Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรม กฎการอนุรักษ์พลังงาน

ชุดกิจกรรม กฎการอนุรักษ์พลังงาน

Published by pla-ponglom, 2022-09-18 09:24:46

Description: ชุดกิจกรรม กฎการอนุรักษ์พลังงาน

Search

Read the Text Version

ชุดกิจกรรม เรื่อง กฎการอนุรักษ์พลังงาน รายวิชา ว30202 ฟิสิกส์ 2 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 นางสาวศุกลรัตน์ เบ้าทอง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา สำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ชลบุรี ระยอง

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เรื่อง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 1 คาํ นาํ ชุดกิจกรรม เรื่อง การอนุรักษพลังาน รายวิชา ว30202 ฟสิกส 2 ระดับชั้นมัธยมศึกษา- ปที่ 5 จัดทําขึน้ เพื่อใชประกอบการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน ในรายวิชา ว30202 ฟสิกส 2 เพอื่ พัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของผูเรยี น ชดุ กจิ กรรมชดุ น้ี มงุ เนน ใหผ เู รยี นสามารถเรยี นรไู ดด ว ยตนเอง สามารถคดิ เปน แกป ญ หาเปน ทําใหผูเรียนไดเกิดกระบวนการคิดอยางมีระบบและทําใหการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมาก ย่ิงขน้ึ นอกจากน้ีจะชว ยกระตุนใหผูเรียนเกดิ เจตคติทด่ี ตี อการเรียนรายวิชาฟส ิกส เห็นคุณคาการ เรียนรู และสามารถนําความรูไปใชใหเกิดประโยชน โดยครูผูสอนเปนผูใหคําปรึกษา อํานวย ความสะดวก ตลอดจนติดตามกระบวนการเรียนการสอนเพื่อใหเปนไปตามผลการเรียนรูตามที่ กาํ หนดไวใ นหลกั สูตร ในการใชชุดกิจกรรมนี้ จะมีใบความรู ซึ่งเปนขั้นตอนที่ตองการใหผูเรียนเขาใจเนื้อหา สาระการเรยี นรูของแตละหนว ยการเรยี นรู มีการสรุปและประเมินความรูข องตนเองโดยใชแผนผัง มโนทัศน และมีแบบฝกการคิดวิเคราะหและการคํานวณ เปนขั้นที่ผูเรียนมีการปรับปรุงและ พัฒนาการเรียนของตนเองใหมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นซึ่งผูเรียนสามารถศึกษาเนื้อหาและ ประเมินผลการเรียนรูไดดวยตนเอง และรูพัฒนาการของตนเอง สามารถนําไปปรับปรุงเพ่ือ พัฒนาและแกไ ขตอไปได ขา พเจาหวังเปน อยางย่ิงวา ชดุ กจิ กรรมน้จี ะเปนประโยชนต อผูเรียนและครูผูสอน สามารถ นําไปใชในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนใหมีประสิทธิภาพทําใหผูเรียนสามารถเรียนรูไดอยาง เตม็ ศักยภาพ ศุกลรัตน เบาทอง ผจู ัดทํา

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เรือ่ ง กฎการอนรุ กั ษพ ลังงาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 2 แผนผงั ขนั้ ตอนการทาํ กจิ กรรมของผเู รยี น 1 ศกึ ษาคาํ ชแ้ี จงสาํ หรบั ผเู รยี น 2 ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น 3 ศกึ ษาใบความรู 4 ทาํ แบบฝก ทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ ละการคาํ นวณ 70 %ผาน ไมผาน 5 ทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี น ทาํ ชดุ กจิ กรรมถดั ไป

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เรอื่ ง กฎการอนุรกั ษพ ลังงาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 3 ขอแนะนาํ การใชช ดุ ปฏิบตั กิ าร ชดุ ปฏบิ ัตกิ ารโดยใชก ระบวนการตามวงจรควบคุมคุณภาพของเดมมิง่ (PDCA) เรอ่ื ง ไฟฟา สถิต รายวิชา ว30204 ฟสิกส 4 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ผูเรียนควรเตรียมความพรอม และปฏบิ ตั ติ ามคาํ แนะนาํ ดงั น้ี 1. ผเู รียนทําแบบทดสอบกอนเรยี น เร่ือง กฎการอนุรักษพ ลังงาน จํานวน 10 ขอ เวลา 15 นาที 2. ศกึ ษาผลการเรียนรู/จดุ ประสงคการเรียนรใู หเขา ใจวาตองการใหเรยี นรูสง่ิ ใดบาง 3. ผเู รียนตอ งตั้งใจศึกษาใบความรูใหเขา ใจอยางถอ งแท 4. ผูเ รียนสรปุ เนอ้ื หาความรูทีไ่ ดเปนแผนผงั ความคิด 5. ทําแบบฝกทักษะการคิดวิเคราะหแ ละการคาํ นวณ 6. ทําแบบทดสอบหลงั เรยี น เพ่ือวัดความรูความสามารถหลังจากปฏิบัติกจิ กรรม 7. นําคะแนนของแบบทดสอบหลังเรียน ถาผูเรียนไดคะแนนรวมคดิ เปนรอยละ 70 ของ คะแนนทัง้ หมด แสดงวา ผเู รยี นผานเกณฑก ารประเมนิ แตถา ไดคะแนนรวมนอยกวา รอ ยละ 70 ของคะแนนท้ังหมด แสดงวา ผูเรยี นไมผานเกณฑการประเมิน 8. ถาไมผ า นเกณฑการประเมินผูเรียนจะตองเร่ิมตน ศกึ ษาใบความรู ทาํ แบบฝก ทักษะการ คดิ และวิเคราะห และทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี นอีกครัง้ หน่งึ จนกวา จะผานเกณฑก ารประเมินตามที่ กาํ หนด

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เรอื่ ง กฎการอนรุ กั ษพ ลังงาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 4

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เรอ่ื ง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 5 แบบทดสอบกอ นเรียน เรอื่ ง ประจไุ ฟฟา คาํ ชแี้ จง แบบทดสอบเปน แบบปรนัย มที ั้งหมด 10 ขอ (10 คะแนน) เวลาท้งั หมด 15 นาที ใหผ เู รยี นเลอื ก คาํ ตอบทีเ่ ห็นวาถูกตอ งท่ีสุดเพยี งขอเดียว แลวทําเคร่ืองหมายกากบาทลงในกระดาษคาํ ตอบ ************************************************************** 1. วตั ถมุ วล 2 กโิ ลกรมั ถูกปลอยจากท่สี งู 10 เมตร เทียบกบั พืน้ ดนิ เมื่อกาํ หนดใหจ ุดอางอิงอยทู ี่พืน้ ดิน วตั ถจุ ะมีพลงั งานสงู สดุ ณ ตําแหนงใด 1. ตาํ แหนง ที่ปลอ ยวตั ถุ 2. ตาํ แหนงทว่ี ัตถุตกลงมาได 5 เมตร 3. ตาํ แหนงท่ีวัตถตุ กถงึ พน้ื 4. ทุกตําแหนง วตั ถุมีพลังงานเทา กนั 2. วตั ถมุ วล 2 กิโลกรัม ถูกผูกติดกับปลายสปริงทว่ี างตวั ในแนวระดบั จากน้ันดึงใหยืดออกเปนระยะ 0.2 เมตร ดวยแรง 40 นวิ ตัน เมื่อปลอ ยมือ วัตถจุ ะเคล่อื นทก่ี ลับไปกลับมา จงพจิ ารณาขอ ความตอไปน้ี ก. แรง 40 นวิ ตนั ทใ่ี ชใ นการดงึ สปรงิ คือแรงเฉลยี่ ข. วตั ถุมพี ลงั งานเทา กันทุกตาํ แหนง ตลอดการเคลื่อนที่ ค. วัตถุมพี ลงั งานศกั ยเ ทากนั ทุกตําแหนง ตลอดการเคลือ่ นท่ี ง. เมือ่ วัตถเุ คล่อื นเขาไปกอนถึงจดุ สมดุล วัตถุจะมีพลังงานศักยนอยลง แตมีพลงั งานจลนม ากขน้ึ จากขอ ความขางตน ขอ ใดกลา วถกู ตอ ง 1. ก,ข ,ค ,ง 2. ก, ข, ง 3. ก, ค, ง 4. ข,ง 3. ปลอยมวล m จากจดุ หยดุ น่งิ ว่งิ มาตามรางทีไ่ มม ีแรงเสยี ดทาน และวิง่ บนรางตลอดเสนทาง เรม่ิ ปลอ ย ท่คี วามสูง 2H ขณะว่งิ ผา นจุด P จงพจิ ารณาขอ สรปุ ตอไปน้ี m ก. ทจี่ ุด P วัตถมุ ีพลงั งานจลน เทากับพลังงานศักยโนม ถว ง 2H m ข. ผลรวมพลังงานทีจ่ ุดปลอ ย P กับจุด P มีคาเทา กัน H ค. ตลอดเสนทางทจ่ี ุด P มี อัตราเรว็ สงู ทส่ี ุด ขอท่ีถูกตองคือขอใด 2. ขอ ข เทานั้น 1. ขอ ก เทานน้ั 4. ถกู ทกุ ขอ 3. ขอ ก และ ข

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เรือ่ ง กฎการอนุรกั ษพ ลังงาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 6 4. วตั ถุมวล m วง่ิ ลงมาตามพื้นเอียงดวยความเรว็ ตน 3 เมตร/วนิ าที จากความสูง 2 เมตร และพ้ืนเอยี ง ทาํ มมุ 30 องศา กับแนวระดับ จงหาความเร็วขณะถึงพืน้ ราบมคี าเทาใด 3 m/s 1. 5 m/s m 2. 6.2 m/s 2m 3. 7 m/s 300 4. 9 m/s 5. ลูกหมตู วั หนึ่งกําลังจะไถลตวั ลงมาตามรางดงั รูป เมื่อพจิ ารณาขนาดความเร็วของลกู หมูท่ปี ลายราง ดา นลา งจาก ราง (a) , (b) , (c) ขอ ใดวิเคราะหถูกตอง 1. ขนาดความเรว็ ของลูกหมูทปี่ ลายลางของราง (a) มีคา มากที่สดุ 2. ขนาดความเรว็ ของลูกหมูที่ปลายลางของราง (b) มคี า มากทสี่ ดุ 3. ขนาดความเรว็ ของลกู หมูท่ีปลายลา งของราง (c) มีคา มากทสี่ ุด 4. ขนาดความเรว็ ของลกู หมูที่ปลายลา งของรางท้งั สามมคี า เทา กนั 6. มวล 2 kg วงิ่ บนพ้ืนลืน่ ดวยความเรว็ 4 m/s เขาชนแปน เบาทต่ี ดิ กับสปริงซง่ึ มีคา คงตวั สปรงิ 3200 N/m สปรงิ หดเขาไปหา งจากจุดสมดุลมากท่ีสุดเทา ใด V = 4 m/s 1. 0.05 m 2. 0.1 m K=3200 N/m 3. 0.5 m 2 kg 4. 0.8 m 7. มวล 2 กิโลกรมั เคล่อื นที่ในแนวราบบนพน้ื ทม่ี ีแรงเสยี ดทาน 8 นวิ ตัน เขา ชนสปริงดว ยความเร็ว 2 เมตรตอวินาที ถาคาคงตวั สปริงเปน 640 นิวตนั ตอ เมตร สปริงจะหดเขาไปเปนระยะเทา ใด 1. 8 cm 2. 9 cm 3. 10 cm 4. 11 cm

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เร่ือง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 7 8. สปริงตง้ั ในแนวดิ่ง เมื่อนําวัตถุมวล 2 กโิ ลกรมั ปลอ ยวัตถุจากที่สูง 50 เซนติเมตรจากปลายสปริง วตั ถเุ ขา ชนกับสปริงจนหดสัน้ ทสี่ ดุ 10 เซนติเมตร จงหาคาคงตวั สปรงิ เปน กี่นวิ ตนั ตอ เมตร 1. 800 2. 1000 3. 2000 4. 2400 ขอ ความตอ ไปน้ีใชต อบคําถามขอ 9-10 เมอื่ ปลอ ยวัตถุทต่ี ําแหนง A ใหเคลอ่ื นท่ีไปตามรางล่ืน ABCD ดงั รปู และไมม ีการตกจากราง D A h BL C 9. ขอใดอธบิ ายการเคลอื่ นท่ีของวัตถุไดถูกตอ ง 1. วัตถุออกจากจุด A ไปถงึ จดุ D และกลับมาทจ่ี ุด A กลับไปกลบั มาซ้ํารอยเดิม 2. เม่อื วตั ถุไถลผา นจุด C จะสามารถขึ้นไปไดสงู จากพ้ืนเทากับ h 3. เม่อื วัตถไุ ถลผา นจดุ C จะสามารถขึ้นไปไดส ูงจากพ้นื นอยกวา h 4. วัตถจุ ะหยุดนง่ิ ท่ตี าํ แหนงอยูระหวางจดุ B กบั จดุ C 10. ถา รางมคี วามฝด เฉพาะพนื้ ราบชว ง BC โดยท่ีพน้ื มีสมั ประสิทธค์ิ วามเสยี ดเทากับ µ และวตั ถลุ งไป หยดุ ท่จี ุด C พอดี จงหาระยะทาง L ตรงกับขอใด 1. h 2. 2h 3. 2gh 4. h µ µ µ 2µ

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เรื่อง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 8 ใบความรู เรอื่ ง กฎการอนุรกั ษพ ลังงาน พลงั งาน (Energy) พลังงานเปนสมบตั ิอยา งหนึ่งของระบบที่บงถึงขดี ความสามารถในการทํางานหรือความสามารถในการทํา ใหเปลี่ยนแปลงในทางใดทางหนงึ่ พลังงานของวตั ถุจงึ วดั ไดจ ากงานของวัตถุท่ที ําได พลังงานมหี ลายรูปแบบ เชน พลังงานกล พลังงานเคมี พลังงานไฟฟา พลังงานนิวเคลียร พลงั งานแผร งั สี พลงั งานความรอ น เปนตน พลังงานกล (mechanical energy) เปน พลังงานทีเ่ กี่ยวของกบั การเคล่ือนท่ีของวัตถุ จาํ แนกเปน 2 ประเภทคือ พลงั งานจลน และพลังงานศกั ย ภาพที่ 1 พลังงานศักยและพลงั งานจลน ที่มา: shutterstock.com พลงั งานจลน (Kinetic Energy) หมายถึง พลังงานทส่ี ะสมอยใู นวัตถขุ ณะเคลื่อนท่ี เชน รถยนตก ําลังแลน เครอื่ งบินกาํ ลังบนิ พัดลม กาํ ลงั หมุน นา้ํ กาํ ลงั ไหลหรือน้ําตกจากหนาผา ธนทู ี่พงุ ออกจากคันศร จกั รยานทีก่ ําลังเคลอื่ นที่ เปน ตน จงึ กลาวไดวา พลงั งานจลน ลวนเปนพลังงานกลท่ีสามารถเปล่ยี นรูปกลับไป กลบั มาได \"วตั ถทุ ก่ี าํ ลงั เคลอ่ื นที่ลว นมพี ลงั งานจลนท งั้ สน้ิ ปรมิ าณพลงั งานจลนใ นวตั ถจุ ะมี มากหรอื นอ ยขน้ึ อยกู บั มวลและความเร็วของวตั ถนุ น้ั \"

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เร่อื ง กฎการอนุรกั ษพ ลังงาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 9 แบบฝก หัด เร่ือง พลงั งานจลน 1. (มช 28) รถยนตหนกั 2000 กโิ ลกรัม วิ่งดว ยความเรว็ 72 กิโลเมตรตอช่วั โมง พลงั งานจลนของรถคนั นั้นมีคาเทากับก่ีจูล ก. 51.84 x105 ข. 105 ค. 2x105 จลู ง. 4x105 2. ลกู ปนมวล 0.2 กิโลกรัม ถูกยิงออกไปดว ยความเรว็ 400 เมตรตอ วนิ าที จงหาพลงั งานจลนข อง ลูกปน 3. วตั ถุมวล m มพี ลังงานจลน E ถาวัตถุมวล 2m อัตราเรว็ เทาเดมิ จะมีพลงั งานจลนเ ทาใด 1. 4E 2. 2E E 3. E 4. 2 4. วตั ถุมวล m มีอัตราเรว็ v มีพลังงานจลน E ถาวตั ถมุ วล 2m มอี ตั ราเรว็ 2v จะมีพลังงานจลนเ ทา ใด E E 1. 4 2. 2 3. 6E 4. 8E

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เรอ่ื ง กฎการอนุรกั ษพ ลงั งาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 10 พลงั งานศกั ย( Potential Energy) พลงั งานศักยค ือ พลงั งํานทีม่ ีอยใู นวัตถุอันเน่ืองมาจากตําแหนง ของวัตถุ เกย่ี วของกับแรงโนม ถว งที่ โลกกระทํา ตอวตั ถุ เรียกวา พลังงานศักยโนม ถว ง (gravitational potential energy) สาํ หรบั การกดสปริงให หดสน้ั ลง หรอื ดงึ สปรงิ ใหย ืดออก เม่อื ปลอ ยมือ สปรงิ จะมีการเคลอ่ื นท่ี แสดงใหเ ห็นวา มีการทาํ งานโดยสปรงิ พลังงานน้กี ็คอื พลงั งานศกั ย เชน กนั พลังงานศักยท เ่ี ก่ียวของกบั สมบตั ิการยดื หยุน เรยี กวา พลงั งานศักย ยืดหยนุ (elastic potential energy) พลงั งานศกั ยโ นม ถว ง (Gravitational Potential Energy , ������������������������ ) พลังงานศักยโ นมถว ง (Gravitational Potential Energy) เปนพลงั งานศักยทสี่ ะสมในวัตถุ เมื่ออยูบน ท่ีสงู พลังงานศักยโ นม ถว งจะมคี ามาก หรือ คา นอย ขึ้นอยูกับระดบั ความสูงจากพ้นื โลก สามารถหาคา ไดจาก งานทท่ี าหรือการเปลีย่ นตาแหนงของวตั ถใุ นแนวดง่ิ เชน การตกของลูกมะพรา ว จากตน การปลอ ยตุมตอก เสาเข็ม สามารถหาคา พลังงานศักยโ นม ถว ง จากงานเนอ่ื งจากแรงดึงดูดของ โลกท่ีกระทําตอ วตั ถุ เม่ืออยูบนท่ี สงู ถาเรายกวตั ถุมวล m ใหส งู ขึ้นในแนวด่งิ จากพืน้ ดินเปนระยะ h โดยทว่ี ตั ถเุ คลอ่ื นทีด่ วยความเร็วคงตัว แลว เราจะตองออกแรง F ขนาดหน่งึ ที่มีขนาดเทากบั ขนาดของนา้ํ หนักของวัตถุ mg จงึ จะสามารถยกวัตถขุ นึ้ ได ตามตองการ Ep = mgh

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เรอ่ื ง กฎการอนรุ กั ษพ ลังงาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 11 1. พลงั งานศกั ยย ดื หยนุ (Elastic potential energy) หมายถึง พลังงานท่สี ะสมอยูในวัตถเุ มอื่ ยืดหรอื หดออกจากตาํ แหนงสมดุล แบบฝก หัด เรือ่ ง พลงั งานศกั ย 1. ออกแรงดงึ วตั ถมุ วล 5 กิโลกรมั จากพื้นโตะข้ึนไปในแนวด่งิ จงหาพลังงานศักยโ นมถว งที่จุดสงู จาก พื้นโตะ 3 และ 5 เมตร 2. จงหางานท่ที าํ โดยพยาบาลที่มีมวล 50 กโิ ลกรมั ในการอุมเดก็ ท่ี มมี วล 4 กโิ ลกรมั ขนึ้ วางบนโตะ ที่สงู 0.5 เมตรดงั รปู 3. มวล A ขนาด 10 กิโลกรมั อยสู ูงจากพ้นื โลก 1 เมตร กบั มวล B ขนาด 5 กิโลกรมั อยูส งู จากพืน้ โลก 1.5 เมตร อตั ราสว นของพลงั งานศกั ยข อง A ตอ B เปนเทาไร 1. 4 : 3 2. 3 : 4 3. 1 : 2 4. 2 : 1

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เร่ือง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 12 4. วัตถมุ วล 1 กโิ ลกรมั เคลอ่ื นที่บนพนื้ ราบเกลย้ี ง เขา ชนสปริงทาํ ใหสปริงหดสั้นลง 5 เซนตเิ มตร จากตําแหนง เดิม จงหาพลังงานศกั ยยืดหยุนของสปริง ใหคา คงตวั ของสปริงเทา กับ 1,200 นิวตนั ตอ ตารางเมตร 5. สปริงตัวหนึ่งมีความยาวปกติ 1 เมตร และมีคานิจสปริง 100 นวิ ตนั /เมตร ตอ มาถูกแรงกระทําแลว ทาํ ใหยดื ออกและมคี วามยาวเปลี่ยนเปน 1.2 เมตร จงหาพลงั งานศกั ยยดื หยุนขณะที่ถูกแรงนก้ี ระทํา 6. สปริงตวั หนึ่งเมอื่ ออกแรงกระทํา 100 นวิ ตัน จะยืดได 0.5 เมตร หากเปลี่ยนแรงกระทาํ เปน 200 นิว ตนั ขณะนนั้ สปรงิ มีพลังงานศักยยดื หยนุ เทาใด 7. (En 32) ตาชง่ั สปรงิ อานคาไดร ะหวาง 0–50 นิวตนั ยดื ได 0.20 เมตร ขณะอานได 50 นวิ ตนั ถา นํามวลขนาด 3 กโิ ลกรมั แขวนไวท ่ีปลายตาชงั่ ขณะนัน้ สปริงมี พลงั งานศักยย ดื หยนุ เทา ใด 1. 1.8 J 2. 3.2 J 3. 4.6 J 4. 6.4 J

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เร่อื ง กฎการอนุรกั ษพ ลงั งาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 13 8. จากการทดลองหาความสมั พันธระหวางขนาด ของแรงกับระยะทางท่ีสปริงยืดออก ไดกราฟความ สัมพันธดงั รูป ในการทดลองนี้ถายืดสปริงออกจากสมดุล 12 เซนตเิ มตร พลังงานศักยยืดหยุนใน สปรงิ ขณะนน้ั จะมีคา เทากบั เทาไร 1. 1.2 จลู 2. 3 จูล 3. 4 จลู 4. 6 จูล 9. สปริงถูกแขวนไวดวยมวล 5 กิโลกรัม โดยวัดความยาวของสปริงทั้งหมดได 1.6 เมตร ดังรูป และจาก การทดสอบหาคาคงตัวของสปริงดังแสดงในกราฟ จงหาความยาวของสปริงเม่ือไมมมี วลใดๆ แขวนอยู โดยไมค ิดนาํ้ หนกั ของสปริง (1.5) 9. จากกราฟความสัมพนั ธร ะหวางขนาดของแรงกับระยะยืดของสปรงิ ไดด ังรปู ถาสปรงิ ยืดออก 10 เซนตเิ มตร พลังงานศักยย ดื หยุน ในสปรงิ จะมีคาเทา ใด (2.5 จลู )

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เรอ่ื ง กฎการอนรุ กั ษพ ลังงาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 14 กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน Law of conservation of energy “พลงั งานรวมของระบบจะไมสญู หาย แตอ าจเปล่ยี นจากพลังงานหน่ึงไปเปน อกี พลังงานหน่ึง” แบบฝก หดั µíÒá˹§‹ A š٠ÁоÌÒÇàÃÁèÔ µ¡¨Ò¡µŒ¹ µÒí á˹‹§ B µíÒá˹§‹ C µÒí á˹‹§ D

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เรอ่ื ง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 15 แบบฝก ทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ ละคาํ นวณ 10. เด็กคนหนง่ึ ยงิ ลูกกระสุนหนกั 0.1 กิโลกรมั ขนั้ ตรงในแนวด่ิงไดส งู 80 เมตร จากพ้ืนดิน จงหา ก. ขณะทลี่ ูกกระสุนขน้ึ ไปถึงจดุ สูงสุด พลงั งานของกระสุนมคี าเทา ใด ข. ขณะที่ลูกกระสุนขนึ้ ไปไดระยะทางครง่ึ หน่ึงของระยะสูงสดุ จะมีพลังงานเทาใด มี พลงั งานศักยเ ทาใด และมีพลังงานจลนเ ทา ใด ค. จงหาความเรว็ ของวัตถุ ณ ตําแหนง ทวี่ ตั ถุมีความสูงเปน คร่ึงหนง่ึ ของระยะสงู สุด ง. ขณะท่ีลกู กระสุนขนึ้ ไปไดสูงสดุ 50 เมตร ลูกกระสนุ จะมพี ลังงานจลนและพลงั งานศกั ย เทา ใด --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เรอื่ ง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 16 11. ขวางกอนหินมวล 0.5 กิโลกรมั ดว ยความเรว็ 10 เมตรตอ วินาที จากหนาผาสูงเหนือ ระดับนํ้าทะเล 50 เมตร ความเร็วของกอ นหนิ ขณะกระทบนาํ้ มีคาเทาใด --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 12. วตั ถถุ กู ปลอยใหล่นื ไถลลงมาตามทางโคง ท่ีไมม ีความเสียดทานในระยะสูงจากพ้นื 1 เมตร วัตถุจะ เคล่อื นที่ลงมาถงึ พ้ืนราบไดด ว ยความเร็วเทา ใด --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 13. ยิงวตั ถจุ ากหนา ผาดว ยความเร็ว 20 เมตร/วนิ าที ทํามมุ 30oกบั แนวระดบั ถาหากหนา ผาอยสู งู จาก พ้นื ดนิ 30 เมตร จงหาความเร็วของวัตถทุ ี่กระทบพ้ืนดนิ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 14. บอลตกจากจุด A ซ่งึ สูง h จากพ้ืน เม่ือผานจดุ B ซ่งึ สูง h จากพน้ื จะมีอตั ราเร็วเทา ใด 4 1. (gh/2)1/2 m/s 2. (gh)1/2 m/s 3. (3gh/2)1/2 m/s 4. (2gh)1/2 m/s 15. วัตถุจากโตะ 80 เซนติเมตร ลงไปบนสปริงทตี่ ั้งอยใู นแนวดิ่ง คานิจของสปริง 2,100 N/m ความยาว ของสปริงปกติ 24 เซนติเมตร แตถกู วตั ถุกดลงเหลือความยาวต่าํ สดุ 10 เซนตเิ มตร กอนทวี่ ตั ถุจะหยุด มวลของวัตถนุ ้ีมีคาเทา ไร

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เร่อื ง กฎการอนรุ กั ษพ ลงั งาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 17 16. ปลอ ยวัตถมุ วล 2 กโิ ลกรัม จากทีส่ งู 1 เมตร ลงไปบนสปรงิ ซึ่งวางอยใู นแนวดง่ิ พบวาสปรงิ ถูกอดั ลงไป จากเดมิ 10 เซนติเมตร จงหาคา นจิ ของสปริง ( 4400 นิวตัน/เมตร) 17. ปลอยวตั ถุลงมาจากพน้ื เอยี งลื่นดงั รูป จงหาควาเรว็ ของวตั ถเุ ม่อื วัตถถุ งึ พืน้ ราบพอดี

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เร่ือง กฎการอนรุ กั ษพ ลังงาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 18 18. เสาชิงชา หนาวดั สุทัศนสงู 20 เมตร ถาแกวง ชิงชา ข้ึนจนถงึ 90 องศา อตั ราเรว็ ของชงิ ชาตอนผา น จุดตาํ่ สุดเปนก่กี ิโลเมตรตอชัว่ โมง ( กําหนด g = 10 m / s 2 ) 19. ลกู ตมุ มวล 2 กิโลกรมั ผกู ติดกบั เชือกยาว 2 เมตร และหอยแขวนไวในแนวด่งิ เมื่อยกลกู ตุม ขนึ้ จนเชอื กเอยี งทาํ มุม 30 องศากับแนวระดบั แลวปลอ ยใหลกู ตมุ แกวงลงมา ( กาํ หนดg = 10 m/s2 ) จงหา ก. ความเรว็ สงู สุดของลูกตุม ข. พลังงานจลนสูงสุดของลกู ตมุ 20. วตั ถมุ วล 0.5 กโิ ลกรมั ตดิ อยูกับปลายขา งหนงึ่ ของสปริงโดยวตั ถนุ ้นั อยบู นพนื้ เกลยี้ ง ตัวสปริงอยูใน แนวราบ ปลายอกี ขา งหนึง่ ติดไวก ับฝา ใชแ รง 46 นวิ ตัน ดงึ สปรงิ ใหย ืดออก 0.50 เมตร แลว ปลอ ยใหม วลนน้ั เคล่ือนท่ี จงหาความเร็วของมวล ก. ที่ระยะสมดลุ ข. ท่ีระยะหดสัน้ สดุ 21. อดั สปรงิ ซ่งึ วางอยใู นแนวราบบนพื้นราบล่นื ดว ยมวล 0.25 กิโลกรัม ทาํ ใหส ปริงถูกกดเขาไป 10 เซนตเิ มตรดงั รูป หลงั จากน้นั ปลอ ยใหส ปริงดดี มวลออกไป ความเรว็ สูงสดุ ที่มวลน้จี ะมีไดคือเทาใด ถา สปริงมีคาคงตวั 100 นวิ ตัน / เมตร (2)

รายวชิ า ว30202 : ฟส ิกส 2 เร่ือง กฎการอนุรกั ษพ ลังงาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 19 บรรณานกุ รม กนั ตวชิ ญ มะโนคํา. (2552). การพฒั นาชดุ ปฏบิ ัตกิ ารกลุมสาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรช น้ั ประถมศึกษาปท่ี 6 โดยใชร ะบวนการเรยี นรแู บบ PDCA เรือ่ ง สารในชวี ติ ประจาํ วนั . พษิ ณโุ ลก : มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. เกริก ศักดส์ิ ภุ าพ. (2552). ศกึ ษาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นฟส กิ สแ ละความสามารถในการคดิ วเิ คราะหข อง นกั เรยี นชนั้ มธยมศกึ ษาปท ่ี 4 ที่ไดร บั การสอนโดยใชช ดุ กจิ กรรม PDCA. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ ชว ง ทมทิตชงค และคณะ. (2551). Hi-ED's Physics ฟส กิ ส ม.6 เทอม 1. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ไฮ เอด็ พบั ลิชชิ่ง จํากัด นรนิ ทร เนาวประทปี . (2549). สอ่ื เสรมิ สาระการเรียนรูพนื้ ฐานและเพ่มิ เติม ฟส กิ ส เลม 3. กรงุ เทพมหานคร : หา งหนุ สวนจาํ กัด สํานกั พมิ พฟ ส กิ สเซ็นเตอร นิรันดร สวุ รตั น. (2551). คมู อื สาระการเรยี นรพู น้ื ฐานและเพมิ่ เตมิ กลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร ฟส กิ ส ม.6 เทอม 1 . กรงุ เทพมหานคร : บริษทั สาํ นักพมิ พ พ.ศ. พฒั นา ธรรมสถิต ทองเงินเจือธรรม. (ม.ป.ป.).คูมือเตรียมสอบตรงตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 สาระการเรยี นรูว ิทยาศาสตร ฟสิกส ม.6 เลม 5 ชวงชน้ั ที่ 4 (ม.4-ม.6). กรุงเทพมหานคร : หาง หนุ สวนจาํ กดั สาํ นักพมิ พ ภูมบิ ัณฑิต ภาณพุ ัฒน ชัยวร และ วรัญญา ตาใจ. (2557). การพฒั นาการเรยี นวชิ าฟส กิ สโ ดยใชช ดุ ปฏบิ ตั ิการการเรยี นรู PDCA เรอ่ื ง แรงและกฎการเคลอื่ นที่ ของนกั เรียนมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย. สงขลา :มหาวทิ ยาลัยราชภฎั สงขลา. สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี. (2555). รายวิชาเพ่มิ เติม ฟส กิ ส 4 เลม 4 กลมุ สาระการเรียนรวู ิทยาศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 4-6 เลม 4 ตามหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551. พมิ พครัง้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ สกสค. ลาดพรา ว, 2555 -------- (2555). คูมือครู รายวชิ าเพิม่ เตมิ ฟสกิ ส 4 เลม 4 กลุมสาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาป ที่ 4-6 เลม 4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพครั้งที่ 1. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ สกสค. ลาดพราว, 2555

รายวชิ า ว30202 : ฟส กิ ส 2 เรือ่ ง กฎการอนุรกั ษพ ลงั งาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 20 Young and Freedman. (2548). ฟสกิ สระดับอดุ มศึกษา เลม 2 University Physics with Modern Physics. แปลโดยปยพงษ สิทธิคง. พมิ พค รั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : บริษัท เพยี รส นั เอด็ ดเู คช่นั อนิ โดไชนา จํากัด

โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา สำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ชลบุรี ระยอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook