบเครือข่ายและการสื่อสาร (Network System Security Threats) เป็ นภยั คกุ คามท่ีมีผลทาให้ระบบของเครอื ข่ายและการสื่อสารขดั ข้อง ไม่สามารถใช้ งานระบบเครือข่ายและการส่ือสารได้ รวมทงั้ การเข้าถงึ อปุ กรณ์เครือข่ายเพ่ือ ปรบั แต่ง และแก้ไขการทางานโดยไม่ได้รบั อนุญาต ภยั คกุ คามท่ีมีต่อระบบข้อมลู (Data Threats) เป็นภยั คกุ คามท่ีทาให้ข้อมูลที่เป็ นส่วนตวั หรือเป็ นนความลบั ถกู เปิ ดเผยโดยไม่ได้รบั อนุญาต การเปล่ียนแปลง แก้ไข ลบ หรือนาข้อมูลใดๆไปใชช้ประโยชน์โดยไมได้รบั อนุญาต
ใบความรทู้ ่ี 3 รปู แบบภยั คกุ คามดา้ นขอ้ มูลในคอมพิวเตอร์ รปู แบบภยั คกุ คามด้านขอ้ มลู ในคอมพิวเตอร์ MALWARE โปรแกรมที่ถกู สรา้ งขนึ้ มาเพ่ือประสงคร์ า้ ยต่อเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ มลั แวรจ์ ะขโมยขอ้ มลู หรือ พยายามทาให้เครือ่ งท่ีติดตงั้ ซอฟตแ์ วรเ์ กิดความเสียหาย COMPUTER VIRUS คือ โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ่ีบุกรกุ เขา้ ไปในเคร่ืองคอมพิวเตอรโ์ ดยไม่ได้ รบั ความยินยอมจากผใู้ ช้ส่วนมากมกั จะมีประสงคร์ ้ายและสรา้ งความ เสียหายให้กบั ระบบของเครอ่ื งคอมพิวเตอรแ์ ละยงั สามารถแพรร่ ะบาดเข้า ส่รู ะบบคอมพิวเตอรอ์ ่ืนๆได้ด้วย COMPUTER WORM หนอนคอมพิวเตอร์ (computer worm) คือ โปรแกรมท่ีถกู สรา้ งขึน้ แล้วแพรก่ ระจายผา่ นระบบเน็ต เวิรก์ หรืออินเทอรเ์ น็ตผา่ นช่องโหว่ ของระบบปฏิบตั ิการเพอ่ื สร้างความเสียหาย ลบไฟล์ สร้างไฟล์ หรือขโมยข้อมูล โดยส่วน ใหญ่ แล้วหนอนคอมพิวเตอรจ์ ะแพร่กระจายผา่ น การส่งอีเมลท์ ี่แนบไฟลซ์ ่ึงมหี นอนคอมพิวเตอรอ์ ย่ไู ปยงั ชื่อผตู้ ิดต่อ ของเครอ่ื งที่โดนติดตงั้ TROJAN HORSE มา้ โทรจนั (Trojan horse) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ี่ถกู บรรจเุ ขา้ ไป ในคอมพิวเตอร์ เพื่อเกบ็ ข้อมลู หรือทาลายขอ้ มูลของคอมพิวเตอรเ์ ครอ่ื งนัน้ เช่น ข้อมูลช่ือผใู้ ช้ รหสั ผา่ น เลขท่ีบญั ชีธนาคาร หมายเลขบตั รเครดิต ขอ้ มูลส่วนบุคคลอื่นๆ SPYWARE คือ โปรแกรมที่ฝังตวั อยใู่ นคอมพิวเตอร์ ทาให้ทราบข้อมลู ของผใู้ ช้งาน โดยท่ีเจ้าของ เคร่อื งคอมพิวเตอรน์ ัน้ ไมท่ ราบวา่ มกี ารดกั ดขู ้อมลู อยู่
ใบความรทู้ ี่ 4 จรรยาบรรณในการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ จรรยาบรรณ ในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ จรรยาบรรณ คือ ประมวลความประพฤติที่ผปู้ ระกอบอาชีพการงานกาหนดขึน้ จรรยาบรรณในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดงั นี้ 1. ไม่ใช้คอมพิวเตอรเ์ พื่อก่ออาชญากรรมหรอื ละเมิดสิทธิผอู้ ่ืน 2. ไม่ใช้คอมพิวเตอรร์ บกวนการผ้อู ่ืน 3. ไม่ทาการสอดแนม แก้ไข หรือเปิ ดดไู ฟลข์ องผ้อู ่ืนก่อนได้รบั อนุญาต 4. ไม่ใช้คอมพิวเตอรใ์ นการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร 5. ไม่ใช้คอมพิวเตอรส์ ร้างหลกั ฐานเทจ็ 6. ไม่ใช้คอมพิวเตอรใ์ นการคดั ลอกโปรแกรมที่มีลิขสิทธ์ิ 7. ไม่ใช้คอมพิวเตอรใ์ นการละเมิดการใช้ทรพั ยากรคอมพิวเตอรโ์ ดยท่ีตนเองไม่มีสิทธ์ิ 8. ไม่ใช้คอมพิวเตอรเ์ พ่ือนาเอาผลงานของผอู้ ่ืนมาเป็นของตน 9. คานึงถงึ ผลของการกระทาที่จะเกิดขึน้ กบั สงั คม 10. ใช้คอมพิวเตอรโ์ ดยเคารพกฎระเบยี บ กติกา และมารยาท
ใบความรทู้ ี่ 5 สญั ญาอนุญาต (Creative Commons : CC) Creative Commons หรอื CC สญั ญาอนุญาตครเี อทีฟคอมมอนส์ เป็นสญั ลกั ษณ์ในการเผยแพรผ่ ลงานทงั้ ภาพ เสียง ขอ้ มูล งาน ศิลปะหรอื สารสนเทศ ต่าง ๆ ท่ีง่ายต่อการถกู ละเมิดลิขสิทธ์ิ ให้ สามารถนาข้อมลู หรือสารสนเทศเหล่านัน้ ไปใช้งาน ได้โดยไม่ จาเป็นต้องขออนุญาตเจา้ ของผลงานอีก สญั ลกั ษณ์การประกาศสญั ญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (CC)
ใบความรทู้ ี่ 6 ประเภทของขอ้ มูล ประเภทของข้อมลู ชนิดข้อมลู แบง่ ตามแหล่งท่ีมา มี 2 ชนิ ด คือ ข้อมลู ปฐมภมู ิ (Primary data) คอื ขอ้ มูลทเ่ี กบ็ รวบรวมมาจากแหลง่ ขอ้ มลู ขนั้ ตน้ หรอื ไดม้ าจากแหลง่ ขอ้ มลู โดยตรง เชน่ ขอ้ มลู นกั เรยี นทไ่ี ดม้ าจากการตอบแบบสอบถาม การสารวจ การสมั ภาษณ์ การวดั การสงั เกต การทดลอง เป็นตน้ ซ่งึ ขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ะมคี วามถูกตอ้ ง ทนั สมยั และเป็นปัจจุบนั ขอ้ มลู ทตุ ิยภมู ิ (Secondary data) คอื ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากแหล่งทร่ี วบรวมขอ้ มลู ไวแ้ ลว้ โดยผหู้ น่งึ ผใู้ ด หรอื หน่วยงานไดท้ าการเกบ็ รวบรวมหรอื เรยี บเรยี งไว้ ซ่งึ ขอ้ มลู สามารถนามาใชอ้ า้ งองิ ไดเ้ ลย เชน่ ขอ้ มลู สามะโนประชากร จากสานกั งานสถติ ิ แห่งชาติ ขอ้ มูลปรมิ าณน้าฝน จากกรมชลประทาน เป็นตน้ ชนิดข้อมูลแบง่ ตามรปู แบบการแทนข้อมลู มี 4 ชนิ ด คอื ข้อมูลชนิดตวั เลข (Numeric data) ขอ้ มลู ทส่ี ามารถนาไปคานวณได้ อาจอยใู่ นรปู ของจานวน เตม็ ทศนยิ ม เศษสว่ น ข้อมลู ชนิดตวั อกั ษร/อกั ขระ (Character data) ขอ้ มลู ทไ่ี มส่ ามารถนาไปคานวณได้ แตอ่ าจ นาไปเรยี งลาดบั ได้ เชน่ ช่อื ทอ่ี ยู่ เบอร์ โทรศพั ท์ เลขประจาตวั ประชาชน หมายเลข โทรศพั ท์ ข้อมูลชนิดตวั อกั ษรเลข (Alphanumeric data) ขอ้ มลู ทม่ี ที งั้ ตวั อกั ษร (อกั ษรภาษาองั กฤษ) ตวั เลข และตวั สญั ลกั ษณ์พเิ ศษ ข้อมลู ชนิดมลั ติมีเดีย (Multimedia data) ขอ้ มลู ทม่ี ที งั้ ภาพ เสยี ง ขอ้ ความปนกนั
ใบความรทู้ ี่ 7 การรวบรวมขอ้ มูล การรวบรวมข้อมลู วิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมูลปฐมภมู ิ 1. การสงั เกตการณ์ (Observation) เป็นวธิ กี ารเกบ็ ขอ้ มลู การสงั เกตโดยตรงจากปฏกิ ริ ยิ า ทา่ ทาง เหตุการณ์ หรอื ปรากฏการณ์ท่ี เกดิ ขน้ึ ในขณะใดขณะหน่ึง และจดบนั ทกึ ไว้ โดยไมม่ กี ารสมั ภาษณ์ 2. การสมั ภาษณ์ (Interview) เป็นวธิ กี ารสมั ภาษณ์ผใู้ หค้ าตอบ และบนั ทกึ คาตอบลงในแบบสอบถาม ผูส้ มั ภาษณ์สามารถชแ้ี จง อธบิ ายใหผ้ ตู้ อบเขา้ ใจในคาถามได้ ทาใหไ้ ดร้ บั คาตอบตรงตามวตั ถุประสงค์ 3. การทดลอง (Experiment) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากการทดลอง เป็นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทต่ี อ้ งมกี ารทดลอง หรอื ปฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่ตี อ้ งการ วิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ทตุ ิยภมู ิ สว่ นใหญ่มกั จะอยใู่ นรูปหนังสอื รายงาน บทความ หรอื เอกสารต่างๆ ควรจะดาเนินการ ดงั น้ี 1. พจิ ารณาตวั บคุ คลผเู้ ขยี นรายงาน บทความหรอื เอกสาร เป็นผมู้ คี วามรแู้ ละมคี วามเช่ยี วชาญในเร่อื งท่เี ขยี นพอท่จี ะเชอ่ื ถอื ไดห้ รอื ไม่ 2. ควรเกบ็ รวบรวมมาจากหลาย ๆ แหลง่ เพ่อื ใชใ้ นการเปรยี บเทยี บวา่ ขอ้ มลู ท่ตี อ้ งการมคี วามผดิ พลาดบา้ งหรอื ไม่ 3. พจิ ารณาจากลกั ษณะของขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการเกบ็ รวบรวมว่าเป็นขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ ง ครบถว้ น และสมบูรณ์ 4. ถา้ ขอ้ มลู ท่จี ะเกบ็ รวบรวมไดม้ าจากการสารวจจากกลมุ่ ตวั อยา่ ง หรอื ตอ้ งผ่านขนั้ ตอนการวเิ คราะหโ์ ดยใชว้ ธิ กี ารทางสถติ มิ ากอ่ น ควร ตอ้ งตรวจสอบวธิ กี ารท่ใี ชใ้ นการเลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ ง และวธิ กี ารวเิ คราะหว์ ่าเหมาะสมท่จี ะใช้หรอื ไม่ วิธีการสืบค้นข้อมูลบนเวบ็ ไซต์ (Search Engine) เสิรช์ เอนจิน (search engine) หรอื โปรแกรมคน้ หาขอ้ มลู คอื โปรแกรมทช่ี ่วยในการสบื คน้ หาขอ้ มลู โดยครอบคลมุ ทงั้ ขอ้ ความ รูปภาพ ภาพเคลอ่ื นไหว เพลง ซอฟตแ์ วร์ แผนท่ี ขอ้ มลู บุคคล กลุ่มขา่ ว และ อ่นื ๆ ซง่ึ แตกตา่ งกนั ไปแลว้ แต่โปรแกรมหรอื ผใู้ หบ้ รกิ ารแตล่ ะราย เสริ ช์ เอนจนิ สว่ นใหญ่จะคน้ หาขอ้ มลู จากคาสาคญั (Keyword) ท่ผี ใู้ ชป้ ้อนเขา้ ไป จากนนั้ กจ็ ะแสดงรายการผลลพั ธท์ ่มี นั คดิ ว่าผใู้ ชน้ ่าจะตอ้ งการ ขน้ึ มา
ใบความรทู้ ี่ 8 การรวบรวมขอ้ มูล INFORสMาAรTสIOนN เทศ สารสนเทศ (Information) คอื การทาขอ้ มลู มาผา่ นระบบการประมวลผล วเิ คราะหส์ รุปผลดว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ แลว้ เกบ็ รวบรวมไว้ เพ่อื นามาใชป้ ระโยชน์ตามตอ้ งการ ระบบสารสนเทศ (Information System หรอื IS) คอื ระบบของการจดั เกบ็ ประมวลผลขอ้ มลู โดยอาศยั บุคคลและเทคโนโลยสี ารสนเทศในการ ดาเนนิ การ เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ารสนเทศทเ่ี หมาะสมกบั งาน องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ ข้อมลู และ บคุ ลากร กระบวน Hardware Software สารสนเทศ People การทางาน Process Information
ใบความรทู้ ี่ 9 แนวคิดเชิงนามธรรม ABSTRACT THINKING แนวคิดเชิงนามธรรม แนวคิดเชิงนามธรรม (abstract thinking หรอื abstraction) เป็นองคป์ ระกอบหน่งึ ของแนวคดิ เชงิ คานวณ (computational thinking) ใชก้ ระบวนการคดั แยกคุณลกั ษณะทส่ี าคญั ออกจากรายละเอยี ดปลกี ยอ่ ย ในปัญหา หรอื งานทก่ี าลงั พจิ าณา เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทจ่ี าเป็นและเพยี งพอ ในการแกป้ ัญหา วิธีการใช้แนวคิดเชิงนามธรรม พิจารณาข้อมลู ทงั้ หมดท่ีได้ คดั เลือกข้อมูลที่จาเป็ นต่อการแก้ปัญหาออกจากข้อมูล ที่ไม่จาเป็ น นาข้อมูลท่ีจาเป็น ไปแก้ไขปัญหา ตวั อยา่ ง การใช้แนวคิดเชิงนามธรรมในการแกป้ ัญหา 1. พิจารณาขอ้ มลู ทงั้ หมดท่ีได้ แผนทท่ี างดาวเทยี มประกอบดว้ ย เสน้ ทางจากตน้ ทางไปปลายทาง , ช่อื สถานทใ่ี กลเ้ คยี งทส่ี าคญั , บอก ถนนหรอื ซอย , สขี องตกึ หลงั คา , ตน้ ไมต้ ามมมุ ต่างๆ , ระยะทาง และเวลาทใ่ี ชใ้ นการเดนิ ทางดว้ ย รถยนต์ 2. คดั เลอื กข้อมลู ท่ีจาเป็นต่อการแก้ปัญหาออกจากขอ้ มลู ที่ไมจ่ าเป็น ขอ้ มลู ที่จาเป็นในการแก้ปัญหา คอื เสน้ ทางจากตน้ ทางไปปลายทาง, ช่อื สถานท่ใี กลเ้ คยี งท่สี าคญั , บอกถนนหรอื ซอย , ระยะทาง และเวลาทใ่ี ชใ้ นการเดนิ ทางดว้ ยรถยนต์ ขอ้ มลู ท่ีไม่จาเป็นในการแก้ปัญหา คอื สขี องตกึ หลงั คา , ตน้ ไมต้ ามมมุ ตา่ งๆ 3. นาขอ้ มลู ท่ีจาเป็น ไปแก้ไขปัญหา จากขอ้ 2 พบวา่ ภาพถ่ายทางดาวเทยี มมขี อ้ มูลทม่ี ากเกนิ ความจาเป็น ดงั นนั่ จงึ ตดั ขอ้ มูลท่ไี ม่จาเป็นออก ไดเ้ ป็นแผนท่ีเส้นทาง ซง่ึ แสดงเฉพาะขอ้ มลู ท่จี าเป็น ทาใหอ้ า่ ยง่าย สบายตา และจดจาไดง้ า่ ย
ใบความรทู้ ่ี 10 การเขียนอลั กอริทึมดว้ ยรหสั จาลอง (Pseudo Code) Pseudo Code การเขียนโปรแกรมในรปู แบบภาษาองั กฤษ ท่ีมขี นั้ ตอนและรปู แบบแน่นอนกะทดั รดั โดยถกู พฒั นามาจากการอธิบายลาดบั ขนั้ ตอน ในลกั ษณะของขอ้ ความ (Algorithm) และจะเขยี นเลียนแบบคาสงั ่ จริง Pseudo Code ความหมาย เริ่มต้น BEGIN หรอื START จบคาสงั ่ แสดงผลข้อมลู STOP หรือ END เคร่อื งหมายใช้ในการคานวณ กาหนดค่า PRINT, WRITE, OUTPUT, DISPLAY เปรยี บเทียบและทางเลือก +,-,*,/,^ การทาซา้ SET, = IF..THEN..ELSE..ENDIF, CASE..OF..ENDCASE DO..WHILE, WHILE..DO..ENDWHILE, REPEAT..UNTIL, และ FOR.. ENDFOR
ตวั อย่าง เร่ิมต้น แม่ให้เงินมาโรงเรียน 50 บาท ซื้อขนมหน้าโรงเรียนไป 15 บาท ซื้อน้าไป 5 บาท แสดงเงินคงเหลือ จบการทางาน BEGIN SET Mon = 50 Mon = Mon - 15 Mon = Mon - 5 DISPLAY Mon END
ใบความรทู้ ่ี 11 การเขียนโปรแกรมเบ้อื งต้น การเขียนโปรแกรมเบือ้ งต้น การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผเู้ ขียนโปรแกรมจะต้อง เข้าใจหลกั เกณฑข์ องภาษาโปรแกรม และระบบการทางาน ของคอมพิวเตอร์ ว่ามีโครงสร้างและวิธีการใช้คาสงั่ อย่างไร การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีหลกั เกณฑก์ ารเขียนโปรแกรม 4 ขนั้ ตอน ดงั นี้ กาหนดปัญหา/วิเคราะหป์ ัญหา (Analysis the problem) ออกแบบโปรแกรม (Design a program) เขียนโปรแกรม (Coding) ทดสอบโปรแกรม (Testing)
ใบความรทู้ ี่ 12 การออกแบบโปรแกรม (Design a program) DESIGN A PROGRAM การออกแบบโปรแกรม การออกแบบโปรแกรมเป็ นการแสดงลาดบั ของการทางานของโปรแกรม เพอ่ื ให้เหน็ ภาพรวม ของการทางานของขนั้ ตอนทงั้ หมด และเป็ นการวางแผนการทางานไว้ล่วงหน้ า สามารถใชว้ ธิ กี ารตา่ งๆ ไดด้ งั น้ี การออกแบบโปรแกรม โดยใช้ อลั กอริธึม (Algorithm) การออกแบบโปรแกรมโดยใช้ ภาษาธรรมชาติ (Natural language) การออกแบบโปรแกรมโดยใช้ รหสั จาลอง (Pseudo Code) การออกแบบโปรแกรมโดยใช้ ผงั งาน (Flowchart) การออกแบบส่วนติดต่อผใู้ ช้ (User Interface) ซอฟต์แวร์ ทท่ี าหน้าทเ่ี ป็นตวั กลางในการจดั การส่อื ประสาน ทจ่ี ะนาเสนอผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากการประมวลผลของระบบสนบั สนุน การตดั สนิ ใจไปยงั ผใู้ ชใ้ นรปู แบบต่างๆ ทเ่ี หมาะสม โดยจะตดิ ต่อกบั ระบบจดกั ารฐานขอ้ มลู ระบบจดั การฐานแบบจาลอง และ ระบบจดั การฐานองคค์ วามรู้ เพ่อื นาขอ้ มลู ทป่ี ระมวลผล ไดต้ ามคาสงั่ ของ ผใู้ ชม้ าแสดงผล
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: