Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติเมืองนครศรีธรรมราช

ประวัติเมืองนครศรีธรรมราช

Description: เรื่อง พัฒนาการของการจัดการศึกษา
ในจังหวัดนครศรีธรรมราช

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 8 การจดั การศกึ ษา เรอ่ื ง พัฒนาการของการจัดการศกึ ษา ในจงั หวัดนครศรธี รรมราช สำนักงำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำเขตนครศรธี รรมรำช สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร

คำนำ หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Book) นี้ จดั ทำขึน้ เพื่อ ประกอบกำรเรียนกำร สอน\"หลกั สตู รนครศรีธรรมรำชศึกษำ“ ผู้จดั ทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติศำสตร์กำรศึกษำของจงั หวดั นครศรีธรรมรำช พรอ้ มทั้งแหลง่ เรยี นรู้ ในท้องถิน่ เพือ่ ใหน้ กั เรียนไดม้ ีควำมรคู้ วำมเข้ำใจในเนื้อหำมำกยิ่งขี้น คณะผู้จดั ทำหวงั เปน็ อยำ่ งย่งิ วำ่ จะเปน็ ประโยชน์แก่นกั เรยี นและผู้สนใจ ได้ไม่มำกกน็ ้อย สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

สำรบญั 1 ยคุ การศึกษาสมยั โบราณ 2 ยคุ ปฏิรปู การศึกษาแบบแผนใหม่ 3 ยุคสมัยหลังการเปลย่ี นแปลงการ ปกครอง พ.ศ. 2475 4 ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษา ในจงั หวดั นครศรีธรรมราช สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

หน่วยที่ 1 พัฒนาการของการจัดการศึกษาในจงั หวัดนครศรธี รรมราช 1 ยุคการศึกษาสมยั โบราณ กำรจัดกำรศึกษำของจังหวดั นครศรีธรรมรำชมีพฒั นำกำรมำตง้ั แตส่ มัยโบรำณ เรือ่ ยมำจนกระทงั่ ถึงปัจจบุ ัน ดว้ ยควำมเชือ่ ท่วี ่ำกำรศึกษำจะสำมำรถกำหนดทิศทำงของ มนุษย์ เพือ่ พฒั นำศกั ยภำพให้มีควำมพรอ้ มทจ่ี ะเป็นกำลังสำคัญสำหรบั กำรพฒั นำ ประเทศชำติให้เจริญก้ำวหน้ำ ซึง่ ในอดีตนน้ั สันนษิ ฐำนว่ำจังหวัดนครศรีธรรมรำชได้มีกำร จดั กำรศึกษำ 3 รูปแบบ ดังตอ่ ไปนี้ 1.1 การศึกษาวิชาชีพ ผชู้ ำยเรียนวิชำช่ำงที่จำเปน็ ในกำรดำรงชีวติ ผู้หญิงเรยี นวิชำงำนบ้ำนงำนเรือน นอกจำกนีย้ งั มี งำนช่ำงถม ซึ่งเชอ่ื ว่ำได้รบั ควำมรมู้ ำจำกชำวโปรตุเกสที่เข้ำมำติดตอ่ ค้ำขำยกับชำวเมอื ง นครศรธี รรมรำชในรชั สมยั ของสมเด็จพระรำมำธิบดีที่ 2 แห่งกรงุ ศรอี ยุธยำ บ้ำงกเ็ ช่อื ว่ำชำว นครศรธี รรมรำชได้ประดษิ ฐ์สร้ำงสรรคร์ ปู แบบและคิดค้นเทคนิคกำรทำถมขึ้นเอง เพื่อใช้สอยกนั ใน ครวั เรือนหรือในชีวติ ประจำวัน จำกนั้นจงึ ได้พัฒนำฝมี อื จนกลำยเป็นเอกลกั ษณ์ประจำถิน่ 1.2 การศึกษาวิชาหนงั สือเรยี น มุ่งเน้นเฉพำะผชู้ ำย เนือ่ งจำกต้องอำศัยพืน้ ทีว่ ัดเปน็ สถำนที่เรียน โดยมีพระสงฆ์เปน็ ครู เชน่ วัด ท่ำโพธิ์ และวดั ตำมตำบลต่ำง ๆ ซึง่ มีกำรเขียนตำรับตำรำลงในสมุดข่อยหรือหนังสอื บุด 1.3 การศึกษาวิชาการดารงชีวติ นับเป็นกำรศึกษำอบรมทำงอ้อม โดยมีกลุ่มครอบครวั กลุ่มญำติ กลุ่มเพือ่ น และกลุ่มอำชีพ ซึ่ง เมื่อมนษุ ย์อยู่รว่ มกนั ในสงั คม จงึ จำเป็นต้องเรียนรู้กำรดำรงชีวติ ท้ังในด้ำนกำรประพฤติปฏิบัติตนตำม จำรตี ประเพณี วิถีประชำ กฎหมำย และศำสนำ กำรทำเครือ่ งถมในอดีต สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

2 ยุคปฏริ ูปการศกึ ษาแบบแผนใหม่ หำกกล่ำวถึงกำรศึกษำแบบแผนใหม่ในประเทศไทย ก็คงตอ้ งขอย้อนกลับไปมองถึงควำม เปลีย่ นแปลงที่มำพร้อมกบั ลัทธิจักรวรรดินิยม ทำให้ผู้นำของแต่ละประเทศตอ้ งปรบั ปรงุ ประเทศใน ด้ำนต่ำง ๆ อย่ำงเร่งดว่ น ซึง่ พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หวั (รชั กำลที่ 4) ได้ทำกำรติดตอ่ กบั ชำติตะวนั ตกอย่ำงกว้ำงขวำง อันเปน็ ผลมำจำกกำรทำสนธิสัญญำเบำว์ริง ในปี พ.ศ. 2398 และเนื่อง ด้วยพระองคท์ รงสนพระทยั ในภำษำอังกฤษเปน็ พิเศษ จงึ ตอ้ งกำรปรับเปลีย่ นนโยบำยกำรบริหำร บ้ำนเมือง โดยจ้ำงชำวต่ำงชำติมำเปน็ ครสู อนภำษำในพระรำชโอรสและพระรำชธิดำ โดยจดั ตั้ง โรงเรียนขึน้ ณ พระบรมมหำรำชวัง ต่อมำพระบำทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว (รชั กำลที่ 5) มีพระรำชดำริทรงปฏิรูป กำรศกึ ษำ เพือ่ ผลิตคนเข้ำรบั รำชกำร และเพิม่ พนู ควำมรแู้ ก่รำษฎร จงึ ได้มกี ำรจัดตงั้ โรงเรียนทหำร มหำดเล็กขึน้ ในปี พ.ศ. 2424 พร้อมจัดตั้งโรงเรียนสำหรับรำษฎรขึน้ เป็นครั้งแรกทีว่ ัดมหรรณพำรำม กรงุ เทพมหำนคร ในปี พ.ศ. 2427 จำกน้ันจงึ ได้มกี ำรจัดต้ังโรงเรยี นในมณฑลต่ำง ๆ จดุ เริม่ ต้นของการศึกษาแบบแผนใหม่ในเมืองนครศรธี รรมราช เมืองนครศรธี รรมรำชในสมยั รัชกำลที่ 5 เป็นส่วนหนึ่งของมณฑลนครศรธี รรมรำช ร่วมกบั เมือง สงขลำและเมืองพทั ลุง ซึ่งพระยำสขุ มุ นัยวินิต (ปัน้ สขุ ุม) สมุหเทศำภิบำลมณฑลนครศรธี รรมรำชได้มี ตรำคำสง่ั ถึงกรมกำรอำเภอทกุ แห่งในมณฑลนครศรธี รรมรำชให้รว่ มกนั อดุ หนนุ กำรศกึ ษำทกุ ตำบลและจัดกำรเร่ยี ไรรำษฎรตลอด ถึงผู้วำ่ รำชกำรเมอื งให้ช่วยออกทุนเพือ่ อุดหนุนโรงเรียนตำมควรแก่กำลัง เมืองนครศรธี รรมรำชนับเป็นเมืองแรกในมณฑลนครศรธี รรมรำชที่ได้ มีกำร ปรบั ปรุงระบบกำรศึกษำเข้ำสู่ระบบใหม่ ซึ่งพระศริ ธิ รรมมุนี เจ้ำคณะ และ ผอู้ ำนวยกำรศกึ ษำมณฑลนครศรธี รรมรำช ได้ดำเนินกำรโดยจัดประชมุ พระสงฆ์และข้ำรำชกำร จำกนั้นจงึ ออกเดินทำงไปตำมอำเภอและตำบลต่ำง ๆ พระศิริธรรมมุนี เพือ่ ตรวจดพู ื้นที่และเตรียมจดั ตง้ั โรงเรียน (มว่ ง รตนทฺธโช) สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

โรงเรียนในยุคแรกเริ่ม 1) โรงเรียนสุขมุ าภบิ าล ในปี พ.ศ. 2436 โรงเรียนวดั ท่ำโพธิ์ ได้แบ่งออกเปน็ 2 คณะ คือ โรงเรียนวิทยำภพิ ฑั ฒนำไลย สำหรับเรียน หนงั สือไทยตำมแบบหลวง และโรงเรียนปะริยตั ลำ ไลย สำหรบั เรียนหนังสอื บำลีไวยำกรณ์ตำมแบบเรียน ซึง่ พระ 6 เจ้ำน้องยำเธอ กรมหม่นื วชริ ญำณวรโรรส ทรงนพิ นธ์ ต่อมำในปี พ.ศ. 2442 โรงเรียนวัดท่ำโพธิ์ได้ยกฐำนะมำเปน็ โรงเรียนหลวงชือ่ “โรงเรียนสุขมุ ำภบิ ำล” มี พระมหำไว ป.เอก และพระจอน เป็นอำจำรย์ พระยำสขุ ุมนยั วินิตเป็นผอู้ ุปถมั ภ์ ต่อมำเปลีย่ นชอ่ื มำเปน็ โรงเรียนศรธี รรมรำช โดยมีควำมประสงค์จะให้เป็นโรงเรียนประจำจังหวดั จนกระทัง่ พ.ศ. 2456 ได้ เปลีย่ นชอ่ื มำเปน็ “โรงเรยี นเบญจมราชทู ิศ” 2) โรงเรียนราษฎรผ์ ดุงวทิ ยา รำษฎรในพืน้ ทีช่ ่วยกนั เรี่ยไรออกทนุ จัดตงั้ โรงเรียนข้ึนที่วัดพระนคร อำเภอกลำง (หมำยถึงอำเภอ เมืองนครศรธี รรมรำชในปจั จบุ นั ) มีพระครกู ำชำดเป็นผู้จดั กำร พระทอง พระเผือก และพระบึง้ มำศกึ ษำที่โรงเรียนวดั ท่ำโพธิเ์ พือ่ นำควำมรมู้ ำเป็นอำจำรย์ 3) โรงเรียนกระเษตราภสิ ิจน์ โรงเรียนเกษตรำภสิ ิจน์ใชพ้ ืน้ ที่ในวดั ร่อนนอกใกล้ทีว่ ่ำกำรอำเภอรอ่ นพิบลู ย์เปน็ ที่ทำกำรสอน มีขุน กระเษตรพำหนะเปน็ ผู้อุปถัมภ์ สันนิษฐำนว่ำคือโรงเรียนวัดพิศำลนฤมิตในปัจจุบนั 4) โรงเรียนนิตยาภิรมย์ โรงเรียนนิตยำภริ มย์ใชพ้ ืน้ ที่ในวัดโคกหมอ้ อำเภอทุ่งสง เป็นที่ทำกำรสอน นำยเทีย่ ง กรมกำรอำเภอเป็นผู้อปุ ถมั ภ์ ปจั จบุ นั คือโรงเรยี นเทศบำลวัดชยั ชุมพล นบั เปน็ โรงเรยี นแห่งแรกของอำเภอทุ่งสง ซึ่งได้ย้ำยมำตงั้ ในสถำนทีป่ จั จุบันเมือ่ ปี พ.ศ. 2463 สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

โรงเรียนในยุคแรกเริ่ม 5) โรงเรียนวิทยาคมนาคะวงษ์ โรงเรียนวิทยำคมนำคะวงษ์ใช้พ้ืนทีใ่ นวัดวงั มว่ ง อำเภอฉวำงเป็นที่ทำกำรสอน มีพระทองเป็นอำจำรย์ นำยนำค กรมกำรอำเภอเปน็ ผู้อุปถมั ภ์ 6) โรงเรียนไพบูลยบ์ ารุง โรงเรียนไพบูลยบ์ ำรงุ ใช้พืน้ ทีใ่ นวดั เสำธงทอง อำเภอเบีย้ ซดั (อำเภอปำกพนังในปจั จุบัน) เป็นทที่ ำกำรสอน มีพระชว่ ยและ พระจนั เปน็ อำจำรย์ หลวงพิบูลย์สมบัตินำยอำเภอเบยี้ ซัด นำยผัน ผพู้ ิพำกษำ ศำลแขวงเบี้ยซัด และพระทองเจ้ำอธิกำรวดั เสำธง ทอง เปน็ ผู้อุปถมั ภ์ นักเรียนประมำณ 21 คน ปัจจุบนั โรงเรียน ไพบูลย์บำรงุ กค็ ือโรงเรียนปำกพนงั 7) โรงเรียนวัฑฒนานกุ ูล โรงเรียนวฑั ฒนำนกุ ูลใช้พ้ืนที่ในวดั หมำย อำเภอกลำย (อำเภอท่ำศำลำในปจั จบุ ัน) เป็นทีท่ ำกำร สอน มีนำยแก้วพนกั งำนเก็บเงินค่ำนำ เป็นอำจำรย์ นำยเจรญิ (หลวงนวิ ำศวัฑฒนกิจ) กรมกำร อำเภอ เป็นผู้อุปถัมภ์ นกั เรียนประมำณ 25 คน 8) โรงเรียนอบุ ลวหิ าร โรงเรียนอบุ ลวิหำรใช้พ้ืนทีใ่ นวดั ใหม่ อำเภอสิชลเป็นที่ทำกำรสอน มีพระแก้วเป็นอำจำรย์ นำยบวั กรมกำรอำเภอเปน็ ผู้อปุ ถมั ภ์ สนั นิษฐำนว่ำคือโรงเรียนวัดประทุมทำยกำรำม (รัตนคุณำประชำนุสรณ์) ในปัจจุบัน 9) โรงเรียนทัศนาคารสโมสร โรงเรียนทศั นำคำรสโมสรใช้พืน้ ทีใ่ นวดั เขำนอ้ ย อำเภอสิชลเปน็ ที่ทำกำรสอน มีพระสงฆ์เจำ้ อธิกำร เป็นอำจำรย์ นำยทดั บิดำของพระวิเศษอกั ษรสำร เป็นผู้อุปถัมภ์ ต่อมำปี พ.ศ. 2446 ได้ย้ำยมำยงั วัดเสำเภำ สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

โรงเรียนในยุคแรกเริม่ 10) โรงเรียนบรรจงอนุกิตย์ โรงเรียนบรรจงอนุกิตยใ์ ช้พ้ืนที่ในวดั สำพนั ธ์ (สำมพนั ?) อำเภอพระแสง มีพระอธิกำรหนูเป็นอำจำรย์ ขนุ บรรจงสำรำเป็นผู้อุปถมั ภ์ ปจั จบุ ันคือโรงเรยี นวดั สำมพนั 11) โรงเรียนน้อยประดิษฐ์ผดุงผล โรงเรียนน้อยประดิษฐ์ผดงุ ผลใช้พ้ืนทีใ่ นวดั บ้ำนนำ อำเภอลำพูนเปน็ ทีท่ ำกำรสอน นำยน้อย กรมกำรอำเภอเปน็ ผู้อุปถมั ภ์ ภำยหลังได้มกี ำรจดั ต้ังโรงเรียนอีกมำกมำยหลำยแหง่ ไม่ว่ำจะเปน็ โรงเรียนวัดสวนป่ำน โรงเรียนวัดหน้ำรำหู โรงเรียนวัดเพชรจริก โรงเรียนวดั เสมำเมือง โรงเรียนวัดใหญ่ โรงเรียนวดั ศรี มงคล อำเภอเมอื ง โรงเรยี นจกั รำนกุ ูล วดั ป่ำกิ่ว อำเภอพรหมคีรี โรงเรยี นพิศำลนฤมิตร์ โรงเรยี น วัดร่อนพิบูลย์ อำเภอรอ่ นพิบลู ย์ โรงเรียนวดั นำควำรี (หลู ่อง) โรงเรียนวดั บำงพระ โรงเรียนปำก แพรก อำเภอปำกพนงั โรงเรียนวดั ท่ำซอม อำเภอหัวไทร โรงโรงเรียนวดั ท่ำสูง อำเภอท่ำศำลำ โรงเรียนวัดเสำเภำ อำเภอสิชล ตลอดจนโรงเรียนของพวกมิชชนั นำรี ดังน้ันจะเห็นได้ว่ำแม้ กำรศึกษำจะใช้ระเบียบแบบแผนใหม่ แต่กำรจดั กำรเรียนกำรสอนยังคงมีควำมสมั พันธ์กบั วดั (หรอื สถำนที่ทำงศำสนำ) อันเปน็ ศนู ย์กลำงของชุมชน ณ เวลำนั้น บำงแห่งชื่อโรงเรียนอำจถูก ปรบั เปลี่ยน บำงแห่งถูกยกเลิก และบำงแห่งดำเนินกำรสอนเรือ่ ยมำจนกระทั่งถึงปัจจุบนั นับเปน็ เรื่องปกติของกำรเปลีย่ นแปลง ระดบั ชั้น กำรจดั กำรศกึ ษำของโรงเรียนมูลสำมญั ในช่วงปี พ.ศ. 2435 นั้นมีกำรเรียนวนั ละ 5 ชัว่ โมง โดยแบ่งออกเปน็ 2 ระดบั ชั้น คือ (1) โรงเรียนมลู สำมัญชั้นต่ำ มีกำหนด 3 ปี เรยี นวิชำธรรม อ่ำน เขียน แตง่ ขอ้ ควำม ไวยำกรณ์ และเลขวิธี (2) โรงเรียนมูลสำมญั ช้ันสูง มีกำหนด 4 ปี เรียนวิชำธรรม อ่ำน เขียน แต่งข้อควำม ไวยำกรณ์ เลขวิธี ภูมศิ ำสตร์ พงศำวดำร วิทยำกร เขียนรปู ภำพ ขบั ร้อง ภำษำองั กฤษ และกำรค้ำขำย สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

โรงเรียนในยคุ แรกเริม่ แบบเรียน โรงเรียนบรรจงอนุกิตยใ์ ช้พ้ืนที่ในวดั สำพนั ธ์ (สำมพัน?) อำเภอพระแสง มีพระอธิกำรหนูเปน็ อำจำรย์ ขนุ บรรจงสำรำเปน็ ผู้อุปถัมภ์ ปจั จบุ ันคือโรงเรยี นวัดสำมพัน หลกั สตู รการเรยี นการสอนประกอบดว้ ย 4 เร่อื ง คือ (1) กำรอำ่ นและเขียนหนงั สือ โดยใช้แบบเรียนเร็ว จำนวน 3 เล่ม เน้นเรื่อง พยัญชนะ มำตรำกะ กำ กำรควบกล้ำ กำรผันอกั ษร (สงู กลำง ตำ่ ) ซึง่ แบบเรียน เรว็ ถกู จดั ทำขึน้ เพื่อแก้ไขปัญหำควำมล่ำช้ำของกำรเรียนกำรสอน (2) กำรคิดเลข บวก ลบ คณู หำร และทำบญั ชงี ำ่ ย ๆ โดยใช้แบบเรียนเลขวิธี (3) กำรเลีย้ งชพี เน้นเร่ืองกำรดำรงชีวติ และกำรรักษำสุขภำพอนำมัย (4) ควำมรดู้ ้ำนจรยิ ธรรม เน้นเรอื่ งกำรอยู่รร่วมกนั ในสังคม กำรประพฤติปฏิบัติตนในสังคม และ ควำมรกั ชำติบ้ำนเมือง การสอบไล่ กำรสอบไล่มคี วำมคล้ำยกบั กำรสอบเลื่อนชั้นในยคุ ปจั จบุ นั โดยในอดีตนน้ั กำรสอบไล่ ควำมรู้ตำมชั้นเรียนในแบบเรียนท้ัง 6 เล่ม ประกอบด้วย 2 วิชำหลัก คือ (1) วิชำภำษำไทย ได้แก่ มูลบทบรรพกิจ, วำหนิติน์ กิ ร (ผันอกั ษรนำ), อักษรประโยค (อักษรควบกล้ำ), สังโยคภธิ ำน (ตัวสะกดในมำตรำต่ำง ๆ ), ไวพจน์พจิ ำรณ์ (คำพ้องรปู พ้องเสียง), พิศำลกำรันต์ (ตัวกำรนั ต์ ภำษำบำลีและสนั สกฤต) (2) วิชำโลก ชีวทศั น์และวทิ ยำกำร ได้แก่ กฎธรรมชำติ วิชำเลข และ ภมู ิศำสตร์ ดำเนนิ กำรสอบปีละครั้ง ตำมแขวงอำเภอ ในช่วงฤดฝู น โดยแยกสอบเปน็ เรื่อง ๆ หำกสอบ ครบหลักสตู ร 4 เรื่อง จะได้รับประกำศนยี บัตร ซึง่ ผอู้ ำนวยกำรศกึ ษำมณฑล ข้ำหลวงเทศำภบิ ำล กรมกำรหวั เมือง และพระสงฆ์มหี นำ้ ที่ในกำรดแู ล สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

โรงเรียนในยุคแรกเริม่ การศึกษาสายอาชีพ เมื่อปี พ.ศ. 2456 พระศริ ิธรรมมุนีได้จดั ต้ัง “โรงเรียนช่ำงถม” ขึน้ ที่วัดท่ำโพธิ์ เปิดสอนวิชำช่ำงถมหลกั สูตร 3 ปี ต่อมำในปี พ.ศ. 2461-2464 ได้รวมเขำ้ กบั โรงเรียนเบญจมรำชูทิศ โดยในปีพ.ศ. 2463 เปลีย่ นช่ือเปน็ ปฐมบริบูรณ์ เปิดสอนวิชำช่ำงถม หลักสตู ร 3 ปี เชน่ เดียวกันก่อนจะเปลีย่ นมำเป็น วิทยำลัยศลิ ปหตั ถกรรมนครศรีธรรมรำชในปัจจุบนั โรงเรียนฝึกหดั ครู หลำยคนมักเข้ำใจว่ำโรงเรยี นฝึกหัดครูนครศรธี รรมรำชเพิ่งจัดตั้งข้นึ เม่อื ปี พ.ศ. 2500 แต่ ทว่ำกลับมีประวัติมำก่อนหน้ำ กล่ำวคือ พระศริ ิธรรมมุนี ต้องกำรจะหำครูเพือ่ สอนนกั เรียน และ เพื่อช่วยประหยัดเงนิ ของรัฐบำลซึ่งจำกเดิมตอ้ งส่งครไู ปฝกึ หัดที่กรุงเทพมหำนคร ดังนน้ั ในปี พ.ศ. 2447 เจ้ำคุณพระยำวิสทุ ธิสุริยศักดิ์ อธิบดีกรมศึกษำธิกำร ได้ส่งนำยอดุง ข้ำหลวงธรรมกำร และ นำยเสำร์ ไปเป็นครูช้ันประกำศนียบตั ร ประจำมณฑลนครศรธี รรมรำช รวมท้ังตรวจดูงำนใน โรงเรียนทว่ั ไป และแนะนำครใู หส้ อนตำมระเบียบของกรมศึกษำธิกำร จนกระทงั่ เม่อื ปี พ.ศ. 2448 พระศิรธิ รรมมุนีได้จดั ตงั้ โรงเรียนฝึกหัดครูขึ้นทีว่ ัดท่ำโพธิ์ อำศยั กฏุ ิพระเป็นสถำนที่เล่ำเรยี นชั่วครำว นกั เรียนครฝู ึกหดั ที่สอบไล่ผ่ำนจะได้รับเงินเดือน ๆ ละ 20 บำท เพือ่ เปน็ ค่ำตอบแทนควำมอุตสำหะ แต่ต่อมำโรงเรยี นฝึกหัดครนู ครศรีธรรมรำชน่ำจะถูก ละเลย และมีกำรจดั ตง้ั โรงเรียนฝึกหัดครมู ณฑลนครศรธี รรมรำชขนึ้ ที่เมืองสงขลำ ก่อนกำรปฏิวตั ิ เปลี่ยนแปลงกำรปกครองไม่กีป่ ี และนำมำสู่กำรตั้งกะทู้ถำมเพื่อจัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครู นครศรธี รรมรำชขึน้ อีกคร้ังในระยะเวลำต่อมำ งบประมาณมาจากไหน? งบประมำณในกำรจดั ตง้ั โรงเรียนส่วนใหญ่ได้รับควำมร่วมมอื จำกกรมอำเภอ กำนนั ผใู้ หญ่บ้ำน เจ้ำอธิกำรวดั ตลอดจนรำษฎรที่เห็นควำมสำคัญของกำรจัดต้ังโรงเรียน ซึ่งในระยะ หลังเรม่ิ มงี บประมำณสนับสนนุ ทำงกำรศกึ ษำจำกส่วนกลำง โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ จำกกระทรวง ธรรมกำร (ปจั จบุ นั คือกระทรวงศกึ ษำธิกำร) สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

โรงเรียนในยุคแรกเริ่ม ปัญหาของการจดั การศกึ ษา ปญั หาของการจดั การศึกษาในยคุ นี้ ประกอบดว้ ย 1) ขำดผทู้ ีส่ ำมำรถตำมแบบหลวง จำเป็นต้องคดั เลือกพระเณรมำศกึ ษำที่วดั ท่ำโพธิ์ แตไ่ ม่ เพียงพอ จงึ มกี ำรจัดตง้ั โรงเรียนฝึกหดั ครูเมอื งนครศรีธรรมรำชขึน้ 2) พระ เณร และรำษฎรส่วนใหญ่ในเมอื งนครศรีธรรมรำชมคี วำมพอใจตอ่ กำรศึกษำภำษำ มคธมำกกว่ำภำษำไทย ทำให้พระศริ ิธรรมมุนีตอ้ งใชว้ ิธีกำรขน้ั เด็ดขำด กล่ำวคือ หำกใครไม่เรยี น หนงั สือไทยใหไ้ ด้ประโยชนช์ ้ันตน้ เสียก่อนกจ็ ะไม่ยอมใหเ้ รียนภำษำมคธ แตย่ ังพบบำงแหง่ ยงั คงมกี ำร เรียนภำษำมคธ เชน่ วัดบรู ณำรำม วดั วังตะวันตก และวัดจันทำรำม 3) รำษฎรไม่ค่อยให้กำรสนับสนนุ แก่กำรศึกษำ จะมีกแ็ ตเ่ พียงข้ำรำชกำร 4) รำษฎรส่วนใหญ่ไม่เหน็ ถึงคณุ ค่ำของกำรศกึ ษำ เนือ่ งจำกยงั มองไม่เหน็ ประโยชน์ของ กำรศกึ ษำต่อชีวติ ประจำวนั ซึ่งส่วนใหญ่ต้องประกอบอำชีพเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาล พระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้ำเจ้ำอยู่หัว (รัชกำลที่ 6) ทรงมีพระรำชดำริด้ำนบริหำรจดั กำร ด้ำนกำรศึกษำ หรือกำรสืบสำนกำรปฏิรปู กำรศึกษำตอ่ จำกพระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้ำ เจ้ำอยู่หวั (รัชกำลที่ 5) โดยมีตน้ แบบกำรจัดกำรศึกษำที่โดดเด่นคอื กำรประกำศใช้ พระรำชบญั ญตั ิประถมศึกษำ พ.ศ. 2464 ซึ่งเป็นกำรศึกษำภำคบังคับฉบับแรก และได้กล่ำวถึง โรงเรียนประชำบำล โรงเรยี นประชาบาล หมำยถึง โรงเรียนประถมศกึ ษำที่ประชำชนในอำเภอหรอื ตำบลดำรงอยู่ ด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง หรือทีน่ ำยอำเภอตั้งข้นึ และดำรงอยู่ด้วยทุนทรัพย์ของประชำชน อยู่ใน ควำมดแู ลของกระทรวงศกึ ษำธิกำร ในเมอื งนครศรธี รรมรำช ได้มกี ำรจดั ตั้งโรงเรียนประชำบำลขึน้ มำกมำยหลำยแห่งเช่นเดียวกัน ไม่ว่ำจะเป็นโรงเรียนประชำบำลตำบลพระเสอื้ เมอื ง 1 (วดั พระมหำธำตุ) โรงเรียนประชำบำลตำบล นำเคียน 1 (คณำรักษ์บำรงุ ) โรงเรียนประชำบำลตำบลพรหมโลก 1 (วดั ดูก) โรงเรียนตำบลนบพิตำ 1 (วดั โรงเหลก็ ) โรงเรียนประชำบำลตำบลท่ำศำลำ 1 (ปทุมำนุกูล) โรงเรียนมหำรำช 3 อำเภอทุ่งสง เป็นต้น สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

3 ยุคสมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นโยบายการจัดการศึกษาของคณะราษฎรประเทศไทยได้เปลยี่ นแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยม์ าเปน็ ระบอบประชาธิปไตยเมอื่ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรซ่งึ เปน็ กลมุ่ บคุ คลท่รี วมตวั กันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้วางเป้าหมาย สาคญั หรืออุดมการณ์ของคณะราษฎรด้านการศึกษาซ่ึงปรากฏอยู่ในหลกั 6 ประการ ข้อที่ 6 “จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แกร่ าษฎร” เพราะคณะราษฎร์มีความเห็นว่าการท่จี ะให้ ประชาชนมีความรคู้ วามเขา้ ใจเร่อื งการปกครองระบอบประชาธิปไตย จาเป็นตอ้ งจัด การศึกษาให้กบั ประชาชนอยา่ งทวั่ ถึง เมือ่ ประชาชนมีการศึกษาดียอ่ มจะทาใหป้ ระเทศชาติ เจริญขึ้นด้วย ซึง่ จังหวัดนครศรธี รรมราชได้ดาเนินการจัดการศึกษา ตามนโยบายของ รัฐบาลตลอดมา ภำยหลังกำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง พ.ศ.2475 จังหวัดนครศรีธรรมรำชได้จัดต้ังโรงเรียน ประชำบำลขึน้ เพิ่มเติม ได้แก่ โรงเรียนวดั โพเดด็ (โพธิ์เสดจ็ ) โรงเรียนวัดหวั อิฐ โรงเรียนวดั หนอง บวั โรงเรียนวดั พระเขียน โรงเรียนวดั ท่ำแพ โรงเรียนวดั หญ้ำ โรงเรียนวดั ท่ำงิว้ โรงเรียนวดั บำงจำก โรงเรียนวดั บำงใหญ่ โรงเรียนวัดบำงสะพำน โรงเรียนวัดชะเมำ โรงเรียนวดั โดน (โดน ธำรำรำม) ในเขตอำเภอเมือง โรงเรียนวัดเขำปนู โรงเรียนวดั ใหญ่ โรงเรียนวัดแทงลม โรงเรียนวัด หวั ตส่ิง ในเขตอำเภอพรหมคีรี โรงเรยี นวดั ปำกเนตร โรงเรยี นวดั เปี๋ยะ (ศรีสุวรรณำรำม) โรงเรียนวัดหอยกนั โรงเรียน วัดสุขมุ ในเขตอำเภอปำกพนัง โรงเรียนวดั เชิงแตระ โรงเรียน ท้ำยสำเภำ โรงเรียนวัดกัด โรงเรียน วดั พระเพรง ในเขตอำเภอพระพรหม โรงเรียนวัดรำษฎร์ ประดิษฐ์ โรงเรียนวดั ทุ่งกระบือ โรงเรียนวดั อัมพวัน ในเขตอำเภอทุ่งสง โรงเรียนวดั โทตรี ตำบล กะหลอ โรงเรียนวดั มเหยงคณ์ ในเขตอำเภอ ท่ำศำลำ จงั หวดั นครศรธี รรมรำช เปน็ ต้น สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

ตวั อย่างการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาในจังหวดั นครศรีธรรมราช 1. โรงเรยี นเบญจมราชูทิศ โรงเรยี นศรธี รรมรำชได้ย้ำยไปปลูกสร้ำงใหม่บริเวณวัดพระสูง (ปจั จบุ นั บริเวณหอพระสงู สนำม หนำ้ เมือง) บนเนือ้ ที่ 8 ไร่ ในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งแตเ่ ดิมตง้ั อยู่ในวดั ท่ำโพธิ์มีเน้ือที่คับแคบไม่อำจขยำยเนือ้ ทีเ่ พือ่ สรำ้ งอำคำรใหมเ่ พิ่มเติมได้ และได้เปลี่ยนชือ่ ใหมเ่ ป็น “โรงเรียนเบญจมรำชทู ิศ” ในปัจจบุ นั โรงเรยี นเบญจมรำชทู ิศในอดตี (ซ้ำย) โรงเรียนปำกพนงั ในปัจจบุ นั (ขวำ) 2. โรงเรยี นปากพนงั เดิมใช้ช่ือว่ำโรงเรียนไพบูลย์บำรงุ ต่อมำเมื่อ พ.ศ. 2565 ได้สร้ำงอำคำรเรยี นขนึ้ บริเวณ โรงเรียนเทศบำลปำกพนัง 1 และเมื่อ พ.ศ.2481 ได้ย้ำยไปเรียนทีว่ ดั นนั ทำรำม และได้สร้ำงอำคำร เรียนถำวรข้ึน ณ ที่ต้ังโรงเรียนปำกพนังปัจจบุ นั โดยเปิดเรยี นเม่ือ พ.ศ. 2482 เปน็ โรงเรียนมัธยม โดยเฉพำะ จนกระท่ังเมือ่ พ.ศ. 2487 ได้เกิดไฟไหม้โรงเรียนทั้งหลัง จึงได้ขอฝำกเรียนที่วัดนนั ทำรำม วัดเสำธงทอง และโรงเรียนสตรีปำกพนัง และเม่อื พ.ศ. 2490 ได้สรำ้ งอำคำรเรียนช่ือว่ำ \"อำคำร ลกั ษณำ” ภำยหลังโรงเรียนไพบลู ย์บำรงุ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนปำกพนัง” ในปจั จุบนั 3. วิทยาลัยศลิ ปหตั ถกรรมนครศรีธรรมราช พ.ศ.2475 โรงเรียนได้ย้ำยมำอยู่หน้ำวดั วังตะวันออก ถนนรำชดำเนนิ เปลีย่ นชอ่ื เปน็ “โรงเรียนวิสำมัญ กำรช่ำง” เปิดสอนวิชำช่ำงถม ช่ำงไม้ ช่ำงเยบ็ เสื้อผ้ำ และในปี พ.ศ.2482 แผนกช่ำงไม้ ได้ย้ำยไปอยู่ที่ ตำบลปำกพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรธี รรมรำช (วิทยำลัยเทคนิคนครศรธี รรมรำช) และ พ.ศ.2482 เชน่ กัน แผนกช่ำงตดั เยบ็ เสื้อผ้ำ ก็ได้ย้ำยไปอยู่ในบริเวณวดั พระเงนิ ตำบลคลัง อำเภอเมือง จังหวดั นครศรธี รรมรำช (วิทยำลัยอำชีวศกึ ษำจังหวัดนครศรธี รรมรำช) ส่วนแผนกช่ำงถมก็ยงั คงอยู่ที่ เดิม พ.ศ.2482 แตเ่ ปลี่ยนชอ่ื เปน็ “โรงเรียนชำ่ งโลหะรูปพรรณนครศรีธรรมรำช” ต้ังอยู่หนำ้ วดั วัง ตะวนั ออกเชน่ เดิม และในพ.ศ.2505 เปลี่ยนชือ่ เป็น “โรงเรยี นศลิ ปหตั ถกรรมนครศรธี รรมรำช” และเปิดสอนถึงชั้นมธั ยมศกึ ษำตอนปลำย สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

ตัวอยา่ งการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมำเมือ่ วันที่ 1 มกรำคม 2523 กระทรวงศึกษำธิกำร ได้ประกำศแยกวิทยำลยั อำชีวศกึ ษำนครศรธี รรมรำช ออกเป็น 2 วิทยำลัย คือ วิทยำลัยอำชีวศกึ ษำนครศรธี รรมรำชและ วิทยำลยั ศิลปหัตถกรรมนครศรธี รรมรำช 4. มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครศรธี รรรมราช เดิมชื่อโรงเรยี นฝึกหดั ครูนครศรธี รรมรำช เชอ่ื ว่ำประกำศจัดต้ังครั้งนั้นเพรำะอิทธิพล ทำงกำรเมอื งเนอ่ื งจำกได้ยบุ โรงเรียนฝกึ หัดครูตรังย้ำยครูอำจำรย์และทรพั ย์สินมำสังกัดโรงเรยี น ฝกึ หัดครนู ครศรีธรรมรำชและได้เปิดสอนระดบั ประกำศนยี บตั รวิชำกำรศกึ ษำ (ป.กศ.) ในปี นั้นเองแต่เน่อื งจำกก่อสร้ำงอำคำรเรยี นไม่ทันจึงเปิดทำกำรสอนชวั่ ครำวทีอ่ ำคำรหอ้ งสมุด ประชำชนสนำมหน้ำเมืองจังหวัดนครศรธี รรมรำช เมือ่ อำคำรเรยี นและหอนอนก่อสร้ำงเสร็จแล้ว ในปี พ.ศ.2502 จงึ เปิดสอนเป็นกำรถำวรบริเวณเชงิ เขำมหำชยั กำรจัดต้ังโรงเรียนฝึกหดั ครขู ึ้นใน จังหวดั นครศรธี รรมรำชใน พ.ศ.2500 (มิใช่เป็นกำรตง้ั ครงั้ แรก เพรำะก่อนหนำ้ นี้ เมอ่ื พ.ศ.2448 ตรงกับรชั สมัยพระบำมสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้ำเจำ้ อยู่หัว ได้มกี ำรจัดตง้ั โรงเรียนฝึกหัดครูเมือง นครศรธี รรมรำชขึน้ มำก่อนแล้ว) ภำยหลังสถำนศกึ ษำแห่งนีม้ ีได้ยกฐำนะมำเป็นวิทยำลยั ครู สถำบันรำชภฏั และ มหำวิทยำลยั มำตำมลำดบั สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

ตัวอยา่ งการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราช 5.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตนครศรธี รรมราช เดิมชือ่ “โรงเรียนประถมวิสำมัญเกษตรกรรม” ได้ถกู ปรบั สภำพจำกควำมรว่ มมอื ร่วมใจของ ชำวบ้ำนนำหลวงเสน ปำกแพรก หนองเสม็ดและชะมำย จนกลำยเปน็ สถำนที่ใหค้ วำมรดู้ ้ำน เกษตรกรรม ตำมแนวคิดของหลวงประจณั จุฑำรกั ษ์ นำยอำเภอทุ่งสง และครชู ุ่ม ชนะณรงค์ ศกึ ษำธิกำรอำเภอทุ่งสงสมัยน้ัน จนผืนป่ำจำนวนประมำณ 552 ไร่แหง่ น้ไี ด้กลำยเปน็ โรงเรียน ประถมวิสำมัญเกษตรกรรม ประจำอำเภอทุ่งสง เมือ่ วนั ที่ 23 ธนั วำคม 2478 จดั กำรเรียนกำร สอนโดยนกั เรียนทีเ่ ข้ำเรยี นที่นไ่ี ม่ต้องเสียค่ำใช้จ่ำย แตจ่ ำกดั อยู่ในวงแคบเพรำะเปิดรับเฉพำะ นักเรียนชำยที่สำเร็จกำรศกึ ษำชั้น ประถมศึกษำปีที่ 4 ในท้องทีอ่ ำเภอทุ่งสง เข้ำเปน็ นกั เรียนกินนอน ของโรงเรียนเท่ำนั้น โดยใช้เวลำในกำรเรียน 2 ปี จงึ จบหลักสูตร ตอ่ มำเปลีย่ นชื่อเปน็ “โรงเรยี นเกษตรกรรมนครศรีธรรมรำช” จนกระท่ังปี พ.ศ. 2508 กระทรวงศึกษำธิกำรได้ยกฐำนะโรงเรียนเกษตรกรรมนครศรธี รรมรำชขึ้นเป็น “วิทยำลัย เกษตรกรรมนครศรธี รรมรำช” สงั กัดกรมอำชีวศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร นับเป็นวิทยำลัยแห่ง แรกของจงั หวัดนครศรธี รรมรำช ต่อมำเปลี่ยนช่อื เปน็ “วิทยำลยั เทคโนโลยีและอำชีวศึกษำ วิทยำ เขตเกษตรนครศรีธรรมรำช” และเปลีย่ นเป็น “สถำบันเทคโนโลยีรำชมงคล วิทยำเขต นครศรธี รรมรำช จนกระทงั่ วนั ที่ 19 มกรำคม 2548 ได้ยกฐำนะขนึ้ เป็นมหำวิทยำลัยเทคโนโลยี รำชมงคลศรวี ิชยั วิทยำเขตนครศรีธรรมรำช จนถึงปัจจุบนั สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาในจงั หวัดนครศรีธรรมราช นอกจำกนีย้ งั มีมหำวิยำลยั หลำยแหล่งที่ได้ถือกำเนิดในยุคนี้ ได้แก่ มหำวิทยำลยั วลยั ลกั ษณ์ มหำวิทยำลยั เฉลิมกำญจนำ มหำวิทยำลัยรำมคำแหง วิทยำเขตนครศรีธรรมรำช มหำวิทยำลยั สุโขทัยธรรมำธิรำช วิทยำเขตนครศรีธรรมรำช เปน็ ต้น ดังนั้นจะเหน็ ได้วำ่ จังหวดั นครศรธี รรมรำชมพี ัฒนำกำรของกำรศึกษำมำอย่ำงต่อเน่อื ง นบั ต้ังแต่อดตี จนกระทง่ั ถึงปัจจบุ นั กำรศกึ ษำเหล่ำนมี้ ีสว่ นเสริมสร้ำงคุณภำพของประชำชน ชำวเมืองนครศรธี รรมรำช ก่อเกิดเปน็ เมืองนักปรำชญ์ผู้มีควำมรคู้ วำมสำมำรถทำงด้ำนต่ำง ๆ ไม่ ว่ำจะเป็นด้ำนศำสนำ กำรเมอื ง วัฒนธรรม ประวัตศิ ำสตร์ ศลิ ปะ กีฬำ ฯลฯ เพื่อร่วมพฒั นำ จังหวัดนครศรธี รรมรำชให้มคี วำมก้ำวหน้ำสืบเนื่องทกุ ยุคทกุ สมัย สำนักงำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครศรธี รรมรำช

คณะผูจ้ ดั ทา 1. นำงสำวโสภำ ไสวศรี ผอ.รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม ประธำนคณะทำงำน 2. นำยเฉลิมพงศ์ ชว่ ยคุ้ม ผอ.รร.ทุ่งใหญ่เฉลิมรำชอนสุ รณ์รัชมงั คลำภเิ ษก รองประธำนคณะทำงำน 3. นำงวำรินดำ จู้หอ้ ง ผอ.รร.ทุ่งสังพทิ ยำคม คณะทำงำน 4. นำงณภัค อนิ ทร์ปำน ผอ.รร.กรงุ หยันวทิ ยำคำร คณะทำงำน 5. นำงสุจิรำ รตั นบรุ ี ผอ.รร.เสมด็ จวนวทิ ยำคม คณะทำงำน 6. นำยสมชำย เพ็ชรขำ รอง ผอ.รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 7. นำยเทียนชยั ยอดทอง รอง ผอ.รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 8. นำยพิศิษฐ์ ดำเกลีย้ ง รอง ผอ.รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 9. นำยฤชำยุส พลำยด้วง รอง ผอ.รร.ทงุ่ ใหญ่เฉลิมรำชอนสุ รณร์ ัชมงั คลำภเิ ษก คณะทำงำน 10. นำงสำวพรรษำ ธนำวุฒิ รอง ผอ.รร.กรุงหยันวทิ ยำคำร คณะทำงำน 11. นำงสำวกชมล เดิมคลัง รอง ผอ.รร.ทงุ่ ใหญ่เฉลิมรำชอนุสรณร์ ัชมงั คลำภเิ ษก คณะทำงำน 12. นำยศุภชัย กศุ ลสขุ ครู รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 13. นำงธนศิ รำ ชูขันธ์ ครู รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 14. นำงปิยวรรณ รัตนพันธ์ ครู รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 15. นำยจำนงค์ ชัยเพช็ ร ครู รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 16. นำงธญั วรรณ บวั พรหม ครู รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 17. นำยโสภณฐั เจรญิ รปู ครู รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำน 18. นำยสิทธิโชค งำมสุทธิ์ ครู รร.ทุ่งสังพทิ ยำคม คณะทำงำน 19. วำ่ ท่ี ร.ต.หญิงชยำนันท์ แทน่ แสง ครู รร.ทุ่งสังพทิ ยำคม คณะทำงำน 20. นำงจิณห์วรำ พมิ พส์ มพร ครู รร.เสม็ดจวนวทิ ยำคม คณะทำงำน 21. นำยสุริยำ อนิ ทุ่ม ครู รร.เสม็ดจวนวทิ ยำคม คณะทำงำน สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำเขตนครศรธี รรมรำช สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้ืนฐำน กระทรวงศกึ ษำธิกำร

คณะผู้จัดทา 22. นำยธนำวุฒิ เนยี มรินทร์ ครู รร.กรงุ หยันวทิ ยำคำร คณะทำงำน 23. นำงสำวรชั ดำ กำรดี ครู รร.กรุงหยันวทิ ยำคำร คณะทำงำน 24. นำงสำวสุดำรตั น์ ผกำแก้ว ครู รร.กรงุ หยันวทิ ยำคำร คณะทำงำน 25. นำงสำวปฤศญำ จกั รหนู ครู รร.กรุงหยนั วทิ ยำคำร คณะทำงำน 26. นำยธีรยุทธ บัวทอง ครู รร.ทุ่งใหญ่เฉลิมรำชอนุสรณ์รัชมงั คลำภเิ ษก คณะทำงำน 27. นำยประภศู กั ดิ์ ณ นคร ครู รร.ทุ่งใหญ่เฉลิมรำชอนุสรณ์รัชมงั คลำภเิ ษก คณะทำงำน 28. นำงภัทรพร พรมกิตติยำนนท์ ครู รร.ทุ่งใหญ่วทิ ยำคม คณะทำงำนและเลขำนุกำร 29. นำงพัชรำภรณ์ จนั ทร์อดุ ม ครู รร.ทุ่งใหญ่เฉลิมรำชอนุสรณ์รัชมงั คลำภเิ ษก คณะทำงำนและผู้ช่วยเลขำนกุ ำร สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศกึ ษำมธั ยมศึกษำเขตนครศรธี รรมรำช สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพ้ืนฐำน กระทรวงศกึ ษำธิกำร

บรรณานกุ รม พชั รนิ ทร์ ด้วงวจิ ติ ร. (2545). กำรจดั กำรศกึ ษำในมณฑลนครศรธี รรมรำช ในสมยั พระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้ำเจำ้ อยู่หวั ในช่วงปี พ.ศ. 2439-2453. วิทยำนิพนธ์หลกั สูตรปริญญำ ศลิ ปำศำสตรมหำบัณฑิต สำขำไทยคดีศกึ ษำ มหำวิทยำลยั ทักษิณ. มหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลศรวี ิชัย วิทยำเขตนครศรีธรรมรำช ไสใหญ่. ประวตั ิมหำวิทยำลยั (ออนไลน์). แหลง่ ทีม่ ำ https://saiyai.rmutsv.ac.th/saiyaicampus/th/historysaiyai (13 มีนำคม 2565). โรงเรียนปำกพนัง. ประวัติโรงเรียน (ออนไลน์). แหลง่ ทีม่ ำ http://www.pakphanang.ac.th/datashow _206882 (11 มีนำคม 2565). วิทยำลยั ศิลปหัตถกรรม นครศรธี รรมรำช. ข้อมลู วทิ ยำลยั : ประวตั ิวิทยำลัย (ออนไลน์). แหลง่ ที่มำ https://www.artnst.ac.th/showdatasystembig.php?id=11 (13 มีนำคม 2565). วิมล ดำศรี. (2540). วรรณกรรมมุขปำฐะเมืองนคร กำรศึกษำวิเครำะห์, กรงุ เทพฯ: ท.ี พี.พริ้นท.์ สมพุทธ ธรุ ะเจน. (2562). ย้อนรอย 100 ปี นครศรธี รรมรำช, นครศรธี รรมรำช: อกั ษรกำรพิมพ์. สมพุทธ ธรุ ะเจน และประหยัด เกษม. (2557). รำยงำนพระศิรธิ รรมมุนี เจ้ำคณะมณฑล นครศรธี รรมรำช ร.ศ. 119 ถึง ร.ศ. 129, นครศรธี รรมรำช: อกั ษรกำรพิมพ์. วิเชยี ร ณ นคร และคณะ. (2523). นครศรธี รรมรำชของเรำ. พิมพ์ครง้ั ที่ 3, กรงุ เทพฯ: บำงกอกสำส์น โดย สหวทิ ยำเขตนครศรธี รรมรำช

สำนักงำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำเขตนครศรธี รรมรำช สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook