Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Christmas

Christmas

Published by mintz.asarakorn, 2017-06-19 02:56:18

Description: Christmas

Search

Read the Text Version

วันครสิ ตม์ าส (Merry Christmas) วันคริสต์มาส (Merry Christmas) 25 ธนั วาคม ของทุกปี ช่วงนเ้ี ป็นชว่ งเทศกาลทส่ี าคัญเทศกาลหนึง่ ของชาวครสิ ต์ เทศกาลสาคัญทวี่ า่ นคี้ อื เทศกาลคริสตม์ าสซง่ึ เป็นเทศกาลฉลองการประสูตขิ องพระคริสตเ์ ทศกาลคริสต์มาสจะจดั ขึน้ ในวันที่ 24 และ 25 ธนั วาคมของทุกปี ในบางประเทศคริสตม์ าสอาจจะเร่มิ ก่อนหน้าน้ันประมาณหนงึ่ เดอื น ช่วงเวลาน้เี รยี กวา่ “แอดเวนท์” (มาจากภาษาลาติน แปลว่า “กาลังมา”) และจะสนิ้ สดุ ลงในวนั ท่ี 6 มกราคมซ่งึ เป็นวันท่ีนกั ปราชญส์ ามคนที่มาจากทิศตะวันออกนาของขวญั มามอบแกพ่ ระกุมารเยชู ดว้ ยเหตุนใี้ นคืนวนั ที่ 6 มกราคม จึงเปน็ คนื แหง่ การมอบของขวัญในหลายๆแหง่ ของโลกและเม่ือวันครสิ ต์มาสอนั เปน็ วดั สดุ ยอดของเทศกาลมาถึง การเฉลิมฉลองก็จะเร่มิ ข้นึ ในชว่ งเทศกาลนบี้ า้ นเรอื นจะถูกตกแตง่ ให้สดใสอบอ่นุ ด้วยตน้ คริสตม์ าสท่ีประดับประดาเอาไวอ้ ย่างสวยงาม ที่ใต้ตน้ ครสิ ตม์ าสจะมขี องขวัญวางเรียงไว้มากมาย ประตูบ้านและขอบเตาผิงจะถกู ตกแต่งดว้ ยหรดี กงิ่สนและฮอลลใี นเดนมาร์กมีการประดบั กงิ่ เบรริ ์ชดว้ ยผลแอปเป้ลิ สแี ดงผลเล็กๆและคนแคระตงั จ๋วิ ท่ีเรยี กวา่ “พิสเชอร์” ในนอรเวและสวีเดนมกี ารทาสัตวต์ วั เลก็ ๆ จากฟางแลว้ ผูกด้วยรบิ บ้นิ สแี ดง เม่ือพดู ถงึ อาหารในวนั คริสตม์ าสจะมอี าหารพิเศษมากมายทัง้ ไก่งวงท่ีแสนอรอ่ ย เนื้ออบก้อนโตซอสแครนเบอร์รรี ขนมพาย พดุ ดงิ เคก้ และคุกกเี้ ป็นรอ้ ย ๆชนิด ท่ีฝรงั่ เศษมกี ารทาเคก้ พิเศษเป็นรูปขอนไม้รสชาติเขม้ ข้นทเ่ี รียกวา่ บุช เดอ โนแอล (ขอยไมค้ ริสต์มาส)และหลงั จากอาหารคา่ ท่ีแสนวิเศษผา่ นไปนาทีอนั น่าระทึกใจก็มาถงึ นน่ั ก็คอื การแกะของขวัญนัน่ เอง ครสิ ต์มาสเป็นเทศกาลแหง่ ความสขุ ท่มี ี เรื่องให้พดู ถงึ ไมร่ เู้ บือ่ สาหรับใครก็ตามท่ีกาลงั จะฉลองเทศกาลนกี้ ข็ อให้มคี วามสุขมาก ๆวันครสิ ต์มาส

ทกุ วนั ที่ 25 ธันวาคมของทกุ ปี จะมกี ารฉลองรนื่ เริงในหม่คู ริสต์ศาสนกิ ชนทั่วโลก กิจกรรมในวันนม้ี แี ต่ส่ิงท่ีนา่ ร่นื รมย์ไม่ว่าจะเป็นการกินเลีย้ ง แลกของขวญั แต่งบา้ นด้วยต้นคริสตม์ าส รอ้ งเพลงคริสตม์ าส ไปจนถึงเอาถุงเทา้ ไปแขวนรอซันตาคลอสผู้อารียน์ าของขวัญมาใสไ่ ว้ให้ วันคริสต์มาสมคี วามสาคัญคือ เป็นวนั ประสูตขิ องพระเยซู ศาสด าของศาสนาครสิ ต์ พระเยซเู ปน็ชาวยวิ ประสตู ิในประเทศปาเลสไตน์ ซึ่งเดิมตกเปน็ เมอื งขึน้ ของประเทศใกล้เคียงมาเปน็ เวลาชา้ นาน มีนกั ปราชญชื าวยิวหลายท่านพยากรณ์วา่ วนั หนึ่งข้างหน้าจะมพี ระบตุ รของพระเจา้ เสด็จลงมาปลดแอกชาวยิวใหไ้ ดร้ ับอิสระภาพในที่สุดวนั นนั้ กม็ าถึง เมอ่ื พระเยซูประสูตทิ ี่หมูบ่ า้ นเบธเลเฮม แควน้ ยดู า มารดาของพระองค์ช่อื มาเรยี (ซึ่งเรารจู้ กั ในนามแมพ่ ระ) บิดาช่อื โยเซฟมอี าชีพเป็นชา่ งไม้ พระเยซูทรงพระปรีชาสามารถมาตง้ั แต่ยังทรงพระเยาวส์ ามารถโต้ตอบกับพระชาวยวิ ในด้านศาสนาได้อย่างฉะฉานชีวติ ในตอนต้นของพระองค์ดาเนนิ ไปอย่างเรียบงา่ ยทรงมีอาชพี เป็นช่างไมช้ ่วยบดิ าจนพระชนมายุราว 30 พรรษา จึงเสด็จออกประกาศคาสอนและทรงรักษาคนป่วยประเภทต่าง ๆเชน่ คนตาบอด งอ่ ยเปลี้ยให้กลับเป็นปกติดังเดมิ ศาสนาครสิ ต์เปน็ ศาสนาทีม่ ีผู้นบั ถอื มากทสี่ ดุ ในโลกเช่นเดยี วกับศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ ต้นคริสต์มาส ในสมยั โบราณ “ตน้ คริสต์มาส” หมายถงึ ตน้ ไมใ้ นสวนสวรรค์ ซงึ่ อาดัมและเอวาไปหยบิ ผลไมม้ ากินและทาบาป ไมเ่ ชอ่ื ฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ต้งั แต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสตแ์ สดงละครที่ หน้าวดั ถงึความหมายของคริสตม์ าส และเอาต้นไมต้ น้ หนึง่ ไวต้ รงกลาง เพือ่ ประดับฉาก แสด งถึงบาปกาเนดิ ของอาดัมและเอวา ตน้ ไมท้ ่ีใช้เปน็ ต้นสน เนือ่ งจากเป็นตน้ ไม้ ท่ีหาง่ายทสี่ ดุ ในประเทศ เหลา่ น้ัน การแสดงละครคริสตม์ าสแบบนี้ มีมาเปน็ เวลาช้านานหลายรอ้ ยปี จนถึงศตวรรษท่ี 15 พระสงั ฆราชหลายแห่งไดห้ า้ มแสดงเนือ่ งจากการแสดงน้ัน กลายเปน็ การเลน่ เหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผปู้ กครองบา้ นเมอื ง และศาสนา ซงึ่ ไม่ตรงกบับรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สกึ เสยี ดาย ท่ีไมม่ ีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอกี จึงไปสนกุ กันท่บี า้ นของตน โดยเอาต้นไมม้ าไวท้ บี่ า้ น หลงั จากน้นั ก็เรมิ่ มกี ารแขวนลูกแอปเปล้ิ ขนมและของขวญั อย่างท่ีเห็นอยู่ทกุ วันน้ี …..นอกจากนนั้ ชาวเยอรมนั ยังมปี ระเพณอี ีกอย่างหนึง่ คอื มีการจดุ เทยี นหลายเล่มเป็นรปู ปริ ามดิ ไว้ตลอดคนื ครสิ ตม์ าส โดยมดี าวของดาวดิ ทย่ี อดปิรามิด ซึ่งประเพณที จ่ี ะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกบัประเพณขี องชาวเยอรมนั นี้ มาตัง้ แตศ่ ตวรรษท่ี 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ตน้ ไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด น่เี ปน็ ทมี่ าของประเพณีปัจจบุ นั ทมี่ ีการแขวนของขวญั และไฟกระพริบไวท้ ่ตี น้ คริสตม์ าส และมดี าวของดาวิดไว้ที่สดุ ยอดประเพณนี ี้ เป็นทีน่ ยิ มชมชอบของชาวตะวนั ตกอย่มู าก แมว้ า่ ประเพณีการต้งั ต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดงั กลา่ ว ชาวคริสตใ์ นสมัยน้ี ก็ ยงั นิยมทากันอยู่ เพราะเห็นว่า มคี วามหมายถึงพระเยซเู จ้า ผเู้ ปรยี บเสมือนตน้ ไมแ้ ห่งชีวติ ? ทเ่ี ขยี วสดเสมอในทุกฤดูกาล ซง่ึ หมายถงึ นิรันดรภาพของพระเยซเู จา้ และนอกจากนั้นยังหมายถงึ ความสว่างของพระองค์ เสมอื นแสงเทยี นท่สี อ่ งในความมืด ทง้ั ยังหมายถึง ความชืน่ ชมยินดี และความสามคั คี ทพ่ี ระเยซเู จ้าประทานให้ เพราะตน้ ไม้นั้น เป็นจดุ รวมของครอบครัวในเทศกาลน้นั

ซานตาคลอส ซานตาคลอสทเ่ี รารจู้ กั ตคุน้ เคยและเหน็ ภาพดงั ทพ่ี รรณนามาตงั้ แตต่ อนตน้ เพ่งิ มีกาเนดิ ขึ้นมาเมือ่ ไม่เกนิ 200 ปีน้ีเอง กลุ่มชนทส่ี รา้ งเรอ่ื งราวของวนั ซาคลอส จนกลายเปน็ ตานานสาคัญสว่ นหน่ึงของเทศ กาลครสิ ต์มาสคือชาวอเมริกันเชื้อสายดตั ช์ร่นุ บุกเบกิ นน่ั เองตานานเล่าขานเกี่ยวกบั ซานตาคลอสเริ่มขึ้นในสมยัครสิ ต์ศตวรรษท่ี 4 มเี ดก็ ชายคนหนึง่ เกิดในหมบู่ า้ นไมรา ซ่งึ สมยั ก่อนโนน้ ตั้งอยูร่ ะหวา่ งเกาะโรดสก์ บั ไซปรัสแตป่ จั จบุ นั เปลย่ี นเปน็ หมู่บา้ นเดมรีมีบา้ นเรอื นตงั้ เรยี งรายบนสนั ทรายใกลท้ ะเลเมดิเตอรเ์ รเนยี นเด็กชายผูเ้ กดิในหมบู่ า้ นเลก็ ๆ มีชื่อว่า “นโิ คลัส” ชวี ติ ของเขาอยบู่ นกองเงนิ กองทองเพราะพ่อแม่มฐี านะรา่ รวย ไม่ช้าไม่นานพ่อแม่กถ็ ึงแกก่ รรม ทรพั ยส์ นิ จงึ ตกเปน็ ของเขาเพียงผ้เู ดียว แต่น่าแปลกทนี่ ิโคลสั กลับมีใจโอบออ้ มอ ารีต่อคนยากคนจนชอบแจกสมบัตชิ ่วยเหลือผ้ตู กทุกข์ไดย้ ากจนกลายเป็นขวญั ใจของคนทุกเพศทุกวยั ครง้ั นั้นกอ้ ยงั มคี รอบครัวของชายชราคนจนครอบครวั หน่งึ กาลังมปี ญั หาดว้ ยบุตรสาวทงั้ สามต้องการแต่งงาน แตไ่ มม่ เี งนิ จัดพิธีให้สมเกียรติกอ่ นคนสุดท้อง ครอบครัวนจี้ ึงตกอยู่ในความทุกขอ์ ย่างหนกัแต่เมอ่ื นิโคลัสทราบขา่ ว จึงนาทองคาใส่ถงุ 2 ถุง แอบย่องเขา่ ไปวางไวใ้ นบ้านของชายยากจนยามดกึ สงดั ทาให้ 2 สาวได้จัดพิธแี ต่งงานไดอ้ ย่างใหญ่โตสมความปรารถนา ต่อมากถ็ ึงเวลาของบุตรสาวคนสุดท้องนโิ คลสั กน็ าถุงทองแอบมาหยอ่ นลงทางปลอ่ งไฟในยามราตรีเหตุทีต่ ้องใช้ปล่องไฟเพราะคนื นนั้ หน้าต่างปดิ สนทิจากพฤตกิ รรมของนโิ คลสั เป็นตน้ เหตใุ หพ้ ่อแม่เด็ก ๆ ในสมยั ตอ่ มา แอบนาของขวญั วางไว้ท่ีเตยี งนอนของลกู ๆในตอนกลางคืน แลว้ บอกว่า ซนั ตาคลอสนาของขวญั มามอบใหก้ ลายเป็นพฤตกิ รรมเลยี นแบบทย่ี กย่องซันตาคลอสใหฝ้ งั อยใู่ นจติ สานกึ ของเด็ก ๆ สืบทอดมาจนถึงปจั จบุ ันและนก่ี ็คอื ตานานความเปน็ มาของ กาเนดิซานตาคลอส ”บิดาแห่งวันคริสต์มาส“นั่นเองเมอ่ื ชาวดัตช์บางกลุ่มอพยพมาอยใู่ นอเมริกากน็ าเอาความเช่อื ถือศรัทธาในนกั บญุ นโิ คลัสตดิ มาดว้ ย ยังมกี ารเฉลมิ ฉลองวนั เซนต์นิโคลัสกนั ทกุ ๆ ปี ในเดือนธนั วาคม และ ในทสี่ ุดก็ได้มกี ารดัดแปลงผสมผสานเข้ากับความเช่ือถือของชาวอเมริกันเช้อื สายอ่นื ๆ ทางแถบตะวนั ออกของอเมริกาตานานเซนต์โคลสั ก็เลยมาผกู โยงกับการเฉลิมฉลองเทศกาลครสิ ต์มาส “ซินเตอร์คลาส” ของชาวดัตช์ซงึ่ ต่อมาไดก้ รอ่ นกลายเป็น“ซานตาคลอส” ก็มีบทบาทและหนา้ ที่สาคัญ คือ แ จกของขวญั แก่เด็ก ๆ ในตอนเช้าตร่ขู องทุกวันครสิ ต์มาสดงั ท่ีรู้ๆกนั อยู่ทง้ั นี้ ภาพซานตาคลอส ภาพแรกที่ปรากฏเป็นชายแก่ใจดี เคราขาวพุงพลยุ้ ใสเ่ ฟอร์โคท้ ตวั หนาสแี ดงขลบิ ขาว หอบข้าวของพุรงุ พะรงั เช่นที่เราคนุ้ เคยกันนน้ั เป็นฝีมอื การวาดจากขอ้ มูลทางประวตั ิศาสตรผ์ สมผสานกบั จนิ ตนาการส่วนตวั ของนักเขียนการต์ นู ชือ่ ดงั ชาวอเมริกนั ท่ชี ่อื ว่า “โธมัสแนสท์” ภาพแรกของซานตาคลอสน้ปี รากฏเปน็ ครงั้ แรกในนติ ยสาร harper’s illustrated weekly ปี พ .ศ.

1863ต่อมาเรื่องราวของซานตาคลอสก็แพร่กระจายไปสคู่ รสิ ต์ศาสนิกชนประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลก จนกระทั่ งหลาย ๆ ประเทศสามารถสร้างตานานที่มรี ายละเอยี ดแบบเอก็ ซ์ลซู ีฟเกย่ี วกับซันตาคลอสเปน็ ของตนเอง เช่นซานตาคลอสประเทศฟินแลนดท์ เี่ ป็นท่ีร้จู กั กันดีท่สี ดุ ซานตาคลอสมบี ้านและออฟฟศิ อยทู่ ีเ่ มืองโรวานีมี เปน็เมอื งทอ่ งเทย่ี วเป็นทีร่ ูจ้ กั กันดี อยูใ่ นเขตแลปแลนด์ แควน้ หน่ึงของประเทศฟินแลนด์แตอ่ ย่างไรก็ตาม ไมว่ า่ ซานตาคลอสจะอยูท่ ่ีไหน จะเปน็ ของชาติใด แก่นแท้ หรือสปิริตของความเป็นซานตาคอลสกค็ ือ ความรกั ความเมตตา กรณุ า และความสดใสรา่ เรงิ ซงึ่ เปน็ ของสากลสาหรับมนษุ ยท์ กุ ชาติทุกภาษาและทว่ั ทุกหนทุกแหง่ เพลงคริสต์มาส เรม่ิ มีขึ้นในศตวรรษที่ 5 ซ่ึงในสมยั น้ัน มที งั้ พระสงฆแ์ ละฆราวาสเปน็ ผู้แต่ง รอ้ งเป็นภาษาลาตินลักษณะของเพลงเปน็ แบบสง่า เน้นถงึ ความหมายของการเสด็จมา ของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษท่ี 12 ได้มีววิ ฒั นาการใหม่ในด้านเพลงนี้ เรม่ิ ในประเทศอิตาลี โดยนกั บญุ ฟรังซสิ อัสซซี ี และนกั บวชคณะฟรังซิสกนั เปน็ผู้มีส่วนในการสนับสนุน ให้มีเพลงครสิ ต์มาสแบบใหม่ ซึง่ ชาวบ้านชอบ คือมีทว่ งทานองทรี่ ่าเริงกว่า และเนน้ ถึงความช่นื ชมยนิ ดี ในโอกาสครสิ ต์มาสนี้ เพลงเหลา่ นี้เป็นภาษาลาตนิ และภาษาพ้นื เมือง เพลงหนึ่งทแี่ ตง่ ในสมัยน้นั (แต่งคารอ้ งในปี ค.ศ.1274) และยังใชอ้ ยู่จนถงึ ปจั จบุ ัน คือเพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือAdeste Fidelesในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาส ท่ีเรานยิ มรอ้ งมากที่สุดในปจั จบุ ันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19จากประเทศเยอรมัน และประเทศองั กฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงท่มี ชี ือ่ เสียงมากไดแ้ ก่

เพลง Silent Night, Holy Nightความเปน็ มาของเพลงน้คี อื วันกอ่ นวนั ฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คณุ พอ่ โจเซฟ โมห์ เจา้ อาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ ประเทศออสเตรีย ได้ขา่ วว่าออร์แกนในวนั เสีย ทาใหว้ งขับรอ้ ง ไมส่ ามารถรอ้ งเพลงตามทีซ่ อ้ มไว้ได้คณุ พอ่ เองตั้งใจ จะแต่งเพลงคริสตม์ าสใหม่ หลังจากแต่งเสร็จ ก็เอาไปให้เพื่อนคนหน่งึ ช่ือ ฟรานซ์ กรูเบอร์ ที่อยู่หมู่บา้ นใกล้เคยี งใส่ทานอง ในคืนวนั ที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษวดั น้ี ก็ไดฟ้ ังเพลง Silent Night เปน็ คร้งั แรก โดย การเล่นกตี ารป์ ระกอบการขบั ร้อง ซ่ึงกลายเปน็ เพลงท่นี ยิ มมากที่สดุ ท่วั โลก เพลง : Jingle BellDashing through the snow On a one-horse open sleigh, Over the fields we go,Laughing all the way; Bells on bob-tail ring, making spirits bright,What fun it is to ride and sing A sleighing song tonight Jingle bells, jingle bells,jingle all the way! O what fun it is to ride In a one-horse open sleighA day or two ago, I thought I’d take a ride, And soon Miss Fanny BrightWas seated by my side; The horse was lean and lank; Misfortune seemed his lot;He got into a drifted bank, And we, we got upsot. Jingle Bells, Jingle Bells,Jingle all the way! What fun it is to ride In a one-horse open sleigh.A day or two ago, the story I must tell I went out on the snow And on my back I fell;A gent was riding by In a one-horse open sleigh, He laughed as there I sprawling lie,But quickly drove away. Jingle Bells, Jingle Bells, Jingle all the way! What fun it is to rideIn a one-horse open sleigh. Now the ground is white Go it while you’re young,Take the girls tonight And sing this sleighing song; Just get a bob-tailed baytwo-forty as his speed Hitch him to an open sleigh And crack! you’ll take the lead.Jingle Bells, Jingle Bells, Jingle all the way! What fun it is to ride In a one-horse opensleigh.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook