Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2_มโนทัศน์ของคน62 อ ศุทธิจิต

2_มโนทัศน์ของคน62 อ ศุทธิจิต

Published by Suttichit.trcn, 2019-08-08 06:15:14

Description: 2_มโนทัศน์ของคน62 อ ศุทธิจิต

Keywords: มโนทัศน์ของคน

Search

Read the Text Version

มโนทศั นข์ องคน ( Concepts of Human ) อ.ศุทธจิ ติ ภูมิวัฒนะ “คน” เป็นจุดศูนย์กลางของเปา้ หมายในการใหก้ ารพยาบาล มผี ใู้ ห้ความหมายของคนมากมายแตกต่างไปตาม องค์ความรู้ของศาสตร์น้ันๆ เชน่ ชีววทิ ยา จติ วิทยา สังคมวิทยา เป็นต้น ซ่งึ พยาบาลควรเรียนรแู้ ละทาความ เข้าใจคนในหลากหลายแง่มมุ ทงั้ นเี้ พื่อนาความรู้ตา่ งๆนนั้ มาประยุกตใ์ ชใ้ นการดูแลคนได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ อยา่ งไรก็ตามศาสตร์ทางการพยาบาลได้มีการใหค้ วามหมายของคนไวใ้ นอีกลกั ษณะหนึ่ง ซึ่งเนน้ ถึงคนทม่ี ีความ เก่ียวขอ้ งกับภาวะสขุ ภาพ คำจำกดั ควำมของ “คน” ในศำสตรแ์ ขนงตำ่ งๆ ศาสตร์แตล่ ะศาสตร์ ให้คาจากัดความของ “คน” แตกต่างกันข้นึ กบั องคค์ วามรู้ของศาสตร์สาขาน้ันๆ การรับรู้ ประสบการณ์พนื้ ฐานของแต่ละคน ตัวอย่างเช่น นกั ปรชั ญาอริสโตเติล ให้ความหมายของ “คน” ไวว้ า่ “มนษุ ย์เปน็ สัตวส์ ังคม” มีการสืบทอดลกู หลาน เผ่าพนั ธ์ุ ต้องการความช่วยเหลอื จากมนุษยด์ ว้ ยกัน เกดิ มาไมส่ ามารถชว่ ยเหลือตนเองได้ ตอ้ งอาศัยอยใู่ ครอบ ครวั จนกว่าจะโตพอทีจ่ ะเลีย้ งตนเองได้ จากน้นั ก็ไปสรา้ งครอบครัวใหม่อยรู่ ว่ มกันเปน็ สงั คม ทางดา้ นสงั คมศาสตร์ มองคนในลกั ษณะของบทบาทสถานภาพทางสงั คม การปฏิสมั พันธ์กนั ในสังคม บุคคลทมี่ ีความสาคัญต่อบุคคลนัน้ ๆ ทางชีววิทยา มองคนในภาพของกล่มุ เซลล์ สตั วเ์ ลอื ดอุ่นที่เล้ียงลกู ด้วยนม พนั ธวุ ิศวกรรม เป็นการศกึ ษาชีววทิ ยาในระดับโมเลกลุ ( Molecular biology ) กล่าวถงึ คนในแง่ ของรหัสพนั ธุกรรม (DNA) นกั จิตวทิ ยา มองคนในด้านของผมู้ คี วามปกติ หรอื ผดิ ปกติทางจติ ใจ นกั เศรษฐศาสตร์ กล่าวถงึ คนในลกั ษณะของผบู้ ริโภค ผู้ผลติ ผ้เู ปน็ เจ้าของปัจจัยการผลติ และแรงงาน คำจำกดั ควำมของ “คน” ทำงกำรพยำบำล การพยาบาล มองคนเป็นปจั เจกบคุ คล(บุคคลแตล่ ะคน) และกลมุ่ ทางสังคม ได้แก่ครอบครวั ชุมชน ทง้ั ภาวะสขุ ภาพดีและเจ็บป่วย โดยหากแยกการให้ความหมายของคาว่า “คน” ตามทฤษฎีทางการพยาบาล จะมี ความหมายดงั นี้ ทฤษฎกี ฎธรรมชำตขิ องไนตงิ เกล ไนติงเกลได้กล่าวถงึ คน : ธรรมชาตขิ องคนตอ้ งมีการปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากับ สภาพแวดล้อม และปรบั สภาพแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสมกับสภาพการดารงชีวิตของตน เพื่อความเป็นปกติสขุ ท้ัง ทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจติ วญิ ญาณ ทฤษฎรี ะบบพฤตกิ รรมของจอหน์ สัน จอห์นสันมแี นวคิดเกย่ี วกบั คน : มองคนทงั้ คนในรปู แบบของ ระบบพฤตกิ รรม และเชอื่ ว่าบคุ คลประกอบด้วยระบบพฤตกิ รรมย่อย 8 ระบบ โดยระบบพฤตกิ รรมยอ่ ย เหล่านี้มหี น้าท่เี ฉพาะ และมีความเก่ยี วพนั กันอยา่ งเป็นระบบระเบียบ ทฤษฎกี ำรบรรลุเป้ำหมำยของคิง คิงเนน้ ลกั ษณะเฉพาะของบุคคล : บุคคลเปน็ ส่วนหนงึ่ ของสงั คม ทกุ คนมคี วามนึกคดิ และมีความรู้สึกเปน็ ของตนเอง ทุกคนมเี หตุผลของตนเอง บคุ คลเปน็ ผู้ที่มีการรับรู้ มีความสามารถท่ีจะแสดงอาการโต้ตอบตามการรบั รขู้ องตนเอง มคี วามสามารถทีจ่ ะเลอื กกระทาส่ิงตา่ งๆ 1

มีความสามารถทจ่ี ะวางเปา้ หมายในการกระทาสง่ิ ตา่ งๆ มคี วามสามารถทีจ่ ะตดั สนิ ใจและควบคุมตนเองได้ ทกุ คนมีเวลาในเร่อื งต่างๆ ที่เหมาะสมเฉพาะของตนเอง ทฤษฎีกำรดแู ลตนเองของโอเรม โอเรมมองบุคคลวา่ สามารถดารงไวซ้ ึ่งชวี ิต สุขภาพ และความผาสกุ ไดด้ ้วยการดูแลตนเองของบุคคล ประกอบดว้ ยการดูแลตนเองทั่วไป การดูแลตนเองตามพัฒนาการ และการ ดแู ลตนเองตามการเบีย่ งเบนของสุขภาพ โดยบุคคลมลี ักษณะเปน็ ระบบเปิด มีการปรับเปล่ยี นความต้องการ การดูแลตนเองท่จี าเปน็ ตามสถานการณ์ท่เี ปล่ียนแปลงไปตลอดเวลา คนและสง่ิ แวดล้อมมคี วามสมั พันธ์กัน แยกออกจากกันไม่ได้ บคุ คลมีความต้องการการดแู ลเพ่ือปรับหนา้ ที่ หรอื ป้องกันความผิดปกตทิ ี่จะมตี ่อหนา้ ที่ และพฒั นาการของตนเอง โดยมีข้อตกลงเบ้ืองตน้ เกีย่ วกับคน ดงั น้ี - บุคคลต้องการสง่ิ กระตุ้นท่ีมีระบบ ระเบยี บและจงใจ - บุคคลทกุ คนมคี วามสามารถในการกระทา โดยมจี ุดมุ่งหมายเพ่อื การดูแลตนเองและบุคคลอ่ืน - บคุ คลมโี อกาสทีจ่ ะประสบข้อจากดั ในการดูแลตนเอง และดแู ลบคุ คลทอ่ี ยภู่ ายใตค้ วามรับผิดชอบ ทฤษฎกี ำรปรบั ตัวของรอย รอยมีความเชือ่ ว่าบุคคล : บคุ คลเป็นระบบเปดิ มีปฏิสมั พนั ธ์กบั สิง่ แวดล้อมตลอดเวลา การเปล่ียนแปลงของส่งิ แวดล้อมและสงิ่ เร้าทมี่ ากระทบเป็นสง่ิ กระต้นุ ใหม้ ีการปรับตัว เพื่อให้เกิดความสมดลุ ของร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม โดยมกี ารปรับตวั 4 ดา้ น คอื ด้านร่างกาย ดา้ นอัต มโนทัศน์ ด้านบทบาทหนา้ ท่ี และดา้ นความสัมพันธพ์ ง่ึ พาระหว่างกัน ระบบการปรับตัวของบคุ คล ประกอบดว้ ย สงิ่ นาเขา้ สงิ่ นาออก กระบวนการควบคุม การปรับตวั และกลไกการป้อนกลบั ถ้าบุคคล ปรบั ตัวไมไ่ ด้จะก่อให้เกิดความเจบ็ ปว่ ย ทฤษฎีระบบของนิวแมน นวิ แมน อธบิ ายคาว่า “คน” โดยใชค้ าวา่ “ผูร้ บั บริการหรือระบบผู้รับบรกิ าร (Client/Client system)” แทน โดยอธบิ ายวา่ ผูร้ ับบรกิ ารเปน็ ไดท้ ง้ั บุคคลครอบครวั และกล่มุ คนหรือชุมชนที่ มภี าวะสุขภาพปกติ ภาวะสขุ ภาพเสี่ยง หรือเจบ็ ป่วย ความหมายของคนทางการพยาบาล สรปุ ได้เป็น 4 ลกั ษณะ ดังนี้ 1. คนเปน็ ระบบเปดิ ( The Person as an Open System ) คนเปน็ ระบบเปิดทม่ี ีปฏิสมั พันธก์ บั สิ่งแวดลอ้ มทง้ั ภายใน และภายนอกตลอดเวลา กลา่ วคือมกี ารแลกเปลย่ี นสสาร พลังงาน และขอ้ มูล กับส่ิงแวดล้อม (Lindberg, Hunter, & Kruszewski, 1998) ทฤษฎีกฎธรรมชำตขิ องไนตงิ เกล ไนตงิ เกลได้กลา่ วถงึ คน : ธรรมชาตขิ องคนต้องมกี ารปรับตัวให้เขา้ กับ สภาพแวดลอ้ ม และปรบั สภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับสภาพการดารงชวี ิตของตน เพอ่ื ความเปน็ ปกตสิ ุขทง้ั ทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวญิ ญาณ ทฤษฎีระบบพฤติกรรมของจอหน์ สัน จอห์นสันมแี นวคดิ เกย่ี วกับคน : มองคนทงั้ คนในรูปแบบของ ระบบพฤติกรรม และเชือ่ วา่ สิง่ แวดล้อมมีอิทธพิ ลต่อการกาหนดพฤติกรรมของบุคคล ประกอบด้วยตัวแปร ภายใน คอื กลไกทางรา่ งกาย จติ ใจ และ ตวั แปรภายนอก เชน่ ลักษณะครอบครัว สงั คม สิง่ แวดล้อม และ วฒั นธรรมของคนในชมุ ชน ทฤษฎกี ำรบรรลเุ ปำ้ หมำยของคงิ คนเป็นระบบเปิดที่มีปฏสิ ัมพันธ์กับส่งิ แวดล้อมท่ีเปลยี่ นแปลงอยู่ ตลอดเวลา ประกอบดว้ ย ระบบปฏิสัมพันธ์ 10 มโนทศั น์ คือ อัตตา การรบั รู้ การติดตอ่ สือ่ สาร การปฏสิ มั พนั ธ์ การแลกเปลี่ยนปฏสิ ัมพันธ์อย่างมีเปา้ หมาย การพัฒนาการและการเจริญเติบโต กาละหรือ เวลา เทศะหรอื ความเป็นสัดส่วนของบคุ คล บทบาท ความเครียด โดยท่บี ุคคลมีความสามารถในการนา พลงั งานมาช่วยในการปรับตวั ต่อการเปลย่ี นแปลงของสง่ิ แวดล้อมภายนอกได้อย่างต่อเน่ือง ทฤษฎกี ำรดแู ลตนเองของโอเรม โอเรมมองบุคคลคอื : ผู้รบั บรกิ าร และตวั พยาบาลเอง โดยคนมี ลกั ษณะเปน็ ระบบเปิด มีการปรบั เปล่ยี นความตอ้ งการการดแู ลตนเองทจ่ี าเปน็ ตามสถานการณท์ ่ีเปล่ยี นแปลง 2

ไปตลอดเวลา คนและสง่ิ แวดลอ้ มมีความสมั พันธ์กนั แยกออกจากกันไม่ได้ บคุ คลมีความตอ้ งการการดูแล เพ่ือปรบั หน้าท่ี หรือป้องกันความผิดปกติทจ่ี ะมีต่อหน้าที่ และพฒั นาการของตนเอง ทฤษฎกี ำรปรบั ตัวของรอย รอยมีความเช่อื ว่าบุคคล : บคุ คลเป็นระบบเปดิ มปี ฏิสัมพนั ธ์กบั สิ่งแวดลอ้ มตลอดเวลา การเปลย่ี นแปลงของสงิ่ แวดลอ้ มเปน็ ส่ิงกระตุ้นให้บุคคลเกดิ การปรับตัว ระบบการ ปรบั ตวั ของบุคคล ประกอบด้วย ส่งิ นาเขา้ สิง่ นาออก กระบวนการควบคุม การปรับตัว และกลไกการ ปอ้ นกลับ ทฤษฎีระบบของนวิ แมน ดร.นวิ แมน มองคนเป็นระบบเปิด ประกอบด้วยตัวแปร 5 ประการ ไดแ้ ก่ ร่างกาย จิตใจ สงั คม พัฒนาการ และจิตวิญญาณ ทีม่ ปี ฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดลอ้ มอย่างสม่าเสมอตลอดเวลา มีการปรับตัวให้เข้ากับส่ิงแวดล้อม หรือปรับส่งิ แวดล้อมให้เข้ากบั บุคคล โดยใชแ้ หล่งประโยชน์ จากปัจจยั ภายใน ปจั จัยภายนอก และปัจจยั ระหวา่ งบุคคลในการปรับตัวเพ่อื การดาเนินชวี ติ อยา่ งเป็นปกติสขุ ในสงั คม นอกจากน้ยี งั มีทฤษฎีที่พยาบาลควรศึกษาเรยี นรู้เน่ืองจากเป็นทฤษฎีพ้นื ฐานท่มี ผี ูน้ าไปประยุกต์ใช้ให้เขา้ กบั ศาสตรข์ องตน รวมท้ังศาสตรท์ างการพยาบาลดว้ ย ทฤษฎีทก่ี ลา่ วมาได้แก่ ทฤษฎีระบบทว่ั ไป (General systems theory) ของ Ludwig Von Bertalanffy นักชวี วทิ ยาชาว ออสเตรยี ทเ่ี ผยแพร่ในปี ค.ศ.1950 ซงึ่ มอี งค์ประกอบหลกั 3 สว่ น คือ 1. ส่ิงที่ป้อนเขำ้ ไป (Input) เป็นองค์ประกอบแรกทน่ี าไปสู่การดาเนินงานของระบบ หมายถงึ พลังงานหรอื สสารท่ีจะไดร้ ับการเปล่ยี นแปลงโดยระบบ รวมถึงสภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ ซ่ึงเปน็ ที่ต้องการของ ระบบน้นั ๆ ตวั อย่างทางการพยาบาล เช่น ตัวผูป้ ว่ ย ครอบครวั ของผู้ป่วย สภาพแวดล้อมของผปู้ ่วย 1.1 ส่ิงนาเขา้ เพื่อการดารงอยู่ (Maintenance input) เปน็ ส่ิงท่ีชว่ ยใหพ้ ลังงาน(energize)แก่ ระบบ และทาใหร้ ะบบมคี วามพร้อมในการทาหน้าท่ี เช่น อาหารที่คนรับประทานมีการย่อยและการดูดซึมเป็น พลงั งาน เพ่ือการเติบโตหรือซ่อมแซมเซลล์ ตัวอยา่ งอ่นื ๆ เช่น นา้ มันเติมรถ พลังงานไฟฟ้า น้า พืชตา่ งๆ 1.2 สง่ิ นาเข้าทเ่ี ปน็ สญั ลักษณ์ (Signal input) เปน็ สิง่ ทชี่ ่วยชดเชย/ทดแทน/เสริม(supply)ให้ ข้อมูลแกร่ ะบบเพื่อให้เกดิ กระบวนการ(process) ตอ่ ไปได้ เช่น ขอ้ มูล, ข้อเท็จจริง, การส่ือสาร, ภาษา, ความ รอ้ น, แสง, เสียง 2. กระบวนกำร (Process) เป็นองคป์ ระกอบต่อมาของระบบ หมายถึงวธิ กี ารหรือการทาให้เกิดการ เปลย่ี นแปลงท่ีจะนาไปสผู่ ลงานหรือผลผลติ ของระบบ ตวั อยา่ งทางการพยาบาล เช่น การใหก้ ารพยาบาล ผู้ปว่ ย กระบวนการพยาบาล (การประเมินสภาพ, การวนิ ิจฉัยการพยาบาล, การวางแผนการพยาบาล, การ ปฏิบตั กิ ารพยาบาล, การประเมนิ ผลการพยาบาล) เป็นตน้ 3. ผลงำน (Output) หรือ ผลิตผล (Product) เป็นองคป์ ระกอบสุดทา้ ยของระบบ หมายถึง สิง่ ที่ เกิดข้นึ หรือได้มาภายหลังส่งิ นาเขา้ ผ่านกระบวนการในระบบ ตวั อย่างทางการพยาบาล เช่น ภาวะสขุ ภาพของ ผปู้ ว่ ยทกี่ ลบั สู่สภาพแวดลอ้ ม (ผปู้ ่วยท่มี ีอาการดีขนึ้ มกี ารฟื้นหายจากโรค) ผู้ป่วยมีความรู้ในการดแู ลตนเอง โดยองคป์ ระกอบหลักทง้ั 3 สว่ น ของทฤษฎรี ะบบทวั่ ไปนน้ั มีความสัมพันธ์ซงึ่ กนั และกัน ขาดส่งิ ใดสงิ่ หนงึ่ ไม่ได้ 3

ตำรำงแสดงตวั อย่ำงของกำรนำทฤษฎรี ะบบทวั่ ไปบำงสว่ นมำประยุกตใ์ ชใ้ นทำงกำรพยำบำล ส่ิงนาเข้า(input) กระบวนการ(process) ผลงาน/ผลผลติ (output) เดก็ ทมี่ ไี ข,้ มารดาของเด็ก, พยาบาล (พยาบาล) สอนวิธกี ารเชด็ ตัวลด เด็กที่มีไขล้ ดลง หรือไม่มีไข้ ไขแ้ ก่มารดาของเดก็ มารดาทม่ี ีความรเู้ รอื่ งการเชด็ ตัวลดไข้ พยาบาลที่ได้ปฏิบตั ิตามหน้าท่ใี นการให้ ความรู้แก่มารดาของเด็กท่มี ีไข้ ผปู้ ่วยท่ีมีไข้ อณุ หภมู ิรา่ งกาย 37.8 (พยาบาล) ประเมนิ ผู้ป่วยโดยใช้ การตดั สินใจเลือกวิธีการลดไข้ด้วยการ องศาเซลเซยี ส และพยาบาล ความรู้ และตัดสนิ ใจเลือก เช็ดตวั วธิ ีการในการดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยทมี่ ีไข้ อณุ หภมู ริ า่ งกาย 39.5 (พยาบาล) ประเมินผู้ปว่ ย โดย การตดั สินใจเลือกวธิ กี ารลดไข้ด้วยการ องศาเซลเซยี ส และพยาบาล ใชค้ วามรู้ และตดั สินใจเลือก ใหย้ าลดไข้ และเช็ดตัวลดไขภ้ ายหลงั วิธกี ารในการดแู ลผู้ปว่ ย ได้รับยา 30 นาที หญงิ ต้ังครรภ์ปกติ และพยาบาล การทาคลอด (โดยพยาบาล) มารดา และทารกท่ีคลอดอยา่ งปลอดภัย หญงิ ตงั้ ครรภ์ทมี่ ปี ญั หาคลอดยาก, การทาคลอด ดว้ ยวิธีการผา่ ตัด มารดา และทารกที่คลอดอยา่ งปลอดภัย แพทย์, ความสามารถของแพทย์ใน (โดยแพทย์) การผา่ ตัด, อุปกรณใ์ นการผ่าตดั , หอ้ ง ผ่าตดั , เจ้าหน้าท่ตี า่ งๆในหอ้ งผ่าตดั ทั้งนย้ี งั มีองค์ประกอบอ่นื ๆ ที่มีความสาคญั ไดแ้ ก่ กำรให้ข้อมูลย้อนกลับ(feedback) เพื่อควบคุมระบบให้อยใู่ นภาวะสมดุล คอื เมื่อไดผ้ ลงานหรือ ผลผลิตออกมาแล้วตอ้ งมีการประเมินผลวา่ ประสบความสาเรจ็ หรือบรรลเุ ป้าหมายเพียงใด ไมว่ า่ จะบรรลุ เป้าหมายหรือไม่ก็ตามกต็ ้องมีการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลับไปทีส่ ิ่งป้อนเขา้ กระบวนการ หรือแม้แตผ่ ลลัพธน์ ั้นๆ เพ่ือให้เกิดการคงอยู่ หรือการเปลย่ี นแปลงทดี่ ีขึ้น ตวั อย่างทางการพยาบาล เชน่ ผลสมั ฤทธิ์หรือไมส่ มั ฤทธขิ์ อง ภาวะสุขภาพภายในสภาพแวดล้อมนน้ั ๆ ตำรำงแสดงตวั อยำ่ งของส่ิงนำเขำ้ (input), กระบวนกำร(process), ผลงำน/ผลผลิต(output) และกำร ให้ข้อมลู ย้อนกลบั (feedback) สง่ิ นาเข้า(input) กระบวนการ ผลงาน/ผลผลติ การใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั (process) (output) (feedback) ผู้ป่วยทมี่ ไี ข้ อณุ หภูมิ (พยาบาล) ประเมิน การตดั สินใจเลอื ก ผู้ปว่ ยยังคงมีไข้ อุณหภูมิ ร่างกาย 39.5 องศา ผ้ปู ว่ ยโดยใชค้ วามรู้ วธิ กี ารลดไขด้ ว้ ยการ ร่างกาย 38.5 องศาเซลเซยี ส เซลเซียส และพยาบาล และตัดสินใจเลือก ให้ยาลดไข้ และเช็ด ผปู้ ่วยมีไขล้ ดลงภายหลงั วธิ ีการในการดแู ลผปู้ ว่ ย ตัวลดไขภ้ ายหลงั ได้รบั ยา และเช็ดตัวลดไข้ ไดร้ บั ยา 30 นาที การใหข้ ้อมลู ย้อนกลับที่ กระบวนการ - เพ่มิ วิธกี ารช่วยลดไข้ วาง เจลประคบเยน็ (cold pack) 4

สิ่งนาเข้า(input) กระบวนการ ผลงาน/ผลผลิต การให้ข้อมลู ย้อนกลบั (process) (output) (feedback) พยาบาลตกึ ผปู้ ่วยนอก, การเขา้ รับการตรวจ ผู้ปว่ ยท่ไี ดร้ ับการ - ในเวลา 1 ชั่วโมงแพทย์ แพทย,์ เจา้ หนา้ ท่ีอ่ืนๆ รกั ษาที่ตึกผู้ป่วยนอก ตรวจจากแพทย์ (5 ตรวจผู้ปว่ ยได้ 5 คน เชน่ การเงิน, เภสัชกร คนในเวลา 1 ช่ัวโมง) - ในระยะเวลาเปิดทาการ ผูป้ ว่ ยท่มี ีมารอใช้ หากได้อัตราเรว็ ของการ บรกิ าร 50 คน, ตรวจคงทจ่ี ะตรวจผปู้ ่วยได้ ระยะเวลาเปิดทาการ 40 คน ของตึกผปู้ ว่ ยนอก 8 การใหข้ ้อมลู ย้อนกลบั ท่ี ชั่วโมงตอ่ วนั กระบวนการ - แพทยต์ รวจให้เร็วขึ้น การใหข้ ้อมลู ย้อนกลบั ทส่ี ่ิง นาเขา้ - เพม่ิ จานวนแพทย์ - เพ่มิ ระยะเวลาเปดิ ทาการ - จากดั จานวนผู้ปว่ ยตอ่ วัน 2. คนเป็นองคร์ วม ( Holism ) มาจากคาภาษากรกี “ Holos ” ทมี่ ีความหมายเหมือน “ Whole ” ทแี่ ปลวา่ สมบูรณ์ ครบถ้วน ไม่มกี ารแบง่ แยก คนเป็นองค์รวม ท่ีมีการบูรณาการของสิ่งต่างๆ ท้ังด้านร่างกาย จิตใจ จิตสังคม และจิตวิญญาณ โดยไม่สามารถแยกออกเป็นอิสระได้เมื่อมีการกระทบส่วนใดส่วนหนึ่งก็จะมีผลกระทบต่อส่วนอื่นด้วย (สมจิต, 2544; รอยด,์ 1991) 2.1 ร่ำงกำย ประกอบด้วยโครงสร้าง ( Anatomy ) และ การทาหน้าที่ ( Physiology ) ของระบบ ต่างๆ ภายในร่างกาย เซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะตา่ งๆ มีการทางานอยา่ งเป็นระบบประสานกันตลอดเวลา 2.2 จติ ใจ แบง่ เป็น 2 ส่วนไดแ้ ก่ สติปญั ญาหรือความคิด อารมณ์หรอื ความรู้สกึ 2.2.1 สติปัญญำหรือควำมคิด เช่น ความสามารถในการรับรู้ ความจา ความเข้าใจ การแปล ความ การคดิ วิเคราะห์ ความคิดสรา้ งสรรค์ การสงั เคราะห์ การประเมินผล ความสามารถในการแก้ปัญหา 2.2.2 อำรมณ์หรือควำมรู้สึก ท้ังด้านบวกและด้านลบ เช่น ความสุข ความพอใจ ความดีใจ ความเสยี ใจ ความโกรธ ความศร้าโศก ความวิตกกังวล ความเจบ็ ปวด ( ทางจิตใจ ) 2.3 จติ สงั คม ส่วนท่เี กย่ี วของกบั บุคคลอ่ืนรอบตวั เนื่องมาจากความเปน็ ระบบเปดิ ของบุคคล ประกอบด้วยบทบาท หนา้ ท่ี สัมพนั ธภาพ การติดตอ่ สือ่ สาร 2.3.1 บทบำท พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2546, หน้า 602) ให้ความหมายของคา วา่ บทบาทไวว้ ่า บทบาท (role) หมายความว่า การทาหน้าที่ที่กาหนดไว้ เช่น บทบาทของพ่อแม่ บทบาทของ ครู เป็นต้น 2.3.2 หน้ำที่ พฤติกรรมท่ีแสดงออกตามบทบาทหรือสถานะทางสังคม หรือพฤติกรรมที่ถูก กาหนดให้ทา หรอื พฤตกิ รรมทจี่ ะตอ้ งทาดว้ ยความรับผิดชอบ 5

2.3.3 สัมพันธภำพ กระบวนการท่ีมีบุคคลตั้งแต่สองคนข้ึนไปทาความรู้จักกัน ติดต่อสัมพันธ์ สร้างความคุน้ เคยสนทิ สนมกัน บุคคลทส่ี ัมพันธ์กันจะได้รับผลกระทบจากกันและกัน แบ่งเป็นสมั พันธภาพทาง สงั คม และสมั พันธภาพเชิงวิชาชพี 2.3.4 กำรตดิ ต่อสอื่ สำร คือ การแลกเปลี่ยนข่าวสารกบั บุคคลอ่นื ๆ เพอ่ื ให้เกดิ ความเขา้ ใจซง่ึ กัน และกันอาจเป็นการส่ือสารได้ท้ังการใช้คา(verbal) หรือ การใช้สัญลักษณ์แทนคา (non-verbal) คือการใช้ กิริยาท่าทางซึ่งต้องใช้ทักษะการสังเกต และการแปลความหมายร่วมด้วย ลักษณะการส่ือสารอาจเป็นทาง เดียวหรอื สองทาง ท้ังน้ีบุคคลแต่ละคนมีความสามารถในการสร้างสมั พันธภาพ และการติดต่อสื่อสารแตกต่าง กัน ข้ึนกับความเป็นปัจเจกบุคคล บุคลิก ลักษณะนิสัย การอบรมเล้ียงดู การรับรู้ ประสบการณ์ของท้ังผู้ส่ง สาร และผรู้ ับสาร 2.4 จิตวิญญำณ บคุ คลมีความต้องการด้านจิตวญิ ญาณในระดับหน่งึ ทง้ั ในยามปกติ และยามเจ็บปว่ ย เพ่ือให้บุคคลมีความหวัง กาลังใจ หรือเครือ่ งยึดเหนี่ยวจิตใจ ท่ีช่วยให้คนสามารถก้าวผ่านปัญหา อุปสรรค ความลาบาก และความยงุ่ ยากในชวี ติ ได้ (ทัศนยี ์, 2552) ทฤษฎีระบบของนิวแมน ดร.นิวแมน อธิบายวา่ ผู้รบั บริการเป็นองค์รวม ประกอบด้วยองค์ประกอบ 5 ดา้ น ได้แก่ ดา้ นร่างกาย จิตใจ สังคมวัฒนธรรม พัฒนาการ และจิตวญิ ญาณ ที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกนั และกัน และทางานรว่ มกัน ทฤษฎีระบบพฤติกรรมของจอห์นสัน จอห์นสันมีแนวคิดเกี่ยวกับคนเป็นระบบประกอบด้วย ระบบ ความสัมพันธ์ (affiliation), ระบบการพึ่งพา (dependent), ระบบการรับเข้าสู่ร่างกาย [การย่อย] (ingestion), ระบบการขับออกจากร่างกาย [การกาจัด] (elimination), ระบบทางเพศ (Sexual), ระบบของ ความก้าวร้าวและการป้องกัน (Aggressive), ระบบความสาเร็จ (Achievement) และระบบการส่งเสริม (Restorative subsystem) โดยแต่ละระบบย่อยจะประกอบด้วยระบบย่อยอกี หลายระบบ 3. คนมีควำมต้องกำรพ้ืนฐำน ( Basic Needs of Person ) ความต้องการพื้นฐานของคน เป็นความ ต้องการท่ที ุกคนมีเหมือนกันแต่ไม่เท่ากัน และเปน็ สิ่งจาเป็นในการดาเนินชีวติ ถ้าขาดหรือได้รบั ไม่เพยี งพออาจ เกิดผลกระทบต่อบุคคลได้ แบ่งเป็น 2 ประเภทได้แก่ ความต้องการด้านร่างกาย และความต้องการด้านจิต สังคม 3.1 ควำมต้องกำรดำ้ นร่ำงกำย เชน่ ความต้องการทชี่ ่วยให้คนมีชีวิตรอด ได้แก่ อากาศ, ปัจจยั 4 (น้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และยารกั ษาโรค), การออกกาลงั กาย และการพกั ผอ่ น 3.2 ควำมต้องกำรด้ำนจิตสังคม เช่น ความต้องการด้านความรัก ความอบอุ่น ความมั่นคงปลอดภัย ความรู้สึกเป็นเจ้าของ การยอมรับของสังคม ความต้องการมีช่ือเสียง การเห็นตนเองมีคุณค่าและศักด์ิศรี มนษุ ย์จะมีชวี ิตอยา่ งไมส่ มบรู ณ์ถ้าความตอ้ งการทางด้านจิตใจไมไ่ ด้รบั การตอบสนอง (ศริ ริ ตั น์, 2547) ทฤษฎคี วำมตอ้ งกำรพ้ืนฐำนของมนษุ ยข์ องมำสโลว์ หรือเรียก ทฤษฎีลาดับข้ันความต้องการ เป็นทฤษฎีของอับราฮัม มาสโลว์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน กรอบแนวคดิ หลกั 3 ประการท่ีสาคญั ประกอบดว้ ย 1. บุคคลมีความต้องการซ่ึงเปน็ แรงจงู ใจใหเ้ กิดพฤติกรรมตา่ งๆ 2. ความต้องการของบคุ คลเป็นไปตามลาดบั จากความต้องการพื้นฐาน ไปสู่ความตอ้ งการที่มีความซับซอ้ นขึน้ 3. เมอื่ ความตอ้ งการพน้ื ฐานได้รบั การตอบสนองอยา่ งเพียงพอแล้ว กจ็ ะเกิดความต้องการในลาดบั ขนั้ ต่อไป 6

ลาดับข้ันความตอ้ งการในช่วงเร่ิมต้นของทฤษฎีมาสโลว์ (Maslow, 1970) ประกอบด้วย 5 ลาดับข้ัน ไดแ้ ก่ 1) ความตอ้ งการด้านร่างกาย (physical needs) 2) ความต้องการด้านความม่นั คงและปลอดภยั (safety and security needs) 3) ความต้องการดา้ นความรกั และการมีสว่ นรว่ ม (love and belonging needs) 4) ความต้องการด้านความภาคภมู ใิ จ (esteem needs) 5) ความตอ้ งการด้านความสาเร็จสมหวังในชีวติ (self-actualization needs) พฒั นำกำรด้ำนจิตสังคมของอริ คิ สัน Psychosocial stage (Erikson) แบง่ ข้นั ตอนการพฒั นาทางจิตสังคมปน็ 8 ดา้ น (แบ่งตามชว่ งอายุ) 1) การไวว้ างใจและการไม่ไว้วางใจ (แรกเกิด-1 ปี) 2) ความเป็นตัวของตวั เอง และความละอายสงสัยไมแ่ น่ใจ (1-3 ปี) 3) ความคดิ รเิ ร่ิมและความรู้สกึ ผิด (3-6 ปี) 4) ความอตุ สาหะขยันหมน่ั เพยี ร และการมปี มด้อย (6-12 ปี) 5) การสร้างเอกลักษณป์ ระจาตวั และความสบั สนในเอกลักษณข์ องตน (12-20 ป)ี 6) ความใกลช้ ิดสนิทสนม และการแยกตวั (20-40 ป)ี 7) การสง่ เสริมเลยี้ งดูผอู้ ่นื และการพะวงเฉพาะตน (40-65 ป)ี 8) ความมัน่ คงสมบูรณ์ในชีวติ และความสิน้ หวงั (65 ปีขน้ึ ไป) พัฒนำกำรดำ้ นเพศของฟรอยด์ Psychosexual developmental stage (Freud) ฟรอยด์ เช่ือวา่ ความต้องการทางร่างกายเป็นความต้องการตามธรรมชาติของคน ความต้องการน้ีเป็นพลังชีวิต ทาให้คน แสวงหาความสุข ความพอใจจากส่วนต่างๆของร่างกายท่ีแตกต่างไปตามวัย พัฒนาไปเป็นขั้นตอนตามลาดับ เร่มิ ตน้ จากแรกเกิดจนสิน้ สดุ วยั รุ่น 4. คนเป็นผไู้ ดร้ ับกำรพยำบำล ( Recipient of Nursing Action ) โดยส่วนในทฤษฎีการพยาบาลกล่าวถึงคน ในรูปแบบของผู้ต้องการการดูแล หรือผู้ใช้บริการพยาบาล อาจเป็นบุคคลที่เป็นปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน และกลุ่มทางสังคม เช่นกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง กลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น (Leahy, 1998 อา้ งใน ศริ ริ ัตน์, 2547) ทงั้ นแี้ ตกตา่ งกนั ไปตามบริบทและแนวคดิ ตามทฤษฎีนัน้ ๆ เชน่ ทฤษฎีกำรดูแลตนเองของโอเรม : เม่ือบคุ คลมีปัญหาสุขภาพไม่สามารถทาหน้าท่ีไดต้ ามปกติ เรยี กว่ามี ความพร่องในการดูแลตนเอง พยาบาลจะต้องเข้าไปประเมินและแก้ปัญหาตามแนวทางการดูแลตนเอง 3 ประการคือ การดูแลตนเองทั่วไป การดูแลตนเองตามพัฒนาการ และการดูแลตนเองตามการเบี่ยงเบนของ สขุ ภาพ เพื่อใหบ้ ุคคลสามารถดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ (วิจติ รา และคณะ, 2552) ทฤษฎีระบบของนวิ แมน มีแนวคิดเกยี่ วกบั คนโดยใช้คาว่า “ผ้รู ับบริการหรือระบบผู้รับบรกิ าร” โดยให้ ความสาคัญเชงิ ความรว่ มมือระหวา่ งผู้รบั บริการและพยาบาล (ศรพี รรณ, 2551) กลา่ วคือพยาบาลสามารถช่วย ผรู้ บั บรกิ ารแก้ไขหรอื ป้องกันการสญู เสียพลังงานในระบบเพื่อให้เกดิ ภาวะสมดลุ ทฤษฎีกำรปรับตัวของรอย รอยมีความเชื่อว่าบุคคลจะมีการปรบั ตัวได้ดีหรือไม่ ข้ึนอย่กู ับความรุนแรง ของสิ่งท่ีมากระทบ และความสามารถของบุคคลในการปรับตัว ซึ่งพยาบาลจะมีบทบาทในการส่งเสริมการ ปรบั ตัวท้ังในสถานการณ์ปกติและเจบ็ ป่วย โดยส่งเสรมิ การส่งเสริมการมีปฏิสมั พันธ์ของบคุ คลและส่งิ แวดล้อม ทฤษฎีกำรบรรลุเป้ำหมำยของคิง คิงเน้นธรรมชาติของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพยาบาลและ ผู้ใช้บริการ ว่าต่างฝ่ายต่างมีการรับรู้และแลกเปลี่ยนการรับรู้ซึ่งกันและกัน มีการต้ังเป้าหมายร่วมกัน เม่ือ 7

ผู้ใช้บริการมีการสื่อสารเกี่ยวกับปัญหาท่ีต้องเผชิญอยู่ พยาบาลควรมีบทบาทส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการตัดสินใจ ตั้งเปา้ หมายในการเผชิญปัญหานั้นรว่ มกับพยาบาล ในสงั คมปัจจุบนั ท่ีมคี วามเจริญกา้ วหน้าทางด้านเทคโนโลยี การติดต่อส่อื สาร รวมทัง้ การรวมกลมุ่ กนั ทางดา้ นเศรษฐกิจ เชน่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น (ASEAN Economic Community) ส่งผลให้มกี ารตดิ ต่อ และการย้ายถนิ่ ทง้ั ชั่วคราวและถาวร ทาให้การศึกษาในเรื่องของ “คน” ได้ขยายขอบเขตออกไปอีกในแง่ ของวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย ไม่เฉพาะของท้องถ่นิ ต่างๆในประเทศใดประเทศหนึ่ง แตเ่ ปน็ ความ แตกต่างทางด้านวฒั นธรรมของแต่ละเชอ้ื ชาติ แต่ละประเทศ ท่มี ีความเชื่อมโยงกันมากยิง่ ขนึ้ ซ่งึ ความแตกต่าง เหล่านม้ี ผี ลอย่างยิ่งต่อการตัดสนิ ใจท่ีถกู ต้องและเหมาะสมในการปฏิบัติการพยาบาลแก่ผรู้ บั บรกิ าร *********************************** 8

เอกสำรอ้ำงองิ จันทร์เพญ็ สนั ตวาจา, อภิญญา เพยี รพิจารณ์ และรตั นาภรณ์ ศริ ิวัฒน์ชยั พร. (2552). แนวคิดพ้ืนฐาน ทฤษฎี และกระบวนการพยาบาล. กรุงเทพฯ : ธนาเพรส. ถวลิ ธาราโภชน์ และศรณั ย์ ดารสิ ขุ . (2545). พฤติกรรมมนุษยก์ ับการพฒั นาตน. กรุงเทพฯ : อกั ษราพิพฒั น.์ ทศั นีย์ ทองประทีป. (2552). จิตวญิ ญาณ มิติหนึ่งของการพยาบาล. กรงุ เทพฯ : วี.พรน้ิ (1999). นวลจติ ต์ เชาวกีรติพงศ์ และคณะ. (2555). หน่วยที่ 5 จิตวิทยาการศึกษากลุ่มมนษุ ยนิยม. ในเอกสารการสอน ชุดวชิ าจิตวิทยาและวทิ ยาการการเรียนรู้. หนว่ ยที่ 1-7. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. เรณู สอนเครือ (บรรณาธกิ าร). (2552). แนวคดิ พ้นื ฐาน และหลักการพยาบาล เล่มที่ 1. พิมพ์คร้ังท่ี 9. นนทบุรี : ยุทธรนิ ทร์การพมิ พ์. วจิ ติ รา กสุ มุ ภ์ และคณะ. (2556) กระบวนการพยาบาลและข้อวินิจฉัยการพยาบาล : การนาไปใชใ้ นคลนิ ิก. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3. กรุงเทพฯ : บพิธารพมิ พ์. ศรีพรรณ กนั ธวงั . (2551). ทฤษฎีระบบของนวิ แมน: การนาไปใช้ในการปฏิบตั กิ ารพยาบาล. พิมพค์ รั้งที่ 1. เชียงใหม่ : นพบรุ กี ารพิมพ์ ศรีเรอื น แกว้ กังวาน. (2549). จติ วิทยาพฒั นาการชีวิตทกุ ช่วงวยั แนวคิดเชงิ ทฤษฎี-วัยเดก็ ตอนกลาง เลม่ 1. พมิ พค์ ร้ังท่ี 9 กรงุ เทพฯ : พมิ พ์ดี ศริ ิรัตน์ โกศัลวฒั น.์ (2547). มโนทศั น์พ้ืนฐานทางการพยาบาล. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร.์ สมจิต หนุเจริญกลุ และศรนี วล โอสถเสถึยร. (2551). หนว่ ยที่ 4 การปฏิบัตกิ ารพยาบาล. ในเอกสาร การสอนชดุ วิชามโนมตแิ ละกระบวนการพยาบาล. หนว่ ยท่ี 1-6. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. สริ อิ ร วชิ ชาวธุ . (2554). จิตวทิ ยาการเรียนร.ู้ พมิ พค์ รั้งท่ี 1. กรงุ เทพฯ: พมิ พ์ดี. สุปราณี เสนาดิสยั . (2554). บทท่ี 3 ผ้ปู ่วยและความเจบ็ ป่วย. ใน สุปราณี เสนาดสิ ยั และวรรณภา ประไพพานิช บรรณาธกิ าร). การพยาบาลพน้ื ฐาน แนวคดิ และการปฏบิ ตั ิ พมิ พค์ ร้งั ที่ 13. สุปราณี เสนาดิสัย และวรรณภา ประไพ พานชิ (บรรณาธกิ าร). สุวรี ศวิ ะแพทย์. (2549). จติ วิทยาทวั่ ไป. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์. Begley, J. (2018, August). Understanding General Systems Theory. Retrieved from http://ndcenterfornursing.org/wp-content/uploads/2013/01/General-Systems- TheoryThis-theory.pdf Lindberg, J. B., Hunter, M. L. & Kruszewski, A. Z. (1998). Introduction to Nursing : Concept, Issues and Opportunities (3rd ed.). PA: Lippincott. ***************************************** 9


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook