ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 คณุ ครูประไพภรณ์ เมฆขลา (ครูไพ) โรงเรยี นบา้ นบางกะปิ สานกั งานเขตบางกะปิ กรงุ เทพมหานคร
หน่วยการเรียนรู้ที่ อาหารและโภชนาการ การจดั อาหารใหส้ มาชิกในครอบครวั การเตรียม การประกอบอาหาร และเครอื่ งด่ืม ใหส้ มาชิกในครอบครวั
ารจดั อาหารใหส้ มาชิกในครอบครวั อาหารเป็ นสง่ิ จาเป็ นต่อการดารงชีวิต เพราะเม่ือรบั ประทานอาหารเขา้ ไป จะทาใหร้ า่ งกายแข็งแรง เจรญิ เติบโตสมวยั และมีพลงั งานในการทากจิ กรรมต่าง ๆ ระหว่างวนั ทกุ คนจึงตอ้ งรบั ประทานอาหารที่มีประโยชนแ์ ละเพียงพอต่อความ ตอ้ งการของรา่ งกายทงั้ ๓ ม้ือ ไดแ้ ก่ ม้ือเชา้ ม้ือกลางวนั และม้ือเยน็ ซ่ึงนกั เรยี น สามารถชว่ ยเหลือผปู้ กครองในการจดั อาหารใหส้ มาชิกในครอบครวั ได้
๑. หลกั การจดั อาหารใหส้ มาชิกในครอบครวั ๑.๑ จดั อาหารใหม้ คี ณุ คา่ ทางอาหาร ครบทง้ั ๕ หมู่ เพ่ือใหร้ า่ งกายไดร้ บั สารอาหารท่ีมปี ระโยชน์ เช่น โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต วิตามิน เกลอื แร่ ไขมนั สาหรบั นาไปใชใ้ นการสรา้ ง เสรมิ รา่ งกายใหเ้ จรญิ เติบโต สมบรู ณ์ แขง็ แรง และปราศจาก โรคภยั ไขเ้ จ็บ
ภาระงานทีต่ ้องทา ทาแบบฝึ กหดั หน้าท่ี 16 ข้อที่ 1 แล้วถา่ ยรูปลงในอัลบมั้ การงานค่ะ
๑.๒ จดั อาหารใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวยั ของสมาชิกแต่ละคนในครอบครวั เพราะสมาชิก ในครอบครวั แต่ละคนมีสภาพรา่ งกายและกจิ กรรมที่ทาในแต่ละวนั แตกต่างกนั ดงั ตวั อยา่ ง ๑) วยั เรยี น (อาย ุ ๖-๑๒ ปี ) ๒) วยั รน่ ุ (อาย ุ ๑๒-๒๐ ปี ) เปน็ วัยท่ีร่างกายกาลัง เปน็ วยั ทร่ี า่ งกายมีการ เจรญิ เตบิ โตและมกี ิจกรรมที่ เปลย่ี นแปลงหลายอยา่ ง ตอ้ งเคลอ่ื นไหวรา่ งกายเกอื บ ตอ้ งใช้พลงั งานเพ่ิมข้นึ ใน ตลอดเวลา จงึ ต้องการ การเรยี น การเล่นกฬี า และ อาหารประเภทโปรตนี เชน่ การทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ใน เนอื้ สตั ว์ นม ไข่ ถ่ัวเมล็ดแห้ง และอาหารทใี่ ห้ ขณะเดียวกัน วัยรุ่นกม็ ีความต้องการรักษารปู รา่ ง พลงั งาน เช่น ขา้ ว แปง้ เผอื ก มัน เป็นหลกั และ ไม่ให้อว้ นหรือผอมมากเกินไป รบั ประทานอาหารทะเล เพราะมี ดงั นนั้ อาหารท่ีวยั รุน่ ควรรบั ประทาน ได้แก่ สารไอโอดนี ป้องกนั โรคเออ๋ หรอื ปัญญาอ่อน และ อาหารหลัก ๕ หมู่ ทม่ี ปี ริมาณมากในม้อื เช้าและ รับประทานผัก ผลไม้ เพอ่ื ช่วยให้รา่ งกายทางาน มอ้ื กลางวนั ลดปริมาณอาหารเย็น เปน็ ปกติและขบั ถ่ายสะดวก มอี าหารประเภทเคร่ืองจิ้มเพ่อื รบั ประทานกับผกั และรบั ประทานผลไมท้ กุ มอื้
๓) วยั ผใู้ หญ่หรอื วยั ทางาน (อาย ุ ๒๐-๖๐ ปี ) ๔) วยั ผสู้ งู อาย ุ (อาย ุ ๖๐ ปี ข้ึนไป) เปน็ วัยทร่ี ่างกายเจริญเตบิ โต เป็นวัยทีร่ ่างกายเสื่อมสภาพ เต็มท่ี มีสมรรถภาพ เชน่ ฟนั เสอ่ื มสภาพ ประสาท ทางร่างกายสงู สุดโดยไม่มี สัมผัสกลนิ่ และรสเสื่อมลง การสร้างเสริมเนือ้ เยอื่ เพือ่ ระบบการยอ่ ยและดูดซมึ การเจริญเติบโตอกี มีความ อาหารทางานไดน้ ้อยลง จงึ ควรลด ต้องการอาหารน้อยกว่าวยั ร่นุ และมกั พบปญั หา อาหารประเภทข้าว แป้ง นา้ ตาล เผือก มนั อาหาร รา่ งกายไดร้ ับพลงั งานมากเกินไปและ ทม่ี ีไขมนั สงู เช่น แกงกะทิ ขนมที่มสี ว่ นผสมของ ใช้ไม่หมด อาหารสว่ นเกินจงึ ถูกสะสมไว้ในรูป กะทิ อาหารทอด นมสด เน้อื สตั ว์ตดิ มนั งดด่ืม ของไขมนั ทาให้น้าหนักตัวเกินจนเป็น เครอ่ื งดม่ื ที่มีแอลกอฮอล์ โรคอ้วน ดังนน้ั จึงควรลดอาหารทใ่ี ห้พลังงาน งดรับประทานอาหารรสจดั รับประทานอาหารท่ี มาก เชน่ ขา้ ว แปง้ น้าตาล เผือก มนั น้ามนั พชื ยอ่ ยงา่ ย ดืม่ นมพร่องมันเนยและรับประทานผกั และ น้ามนั สัตว์ เนย และรบั ประทานอาหารให้ ผลไม้สดทีเ่ ค้ียวง่าย ยอ่ ยงา่ ยทกุ มือ้ เชน่ มะละกอสุก หลากหลาย ครบทั้ง ๕ หมู่ โดยเฉพาะผกั และ ส้มเขยี วหวาน สบั ปะรด ผลไมต้ อ้ งรบั ประทานทกุ มอ้ื รับประทานอาหาร มอ้ื เชา้ และกลางวนั แคพ่ ออมิ่ และลดปรมิ าณ อาหารมือ้ เย็นลง
๑.๓ จดั อาหารใหม้ ีปรมิ าณเพียงพอกบั จานวนสมาชิกในครอบครวั เพ่ือใหส้ มาชิกใน ครอบครวั ทกุ คนไดร้ บั ประทานอาหารอ่ิมทอ้ ง ทง้ั ขา้ ว กบั ขา้ ว ผกั และผลไม้ ๑.๔ จดั อาหารใหน้ า่ รบั ประทาน เพื่อไมใ่ หผ้ รู้ บั ประทานเกดิ ความเบ่ือหนา่ ยและไดร้ บั สารอาหารซา้ ๆ โดยจดั ใหร้ ายการอาหารแต่ละม้ือในแต่ละวนั ไมซ่ ้ากนั ทง้ั รสชาติ และลกั ษณะของอาหาร รวมถึงมีการจดั ตกแต่งอาหาร เช่น การแกะสลกั ฟักทองเป็ น ภาชนะใสน่ ้าพรกิ การจดั ผกั เป็ นกลม่ ุ ๆ วางรอบถว้ ยน้าพรกิ แกะสลกั แตงกวา และพรกิ ช้ีฟ้ าแดงตกแต่งจานขา้ วผดั การจดั ตกแต่งอาหารใหน้ ่ารบั ประทาน การจดั ตกแต่งจานขา้ วผดั ใหน้ ่ารบั ประทาน ดว้ ยการจดั ผกั เป็ นกลม่ ุ ๆ วางรอบถว้ ยน้าพรกิ ดว้ ยแตงกวาแกะสลกั มะเขือเทศ และพรกิ ช้ีฟ้ าแดง
๒. ตัวอย่างอาหารท่ีเหมาะสม กับแตล่ ะวัย
ภาระงานท่ีตอ้ งทา ทาแบบฝึ กหดั หน้าที่ 17-18 ข้อที่ 2 แล้วถา่ ยรูปลงในอัลบมั้ การงานค่ะ
อาหารจานเดียว หมายถึง อาหารทใี่ หค้ ณุ คา่ ทางอาหารครบ 5 หมู่ของไทยโดย พยายามให้อาหารครบ 5 หม่ใู นหนง่ึ จาน ประโยชนอ์ าหารจานเดียว 1.ให้สารอาหารครบตามความต้องการของร่างกายของแตล่ ะบคุ คลซ่งึ ขึ้นอยกู่ บั อายุ เพศ ลกั ษณะการทางานและสภาวะของรา่ งกาย 2. ประหยดั เวลา แรงงาน และคา่ ใช้จ่ายในการประกอบอาหารแตล่ ะมือ้ โดยรู้จกั ใชท้ รพั ยากร อย่างคุม้ ค่า การใชอ้ าหารทดแทนและการนาอาหารทมี่ ีอยใู่ นท้องถิ่นมาดัดแปลงประกอบเป็น อาหารบริโภค โดยใหพ้ อเหมาะกบั การบริโภคของแต่ละบุคคลในครอบครัว 3.สร้างอุปนิสัยในการบริโภค เปน็ การสรา้ งพื้นฐานการบรโิ ภคทีง่ ่าย ประหยัดถูกหลกั โภชนาการ โดยเฉพาะเด็กทอี่ ยูใ่ นวันกอ่ นเรยี น ซึง่ เปน็ วยั ทเ่ี ลือกกนิ อาหารตามชอบ ทาให้ไดอ้ าหารไมค่ รบ ตามความต้องการของร่างกาย และเป็นสาเหตุให้เดก็ ให้วยั นเ้ี ป็นโรคขาดสารอาหารเป็นจานวน มาก
อาหารชดุ หรอื อาหารสารบั คาวา่ “สารับ” หมายถึง ภาชนะ เชน่ ถาด เปน็ ตน้ ใส่ถว้ ยชามพรอ้ มบรรจอุ าหาร คาวหรือหวานเป็นชุด เชน่ สารับคาว สารับหวาน เปน็ ตน้ สว่ น “อาหารสารับ” หมายถึง การจัดอาหารหลายชนดิ ใหอ้ ยู่ในสารับเดียวกนั เชน่ มขี า้ ว แกงเผด็ แกงจืด นา้ พรกิ เป็นตน้ สารบั อาหารไทยในทุกม้อื จะถกู จัดขึน้ อย่าง พถิ ีพิถัน กบั ขา้ วทุกจานท่ีจัดขึน้ จะตอ้ งมีความสัมพนั ธ์กัน คนไทยจงึ มกั จดั สรรสารบั ต่างๆ ให้มคี วามสมดลุ กัน หากสารับใดมีอาหารหวานเปรย้ี ว กต็ อ้ งมีอาหารจานหวาน อกี อยา่ งหนึง่ สาหรบั กินแกร้ สกัน มอื้ ใดมีอาหารจานเผ็ดกจ็ ะตอ้ งมีอาหารจานเคม็ และ แกงจืดรวมอยู่ดว้ ย นบั เปน็ เอกลกั ษณแ์ ละภูมิปัญญาของคนไทยในการสรา้ งสรรค์ อาหารตา่ งๆ ใหม้ คี วามเอรด็ อรอ่ ยน่ารบั ประทาน และยังอุดมไปดว้ ยคุณค่าทาง สารอาหาร
ภาระงานทต่ี อ้ งทา ใหน้ กั เรียนจดั เมนอู าหารจานเดียวใหค้ รบ หลักอาหาร 5 หมู่ คนละ 1 อย่าง พร้อม คาอธบิ ายหลกั การคิดของนกั เรียน
จดั อาหารใหน้ ่ารบั ประทาน เพือ่ ไมใ่ หผ้ ูร้ บั ประทานเกดิ ความเบื่อหนา่ ยและได้รบั สารอาหารซ้า ๆ โดยจัดให้รายการอาหารแตล่ ะม้ือในแตล่ ะวนั ไม่ซ้ากนั ทัง้ รสชาตแิ ละลักษณะของอาหาร รวมถงึ มกี ารจัด ตกแต่งอาหาร เชน่ การแกะสลกั ฟักทองเป็นภาชนะใสน่ า้ พรกิ การจดั ผกั เป็นกลมุ่ ๆ วางรอบถว้ ยนา้ พรกิ แกะสลักแตงกวา และพริกชี้ฟา้ แดงตกแตง่ จานขา้ วผดั
การแกะสลกั งานแกะ คอื การสร้างให้เกิดเป็นลวดลายหรอื รูปภาพด้วยวธิ กี ารใชม้ ดี แกะ งานสลัก คือการสร้างใหเ้ กดิ เป็นลวดลายหรอื รูปภาพด้วยวธิ ีใชส้ ่ิวเจาะ การแกะสลกั เปน็ เทคนิคการสร้างสรรคง์ านประติมากรรมมาแตโ่ บราณ ในการ สร้างสรรค์จะตอ้ งวางแผนงานไวก้ อ่ น เพราะการแกะสลกั ออกไปแลว้ ไมส่ ามารถ จะเพม่ิ เขา้ ไปใหม่อกี ได้ เพราะวสั ดทุ ่ใี ช้แกะสลกั นัน้ เป็นชนดิ ของแขง็ ได้แก่ หิน ไม้ สว่ นในการศกึ ษาของนักเรียนระดับน้นี ั้น อาจจะใช้วัสดุจาพวกไม้เนอ้ื อ่อน สบู่ ปูนปลาสเตอร์ ผกั ผลไม้ เชน่ มนั เผือก มะละกอ เป็นต้น
หลักการแกะสลักผกั และผลไม้ 1. การเลอื กซื้อผักและผลไม้ ควรเลอื กชนดิ ทีม่ คี วามสดใหม่ เพ่ือจะชว่ ยใหผ้ ลงานที่ แกะสลกั มีอายุการใช้งานได้นานขน้ึ 2. ก่อนนาผักและผลไม้ไปแกะสลกั ควรล้างนา้ ใหส้ ะอาด 3. การเลือกมีดแกะสลกั ควรเป็นมดี สแตนเลส หรอื มดี ทองเหลือง ซึง่ มีดต้องคมมาก เพราะ จะทาให้ผักและผลไม้ไม่ชา้ และไม่ดา 4. การเลอื กชนดิ ของผักและผลไม้แกะสลกั ควรเลือกให้เหมาะกับประโยชนก์ ารนาไปใช้ 5. การเลอื กรูปแบบหรอื ลวดลายท่ีจะแกะควรเลือกใหเ้ หมาะกบั การนาไปใช้ประโยชน์ 6. การเลอื กผกั ผลไม้ตกแต่งอาหารควรเลอื กชนดิ ทม่ี สี สี วยงาม หลากหลาย เพอ่ื จะทาให้ อาหารน่ารับประทานข้นึ 7. การแกะสลักต้องพยายามรกั ษาคุณค่าอาหาร โดยไมค่ วรแช่นา้ นานเกินไป
มดี แกะ สลกั
แตงกวา
ตน้ หอม
พรกิ
มะเขอื
มะเขือเทศ
ผลไม้ตา่ งๆ
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: