คมู่ ือรายงานโครงงานฉบับสมบูรณ์ รายงานโครงงานฉบับสมบูรณ์เป็นการนารายงานความก้าวหน้าท้ังหมดต้ังแต่เริ่มโครงงาน นามาผนวกเข้าด้วยกัน โดยมีการจัดลาดับความต่อเนื่องของเนื้อหาให้เหมาะสมรวมกันเป็นรายงาน โครงงานฉบับสมบูรณ์ ตัวอักษรให้ใช้ตัวอักษร TH SarabunPSK ท้ังเล่ม ส่วนประกอบของรายงาน โครงงานฉบับสมบูรณ์ ประกอบด้วยรายละเอยี ดดงั น้ี 1. ปกนอก หมายถงึ ปกชั้นนอกสดุ และสนั ปกของรายงาน ในการส่งรายงานเพื่อขอสอบโครงงาน 2 ยัง ไมต่ อ้ งมปี กนอก จนกวา่ นกั ศึกษาสอบเสร็จและมีการแก้ไขรายงานตามท่ีคณะกรรมการสอบได้ส่ัง ให้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงจะใส่ปกนอก ปกนอกนี้ท้ังด้านหน้า ด้านหลังและสันปกต้องเป็นปกสีฟ้า ขนาด 180 แกรมเคลือบมัน ตัวอักษรบนปกนอกพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีดา การพิมพ์ให้ใช้เน้ือที่ท้ังหมด 1 หน้ากระดาษ พิมพ์บนกระดาษสีฟ้าขนาด A4 ตัวอักษรให้ใช้ตัวหนาท้ังหน้า ให้ต้ังระยะขอบบน และขอบซ้ายเทา่ กบั 1.5 นว้ิ ขอบล่างและขอบขวา เทา่ กับ 1 นวิ้ หลงั จากตั้งระยะขอบเรียบร้อยแล้ว ให้เร่ิมพมิ พ์ตามลาดับดงั ตารางท่ี 1 และดตู วั อย่างการพิมพ์ปกนอกในรปู ท่ี 1 ตารางท่ี 1 รายละเอียดการพมิ พป์ กนอก ขอ้ ความที่ รายละเอยี ดการพิมพ์ หมายเหตุ 1. พิมพค์ าว่า “ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ” ขึ้นบรรทดั ใหม่ อกั ษรขนาด 28 pts. ตวั หนา 2. พมิ พค์ าวา่ “คณะวิศวกรรมศาสตร”์ เวน้ 4 บรรทัด อกั ษรขนาด 28 3. พมิ พ์คาวา่ “โครงงานเลขท*ี่ :**IES**……/…….”ขึ้นบรรทดั ใหม่ pts. ตวั หนา อกั ษรขนาด 20 pts.ตัวหนา 4. พมิ พค์ าว่า “รายงานเรอ่ื ง**:**ชอ่ื โครงงานภาษาไทย” ข้นึ บรรทดั ใหม่ อักษรขนาด 20 pts.ตวั หนา 5. พิมพ์ชื่อโครงงานภาษาอังกฤษ ให้ตรงกับตัวอักษรตัวแรกของชื่อโครงงาน อักษรขนาด 20 ภาษาไทย เวน้ 8 บรรทดั pts.ตัวหนา 6. พมิ พ์ชื่อผ้จู ดั ทาโครงงานคนที่ 1 คาว่า อักษรขนาด 20 “ผู้จัดทา*:**นาย…….……**…………… รหัสนักศึกษา**………….. pts.ตวั หนา ขึน้ บรรทดั ใหม่ 7. พิมพช์ ื่อผรู้ ว่ มทาโครงงานคนท่ี 2 อักษรขนาด 20 “นางสาว……….…**……………. รหสั นกั ศกึ ษา**……………….... pts. ตัวหนา พิมพ์ เวน้ 2 บรรทดั ตวั อย่างเชน่ คานาหนา้ ชื่อ และ ผจู้ ดั ทา*:**นาย……..…**……….… รหัสนกั ศกึ ษา**………….. รหสั นักศึกษาใน นางสาว...........**........... รหัสนกั ศกึ ษา**………….. ตาแหนง่ ทตี่ รงกัน คมู่ อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 1
ตารางที่ 1 รายละเอยี ดการพิมพป์ กนอก (ต่อ) ข้อความท่ี รายละเอยี ดการพมิ พ์ หมายเหตุ 8. พมิ พค์ าว่า “วนั ท*ี่ *:**………**………………………**………...” อกั ษรขนาด 20 pts. ตวั หนา ท่ีสนั ปกให้เขยี นเลขทีโ่ ครงงาน ชือ่ โครงงานภาษาไทย และปีการศกึ ษา โดยให้ตัวอกั ษรซ้าย สดุ และขวาสดุ ห่างจากขอบบนและลา่ งประมาณ 1 นิ้ว ตวั อยา่ งเช่น โครงงานเลขที่ IES 016/2556 การสรา้ งระบบสนบั สนนุ การจดั กิจกรรม ปกี ารศกึ ษา 2556 2. กระดาษเปลา่ ถัดจากปกแขง็ ดา้ นหนา้ และกอ่ นปกแข็งดา้ นหลังให้มกี ระดาษสีขาวด้านละแผ่น 3. ปกใน ประกอบดว้ ยช่อื โครงงาน ชือ่ และนามสกุล รหสั นกั ศึกษา และข้อความอื่นๆ ให้พิมพ์ข้อความ ตามลาดับดังตารางท่ี 2 และดูตัวอย่างการพิมพ์ในรูปที่ 2 การพิมพ์ให้ใช้เนื้อท่ีทั้งหมด 1 หน้ากระดาษ พิมพ์บนกระดาษขาวขนาด A4 ตัวอักษรขนาด 16 pts. ตัวปกติ ทั้งหน้า ให้ตั้งระยะ ขอบบน และขอบซา้ ยเทา่ กับ 1.5 นิ้ว ขอบลา่ งและขอบขวา เทา่ กบั 1 นิว้ ค่มู อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 2
1.5 น้ิว 1 นิ้ว ภาควชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ความสูง 2.63 นวิ้ ความกว้าง 1.69 น้วิ ) 1.5 น้ิว โครงงานเลขที่*:**IES**……/……… รายงานเร่ือง**:**ชื่อโครงงานภาษาไทย ชื่อโครงงานภาษาองั กฤษ ผู้จดั ทา*:**นาย……**……… รหสั นกั ศึกษา**………….. นางสาว……**…… รหสั นกั ศกึ ษา**…………. วนั ที่**:**……..**……………**……….. 1 นว้ิ รปู ที่ 1 ตัวอยา่ งปกนอกรายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ ค่มู ือรายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หน้า 3
ตารางที่ 2 รายละเอียดการพิมพ์ปกใน ข้อความที่ รายละเอียดการพมิ พ์ หมายเหตุ 1. พมิ พ์ช่อื โครงงานภาษาไทย ขน้ึ บรรทัดใหม่ 2. พิมพช์ ือ่ โครงงานภาษาอังกฤษ ขึน้ บรรทัดใหม่ 3. พมิ พ์ “(โครงงานเลขท่ี**IES**………/………….)” เว้น 1 บรรทดั 4. พิมพ์ “โดย” เวน้ 1 บรรทดั 5. พิมพ์ชื่อนักศึกษา**นามสกลุ **รหัสนักศึกษา เวน้ 1 บรรทดั 6. พมิ พค์ าว่า “นกั ศกึ ษานักศกึ ษาชน้ั ปที ่ี**4**ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ** มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์” เวน้ 1 บรรทัด 7. พมิ พค์ าว่า “สาหรับ” ขนึ้ บรรทัดใหม่ 8. พิมพ์คาว่า “ปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมอุตสาหการ)” (สาหรับนักศึกษาสาขาวิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ) “ปรญิ ญาวศิ วกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมการผลิต)” (สาหรับสาขาวชิ าวศิ วกรรมการผลติ ) เวน้ 1 บรรทดั 9. พิมพ์คาว่า “เสนอตอ่ ” เว้น 1 บรรทดั 10. พมิ พค์ าวา่ “ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ**คณะวิศวกรรมศาสตร*์ * มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์” ขนึ้ บรรทัดใหม่ 11. พมิ พ์คาว่า “รายงานน้ีเป็นส่วนหน่งึ ของวิชา” ขนึ้ บรรทดั ใหม่ 12. พิมพ์รหสั วิชา 227-462**INDUSTRIAL**ENGINEERING**PROJECT*II (สาหรบั สาขาวิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ) 229-462**MANUFACTURING**ENGINEERING**PROJECT*II (สาหรับสาขาวชิ าวศิ วกรรมการผลิต) เวน้ ประมาณ 2-3 บรรทดั 13. พิมพ์ “..................อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาโครงงาน” ขน้ึ บรรทัดใหม่ ใ ห้ พิ ม พ์ อ า จ า ร ย์ ท่ี ปรึกษาโครงงาน ชิด ขอบขวา 14. พิมพ์ตาแหน่งทางวิชาการ ช่ือ**นามสกุล อาจารย์ท่ีปรึกษาโครงงาน และ หัวหน้าภาควิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ ตัวอย่างเช่น คมู่ อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 4
ตารางท่ี 2 รายละเอยี ดการพมิ พป์ กใน (ตอ่ ) ขอ้ ความท่ี รายละเอยี ดการพิมพ์ หมายเหตุ พิมพเ์ คร่อื งหมาย.......... ...........................................................อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ในตาแหน่งท่ีตรงกนั (รองศาสตราจารย์*วนิดา**รตั นมณี) กรณีมีอาจารย์ท่ีปรึกษา เว้นประมาณ 1 บรรทดั โครงงานรว่ ม ใหใ้ สด่ ว้ ย ....................................................อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานร่วม พิ ม พ์ ต า แ ห น่ ง ท า ง (ผู้ช่วยศาสตราจารย์*ดร.นภิสพร**มมี งคล) วิชาการให้พิมพ์ตาแหน่ง เว้นประมาณ 1 บรรทัด เตม็ ....................................................................... อาจารยก์ รรมการ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์*ดร.ธเนศ**รตั นวไิ ล) อ า จ า ร ย์ ท่ี ป รึ ก ษ า เว้นประมาณ 1 บรรทัด อ า จ า ร ย์ ก ร ร ม ก า ร ........................................................................หัวหน้าภาควิชาฯ หั ว ห น้ า ภ า ค วิ ช า (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์*เจรญิ **เจตวิจติ ร) วิศวกรรมอุตสาหการชิด ข อ บ ข ว า โ ด ย พิ ม พ์ ช่ื อ อาจารย์ที่ปรึกษา ร ะ ย ะ บ ร ร ทั ด ร ะ ห ว่ า ง อ า จ า ร ย์ ท่ี ป รึ ก ษ า โ ค ร ง ง า น อ า จ า ร ย์ กร ร ม กา ร ข้ึนอยู่ กับ จานวนอาจารย์ที่ปรึกษา โครงงาน โดยให้บรรทัด สุ ด ท้ า ย ข อ ง หั ว ห น้ า ภ า ค วิ ช า ฯ อ ยู่ ห่ า ง จ า ก ขอบกระดาษ 1 นิว้ ค่มู ือรายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 5
1.5 นิ้ว ช่ือโครงงานภาษาไทย ชอื่ โครงงานภาษาองั กฤษ (โครงงานเลขท*่ี *IES**………./………….) โดย นาย.................................**……………………..**51……………… นางสาว...........................**…………………**51……………… นักศกึ ษาชั้นปที *่ี *4**ภาควชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ**มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 1.5 น้วิ สาหรับ 1 นวิ้ ปรญิ ญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑติ **(วิศวกรรมอตุ สาหการ/การผลติ ) เสนอต่อ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ**คณะวิศวกรรมศาสตร*์ *มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนงึ่ ของวชิ า 22x- 462**…………………………**ENGINEERING**PROJECT*II ………………..……..………………………………………..อาจารยท์ ่ปี รกึ ษาโครงงาน () ………..…………………………………..……..อาจารย์ท่ีปรกึ ษาโครงงานร่วม(ถ้ามี) () ……………..……..………………………………………………..……..อาจารย์ กรรมการ () …………..……..…………………………………………………………...อาจารยก์ รรมการ () …………….………………………………………………………………...หัวหน้าภาควชิ าฯ () 1 นิ้ว รปู ที่ 2 ตวั อยา่ งปกในรายงานโครงงานฉบบั สมบูรณ์ 4. หนังสือรบั รองความเปน็ เอกลักษณแ์ ละความเปน็ ตน้ ฉบบั เป็นสว่ นท่แี สดงความเปน็ เอกลักษณ์และความเปน็ ต้นฉบับของโครงงาน โดยนักศึกษาจะต้อง ลงลายมอื ชอ่ื รบั รอง การพมิ พเ์ นื้อหาในสว่ นหนังสอื รบั รองความเป็นเอกลักษณ์และความเป็นต้นฉบับ ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 pts. ทั้งหน้า ยกเว้น “หนังสือรับรองความเป็นเอกลักษณ์และความเป็น คมู่ ือรายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หนา้ 6
ต้นฉบับ” ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา และหมายเลขหน้าในหน้าหนังสือรับรองความเป็น เอกลกั ษณ์และความเป็นต้นฉบับนี้ให้ใช้อักษรภาษาไทย คือ “ก” พิมพ์เป็นหมายเลขหน้า (ส่วนหน้า ถัดจากหนังสอื รบั รองความเป็นเอกลักษณแ์ ละความเป็นต้นฉบับ ก็ใช้อักษรภาษาไทยถัดจาก “ก” คือ “ข, ค, ง,…เรยี งลาดบั ไป) โดยพิมพ์หมายเลขหน้าห่างจากขอบกระดาษลงมา 0.5 น้ิว การพิมพ์ให้เร่ิม พิมพ์ตามลาดับดังตารางท่ี 3 และดูตัวอย่างข้อความการพิมพ์ของหนังสือรับรองความเป็นเอกลักษณ์ และความเป็นต้นฉบบั ทุกคาจนจบดงั รูปท่ี 3 ตารางท่ี 3 รายละเอยี ดการพิมพ์หนังสือรบั รองความเปน็ เอกลักษณแ์ ละความเปน็ ตน้ ฉบบั ขอ้ ความที่ รายละเอยี ดการพมิ พ์ หมายเหตุ 1. พิมพ์ “หนังสือรับรองความเป็นเอกลักษณ์และความเป็น อกั ษรขนาด 20 pts. ตวั หนา ต้นฉบับ” เวน้ 1 บรรทดั กลางหนา้ กระดาษ 2. เริ่มพิมพ์ข้อความของหนังสือรับรองความเป็นเอกลักษณ์และ อักษรขนาด 16 pts. บรรทัดแรก ความเปน็ ต้นฉบบั ทกุ คาจนจบ เวน้ 3 บรรทดั ให้เว้นระยะจากขอบซ้ายมือ 0.5 นิ้ว (1 Tab) บรรทัดต่อไปให้พิมพ์ ชิดทางด้านซ้าย โดยให้คัดลอก ข้อความหนังสือรับรองความเป็น เอกลักษณ์และความเป็นต้นฉบับ ในรปู ที่ 3 ทกุ คา 3. พมิ พ์ “ลงชื่อ……………………….…………..” ขนึ้ บรรทัดใหม่ พิมพ์ชิดขอบขวาและลงลายมือชื่อ ก่อนสง่ รายงาน 4. พมิ พ์คานาหนา้ ช่ือ ชื่อ**สกลุ ผู้จดั ทาโครงงาน 0.5 นิว้ 1.5 น้ิว ก หนังสอื รับรองความเปน็ เอกลกั ษณ์และความเป็นต้นฉบบั (เว้น 1 บรรทดั ) ข้าพเจา้ ผลู้ งนามข้างท้ายนี้ขอรบั รองว่ารายงานฉบบั น้ีเป็นรายงานท่ีมคี วามเป็นเอกลกั ษณ์โดย ท่ีข้าพเจ้ามิได้คัดลอกมาจากท่ีหนึ่งท่ีใด และถ้ามีการคัดลอกข้อความใดข้อความหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ได้ 1 นิ้ว 1.5 นว้ิ อ้างองิ ถงึ ต้นฉบบั อยา่ งเหมาะสมและขอรับรองว่ารายงานฉบบั นี้ยงั ไม่เคยนาเสนอต่อสถาบันอื่นใดมา ก่อน (เว้น 3 บรรทดั ) (ลงลายมือช่ือก่อนส่ง) ลงชื่อ……ร…าย…งา…น…) ……….………….. () 1 นวิ้ รปู ท่ี 3 ตวั อย่างการพิมพ์หนงั สือรับรองความเปน็ เอกลักษณ์และความเป็นต้นฉบับ คมู่ อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 7
5. กิตติกรรมประกาศ เป็นข้อความกล่าวขอบคณุ ผูท้ ี่ให้ความชว่ ยเหลอื และความร่วมมือจนโครงงานน้ันสาเร็จลุล่วง ด้วยดี การพิมพ์เน้ือหาในส่วนกิตติกรรมประกาศให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 pts. ทั้งหน้า ยกเว้น “กิตติกรรมประกาศ” ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา และหมายเลขหน้าในหน้า กติ ตกิ รรมประกาศให้ใชอ้ ักษรภาษาไทยต่อจากหมายเลขหน้าหนังสือรับรองความเป็นเอกลักษณ์และ ความเป็นต้นฉบับ โดยพิมพ์หมายเลขหน้าห่างจากขอบกระดาษลงมา 0.5 นิ้ว การพิมพ์ให้เริ่มพิมพ์ ตามลาดับดังตารางที่ 4 และดูตัวอยา่ งการพิมพด์ งั รูปที่ 4 ตารางที่ 4 รายละเอยี ดการพมิ พ์กิตติกรรมประกาศ ข้อความที่ รายละเอยี ดการพมิ พ์ หมายเหตุ 1. พมิ พ์ “กิตติกรรมประกาศ” เว้น 1 บรรทัด อักษรขนาด 20 pts. ตวั หนา กลาง หนา้ กระดาษ 2. เริ่มพิมพ์ข้อความของกิตติกรรมประกาศ เว้น 1-2 อักษรขนาด 16 pts. บรรทัดแรกให้เว้นระยะ บรรทัด จากขอบซ้ายมือ 0.5 น้ิว (1 Tab) บรรทัด ต่อไปใหพ้ ิมพ์ชิดทางด้านซ้าย 3. พิมพ์ ช่อื **สกุลผ้จู ัดทาโครงงาน ขึ้นบรรทัดใหม่ พมิ พช์ ดิ ขอบขวาโดยไมต่ อ้ งพิมพ์คานาหนา้ ชื่อ 0.5 น้ิว 1.5 น้ิว ข กิตตกิ รรมประกาศ (เวน้ 1 บรรทดั ) โครงงานเรอื่ ง “การสร้างระบบการจัดการกิจกรรมภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ ” สามารถสาเร็จลลุ ว่ งไปได้ด้วยดี ด้วยความ กรุณาให้ ความช่วยเหลือและการให้คาแนะนาจากอาจารย์และบุคลากรหลายท่าน ทางคณะผู้จัดทา จึงขอขอบพระคุณอาจารย์และ บุคลากร ดังน้ี 1 น้วิ รศ.วนิดา รัตนมณี อาจารย์ท่ีปรกึ ษาโครงงาน ผู้ซ่ึงคอยใหค้ าแนะนาติชม ช้ีแนะแนวทางให้คาปรึกษา และอีกท้ังการแก้ปัญหา 1.5 นิว้ ระหว่างการทาโครงงาน จนโครงงานสามารถสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ้วยดี ผศ.ดร.กลางเดอื น โพชนา อาจารยท์ ปี่ รึกษาร่วม ผู้ซึ่งคอยใหค้ วามรู้ ใหค้ าปรึกษา และแนะแนวทางในการทาโครงงานจนทาให้ โครงงานสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ้วยดี คณุ สรนิ ดา อรณุ พันธ์ นกั วิชาการศกึ ษาภาควิชาฯ ผู้ให้ความรู้ด้านข้ันตอนการทากิจกรรมของภาควิชาฯ ให้คาแนะนาติชม ให้ คาปรกึ ษา และอานวยความสะดวก ในดา้ นขอ้ มลู การทาโครงงาน จนโครงงานสามารถสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ้วยดี ท้ายสดุ น้ี ขอใหท้ ่านเหลา่ นค้ี ดิ หรอื ประสงค์สง่ิ ใดก็ขอให้ประสบกบั ความสาเรจ็ ทกุ เร่ืองไป (ไม่ตอ้ งมคี ำนำหนำ้ ) จินตนา บุญส่ง ไปรมา เอยี่ มระยบั 1 นว้ิ รูปที่ 4 ตัวอย่างการพมิ พ์กิตติกรรมประกาศ 6. บทคัดยอ่ ภาษาไทย เป็นเน้ือความสรุปเนื้อหาของโครงงานทั้งเล่ม มีความกะทัดรัดชัดเจนทาให้ผู้อ่านทราบถึง เน้ือหาของโครงงานอย่างรวดเร็ว บทคัดย่อของโครงงานควรระบุถึงวัตถุประสงค์จุดมุ่งหมายและ คู่มอื รายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หน้า 8
ขอบเขตของโครงงาน วิธีการทาโครงงาน รวมทั้งเคร่ืองจักรเครื่องมือที่ใช้ วิธีการเก็บและวิเคราะห์ ขอ้ มูล ผลการทาโครงงาน บทคดั ย่อทีด่ ตี ้องมลี ักษณะดงั นี้ 1. มีความถกู ตอ้ งโดยระบุจดุ ประสงค์และเนอื้ หาของเนอ้ื เรื่องตามทป่ี รากฏในโครงงาน 2. มีความสมบูรณ์ เช่น คาย่อ คาที่ไม่คุ้นเคยให้เขียนเต็มเมื่อกล่าวถึงครั้งแรก ไม่ จาเป็นตอ้ งอา้ งเอกสาร ยกตัวอยา่ ง ยกขอ้ ความ สมการหรอื รูปภาพคาท่ีใช้ในบทคัดย่อ เป็นคาสาคญั เพ่อื ประโยชนใ์ นการทาดัชนเี พ่ือการสืบค้นข้อมลู 3. มีลกั ษณะของการรายงานมากกว่าการประเมนิ ไมค่ วรมคี าวิจารณ์นอกจากการรายงาน ผลและขอ้ มูลตัวเลขทีส่ าคญั ท่ไี ดจ้ ากการทาโครงงาน 4. มคี วามน่าอา่ นและขอ้ ความราบรน่ื 5. บทคดั ย่อภาษาไทยเพยี งย่อหนา้ เดียวและมีความยาวไมเ่ กินหนึ่งหน้ากระดาษ การพิมพ์ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 pts. ทั้งหน้า ยกเว้น “บทคัดย่อ” ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา และหมายเลขหน้าในหน้าบทคัดย่อภาษาไทยให้ใช้อักษรภาษาไทย ต่อจาก หมายเลขหน้ากิตติกรรมประกาศ โดยพิมพ์หมายเลขหน้าห่างจากขอบกระดาษลงมา 0.5 นิ้ว รายละเอยี ดการพมิ พต์ ามตารางที่ 5 และดูตัวอย่างการพิมพ์ดังรูปท่ี 5 ตารางที่ 5 รายละเอยี ดการพมิ พ์บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ข้อความ รายละเอียดการพิมพ์ หมายเหตุ ที่ พมิ พ์ “บทคดั ยอ่ ” เวน้ 1 บรรทัด อกั ษรขนาด 20 pts. ตัวหนา กลางหน้ากระดาษ 1. เริม่ พิมพ์ข้อความบทคัดยอ่ ภาษาไทย อักษรขนาด 16 pts. บรรทัดแรกให้เว้นระยะจากขอบ ซ้ายมือ 0.5 น้ิว (1 Tab) บรรทัดต่อไปให้พิมพ์ชิดทาง 2. ดา้ นซา้ ย คู่มอื รายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หน้า 9
0.5 นว้ิ 1.5 นิว้ ค บทคดั ย่อ (เวน้ 1 บรรทัด) ในปัจจุบันระบบการดาเนินกิจกรรมของภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ไม่มีข้ันตอนและแบบ แผนการดาเนินกจิ กรรมท่ีแน่นอน ทาให้ต้องใช้เวลามากในการค้นหาข้อมูลเพ่ือศึกษาข้ันตอนกิจกรรม โครงงานน้ีจึงได้จัดทาข้ึนเพื่อ สรา้ งระบบสนับสนุนการดาเนินกจิ กรรมของนักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษารวมถึงกิจกรรมของบุคลากรภายใน 1 นวิ้ ภาควชิ าฯ ใหด้ าเนินไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ซงึ่ จากการเกบ็ ข้อมลู พบว่ามีการจัดกิจกรรมประจาปีของภาควิชาฯ จานวน 20 กิจกรรม 1.5 น้ิว จงึ ได้มีการออกแบบโครงสรา้ งขน้ั ตอนการทากิจกรรมในรปู แบบ K-Procedure โดยใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์เอกเซล ซึ่งประกอบด้วย ขน้ั ตอนของการทากจิ กรรม ผูร้ บั ผดิ ชอบ เอกสารตัวอยา่ งและระเบยี บท่ีเกี่ยวขอ้ ง และขอ้ เสนอแนะสาหรับผู้ดาเนินงาน ในกรณีศึกษา จานวน 20 กจิ กรรม ยกตัวอย่างกิจกรรมทไี่ ดม้ กี ารพัฒนา เช่น กิจกรรมเย่ียมชมโรงงาน กิจกรรม Big Cleaning Day กิจกรรมสัปดาห์ วิทยาศาสตร์ เป็นตน้ ผลการทดลองใช้ระบบช่วยการดาเนินกิจกรรม โดยเจ้าหน้าที่ที่เก่ียวข้องกับการดาเนินกิจกรรม พบว่าสามารถ ช่วยเจา้ หนา้ ทีท่ างานการดาเนินกจิ กรรมไดส้ ะดวกและรวดเร็วขนึ้ ซ่งึ การใช้งานระบบสามารถใช้ได้โดยผ่านทางเว็บไซต์ภาควิชาฯ คือ www.ie.psu.ac.th โดยท้ายสุดผู้ดาเนินงานสามารถวางแผนการทางานไดอ้ ย่างถูกต้องและทันเวลา ส่งผลให้ภาควิชาวิศวกรรมอุต สาหการมีระบบสนบั สนนุ การดาเนินกิจกรรมท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพมากย่งิ ขนึ้ 1 นิ้ว รูปที่ 5 ตัวอยา่ งการพมิ พ์บทคดั ย่อภาษาไทย 7. บทคัดย่อภาษาองั กฤษ เป็นบทคัดย่อที่แปลจากบทคัดย่อภาษาไทย พิมพ์ต่อจากบทคัดย่อภาษาไทย นักศึกษาควร จะระมัดระวังและตรวจสอบความถูกต้องของภาษาท่ีใช้ด้วย การพิมพ์เนื้อหาในส่วนบทคัดย่อ ภาษาอังกฤษให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 pts. ท้ังหน้า ยกเว้น “Abstract” ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา และหมายเลขหน้าในหนา้ บทคัดย่อภาษาอังกฤษใหใ้ ชอ้ ักษรภาษาไทย ต่อจากหมายเลข หนา้ บทคดั ยอ่ ภาษาไทย โดยพิมพห์ มายเลขหน้าห่างจากขอบกระดาษลงมา 0.5 นิ้ว ส่วนรายละเอียด การพิมพด์ ังตารางที่ 6 และดตู ัวอย่างในรปู ที่ 6 ตารางท่ี 6 รายละเอียดการพมิ พ์บทคัดย่อภาษาองั กฤษ ข้อความ รายละเอียดการพมิ พ์ หมายเหตุ ที่ 1. พมิ พ์ “Abstract ” เว้น 1 บรรทัด อักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา กลางหนา้ กระดาษ 2. เริ่มพิมพ์บทคัดยอ่ ภาษาองั กฤษ อักษรขนาด 16 pts. บรรทัดแรกให้เว้นระยะจากขอบ ซ้ายมือ 0.5 นิ้ว (1 Tab) บรรทัดต่อไปให้พิมพ์ชิดทาง ด้านซ้าย คมู่ อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หน้า 10
0.5 นิ้ว 1.5 นิว้ ง Abstract (เว้น 1 บรรทดั ) At present, the faculty of engineering, department of industrial engineering performs its activities without proper plans or guidelines. This leads to time consumption for document and information preparation in each activity. This project aims to study and design necessary procedure involving undergraduate and graduate 1 นวิ้ 1.5 น้วิ student activities and the department staff activities in the department to effectively perform. According to the data, we found that there are 20 activities in the department. The structure of designed procedures, in the form of knowledge procedure (K-Procedure) by use Microsoft Excel, consists of step of activity, responsible persons, related documents and regulations, and tips for operation. In this study, 20 K-procedures, for example, industrial tour, big cleaning day, national science week .etc, for the were. The result of the experiment which use the activity system by the officer who is related to the activity, show that the system can help the officer do their work easier and faster which can be use the system by the department's website as www.ie.psu.ac.th . Finally, the officer can plan their work and correct it in time. So that, the industrial department will have more effective supporting activity system. 1 น้วิ รูปท่ี 6 ตวั อย่างการพิมพ์บทคดั ย่อภาษาองั กฤษ 8. สารบญั เป็นส่วนท่ีจะใช้บอกตาแหน่งของหัวข้อรายงานโครงงาน สารบัญจะบอกว่าบทที่ หรือหัวข้อ ใดอยู่ท่ีหน้าใด การพิมพ์เนื้อหาในส่วนสารบัญ ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 pts. ท้ังหน้า ยกเว้น “สารบัญ”ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา และหมายเลขหน้าในหน้าสารบัญให้ใช้อักษร ภาษาไทย ต่อจากหมายเลขหน้าบทคัดย่อภาษาอังกฤษ โดยพิมพ์หมายเลขหน้าห่างจากขอบกระดาษ ลงมา 0.5 นิ้ว ในส่วนของเนื้อหารายละเอียดของสารบัญให้เร่ิมพิมพ์ตามลาดับดังตารางท่ี 7 และ หมายเลขหนา้ สว่ นของเนอ้ื หารายงาน เริ่มจากบทนาให้พิมพ์เลขบทตามด้วยเคร่ืองหมายลบ และเลข หน้าตามลาดบั เช่น บทที่ 1 หน้า 3 ให้พิมพ์เป็น 1-3 และ บทท่ี 2 หน้า 7 ให้พิมพ์เป็น 2-7 เป็นต้น ส่วนหมายเลขหน้าของภาคผนวก ให้พิมพ์ให้เรียงตามหมวดหมู่ของภาคผนวก แล้วต่อด้วยเลขหน้า เช่น ก-1, ก-2, ก-3 หรือ ข-1, ข-2, ข-3 ตามลาดับจนถึงหน้าสุดท้ายของภาคผนวกแต่ละส่วน และดู ตัวอยา่ งการพิมพ์ในรปู ท่ี 7 ตารางที่ 7 รายละเอียดการพิมพส์ ารบญั ขอ้ ความท่ี รายละเอยี ดการพิมพ์ หมายเหตุ 1. พมิ พค์ าว่า “สารบญั ” เวน้ 1 บรรทัด อกั ษรขนาด 20 pts. ตวั หนา กลางหนา้ กระดาษ 2. พิมพค์ าว่า “หน้า” เว้น 1 บรรทดั พมิ พ์ชิดขอบขวาอักษรขนาด 16 pts. 3. เริ่มข้อความของสารบญั ให้เขียนหัวข้อและช่ือของหัวข้อชิดขอบซ้ายของบรรทัด และหมายเลขหน้าชิดขอบขวาสุด ถ้ามีหัวข้อย่อยให้ คมู่ ือรายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ พมิ พ์ตรงกับตวั อักษรตวั แรกในหวั ขอ้ หลักตามลาดับ โดย หัวข้อย่อยให้ใช้หมายเลขหัวข้อย่อยเพียงแค่ทศนิยม 1 ตาแหน่งเท่าน้ัน เช่น บทที่ 1 บทนา จะใชห้ ัวขอ้ ยอ่ ย คือ หน้า 11
ตารางที่ 7 รายละเอยี ดการพมิ พ์สารบัญ (ตอ่ ) ข้อความท่ี รายละเอียดการพมิ พ์ หมายเหตุ 4. พิมพค์ าว่า “สารบัญ (ต่อ)” 1.1**….., 1.2**…… เปน็ ตน้ ถ้าสารบัญไม่สามารถเขียนให้หมดภายใน 1 หน้ากระดาษ จาเป็นต้องขึ้นหน้าใหม่ ให้ใช้วิธีเดียวกับ การพิมพ์สารบัญแต่ก่ึงกลางหน้าให้ใช้คาว่า “สารบัญ (ต่อ)” โดยมีรูปแบบการพิมพ์เช่นเดียวกับการพิมพ์ สารบัญในหนา้ แรก 0.5 นิ้ว 1.5 นิว้ จ สารบญั หน( ้า เว้น 1 บรรทัด หนงั สอื รบั รองความเป็นเอกลักษณแ์ ละความเป็นต้นฉบบั .................................................................................................................. ก กิตตกิ รรมประกาศ............................................................................................................................................................................... ข บทคดั ย่อภาษาไทย .............................................................................................................................................................................. ค Abstract...............................................................................................................................................................................................ง สารบญั ................................................................................................................................................................................................. จ สารบัญตาราง....................................................................................................................................................................................... ฉ สารบัญรปู ............................................................................................................................................................................................ ช บทท่ี*1**บทนา ................................................................................................................................................................................1-1 1.1**ความเป็นมาของปัญหา ...........................................................................................................................................1-2 1.2**วัตถุประสงค์ ............................................................................................................................................................1-3 1.3**ขอบเขตของโครงงาน...............................................................................................................................................1-3 1 นิ้ว 1.5 น้ิว 1.4**ข้ันตอนและระยะเวลาดาเนนิ งาน ...........................................................................................................................1-4 1.5**ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั …….. ..............................................................................................................................1-4 บทท*่ี 2**การสารวจเอกสารและทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้อง..........................................................................................................................2-1 2.1**การสารวจเอกสาร ....................................................................................................................................................2-1 2.2**ทฤษฏที ีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ......................................................................................................................................................2-3 บทท*่ี 3**วิธีการดาเนนิ โครงงานและข้อมลู เบ้ืองต้น.........................................................................................................................3-1 บทท*ี่ 4**ความก้าวหน้าของการทาโครงงาน....................................................................................................................................4-2 บทท*ี่ 5**สรปุ ผลการทดลอง ............................................................................................................................................................5-1 บรรณานุกรม ....................................................................................................................................................................................... ซ ภาคผนวก ภาคผนวก**ก ..................................................................................................................................................................................ก-1 ภาคผนวก**ข ..................................................................................................................................................................................ข-1 ภาคผนวก**ค ..................................................................................................................................................................................ค-1 ประวัติผู้จัดทาโครงงาน........................................................................................................................................................................ฌ 1 นิว้ รูปที่ 7 ตวั อย่างการพิมพ์สารบัญ คมู่ ือรายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หน้า 12
9. สารบญั ตาราง เป็นส่วนท่ีจะบอกตาแหน่งของตารางในรายงานว่าอยู่ท่ีหน้าใด ถ้าในรายงานไม่มีตารางก็ไม่ ตอ้ งเขยี นสารบญั ตาราง การพิมพส์ ารบัญตารางดังตัวอยา่ งในรปู ท่ี 8 การพิมพ์เนื้อหาในส่วนสารบัญตาราง ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 pts. ท้ังหน้า ยกเว้น “สารบัญ”ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา และหมายเลขหน้าของหน้าสารบัญตารางน้ีให้ใช้ อกั ษรภาษาไทย ต่อจากหมายเลขหนา้ สารบญั โดยพมิ พ์หมายเลขหน้าห่างจากขอบกระดาษลงมา 0.5 น้ิว หมายเลขสารบัญตาราง ให้เรียงลาดับหมายเลขตารางตามบทจาก 1 ไปจนจบบทตาราง โดยมี รายละเอียดการพมิ พส์ ารบญั ตารางดงั ตารางที่ 8 0.5 นิว้ 1.5 นิ้ว ค สารบญั ตาราง (เว้น 1 บรรทดั ) 1.5 น้วิ ตารางท่ี ชือ่ ตาราง หน้า 2-10 1 นวิ้ 2.1 ลาดับงานการคานวณสตู รในโปรแกรมไมโครซอฟต์เอกเซล 2.2 ช่อื สตู รสาเรจ็ หรอื ฟงั กช์ ัน 2-10 3.1 กจิ กรรมของภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการตามแผนกิจกรรม 3-1 3.2 รายละเอียดกิจกรรมของภาควิชาฯ ตามแผนกจิ กรรมภาควชิ าฯ จานวน 20 กจิ กรรม 3-2 1 น้ิว รปู ที่ 8 ตวั อย่างการพิมพ์สารบัญตาราง ตารางที่ 8 รายละเอยี ดการพิมพ์สารบญั ตาราง ข้อความท่ี รายละเอียดการพิมพ์ หมายเหตุ 1. 2. พิมพ์คาว่า “สารบัญตาราง” เว้น 1 อกั ษรขนาด 20 pts. ตวั หนา กลางหน้ากระดาษ 3. บรรทัด 4. พิมพ์คาว่า “ตารางที่” “ชื่อตาราง” อักษรขนาด 16 pts.ตวั หนา กลางหน้ากระดาษ “หน้า” ข้นึ บรรทัดใหม่ พิมพ์หมายเลขตาราง ช่ือตาราง และ อักษรขนาด 16 pts. ตัวธรรมดา โดยพิมพ์หมายเลข หมายเลขหน้า ตาราง หมายเลขหน้าไว้กึ่งกลาง ส่วนชื่อตารางให้พิมพ์ ชิดขอบซ้าย พมิ พค์ าวา่ “สารบญั ตาราง (ต่อ)” ถ้าสารบัญตารางไม่สามารถเขียนให้หมดได้ภายใน 1 หน้ากระดาษ จาเป็นต้องข้ึนหน้าใหม่ กึ่งกลางหน้าให้ใช้ คาว่า “สารบัญตาราง (ต่อ)” โดยมีรูปแบบการพิมพ์ เช่นเดยี วกบั การพมิ พ์สารบัญตารางในหนา้ แรก คู่มอื รายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หนา้ 13
10. สารบัญรูป เป็นส่วนท่ีแจ้งหมายเลขหนา้ ของภาพ (รูปภาพ แผนท่ี แผนภูมิ กราฟ ฯลฯ) ท้ังหมดที่มีอยู่ใน รายงาน รวมถึงภาพ (รูปภาพ แผนท่ี แผนภูมิ กราฟ ฯลฯ) ท้ังหมดท่ีมีอยู่ในภาคผนวกด้วย ตัวอย่าง การจดั พมิ พส์ ารบัญรปู ดังตัวอย่างในรปู ที่ 9 การพิมพ์เนื้อหาในส่วนสารบัญรูป ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 pts. ท้ังหน้า ยกเว้น “สารบัญ รูป”ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตัวหนา และหมายเลขหน้าของหน้าสารบัญรูปน้ีให้ใช้อักษร ภาษาไทย ต่อจากหมายเลขหน้าสารบัญตาราง โดยพิมพ์หมายเลขหน้าห่างจากขอบกระดาษลงมา 0.5 นิ้ว หมายเลขสารบัญรูป ให้เรียงลาดับหมายเลขรูปตามบทจาก 1 ไปจนจบ โดยมี รายละเอียด การพมิ พ์สารบญั รูปดังตารางที่ 9 0.5 น้วิ หน้า 1.5 นว้ิ ง 1-2 2-7 1 นิว้ สารบญั รูป 2-8 ก-1 (เว้น 1 บรรทดั ) ข-4 รูปที่ ช่อื รูปภาพ 1.5 น้ิว 1.1 แผนผังการจัดทากจิ กรรมนักศกึ ษาภาควิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ 2.1 การปอ้ งกนั แผ่นงานโดยการต้งั รหัสผ่าน 2.2 แผ่นงานที่ถกู ป้องกันแลว้ ซ่ึงไม่สามารถแกไ้ ขรปู แบบเซลล์ได้ ก.1 การใสร่ หัสเพ่ือยกเลิกการปอ้ งกนั แผน่ งาน ข.1 ขัน้ ตอนการทางานการทากิจกรรมนกั ศึกษา 1 นิว้ รูปที่ 9 ตัวอยา่ งการพมิ พ์สารบัญรปู ตารางที่ 9 รายละเอียดการพมิ พส์ ารบญั รูป ขอ้ ความ รายละเอยี ดการพิมพ์ หมายเหตุ ท่ี อกั ษรขนาด 20 pts. ตัวหนา กลางหนา้ กระดาษ พิมพ์คาว่า “สารบัญรูป” เว้น 1 1. บรรทัด 2. พิมพ์คา“รูปท่ี” “ชื่อรูปภาพ” อักษรขนาด 16 pts. ตัวหนาไว้ตรงกลางของตาราง “หน้า” ขน้ึ บรรทัดใหม่ 3. พมิ พ์หมายเลขรูป ช่ือรปู ภาพ และ อักษรขนาด 16 pts. ตัวธรรมดา โดยท่ี พิมพ์หมายเลขรูป หมายเลขหน้า หมายเลขหน้า ไว้กึ่งกลาง ส่วนชื่อรูปภาพให้พิมพ์ชิดขอบซ้าย โดยชอ่ื รปู ไม่ตอ้ งข้นึ ด้วย คาวา่ “แสดง” 4. พมิ พ์คาวา่ “สารบญั รปู (ตอ่ )” ถ้าสารบัญรูปไม่สามารถเขียนให้หมดได้ภายใน 1 หน้ากระดาษ จาเปน็ ต้องขน้ึ หน้าใหม่ ให้ใช้วิธีเดียวกับการพิมพ์สารบัญรูป แต่ กึ่งกลางหน้าใหใ้ ชค้ าวา่ “สารบญั รู ูป (ตอ่ )” คมู่ ือรายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หน้า 14
11. ส่วนเนื้อหา บทที่ 1 บทนา และ บทท่ี 2 การสารวจเอกสารและทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้อง เหมือนกับรายงาน ข้อเสนอโครงงาน โดยอาจมีการเพ่ิมเติม หรือปรับปรุงจากข้อคิดเห็นของกรรมการสอบข้อเสนอ โครงงาน หรือจากการสารวจเอกสารเพม่ิ เตมิ ในส่วนบทท่ี 3, 4, 5 เนอื้ หาสามารถปรับเปล่ียนได้ตาม ความเหมาะสมของโครงงานแตล่ ะประเภท 11.1 บทที่ 1 บทนา เหมือนกับรายงานขอ้ เสนอโครงงาน ประกอบดว้ ยหวั ข้อต่างๆ ดังน้ี 1. ความเปน็ มาของปัญหา 2. วัตถุประสงคข์ องโครงงาน 3. ขอบเขตของโครงงาน 4. ข้ันตอนและระยะเวลาดาเนินงาน 5. ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ 11.2 บทที่ 2 การสารวจเอกสารและทฤษฎีทีเ่ กีย่ วข้อง เหมือนกับข้อความในรายงานข้อเสนอโครงงาน อย่างไรก็ตามเน้ือหาสามารถ ปรับเปลี่ยนและแก้ไขได้ตามความเหมาะสมจนกว่าจะเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ บทน้ีจะกล่าวถึง ทฤษฎที เี่ ก่ยี วขอ้ งกับเรอ่ื งทศ่ี ึกษา ช่วยใหเ้ หน็ ผลทน่ี าไปสู่จดุ มงุ่ หมายของการทาโครงงาน ควรกล่าวถึง เฉพาะทฤษฎีและหลักการที่สาคัญ โดยอาจมีการเพ่ิมเติมหรือปรับปรุงจากข้อคิดเห็นของกรรมการ สอบขอ้ เสนอโครงงาน หรือจากการสารวจเอกสารเพม่ิ เติม และควรมกี ารเขียนในลกั ษณะดังตอ่ ไปน้ี 1. อย่าลอกจากหนังสือเพราะหนังสือบางเล่มพยายามเขียนให้ง่าย โดยใช้ภาษาพูด เพ่ือให้ผู้อ่าน อ่านง่าย แต่ไม่ต้องเขียนแบบน้ีในรายงาน และหากเนื้อหาท่ีนามาเขียนมาจากหลาย แหล่ง สรรพนามที่ผู้เขียนจากแต่ละแหล่งใช้อาจจะไม่เหมือนกัน ให้อ่านแล้วสรุปมาเป็นภาษาของ ตวั เอง 2. ควรอ่านแล้วทา Mind Map เร่ืองราวท่อี ่านมากอ่ นแล้วค่อยมาเขยี น 3. กอ่ นเขียนโครงงาน ควรมกี ารอา่ นเอกสารงานวิจยั ของคนอ่ืนมาแล้วไม่ต่ากว่า 10-20 เรอ่ื ง เพอ่ื จะเป็นแนวทางในการทาโครงงาน (ถอื เปน็ การเรยี นลดั ) 4. ในการสรุปงานท่ีอ่าน ให้ลองสรุปเบ้ืองต้นว่า งานวิจัยนั้นทาอะไร ท่ีไหน มี วัตถุประสงค์เพ่ืออะไร ระบุขอบเขตการทาโครงงาน มีกระบวนการทาอย่างไร (กระบวนการเป็นส่ิง สาคัญเพราะเราสามารถใช้เป็นแนวทางในการทางานได้ด้วย) ผลลัพธ์ท่ีได้เป็นอย่างไร เอาไปใช้ ประโยชนอ์ ะไรได้บา้ ง 5. อย่าอ่านเฉพาะบทคัดย่อของงานอื่นแล้วนามาเขียนในโครงงาน วิเคราะห์ให้ถ่องแท้ ว่างานของเขาเกี่ยวข้องกับงานของเราอย่างไร แล้วค่อยมาสรุปเป็นภาษาของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นงาน ทีอ่ ยใู่ นสาขาใกล้เคียงกนั และสามารถใช้ผลการศึกษาของเขามาอ้างอิงในงานวิจัยได้ หรืองานของเขา ยังมีช่องว่างที่ยังไม่ได้ศึกษาและงานของเราสามารถเข้าไปเติมเต็มช่องว่างนั้นได้ ที่สาคัญ อย่ามัวแต่ ลอกบทคัดย่อมาแปะ จะเสียเวลาเปลา่ และไมเ่ กดิ ประโยชน์อะไรเลย คมู่ อื รายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หน้า 15
6. สาหรับการเขียนงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องท่ีได้มีการสารวจและสรุปมาทั้งหมด ให้มีการ เขียนเป็นเรื่องเดียวกันท้ังหมด ตัวอย่างเช่น “ในอดีตได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงาน โดยเน้น การปรับปรุงกระบวนการผลิต เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการบรรจุปลากระป๋อง โดยมี การออกแบบเครื่องมือช่วยบรรจุเน้ือปลากระป๋องให้มีมาตรฐานมากข้ึน[1] การปรับปรุง ประสิทธิภาพขั้นตอนการหยิบผ้าจากรถเข็น ได้การออกแบบรถเข็นใหม่ที่มีสปริงเป็นตัวช่วยยกผ้า เป็นต้น [2] ในยุคตอ่ มาก็ได้มกี ารปรบั ปรงุ ประสิทธิภาพ โดยการเน้นการนาระบบอัตโนมตั มิ าชว่ ยใน การกระบวนการมากขึน้ เช่น มีการออกแบบระบบการขนถ่ายรว่ มกบั การอบยางให้แห้งอย่างอัตโนมัติ เพื่อใหม้ กี ารทางานรวดเร็วและมีประสิทธภิ าพสูงขึน้ …………[1]” เปน็ ตน้ 7. เมือ่ จบในสว่ นของทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องแล้ว ให้ขมวดปมสรุปความแตกต่าง ระหวา่ งงานวจิ ยั ของผูว้ ิจยั และงานท่ีผ่านมา และเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างย่อ ตามด้วยสรุป ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากงานวจิ ยั ปจั จุบันอย่างรัดกุมอกี ครั้ง 11.3 บทท่ี 3 วิธกี ารดาเนนิ โครงงานและข้อมูลเบอื้ งต้น 1. วิธีการดาเนินโครงงาน เป็นส่วนที่แสดงถึงการวางแผน การออกแบบ เคร่ืองมือ เก็บขอ้ มูล วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ผล 2. ข้อมูลเบ้ืองต้น เป็นส่วนท่ีแสดงถึงข้อมูลเร่ิมต้นที่เกี่ยวข้องกับการทาโครงงานหรือ กระบวนการทางานเดิมที่เป็นอยู่ ซ่ึงเป็นข้อมูลเร่ิมต้นก่อนท่ีจะมีการทาโครงงาน ยกตัวอย่างเช่น ลักษณะอุตสาหกรรม ชนิดของผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต กาลังการผลิต ระบบการจัดการสินค้า คงคลัง ระบบคุณภาพ เป็นต้น ถ้าเป็นโครงงานชนิดอื่น ๆ เช่น การออกแบบและสร้างอุปกรณ์การ วิจัยด้วยการใช้แบบสอบถาม ควรเขียนข้อมูลเบื้องต้นอันเป็นข้อมูลที่ได้จากการสังเกต จาก แบบสอบถาม การออกแบบ หรอื อนื่ ๆ ใหไ้ ดม้ าซึง่ ข้อมูลทจ่ี ะนาไปวิเคราะห์หรือเขียนโปรแกรมหรือ สรา้ งชิน้ งานตอ่ ไป 11.4 บทที่ 4 ผลการทดลองหรอื ผลการดาเนินงานและการวเิ คราะหผ์ ล แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการดาเนินโครงงานทั้งหมดและรายละเอียดการวิเคราะห์หรือ รายละเอยี ดของโปรแกรมหรอื ข้นั ตอนการสร้างช้ินงานตามข้อมลู ท่ีได้จากบทที่ 3 ต้องมีการนาผลหรือ งานออกแบบมาทวนสอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ผิดพลาด (ดังเช่น ความผิดพลาดอันเน่ืองมาจากการ คานวณ การแทนค่า การอ่านค่าการพิมพ์ และการลืมกาหนดตัวแปร เป็นต้น) ตลอดจนอาจต้องนา ผลที่ผ่านการทวนสอบมาทดสอบให้แน่ใจอีกคร้ังเพื่อยืนยันว่าส่ิงท่ีได้จากการทาโครงงานสามารถ นาไปใชง้ านได้จริงและถูกตอ้ ง 11.5 บทที่ 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ จากการวิเคราะห์ทวนสอบและทดสอบแล้วได้ผลเป็นอย่างไร และได้ผลตาม วัตถุประสงค์หรือไม่ ให้รายงานไว้ในบทนี้ โดยพยายามรายงานสรุปเฉพาะสาระสาคัญหรือตัวเลขที่ สาคัญเท่าน้ันเพราะรายละเอียดต่าง ๆ ได้แสดงไว้แล้วในแต่ละบท โดยบทสรุปแตกต่างกับการเขียน คู่มอื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 16
บทคัดย่อ กล่าวคือบทคัดย่อเป็นบทท่ีให้ผู้อ่านทราบรายละเอียดโดยสังเขปของโครงงานต้ังแต่ต้นจน จบ ส่วนบทสรปุ จะไม่ใหร้ ายละเอยี ดตั้งแตต่ ้นจนจบ ผูอ้ า่ นจะทราบเพียงผลของโครงงานเท่านนั้ นอกจากน้ียังควรแนะนาผู้สนใจที่จะทาโครงงานน้ีต่อในอนาคตว่าควรและไม่ควรทา อะไรเก่ียวกบั โครงงานนี้ การเขียนข้อเสนอแนะมีหลักในการเขียนดังนี้ คือต้องเป็นเนื้อหาสาระท่ีได้ จากผลการทาโครงงานเรื่องนนั้ มใิ ชจ่ ากข้อคิดเหน็ หรือจากสามัญสานึกของตนเอง ตอ้ งเป็นเร่ืองใหม่ มิใช่เป็นเร่ืองที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องเก่าจะต้องช้ีให้เห็นความสาคัญเป็นพิเศษ ต้องสามารถ ปฏิบัติหรือทาได้ภายในขอบเขตของกาลังความสามารถ เงินและเวลาท่ีมี ต้องมีรายละเอียดให้มาก พอสมควรทจ่ี ะสามารถทาไปปฏบิ ตั ไิ ด้เลยก็ยง่ิ ดี การเขยี นข้อเสนอแนะโดยท่ัวไปจะเสนอแนะใน 3 ประเดน็ คอื 1. เสนอแนะการนาผลวิจัยไปใช้ เป็นการเสนอให้ผู้อ่านและผู้ที่เก่ียวข้องทราบว่า ผลการวิจัยท่ีได้ทั้งหมดจะนาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ท้ังในแนวนโยบายและ เชงิ ปฏบิ ัติ และจะใช้อย่างไร 2. เป็นการเสนอแนะการดาเนินการวิจัยให้ผู้ท่ีจะการวิจัยต่อไปว่าควรทาอย่างไร ควรทาตามอย่างท่ีผู้วิจัย หรือควรใช้วิธีอ่ืน และมีวิธีการอย่างไร รวมทั้งข้อควร ระวงั ในการทาวจิ ัย 3. เป็นการเสนอแนะการทาโครงงานต่อไปให้ผู้อ่าน หรือผู้ท่ีสนใจปัญหาการทา โครงงานท่ีคล้ายกับผู้ทาโครงงานควรศึกษาประเด็นต่าง ๆ เพ่ือให้ข้อมูลมีความ สมบูรณข์ ึน้ ขอ้ กาหนดในการพิมพร์ ายงานโครงงานในส่วนเน้อื หา ในส่วนของการแบ่งบทและหัวข้อในแต่ละบท รายงานจะต้องจัดแบ่งเน้ือหาออกเป็นบท (chapter) ตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม แตล่ ะบทจะประกอบดว้ ยหัวขอ้ สาคัญ (main heading) และหัวข้อ ย่อย (sub heading) ซ่ึงมีรายละเอยี ดดงั นี้ 1. บท เม่ือเริ่มบทใหม่จะต้องข้ึนหน้าใหม่เสมอ หน้าแรกสุดของแต่ละบทไม่ต้องพิมพ์เลข หน้ากากับ ส่วนในหนา้ เนอ้ื หาหนา้ ถัดไปมเี ลขประจาบทโดยใหใ้ ชเ้ ลขอารบิค ตามด้วยเครื่องหมายลบ และลาดับของหน้าในแต่ละบท เช่น 1-2, 1-3, 2-4 เป็นต้น โดยพิมพ์คาว่า \"บทท่ี\" ไว้ตรงกลางตอน บนสุดของหน้ากระดาษ ส่วนช่ือบทให้พิมพ์ไว้ตรงกลางหน้ากระดาษเช่นกัน โดยให้พิมพ์บรรทัด ต่อไปไม่ต้องเว้นบรรทัด ชื่อบทที่ยาวเกิน 1 บรรทัดให้แบ่งเป็น 2-3 บรรทัดตามความเหมาะสม การพิมพ์บทท่ีและช่ือบทให้ใช้ขนาดตัวอักษรขนาด 20 pts. เป็นตัวหนา ถัดจากชื่อบทให้เว้น 1 บรรทัดแล้วจึงเร่ิมเขียนข้อความ โดยข้อความถัดจากช่ือบทน้ี ให้อธิบายเพื่อเกริ่นนาเข้าสู่เน้ือหา ภายในบทก่อน และเว้น 1 บรรทดั ก่อนที่จะขึน้ หัวข้อสาคัญใดภายในบท 2. หัวข้อสาคัญ หมายถงึ หวั ข้อซึ่งไมใ่ ช่เปน็ ชอื่ เร่ืองประจาบท ใหพ้ ิมพช์ ิดกรอบกระดาษด้าน ซ้ายมือ ใหใ้ ชต้ วั อักษรขนาด 16 pts. เปน็ ตวั หนา และไม่ตอ้ งขดี เสน้ ใต้ ให้ใส่ตัวเลขกากับตามบท เช่น กรณีอยู่ในบทท่ี 1 และเป็นหัวข้อสาคัญที่ 1 จะได้เลขของหัวข้อสาคัญเป็น 1.1, 1.2,…..เป็นต้น การพมิ พ์บรรทัดตอ่ ๆ ไปไม่ต้องเว้นบรรทัด และเว้น 1 บรรทัดกอ่ นท่จี ะขนึ้ หัวขอ้ สาคัญต่อไป ค่มู ือรายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 17
3. หัวข้อสาคัญยอ่ ย หมายถึง หัวข้อที่สาคัญและมีเน้ือหาอธิบายมากพอภายในหัวข้อสาคัญ ให้พิมพ์ย่อหน้าห่างจากขอบซ้ายประมาณ 0.5 น้ิว หน้าหัวข้อย่อยให้พิมพ์ลาดับของหัวข้อสาคัญนั้น เช่น 2.1.1 หรือ 3.2.5 เป็นต้น โดยหัวข้อย่อยนี้สามารถแบ่งได้จนถึง 4 ระดับ เช่น 2.1.1.1 หรือ 3.2.5.1 เป็นต้น หากหัวข้อสาคัญย่อยมีการอธิบายเป็นข้อ ๆ ให้กาหนดรูปแบบตามแสดงในรูปที่ 10 อย่างไรก็ตาม หากรายงานฉบับใดมีหัวข้อย่อยไม่ถึง 4 ระดับ แต่ต้องการแบ่งการอธิบายไปเป็น ข้อ ๆ ก็ได้ ให้กาหนดรูปแบบดงั รูปที่ 10 ไดเ้ ชน่ เดียวกนั 4. การพิมพ์ตารางประกอบในส่วนเนื้อหา ให้พิมพ์คาว่า ตารางที่ และเลขที่ตาราง ดัวย ตัวหนา เช่น ตารางที่ 1.1 (อยู่ในบทท่ี1) ตารางที่ 2.1 (อยู่ในบทท่ี 2) ตามด้วยชื่อตารางเป็น ขอ้ ความสนั้ ๆ 1 ประโยคทอ่ี ธิบายส่ิงท่ีอยใู่ นตาราง ด้วยตัวอักษรธรรมดา ตารางให้พิมพ์ชิดขอบซ้าย เม่อื สิ้นสุดตารางใหเ้ ว้น 1 บรรทัดก่อนพิมพ์ข้อความต่อไป (ห้ามใช้คาว่า “แสดง” ขึ้นต้นชื่อตาราง) ตารางท่ีอ้างอิงจากแหล่งอ่ืนให้แจ้งท่ีมาไว้ท้ายตารางโดยเขียนบรรณานุกรมแหล่งที่มาไว้ด้วยใน ตอนทา้ ยตาราง ขนาดของตารางต้องไม่เกินขอบหน้าพิมพ์ สาหรับตารางขนาดใหญ่ ควรย่อขนาดลง โดยใชเ้ ครื่องถ่ายย่อสว่ นหรือวธิ อี ่นื ๆ ตามความเหมาะสม แตจ่ ะต้องชัดเจนและอ่านได้ง่าย สาหรับ ตารางทมี่ ีขนาดใหญแ่ ละไม่สามารถยอ่ ขนาดไดใ้ ห้ใช้กระดาษขนาดใหญ่แล้วพับให้เท่ากับเล่มโครงงาน กรณีทต่ี ารางมีความยาวหรอื กว้างมากจนไม่สามารถบรรจุในหน้ากระดาษเดียวกันได้ ให้ย่อส่วนหรือ แยกมากกว่า 1 ตาราง ให้พิมพ์ส่วนที่เหลือในหน้าถัดไปโดยจะต้องพิมพ์เลขที่ตาราง ตามด้วยช่ือ ตารางด้วยตัวอักษรธรรมดา และตามด้วยคาว่าต่อในวงเล็บ เช่น ตารางที่ 1.1 ...... (ต่อ) ตัวอย่าง การพิมพใ์ นส่วนเนอ้ื หาแสดงดงั รูปที่ 11 5. การใส่รูปภาพประกอบในส่วนของเน้ือหา ต้องมีขนาดเหมาะสมไม่ใหญ่หรือเล็ก จนเกินไป ถ้าภาพมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะลงบนกระดาษ A4 ให้ทาเป็นแผ่นพับ ก่อนเขียน ภาพประกอบให้เว้น 1 บรรทดั ให้ภาพประกอบอยู่กง่ึ กลางหน้ากระดาษ การเขยี นชื่อภาพประกอบให้ ข้ึนบรรทัดใหม่ เขียนคาว่า “รูปท่ี” แล้ววรรค ตามด้วยหมายเลขบท ตามด้วยเคร่ืองหมายมหัพภาค (.) และลาดับที่ของรูปตามลาดับ (เช่น คาว่า “รูปที่ 3.2” ให้ใช้ตัวหนา) แล้ววรรค พิมพ์ช่ือรูปเป็น คาอธบิ ายรปู นนั้ อย่างกะทดั รัด เพยี ง 1 ประโยค (ห้ามใช้คาว่า“แสดง” ข้ึนต้นช่ือรูป) ให้ใช้ตัวพิมพ์ ธรรมดา ทงั้ หมดอยกู่ ง่ึ กลางบรรทดั ถดั จากบรรทัดดังกล่าวให้เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงเร่ิมพิมพ์ข้อความ ตอ่ ไป ตวั อย่างการพมิ พภ์ าพประกอบแสดงดังรูปท่ี 12 คู่มือรายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 18
2 น้ิว บทท่ี 1 บทนา 0.5 น้ิว (เวน้ 1 บรรทดั ) (ข้อความเกร่ินนาก่อนเขา้ สูห่ วั ข้อสาคัญต่าง ๆ)............................................................................................................................. 1.5 นิ้ว ......................................................................................................................................................................................................................................... 1 นิ้ว ............................................................................................................................. ................................................................ (เวน้ 1 บรรทดั ) 1.1**ประเทศไทย (เนื้อหาต้องมมี ากพอท่จี ะแบง่ หวั ขอ้ เป็นหวั ข้อสาคัญ) (เวน้ 1 บรรทัด) (ข้อความเกรน่ิ นาก่อนเข้าสู่หัวขอ้ สาคญั ตา่ ง ๆ)……....................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................ 1.1.1**ภาคกลาง (เนอ้ื หาตอ้ งมีมากพอทีจ่ ะแบง่ หัวข้อเป็นหวั ขอ้ สาคัญยอ่ ย) ................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................ 1.1.2**ภาคเหนอื ................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. 1.1.3**ภาคใต้ .................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. 1.1.3.1**ชมุ พร ........................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................................................................ 1.1.3.2**ตรัง ............................................................................................................................................................................................. ……………………………………… หากการอธบิ ายจาเป็นต้องอธบิ ายเป็นข้อ ๆ หรือมกี ารแบง่ ข้อความเป็นข้อ ๆ ใหใ้ ชร้ ปู แบบตัวเลขดังน้ี 1)**.................................................................................................................................................................................... 2)**................................................ หากในระดับน้ียงั ตอ้ งการแบ่งเปน็ ขอ้ ๆ อกี กใ็ ห้ใชร้ ปู แบบดังน้ี ก)**.................................................................................................................. ข)**................................................................................................................. (เว้น 1 บรรทดั ) (หมายเหตุ : ในรูปแบบการเขยี นรายงานจะไมอ่ นญุ าตให้มีการแบ่งข้อย่อยที่เลก็ กวา่ 1.2**ประเทศลาว ระดับน้ี ) (เว้น 1 บรรทัด) ................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................ (เว้น 1 บรรทดั ) 1.3**ประเทศกมั พูชา (เวน้ 1 บรรทดั ) ............................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................. 1 นวิ้ รปู ท่ี 10 ตวั อยา่ งการพมิ พ์ในสว่ นเน้อื หา ค่มู ือรายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หนา้ 19
พิมพ์ตวั หนา 1 นิว้ 0.5 นิว้ 3-2 บทนจี้ ะกลา่ วถึง กจิ กรรมของภาควิชาฯ ท่ีมกี ารวางแผนการดาเนินกิจกรรมในแตล่ ะปงี บประมาณ ซึ่ง จะอธิบายถึงลักษณะของกิจกรรมท่ีมีความหลากหลายของข้ันตอนการดาเนินงานในแต่ละกิจกรรมตามแผน กิจกรรม ซง่ึ มกี ิจกรรมท่ตี อ้ งดาเนินการประจาปี จานวน 20 กิจกรรม ดงั แสดงข้อมลู ในตารางท่ี 3.1 ตารางที่ 3.1 กจิ กรรมของภาควิชา ช่อื ตารางพิมพต์ วั ธรรมดา 1.5 นิ้ว ลาดบั ชื่อกิจกรรม 1 นิว้ 1 ปฐมนิเทศนกั ศกึ ษาระดับบณั ฑิตศกึ ษา 2 อาจารยท์ ี่ปรึกษาพบนักศึกษาทุกช้นั ปี 3 ปฐมนเิ ทศนักศึกษาช้ันปีที่ 2 4 โครงการค่ายจรยิ ธรรม - คณุ ธรรม 5 โครงการพบผู้ปกครองนกั ศึกษาช้ันปที ี่ 2 ทีม่ า :**ระบุแหล่งท่ีมาหากนามาจากท่อี นื่ [ ] 1 นิว้ รปู ท่ี 11 ตวั อย่างการพมิ พ์ตารางประกอบในสว่ นเนื้อหา 1 น้วิ 4.1 ผลลัพธ์การออกแบบ K-Procedure (เว้น 1 บรรทัด) จากการศึกษาและรวบรวมข้อมลู ที่เก่ียวกับข้ันตอนการดาเนนิ กจิ กรรมแต่ละกจิ กรรมแล้วนามาออกแบบ เปน็ ระบบ K-Procedure และทดลองใช้กบั ภาควชิ าฯ ส่งผลให้การดาเนินกิจกรรมมีความสะดวก รวดเร็วและมี ระเบียบแบบแผนมากข้ึน ซ่ึงระบบ K-Procedure ที่ออกแบบมีลักษณะดังแสดงในรูปที่ 4.1 โดยในท่ีนี้ได้ 1.5 น้วิ ยกตวั อย่างขน้ั ตอนการจัดโครงการคา่ ยจรยิ ธรรม-คณุ ธรรม 1 นิว้ (เว้น 1 บรรทดั ) รปู ท่ี 4.1 ขัน้ ตอนการจดั โครงการค่ายจรยิ ธรรม-คณุ ธรรม (เว้น 1 บรรทดั ) ผลลัพธ์จากการศึกษาและออกแบบ ในแต่ละข้ันตอนของการจัดโครงการค่ายจริยธรรม-คุณธรรมดัง ภาคผนวก ก ซ่ึงประกอบไปดว้ ย 9 ขนั้ ตอนหลัก ดงั ตอ่ ไปน้ี 1 น้ิว รปู ที่ 12 ตวั อยา่ งการพิมพ์รูปภาพ ค่มู อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 20
12. ส่วนอ้างองิ หรือส่วนทา้ ย การอ้างองิ มีวตั ถุประสงค์เพ่ือให้ผู้อ่านได้รับทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูลที่ปรากฏในรายงาน การอ้างอิงที่ใช้กันอยู่โดยท่ัวไปในเอกสารวิชาการนั้นมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ในที่นี้ขอกล่าวถึงการ อา้ งอิงในรูปแบบ IEEE ซง่ึ มีรายละเอียดดังนี้ 12.1 หลักเกณฑ์การอา้ งองิ ในตัวรายงาน การอ้างอิงในตัวรายงาน (citation) ใช้รูปแบบตัวเลขอยู่ในวงเล็บก้ามปู [ ] (square bracket) โดยตัวเลขน้ันแสดงถึงลาดบั ทที่ เ่ี อกสารน้ันไดถ้ ูกกล่าวถึงในรายงาน เช่น “ดังเช่นผลการทดลองของสรุ ศกั ดิ์ รอดนาน [5]” “ถึงแม้ว่ามีงานวิจัยหลายเรื่องท่ีทาการศึกษาผลกระทบของแรงท่ีกระทากับกระบอก ลกู สูบ [1-6] แต่โดยส่วนใหญ่จะศึกษาเฉพาะ.....” 12.2 การเขียนและการอา้ งที่มาของตารางและภาพ รายงานท่จี ัดทาเปน็ ภาษาไทยจะตอ้ งเขยี นช่ือตารางและภาพเป็นภาษาไทย ส่วนท่ีมาให้ ใช้หลักการเดยี วกับการเขียนอ้างแบบตามท้ายขอ้ ความในเอกสาร เชน่ ตารางท่ี 1 ______________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ ___________________ ที่มา : Bose และคณะ [3] 12.3 การเขยี นบรรณานุกรม บรรณานุกรม หมายถึง รายการของทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดท่ีผู้ทารายงานได้ใช้ ประกอบการเขียนรายงาน ท้ังท่ีปรากฏชัดเจนโดยเขียนอ้างอิงไว้ และส่วนที่ไม่ปรากฏชัดเจน แต่อาจ เป็นเพียงการรวบรวมความคิดหลายๆ แนว แลว้ นามาเรยี บเรยี งใหม่ ข้นั ตอนการเขียนบรรณานุกรม 1. บรรณานกุ รมเปน็ รายช่ือส่ิงพิมพ์ หรือโสตทัศนวัสดุท่ีผู้วิจัยใช้อ้างอิง ในการทาวิจัยซึ่ง ได้ปรากฏในรายการอ้างอิงท่ีแทรกในส่วนเนื้อหาของงานวิจัยนั้น ๆ รายการเอกสารอ้างอิงจะเป็น แหล่งข้อมูลท่ีผู้อ่านสามารถตรวจสอบ หรือศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมได้ ดังน้ันรายการเอกสารอ้างอิงจึง ควรมีรายละเอยี ดมากทีส่ ุดเทา่ ทีจ่ ะทาได้ 2. การพิมพ์บรรณานุกรมให้อยู่ต่อจากส่วนเนื้อหา และก่อนภาคผนวก ให้พิมพ์คาว่า “บรรณานุกรม” กลางหน้ากระดาษ ด้วยตัวอักษรขนาด 20 pts. โดยเว้นขอบกระดาษพิมพ์ เช่นเดียวกับการเริ่มบทใหม่ และให้เว้นระยะห่างจากช่ือบรรณานุกรม 1 บรรทัด จึงเริ่มพิมพ์บรรทัด แรกของแตล่ ะรายการของเอกสารท่ใี ช้อ้างอิง คูม่ อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หน้า 21
3. ให้จัดลาดบั การเขียนเอกสารอา้ งอิง โดยเรยี งตามลาดบั ตามทปี่ รากฏในรายงาน 4. การพมิ พ์แตล่ ะรายการท่อี ้างองิ ให้พมิ พ์ชดิ ขอบกระดาษด้านซา้ ยมือ หากมีขอ้ ความที่ ต้องพิมพ์ตอ่ จากบรรทดั แรกให้พมิ พ์บรรทัดต่อไปโดยย่อหนา้ เว้นระยะ 1.5 เซนติเมตร (0.59 นิ้ว) ประมาณ 8 ตวั อักษร ด้วยตัวอักษรขนาด 16 pts. 5. ใชบ้ รรณานกุ รมในรปู แบบ ดงั นี้ รปู แบบบรรณานุกรม (หมายเหตุ : เคร่อื งหมาย *ตวั หมายถงึ เว้นวรรค 1 ตวั อกั ษร) 5.1 หนังสือ ช่อื *นามสกุล.**ช่ือหนงั สือ.** สถานท่ีพิมพ์:**สานักพมิ พ์,*ป,ี *เลขหนา้ . ตัวอยา่ ง วริทธิ์ อ๊งึ ภากรณ์. การออกแบบเครื่องจักรกล. กรุงเทพฯ: ซเี อด็ ยเู คชัน, 2521, หน้า 93-100. W.K. Chen. Linear Networks and Systems. Belmont, CA: Wadsworth, 1993, pp. 123-35. R.E. Walpole and R.H. Myers. Probability and Statistics for Engineers and Scientists. NY: Macmillan Publishing, 1978, pp. 89-95. 5.2 บทความจากวารสาร ชื่อผู้เขียน.**“ชอื่ บทความ.”*ช่ือวารสาร,*ปีที่ (ฉบับท่ี).,*เลขหนา้ ,*ปี. ตวั อยา่ ง นิกร ศิริวงศ์ไพศาล, เสกสรร สุธรรมานนท์ และ อารดา ลีชุติวัฒน์. “การปรับปรุงระบบการจัดการ คลังสินค้าของโรงงานอตุ สาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา.” วารสารวิจัย มข., ปีท่ี 15 (ฉบับท่ี 3).,หนา้ 214-226, มีค.2553. G. Pevere. “Infrared Nation.” The International Journal of Infrared Design, vol. 33, pp. 56-99, Jan. 1979. 5.3 บทความจากงานประชุมวิชาการที่มีการจดั พิมพร์ วมเลม่ ชอื่ ผเู้ ขยี น.**“ชอ่ื บทความ”*ชอ่ื งานประชุม,*ปี,*เลขหน้า ตวั อยา่ ง กลุ ภสั ร์ ทองแก้ว, สภุ าพรรณ ไชยประพัทธ์ และเจริญยทุ ธ เดชวายุกลุ , “การประเมินค่าความ คลาดเคล่ือนทางเรขาคณิตของการเจาะบนชนิ้ งานที่ถูกจับยึดดว้ ยฟกิ ซเ์ จอร์ในขนั้ ตอน คูม่ ือรายงานโครงงานฉบับสมบรู ณ์ หนา้ 22
ก่อนกระบวนการผลติ ”, การประชุมวิชาการข่ายงานวศิ วกรรมอตุ สาหการ, 2552, หนา้ 1190-1195. D.B. Payne and H.G. Gunhold. “Digital sundials and broadband technology,” in Proc. IOOC-ECOC, 1986, pp. 557-998. 5.4 วทิ ยานิพนธ์ สารนพิ นธ์ ภาคนิพนธ์ และปริญญานพิ นธ์ ช่อื ผูแ้ ต่ง.**“ช่อื เร่อื ง.”*ชนดิ ของงานนิพนธ์,*ชื่อปริญญา,*ชื่อสถาบนั การศกึ ษาของงานนิพนธ์,*ปี. ตวั อย่าง สุริยา จิรสถติ สิน. “ระบบผเู้ ช่ียวชาญสาหรบั การออกแบบกระบวนการผลติ เฟอรน์ ิเจอร์ไม้ยางพารา กรณีศกึ ษาการผลติ กรอบกระจก.” วศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าวศิ วกรรม อุตสาหการ, มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์, 2550 S. Mack. “Desperate Optimism.” M.A. thesis, University of Calgary, Canada, 2000. 5.5 สอื่ อิเลก็ ทรอนิกส์ (ออนไลน์) ชอ่ื ผ้แู ตง่ .**“ชื่อเรอื่ ง.”*อินเตอร์เนต็ : แหลง่ ท่มี า(เว็บไซต์),*วนั เดอื นปที ่ีเขียน,*[วันเดือนปีที่สบื ค้น]. ตัวอย่าง ภทั รชัย ลลิตโรจนว์ งศ์. “ความรเู้ บื้องตน้ ด้านทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา.” อินเตอร์เน็ต: www.it.kmitl.ac.th/~pattarachai/IntellectualProperty.html, 12 เมษายน 2545, [20 เมษายน 2554] M. Duncan. “Engineering Concepts on Ice.” Internet: www.iceengg.edu/staff.html, Oct. 25, 2000 [Nov29, 2003]. 6. การเขยี นชอื่ ผูแ้ ต่ง - ชอื่ ผู้แตง่ คนไทยใหเ้ ขยี น ชอ่ื นามสกุล หากเปน็ ชาวต่างชาตใิ ห้เขียน นามสกุล ตามดว้ ย ชื่อตน้ และ ช่อื กลาง (ถา้ มี) - หากเอกสารไมร่ ะบุช่อื ผ้แู ต่ง ให้ระบุช่อื หนว่ ยงานท่เี ป็นเจ้าของเอกสารน้ันแทน - ถา้ มีผู้แต่งหลายคน ในกรณีไม่เกิน 3 คน ให้ลงรายการทง้ั หมด โดยใช้ เครือ่ งหมาย ( , ) คัน่ ชือ่ คนท่ี 1 และ 2 และใชค้ าว่า (และ) ขั้นชือ่ คนที่ 2 กบั 3 แต่หากวา่ ช่อื ผู้แตง่ มากกวา่ 3 คน ให้ใช้คาว่า (และคนอืน่ ๆ) (and others) ตาม หลงั จากผแู้ ตง่ คนแรก หรือจะใช้คาว่า (และคณะ) (et al.) กไ็ ด้ ท้ังนี้ หากใช้ซอฟท์แวร์ช่วยในการจัดการการอ้างอิงและสร้างบรรณานุกรม เช่น Endnote หรอื zotero จะชว่ ยให้การเขียนรายงานงา่ ยขึ้น โดยสามารถเลือกใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบต่าง ๆ ท่ี บรรจอุ ย่ใู นซอฟท์แวรน์ ั้นได้ ตัวอยา่ งการเขียนบรรณานุกรมดงั รูปที่ 13 คมู่ ือรายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ หนา้ 23
12.4 ภาคผนวก ขอ้ ความบางอยา่ งไม่เหมาะสมท่ีจะเขยี นรวมเขา้ ไว้ในเน้ือหารายงาน เนื่องจากจะทาให้ ขาดความต่อเนื่องของข้อความในแต่ละหัวข้อได้ เช่น ข้อความน้ันมีความยาวเกินไป หรือเป็น ภาพประกอบที่มีขนาดใหญ่เกินไป การเขียนภาคผนวกน้ัน ให้มีกระดาษ 1 หน้ากระดาษข้ัน ก่อนถึง เน้ือหาของภาคผนวก โดยมขี อ้ ความคาว่า “ภาคผนวก” ไว้ตรงกลางกระดาษ โดยใช้ตัวอักษรขนาด 20 pts. ตวั หนา 12.5 ประวัติของผู้ทาโครงงาน ให้พิมพ์ประวัติของผู้ทาโครงงานในหน้าสุดท้ายของรายงาน เนื้อความของประวัติฯ ควร ประกอบด้วยช่ือนามสกุล จังหวัดที่เกิด จบการศึกษาระดับมัธยมต้น และปลายจากโรงเรียนไหน เคยได้รับทุนหรือรางวัล หรือโล่หรือการชมเชยเร่ืองอะไรบ้าง มีความชอบและถนัดในกีฬาอะไร งานอดิเรกมีอะไรบ้างเป็นต้น หน้าประวัติฯไม่จาเป็นต้องมีเน้ือความยาวมากนัก โดยควรมีไม่น้อย กว่า 3 บรรทัดแตไ่ มค่ วรเกนิ ครึ่งหนา้ กระดาษ จ 1.5 นิ้ว บรรณานุกรม เว้น 1 บรรทดั [1] วรทิ ธิ์ อ๊งึ ภากรณ.์ การออกแบบเคร่ืองจักรกล. กรุงเทพฯ: ซเี อ็ดยเู คชนั , 2521, หน้า 93-100. [2] W.K. Chen. Linear Networks and Systems. Belmont, CA: Wadsworth, 1993, pp. 123-35. 1.5 น้ิว [3] R.E. Walpole and R.H. Myers. Probability and Statistics for Engineers and Scientists. NY: Macmillan Publishing, 1978, pp. 89-95. 1 นว้ิ [4] นกิ ร ศริ วิ งศ์ไพศาล, เสกสรร สุธรรมานนท์ และ อารดา ลชี ุติวฒั น์. “การปรับปรุงระบบการ จั ด ก า ร คลงั สนิ คา้ ของโรงงานอตุ สาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา.” วารสารวิจยั มข., ปที ี่ 15 (ฉบบั ที่ 3).,หนา้ 214-226, มีค.2553. [5] G. Pevere. “Infrared Nation.” The International Journal of Infrared Design, vol. 33, pp. 56-99, Jan. 1979. [6] กลุ ภัสร์ ทองแก้ว, สุภาพรรณ ไชยประพทั ธ์ และเจริญยุทธ เดชวายกุ ุล, “การประเมนิ ค่าความ คลาดเคล่ือนทางเรขาคณิตของการเจาะบนช้ินงานท่ีถูกจบั ยดึ ดว้ ยฟกิ ซ์เจอรใ์ น ข้ันตอนก่อนกระบวนการผลิต”, การประชุมวชิ าการขา่ ยงานวศิ วกรรมอุตสาหการ, 2552, หน้า 1190-1195. [7] D.B. Payne and H.G. Gunhold. “Digital sundials and broadband technology,” in Proc. IOOC-ECOC, 1986, pp. 557-998. [8] สุริยา จริ สถติ สิน. “ระบบผู้เชีย่ วชาญสาหรับการออกแบบกระบวนการผลิตเฟอร์นเิ จอร์ไมย้ างพารา กรณีศกึ ษาการผลติ กรอบกระจก.” วิศวกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาวศิ วกรรม อตุ สาหการ, มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์, 2550 [9] S. Mack. “Desperate Optimism.” M.A. thesis, University of Calgary, Canada, 2000. 1 น้ิว หน้า 24 รูปท่ี 13 ตวั อยา่ งการพิมพ์บรรณานุกรม คูม่ อื รายงานโครงงานฉบบั สมบรู ณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: