Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอนวิชาชีวิตกับสิ่งแวดล้อม

เอกสารประกอบการสอนวิชาชีวิตกับสิ่งแวดล้อม

Published by phattadon, 2019-08-30 03:41:28

Description: สาขาการจัดการทั่วไป

Search

Read the Text Version

ห น้ า | ๙๖ กับพ้ืนผิวท่ีมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น ชีวโมเลกุล จากเดิมท่ีมีความสามารถเพียงจัดการกับผิวของโลหะ หรือพวกอนินทรีย์เท่านั้น 3) Fullerene Nanotechnology Fullerene หรือ คาร์บอน-60 นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถสังเคราะห์โมเลกุลที่มีลักษณะทรงกลมท่ีมีจานวนของคาร์บอนต่างๆ กันออกมา มากมาย จนกระท่ังสามารถสังเคราะห์สิ่งท่ีเรียกว่า ท่อนาโน (Nanotube) คือโมเลกุลที่ประกอบด้วย คาร์บอนกอ่ รูปกนั ขึ้นเป็นโครงสรา้ งทีม่ ลี กั ษณะคล้ายทอ่ อนั นามาซ่ึงงานประยุกต์มากมาย 4). วิศวกรรม โปรตีน DNA และการศึกษาจักรกลเชิงโมเลกุลที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติเช่น โปรตีน และ DNA 5). นาโน เทคโนโลยีเชิงคานวณเพือ่ การออกแบบจกั รกลนาโน นาโนเทคโนโลยเี ชิงคานวณจะเป็นเครื่องมือในการทา ความเข้าใจธรรมชาติระดับอะตอม เพื่อท่ีเราจะสามารถจะถ่ายทอดความต้องการของเราไปยังจักรกลนา โนได้ บทบาทสาคัญของนาโนเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมมักจะเกี่ยวข้องกับ การพัฒนาเซนเซอร์ท่ีใช้ ตรวจจับสารพิษต่างๆ ที่ปนเป้ือนในน้าเสียและอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรม การพัฒนาวัสดุท่ีมีรูพรุน ขนาดนาโน เช่น ซีโอไลต์ (zeolites) นาโนเซรามิก (nanoceramic) หรือแผ่นกรองประสิทธิภาพสูงที่ สามารถดักจับสารพิษต่างๆ ก่อนถูกปล่อยออกมาในแหล่งน้าธรรมชาติ หรือการใช้สารเร่งปฏิกิริยาขนาด นาโน (nanolites) ในการลดความเป็นพิษและยอ่ ยสลายสารพษิ ท่อี ยู่ในสิง่ แวดล้อมใหห้ มดไป เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology :ICT) คาวา่ “เทคโนโลยี” หมายถงึ การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพ่ือให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่างๆ และหาทางนามา ประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ ส่วนคาว่า สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดาเนินชีวิตของ มนุษย์ เทคโนโลยีกบั สารสนเทศเขา้ ดว้ ยกนั จึงหมายถงึ เทคโนโลยีท่ีใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่ เก่ียวข้องต้ังแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การส่ือสาร ข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึงเทคโนโลยีท่ีทาให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการ ดแู ลขอ้ มูล ในปัจจบุ นั น้เี ทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology : IT) หรือไอทีมีบทบาทสาคัญ และเป็นความจาเป็นที่ต้องมีต้องใช้ในการดาเนินงานของธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นที่มาของคา หลาย ๆ คาท่ีเกิดขึ้นในยุคนี้ท่ีข้ึนต้นด้วย e- ….ซ่ึงย่อมาจาก electronic เช่น e-Commerce, e- Business, e-Education, e-Library, e-Journal, e-Learning ตลอดจน e-Government เป็นต้นให้มี การจัดเก็บสารสนเทศหรือเอกสารต่าง ๆ จากเดิมท่ีอยู่ในรูปของกระดาษมาให้อยู่ในรูปของส่ือ อิเล็กทรอนิกส์ คาศัพท์ในยุคไอทีท่ีควรพิจารณาและทาความเข้าใจ ได้แก่ e-Learning, e-Education, e-Library, e-Journal, e-Book, Virtual Education, Virtual University, courseware, และ Online Teaching and Learning ประโยชน์ท่ีสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศมีดังนี้ 1. การส่งผ่านข้อมูลจาก ระยะไกล 2. การเกษตรกรรม 3. การคมนาคม 4. อุตสาหกรรม 5. ด้านความม่ันคงปลอดภัย 6. ด้าน สิ่งแวดล้อม 7. ด้านเศรษฐกิจและการพาณิชย์ 8. ด้านการจัดการบรรเทาสาธารณภัย 9. ด้านพระ ศาสนา 10. ดา้ นกฎหมายและนติ บิ ัญญัติ 11. ด้านกระทรวง ทบวง กรม

ห น้ า | ๙๗ เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ (Materials Technology) เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์เป็นหน่ึงในปัจจัยหลักท่ีกาหนดขีดความสามารถในการแข่งขันทาง เศรษฐกิจและระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม รวมทั้งยังเป็นองค์ประกอบสาคัญของการพัฒนาอย่าง ยั่งยืนอีกด้วย ประเทศท่ีพัฒนาแล้วเช่นสหรัฐอเมริกา ญ่ีปุ่น สหราชอาณาจักร ไต้หวัน เกาหลีให้ ความสาคญั กับวสั ดุศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีเป็นอยา่ งสูงและจัดต้ังเปน็ องค์การระดับชาติ ส่วนประเทศไทยมี องคก์ รด้านวสั ดุศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีโดยตรง ตงั้ แต่องคใ์ นระดบั ประเทศ ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและ วัสดุแหง่ ชาติ(MTEC) ซง่ึ อยู่ภายใต้สานกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประโยชน์และผลกระทบของเทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ 1) ด้านสุขภาพ เช่นวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้งานในทาง การแพทย์และทางทนั ตกรรม 2) ด้านสง่ิ แวดลอ้ ม เช่น การใช้สารที่ไม่เป็นพิษต่อส่ิงแวดล้อม การจัดการ ส่ิงแวดล้อ 3) พลังงาน เช่นเซลล์แสงอาทิตย์ เซลล์เช้ือเพลิง ยานยนต์ 4. ยานยนต์ เช่น การลด น้าหนักรถยนต์ การใช้เซรามิกส์ รถยนต์สีเขียว 5. กีฬา วัสดุไฮเทคได้รับการพัฒนาข้ึนเพ่ือช่วยเสริม สมรรถนะ และลดโอกาสเกิดอันตรายหรือบาดเจบ็ ของนกั กีฬา 6. อิเลก็ ทรอนิกส์ การย่อขนาดให้เล็กลง ไปเรื่อยๆ (Miniaturization) ซึ่งทาให้เคร่ืองใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีขนาดเล็กลง ทางานได้รวดเร็วข้ึน มีประสิทธิภาพ 7. โทรคมนาคม การผสมผสานระหว่างดาวเทียม (Satellites) ใยแก้วนาแสง และโครงข่ายไร้สายภาคพ้ืนดิน 8. อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เทคโนโลยีวัสดุมีผลต่ออุตสาหกรรมในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิต ในที่นี้จะขอ ยกตัวอย่างที่สาคัญ 2 เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ การออกแบบ และเครอ่ื งมือตัดแต่งวัสดุ

ห น้ า | ๙๘ บทท่ี 9 ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มในประเทศไทย ปจั จุบนั ปัญหาส่ิงแวดล้อมของประเทศไทย มีสาเหตุมาจากการเพ่ิมข้ึนของประชากรจานวนมาก และมกี ารนาเทคโนโลยสี มยั ใหมเ่ ขา้ มาใชแ้ ทน โดยก่อให้เกดิ ปญั หาต่าง ๆ ตามมามากข้นึ ปญั หาส่งิ แวดล้อมของประเทศไทย มีดังน้ี 1. ปญั หาขยะมูลฝอยทเี่ กดิ ขนึ้ ตามเมอื งใหญ่ เชน่ กรุงเทพฯ เชยี งใหม่ เป็นต้น 2. ปญั หามลพษิ ทางน้า ทางอากาศ ท่ีเกดิ จากโรงงานอตุ สาหกรรม และชุมชนเมืองใหญ่ 3. ปญั หาสารพษิ ตกคา้ งในอาหารและสง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ การใช้สารพิษกาจัดแมลงทางการเกษตร 4. ปัญหาความเสื่อมโทรมของแหล่งนา้ จืดที่เกิดจากการทาลายป่าเพ่ือการเกษตร การขยายตัวของชุมชน และเมืองต่างทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาแหล่งน้าเสอ่ื มคุณภาพ 5. ปัญหาความเส่ือมโทรมของทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังที่เกิดจากการทาเมืองแร่ การระบายน้าเสีย ลงสู่ทะเล 6. ปญั หาการตัดไม้ทาลายป่าหรอื บกุ รุกพนื้ ทปี่ า่ สงวน 7. ปัญหาการเสอื่ มโทรมของดิน 8. ปัญหาคุณภาพและการกระจายตวั ของประชากร ปัญหาส่ิงแวดล้อมในภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย 1. ปญั หาสิง่ แวดลอ้ มและแนวทางแกไ้ ขปญั หาในภาคเหนอื ปัญหาการบุกรกุ ทาลายป่า สาเหตุ เกดิ จากการทาไร่เลือ่ นลอยของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และบุกรุกพ้ืนที่ป่าสงวน การตัดไม้ทาลายป่า ทาใหด้ ินเกดิ การพงั ทลายและไม่มคี วามอดุ มสมบรู ณ์และทาให้แมน่ ้าลาธารตื้นเขิน แนวทางแก้ไข 1. ปอ้ งกนั ควบคุมการตัดไม้ทาลายป่า 2. ขยายเขตพื้นท่ีปา่ สงวน ป่าอนรุ กั ษ์ และรักษาพนั ธ์ุสัตว์ป่า 3. ให้การศึกษาแกป่ ระชาชนในความสาคญั ของป่าไม้ ตลอดจนวธิ ีการอนรุ กั ษ์ปา่ ไม้ 4. ส่งเสรมิ การปลกู ปา่ เพอ่ื ทดแทนป่าท่ถี ูกทาลายไป 5. เรง่ ทาแผนอพยพชุมชนและคนออกจากพน้ื ทีป่ ่าอนรุ ักษ์ 6. ปฏเิ สธการรบั รอง \"สิทธิชมุ ชน\" ในการตง้ั ถิน่ ฐานในผนื ป่า

ห น้ า | ๙๙ ปญั หาการพังทลายของดิน สาเหตุเกิดจากการตัดไม้ทาลายป่าของภาคเหนือมีสูงถึงร้อยละ 60 ของภาค และยังเป็นพื้นที่ราบสูง ทาใหป้ ญั หาการพงั ทลายของดินมมี าก แนวทางแก้ไข 1. สง่ เสริมและอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 2. แบ่งพ้ืนท่ีการใชด้ นิ ใหเ้ หมาะสม 3. มีมาตรการควบคมุ การตดั ไมท้ าลายป่า 4. สง่ เสรมิ การปลูกพชื แบบขน้ั บนั ได การปลกู พชื คลมุ ดนิ การปลูกพชื สลบั แถว ปัญหาการขยายตัวของสงั คมเมือง สาเหตุเกิดจากการขายตัวของชุมชนมากข้ึน ก่อให้เกิดปัญหาส่ิงแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหาขยะมูลฝอย ปัญหาชุมชนแออัด ปญั หายาเสพตดิ ปญั หาการแพรร่ ะบาดของโรคเอดส์ เปน็ ตน้ แนวทางแกไ้ ข 1. ส่งเสรมิ และฝึกอาชีพตา่ ง ๆ แกป่ ระชาชน 2. ให้การศึกษาทีส่ อดคล้องกบั ความตอ้ งการของท้องถ่นิ เชน่ โครงการพฒั นาชาวไทยภูเขา 3. ปราบปรามและลงโทษผูค้ ้ายาเสพย์ติดอย่างเด็ดขาด 4. พฒั นาคนให้มจี ิตสานึกในการรบั ผดิ ชอบร่วมกนั ปัญหาการขาดแคลนท่ีดินทากิน เนื่องจากภาคเหนือเป็นพ้นื ที่ราบสงู สลบั กบั ภูเขา ทาใหข้ าดทดี่ ินในการประกอบอาชีพเกษตร แนวทางแก้ไข 1. ปรับปรุงคณุ ภาพของดินให้สามารถใช้ประโยชน์ไดม้ ากท่ีสดุ 2. ให้ความรดู้ า้ นการเกษตรแก่เกษตรกรในการใช้ประโยชนจ์ ากท่ดี ินของตน 2. ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มและแนวทางแกไ้ ขภาคกลาง ปญั หาการใช้ท่ดี นิ 1. ใชท้ ี่ดินไม่เหมาะสมกับสภาพของดนิ 2. มีการเพาะปลูกไมเ่ หมาะสมกับสภาพของดนิ 3. มีการปลูกพชื ทีท่ าลายความอุดมสมบรู ณข์ องดิน 4. เกษตรกรสว่ นใหญ่ไม่มกี รรมสทิ ธิใ์ นทด่ี ิน แนวทางแกไ้ ข 1. หลีกเลีย่ งการขยายเมืองในพื้นทีท่ ีใ่ ชใ้ นการทาเกษตร

ห น้ า | ๑๐๐ 2. ปลูกพืชให้เหมาะสมกบั สภาพดิน 3. ใหค้ วามรูแ้ ก่เกษตรกรเพอื่ เพิ่มประสทิ ธิภาพการผลติ 4. จดั ให้มกี ารปฏริ ปู ทีด่ นิ ในการปรับปรุงและสทิ ธใิ นการถือครองทดี่ นิ ปัญหาเกย่ี วกับทรัพยากรนา้ ภาคกลางอยู่ในเขตเงาฝน ปริมาณน้าฝนที่ใช้ในการเกษตรไม่เพียงพอ จึงเกิดปัญหา การขาดแคลน นา้ แนวทางแก้ไข 1. พฒั นาการชลประทานใหก้ ระจายไปท่วั ทุกพนื้ ที่ 2. พฒั นาแหล่งนา้ ทต่ี น้ื เขินใหส้ ามารถเกบ็ กักน้าได้ 3. ไม่ท้ิงขยะมูลฝอยลงในแม่นา้ ลาคลองที่ก่อใหเ้ กิดปัญหาแหล่งน้าต้นื เขนิ ปญั หาการหนุนของน้าทะเล เนื่องจากภาคกลางเป็นพ้ืนท่ีราบลุ่ม จึงเกิดปัญหาน้าทะเลหนุนข้ึน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พืชผล และการเกษตร แนวทางแกไ้ ข 1. กรมชลประทานไดช้ ่วยขดุ คลองส่งนา้ เลี้ยงต้นไม้ในฤดูแล้ง เพ่อื ช่วยใหค้ วามเข้มขน้ ของน้าทะเลลดลง 2. สร้างเขื่อนกน้ั น้าทะเลในระยะท่ีน้าทะเลหนนุ ปญั หาการทาลายปา่ หว้ ยขาแข้ง 3. ปญั หาสง่ิ แวดล้อมและแนวทางแก้ไขภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ปัญหาเกี่ยวกบั การพังทลายของดนิ 1. ลักษณะภูมิประเทศเปน็ พนื้ ทล่ี าดเอยี ง กอ่ ใหเ้ กดิ การพงั ทลายของดนิ ได้ง่าย 2. ความรุนแรงของลักษณะภูมิอากาศ เช่น แห้งแล้งมาก ร้อนมาก หรือมีน้าหลากในช่วงเกิดพายุ ดีเปรสชนั กอ่ ให้เกิดการพงั ทลายของดนิ 3. ลกั ษณะเนอ้ื ดนิ เป็นหนิ ทรายนา้ ซมึ ผ่านได้ง่าย จึงเกิดการพงั ทลายได้ 4. ขาดพืชปกคลมุ่ ดินเนอื่ งจากไม่มปี ่าไมเ้ หลืออยู่ แนวทางแก้ไข 1. ควบคมุ และป้องกนั การตดั ไมท้ าลายปา่ 2. หา้ มการเพาะปลูกพืชท่ีผิดวธิ ี 3. ควรปลูกพชื แบบวธิ ีขนั้ บันไดในบริเวณทมี่ ีพ้นื ที่ลาดเอียง 4. ควรปลกู พืชคลุมดินบรเิ วณท่ีมีการพงั ทลายของดนิ 5. ควรสร้างเขื่อนขนาดเล็กเพอื่ คัน่ ร่องนา้ ให้เก็บกักนา้ ไว้

ห น้ า | ๑๐๑ 3. ปัญหาส่งิ แวดล้อมและแนวทางแกไ้ ขภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ปัญหาการขาดแคลนน้าในชว่ งฤดูแลง้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขาดแคลนน้ามากในช่วงฤดูแล้ง เน่ืองจากพ้ืนดินเป็นดินปนทราย และมี พื้นท่ลี าดเอยี ง ทาให้นา้ ซึมอย่างรวดเรว็ และไหลลงส่แู มน่ ้าลาธารอยา่ งรวดเร็ว รวมท้ังการพังทลายของดิน ทาให้แหลง่ นา้ ตน้ื เขิน แนวทางแกไ้ ข 1. ควบคมุ และป้องกนั การทาลายแหล่งนา้ ธรรมชาติ 2. สรา้ งเข่ือนเก็บกกั นา้ หรือฝาย 3. ปรบั ปรงุ แหล่งนา้ ธรรมชาตใิ ห้สามารถรองรับปริมาณนา้ ไดม้ ากที่สุด 4. ขดุ เจาะบอ่ บาดาลเพ่ือเพม่ิ ปริมาณนา้ ให้เพียงพอกับความตอ้ งการของประชาชน 5. ควบคมุ และปอ้ งกนั การตดั ไม้ทาลายป่าในต้นน้าลาธาร 6. สร้างถงั นา้ คอนกรตี สาหรับหมู่บา้ นเพ่อื เกบ็ น้าฝนไว้ใช้ 7. ใหค้ วามรู้แกป่ ระชาชนในการอนรุ กั ษ์แหลง่ นา้ ปญั หาการบุกรุกทาลายป่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีพ้ืนท่ีป่าไม้น้อยมาก เน่ืองจากการเพิ่มขึ้นของประชากร การกระจาย ตัวของประชากร และการเพาะปลูกที่ผดิ หลัก จนเปน็ เหตุใหเ้ กิดการอพยพยา้ ยถ่ินเพือ่ แสวงหาถน่ิ ทากิน แนวทางแก้ไข 1. ให้ความรเู้ กย่ี วกับความสาคัญของปา่ ไม้ 2. สง่ เสริมการปลูกป่าทดแทนและปรบั ปรุงตน้ น้าลาธาร 3. รว่ มมือกับกรมป่าไมใ้ นการอนุรักษ์และรักษาปา่ ไม้ 4. ชว่ ยกนั รักษาป่าธรรมชาตบิ รเิ วณต้นนา้ ลาธาร ปญั หาการเติบโตของชุมชนเมือง ชุมชนเมืองใหญ่ ๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา เป็นต้น ก่อให้เกิดปัญหาชุมชน แออัด ปัญหาขยะมูลฝอย ตามมามากขึ้น แนวทางแก้ไข ควรวางแผนและมีมาตรการในการจัดระเบียบ การวางผังเมือง และเขตอุตสาหกรรมให้ถูกต้องและ สามารถควบคมุ ได้

ห น้ า | ๑๐๒ 4. ปญั หาสิ่งแวดลอ้ มและแนวทางการแก้ไขปญั หาในภาคตะวนั ออก ปญั หาการพังทลายของดิน สาเหตุเกิดจากการตัดไม้ทาลายป่า และการปลูกพืชท่ีก่อให้เกิดดินเส่ือมคุณภาพขาดความอุดม สมบูรณ์ เช่น มัน สาปะหลงั อ้อย เป็นตน้ แนวทางแกไ้ ข 1. ใหค้ วามรใู้ นการรักษาป่าและการสงวนปา่ ที่เป็นต้นน้า 2. ปลกู ป่าทดแทนในบริเวณทีเ่ คยเป็นปา่ ไม้ 3. เลกิ การเพาะปลกู แบบทาไร่เล่อื นลอย 4. ส่งเสรมิ การปลูกพืชทชี่ ่วยให้ดินมีความอดุ มสมบูรณ์ 5. ควรป้องกนั และรักษาปา่ ธรรมชาติ ปัญหาการบกุ รกุ ทาลายปา่ ไม้และปา่ ชายเลน จังหวัดท่ีมพี ้ืนทต่ี ดิ ตอ่ กับชายฝ่ังทะเล 5 จงั หวดั เพอื่ ใชป้ ลกู พชื ไร่ แนวทางแกไ้ ข ควรกาหนดพ้ืนที่ในการเพาะปลูกให้แน่นอน และกาหนดพื้นที่เพ่ือการอนุรักษ์และป้องกันการบุกลุก ทาลายปา่ ปญั หามลพษิ บรเิ วณชายฝัง่ ทะเล ภาคตะวันออกเป็นเขตพ้ืนที่อุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด ทาให้มีการปล่อยน้าเสียและกากสารพิษ ลงส่ทู ะเล แนวทางแกไ้ ข ควรควบคมุ โรงงานอตุ สาหกรรมให้มกี ารจัดระบบการบาบัดน้าเสียและกากสารพิษให้เครง่ ครดั ปัญหาการขาดแคลนนา้ จดื สาหรับอุปโภคบรโิ ภคและการเกษตร ในบรเิ วณทรี่ าบชายฝ่ังทะเลในช่วงฤดูแลง้ แนวทางแกไ้ ข ควรมีการสร้างเข่ือนหรืออ่างเก็บน้า และพัฒนาแหล่งน้าให้สามารถเก็บกักน้าไว้ใช้ได้ตลอดทุกฤดู และไม่ ควรตัดไม้ทาลายป่า ปัญหาการรบั เอาวฒั นธรรมกระแสใหม่ ภาคตะวันออกกาลังพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมด้านต่าง ๆ ก่อให้การดาเนินชีวิตของ ประชาชนเปลย่ี นแปลงไป เช่น การแต่งกาย การใช้จา่ ยทฟ่ี ่มุ เฟือย

ห น้ า | ๑๐๓ แนวทางการแกไ้ ข ให้ความรู้และปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้อง ตลอดจนการอนุรักษ์วัฒนธรรมต่าง ๆ ของไทยให้เป็นเอกลักษณ์ ของชาตติ อ่ ไป ปัญหาชายแดนและความมั่นคงของชาติ ภาคตะวันออกมพี น้ื ที่ติดตอ่ กับชายแดนของประเทศกัมพูชา จึงเกิดปัญหาเกี่ยวกับการอพยพของผู้ล้ี ภัย ปัญหา การล่วงล้าอธิปไตย ปัญหาการลักลอบขนสินค้าและอาวุธ ซ่ึงเป็นปัญหาที่มีผลต่อความม่ันคง ของชาตเิ ปน็ อย่างยงิ่ แนวทางแกไ้ ข 1. หามาตรการในการป้องกันชายแดนให้เข้มงวดข้ึน 2. ผลักดนั ให้ผู้ลี้ภยั ออกจากประเทศ โดยรว่ มมือกับองค์การสหประชาชาติ 5. ปัญหาส่งิ แวดล้อมและแนวทางการแกป้ ัญหาในภาคตะวนั ตก ปญั หาการพงั ทลายของดิน ภาคตะวันตกเป็นเขตภูเขา มักจะมีปัญหาการพังทลายของดินอย่างรุนแรง เน่ืองจากการถางป่า โค่นปา่ เพื่อเพาะปลูกแบบไร่เลื่อนลอย ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ก่อให้เกิดความแห้งแล้งหรือน้าท่วมใน ฤดูน้าหลากได้งา่ ย แนวทางแกไ้ ข 1. ส่งเสริมการปลูกป่าเพอ่ื รักษาตน้ นา้ ลาธาร 2. ควรมีการพฒั นาแหลง่ นา้ โดยการชลประทาน ปัญหาการขาดแคลนน้า ภาคตะวันตกอยู่ในพื้นท่ีเขตเงาฝน หรืออับฝน จึงก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้าทั้งในด้าน อุปโภคและบรโิ ภค และการเกษตรของประชากรในภาคนี้ แนวทางแกไ้ ข 1. ส่งเสรมิ การปลกู ปา่ และอนุรักษป์ า่ ไม้ ตลอดจนมกี ารลงโทษผู้กระทาผิดในการบกุ รกุ ตัดไมท้ าลายป่า 2. ควรพัฒนาแหล่งนา้ โดยการสรา้ งเขอ่ื น ฝายและอ่างเกบ็ น้า เพ่อื เกบ็ กักนา้ ปญั หาการบกุ รุกทาลายปา่ ไม้ พื้นท่ีท่ีเกิดปัญหามากท่ีสุดคือบริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร และเข่ือนน้าโจน ท่ีมักจะพบปัญหาการตัดไม้ ทาลายป่า มากท่ีสุด

ห น้ า | ๑๐๔ แนวทางการแกไ้ ข ใหค้ วามรู้และความเขา้ ใจแกป่ ระชาชนในทอ้ งถ่ิน ในการมีส่วนรว่ มอนรุ ักษท์ รัพยากรปา่ ไม้ ปญั หาน้าทะเลทะลักเขา้ พื้นที่ แม่น้าแม่กลอง และแม่น้าเพชรบุรี ในช่วงฤดูฝนจะมีปัญหาน้าทะเลหนุนเข้าพื้นท่ีการเพาะปลูก การเกษตร พืช สวนมากทาใหเ้ กดิ ความเสยี หายเปน็ จานวนมาก แนวทางการแกไ้ ข สร้างทานบกัน้ ไมใ่ ห้น้าเค็มไหลเขา้ พ้ืนท่ี ปัญหานา้ เน่าเสยี ของแม่นา้ แมก่ ลอง แนวทางแกไ้ ข ควรควบคุมและป้องกันไม่ให้โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้าเสียลงสู่แม่น้า และช่วยกันฟื้นฟูลาน้าระหว่าง ชุมชนกบั วดั ปัญหาสารพษิ ตกค้างจังหวดั กาญจนบุรี แนวทางการแก้ไขควรจัดให้มีมาตรการควบคุมการกาจัดสารพิษอย่างถูกต้องและเคร่งครัดในจังหวัด กาญจนบรุ ี 6. ปญั หาสงิ่ แวดล้อมและแนวทางแกไ้ ขปัญหาในภาคใต้ ปัญหาการสญู เสยี ปา่ ชายเลน เปน็ ปัญหาทีเ่ กดิ จากการขยายตัวของเกษตรกรนากุ้งและการประมงชายฝ่งั แนวทางแกไ้ ขควรร่วมมือกนั ฟ้ืนฟูสภาพชายฝงั่ ทะเล ปัญหาความขัดแย้งของเกษตรกรนากงุ้ และนาข้าว แนวทางการแก้ไขควรแบง่ พน้ื ที่ทาการและสร้างระบบกัน้ นา้ เคม็ ระหว่างเกษตรกรนากุ้งและนาข้าวให้แยก จากกนั ปัญหาดินเค็ม ภาคใตม้ ีพนื้ ทีต่ ิดชายฝัง่ ทะเลทัง้ 2 ดา้ น จึงเกดิ ปัญหานา้ ทะเลทว่ มขังเป็นจานวนมาก แนวทางแกไ้ ข ควรมีระบบการระบายน้าออกจากพ้ืนท่ีน้าท่วมขังและควรสร้างประตูบังคับน้าปิดก้ันไม่ให้น้าทะเล ไหล เข้า

ห น้ า | ๑๐๕ ปัญหาอนั ตรายจากพายุ เน่อื งจากภาคใต้ได้รับอทิ ธิพลจากลมมรสุมทะเลจนี ใตแ้ ละลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ ทาใหเ้ กดิ พายุและดเี ปรสชนั ลักษณะภมู ิประเทศเป็นคาบสมทุ รแคบ ๆ ยื่นไปในทะเลจึงทาให้เกิดอันตราย จากพายไุ ด้งา่ ย แนวทางแกไ้ ข ควรใหค้ วามรแู้ ละความเขา้ ใจในการอนุรกั ษ์พ้ืนทปี่ ่าไม้ และไม่ควรตัดไม้ทาลายปา่ ปัญหาการอพยพเข้ามาของแรงงานชาวพมา่ เนื่องจากภาคใต้มีพ้ืนที่ชายแดนติดกับประเทศพม่า และมีแผนการพัฒนาเมืองตามโครงการ สามเหล่ียมเศรษฐกิจ ทาใหต้ ้องใชแ้ รงงานในการก่อสรา้ งเพิ่มจานวนมากขึน้ แนวทางแกไ้ ข ทกุ องคก์ รควรรว่ มมอื กันในการแกไ้ ขปัญหา และส่งเสรมิ ให้คนในสังคมร่วมมือกัน ปัญหาการทาเหมอื งแร่ ภาคใต้จะมีการประกอบอาชีพการทาเหมืองแร่มากท่ีสุด และเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปไม่ สามารถหามาทดแทนได้ จึงเกิดปัญหาการแย่งชิงครอบครองแหล่งแร่ การซ้ือขายและขาดการอนุรักษ์ ทรพั ยากรแร่ เน่อื งจากมกี ฎหมายท่ีไม่รดั กุม แนวทางแกไ้ ข 1. ควรมีมาตรการและการลงโทษอย่างเครง่ ครัดหากไม่ 2. ปฏิบตั ิตามกฎหมายและพระราชบญั ญัตแิ ร่ 3. สง่ เสริมใหม้ กี ารใชแ้ ร่ทปี่ ริมาณมากแทนแร่ทม่ี ปี รมิ าณนอ้ ยแทน ปญั หาชายแดน พ้ืนท่ีของภาคใต้มีชายแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ปัญหาส่วนใหญ่เป็นปัญหาขบวนการโจรก่อการ ร้าย ปัญหาการลุกล้าแนวเขตแดนของไทย ปัญหาการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีและอาวุธ ปัญหาผู้ล้ี ภัย สว่ นปญั หาการล่วงเกนิ น่านนา้ ของชาวประมงภาคใตเ้ ป็นกรณีพพิ าทท่สี ามารถเจรจาตกลงกนั ได้ แนวทางแก้ไข 1. สร้างเสริมความสมั พนั ธแ์ ละความเข้าใจระหว่างสองประเทศ 2. ควบคุมและป้องกนั การลักลอบขนสนิ คา้ และอาวธุ อยา่ งเคร่งครัด 3. ให้ความรู้และเขา้ ใจแก่ชาวประมงเกีย่ วกบั เขตแดนนา่ นนา้ ของไทยใหถ้ กู ตอ้ ง

ห น้ า | ๑๐๖ ปญั หาส่งิ แวดลอ้ มในเขตกรุงเทพฯและปรมิ ณฑล ปัญหาความหนาแนน่ ของประชากร เนื่องจากกรุงเทพฯและปริมณฑลเปน็ ศูนย์กลางของประเทศ และมคี วามสาคญั ในด้านตา่ ง ๆ ประชากรจึงอพยพเข้ามาอยู่เพ่อื ประกอบอาชพี มากขึ้น จงึ ก่อใหเ้ กดิ ปญั หาความหนาแน่นของประชากร แนวทางแกไ้ ข 1. กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ให้ประชากรไม่ต้องอพยพเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯและเขต ปริมณฑล 2. หามาตรการจัดวางผงั เมืองและจดั ระเบียบใหเ้ หมาะสมกับจานวนประชากร 3. ให้ความรเู้ กย่ี วกบั สภาพแวดลอ้ มท่ีดี เพือ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและรว่ มมือกนั ปฏบิ ัติ ปญั หาการจราจรแออดั แนวทางแกไ้ ข 1. ปฏิบตั ิตามกฎจราจรอยา่ งเคร่งครดั และลงโทษผฝู้ า่ ฝืน 2. ปรับปรงุ ระบบขนสง่ มวลชนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ 3. ขยายและเชอ่ื มโยงถนนตา่ ง ๆ เข้าดว้ ยกนั 4. รณรงคใ์ หผ้ ้ใู ช้รถยนต์สว่ นตวั มาใช้บริการของขนส่งมวลชน ปญั หาพนื้ ที่ทรดุ ตัว เนือ่ งจากมกี ารกอ่ สรา้ ง การขดุ เจาะนา้ บาดาลเพอ่ื นามาใชป้ ระโยชน์ ทาใหเ้ กิดพ้ืนดินทรุดตัวต่าลง แนวทางแก้ไข 1. ควบคมุ การขุดเจาะนา้ บาดาล และการสรา้ งตึกขนาดใหญ่ 2. จดั หาน้าประปาให้เพียงพอสาหรบั การใช้ของประชากร ปัญหานา้ ทว่ มและน้าทะเลหนนุ กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นท่ีลุ่มต่ากว่าระดับน้าทะเล จังก่อให้เกิดปัญหาน้าท่วมอยู่เสมอ และ ปญั หาน้าทะเลทะลักเข้าพ้ืนทีท่ าเกษตร ซ่งึ ได้รบั ความเสยี หายเป็นจานวนมาก แนวทางแก้ไข 1. สรา้ งเขอ่ื นกนั้ คลองทต่ี อ่ เนอ่ื งกับทะเล เพือ่ กั้นไมใ่ ห้น้าทะเลทะลักเขา้ 2. สร้างประตรู ะบายน้า และขดุ ลอกคลองน้าที่ตนื้ เขิน 3. ปฏิบตั ิตามโครงการพระราชดาริ \"โครงการแกม้ ลงิ \" เพอื่ ป้องกันนา้ ทว่ มกรุงเทพฯ

ห น้ า | ๑๐๗ ปัญหาการขยายตัวของเมอื งและเขตอตุ สาหกรรม การขยายตวั ของเมอื งก่อให้เกดิ ปัญหามลพิษต่าง ๆ ทางสงิ่ แวดล้อม ดังนี้ - มลพษิ ทางอากาศ สาเหตมุ จี ากรถยนต์และโรงงานอตุ สาหกรรมมากข้นึ - มลพษิ ทางน้า สาเหตจุ ากการระบายของเสียจากโรงงานอตุ สาหกรรมและแหล่งชมุ ชน - มลพิษทางเสียง สาเหตุจากมยี านพาหนะทางบกและทางนา้ มีจานวนมากขึ้น - การทิง้ ขยะมูลฝอยลงในแมน่ ้าลาคลอง ก่อใหเ้ กิดน้าเนา่ เสยี และมีสารพษิ เจือปน แนวทางแกไ้ ข 1. วางแผนควบคุมการขยายตัวของเมืองและเขตอุตสาหกรรมให้เคร่งครดั และปฏบิ ตั ติ ามแผนท่วี างไว้ 2. เผยแพร่ความรแู้ ละให้ความร่วมมอื กันระหว่างประชาชน ภาคเอกชนและหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้าง สภาพแวดลอ้ มใหด้ ขี ้ึน เช่น โครงการตาวเิ ศษ เปน็ ต้น การจัดการส่ิงแวดล้อม (ว่าที่ร้อยตรีหญิงยุวดี กวาตระกูล. สังคมกับสิ่งแวดล้อม.สานักวิทยบริการ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี.) ความหมายของการจัดการสิ่งแวดล้อม การจดั การสิง่ แวดล้อม หมายถึง กระบวนการแผก่ ระจายทรัพยากรทีส่ าคัญทัง้ ที่เกดิ โดยธรรมชาติ และมนษุ ย์สรา้ งขน้ึ เพอ่ื สนองความพอใจในการนาไปใชอ้ ย่างเหมาะสม ท้ังนี้ต้องเป็นการดาเนินการอย่างมี ระบบในการนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ เพ่ือสนองความต้องการของมนุษย์ โดยไม่มีผลกระทบต่อระบบ ส่ิงแวดล้อม เพือ่ จะมีทรพั ยากรใชไ้ ด้ตลอดไป ความสาคญั ของการจดั การสง่ิ แวดล้อม ผลที่ได้จากการวิเคราะห์ระบบและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาเป็นแนวทางวาง แผนการจัดการ และปฏิบัติโดยสามารถพยากรณ์สภาพปัญหาและวางแผนแก้ไขปัญหาก่อนการลงมือ ปฏิบัติดาเนินโครงการพัฒนาหรือเตรียมแผนไว้ใช้ระหว่างและหลังการดาเนินโครงการเพ่ือพัฒนาระบบ โดยไม่สร้างปัญหาส่ิงแวดลอ้ มหรอื ให้เกดิ ปัญหาน้อยท่ีสุด ท้ังน้สี ามารถคาดคะเนทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับ ต้นทนุ ทางสิ่งแวดล้อมไดด้ ้วย หลกั การและแนวทางการจดั การสง่ิ แวดล้อม มวี ตั ถปุ ระสงค์เพือ่ - มงุ่ การใชท้ รัพยากรให้ยั่งยืนยาวนาน - ใช้ทรพั ยากรโดยเพม่ิ จานวน และรักษาจานวนทีม่ ีอยู่ - รู้จกั การหมุนเวียนทรพั ยากรนากลบั มาใช้ใหม่ (Recycle) - ควบคมุ ของเสยี และมลพษิ ทีเ่ กิดขึ้น

ห น้ า | ๑๐๘ - รกั ษา , สงวน , ปรับปรงุ , ซ่อมแซม , พัฒนาการใชท้ รพั ยากร - ควบคมุ ระบบนิเวศใหอ้ ยู่ในสมดลุ ธรรมชาติ - ส่งเสริมคุณภาพชีวติ ของมนุษย์ให้ดี หลกั เกณฑ์ในการวางแผนการจัดการยดึ หลกั อนุรักษ์วิทยาโดยมหี ลักสาคัญ 3 ประการ คือ - การใช้อยา่ งสมเหตุสมผล ใหเ้ กิดประโยชน์คมุ้ ค่ามีผลเสยี นอ้ ยทีส่ ดุ - การปรับปรุงซ่อมแซมส่วนทสี่ ึกหรอหรือสญู หาย - การประหยัดในสว่ นทค่ี วรสงวนไว้ คานงึ ถงึ การใช้ เชน่ กรณีการสร้างเขอื่ นในพ้นื ทีป่ ่า - ทรัพยากรท่ีนาออกจากระบบ คือ ทรัพยากรที่เป็นสิ่งนาออก (Output) หลังจากมีโครงสร้างการพัฒนา เขา้ สรู่ ะบบ เช่น คน, ตน้ ไม้ ฯลฯ - ทรัพยากรท่ีนาเข้ามาใช้ในระบบ คือ ทรัพยากรท่ีเป็นสิ่งนาเข้า (Input) นาเข้าสู่ระบบ เช่น เครื่องจักร ฯลฯ - ทรพั ยากรทีใ่ ช้ในระบบ คอื ทรัพยากรทมี่ ีใชอ้ ยู่เดิมในระบบ เช่น คน, บ้านเรือน, ต้นไม้ ฯลฯ - ทรัพยากรที่ใช้นอกระบบ คือ ทรัพยากรท่ีอยู่นอกระบบแต่มีความเกี่ยวข้องหรือมีอิทธิพลต่อการ เปล่ยี นแปลงขององคป์ ระกอบและการทางานในระบบ เช่น ความต้องการใชก้ ระแสไฟฟา้ ของชมุ ชน ข้นั ตอนการจัดการสิ่งแวดลอ้ ม ตั้งจดุ ประสงคส์ ุดยอด (Goal) 3.1) วตั ถุประสงค์ : ความตอ้ งการ 3.2) เปา้ หมาย : บอกขนาดและทิศทาง ใหเ้ ห็นรูปธรรม 3.3) นโยบาย : หลกั การ แผนงาน แนวทางการดาเนนิ งาน 3.4) มาตรการ : แนวทางการควบคมุ 3.5) แผนงาน : การกาหนดงานหรอื สิ่งที่ตอ้ งทา 3.6) แผนปฏบิ ัตกิ ารหรอื โครงการ : กาหนดกิจกรรมของงานและข้ันตอนการดาเนินงาน ระบุผู้รับผิดชอบ งบประมาณ เวลา สถานที่ โดยละเอยี ด การจดั การส่ิงแวดลอ้ มในประเทศไทย มขี ้อจากดั หลายประการดงั รวบรวมไดเ้ ป็นปัญหาในการจัดการสิ่งแวดลอ้ มของรัฐดงั นี้ 1. ประชาชนขาดความร้เู ร่อื งทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม 2. หน่วยงานขาดการประสานงานที่ดี 3. ขาดการวางแผนการใช้ทรพั ยากรฯ แบบผสมผสาน 4. มีการใชท้ รพั ยากรฯ มากเกนิ ไป จนไมส่ ามารถฟื้นคืนสภาพได้ 5. ขาดเทคโนโลยที เี่ หมาะสมในการกนั ไมใ่ หเ้ กิดมลพษิ

ห น้ า | ๑๐๙ 6. ขาดแคลนบคุ ลากรและงบประมาณในการแกป้ ญั หา 7. ระบบบรหิ ารทรัพยากรฯ ในประเทศไทยขาดประสิทธภิ าพ 8. ขาดความศักดสิ์ ทิ ธทิ างกฎหมาย หนว่ ยงานทเ่ี กยี วข้องกับการจัดการสง่ิ แวดลอ้ ม ภาครฐั บาล ไดแ้ ก่ - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบดูแลพ้ืนท่ีป่าไม้ คือ กรมอุทยาน แห่งชาติ-สัตว์ปา่ และพันธพุ์ ืชและกรมป่าไม้ - กรมสง่ เสรมิ คุณภาพสิ่งแวดลอ้ ม เปน็ ตน้ ภาคเอกชน ได้แก่ - สถาบนั ส่ิงแวดล้อมไทย - มูลนิธิตา่ ง ๆ เชน่ ตาวิเศษ , ชา้ ง , สตั ว์ป่าพรรณพืช ฯลฯ - ชมรมอนรุ กั ษ์ ฯ ในสถาบันการศึกษาต่างๆ เป็นต้น หนว่ ยงานและองค์กรทางสง่ิ แวดลอ้ มตา่ งประเทศ - UNEP หรือองค์กรส่ิงแวดล้อมโลก (UNITED NATIONS ENVIRONMENT PROGRAMME) ข้ึนกับ UNESCO มีประเทศสมาชิกท่ัวโลกกว่า 150 ประเทศ มีการจัดประชุมส่ิงแวดล้อมโลกคร้ังแรกท่ีกรุงริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล และกาหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันส่ิงแวดล้อมโลก ซึ่งตรงกับวันท่ี 5 มิถุนายน ของทุกปี - NETTLAP (NETWORD FOR ENVIRONMENTAL TRAINING AT TERITARY LEVEL IN ASIA AND THE PACIFIC) เป็นองคก์ รท่ใี หค้ วามชว่ ยเหลอื ในด้านทนุ วิจยั สิ่งแวดลอ้ ม เป็นต้น

ห น้ า | ๑๑๐ บทท่ี 10 กฎหมายเกย่ี วกับสง่ิ แวดลอ้ มของไทยและกตกิ าสากล บทนา พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นกฎหมายเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อม โดยตรงฉบับแรก (พ.ศ. ๒๕๑๘) ปรับปรุง (พ.ศ. ๒๕๒๑ และ พ.ศ. ๒๕๒๒) ฉบับใหม่ พ.ศ ๒๕๓๕ (เพิ่ม บทบัญญัติมาตรการควบคุมและแก้ไขสิ่งแวดล้อม) โดยปรับปรุงอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการ ส่ิงแวดล้อมแห่งชาติและก่อต้ังหน่วยงานใหม่ ซ่ึงจะต้องสอดรับกับความรู้เกี่ยวกับกฎกติกาสากลด้าน สิง่ แวดล้อม (multilateral environmental agreement platform) ด้วย นโยบายและแผนการจัดการส่ิงแวดลอ้ มของประเทศไทย รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ซง่ึ เปน็ กฎหมายสงู สุดท่ีกาหนดแนวนโยบายแห่ง รัฐมบี ทบัญญัติท่เี กีย่ วข้องกบั การจดั การสิง่ แวดลอ้ มโดยเปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนได้มีส่วนร่วมในการป้องกัน และปราบปรามการกระทาอันเป็นการทาลายทรัพยากรธรรมชาติและก่อให้เกิดมลพิษไว้อย่างชัดเจนใน มาตราตา่ งๆ ตลอดจนให้อานาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการส่ิงแวดล้อม ในหมวดต่างๆ เช่น หมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย ในส่วนท่ี ๑๐ ว่าด้วยสิทธิในข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียน (มาตรา ๕๗) ในส่วนท่ี ๑๒ วา่ ดว้ ยสทิ ธิชุมชน (มาตรา ๖๖) (มาตรา ๖๗) หมวด ๔ หน้าท่ีของชนชาวไทย (มาตรา ๗๓) หมวด ๕ แนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐ ในส่วนท่ี ๘ ว่าด้วย แนวนโยบายด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มาตรา ๘๕) (มาตรา ๘๖ (๓)) หมวด ๑๔ การปกครองส่วนท้องถ่ิน (มาตรา ๒๙๐) นอกจากแนวนโยบายแห่งรัฐด้านสิง่ แวดล้อมท่ีปรากฏในรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ แล้ว ยังมีแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔) โดยมียุทธศาสตร์ท่ี เกยี่ วข้องกบั ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมคือ “ยุทธศาสตร์การพัฒนาบนฐานความหลากหลายทาง ชีวภาพและความมั่นคงของฐานทรัพยากรและส่งิ แวดล้อม” บนหลกั การของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับแผนจดั การคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ ม พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔ ไดน้ ้อมนาพื้นฐานของหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง กฎหมายสงิ่ แวดล้อมของไทย พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกฎหมาย สง่ิ แวดล้อมท่ีเปน็ ปัจจบุ ันท่ีสดุ ที่ทาหน้าท่ีเป็นเสมือนกรอบสาหรับการจัดการควบคุมดูแลในภาพรวม โดย ทกี่ ารส่งเสรมิ และรกั ษาคุณภาพส่งิ แวดล้อมนนั้ ยังคงอยูภ่ ายใต้กฎหมายหลายฉบับ ส่วนการจัดการป้องกัน และแกไ้ ขปญั หาส่งิ แวดล้อมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะน้ันมักอยู่ภายใต้กฎหมายอ่ืนอีกหลายฉบับท่ีถูก ตราข้ึนเพ่ือการน้ันภายใต้การดาเนินงานของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิง่ แวดลอ้ มแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไดบ้ ัญญัตไิ วท้ งั้ ส้ิน ๑๑๕ มาตรา

ห น้ า | ๑๑๑ รายละเอียดของหมวดและมาตราตา่ งๆ ในพ.ร.บ.ฉบับน้ี สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เวบไซด์ของสานักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา (www.krisdika.go.th) ท้ังน้ีกล่าวโดยสรุปแล้ว พระราชบัญญัติส่งเสริมและ รกั ษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ มเี นื้อหาทค่ี รอบคลุมสิง่ แวดล้อมท้ังหมดดงั น้ีคอื ๑. สง่ เสริมประชาชนและองคก์ รเอกชนใหม้ ีส่วนรว่ มในการสง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพส่งิ แวดล้อม ๒. จดั ระบบการบรหิ ารงานด้านสง่ิ แวดลอ้ มให้เป็นไปตามหลกั การจัดการคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม ๓. กาหนดอานาจหน้าท่ีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และราชการส่วนท้องถิ่นให้เกิดการประสานงาน และมี หน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมและกาหนดแนวทางปฏิบัติในส่วนที่ไม่มี หน่วยงานใดรบั ผิดชอบโดยตรง ๔. กาหนดมาตรการควบคุมมลพิษดว้ ยการจัดใหม้ ีระบบบาบดั อากาศเสีย ระบบบาบัดน้าเสีย ระบบกาจัด ของเสยี และเครือ่ งมอื หรืออุปกรณ์ต่างๆ เพ่อื แกไ้ ขปัญหาเกยี่ วกับมลพษิ ๕. กาหนดหนา้ ที่ความรบั ผิดชอบของผ้ทู ่ีเก่ยี วข้องกบั การก่อใหเ้ กดิ มลพษิ ให้เป็นไปโดยชัดเจน ๖. กาหนดให้มีมาตรการส่งเสริมด้านกองทุนและความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพ่ือเป็นการจูงใจให้มีการ ยอมรับที่จะปฏบิ ตั หิ นา้ ทีใ่ นการรกั ษาคุณภาพสงิ่ แวดลอ้ ม จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบัญญตั นิ ี้ การบังคับใช้กฎหมายและความรับผดิ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกฎหมายที่วางกรอบใน การจัดการแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อมในภาพรวม ซงึ่ เนน้ การจัดการมากกว่าการลงโทษทางอาญาเป็นหลักใน การป้องกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นกฎหมายฉบับอื่นท่ีมีบทบัญญัติเก่ียวข้องกับการจัดการปัญหา สิง่ แวดลอ้ ม กย็ งั คงมผี ลบงั คบั ใช้ต่อไป ซ่ึงเป็นอานาจตามกฎหมายของสว่ นราชการหรือหน่วยงานในสังกัด กระทรวง ทบวง กรม ซ่ึงมีกฎหมายรองรับไว้โดยเฉพาะให้มีอานาจดาเนินการเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อม นอกเหนือจากรัฐธรรมนญู แลว้ กฎหมายทอ่ี ยใู่ นรูปพระราชบัญญัติต่างๆน้นั จดั เป็นกฎหมายมหาชน ซึ่งบาง ฉบบั หรอื บางมาตราเก่ียวขอ้ งกับการจัดการและปอ้ งกนั ส่งิ แวดล้อม การขอ การออก การเพิกถอน ซ่ึงเป็น ผลบังคับทางปกครอง รวมท้ังกาหนดบทลงโทษผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมด้วยซ่ึงเป็นผล บงั คับทางอาญา ส่วนท่ีเป็นกฎหมายเอกชนจะเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีสิ่งแวดล้อม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซ่ึงหลักการสากลที่นามาใช้การแก้ไขปัญหากรณีท่ีผู้เสียหายไม่ สามารถเรยี กรอ้ งให้มีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดข้ึนได้ คือ ๑. หลัก Polluter Pays Principle (PPP) ๒. หลกั ความรบั ผิดเด็ดขาด (Strict liability) หลักทั้งสองประการน้ีได้เป็นหลักพ้ืนฐานในการร่างมาตรา ๙๖ ในพระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ผลจากการตรา พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดลอ้ ม พ.ศ. ๒๕๓๕ นน้ั ทาให้เกดิ หน่วยงานใหม่ ๓ หน่วยงานคือ สานักนโยบายและแผนส่ิงแวดล้อม (ปัจจุบันคือสานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม) กรมควบคุมมลพิษ และกรม ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยยุบเลิกสานักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซ่ึงองค์กรสาคัญใน การปฏิบัติการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.น้ีได้แก่ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยองค์กรเหล่านี้ทา

ห น้ า | ๑๑๒ หน้าที่ประสานงานกับส่วนราชการ หรือหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการน้ัน ด้วยเหตุนี้จึงสามารถใช้ พ.ร.บ.นี้ควบคู่ไปกับกฎหมายอนื่ ได้ในลกั ษณะดงั น้ี (อานาจ ๒๕๕๐) - บทบญั ญัตขิ องกฎหมายอืน่ ท่ีกาหนดบทลงโทษทางอาญายังมีผลบังคับ หากกระทากรรมเดียวที่ ผิดกฎหมายหลายฉบับ ให้ใช้กฎหมายที่มีบทลงโทษหนักสุดบังคับแก่คดี (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐) -พระราชบัญญัติสง่ เสริมและรักษาคุณภาพสง่ิ แวดล้อมแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ จะไม่ถูกใช้ในกรณีที่ มีกฎหมายเฉพาะเก่ียวกบั การจดั การปญั หาสงิ่ แวดล้อมอยู่แล้ว เช่นกฎหมายเกี่ยวกับวัตถุอันตราย หรือ มี กฎหมายอ่ืนที่มีการกาหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษท่ีสูงกว่า ก็ยังคงใช้มาตรฐานน้ันๆ นอกจากนี้ พ.ร.บ. ฉบับนี้ยังส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายฉบับอ่ืนให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้นโดยให้มีการบังคับใช้กฎหมาย อื่นก่อน หากไม่มีการดาเนนิ การดงั วา่ นนั้ จึงจะบังคบั ตามพ.ร.บ.นี้ การประเมนิ ผลกระทบส่ิงแวดล้อม (Environmental Impact Assessment, EIA) เพ่ือเป็นมาตรการในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ ส่งิ แวดลอ้ ม พ.ศ. ๒๕๓๕ โครงการหรือกิจการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนที่มีผลกระทบต่อ สิง่ แวดลอ้ มจะตอ้ งทารายงานวเิ คราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม เพื่อเปน็ การป้องกันปัญหาท่ีจะส่งผลกระทบ โดยตรงต่อส่ิงแวดล้อมตลอดจนคาดการณ์ผลกระทบล่วงหน้าได้ นอกเหนือจากการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเพ่ือเป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการดาเนินโครงการแล้ว การติดตามและประเมินผล (monitoring and auditing) ก็ควรจัดทาเพื่อตรวจสอบว่าผลกระทบท่ีเกิดข้ึนนั้นมีจริงหรือไม่ รุนแรง เพียงใด เกิดจากโครงการดังกล่าวหรือเกิดจากเหตุปัจจัยอื่นๆ การประเมินผลช่วยให้ทราบว่าวิธีการ ติดตามน้ันแม่นยาหรือเหมาะสมหรือไม่ เพื่อท่ีจะได้สามารถป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบก่อนที่จะสาย เกินแก้ อีกทั้งเป็นสร้างฐานข้อมูลผลกระทบสาหรับโครงการในลักษณะเดียวกันในอนาคตได้และอาจไม่ จาเป็นต้องทาการติดตามเช่นเดิมอีก เป็นการประหยัดงบประมาณได้อีกทางหน่ึงด้วย สาหรับโครงการ หรือกิจการที่จะต้องทาการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อมดูได้จากประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (เดิม) ฉบับลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม และ ๙ กันยายน ๒๕๓๕ และฉบับลงวันท่ี ๒๒ มกราคม ๒๕๓๙ ทั้งน้ีบุคคลท่ีทาหน้าท่ีจัดทารายงานมักจะเป็นผู้ชานาญการศึกษาผลกระทบ สิ่งแวดลอ้ มทไ่ี ด้รบั ใบอนุญาตจากกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษา สถาบันวจิ ยั นิติบุคคลท่ีได้จดทะเบียนตามกฎหมายไทย และมีบุคลากรประจาที่มีคุณสมบัติตามที่กาหนด โดย กฎกระทรวงฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๒๗ ท่ีออกโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ การพลังงาน ทั้งน้ีรายงานหลักจะต้องประกอบด้วย บทนา รายละเอียดโครงการ สภาพแวดล้อมใน ปัจจุบัน ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการ มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบส่ิงแวดล้อมและ การชดเชย และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิง่ แวดล้อม

ห น้ า | ๑๑๓ องค์การอสิ ระด้านสง่ิ แวดลอ้ ม (อลส.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ สืบเนื่องมายังรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ ไดบ้ ญั ญตั ใิ ห้มีองคก์ ารอสิ ระด้านส่ิงแวดล้อม ซ่ึงเป็นองค์การใหม่ที่ จะเป็นกลไกให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทางสิ่งแวดล้อม โดยมีเจตนารมณ์เพื่อ คุ้มครองสิทธิของบุคคลในการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ บารุงรักษา และได้รับประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มได้รับหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการยกร่างกฎหมายจัดต้ังองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม เพอ่ื ให้สอดคล้องกับมาตรา ๖๗ แหง่ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ และจากการประชุม รับฟังความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญและจากประชาชน ๔ ภูมิภาค เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ท่ีผ่านมา เพ่ือให้ ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการยกร่างกฎหมายนั้น นามาซึ่งยกร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านส่ิงแวดล้อม และสุขภาพ ทั้งน้ียกร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จะได้ถูกนาเสนอต่อ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มเพือ่ ผา่ นเขา้ สกู่ ารพจิ ารณาในระดับขนั้ ต่อไป ISO 14000 องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานหรือ ISO (International Organization for Standardization) ได้จัดทามาตรฐานส่ิงแวดล้อมข้ึนเป็นชุด (อนุกรม) ซึ่งประกอบด้วยมาตรฐานหลาย เล่มนบั ตงั้ แต่ 14001-14100 อนกุ รมมาตรฐาน ISO 14000 สามารถนาไปใช้ไดกั บั ทุกองค์กร เพราะแต่ละ องค์กรมีกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งส้ิน ไม่ว่าจะเป็นมลพิษที่ถูกปล่อยออกมาจาก กระบวนการผลิตต่างๆหรือการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพและไม่คุ้มค่า หากมีระบบการจัดการ สิ่งแวดล้อมท่ีเหมาะสมก็จะสามารถลดหรือควบคุมผลกระทบดังกล่าวได้ อีกท้ังเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขันทางการตลาดได้อีกด้วย สาระสาคัญในมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย นโยบายส่ิงแวดล้อม การวางแผน การดาเนินการ การตรวจสอบและการแก้ไข การทบทวนและการ พฒั นา ตวั อย่างการนามาตรฐาน ISO 14000 อนุกรมต่างๆไปใช้ได้แก่ -ระบบการจัดการสงิ่ แวดลอ้ ม (EMS: ISO 14001) -การประเมินความสามารถในการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม (EPE: ISO 14030) -การประเมินผลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ มในวงจรของผลิตภัณฑ์ (LCA: ISO 14040) กติกาสากลดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม หนว่ ยงานในระดับโลกทม่ี ีหนา้ ทเี่ กย่ี วข้องกบั สิ่งแวดล้อมท่ีควรรู้จักได้แก่ สหประชาชาติ (United Nations, UN) โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Program, UNEP), สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature and Natural Resources, IUCN), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program, UNDP), องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization, UNESCO) ซ่ึงในเวบไซต์ของแต่ละหน่วยงานที่กล่าวมามีข้อมูลท่ีน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อมท่ี

ห น้ า | ๑๑๔ สามารถสืบค้นและศึกษาได้ดว้ ยตนเอง สาหรบั ข้อตกลงหรอื กตกิ าสากลซ่ึงเรียกว่าพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อม ระหวา่ งประเทศ จะขอกล่าวเฉพาะท่ีประเทศไทยได้ให้สัตยาบันร่วมเป็นภาคีแล้ว ได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วย ความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity: CBD) อนุสัญญาว่าด้วยการค้า ระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธ์ุสัตว์และพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora: CITES) อนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้าท่ีมี ความสาคัญในระดับนานาชาติโดยเฉพาะท่ีเป็นถ่ินที่อยู่ของนกน้า (Convention on Wetlands of International Importance as Waterfowl Habitat: RAMSAR) อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดก โลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ(Convention Concerning the Protection of World Cultural and Natural Heritage: the World Heritage Convention) อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็น ทะเลทราย (United Nations Convention to Combat Desertification: UNCCD) โครงการมนุษย์ และชีวมวล (Man and Biosphere Program: MAB)อนุสัญญาเวียนนา (Vienna Convention) พิธีสาร มอนทรอี อล (Montreal Protocol) อนสุ ญั ญาบาเซลวา่ ด้วยการเคล่ือนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตราย และการกาจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Waste and their Disposal: BASEL) อนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าดว้ ยกระบวนการแจ้งข้อมูล สารเคมีล่วงหน้าสาหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกาจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้า ระหว่างประเทศ (Rotterdam Convention on the Prior Informed Consent Procedure for Certain Hazardous Chemicals and Pesticides in International Trade: PIC) กลุ่มผู้ประสาน แผนปฏิบัติการทางทะเลและสง่ิ แวดล้อมในเอเชียตะวันออก (Coordinating Body on the Sea of East Asia: COBSEA) กติกาสากลอ่ืนๆท่ีอนุสัญญามีผลบังคับใช้แล้วแต่ประเทศไทยได้แต่เพียงลงนามรับรองหรือยัง ไม่ได้ลงนามรับรอง รวมทั้งยังไม่ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีได้แก่ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมาย ทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea: UNCLOS) อนุสัญญาว่าด้วยการ ป้องกันมลภาวะจากเรือ (International Convention for the Prevention of Pollution from Ships: MARPOL) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลภาวะทางทะเลเน่ืองจากการท้ิงวัสดุ เหลือใช้และวัสดุอย่างอื่น (Convention on the Prevention of Marine Pollution by Dumping of Wastes and Other Matter: London Dumping) กติกาสากลท่ียังไม่มีผลบังคับใช้ แต่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองแต่ยังมิให้สัตยาบันหรือให้ สัตยาบนั ไปแลว้ ได้แก่ อนสุ ญั ญาสตอกโฮลม์ วา่ ด้วยสารมลพิษตกค้างยาวนาน (Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants: POPs) สนธสิ ัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืช เพื่ออาหารและการเกษตร(International Treaty on Plant Genetic Resources for Food and Agriculture: ITPGR) กติกาสากลท่ียังไม่มีผลบังคับใช้ ประเทศไทยยังมิได้ลงนามรับรองและยังมิให้สัตยาบันเข้าร่วม ได้แก่ พธิ สี ารคาร์ตาเฮน่าว่าด้วยความปลอดภัยทางชวี ภาพ (Cartagena Protocol)

ห น้ า | ๑๑๕ บทท่ี 11 แนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง วิถกี ารดาเนนิ ชวี ิตกบั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในโลกยุคปัจจุบัน ทุกประเทศล้วนมุ่งแข่งขันเพ่ือความเจริญเติบโตของตนเอง โดยเน้นการ เจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจเปน็ สาคัญ ซ่ึงทรพั ยากรทางธรรมชาตบิ นโลก เชน่ ป่าไม้ ดนิ แรธ่ าตุ น้ามัน และ อ่ืนๆได้ถกู ใช้จนเหลอื ลดน้อยลงทุกที อีกทั้งยังเกดิ ปญั หาทางมลพิษต่างๆ ข้ึนมากมาย ปัญหาเหล่าน้ี ส่วน หน่ึงเกิดจากความไมร่ ู้จกั เพียงพอของสังคมมนุษย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเล็งเห็นถึงปัญหา ดังกล่าว และทรงช้ีแนะแนวทางแก้ไขโดยมีพระกระแสราชดารัสแด่พสกนิกรชาวไทย ให้นาปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียง (Sufficiency Economy) ไปประยกุ ต์ใช้ในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวัน ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพียง : ความหมายและความสาคญั “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดารัสช้ีแนะ แนวทาง การดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทาง เศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้า แนวทางการแก้ไขเพ่ือให้รอดพ้น และสามารถดารงอยู่ได้อย่าง ม่ันคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงโดยทรงเปรียบเทียบคาว่า พอเพียง กับ คาว่า Self-Sufficiency ว่า \". . . Self-Sufficiency น้ัน หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอท่ีจะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอ่ืน อยู่ได้ ด้วยตนเอง เป็นไปตามที่เค้าเรียกว่ายืนบนขาของตัวเอง คนส่วนมากมักเข้าใจว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็น เรื่องของเกษตรกรในชนบทเท่านั้น แตแ่ ท้ท่ีจรงิ ผู้ประกอบอาชีพอื่น เช่น พ่อค้า ข้าราชการ และพนักงาน บริษัทต่างๆ สามารถนาแนว พระราชดารัสเศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกต์ใช้ได้ แต่ว่าพอเพียงนี้มี ความหมายกวา้ งขวางยงิ่ กว่าน้อี กี คือ คาวา่ พอ ก็พอเพียงน้ีก็พอแค่นั้นเอง คนเราถา้ พอใจในความต้องการ มันก็มีความโลภน้อย เม่ือมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนผู้อ่ืนน้อย ถ้าประเทศใดมีความคิดอันน้ี มีความคิด ว่าทาอะไรต้องพอเพยี ง หมายความวา่ พอประมาณ ซ่อื ตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้ อาจจะมี มีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอ่ืน ต้องให้พอประมาณ พูดจาก็ พอเพียง ทาอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติงานก็พอเพียง ฉะน้ัน ความพอเพียงน้ีก็แปลว่าความพอประมาณและ ความมเี หตุผล.\" ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ช้ีแนะแนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติตนในทางท่ี ควรจะเป็นโดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และ เป็นการมองโลกเชิงระบบท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤติ เพื่อ ความมนั่ คงและความยัง่ ยืนของการพฒั นา เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ ในทกุ ระดับ โดยเนน้ การปฏิบตั บิ นทางสายกลาง และการพฒั นาอย่างเป็นข้นั ตอน ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลกั ษณะพร้อม ๆ กัน ดงั น้ี

ห น้ า | ๑๑๖ 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกิดไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและ ผูอ้ ืน่ เชน่ การผลติ และการบริโภคท่ีอยูใ่ นระดับพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงน้ันจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เก่ียวข้องตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทาน้ัน ๆ อย่าง รอบคอบ 3. การมีภูมคิ มุ้ กนั ท่ีดใี นตวั หมายถงึ การเตรียมตัวใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบ และการเปล่ียนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกดิ ขึ้นโดยคานงึ ถงึ ความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ทีค่ าดวา่ จะเกิดขน้ึ ในอนาคตท้งั ใกล้และไกล นอกจากคุณลกั ษณะ 3 ประการแล้ว สง่ิ สาคัญอีกอย่างหน่ึง คือ เง่ือนไข 2 ประการ เพื่อการตัดสินใจและ ดาเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอาศัยท้ังความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน น่ันคือ เงื่อนไขตอ่ ไปนี้ 1. เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรู้เก่ียวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความ รอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความ ระมัดระวงั ในขนั้ ปฏิบตั ิ 2. เงื่อนไขคุณธรรม ท่ีจะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความ ซอื่ สตั ยส์ ุจริต และมีความเพยี ร ใชส้ ติปญั ญาในการดาเนนิ ชีวติ ดงั แสดงเป็นแผนภูมริ ปู ภาพ ได้ดังนี้

ห น้ า | ๑๑๗ คุณลักษณะของคน / กิจกรรม ตามแนวเศรษฐกจิ พอเพียง พอประมาณ มีเหตุ มีผล มภี ูมิคมุ้ กนั ทด่ี ี - พอเหมาะกับสภาพของตน -ไม่ประมาท (รอบรู้ / มีสติ) - สุขภาพดี - พอควรกับส่งิ แวดล้อม - รู้สาเหตุ (ทาไม) - พรอ้ มรบั ความเสี่ยงตา่ งๆ ทางกายภาพ / สงั คม - รู้ปัจจัยที่เกย่ี วขอ้ ง (วางแผน / เงินออม / (ไม่โลภจนเบียดเบยี นตัวเอง - รู้ผลกระทบทจ่ี ะเกดิ ขึน้ ใน ประกนั ) ทาลายส่ิงแวดล้อม) ด้านต่างๆ - ทาประโยชนใ์ หก้ บั ผอู้ นื่ / สังคมเรยี นรู้ / พัฒนาตน อยา่ งต่อเนือ่ ง การปฏบิ ตั ิตนตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการดารงชีพอย่าง จรงิ จงั ดังพระราชดารสั วา่ . . . ความเปน็ อยู่ท่ตี ้องไมฟ่ ้งุ เฟอ้ ตอ้ งประหยดั ไปในทางทถ่ี ูกตอ้ ง. . . 2. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดารง ชีพกต็ าม ดังพระราชดารัสทีว่ า่ . . . ความเจริญของคนท้ังหลายย่อมเกิดมาจาก การประพฤติชอบและการหาเล้ียงชีพ ของตน เป็นหลกั สาคัญ. . . 3. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันกันในทางการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กัน อยา่ งรุนแรงดงั อดีต ซง่ึ มีพระราชดารสั เรื่องนี้วา่ . . . ความสุขความเจริญอันแท้จริงน้ัน หมายถึงความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วย ความเปน็ ธรรมท้ังในเจตนา และการกระทา ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมา จากผอู้ ืน่ . . . 4. ไมห่ ยดุ นิ่งที่จะหาทางในชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยากคร้ังน้ี โดยต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้ ให้เกดิ มรี ายไดเ้ พิ่มพูนข้นึ จนถึงข้ันพอเพยี งเป็นเป้าหมายสาคัญ พระราชดารสั ตอนหนงึ่ ทใ่ี ห้ความชัดเจนว่า . . . การที่ต้องการให้ทุกคนพยายามท่ี จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้ม่ันคงน้ีเพ่ือตนเอง เพื่อที่จะให้ตัวเองมีความเป็นอยู่ที่ก้าวหน้า ท่ีมีความสุข พอมีพอกินเป็นขั้นหน่ึง และข้ันต่อไป ก็คือให้มี เกยี รตวิ า่ ยนื ไดด้ ว้ ยตัวเอง. . 5. ปฏิบัตติ นในแนวทางทีด่ ีลดละสิ่งยั่วกิเลสใหห้ มดส้ินไป ทั้งน้ีด้วยสังคมไทยท่ีล่มสลายลงในคร้ังนี้ เพราะ ยังมบี ุคคลจานวนมใิ ช่นอ้ ยท่ดี าเนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวได้ พระราชทานพระราโชวาทว่า . . . พยายามไม่ก่อความช่ัวให้เป็นเครื่องทาลายตัว ทาลายผู้อื่น พยายามลด พยายามละ ความชัว่ ทีต่ วั เองมอี ยู่ พยายามกอ่ ความดีใหแ้ ก่ตัวอยเู่ สมอ พยายามรกั ษา และเพม่ิ พูนความดีท่ีมีอยู่นั้น ให้ งอกงามสมบรู ณ์ขึ้น. . .

ห น้ า | ๑๑๘ ประการท่ีสาคญั ของเศรษฐกิจพอเพียง 1. พอมีพอกนิ ปลูกพชื สวนครัวไว้กนิ เองบ้าง ปลกู ไมผ้ ลไว้หลงั บ้าน 2-3 ต้น พอท่ีจะมีไว้กินเองใน ครัวเรือน เหลือจึงขายไป 2. พออยู่พอใช้ ทาให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กล่ินเหม็น ใช้แต่ของท่ีเป็นธรรมชาติ (ใช้ จุลินทรีย์ผสมน้าถูพ้ืนบ้าน จะสะอาดกว่าใช้น้ายาเคมี) รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่า รกั ษาพยาบาล) 3. พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติด กบั วตั ถุ ปัญญาจะไม่เกิด นอกจากนี้ ยังทรงพระดาริโครงการต่างๆ เพ่ือแก้ปัญหาความเดือดร้อนและพัฒนาชีวิตของเกษตรกรใน จังหวัดต่างๆ มากมายหลายโครงการด้วยกัน อันแสดงถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ในศาสตร์ต่างๆ โดยแบง่ เปน็ โครงการในพระราชดาริ 4 ด้าน คือ 1. ทางด้านดิน ตัวอยา่ งโครงการในพระราชดาริ โครงการตามพระราชประสงค์หบุ กะพง เมือ่ ป พ.ศ. 2507 พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ไดเสดจ็ พระราชดาเนนิ เยีย่ มเยียนราษฎรใน จงั หวัดเพชรบุรี และ จงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์ ไดทรงพบเกษตรกรชาวสวนผกั จานวน 83 ครอบครวั ซง่ึ ประสบความเดอื ดรอ น ไมม ีทดี่ นิ ทากนิ เปน็ ของตนเอง จงึ ทรงรับไวในพระบรมราชูปถมั ภและโปรดให ฯพณฯ ม.ล.เดช สนิทวงศ ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกจิ แหง่ ชาติและองคมนตรี เปน ผูจัดหาทีด่ ินให เกษตรกรดงั กลาว ระหวา งนัน้ รัฐบาลอสิ ราเอลไดทราบถงึ พระราชประสงคท่จี ะชวยเหลือเกษตรกร ผูทุกขย าก จึงขอเขา รว มโครงการและเสนอใหค วามชว ยเหลอื ในรูปของผูเชยี่ วชาญในการพัฒนาพน้ื ทีช่ นบท ตอมาคณะรฐั มนตรจี งึ ไดจัดทาสัญญารว มมือระหวา งรฐั บาลไทยกับรฐั บาลอสิ ราเอลข้นึ กาหนดระยะเวลา 5 ป นบั แตวนั ที่ 19 สงิ หาคม 2509 และสนิ้ สดุ สญั ญาเม่ือ 18 สิงหาคม 2514 โดยมอบหมายใหกระทรวง พัฒนาการแหงชาติ กระทรวงเกษตร และหนวยงานอน่ื ๆ รวมดาเนนิ โครงการภายใตช อ่ื \"โครงการไทย- อสิ ราเอลเพื่อพฒั นาชนบทหบุ กะพง\" เลือกทด่ี นิ บริเวณบานหบุ กะพง ตาบลเขาใหญ อาเภอชะอา จังหวัด เพชรบรุ ี เปน พ้ืนท่ีทดลองการเกษตรของโครงการพระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู วั ฯ และไดทรงติดตาม โครงการนอ้ี ยางใกลชิดดว ยพระองคเอง ดวยทรงโปรดที่จะใหโครงการน้ีเปนโครงการทดลอง(Pilot Project) ในการพฒั นา ดังมหี วั ขอ ดงั นี้

ห น้ า | ๑๑๙ 1. พฒั นาการเกษตรในพนื้ ทสี่ ูงกวาระดบั นํา้ ทะเล ดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ โดยใช เทคโนโลยกี ารเกษตรแผนใหม 2. จัดต้งั ศูนยสาธติ และทดลองการเกษตร เก็บขอมูลการเกษตรท้งั ดานการปลูกพชื และการ เลย้ี งสัตว การทดลองการจดั ระบบชลประทาน ศึกษาตน้ ทนุ ความเหมาะสมเพ่อื การขยายผล 3. เพ่อื จัดสรรที่ดนิ และพฒั นาทดี่ นิ ใหเกษตรกรยากไรเ ขาอยูอ าศยั ประกอบอาชพี การ เกษตร โดยไมใ่ หก้ รรมสิทธ์ิ 4. จัดต้ังและสง เสริมการสหกรณใ์ หเป็นสถาบันหลักในการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของ เกษตรกร 5. เปน็ ศนู ยก์ ลางของข้อมูลในการพฒั นาชนบทดา้ นการเกษตรและสหกรณ์ 6. มงุ่ ชวยเหลอื และพัฒนาราษฎร เพอื่ ใหร้ ้จู ักการพึ่งตนเอง และช่วยเหลอื ซ่งึ กนั และกัน 2. ทางด้านน้า ตัวอยา่ งโครงการในพระราชดาริ โครงการฝนหลวง จากการทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ไดเ้ สด็จเยีย่ มราษฎรในจงั หวดั ต่างๆเปน็ ประจา ไดท้ รงพบเหน็ ท้องถ่นิ หลายๆแห่งประสบปญั หาความแห้งแล้ง หรือขาดแคลนนํ้าเพื่อการอุปโภค บริโภค และ การทาเกษตร โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในฤดเู พาะปลูก เกษตรกรจะประสบความเดือดรอ้ น ทกุ ข์ยากมาก เนอ่ื งจากบางคร้ังฝนได้ทง้ิ ชว่ งนานหรือภาวะฝนทิง้ ชว่ งเกิดในระยะวิกฤตขิ องพชื ผล คอื พชื อยใู่ นระยะท่ี กาลังให้ผลผลติ ตํ่า หรอื อาจจะไม่มผี ลผลติ ใหเ้ ลย เปน็ ตน้ ดงั นน้ั ภาวะฝนแลง้ หรอื ฝนทิ้งชว่ งใน แตล่ ะ ครั้ง/แต่ละปีจงึ สรา้ งความเดอื ดรอ้ น และความสูญเสยี ทางเศรษฐกจิ แกเ่ กษตรกรเปน็ อย่างสงู นอกจากนี้ ภาวะความตอ้ งการใชน้ ํา้ นับวนั จะทวีปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเพิม่ ของประชากร การขยายพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมและการเจรญิ เตบิ ตของกลุ่มอุตสาหกรรม ดงั นั้น ในปี พทุ ธศกั ราช 2499 จึงไดท รงพระมหากรุณาพระราชทาน โครงการพระราชดาริ \"ฝนหลวง\" ให หมอมราชวงศ์ เทพฤทธิ์ เทวกุล รบั ไปดาเนนิ การศึกษา วจิ ยั และการพฒั นา กรรมวธิ กี าร ทำฝนใหบงั เกิดผลโดยเร็ว

ห น้ า | ๑๒๐ 3. ทางด้านปา่ โครงการปลูกปา่ ถาวรเฉลมิ พระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ทรงครองราชย์ ปที ่ี 50 โครงการปลกู ปา่ ถาวรเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเด็จพระเจาอยู่ หวั ฯ เน่อื งในวโรกาสทรง ครองราชย ปีท่ี 50 เกดิ ข้ึนดวยพระราชเสาวนีย์ ของสมเด็จพระนางเจาสริ กิ ิติ์พระบรมราชนิ นี าถ เม่อื วันท่ี 26 ธั นวาคม พ.ศ.2535 ใหห ามาตรการหยุดย้งั การทาลายปาและเร่ งฟืน้ ฟสู ภาพต้นน้ํา ลาธาร โดย ทรงโปรดใหพ ิจารณาปัญหาการขาดแคลนนํ้า ซึ่งเป็นปญั หาใหญของชาตทิ ี่จะตองเรงแก้ไขโดยดวนทสี่ ดุ รฐั บาลได้อัญเชญิ พระราชกระแสของสมเด็จพระนางเจาสิรกิ ิตพ์ิ ระบรมราชนิ นี าถ มาเปน็ แนวทางในการ ดําเนินการฟนฟูสภาพปา ไม้ ซึง่ เป็นเขตปาอนุรกั ษที่เสื่อมสภาพโดยเรงดว น ดังนน้ั จงึ ไดจ ดั ทําโครงการ ปลูกปา ถาวรเฉลมิ พระเกยี รติพระบาพระบาทสมเด็จพระเจา อยูหวั ฯ เนือ่ งในวโรกาสทรงครองราชย ปที่ 50 ขึน้ โดยคณะรัฐมนตรเี มอื่ วันท่ี 1 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ.2537 กาหนดใหดาเนนิ การตงั้ แต ปพ.ศ. 2537 - 2539 มีเปา หมายให ปลูกปา ในพนื้ ท่อี นุรกั ษท เี่ ส่ือมโทรม 5 ลา นไร รวมทง้ั พนื้ ทน่ี อกเขตปา อนรุ กั ษดวย การ ดําเนนิ โครงการฯ ระยะนี้ เนื่องจากผูรวมโครงการฯ ยงั มปี ระสบการณป ลูกปานอยและชว งระยะเวลาใน การดาํ เนินงานสั้นเกนิ ไป จึงดาํ เนนิ งานไมไ ดค รบตามเปาหมายทก่ี ําหนดไว จงึ ไดม ีการขยายระยะเวลาของ โครงการฯ ตามมตคิ ณะรัฐมนตรี เมื่อวนั ที่ 16 กันยายน 2540 ใหขยายเวลาออกไปต้งั แต ป พ.ศ.2540 - พ.ศ. 2545 เปนระยะท่ี 2 ซ่ึงในระยะน้ีเปนชวงเวลาท่ปี ระเทศประสบภาวะเศรษฐกจิ อยางรุนแรงทําใหผู รวมโครงการจาํ นวนมากชะลอหรือหยดุ การดําเนนิ การปลูกปา เม่อื สนิ้ ระยะท่ี 2 จงึ ดาํ เนินการปลกู ปาพื้นท่ี ปา อนรุ กั ษไดประมาณ 3.4 ลานไร ยังขาดอยอู กี ประมาณ 1.6 ลา นไร จงึ จะครบเปา หมายท่ีกําหนดไว 5 ลานไร สําหรับพื้นทน่ี อกเขตปาอนรุ กั ษ ดาํ เนินงานไดครบถวนตามเปา หมายที่กําหนดไวแลว รฐั บาลไดเห็น ถึงความสําคัญของโครงการฯ นป้ี ระกอบกับสภาพเศรษฐกิจไดฟ นคืนสภาวะปกติ คณะรฐั มนตรจี ึงไดม ีมติ วนั ท่ี 8 ตลุ าคม 2545 ใหขยายระยะเวลาโครงการฯ ตอไปเปน ระยะท่ี 3 ต้งั แต พ.ศ.2546 - 2550 เปน เวลา 5 ป โดยมีเปาหมายดําเนนิ งานปลูกปา ในพ้ืนทีป่ า อนรุ กั ษที่เสอ่ื มโทรมตามโครงการฯ ใหไ ด 1.6 ลา นไร ถวายแดพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ตอ ไป

ห น้ า | ๑๒๑ วตั ถุประสงคข์ องโครงการ 1. เพื่อขยายพ้ืนที่ที่ปกคลุมด้วยป่าไม้ โดยการปลูกไมพ้ืนเมืองในพืนท่ีป่าอนุรักษ์ที่เสื่อมโทรม ให้ได้ 5 ล้านไร่ 2. เพ่ือให้ประชาชนฃาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้มีโอกาสเป็นส่วนหน่ึงในการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 และดูแลต้นไม้ที่ปลูกอย่าง ถาวรด้วยความรัก 3. เพ่ือสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนชาวไทยให้ตระหนักถึงความสาคัญของ ทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละการอนรุ กั ษ์ใหท้ รัพยากรปา่ ไมค้ งอยอู่ ยา่ งย่ังยนื 4. ทางดา้ นวศิ วกรรม ตวั อยา่ งโครงการในพระราชดาริ โครงการบาบัดนา้ เสีย บงึ มกั กะสันและบึงพระรามเก้า บึงมักกะสัน มีขนาดใหญ่มาก อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งระบายน้าและรองรับน้า เสีย ชีวปฏิกูลและขยะมูลฝอยจากชุมชนแดอัด ซ่ึงอยู่โดยรอบเป็นเวลานานหลายปีอีกด้วย จนเกิด ปัญหาภาวะสิ่งแวดล้อมเส่ือมโทรมและน้าเน่าเสีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงภัยแห่ง ภาวะมลพิษดังกล่าวท่ีพสกนิกรจะได้รับ จึงได้พระราชทานพระราชดาริเก่ียวกับ “เครื่องกรองน้า ธรรมชาติ” เม่อื วันท่ี 15 และ 20 เมษายน พ.ศ. 2528 เพื่อบาบัดน้าเสียในบึงมักกะสัน ดังพระราชดาริ ตอนหนึ่งว่า “….บึงมักกะสันนี้ทาโครงการท่ีเรียกว่าแบบคนจน โดยใช้หลักว่า ผักตบชวาท่ีมีอยู่ท่ัวไปน้ัน เป็นพืชดูดความโสโครกออกมา แลว้ ทาให้สะอาดข้ึนได้ เป็นเคร่ืองกรองธรรมชาติ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และธรรมชาติของการเติบโตของพืช….” นอกจากน้ียังได้พระราชทานพระราชาธิบายเกี่ยวกับผักตบชวา เปน็ การเฉพาะวา่ “…. แนะนา วา่ ผักตบชวาน้ีใช้ได้หลายทาง ใช้มาหมักเป็นปุ๋ยได้ข้อหนึ่ง ถ้าจะทาเป็น ก๊าซชีวภาพก็ได้ข้อหน่ึง ถ้าจะนามาใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ได้ แม้ต่อไปจะใช้เป็นอาหารสาหรับมนุษย์ก็ได้ เพราะว่าค่าโปรตีนในผักตบชวามีสูงพอสมควร จะใช้มาทาประกอบกับแกลบมาอัดเป็นฟืนหรือท่ีเรียกว่า ถ่าน แทนถ่านทเ่ี ขาใชเ้ ผากันทาใหป้ า่ ไมเ้ สียหาย ซึ่งกไ็ ด้ทดลองแลว้ ไดผ้ ลดี....” ระบบบาบัดน้าเสีย “บึงมักกะสัน” เป็นระบบน้าเสียแบบธรรมชาติท่ีเรียกว่า ระบบ Oxidation Pond หรือระบบ สายลมแสงแดด ซง่ึ มลี กั ษณะเป็นบ่อดิน ลึก 0.5-2 เมตร และแสงสว่างสามารถส่องลง

ห น้ า | ๑๒๒ ไปในน้าภายในบ่อได้ มีปลูกผักตบชวาในบ่อเพ่ือดูดซับสารอาหารและโลหะหนักจากน้าในบ่อ เป็นการ ทางานรว่ มกนั ของพชื น้า (สาหร่าย) กับแบคทีเรีย ในช่วงกลางวัน สาหร่ายจะใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในน้าและแสงแดดดาเนินกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เพ่ือผลิต คาร์โบไฮเดรต สาหรบั การเติบโตและการขยายพันธ์ุของตนเอง พร้อมกับปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนสาหรับให้แบคทีเรียใช้ ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้าเสีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปรียบเทียบว่า “บึงมักกะสัน” เป็นเสมือนหน่ึง “ไตธรรมชาติ” ของกรุงเทพมหานคร ดังความตอนหน่ึงของพระราชดารัสว่า “… ใน กรุงเทพฯ ต้องมีพ้ืนที่หายใจ แต่ที่น่ีเราถือว่าเป็นไตกาจัดส่ิงสกปรก และโรค สวนสาธารณะถือว่าเป็น ปอด แตน่ เี่ หมือนไตฟอกเลือด ถา้ ไตทางานไม่ดเี ราตาย อยากให้เขา้ ใจหลักของความคิดอันนี้…” ในปี พ.ศ. 2535 สานักการระบายน้าได้จัดทาโครงการปรับปรุงเพ่ิมประสิทธิภาพการบาบัด น้า เสยี ของโรงบาบัดน้าเสียบึงพระราม 9 เพื่อให้สามารถรับสภาพความเน่าเสียของน้าในคลองลาดพร้าว ได้ มากขน้ึ เป็น 10 เทา่ คือสามารถบาบัดไดถ้ งึ 255,000 ลกู บาศกเ์ มตร/วัน โดยการตดิ ตง้ั เคร่ืองสูบน้า ขนาด สูบ 60 ลูกบาศก์เมตร/นาที เพ่ิม 3 เคร่ือง และติดต้ังเคร่ืองเติมอากาศเพ่ิมอีก 4 เครื่อง และเน่ือง จาก โครงการก่อสร้างทางด่วนพิเศษสายรามอินทรา - อาจณรงค์ พาดผ่านบริเวณบ่อสูบน้าและอาคาร สานักงานโรงบาบัดน้าเสียบึงพระราม 9 จึงต้องมีการสร้างบ่อสูบน้าเสีย และอาคารสานักงานใหม่ ซึ่ง ขณะนก้ี ไ็ ดท้ าการปรับปรุงเรียบรอ้ ยแลว้

ห น้ า | ๑23 บรรณานกุ รม กิจฐเชต ไกรวาส.(2557). การวเิ คราะหผ์ ลกระทบส่งิ แวดลอ้ ม. เอกสารประกอบการสอนวชิ าการ วเิ คราะหแ์ ละประเมินโครงการภาครัฐ วทิ ยาลัยเทคโนโลยีสยาม. เกษม จนั ทรแ์ ก้ว. (2544). วิทยาศาสตร์สงิ่ แวดล้อม. กรงุ เทพมหานคร : สานกั พมิ พเ์ กษตรศาสตร์. จักรกฤษณ์ ควรพจน์.(2544). กฎหมายสิทธบิ ัตร : แนวความคดิ และบทวิเคราะห์. กรุงเทพมหานคร : สานักนิตธิ รรม. ธญั ลกั ษณ์ นอ้ ยผล. (2556). มนุษย์กับส่งิ แวดลอ้ ม. พิษณุโลก : มหาวทิ ยาลัยพิษณโุ ลก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2543). สง่ิ แวดลอ้ ม เทคโนโลยีและชีวิต. กรงุ เทพมหานคร : สานกั พมิ พ์ เกษตรศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนดสุ ติ .(2558). ความรู้พ้ืนฐานเกยี่ วกับส่งิ แวดล้อม. (ออนไลน์). แหลง่ ที่มา : URL : http://dusithost.dusit.ac.th/huahin/bg/pdf/jan%20ao%201.ppt : วันท่คี น้ ข้อมูล 2 กุมภาพันธ์ 2558 มหาวิทยาลัยสยาม.(2558). ชีวิตกบั ส่ิงแวดล้อม. (ออนไลน์). แหลง่ ท่ีมา : URL : http://www.gened.siam.edu/index.php?option=com_content&view=article&id=137& Itemid=100 : วันที่คน้ ข้อมลู 27 มกราคม 2558 ยพุ ดี เสตพรรณ.(2544). ชีวิตกบั สง่ิ แวดล้อม. กรุงเทพมหานคร : พศิ ิษฐ์การพิมพ์. สวสั ด์ิ โนนสงู .(2543). ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์. สุนันทา เนียมคา. (2558). ชีวติ กับสิ่งแวดล้อม. (ออนไลน์). แหลง่ ท่มี า : URL : http://elearning.nsru.ac.th/learningw18.html : วันทค่ี น้ ข้อมลู 2 กุมภาพนั ธ์ 2558 อานาจ เจรญิ ศิลป์.(2543). การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม. กรุงเทพมหานคร : สานักพมิ พโ์ อเดยี นสโตร์.

ประวตั อิ าจารยผ สู อน ช่อื -สกุล: นายพทั ธดนย ธรรมกุล วันเดือนปเ กดิ : ๑๓ มกราคม ๒๕๑๙ ประวตั กิ ารศกึ ษา: มัธยมศกึ ษาตอนตน จากโรงเรยี นบา นไรว ิทยา มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จากโรงเรยี นบานไรวิทยา ประกาศนยี บัตรสาธารณสุขศาสตร( สาธารณสขุ ชุมชน) วิทยาลยั การสาธารณสขุ สริ ินธร จ.พิษณุโลก ปรญิ ญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑติ (เกยี รตนิ ิยมอนั ดบั ๒) สาขาวิชาสุขศึกษา สถาบนั ราชภฎั นครสวรรค ปรญิ ญาโท รฐั ประศาสนศาสตรมหาบัณฑติ (การบริหารการจดั การภาครฐั ) วทิ ยาลัยเทคโนโลยีสยาม ประสบการณท าํ งาน : ป ๒ ๕ ๔ ๐ บ รรจุเข ารับ ราช ก ารใน ตํ าแ ห น งเจ าพ นั ก งาน สาธารณ สุ ข ชุ ม ช น สถานีอนามยั บานเขาผาลาด อ.สวา งอารมณ จ.อุทยั ธานี ป ๒๕๔๓ สถานอี นามยั ตาํ บลหว ยแหง อ.บา นไร จ.อุทัยธานี ป ๒๕๔๕ – ๒๕๕๐ สํานกั งานสาธารณสขุ อาํ เภอบา นไร จ.อุทัยธานี ป ๒ ๕ ๕ ๑ รัก ษ าก ารใน ตํ าแ ห น งหั วห น าก อ งสาธารณ สุ ข แ ละ สิ่ งแ วด ล อ ม เทศบาลตําบลบานไร จ.อทุ ยั ธานี ป ๒๕๕๓ - ๒๕61 ตําแหนงเจาพนกั งานสาธารณสขุ ชาํ นาญงาน กลุมงาน ประกนั สุขภาพ ยทุ ธศาสตรแ ละสารสนเทศทางการแพทย โรงพยาบาลบา นไร จ.อทุ ัยธานี ป 2562-ปจจบุ ัน ตําแหนง ผอู ํานวยการโรงพยาบาลสงเสรมิ สุขภาพตาํ บลบานบุง (เจาพนกั งานสาธารณสุข) โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตําบลบา นบุง อาํ เภอบานไร จังหวัดอุทยั ธานี ผลงาน : บทความวิจัย เร่ือง “ความคิดเห็นเก่ียวกับการนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชในการ บริหารจัดการองคกร เครือขายบริการปฐมภูมิบานไร จ.อุทัยธานี” การประชุมวิชาการ ระดับชาติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั กําแพงเพชร ครงั้ ที่ ๓ วันที่ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๕๙ บทความวิจัย เร่ือง “อิทธิพลท่ีสงผลตอพฤติกรรมการเปนสมาชิกท่ีดีของพนักงาน บริษัท ทีโอที จํากัด(มหาชน)ในพ้ืนที่จังหวัดนครสวรรค” การประชุมนําเสนอผลงานวิจัย บณั ฑิตศึกษาระดบั ชาติ ครั้งที่ ๑๑ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วันท่ี ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ บทความวิจัย เรื่อง “คุณลักษณะผูนําท่ีพึงประสงคขององคการบริหารสวนตําบล วังโพรง อําเภอเนินมะปราง จ.พิษณุโลก” การประชุมวิชาการระดับชาติพิบูลสงครามวิจัย ครัง้ ที่ ๔ วนั ที่ ๒๓ มนี าคม ๒๕๖๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook