วิชาฐานข้อมลู บทท่ี 1หลกั การของระบบฐานขอ้ มลู
บทท่ี 1 หลกั การของระบบฐานขอ้ มูลสาระสาคญัการบริหารจัดการฐานข้อมลู เป็นสงิ่ สาคญั ทจ่ี าเปน็ ต้องดาเนนิ เพ่ือนาข้อมูลบนั ทกึลงตารางอย่างเป็นระบบ เพือ่ ใหไ้ ด้มาซ่ึงสารสนเทศพร้อมนาไปใช้งานในรูปแบบที่สามารถกาหนดได้ ทง้ั การแสดงทางจอภาพและสามารถพิมพน์ าเสนอได้ด้วยข้อมลู ต่าง ๆ สามารถปรับปรุงแก้ไขเพ่ือให้เปน็ ปจั จุบนั และนาไปใช้งานในอนาคตได้จดุ ประสงค์1. บอกความหมายของระบบฐานข้อมูลได้2. บอกประโยชน์ของระบบจัดการฐานขอ้ มูลได้3. บอกคาศัพท์พน้ื ฐานของระบบฐานข้อมูลได้4. อธบิ ายความสัมพนั ธข์ องฐานขอ้ มูลได้5. อธิบายลกั ษณะความสมั พันธข์ องฐานข้อมลู6. บอกคาศัพทท์ ใี่ ชใ้ นการประมวลผลขอ้ มลู ในคอมพิวเตอร์7. บอกชนิดของคีย์ KEY ได้8. ออกแบบระบบฐานข้อมูลได้
ความหมายของระบบฐานข้อมูล 1. ฐานข้อมูล (Database) หมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันนามาเก็บรวบรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีระบบและข้อมูลที่ประกอบกันเป็นฐานขอ้ มลู นน้ั ตอ้ งตรงตามวัตถปุ ระสงคก์ ารใช้งานขององค์กรด้วยเชน่ กนั เชน่ ในสานกั งานกร็ วบรวมขอ้ มูล ต้ังแตห่ มายเลขโทรศัพท์ของผู้ท่มี าติดตอ่ จนถึงการเก็บเอกสารทุกอย่างของสานักงาน ซ่ึงข้อมูลส่วนนี้จะมีส่วนท่ีสัมพันธ์กันและเป็นท่ีต้องการนาออกมาใช้ประโยชน์ต่อไปภายหลัง ข้อมูลน้ันอาจจะเกี่ยวกับบุคคลส่ิงของสถานท่ี หรือเหตุการณ์ใด ๆ ก็ได้ที่เราสนใจศึกษา หรืออาจได้มาจากการสังเกต การนับหรือการวัดก็เป็นได้ รวมทั้งข้อมูลที่เป็นตัวเลข ข้อความ และรูปภาพต่าง ๆ ก็สามารถนามาจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลได้ และที่สาคัญข้อมูลทุกอยา่ งต้องมีความสัมพันธก์ นั เพราะเราตอ้ งการนามาใช้ประโยชนต์ อ่ ไปในอนาคต
2. ระบบฐานข้อมูล (Database System) หมายถึง การรวมตัวกันของฐานข้อมูลต้ังแต่ 2ฐานข้อมูลเป็นต้นไปที่มีความสัมพันธ์กัน โดยมีวัตถุประสงค์เพอื่ เปน็ การลดความซา้ ซ้อนของข้อมลู และทาใหก้ ารบารุงรักษาตัวโปรแกรมง่ายมากข้นึ โดยผ่านระบบการจดั การฐานขอ้ มูลหรอื เรียกยอ่ ๆ ว่า DBMS 3. ระบบจัดการฐานขอ้ มูล หมายถงึ กลุ่มโปรแกรมหรอื ซอฟต์แวรช์ นิดหน่ึงท่ีสร้างข้ึนมาเพื่อทาหน้าที่บริหารฐานข้อมูลโดยตรง ให้มีประสิทธิภาพมากท่ีสุดเป็นเครื่องมือที่ช่วยอานวยความสะดวกให้ผู้ใชส้ ามารถเข้าถึงข้อมูลได้ โดยท่ีผู้ใช้ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งรับรู้เกยี่ วกบั รายละเอยี ดภายในโครงสรา้ งฐานข้อมูล พูดงา่ ย ๆ ก็คือDBMS นี้เป็นตวั กลางในการเช่อื มโยงระหวา่ งผู้ใช้ และโปรแกรมตา่ งๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องกับระบบฐานข้อมูล ตัวอย่างของ DBMS ท่ีนิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ MicrosoftAccess, FoxPro, SQL Server, Oracle, Informix, DB2 เป็นต้นหนว่ ยในการจัดเกบ็ ขอ้ มลู ข้อมูลที่จัดเกบ็ ในคอมพิวเตอร์ โดยแท้จรงิ แล้วมีลักษณะการจัดเกบ็ เปน็สัญญาณดิจิตอล คอื มคี ่า 0 กับ 1 เทา่ นนั้ แต่เพ่ือใหม้ องภาพข้อมูลไดง้ ่าย จึงแบง่หน่วยในการจัดเกบ็ ข้อมลู ออกเป็นสว่ นย่อย ต่างๆ ดังน้ี • บติ (Bit) คอื หน่วยของข้อมลู ท่เี ล็กท่ีสุด คือการจัดเก็บข้อมูลทีม่ ีอย่เู พยี ง 2สถานะ คือ 0 กับ 1 ซงึ่ เป็น ลักษณะการทางานของคอมพิวเตอร์ทีท่ างานด้วยระดบั สญั ญาณดิจติ อล • ไบต์ (Byte) คือหนว่ ยของข้อมูลซ่ึงเกิดจากการนาขอ้ มลู 8 บิตมารวมกันโดยใช้ แทน ตัวอักขระ 1 ตวั • เขตข้อมลู (Field) หรือฟิลด์ คอื หนว่ ยของข้อมูลซึ่งเกดิ จากการนาขอ้ มูลหลายๆ ไบต์ หรือหลายๆ อกั ขระมารวม กัน เพ่ือใชแ้ ทนความหมายของสิ่งใดส่ิงหน่งึ เช่น รหสั นักศึกษา, ชือ่ , ทอ่ี ยู่ เป็นต้น • ระเบียน (Record) หรอื เรคคอร์ด คือหนว่ ยของขอ้ มูลซงึ่ เกดิ จากการนาข้อมลู หลายๆ เขตข้อมูลมารวมกัน ซึ่งเขตข้อมูล ท่ีนามารวมกนั นี้ จะมี
ความสัมพนั ธเ์ กย่ี วเนอ่ื งกัน เชน่ รหัสนักศึกษา, ชื่อ, ทอี่ ยู่ รวมกันเปน็ระเบยี นข้อมูล ของนักศกึ ษา เปน็ ตน้ • แฟ้มข้อมลู (File) หรือไฟล์ คอื หน่วยของขอ้ มูลซ่ึงเกิดจากการนาข้อมลูหลายๆ ระเบียน ทมี่ ีลักษณะ ของเขต ขอ้ มูลเหมือนกันมาจัดเกบ็ รวมกนั เช่นการจัดเก็บข้อมูลระเบียนของนักศึกษา หลายๆ คน รวมกนั เป็น แฟ้มข้อมูลนักศึกษาเปน็ ต้น ซง่ึ ขอ้ มูลแตล่ ะระเบียนที่นามารวมกนั จะตอ้ งมี เขตขอ้ มลู อยา่ งน้อย 1เขต ข้อมลู ทแ่ี ยกความแตกต่างของขอ้ มูลในแต่ละระเบยี นไดห้ ลายๆ คน รวมกันเปน็ แฟม้ ขอ้ มูลนกั ศึกษา เป็นตน้ ซึ่งข้อมลู แตล่ ะระเบยี นท่นี ามารวมกันจะต้องมีเขตข้อมลู อย่างนอ้ ย 1 เขต ข้อมูลท่ีแยกความแตกต่างของขอ้ มูลในแตล่ ะระเบยี นได้ • ฐานข้อมูล (Database) เกิดจากการรวบรวมเอาแฟ้มตารางข้อมูลหลายๆแฟม้ ทีม่ ีความสัมพันธ์กันมาเก็บรวมกันไว้ท่เี ดียว โดยจะมีการเก็บคาอธบิ ายเก่ยี วกบั โครงสรา้ งฐานข้อมลู หรอื ที่เรียกวา่ พจนานกุ รมข้อมลู (data dictionary)ซ่งึ จะใชอ้ ธบิ ายลกั ษณะของข้อมูลทีเ่ กบ็ ไว้ เป็นต้นว่า โครงสร้างของแตล่ ะตารางเป็นอย่างไร ประกอบดว้ ยฟลี ดอ์ ะไรบา้ ง คุณลกั ษณะของแตล่ ะฟีลดแ์ ละความสัมพนั ธ์ของแต่ละแฟ้มเปน็ อย่างไร ซึ่งข้อมูลเหลา่ นถี้ ือว่ามคี วามจาเป็นมากและจะถกู เรยี กใช้ในระหว่างท่ีมีการประมวลผลฐานข้อมูลหนา้ ท่ีของระบบจดั การฐานขอ้ มูล มดี ังน้ี 1. กาหนดมาตรฐานขอ้ มูล 2. ควบคมุ การเข้าถงึ ขอ้ มลู แบบต่าง ๆ 3. ดูแล-จัดเก็บข้อมลู ให้มคี วามถูกต้องแมน่ ยา 4. จัดเรือ่ งการสารอง และฟืน้ สภาพแฟ้มข้อมลู 5. จัดระเบยี บแฟ้มทางกายภาพ (Physical Organization) 6. รักษาความปลอดภัยของข้อมูลภายในฐานข้อมลู และป้องกันไมใ่ ช้ขอ้ มลูสญู หาย 7. บารุงรักษาฐานข้อมลู ให้เปน็ อิสระจากโปรแกรมแอพพลเิ คชนั อื่น ๆ 8. เชอื่ มโยงข้อมลู ทมี่ ีความสัมพนั ธเ์ ข้าด้วยกันเพื่อรองรับความต้องการใช้ข้อมลู ในระดับ
ประโยชนข์ องระบบจัดการฐานข้อมูล ในปจั จุบันองค์กรส่วนใหญห่ ันมาให้ความสนใจกับระบบฐานข้อมลู กนั มากเน่ืองจากระบบฐานขอ้ มูลมปี ระโยชน์ดังต่อไปน้ี 1. ลดความซา้ ซอ้ นของข้อมูล เน่อื งจากการใชง้ านระบบฐานขอ้ มลู นนั้ ตอ้ งมีการออกแบบฐานขอ้ มลูเพ่อื ให้มีความซ้าซอ้ นของขอ้ มลู นอ้ ยทสี่ ุด จดุ ประสงค์หลกั ของการออกแบบฐานข้อมูลเพอื่ การลดความซ้าซ้อน 2. รักษาความถกู ตอ้ งของข้อมูล เนื่องจากระบบจัดการฐานข้อมูลสามารถตรวจสอบกฎบงั คบั ความถูกตอ้ งของข้อมลู ใหไ้ ด้ โดยนากฎเหล่านัน้ มาไว้ท่ีฐานข้อมูล ซ่ึงถอื เปน็ หนา้ ท่ีของระบบจัดการฐานข้อมลู ที่จะจัดการเรื่องความถูกต้องของขอ้ มูลให้แทน แต่ถ้าเปน็ระบบแฟม้ ขอ้ มลู ผพู้ ัฒนาโปรแกรมตอ้ งเขยี นโปรแกรมเพอื่ ควบคมุ กฎระเบียบตา่ งๆ 3. มีความเปน็ อิสระของขอ้ มลู เนอ่ื งจากมีแนวคิดที่ว่าทาอย่างไรใหโ้ ปรแกรมเป็นอสิ ระจากการเปล่ยี นแปลงโครงสร้างข้อมลู ในปจั จบุ ันนีถ้ า้ ไม่ใช้ระบบฐานข้อมลู การแกไ้ ขโครงสร้างข้อมูลจะกระทบถงึ โปรแกรมดว้ ย 4. มคี วามปลอดภัยของข้อมลู สูง ถ้าหากทกุ คนสามารถเรียกดูและเปลยี่ นแปลงข้อมูลในฐานข้อมลู ทั้งหมดได้ อาจก่อให้เกิดความเสยี หายต่อข้อมลู ได้ และข้อมลู บางส่วนอาจเป็นขอ้ มลู ทไี่ ม่อาจเปดิ เผยได้หรือเป็นข้อมลู เฉพาะของผ้บู รหิ าร หากไมม่ ีการจัดการด้านความปลอดภัยของข้อมูล ฐานข้อมลู กจ็ ะไมส่ ามารถใช้เก็บขอ้ มูลบางส่วนได้ ระบบฐานข้อมูลสว่ นใหญ่จะมีการรักษาความปลอดภยั ของข้อมูล ดงั นี้ – มรี หสั ผู้ใช้ (user) และรหัสผา่ น (password) – ในระบบฐานข้อมลู (DBS) สามารถใชว้ วิ (view) เพื่อประโยชนใ์ นการรักษาความ ปลอดภัยของข้อมลู ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี โดยการสร้างวิวท่เี สมอื นเปน็ ตารางของผ้ใู ชจ้ ริงๆ – ระบบฐานขอ้ มูลจะไมย่ อมให้โปรแกรมใดๆ เข้าถงึ ข้อมูลในระดับกายภาพ (physical) โดยไมผ่ า่ นระบบการจัดการฐานข้อมลู
– มกี ารเข้ารหสั และถอดรหสั (encryption/decryption) เพื่อปกปิดขอ้ มลู แกผ่ ้ทู ีไ่ มเ่ ก่ียวข้อง เช่น มีการเข้ารหัสขอ้ มูลรหัสผ่าน 5. ใช้ขอ้ มูลร่วมกนั โดยมีการควบคุมจากศนู ย์กลาง มกี ารควบคมุ การใชข้ ้อมลู ในฐานข้อมลู จากศูนย์กลาง ระบบฐานข้อมลูสามารถรองรับการทางานของผใู้ ช้หลายคนได้ กลา่ วคอื ระบบฐานข้อมูลจะต้องควบคุมลาดบั การทางานให้เปน็ ไปอย่างถกู ต้องคาศัพทพ์ ื้นฐานของระบบจดั การฐานขอ้ มูล เอนทติ ้ี (Entity) คอื สง่ิ ทีผ่ ้ใู ชง้ านฐานขอ้ มูลต้องการจะจัดเกบ็ ซ่ึงอาจจะเป็นสิง่ ท่เี ป็นรปู ธรรมคอื สามารถมองเห็นได้ดว้ ยตา แอททรบิ ิวต์ (Attribute) คอื รายละเอียดของขอ้ มลู ใน Entity เช่น - Entity นกั ศึกษา ประกอบด้วย Attribute รหัสนักศกึ ษา ช่ือ-นามสกลุท่ีอยู่ คณะ สาขาวิชา เปน็ ต้น - Entity พนักงาน ประกอบดว้ ย Attribute รหัสพนักงาน ชื่อ-นามสกลุแผนก เงินเดือน เป็นตน้ ดังนัน้ Attribute จงึ มีความหมายเหมอื นกับ เขตขอ้ มลู (Field) ทูเพลิ (Tuple) คอื คา่ ของขอ้ มูลในแตล่ ะแถว (Row) หรอื เรยี กว่าระเบยี น (Record)
ลักษณะความสัมพันธข์ องฐานขอ้ มูล 1. ความสัมพันธแ์ บบ หน่ึงต่อหน่งึ (One to one Relationships) เปน็ การแสดงความสัมพนั ธข์ องข้อมูล ของเอนทิตีห้ นึ่งว่ามีความสัมพันธ์กบั ข้อมลู ในอกี เอนทิตี้หนึ่ง ในลกั ษณะ หนง่ึ ตอ่ หนึง่ หรอื เขยี นได้เปน็ 1:1 แสดงว่าข้อมูลเพียงหนึ่งข้อมูลของเอนทิต้แี รกมคี วามสัมพนั ธ์กับขอ้ มลู ในเอนทิต้ีทส่ี องเพยี งข้อมลู เดยี ว 2. ความสัมพนั ธ์แบบ หนึ่งต่อกล่มุ (One to many Relationships) เปน็ การแสดงความสัมพันธ์ของข้อมลู ของเอนทิตีห้ นึ่งวา่ มีความส ัมพนั ธ์กับขอ้ มลู ในอกี เอนทิตห้ี นึ่ง ในลักษณะ หน่ึง ต่อ กลุ่ม หรอื เขียนได้เป็น 1:N แสดงว่าข้อมลู เพยี งหนง่ึ ข้อมลู ของเอนทิตีแ้ รกมีความสัมพนั ธก์ ับขอ้ มูลในเอนทิต้ที ่ีสองหลายข้อมูล เชน่
ลูกคา้ หนึ่งคนมีใบเสรจ็ ไดห้ ลายใบ เน่อื งจากลกู ค้าหนึง่ คนอาจมาซื้อสินคา้ หลายครั้ง ใบเสร็จหนง่ึ ใบต้องเปน็ ของลกู ค้าเพียงคนเดียวเทา่ นั้น 3. ความสัมพนั ธ์แบบ กลมุ่ ต่อกลมุ่ (Many to Many Relationships) เป็นการแสดงความสัมพนั ธ์ของข้อมูล ของเอนทิตห้ี นึ่งว่ามคี วามสัมพนั ธ์กบั ขอ้ มลู ในอีกเอนทิตหี้ น่ึง ในลักษณะ กล่มุ ตอ่ กล่มุ หรือเขียนได้เปน็ N:Mแสดงว่าขอ้ มลู เพียงหนง่ึ ขอ้ มลู ของเอนทิตแี้ รก มีความสมั พนั ธก์ บั ข้อมูลในเอนทิตี้ทสี่ องหลายขอ้ มูล และทานองเดียวกัน ข้อมลู เพียงหนึ่งข้อมูลของเอนทิต้ีทสี่ องมีความสมั พนั ธ์ในทางกลบั กนั กับขอ้ มูลในเอนทิต้ีท่แี รกหลายขอ้ มลูคาศัพท์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมลู ในคอมพิวเตอร์
เขตขอ้ มลู (Field) หมายถึง หน่วยของข้อมลู ที่ประกอบขึน้ จากตัวอกั ขระตัง้ แต่หนง่ึ ตัวขน้ึ ไปมารวมกันแล้วได้ความหมายของส่ิงใดสิง่ หน่ึง เช่น ช่อื ทีอ่ ยู่เปน็ ตน้ ระเบียน (Record) หมายถึง หนว่ ยของขอ้ มลู ทเ่ี กดิ จากการนเอาเขตขอ้ มลูหลาย ๆ เขตขอ้ มูลมารวมกัน เพ่อื เกิดเปน็ ข้อมูลเร่อื งใดเรอื่ งหน่ึง เชน่ ขอ้ มูลของนกั ศกึ ษา 1 ระเบยี น (1 คน) ตาราง (Table) หมายถึงหน่วยของขอ้ มูลทีเ่ กดิ จากการนาข้อมูลหลาย ๆระเบียน(Record) หรือต้ังแตห่ น่ึงระเบยี น(Record) ข้ึนไปมารวมกนั เชน่ตารางข้อมลู นกั ศึกษา ตารางข้อมลู ลกู ค้าตาราง ข้อมูลพนักงานชนดิ ของคีย์ KEY คยี ห์ ลัก (Primary Key) เป็นฟิลดท์ ่มี ีคา่ ไม่ซ้าซอ้ นกนั ในทกุ เรคคอร์ด ในตารางน้ัน คีย์คแู่ ขง่ (Candidate Key) เปน็ ฟิลด์หนึง่ หรือหลายฟลิ ดท์ มี่ คี ณุ สมบตั ิเปน็ Primary Keyได้แต่ไมไ่ ด้เปน็ คยี ์หลัก เชน่ ชอื่ และนามสกลุ สามารถกนั เป็นคยี ์คู่แขง่ ได้ คียร์ วม (Compound Key) เปน็ คยี ท์ ่ีเกิดจากการรวมข้อมลู หลายฟิลดใ์ ห้มีคณุ สมบัติเหมือนคียห์ ลัก (มคี า่ ไมซ่ ้ากนั และไม่มคี า่ วา่ ง หรือ nullvalue) เชน่ การนาฟลิ ด์ชอื่ พนักงาน มารวมกับฟิลด์สกลุ ของพนักงาน ทาให้เกดิ เปน็ ฟลิ ดข์ ้อมูลที่มคี า่ ไมซ่ ้าซอ้ นกัน เราเรียกคยี ์ทเี่ กดิ จากการรวมช่ือพนักงาน และสกุลว่า Compound Key หรอื คีย์รวม คยี ์นอก (Foreign Key) เป็นคยี ท์ เ่ี ช่ือม Table ท่ีเกย่ี วข้องหรอื มีความสมั พันธ์กนั เชน่ ใน Table หลกั สูตร กาหนดให้รหสั วชิ าเป็น Primary Keyและทาการเชื่อมโยงไปยัง Table ลงทะเบียนเพ่ือต้องการทราบช่ือวิชาและหน่วยกิตท่นี กั เรียนลงทะเบียน โดยกาหนดฟลิ ด์ รหสั วชิ า ใน Table ลงทะเบยี นเป็นForeign Key ในลักษณะความสัมพันธ์ One to Many หมายความวา่ รหัสวชิ า1 วิชา สามารถให้นักเรยี นลงทะเบยี นไดม้ ากกว่า 1 คน ดงั น้ันจงึ มีรหัสซา้ กนั ไดใ้ นTable ลงทะเบียน
การออกแบบฐานขอ้ มลู การออกแบบฐานข้อมลู มขี ั้นตอนดงั น้ี 1. กาหนดเอนทิตี Entity ทุกตัวในระบบฐานขอ้ มูลนน้ั ๆ ตัวอย่างเชน่ ในระบบฐานขอ้ มูลการลงทะเบยี นเรยี นประกอบดว้ ยเอนทิต้ีใบลงทะเบียน ประวตั ินกั ศกึ ษาและรายวิชา 2. กาหนดคีย์หลกั และแอตทริบิวตต์ ่าง ๆ ของเอนทติ ใี นระบบฐานข้อมลูเพอื่ ประโยชนใ์ นการนาไปจัดการฐานขอ้ มลู เปน็ ลาดบั ถดั ไป 3. กาหนดความสมั พันธ์ระหวา่ งเอนทติ ี
บททดสอบหลงั เรียนขอ้ ที่ 1) ข้อใดกล่าวถูกต้องเก่ยี วกับความหมายของระบบฐานข้อมลูก. ข้อมลู ทบี่ นั ทึกลงในคอมพิวเตอร์ข. ข้อมูลท่บี นั ทกึ ไว้อย่างเปน็ ระบบค. ข้อมูลทมี่ คี วามซ้าซอ้ นกันง. ข้อมูลท่บี นั ทึกไวช้ วั่ คราวขอ้ ที่ 2) การรวมเอาฐานข้อมลู ตา่ งๆ ที่มคี วามสัมพนั ธ์กันไว้อย่างเปน็ ระบบเรียกตามขอ้ ใดก. ฐานขอ้ มลูข. ระบบการจดั การ
ค. ระบบฐานขอ้ มูลง. ตารางข้อมลูขอ้ ที่ 3) ซอฟต์แวร์ที่สรา้ งขนึ้ มาเพื่ทาหนา้ ท่บี รหิ ารฐานขอ้ มูลเรียกได้ตามขอ้ ใดก. ฐานข้อมูลข. ระบบจัดการค. ระบบฐานข้อมูลง. ระบบจดั การฐานขอ้ มูลขอ้ ที่ 4) ข้อใดไมใ่ ชป่ ระโยชนข์ องระบบจดั การฐานขอ้ มลูก. ลดความซ้าซอ้ นของข้อมูลข. มีระบบความปลอดภัยข้อมูลตา่ค. ควบคุมมาตรฐานได้ง. สามารถหลีกเลย่ี งความขัดแย้งของข้อมูลขอ้ ท่ี 5) ระบบจัดการฐานข้อมลู ภาษาอังกฤษโดยยอ่ เรยี กตามขอ้ ใดก. DBMSข. BDMSค. MSDBง. SDBMข้อท่ี 6) ขอ้ มูลในขอ้ ใดคือเอนทิตีก. รหัสรายวิชาข. ใบลงทะเบียนค. รหัสวชิ า ชอ่ื สกลุง. รายวชิ าข้อท่ี 7) คาศัพทแ์ อตทรบิ วิ ต์ คือขอ้ มูลตามคาศัพท์ใดก. ข้อมลู หน่ึงแถว
ข. ใบลงทะเบยี นค. ขอ้ มลู หนึ่งแฟ้มขอ้ มลูง. รายวิชาข้อที่ 8) ข้อใดคอื ลักษณะขอ้ มลู หนึ่งทเู พลิ (Tuple)ก. ข้อมลู หน่ึงคอลมั น์ข. ข้อมูลหน่ึงแถวค. ขอ้ มลู หลายแถวง. ข้อมูลหนึ่งแฟม้ ข้อมูลขอ้ ที่ 9) ลักษณะความสัมพนั ธ์ของแอตทริบิวต์ทั้งแถวของเอนทติ ใี ดๆ สามารถจับคู่กับแอตทริบวิ ตอ์ กี แถวหนง่ึ ของเอนทติ ีอ่ืนเรยี กความสมั พนั ธแ์ บบใดก. 1:1ข. 1:Nค. M:Nง. 1:Mข้อท่ี 10) นกั ศึกษาหลายคนสามารถลงทะเบยี นไดจ้ านวนหลายวิชาความสมั พันธ์ระหวา่ งเอนทติ เี ป็นแบบใดก. 1:1ข. 1:Nค. M:Nง. 1:M
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: