หนงั สอื เรยี น กศน.หลกั สตู รรายวิชาเลอื ก สาระ การประกอบอาชพี รายวิชา พ้นื ฐานการปลกู ผักปลอดสารพิษเพอื่ การขาย รหัส อช23583 หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสงู เมน่ สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั แพร่ สำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
หนงั สือเรียน กศน.หลกั สตู รรายวชิ าเลอื ก สาระ การประกอบอาชพี รายวิชา พืน้ ฐานการปลกู ผักปลอดสารพษิ เพอ่ื การขาย รหสั อช 23583 หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสงู เม่น สำนักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั แพร่ สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร
คำนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 เมือ่ วันที่ 18 กนั ยายน 2551 ซึ่งไดก้ ำหนดสาระวิชาบงั คับและวชิ าเลือก โดยสถานศึกษา มสี ว่ นร่วมในการพัฒนาหลักสตู ร ในส่วนของวิชาเลือกท่ีมีเนื้อหาทันสมยั ทนั เหตุการณ์ และสอดคลอ้ งกบั สภาพ ปัญหาของผเู้ รียน ชุมชน และสังคม กศน.อำเภอสูงเม่น มีบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาหลักสูตร สื่อ และจัดกระบวนการเรียนการสอน ที่ตอบสนองนโยบายข้างต้น จึงได้กำหนดให้มีโครงการส่งเสริมคุณภาพการจัดการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตร และสื่อประกอบการเรียน รายวิชาเลือก สาระการประกอบอาชีพ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรื่องพื้นฐานการปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อ การขาย สื่อเล่มนใ้ี ช้สำหรับศึกษาเร่อื งราวต่าง ๆ ของการปลกู ผักปลอดสารพิษเบ้ืองต้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อ สถานศึกษา ครู กศน. ผู้เรียน และผู้เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป หลักสูตร และเอกสารดังกล่าว สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ได้ด้วยความร่วมมือของคณะทำงาน ทุกท่านทีไ่ ด้ใหข้ ้อคิดเหน็ อนั สำคัญ และเปน็ ประโยชน์อย่างยง่ิ กศน.อำเภอสูงเม่น จึงขอขอบคณุ ไว้ ณ ทนี่ ้ี กศน.อำเภอสงู เมน่ มีนาคม 2564
สารบญั หน้า คำนำ สารบญั คำแนะนำการใช้หนังสือเรียน โครงสร้างรายวิชาพน้ื ฐานการปลกู ผักปลอดสารพิษเพอ่ื การขาย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทท่ี 1 ความร้พู น้ื ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพิษ เรอ่ื งท่ี 1 ความหมายของผักปลอดสารพิษ เรื่องที่ 2 ลักษณะของผกั ปลอดสารพษิ และลกั ษณะของผกั ที่มสี ารพิษ เรื่องที่ 3 ข้อดขี องการปลกู ผักปลอดภัยจากสารพษิ บทที่ 2 การคัดเลือกพนั ธผุ์ กั และวิธกี ารปลูก เรือ่ งท่ี 1 วธิ ีการคดั เลือกพนั ธ์ผุ ัก เรอ่ื งที่ 2 การทดสอบคณุ ภาพของพันธผ์ุ กั เร่ืองท่ี 3 การดูแลรกั ษาพนั ธุ์ผกั เรอื่ งที่ 4 วิธีการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ บทท่ี 3 ชอ่ งทางการจดั จำหน่าย เรื่องที่ 1 การสำรวจตลาด เรอ่ื งท่ี 2 การประชาสัมพนั ธ์ เร่ืองที่ 3 วิธีการจำหนา่ ย บทที่ 4 ความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพการปลูกผักปลอดสารพิษ เรื่องท่ี 1 สาเหตขุ องการเกดิ อบุ ัตภิ ัยจากการประกอบอาชีพการปลูกผักปลอดสารพิษ เรื่องที่ 2 หลกั ปฏิบตั เิ พื่อความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพการปลกู ผักปลอดสารพิษ เร่ืองท่ี 3 การป้องกนั อันตรายจากการประกอบอาชพี ปลูกผักปลอดสารพษิ บทที่ 5 คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพการปลกู ผักปลอดสารพิษ เรอ่ื งท่ี 1 คุณธรรมการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพิษ
คำแนะนำการใช้หนงั สือเรยี น หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ใช้ประกอบการเรียน สาระการประกอบอาชีพ รายวิชาพื้นฐานการปลูก ผกั ปลอดสารพษิ เพ่อื การขาย จดั ทำขึ้นเพื่อใชส้ ำหรับผเู้ รียนท่ีเป็นนักศึกษาการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษา ขั้นพื้นฐาน ซึ่งใช้จัดการเรียนรู้ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในการศึกษาหนังสือประกอบการเรียน สาระการ ประกอบอาชพี รายวิชาพนื้ ฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ เพ่ือการขาย ผูเ้ รยี นควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1. ศึกษาโครงสร้างรายวิชาให้เข้าใจหัวข้อ สาระสำคัญ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง และขอบข่าย เน้อื หา 2. ศึกษารายละเอียดเนื้อหาของแต่ละบทอย่างละเอียด และทำกิจกรรมตามที่กำหนดไว้ในท้าย บทเรียน ซ่ึงผู้เรยี นสามารถตรวจคำตอบทถี่ ูกต้องได้จากเฉลยที่มอี ย่ใู นท้ายเลม่ หากผู้เรียนตอบคำถามกิจกรรม ทา้ ยบทผิด ผู้เรียนควรกลับไปทบทวนเนื้อหาใหมใ่ ห้เข้าใจ และแก้ไขให้ถกู ต้อง ก่อนท่จี ะศกึ ษาเร่อื งตอ่ ไป 3. ควรทำกิจกรรมท้ายบทเรียนให้ครบทุกกิจกรรม เพื่อเป็นการสรุปความรู้ ความเข้าใจของ เน้ือหาในเร่ืองทีเ่ รียนอกี ครั้ง 4. หนงั สือประกอบการเรียนเลม่ นี้ มี 5 บท ได้แก่ บทท่ี 1 ความรู้พื้นฐานการปลูกผักปลอดสารพษิ บทท่ี 2 การคดั เลือกพันธุผ์ กั และวธิ ีการปลกู บทท่ี 3 ชอ่ งทางการจดั จำหน่าย บทที่ 4 ความปลอดภัยในการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพษิ บทที่ 5 คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพการปลูกผักปลอดสารพษิ
โครงสรา้ งรายวิชา พน้ื ฐานการปลกู ผักปลอดสารพษิ เพอื่ การขาย รหัส อช 23583 สาระการประกอบอาชีพ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ สาระสำคญั มีความรู้ ความเข้าใจทักษะในการพัฒนาอาชีพที่ตัดสินใจเลือกบนพื้นฐานความรู้กระบวนการผลิต กระบวนการตลาดท่ใี ช้นวตั กรรม เทคโนโลยที ่เี หมาะสม และประยกุ ตใ์ ช้ภมู ิปัญญา มีความรู้ ความเข้าใจและสามารถจัดทำแผนงานและโครงการธุรกิจ เพื่อพัฒนาอาชีพเข้าสู้ตลาดการ แข่งขันตามศักยภาพ ๕ ด้านได้แก่ ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ ศักยภาพของพื้นที่ตาม ลักษณะภูมิอากาศ ศักยภาพของภูมิประเทศและทำเลที่ตั่งของแต่ละพื้นที่ ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละพื้นที่และแนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อสู่ความเข้มแข็ง ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจพ้ืนฐานการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจการคดั เลอื กพนั ธผ์ุ กั และวิธีการปลกู 3. มีความรู้ ความเขา้ ใจชอ่ งทางการจัดจำหนา่ ย 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพษิ 5. มคี วามรู้ ความเข้าใจคุณธรรมในการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพิษ ขอบข่ายเน้อื หา บทที่ ๑ ความรพู้ นื้ ฐานการปลกู ผักปลอดสารพษิ ๑.๑ ความหมายของผกั ปลอดสารพษิ ๑.๒ ลกั ษณะของผักปลอดสารพษิ และลักษณะของผักทม่ี ีสารพษิ ๑.๓ ข้อดขี องการปลกู ผักปลอดภัยจากสารพิษ บทท่ี ๒ การคัดเลอื กพันธุ์ผักและวธิ ีการปลูก ๒.๑ วธิ ีการคดั เลือกพนั ธุ์ผกั ๒.๒ การทดสอบคุณภาพของพันธุผ์ กั ๒.๓ การดูแลรักษาพนั ธุผ์ กั ๒.๔ วธิ ีการปลูกผกั ปลอดสารพษิ บทท่ี ๓ ช่องทางการจดั จำหน่าย 3.๑ การสำรวจตลาด 3.๒ การประชาสมั พนั ธุ์ 3.๓ วธิ ีการจำหน่าย
บทที่ ๔ ความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพิษ ๔.๑ สาเหตุของการเกดิ อุบัติภัยจากการประกอบอาชีพการปลูกผักปลอดสารพษิ ๔.๒ หลกั ปฏบิ ัติเพื่อความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพิษ ๔.๓ การป้องกนั อันตรายจากการประกอบอาชพี ปลูกผักปลอดสารพิษ บทท่ี ๕ คณุ ธรรมในการประกอบอาชพี การปลกู ผักปลอดสารพษิ ๕.๑ คณุ ธรรมการประกอบอาชพี การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ
แบบทดสอบก่อนเรียน ใหท้ ำเครื่องหมาย X คำตอบที่ถกู ต้อง ๑. ข้อใด คือความหมายของ “พืชผักสวนครัว” ก. ผักท่ีปลูกไว้เพื่อจำหน่าย ข. ผักที่ปลูกไว้เพ่ือประดับบ้าน ค. ผักที่ปลูกไว้เพื่อแจกเพ่ือนบ้าน ง. ผักที่ปลูกไว้เพื่อรับประทานในครอบครัว ๒. การยา้ ยกลา้ เพอื่ ปลูกในแปลง ลกั ษณะใดเหมาะสมทีส่ ุด ก. ควรย้ายเม่ือกล้ามีอายมุ าก ข. ควรยา้ ยกล้าในเวลาเท่ยี งวนั ค. ควรยา้ ยโดยวธิ กี ารดึงหรอื ถอน ง. ควรย้ายกล้าเมื่อมใี บจรงิ ๓-๔ ใบ ๓. พชื ผักชนิดใดทปี่ ลูกได้ทุกฤดูกาล ก. ถ่ัวลันเตา ข. กะหล่ำปลี ค. มะเขือเทศ ง. มะเขือเปราะ ๔. สถานท่ใี ดเหมาะกับการปลูกพืชผักสวนครวั มากทส่ี ดุ ก. มรี ่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ข. ใกล้ทพี่ ัก และแหลง่ น้ำ ค. เป็นที่ราบลุ่ม น้ำท่วมถึง ง. อย่หู ่างไกลจากที่พักอาศยั ๕. ดินทเี่ หมาะสมกบั การปลูกพชื ผักสวนครวั ควรมลี ักษณะอย่างไร ก. เนอ้ื ดนิ หยาบ นำ้ ซึมผา่ นไดเ้ ร็ว ข. ดนิ ท่ีมหี น้าดินตน้ื มีอินทรียวัตถุน้อย ค. ดนิ ทีก่ ักเกบ็ นำ้ ได้ดี น้ำซึมผา่ นได้ยาก ง. ดินที่มีเน้ือดินรว่ นซุย มีอนิ ทรยี วัตถมุ าก
๖. เมลด็ พันธุ์ผกั ลักษณะใดที่ควรคดั เลือกไว้ขยายพนั ธุ์ ก. เมลด็ ทีอ่ ่อนนุ่ม ข. เมล็ดท่ีมลี ักษณะเบา ค. เมล็ดท่ยี งั ไม่แก่เต็มที่ ง. เมลด็ ที่แกจ่ ดั เนื้อแน่นแข็ง ๗. ขั้นตอนแรกในการเตรียมดินปลูกผัก คือข้อใด ก. ย่อยดินให้ร่วนซุย ข. ขุดดินและเก็บวัชพืช ค. ตากดินเพื่อฆ่าเชื้อโรค ง. ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ๘. แปลงผักมกั ทำดนิ หลงั แปลงนูนโคง้ เลก็ น้อย เพ่อื อะไร ก. เพือ่ ให้แสงแดดส่องถึง ข. เพ่อื สะดวกในการปฏบิ ตั ิงาน ค. เพื่อรักษาความชุ่มชื้นใหก้ ับพืช ง. เพอื่ ระบายนำ้ ออกจากแปลงได้สะดวก ๙. พืชชนิดใดนยิ มเพาะกล้าก่อนนำไปปลูกในแปลง ก. พรกิ ข. ผกั บงุ้ ค. ขา้ วโพด ง. สะระแหน่ ๑๐. เราควรเลือกรับประทานผักชนิดใดท่ปี ลอดภัยจากสารเคมีมากท่ีสดุ ก. ชะอม ข. คะน้า ค. กะหล่ำปลี ง. ผักกาดขาว …………………………………………………………………………………………….
1 บทท่ี ๑ ความรู้พื้นฐานการปลูกผกั ปลอดสารพิษ สาระสำคญั ผักปลอดสารพิษ คือ ผักที่มีกระบวนการผลิตที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงเหมือนกับผัก โดยทวั่ ไป เพียงแตจ่ ะต้องมีการกำหนดวธิ ีการใช้อยา่ งเข้มงวด และร้วู า่ ควรฉดี พ่นยาฆ่าแมลงเวลาไหน ที่สำคัญ ควรมีการเว้นระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนการเก็บเกี่ยว เพื่อผลผลิตจะได้ไม่มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน ทก่ี ระทรวงสาธารณสขุ กำหนดไว้ ลักษณะของผักปลอดสารพิษมักจะไม่ค่อยสวยสมบูรณ์มากนัก และอาจมีร่องรอยแมลงกดั แทะ ส่วนผกั ที่มีสารพิษ มักจะเสียและเน่าเร็วกว่าผักที่ไม่มีสารพิษ ประโยชน์ของผักปลอดสารพิษ คือ เกิดความปลอดภัย แก่ผู้บริโภค ส่วนตัวเกษตรกรเองก็จะมีสุขภาพอนามัยดี เนื่องจากไม่ใช้สารเคมีซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อตัวผู้ฉีด พน่ ได้ และท่สี ำคญั เป็นการลดต้นทนุ การผลิตของเกษตรกร ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง ๑. อธิบายความหมายของผกั ปลอดสารพษิ ได้ ๒. อธบิ ายลักษณะของผักปลอดสารพิษและผักทีม่ ีสารพษิ ได้ ๓. บอกข้อดีของการปลูกผักปลอดสารพิษได้ ขอบข่ายเนื้อหา เร่ืองท่ี ๑ ลกั ษณะของผกั ปลอดสารพิษและลักษณะของผักทมี่ ีสารพษิ เรอื่ งที่ 2 ขอ้ ดีของการปลกู ผกั ปลอดภัยจากสารพิษ
๒ เรื่องท่ี 1 ความหมายของผักปลอดสารพิษ 1. ความหมายของผักปลอดสารพิษ ผักปลอดสารพิษ หมายถงึ ผักท่มี ีกระบวนการการผลิตที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงและ เชื้อราต่าง ๆ นำมาใช้ในช่วงเวลาที่มีแมลงศัตรูพืชระบาด เพียงแต่จะต้องมีการกำหนดวิธีการใช้อย่างเข้มงวด ควรฉดี พน่ ยาฆา่ แมลงช่วงไหน ช่วงไหนไม่ควรฉดี ชว่ งนีเ้ ป็นชว่ งเก็บเกยี่ วผลผลิต หากฉีดพ่นจะมีสารพิษตกค้าง ถงึ ผู้บริโภค ควรเว้นระยะเวลาการเกบ็ เกยี่ วกี่วันหลังจากฉดี สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพชื ไปแล้ว แต่ท่ีแน่ ๆ ผลผลิตไม่ควรมีสารพษิ ตกคา้ งเกินมาตรฐานทีก่ ระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ เรือ่ งท่ี ๒ ลกั ษณะของผักปลอดสารพิษและลักษณะของผกั ท่มี สี ารพษิ ๑. ลักษณะของผักปลอดสารพิษ ลกั ษะณะผักปลอดสารพิษ คือ พชื ผลทีไ่ ด้จากการเพาะปลูกตามฟาร์มปกติ แตช่ าวสวนชาวไรจ่ ะไม่ใช้ สารเคมีกำจัดศตั รูพชื ยาฆ่าแมลง สารเคมีป้องกนั กำจดั เชือ้ รา หรือสารเคมีอน่ื ๆ ที่เปน็ อันตรายต่อสุขภาพ ผบู้ ริโภค แม้วา่ สารเหล่านน้ั อาจชว่ ยกระตนุ้ ผลติ ผลให้อุดมสมบรู ณเ์ ป็นที่ต้องการของตลาดมากข้นึ ก็ตาม “ผักปลอดสารพิษ” หมายถึง ผักทีม่ ีกระบวนการการผลิตที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรพู ืชหรือยาฆ่าแมลงและเชื้อรา ต่าง ๆ นำมาใช้ในชว่ งเวลาทม่ี ีแมลงศัตรูพืชระบาด เพียงแต่จะต้องมีการกำหนดวธิ ีการใช้อย่างเข้มงวด ควรฉีด พ่นยาฆ่าแมลงชว่ งไหน ชว่ งไหนไม่ควรฉดี ช่วงน้ีเป็นช่วงเก็บเก่ียวผลผลติ หากฉีดพน่ จะมีสารพิษตกคา้ งถึง บริโภค ควรเว้นระยะเวลาการเกบ็ เกย่ี วกี่วนั หลงั จากฉีดสารเคมปี ้องกันและกำจัดศตั รูพืชไปแล้ว แตท่ ่แี น่ ๆ ผลผลติ ไมค่ วรมสี ารพษิ ตกค้างไมเ่ กนิ มาตราฐานที่กระทรวงสาธารณสขุ กำหนดไว้ ๒. ลักษณะของผกั ที่มีสารพิษ วธิ สี งั เกตลักษณะผกั ท่มี ีสารพษิ ยาฆ่าเป็นวัตถุมีพิษที่นำมาใช้เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืช โดยต้องทิ้งระยะให้สารหมดพิษก่อนการเก็บเกี่ยว แต่ หากสารนน้ั ยังไมห่ มดพิษ เมื่อรา่ งกายไดร้ ับย่อมเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกบั เอนไซน์ในรา่ งกาย และขดั ขวางการทำ หนา้ ท่ีตามปรกตขิ องระบบประสาทอาการเมื่อไดร้ บั สารพิษดว้ ย ส่วนมากจะอ่อนเพลยี ปวดศีรษะ มนึ งง หายใจ ลำบาก แน่นในอก คลื่นใส อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน กระสับ กระส่าย กล้ามเนื้อโดยเฉพาะท่ีล้ินและหนังตา กระตุก ซัก หมดสติและอาจหยุดหายใจได้ ยาฆ่าแมลงพบได้ใน ผักสด ผลไม้สด ปลาแห้ง ดังนั้น ควรเลือกผกั ผลไม้ที่ไม่ต้องสวยสมบูรณ์มาก เลือกแบบที่มรี อ่ งรอยแมลงกัด แทะ ผักที่มีสารพิษ จะเสียและเน่าเร็วกว่าผักท่ี ไมม่ สี ารพษิ การล้างผักเปน็ การช่วยลดปรมิ าณสารพิษฆา่ แมลงท่ีตกค้างมากบั ผักใหน้ ้อยลง ซึ่งมีวิธงี ่ายดังตอ่ ไปนี้ ๑. การล้างดว้ ยนำ้ สม้ สายชู เตรียมน้ำส้มสายชูละลายนำ้ ความเขม้ ขน้ 0.5% โดยผสมนำ้ สม้ สายชู อสร.ในอตั ราส่วน 1 ขวด ตอ่ นำ้ 4 ลติ ร แล้วแช่ผักทิง้ ไวป้ ระมาณ 10-15 นาที จะสามารถลดปริมาณสารพษิ ไดถ้ ึง 60-84% ๒.การล้างด้วยเบกกิ้งโซดา เบกก้ิงโซดา หรือ โซเดียมไบคารบ์ อเนต (Sodium bicarbonate) โดยใชโ้ ซเดียมไบคารบ์ อเนต 1/2 ชอ้ นโต๊ะ ผสมกับ นำ้ 10 ลติ ร แชน่ ้ำทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นค่อยล้างออกดว้ ย นำ้ สะอาดอีกครงั้ วธิ นี จี้ ะชว่ ยลดปรมิ าณสารพิษตกค้างได้ผลถงึ 90-95%
๓ เร่ืองท่ี ๓ ข้อดขี องการปลูกผกั ปลอดภัยจากสารพษิ 1. ทำให้ได้พชื ผกั ที่มีคณุ ภาพ ไม่มสี ารพิษตกคา้ ง เกดิ ความปลอดภยั แกผ่ บู้ ริโภค 2. ชว่ ยให้เกษตรกรผ้ปู ลกู ผกั มีสุขภาพอนามยั ดีขนึ้ เนอ่ื งจากไม่มกี ารฉดี พน่ สารเคมปี ้องกันและกำจดั ศตั รพู ืช ทำให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารพิษเหลา่ น้ดี ว้ ย 3. ลดต้นทนุ การผลติ ของเกษตรกรดา้ นคา่ ใชจ้ า่ ยในการซ้ือสารเคมปี อ้ งกันและกำ จัดศัตรพู ืช 4. ลดปรมิ าณการนำ เขา้ สารเคมีป้องกนั และกำ จัดศตั รูพืช 5. เกษตรกรจะมรี ายไดเ้ พิ่มมากขึ้น เน่ืองจากผลผลติ ที่ได้มีคุณภาพ ทำ ให้สามารถขายผลผลิตได้ ในราคาสงู ข้นึ 6. ลดปริมาณสารเคมปี ้องกนั และกำจดั ศตั รูพชื ทจี่ ะปนเป้ือนเข้าไปในอากาศและน้ำซ่ึงเปน็ การอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและลดมลพษิ ของส่งิ แวดล้อมไดท้ างหน่งึ
๔ กิจกรรมท้ายบทท่ี ๑ ใหผ้ ้เู รียนตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกตอ้ งสมบรู ณ์ที่สุด ๑. ผักปลอดสารพษิ หมายถึง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….……..…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………...........................…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. ลกั ษณะของผกั ปลอดสารพิษและลกั ษณะของผกั ที่มีสารพษิ แตกต่างกนั อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….……..…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………...........................…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. ข้อดขี องการปลูกผักปลอดสารพิษ คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….……..…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………...........................…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕ บทท่ี ๒ การคัดเลอื กพนั ธ์ุผกั และวิธกี ารปลกู สาระสำคัญ การคัดเลือกพนั ธผ์ กั เป็นการคดั ตน้ พืชท่ีมีลักษณะดีตรงตามความต้องการ มาใช้ในการปรับปรงุ พันธ์ุ ขยายพันธ์ุการขยายพันธุ์ เปน็ การเพ่ิมจำนวนพืชให้มมี ากข้ึน ตลอดจนรักษาควบคมุ ลักษณะ คุณสมบตั ิ และ คุณภาพของพชื ทดี่ ีให้คงไว้ตามเดมิ หรือทำให้ดแี ละพัฒนาย่ิงขึน้ ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวัง ๑. อธิบายวธิ ีการคดั เลอื กพันธ์ุผกั ได้ ๒. ทดสอบคุณภาพพนั ธ์ผุ กั ปลอดสารพษิ ได้ ๓. สามารถดูแลรกั ษาพนั ธผ์ุ กั ได้ ๔. อธบิ ายวธิ กี ารปลูกผกั ปลอดสารพษิ ได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา เรอ่ื งที่ ๑ วธิ ีการคัดเลือกพนั ธุ์ผัก เรอ่ื งที่ ๒ การทดสอบคณุ ภาพของพันธ์ผุ กั เร่ืองที่ ๓ การดูแลรกั ษาพันธุผ์ ัก เร่ืองท่ี ๔ วิธีการปลกู ผักปลอดสารพษิ
๖ เรือ่ งท่ี ๑ วธิ กี ารคัดเลอื กพันธผุ์ ัก 1. ประเภทของเมล็ดพนั ธุผ์ ัก เมลด็ พนั ธุผ์ กั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.1 พันธุ์ผสมเปิด Open pollinated variety : หรือที่เรียกว่า OP คือ เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์แท้ ทม่ี ีพันธุกรรมคงที่ ไมม่ กี ารแปรปรวนทางพันธุกรรมเกดิ ขึน้ หากมกี ารนำเมลด็ ที่ได้จากการเพาะปลูกในรนุ่ ถดั ๆ กันไป ทำการเพาะปลกู ขยายพนั ธ์ุ กจ็ ะไดต้ ้นทมี่ ีลักษณะทเ่ี หมือนต้นเดิมทุกประการ ทัง้ รูปทรง โครงสรา้ ง และ ผลผลิต เช่น เมล็ดพันธุ์ผักคะน้า เมล็ดพันธุ์กวางตุ้ง เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน ถ้าเป็นผักให้ลูกจะมีผลผลิตต่อต้น ทน่ี ้อย 1.2 เมล็ดพันธ์ุ F1-hybrid variety คือ พันธุ์ที่เป็นลูกช่วงแรกที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ที่มี พื้นฐานทางพันธุกรรมแตกต่างกัน เมล็ดพันธุ์ลูกผสม จะให้ผลผลิตที่มากกว่า ต้านทานโรคและแมลง ผลที่ได้ ออกมาจะมผี ลที่มีคุณภาพสูงกวา่ พันธุ์เปิด เมล็ดพนั ธ์ุลูกผสมไมส่ ามารถเกบ็ ไปใช้ปลูกซำ้ ได้ เนื่องจากอาจมีการ กลายพันธุ์หรือสายพันธุ์ถดถอยได้ เมล็ดพันธุ์ลูกผสมเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ ไม่ใช่การตัดแต่งพันธุกรรม เช่น แตงกวา แตงรา้ น ฝกั ทอง แตงโม พริก ฯลฯ 2. ประเภทของเมลด็ 2.1 เมล็ดแบบไม่เคลือบ (Raw seed) เมล็ดประเภทนี้จะผ่านการลดความชื้น และทำความ สะอาดมาแล้ว ในบางครั้งเมล็ดแบบนี้จะมีการคลุกสารเพื่อช่วยให้มีความต้านทานต่อเชื้อโรคในระยะแรกของ การงอกเป็นตน้ กลา้ ถา้ เลือกใชเ้ มล็ดแบบน้ีก็ควรถามผู้ขายว่ามีการคลกุ สารป้องกนั เชื้อโรคมาใหด้ ว้ ยหรือไม่ ถ้า มี หลังจากทเี่ ราเพาะเมล็ดเสร็จแล้วก็ควรล้างมือให้สะอาด เมล็ดประเภทน้ีอายเุ กบ็ รักษาจะนานกว่าเมล็ดแบบ เคลือบ แตเ่ ปอร์เซน็ ต์ความงอกของเมล็ดจะค่อย ๆ ลดลงเมอื่ เวลาผา่ นไป 2.2 เมล็ดแบบเคลือบ มี 2 ลักษณะ คือ เมล็ดเคลือบแป้ง เราเรียก Pelleted seed เก็บได้ นาน 1-3 ปี ส่วนมากจะเปน็ พวกเมลด็ ไม้ดอก และเมล็ดแบบเคลือบ จะเรียกวา่ Primed seed ซึ่งเมล็ดจะถูก กระตุ้นให้เกิดการงอกก่อน แล้วจึงนำมาทำการเคลือบแป้ง (Pelleted seed) อีกที ซึ่งจากการที่กระตุ้นให้ เมล็ดงอกก่อน ทำให้เมล็ดพันธุ์แบบนี้มีอายุการเก็บรักษาสั้น ซึ่งถ้าเลือกซื้อมาใช้ควรใช้ให้หมดโดยเร็ว ไม่ควร เก็บไว้นานเกินไป สำหรับข้อดีของการใช้เมล็ดแบบเคลือบ ก็คือ สะดวกในการเพาะ อัตราการงอกสม่ำเสมอ และเปอร์เซน็ ต์การงอกสูง แต่ราคากจ็ ะสูงกวา่ เมล็ดแบบไม่เคลอื บ 3. การเลอื กเมล็ดพนั ธผุ์ กั การเลอื กลกั ษณะของเมล็ดพันธ์ุที่ดี มีดังนี้ 3.1 สะอาดปราศจากส่งิ เจือปนตา่ ง ๆ เช่น ฝนุ่ ละออง กรวด ทราย เศษผกั หรอื เมลด็ พืชอ่นื 3.2 ตรงตามพันธุ์ เป็นเมล็ดที่ไม่กลายพันธุ์ เช่น ตระกูลของมันมีผลสีเขียวอมชมพู เมื่อนำมา ปลูกผลก็เป็นสีเขยี วอมชมพู ตรงตามพันธ์เุ ดมิ 3.3 ไม่มีโรคและแมลง เมล็ดพันธุ์บางชนิดอาจมีโรคหรือแมลงติดมากับเมล็ด เมื่อนำไปเพาะ เชือ้ โรคในเมลด็ อาจจะแพรไ่ ปได้ เมล็ดพนั ธุ์ท่ีดีควรเป็นเมล็ดพนั ธุ์ทไ่ี ดผ้ า่ นการฆา่ เช้อื โรคและแมลงมาแลว้
3.4 มาจากตระกูลที่ดี หมายถึงเมล็ดพันธุ์ที่มาจากตระกูลที่มีผลดกดี มีขนาดและรูปร่างดี มีสี ๗ มีนำ้ หนัก และรสดี 3.5 มีความสามารถในการงอกสูง หมายถึง เมล็ดที่มีความสามารถในการ งอกเจรญิ เตบิ โต มอี าหารทีจ่ ะเล้ียงลำต้นจนเจริญเติบโตได้ 3.6 ทนทานต่อโรคและแมลง เร่ืองที่ 2 การทดสอบคุณภาพของพันธผ์ุ ัก ในการปลูกพืชผักมปี ญั หาหน่งึ ที่เกษตรกรประสบอยเู่ สมอ ๆ น่นั คอื ปัญหาคณุ ภาพการงอกของเมล็ด พนั ธ์ุ เกษตรกรไมม่ โี อกาสแนใ่ จได้ว่าเมล็ดพนั ธุ์พืชผักที่ซ้ือหามาปลูกในแตล่ ะครงั้ นั้น จะงอกได้มากน้อยเพียงใด หากเมลด็ พืชผักทป่ี ลูกลงไปแล้วมีปริมาณการงอกต่ำหรือมีเมลด็ พนั ธุ์อื่นปะปนอยูม่ าก เกษตรกรก็จะได้ผลผลิต ต่ำไม่คมุ้ ค่ากบั การลงทนุ ลงแรงไปในแต่ละคร้ัง รวมท้ังเสียเวลาของฤดูปลกู ในแตล่ ะครัง้ ไปอย่างน่าเสยี ดาย หรือ บางทีเกษตรกรอาจจะต้องลงทุนเพิ่มเมล็ดพันธุ์พืชชนิดอื่นเพื่อปลูกแซมลงไปให้เต็มพื้นที่ที่เตรียมเอาไว้แล้ว ดงั น้นั ก่อนการปลูกพชื ผกั แตล่ ะครัง้ เกษตรกรควรจะให้ความสำคญั ในการทดสอบการงอกของเมลด็ พันธุ์พืชผัก ด้วยวิธีง่าย ๆ เพื่อให้ทราบถึงปริมาณการงอกของเมล็ดพันธุนั้น ๆ และหากได้ทดสอบเมล็ดพันธุ์ก่อนที่จะ ตัดสินใจซื้อมาปลูกได้ก็จะทำให้มีการตัดสินใจเลือกซื้อได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงซื้อเมล็ด พันธไ์ุ ม่ดี ไมต่ ้องเสยี่ งลงทนุ ลงแรง และเสียเวลาไปโดยได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า วธิ ีการทดลองท่ีทำได้เองแบบ งา่ ย ๆ มอี ยู่ 3 วิธี คอื 1. เอาเมลด็ พันธุ์ผกั ใสภ่ าชนะ จะเป็นแกว้ นำ้ ขนั นำ้ หรือจานก็ได้ แลว้ ใสน่ ้ำลงไป เมลด็ ท่ีเสียจะลอยน้ำ สว่ นเมล็ดท่ดี จี ะจมนำ้ หากสังเกตเห็นวา่ มเี มล็ดท่ลี อยนำ้ มาก แสดงว่ามีเมลด็ เสียมากไม่ควรซอ้ื มาปลูก 2. ใชก้ ระดาษฟางหรือกระดาษซับตัดให้พอดีกับจาน วางไวก้ น้ จาน ใส่น้ำพอชมุ่ นบั เมลด็ ใสล่ งไป 100 เมล็ด แล้วเอากระดาษฟางหรือกระดาษซับปิดไว้อีกที เทน้ำใส่ให้ชุ่มภายในเวลา 1-3 วัน เมล็ดจะงอก นับเมล็ดที่งอกดู ถ้าเมล็ดงอก 70-80 % ก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ถ้าเมล็ดงอก 90 % ขึ้นไปใช้ได้ดี แต่ถ้า ต่ำกว่า 60 % ลงมาไม่ควรจะซอื้ หามาปลูก 3. เอาทรายใส่ในจานสังกะสีให้เต็มก้นจาน นับเมล็ดผักใส่ลงไป 100 เมล็ด หยอดน้ำพอให้ชุ่ม เอาจานอกี ใบครอบไว้ หยอดน้ำใหช้ ุ่มทกุ วนั ภายใน 3 วนั เมลด็ จะงอกนบั ดเู หมือนวิธีท่ี 2 https://www.allkaset.com/article/ เรื่องที่ 3 การดูแลรกั ษาพันธผ์ุ กั การปฏิบตั ิดูแลรักษาการดแู ลรักษาดว้ ยความเอาใจใส่ จะช่วยให้ผกั เจริญเตบิ โตอย่างสมบรู ณจ์ นถึง ระยะเกบ็ เกี่ยว การดูแลรกั ษาดงั กลา่ ว ได้แก่ 1. การใหน้ ้ำ การปลกู ผักจำเปน็ ต้องใหน้ ำ้ เพียงพอ การใหน้ ้ำผกั ควรรดน้ำในชว่ ง เชา้ - เย็น ไมค่ วรรด ตอนแดดจดั และรดน้ำแต่พอชุ่มอยา่ ใหโ้ ชก 2. การใหป้ ยุ๋ มี 2 ระยะคือ 2.1 ใส่รองพ้ืนคอื การใส่เมื่อเวลาเตรียมดนิ หรือรองกน้ หลุมก่อนปลูก ปุ๋ยท่ีใส่ควรเป็นปุย๋ คอกหรือ ป๋ยุ หมัก คลุกในดินใหท้ ั่วก่อนปลูกเพื่อปรับโครงสรา้ งดินให้โปรง่ ร่วนซยุ นอกจากนน้ั ยงั ช่วยในการอุ้มน้ำและ รกั ษาความชืน้ ของดินให้เหมาะกับการเจรญิ เติบโตของพชื
2.2 การใส่ปยุ๋ บำรงุ ควรใส่ปุย๋ วทิ ยาศาสตร์ โดยแบ่งใส่ 2 ครง้ั คร้ังแรกเม่ือยา้ ยกลา้ ไปปลูกจนกลา้ ๘ ตงั้ ตวั ไดแ้ ล้ว และใส่ครง้ั ที่ 2 หลงั จากใสค่ รง้ั แรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ การใส่ใหโ้ รยบางๆ ระหวา่ งแถว ระวงั อย่าให้ปุ๋ยอยู่ชิดตน้ เพราะทำให้ผกั ตายได้ เมอื่ ใสป่ ยุ๋ แลว้ ใหพ้ รวนดินและรดน้ำ ทันที สูตรปยุ๋ ที่ใช้กบั พืชผกั ได้แก่ ยูเรีย หรือ แอมโมเนียซัลเฟต สำหรับบำรุงตน้ และใบ และปุ๋ยสตู ร 15-15-15 และ 12-24-12 สำหรบั เรง่ การออกดอกและผล 3. การปอ้ งกนั กำจัดศตั รพู ชื ควรบำรงุ รักษาตน้ พืชให้แขง็ แรงโดยการ กำจัดวชั พืช ให้น้ำอย่างเพียงพอและใส่ปุย๋ ตามจำนวนที่กำหนดเพอ่ื ใหผ้ กั เจรญิ เติบโต แขง็ แรง ทนตอ่ โรคและแมลง หากมีโรคและแมลงระบาดมากควรใชส้ ารธรรมชาติ หรอื ใช้วิธีกล ตา่ งๆ ในการป้องกันกำจัด เช่น หนอนตา่ งๆ ใชพ้ ริกไทยป่นผสมนำ้ ฉดี พ่น ใช้นำ้ คน้ั จากใบหรือเมล็ดสะเดา ถา้ เป็นพวกเพล้ยี เช่น เพล้ยี อ่อน เพลีย้ แป้ง และเพล้ยี จัก๊ จั่น ให้ใชน้ ำ้ ยาลา้ งจาน 15 ซซี ี ผสมนำ้ 20 ลิตรฉีดพน่ ใต้ใบเวลาเย็น ถ้าเปน็ พวกมด หอย และทาก ให้ใช้ปนู ขาวโรยบางๆ ลงบรเิ วณพน้ื ดิน เรอื่ งท่ี 4 วธิ กี ารปลูกผกั ปลอดสารเพื่อการขาย การเลือกวธิ กี ารปลกู ระยะปลกู เปน็ เทา่ ใดนั้นจะข้ึนอยู่กบั ชนิดของพชื ผักทีเ่ กษตรกรเลอื กปลูก แต่มีขอ้ แนะนำ คอื เกษตรกรควรปลูกผักให้มีระยะห่างพอสมควร อยา่ ให้แนน่ จนเกินไป เพอื่ ใหม้ ีการระบายอากาศทีด่ ี เปน็ การปรบั สภาพแวดลอ้ มไมใ่ หเ้ หมาะสมต่อการระบาดของโรค นอกจากนีค้ วรหมนั่ ตรวจแปลงอยู่เสมอ โดยอาจเลือกสำรวจเปน็ จดุ ๆ ประมาณ 10-20 จดุ /ไร่ ถ้าพบว่ามีการระบาดของโรคและแมลงในระดับที่ก่อใหเ้ กิดความเสยี หายแก่พชื ผักนน้ั ก็ควรดำ เนนิ การกำ จดั โรคและแมลงทพี่ บทนั ทกี ารให้ธาตอุ าหารเสรมิ แก่พืช จะมคี วามจําเป็นต่อพืชผกั ในบางชนดิ เทา่ น้ัน ทัง้ นี้ เพือ่ สร้างความต้านทานโรคให้แก่พืชนน้ั เชน่ พืชในตระกลู กะหลา่ํ จะต้องการธาตุโบรอนเพื่อสรา้ งความตา้ นทานโรคไส้ กลวงดํา มะเขอื เทศจะตอ้ งการธาตแุ คลเซยี มเพ่ือสรา้ งความตานทานโรคผลเน่า เป็นต้น การใช้แสงไฟจากหลอดฟลอู อร์เรสเซนต์ (หลอดนีออน) หรอื หลอดไฟแบลค็ ไลท์ ลอ่ แมลงในเวลากลางคืน เช่น ผีเส้อื หนอน กระทหู้ อม หนอนกระท้ผู ัก ให้มาเลน่ ไฟและตกลงในภาชนะที่บรรจนุ ํ้ามันเครื่องหรือน้ําทร่ี องรับอยดู่ ้านลา่ ง การติดตั้งกบั ดัก และแสงไฟจะตดิ ตง้ั ประมาณ 2 จดุ /พน้ื ที่ 1 ไร่โดยติดตงั้ ให้สงู จากพนื้ ดนิ ประมาณ 150 เซนติเมตร และใหภ้ าชนะทร่ี องรับ อย่หู ่างจากหลอดไฟ 30 เซนตเิ มตรและควรปิดสว่ นอ่ืนๆ ท่ีจะทาํ ให้แสงสวา่ งกระจายเปน็ บริเวณกวา้ งเพื่อล่อจบั แมลง เฉพาะในบรเิ วณแปลง มใิ ชล้ อ่ แมลงจากทีอ่ น่ื ให้เข้ามาในแปลงการใช้พลาสติกหรือฟางขา้ วคลุมแปลงปลูก
การปลูกผักในโดม ๙ เปน็ การควบคมุ ปริมาณวัชพืชและเก็บรกั ษาความชน้ื ในดินไว้ไดน้ าน ทำให้ประหยัดน้ำทใ่ี ช้รดแปลงผัก การใช้ พลาสตกิ หรอื ฟางขา้ วคลุมแปลงปลกู น้ี ควรใช้กับพชื ผักที่มีระยะปลกู แน่นอน ในแปลงที่พบการระบาดของโรค ท่ีมเี ชอ้ื ไวรสั เป็นสาเหตุ และมีเพลี้ยอ่อนหรอื แมลงเป็นพาหะ แนะนำให้ใช้พลาสติกทีม่ ีสีเทา-ดำ โดยใหด้ ้านที่มี สีเทาอย่ดู ้านบน เนื่องจากสเี ทาจะทำให้เกิดจากสะท้อนแสงจึงชว่ ยไลแ่ มลงทเ่ี ป็นพาหนะได้ การใช้สารสกัดจากพชื พชื ท่นี ิยมนำมาใชส้ กัดเปน็ สารควบคมุ โรคและแมลง คอื สะเดา เนือ่ งจากในสะเดามีสารอะซาดิแร คตนิ (Azadirachtin) ซึ่งมีคุณสมบตั ิชว่ ยในการป้องกันและกำจดั แมลงได้โดย • สามารถใช้ฆา่ แมลงได้บางชนดิ • ใช้เป็นสารไล่แมลง • ทำใหแ้ มลงไม่กินอาหาร • ทำให้การเจรญิ เตบิ โตของแมลงผดิ ปกติ • ยับยั้งการเจรญิ เติบโตของแมลง • ยับยั้งการวางไข่และการลอกคราบของแมลง • เป็นพิษต่อไข่ของแมลงทำให้ไขไม่ฟัก • ยบั ยัง้ การสรา้ งเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารของแมลง วธิ กี ารใช้ คือ นำเอาผลสะเดาหรือสะเดาที่บดแลว้ 1 กิโลกรมั แชใ่ นนำ 20ลติ ร ทิ้งค้างคนื ไว้ 1 คนื แต่ถ้า เกษตรกรมีเครื่องกวนสว่ นผสมดงั กลา่ ว กจ็ ะลดเวลาเหลอื เพียง 3-4 ชั่วโมง จากนน้ั กรองเอาแตน่ ้ำมาผสมดว้ ย สารจับใบประมาณ 1ชอ้ นโตะ๊ แล้วนำไปรดพชื ผกั ทันทีส่วนกากของสะเดาที่เหลือให้นำไปโรยโคนตน้ เพ่ือ ปรับปรุงสภาพดิน และกำจัดแมลงในดนิ ไดอ้ ีกดว้ ย ข้อควรระวัง พืชบางชนิดเมอ่ื ได้รับสารนแ้ี ล้วอาจเกิดอาการใบไหมเ้ ห่ยี วยน่ หรือตน้ แคระแกรน็ ดงั นเี้ มอ่ื พบ อาการต่างๆ เหลา่ น้กี ็ควรจะงดใช้สารสกัดจากสะเดาทันที ชนดิ ของแมลงทส่ี ามารถกำจัดได้ด้วยสะเดา 1. ชนิดทีใ่ ชแ้ ลว้ ได้ผลดี ได้แก่ หนอนใยผัก หนอนหนงั เหนยี ว หนอนกระท้ชู นดิ ต่างๆ หนอนกดั กนิ ใบ หนอนเจาะยอด หนอนชอนใบ หนอนมว้ นใบ หนอนหวั กะโหลก 2. ชนดิ ท่ใี ช้แลว้ ไดผ้ ลปานกลาง ได้แก่ เพลย้ี จักจัน่ หนอนเจาะ สมอฝ้าย หนอนต้นกลา้ ถวั่ แมลงหวขี่ าว แมลงวันทอง เพล้ยี ไก่แจ้ เพล้ียออ่ น 3. ชนิดท่ีใช้แลว้ ได้ผลน้อย ได้แก่ หนอนเจาะฝักถ่ัว เพลยี้ ไฟ ไรแดง มวนและด้วงชนดิ ต่างๆพชื ผักท่ีใช้ สารสกดั จากสะเดาไดผ้ ล ได้แก่ ผักคะนา้ กวาง ผักกาดหอม กะหล่ำปลี กะหล่ำดอกแตงกวา แตงโม แตงเทศ มะเขือเทศ มะเขือยาว หนอ่ ไมฝ้ รั่ง ข้าวโพดอ่อน พริกขีห้ นู ตำลึง มะนาว มะกรูด การปลูกผักในโรงเรือนม้งุ ตาข่ายไนลอ่ น พืน้ ทที่ ่ีจะใชป้ ลกู ผักในโรงเรือน ควรเป็นพ้ืนท่ีที่สามารถปลกู ผักได้อยา่ งต่อเนอ่ื ง ไม่นอ้ ยกว่า 3 ปี เพ่อื จะได้ค้มุ คา่ ต่อการสร้างโรงเรือนและการใช้ตาข่ายไนล่อน โครงสรา้ งของโรงเรอื นอาจทำด้วย เหลก็ หรอื ไม่ก็ได้ ขน้ึ อยกู่ ับเกษตรกรวา่ ต้องการจะใชพ้ ื้นท่ีนี้ปลูกผักนานเทา่ ใด ส่วนตาขา่ ยที่ใช้นน้ั จะใชม้ ุ้งตาขา่ ยไนล่อนทมี่ ี ขนาด 16 ช่องต่อความยาว 1 นิ้ว โดยมงุ้ สีขาวมีความเหมาะสมกบั การปลกู ผัก เนื่องจากแสงผ่านไดเ้ กือบ ปกตสิ ่วนมุ้งสีฟ้าไม่ค่อยเหมาะสม เน่อื งจากแสงผ่านได้เพียงร้อยละ 70 เทา่ การปลกู ผกั ในโรงเรอื นมุ้งตาขา่ ยน้ี จะไม่สามารถป้องกันแมลงศัตรูพชื ผกั ได้ทุกชนิด มีเพียงหนอนผีเสื้อและด้วงหมัดผกั เท่าน้ันทส่ี ามารถป้องกัน
ได้สว่ นเพลยี้ อ่อน เพล้ียไฟ หนอนแมลงวนั ชอบใบแมลงหวี่ขาวและไร ซึ่งเป็นแมลงขนาดเลก็ จะไมส่ ามารถ ๑๐ ปอ้ งกนั ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซ่งึ ถ้าหากใชม้ งุ้ ไนล่อนที่มคี วามถ่ีเพ่ิมขึน้ เป็น 24 และ 32 ชอ่ งต่อนวิ้ แลว้ จะปอ้ งกัน ได้แต่อาจมีปญั หาเร่อื งอณุ หภูมแิ ละความช้ืนภายในมุ้ง ขอ้ ควรระวงั สำหรบั ปลูกผกั ในมุ้งตาข่าย - อยา่ ให้มีหนอนผเี ส้อื หรือหนอนตา่ งๆ หลดุ เข้าไปในโรงเรือนได้เพราะหนอนตา่ งๆ เหล่าน้ีจะสามารถ ขยายพันธ์ไุ ด้อยา่ งรวดเรว็ - ในการย้ายกลา้ จะต้องตรวจดูกล้าผัก อย่าให้มีไข่ตวั หนอนหรอื ดกั แด้ติดเขา้ ไปในโรงเรือน - ควรดูแลอย่าให้ม้งุ ตาขา่ ยชำรดุ ฉดี ขาด เพราะอาจทำให้ด้วงหมัดผกั เลด็ ลอดเข้าไปได้อาจจะมกี ารรองด้วยผา้ หรือแผ่นยางบริเวณที่มกี ารเสียดสีระหวา่ งตาขา่ ยกบั โครงสร้างเพ่ือปอ้ งกนั การฉดี ขาด - ม้งุ ตาข่ายจะต้องปิดมดิ ชิดตลอดเวลา และควรทำประตูเป็นแบบ2ช้นั -การปลกู ผกั ในโรงเรือนมงุ้ ตาข่ายไม่สามารถป้องกนั แมลงขนาดเล็กได้ดังน้นั จึงอาจจะต้องใช้วิธีการกำจดั ศตั รพู ชื อ่นื ๆรวมดว้ ย - ผักทป่ี ลกู ไดใ้ นมุ้งตาข่ายไนล่อน ประเภทกนิ ใบ ไดแ้ ก่ คะน้า ผักกาดขาว กวางตงุ้ ฮ่องเต้ ตังโอ๋ ปวยเลง้ ขน้ึ ฉ่าย เป็นต้น ประเภทกินดอก ได้แก่ กะหล่ำดอก บลอ็ กโคล่ี เป็นต้น ประเภทกนิ ฝักและผล ได้แก่ ถั่วฝกั ยาว มะเขือเปราะ ถ่ัวลนั เตา เปน็ ต้น การปลูกผักในมุ้งตาขา่ ยไนลอ่ น การควบคมุ โดยชีววธิ ีในการปลกู ผกั เป็นการใชส้ ง่ิ มีชวี ติ ควบคุมศตั รพู ชื ซ่ึงได้แก่ แมลง ตวั ห้ำ ตัวเบียน ท่ที ำลายแมลงศัตรูพืชชนดิ อนื่ หรอื อาจใช้ ส่งิ มชี วี ิตเลก็ ๆ เช่น เชอื้ บักเตรีเชอื้ ไวรสั เชื้อรา ไส้เดอื นฝอย เป็นตน้ ในการควบคุมซึ่งมีรายละเอียด ดงั น้ี เช้ือบกั เตรี ที่นยิ มใชใ้ นการควบคุมแมลง คือ เชอ้ื บีที (BT) โดยแมลงท่ีไดร้ ับเช้ือบักเตรีชนดิ นี้เขา้ ไปแลว้ นำ้ ยอ่ ยในลำไส้ของแมลงจะละลายผลึกของเช้อื บักเตรี ทำใหเ้ กดิ สารพษิ ทำลายระบบยอ่ ยอาหารและอวยั วะ ของแมลง ทำให้ขากรรไกรแข็ง กนิ อาหารไม่ได้เคล่ือนไหวช้าลง และตายไปในที่สดุ เชอ้ื บักเตรที มี่ ีขายเป็นการ คา่ จะมี 2 กลุม่ คอื 1. Kurstaki ไดแ้ ก่ แบคโทรฟันเอชพี ดับเบิ้ลยูพี, เซ็นทารย่ี ูดีจี มีประสทิ ธภิ าพในการกำจดั หนอนใน ผัก หนอนกระทู้หอม และหนอนคบื กะหล่ำ
2. Aizawai ได้แก่ ฟลอรแ์ บค เอชพี ฟลอรแ์ บค เอฟซี ธรู ีไซด์ เอชพีมีประสิทธิภาพในการกำจดั ๑๑ หนอนใยผกั และหนอนคบื กะหล่ำ เทา่ นนั้ ดังนั้น การท่จี ะใชเ้ ช้ือบกั เตรีใหไ้ ด้ผล ควรเลอื กชนดิ ของเชอ่ื ใหต้ รง กับแมลงศตั รู และควรฉดี พน้ เม่อื หนอนยังเปน็ ตัวออนอยู่ หลกี เลี่ยงแสงในขณะฉีดพ้น และไม่ควรให้น้ำหลังจาก ฉดี พน้ เชื้อบักเตรแี ล้ว เช้ือไวรัส ท่ใี ช้ในการควบคุม คือ เอ็นพวี ี (NPV) โดยใชใ้ นการกำจัดหนอนหลอดหอมหรือหนอนหนงั เหนียว ซ่ึง เชอื้ ไวรสั ชนดิ นี้จะเขา้ ไปทำลายระบบต่างๆ ของร่างกาย ทำให้หนอนลดการกนิ อาหารเคลื่อนไหวชา้ ลำตวั มสี ี ซีดลง มจี ุดสขี ุ่นหรอื สม้ แลว้ จะใช้ขาเทยี มเกาะที่ตน้ พชื หอ้ ยหวั ลงมาตายในทสี่ ดุ เชอ้ื รา ท่ีใชใ้ นการควบคุม คอื ไตรโครเดอร์มาจะควบคุมเช้ือสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า เน่าคอดนิ ของ มะเขือเทศและผักกาดหัว โดยจะใชเ้ ชือ้ ราผสมกบั รำขา้ วและป๋ยุ หมัก ในอัตรา 1:10:40 แล้วใชร้ องก้นหลุม หรอื โรยรอบโคนตน้ ไส้เดอื นฝอย จะช่วยควบคุมด้วงหมดั ผกั โดยชอนไชเข้าสู่ระบบเลอื ดหรือกระเพาะอาหาร เมอื่ เข้าไปแล้วจะถูก ย่อยทำลาย จากน้ันจะปลดปลอ่ ยเชอ้ื บกั เตรีที่เปน็ อันตรายตอ่ แมลงออกมา ทำใหแ้ มลงตายในทีส่ ุด ในการใช้ ไสเ้ ดือนฝอยน้ัน เกษตรกรควรเกบ็ รกั ษาไวใ้ นท่เี ยน็ และใชไ้ ส้เดือนฝอยในการควบคุมหลังจากการให้น้ำแกต่ ้น พชื ชว่ งเวลาเยน็ ๆ เนื่องจากไสเ้ ดือนฝอยจะไม่ทนทานต่อสภาพทแ่ี หง้ แล้ง หรือถูกแสงแดด ซึ่งการผลิตผักปลอดสารพิษของชมรมฯ จะยึดหลักการนำเอาวิธีการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชหลายวิธีมา ประยุกต์ใช้ร่วมกัน หรือวิธีผสมผสานโดยไม่สนับสนุนให้เกษตรกรใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดแมลงในแปลง ปลูก ใช้วิธีต่าง ๆ หลาย ๆ วิธีร่วมกัน ซึ่งการปลูกผักปลอดสารพิษที่ทางชมรมฯ แนะนำให้เกษตรกรคิดและ นำไปปฏิบัติ ก็คือ “ทำอย่างไรให้ต้นพืชที่เราปลูกแข็งแรงและต้านทานโรค แมลง ศัตรูพืชต่าง ๆ” คราวนี้ก็ จะต้องมาคดิ แล้วว่าควรจะเรมิ่ ทใ่ี ด ตรวจค่ากรด-ดา่ งของดนิ และปรบั ให้เหมาะสมกบั การปลกู พืช ให้ปุ๋ยสมส่วน หมายถงึ ไม่ให้ธาตใุ ดธาตหุ นงึ่ มากเกนิ ความจำเป็น เช่น ไนโตรเจน (ยเู รีย) เพราะจะทำให้พชื อ่อนแอ ขาดความ แข็งแรง การเพิ่มซิลิก้าโดยใช้ภูไมท์หว่านรองพื้นก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้พืชแข็งแรง ใช้สารสกัดสมุนไพรชนิดใด กำจัดโรคและแมลงดีหรือจะใช้จุลินทรีย์กลุ่มต่าง ๆ ป้องกันและกำจัด สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยหรือไม่ ซง่ึ หลักการดังกล่าวข้างต้นลว้ นสำคัญท้งั สนิ้ และยงั มอี ีกหลายอย่างท่ผี ู้คิดจะผลิตผักปลอดสารพิษต้องคำนึงถึง ซง่ึ หากทำได้โดยละเอียดวธิ ีการตา่ ง ๆ เหล่านี้จะทำใหเ้ กษตรกรผปู้ ลูกผักปลอดสารพิษประหยัดต้นทุนการผลิต ได้อย่างมากมาย ซึ่งบทความนี้ผู้เขียนจะขอเริ่มจากการตรวจค่าความเป็นกรด – ด่าง (ค่า PH ) ของดินก่อน โดยค่าดินทเี่ หมาะสมสำหรบั การปลูกพชื ควรอยทู่ ่ี 5.8-6.5 เมอื่ สุ่มดนิ ตรวจพบวา่ ถ้าดนิ เปน็ กรด (ตำ่ กวา่ 5.8) ให้ใช้ภูไมท์ซัลเฟต (กระสอบสีเหลือง) หรือวัสดุปูนต่าง ๆ (ปูนมาร์ล โดโลไมท์ ปูนขาว) แต่ถ้าดินที่เป็นด่าง หรืออีกนัยหนึ่งคือดินที่มีค่าเกิน 6.5 ให้ใช้ภูไมท์ซัลเฟต (กระสอบสีแดง) ปรับค่าดินให้ลงมาจนเหมาะสำหรับ ปลูกพืชให้ใช้ตั้งแต่การเตรียมดิน การไถพรวนดิน หากดินแน่นแข็ง ระบบการระบายน้ำไม่ดี ให้ใช้สารละลาย ดนิ ดาน ALS 29% ในอตั รา 50 ซซี .ี /นำ้ 20 ลติ ร ฉดี พน่ ในพืน้ ที่ 1 งาน โดยราดลงไปขณะทดี่ ินเปียกหรือหลัง ฝนตกหากฝนไม่ตกให้ทำการรดน้ำลงไปในแปลงจากนั้นก็ฉีดพ่นด้วยสารละลายดินดาน ALS 29% ตามไป ทันที จากนน้ั นำเอาปยุ๋ อินทรีย์ (ปุ๋ยหมกั ปุ๋ยคอก) ในอัตราส่วน 50 ส่วน ภไู มทซ์ ัลเฟต 20 ส่วน และเชอื้ ไตร โคเดอร์ม่า 1 กิโลกรัม คลุกผสมร่วมกันแล้วหว่านลงบนแปลงที่เตรียมไว้จะช่วยป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา ทางดินได้ดี พอถึงระยะเวลาที่จะต้องปลูกเมล็ดผักให้ นำเอาภูไมท์ซัลเฟตรองก้นหลุม เพราะตัวภูไมท์ซัลเฟต มีซิลิก้าที่ละลายนำ้ ได้ จะเป็นตัวท่ีสรา้ งให้เชลลพ์ ืชแข็งแกร่งต้านทานศัตรพู ืช จะช่วยป้องกัน หนอน เพลี้ย ไร รา แมลงปากดดู วยั อ่อน ทม่ี าดูน้ำเล้ยี ง ใต้ใบพชื
๑๒ จากนัน้ พอครบกำหนดทีต่ ้องใสป่ ยุ๋ แนะนำให้เกษตรกรทำปยุ๋ ละลายชา้ โดยการเติมธาตุอาหารตา่ ง ๆ ท้ังธาตุหลัก ธาตรุ อง ธาตุเสริม และธาตุพเิ ศษ (ซิลิกา้ ) ใชเ้ อง ซ่งึ วิธกี ารผสมขน้ึ อยูก่ ับตัวของเกษตรกรเองว่า จะใชป้ ๋ยุ อินทรยี ์หรือปุ๋ยเคมใี นการใสใ่ หก้ บั พชื ในคร้งั นน้ั ๆ ขน้ึ อย่กู ับระยะของพชื วา่ ต้องการธาตุอาหารใดเป็น พเิ ศษ ซึ่งสตู รทเ่ี กษตรกรนิยมใช้กันในการปลูกพชื ผัก อาทิเชน่ 16-16-16 ,8-24-24, 25-7-7 ฯลฯ ซ่งึ วิธกี ารผสมทแ่ี นะนำหากเกษตรกรใชป้ ยุ๋ อินทรยี ์ (ปยุ๋ หมัก, ปยุ๋ คอก) ให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรยี ์ 100 กิโลกรมั ซิ ลิโคเทรซ 1/2 กิโลกรัม ภไู มท์ซลั เฟต 20 กโิ ลกรัม คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กัน หากเกษตรกรใช้ป๋ยุ เคมี จะใช้ป๋ยุ เคมี 50 กโิ ลกรัม อตั ราสว่ นผสมซิลิโคเทรซและภูไมทซ์ ลั เฟตยงั คงไม่เหมอื นเดมิ พรมนำ้ พอชื้นแล้วคลกุ เคลา้ ให้เขา้ กัน เท่านี้เกษตรกรกจ็ ะไดป้ ุ๋ยละลายช้าทมี่ ีธาตอุ าหารครบ (หลกั , รอง, เสริม และธาตพุ เิ ศษ) ซ่ึงเป็นการทำให้ ต้นพชื แข็งแรงตามหลักทีช่ มรมเกษตรปลอดสารพิษสนับสนุนอยู่ค่ะส่วนเร่อื งการให้ปุ๋ยทางใบและการดแู ล ป้องกนั และกำจัดโรคพืช
๑๓ กิจกรรมท้ายบทท่ี ๒ ใหผ้ ูเ้ รียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกตอ้ งสมบูรณ์ทสี่ ดุ ๑ . ประเภทของเมลด็ พนั ธ์ผุ กั แบ่งออกเป็น กีป่ ระเภท มีอะไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. การใส่ปุ๋ย มกี ี่ระยะ อธบิ ายมาเปน็ ข้อๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. วิธีการทดสอบการงอกของเมล็ดพนั ธผุ์ กั มีข้นั ตอนอย่างไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๔ บทท่ี ๓ ช่องทางการจัดจำหน่าย สาระสำคญั การตลาด เป็นระบบของการดำเนินงานทางธรุ กิจทงั้ หมดท่ีกำหนดขึน้ เพื่อวางแผนเกี่ยวกับการตั้งราคา การส่งเสรมิ การตลาดและการจำแนกแจกจ่ายผลติ ภณั ฑ์หรือบริการ เพอ่ื ใชบ้ ำบัดความต้องการใหแ้ กล่ ูกค้าใน ปจั จบุ ันและผทู้ ี่คาดว่า จะเป็นลูกค้าในอนาคต การประชาสมั พันธ์และชอ่ งทางในการจัดจำหนา่ ยสินค้า ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑. อธิบายวธิ กี ารหาสำรวจตลาด /การประชาสมั พันธ/์ วิธกี ารจำหนา่ ยผักปลอดสารพิษ ๒. สำรวจตลาดจำหนา่ ยผักปลอดสารพษิ ๓. ประชาสัมพนั ธ์และจำหน่ายผกั ปลอดสารพษิ ขอบข่ายเนอื้ หา เรื่องที่ ๑ การสำรวจตลาด เรือ่ งที่ ๒ การประชาสัมพันธ์ เรอื่ งท่ี ๓ วิธกี ารจำหน่าย
๑๕ เรื่องที่ ๑ การสำรวจตลาด การตลาด (Marketing) หมายถึง ระบบของการดำเนินงานทางธุรกิจทั้งหมดที่กำหนดขึ้น เพื่อวางแผน เกี่ยวกับการตั้งราคา การส่งเสริมการตลาดและการจำแนกแจกจ่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อใช้บำบัดความ ตอ้ งการใหแ้ ก่ลูกคา้ในปจั จบุ นั และผู้ที่คาดวา่ จะเป็นลกู ค้าในอนาคต หนา้ ท่กี ารตลาด (Marketing Functions) 1. การทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยน (Exchanging Function) - หน้าที่ในการซื้อ(Buying) - หน้าที่ในการขาย (Selling) 2. การทำหนา้ ทีท่ างภายภาพ (Physical Function) - การแปรรปู (Processing) - การเก็บรักษา (Storage) - การขนสง่ (Transportation) 3. การทำหนา้ ท่ีในการอำนวยความสะดวก(Facilitating Function) - การกำหนดมาตรฐานสนิ คา้ (Grading and Standardization) - ดา้ นข่าวสารการตลาด (Marketing Intelligence) - ดา้ นการเงิน (Financing) - ดา้ นการรับภาระการเสี่ยงภยั (Risk Bearing) กระบวนการตลาด - การรวบรวมผลผลิต - การปรบั ใหเ้ กดิ สมดุลระหวา่ งการผลติ และการบรโิ ภค - การกระจายสินค้าไปสผู่ ู้บรโิ ภค ระบบการตลาด (Marketing System) หมายถงึ ลกัษณะความสัมพนั ธข์ องกิจกรรมาทางเศรษฐกิจทกุ ชนิดในกระบวนการตลาด รวมทัง้ ความสมั พันธ์ของการบรกิ ารผ้ใู หบ้ รกิ ารและผูร้ บั บริการในตลาด
๑๖ ระบบตลาด แบง่ เปน็ 2 ระบบ 1. ระบบการตลาดแบบเขา้สู่ศูนย์กลาง (Centralize System) ได้แกร่ ะบบตลาดสินคา้ เกษตรทีม่ ีแหล่งผลติ กระจดักระจายถกู นา ผลผลิตเขา้มาสตู่ ลาดกลาง เพ่ือรวบรวมสง่ โรงงานหรอื ส่งออก เช่น ข้าวโพด มนั สา ปะหลงั หรอื ยางพารา เปน็ ตน้ 2. ระบบการตลาดแบบกระจายออกจากศูนย์กลาง (Decentralize System) ได้แก่ระบบตลาดสินคา้เกษตรท่มี แี หล่งผลิตเฉพาะแหง่ เชน่ ลำ ไยจากลำพนู ลองกองจากตัน หยงมัส สม้ โอ นครชัยศรีโดยทีผ่ ลผลติ ถกู กระจายไปยงั ผบู้ ริโภคต่างถ่นิ ท้งั ภายในและภายนอกประเทศวิถีการตลาด (Marketing Channel) หมายถึง เส้นทางการเคลื่อนย้ายผลผลติ จากแหลง่ ผลติ ไปสู่ผู้บรโิ ภคคนสุดท้าย วถิ ี การตลาด จะสามารถบ่งชใ้ี ห้เห็นถงึ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ เชน่ การเก็บรวบรวม การแปรรูป การจำ หน่ายจ่ายแจก ในสินค้าน้ัน ๆ ได้ ระดบั ของตลาด 1. ตลาดท้องที่ หมายถงึ ตลาดท่ีต่ังอยู่ ณ แหล่งผลิตสนิ คา้ นนั้ 2. ตลาดทอ้ งถ่ิน หมายถึง ตลาดทีอ่ ยใู่ นแหล่งผลิตแตเ่ ป็นศูนย์กลางของแหลง่ ผลิต การคมนาคมสะดวก 3. ตลาดปลายทาง หมายถึง ตลาดทส่ี ินค้าสว่ นใหญ่ของประเทศมารวมกัน ณ ท่ีนั้น
๑๗ ต้นทนุ การตลาด (Marketing Cost) หมายถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยต่างๆ ทเี่ กิดข้ึนในการประกอบกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ท่ี เกย่ี วกบั หน้าท่ีทาง การตลาด เพอ่ื นำสนิ ค้าจากผผู้ ลติ ไปยังผู้บรโิ ภคซ่ึงค่าใช้จา่ ยตา่ งๆ เช่น ค่าแรงงานของ คนงาน ค่าขนส่ง ค่าแปรรปู ค่าใช้จ่ายในการเก็บรกั ษาค่าดอกเบีย้ คา่ เส่ือมราคา ฯลฯ สว่ นเหล่อื มการตลาด (Marketing Margin) คือความแตกต่างระหวา่ งราคาต่อหนว่ ยของผลติ ผลทเ่ี กษตรกรได้รับ (ราคาฟารม์ )กบั ราคาท่ผี ูบ้ รโิ ภคจ่าย (ราคาขายปลีก) ตัวอย่าง สินคา้ A มรี าคาที่ผ้บู รโิ ภคซ้อื 100 บาท ราคาทเ่ี กษตรกรไดร้ บั (ราคาที่ฟารม์ ) 50 บาท และมีคา่ ใช้จา่ ยทางการตลาด ดังนี้ คา่ ขนส่ง 5 บาท คา่ บรรจุหีบหอ่ 5 บาท คา่ จา้ ง แรงงาน 5 บาท ค่าเกบ็ รกั ษา 5 บาท ค่าภาษี 5 บาท จงหาสว่ นเหลื่อมการตลาดและกา ไรท่ีพ่อ ค้าคนกลาง ไดร้ บั
๑๘ เร่ืองท่ี ๒ การประชาสมั พันธ์ ความหมายของการประชาสมั พนั ธ์คำวา่ “การประชาสมั พันธ”์ มาจากคำวา่ “ประชา” กับ “สัมพันธ”์ ซ่ึงตรง กบั ภาษาอังกฤษว่า “public relations” หรอื ท่เี รียกกันทั่วไปว่า “PR” ตามคำศัพทน์ ห้ี มายถึงการมี ความสัมพันธ์เกี่ยวขอ้ งกบั ประชาชน ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง การ ติดต่อสือ่ สาร เพอื่ ส่งเสริมความเข้าใจอนั ถูกตอ้ งตอ่ กนั และถ้าจะขยายความหมายให้เป็นรปู ธรรมยิ่งข้ึน จะ หมายถึง “ความพยายามที่มกี ารวางแผนและเปน็ การ กระทำที่ต่อเนื่อง ในอันที่จะมีอิทธพิ ลเหนือความคดิ จติ ใจของประชาชน กลมุ่ เป้าหมายโดยการกระทำสิ่งทีด่ มี ีคุณค่าให้กับสังคม เพ่ือใหป้ ระชาชนเหลา่ นี้เกดิ ทัศนคติทดี ตี อ่ หนว่ ยงานกจิ กรรม และบรกิ าร หรือสินคา้ ของ หนว่ ยงานนี้ และเพ่ือท่ีจะได้รบั การสนบั สนุนและ ร่วมมือที่ดจี ากประชาชนเหลา่ นใ้ี นระยะยาว” อยา่ งไรก็ดี ได้มี ผู้ให้ความหมายของการประชาสัมพนั ธ์ไว้ดัง ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ด.ร.เสรี วงษ์มณฑา ให้ความหมายวา่ “การประชาสมั พนั ธ์เป็นความพยายามทีม่ ีการวางแผน ในการที่ จะมอี ิทธิพลเหนือความคิดจติ ใจของสาธารณชนท่ีเกี่ยวข้อง โดยกระทำสง่ิ ท่ดี ที ี่มีคณุ คา่ กบั สังคม เพ่ือให้สาธารณชน เหล่านนั้ มีทศั นคติทด่ี ตี อ่ หน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างรา้ น หรอื สมาคม ตลอดจนมี ภาพพจนท์ ี่ดเี กย่ี วกบั หนว่ ยงาน ตา่ ง ๆ เหลา่ นัน้ เพอื่ ใหห้ น่วยงานไดร้ ับการสนับสนนุ และความรว่ มมือท่ีดีจาก สาธารณชนที่เก่ียวข้องในระยะยาว ตอ่ เนื่องกนั ไปเรื่อยๆ” 1. วัตถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พันธ์ 1.1 เพือ่ กระตุ้นใหก้ ลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่ืนตวั และรบั รู้ 1.2 เพื่อบอกกลา่ วและให้ความรู้ 1.3 เพอ่ื ใหไ้ ด้มาซ่งึ ความเขา้ ใจอนั ดี 1.4 เพื่อสรา้ งความเชื่อถอื ไว้วางใจ 1.5 เพอ่ื สร้างความเปน็ มิตรไมตรี 1.6 เพอ่ื ใหเ้ หตผุ ลประชาชนสำหรบั การซ้อื 1.7 เพื่อสรา้ งบรรยากาศแห่งการยอมรบั ของผบรู้ ิโภค ประเภทของส่ือในการประชาสัมพันธ์ ส่ือในการเผยแพรใ่ นการประชาสัมพนั ธ์ที่ใช้กนั อยา่ งแพร่หลายได้แก่ - คำพูด - สงิ่ พิมพ์ - ภาพโฆษณา - ภาพยนตร์ - วทิ ยกุ ระจายเสียง - โทรทศั น์ - นทิ รรศการและการจัดงานพิเศษ - สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ - สือ่ ออนไลน์
๑๙ เรอ่ื งท่ี ๓ วิธีการจำหน่าย ความหมายและความสำคัญของชอ่ งทางการจดั จำหน่าย ชอ่ งทางการจัดจำหนา่ ย (Distribution Channel) หมายถึง “กระบวนการในการจดั การเก่ยี วกับการ เคล่อื นยา้ ย สทิ ธิในตวั ผลติ ภณั ฑ์ (และอาจรวมถึงตวั ผลิตภณั ฑ์) จากผผู้ ลติ ไปจนถึงผู้บริโภค การจัดจำหนา่ ย หมายถึง เสน้ ทางท่สี ินค้าหรือบรกิ าร และการเป็นเจา้ ของสินคา้ หรือ บริการ เคล่ือนย้ายจากผ้ผู ลิตไปสู่ผซู้ ้ือ ผบู้ รโิ ภค และ คนกลางประเภทต่าง ๆใน ชอ่ งทางการตลาด การจัดจำหน่าย คอื กลไกต่าง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้องกับ การทำให้สินค้าไหลผา่ นจากผู้ผลติ ไปสู่ผู้บรโิ ภคกระบวนการทางการตลาดทผี่ ผู้ ลติ สนิ ค้าจะทำให้สนิ ค้าของ ตวั เองไปสูผ่ ูบ้ รโิ ภคหรือทำให้ผ้บู รโิ ภคหาซอื้ สนิ ค้าได้อยา่ งสะดวกในราคาท่เี หมาะสมตามเวลาทีต่ ้องการไม่ใช่ เร่อื งงา่ ยดายหากตึกภาพโรงงานของผู้ผลิตต้ังอยู่ ณ จุดใดจุดหน่ึงในขณะท่ีผู้บรโิ ภคกระจายอย่ทู ว่ั ประเทศ ผู้บรโิ ภคมีความตอ้ งการสนิ ค้าในเวลาที่แตกตา่ งกันจงึ เปน็ ไปไม่ไดท้ ่ผี ู้ผลิตจะสนองความต้องการ\"โดยตรง\" ถงึ ผู้บริโภคให้ไดร้ บั ความพึงพอใจหรือ\"อรรถประโยชน์\"ทง้ั ในด้านปริมาณสินค้าตน้ ทนุ สนิ คา้ และเวลาไดเ้ หตผุ ล ข้างตน้ ในกระบวนการทางการตลาดจงึ จำเป็นต้องมีบคุ คลที่สามารถเขา้ มาเกย่ี วข้องอย่ตู รงกลางระหวา่ งผูผ้ ลติ (จำนวนหน่งึ )กับผูบ้ ริโภค(จำนวนมาก) บุคคลทสี่ ามที่ว่านี้กค็ ือกลมุ่ ของ\"คนกลาง\" (Intermediaries)ในรปู แบบ ต่าง ๆ ทป่ี ระกอบกนั เปน็ ชอ่ งทางการจดั จำหน่าย (Marketing Channels หรือ Distribution Channels) เช่น คนกลางในรปู แบบร้านค้า (Merchants) ได้แก่ ร้านค้าส่ง รา้ นค้าปลกี คนกลางในรูปแบบตวั แทน (Agents) คนกลางในรูปแบบสง่ิ อำนวยความสะดวก (Facilitators)เชน่ คลงั สินค้า บรษิ ทั ขนส่ง ธนาคาร เป็นตน้ ชอ่ งทางการจดั จำหน่าย (Marketing Channels/Distribution Channels) จึงเปน็ กล่มุ ขององค์กร อสิ ระซงึ่ เขา้ มาเกย่ี วข้องในกระบวนทจี่ ะนำสนิ คา้ และบริการไปสกู่ ารบรโิ ภคน่ันเองหากจะเปรยี บเทียบกบั ส่วน ประสมการตลาด (Marketing Mix) อนื่ ๆ แล้วการตัดสินใจเรื่องชอ่ งทางการจัดจำหนา่ ยดจู ะมคี วามยุ่งยาก ซบั ซ้อนอยเู่ บือ้ งหลงั เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุท่ีเป็นการตดั สินใจท่ีจะต้องขึน้ อยู่กบั องคก์ รอิสระภายนอกดงั ที่ กล่าวมา ซงึ่ ตอ้ งถือว่าองคก์ รเหล่านั้นมีเป้าหมายและวิธีการดำเนินงานท่ีแตกต่างออกไปอย่นู อกเหนือการ ควบคุมของผผู้ ลิตด้วยลกั ษณะที่เป็น\"เงินคนละกระเปา๋ \" \"เปา้ หมายทแ่ี ตกตา่ ง\" จงึ ทำให้องค์กรตอ้ งประสบ ปัญหายงุ่ ยากพอสมควร ในการจดั การคนกลางเหล่านี้ หากจะดูตวั อย่างทเี่ กดิ ขนึ้ อย่างชัดเจน เชน่ การ พัฒนาและเติบโตของร้านค้าปลีกยคุ ใหม่มีผลต่อสนิ คา้ ของผผู้ ลิตอยา่ งมากซงึ่ จะได้กลา่ วถึงในตอนต่อไป อกี ประการหน่ึง การตดั สินใจเลือกช่องทางการจัดจำหน่ายมีผลกระทบตอ่ การตัดสินใจสว่ นประสม การตลาดอ่นื ๆ เช่น การกำหนดลกั ษณะสินค้าและบรรจุภัณฑ์การกำหนดราคาท่ีเหมาะสมกบั วิธีการจดั จำหนา่ ยการเลอื กโปรแกรมการสง่ เสรมิ การตลาดการตัดสินใจเลอื กชอ่ งทางการจัดจำหน่าย จึงเปน็ ปัญหาทา้ ทายนกั การตลาดให้ต้องปรับยุทธวธิ ีการจัดจำหน่ายใหส้ อดคล้องกับความก้าวหน้าและเปลีย่ นแปลงไปของคน กลางประเภทต่าง ๆ เทคโนโลยแี ละระบบขา่ วสารขอ้ มลู ทถ่ี ูกนำมาใช้กับการจัดการการจัดจำหนา่ ย พฤติกรรม ผู้บริโภคท่เี น้นความรวดเรว็ นอกจากนกี้ ารคิดคน้ วธิ กี ารใหม่ ๆ ในการจัดจำหนา่ ยสนิ คา้ และบริการสผู่ ูบ้ รโิ ภค เพื่อใหเ้ กดิ ความแตกตา่ งและมีประสทิ ธิภาพสงู ขึน้ เป็นความท้าทายทชี่ ี้ชะตาความอย่รู อดของธุรกิจและ การตลาดยคุ ปจั จุบันอย่างหลีกเล่ียงไม่ไดช้ อ่ งทางการจัดจำหนา่ ยสินค้า อุตสาหกรรมและสนิ ค้าบรโิ ภค 1.ช่องทางตรง (Direct Channel) หรอื ช่องทางศูนยร์ ะดบั (Zero Level Channels) เปน็ ช่องทางการจดั จำหน่ายท่ผี ลิตขายสินค้าโดยตรงให้กบั ผูบ้ ริโภค (Consumer) หรอื ผูใ้ ช้ ทางอุตสาหกรรม (Industrial User) โดยไม่ผา่ นคนกลาง
๒๐ ข้อดคี ือ ผผู้ ลิตสามารถควบคมุ นโยบายการตลาดได้ และพนักงานขายของผผู้ ลติ จะมีความรูเ้ กีย่ วกบั สนิ คา้ และลกู คา้ เป็นอย่างดี สามารถกระตุ้นลูกค้าใหเ้ กิดความต้องการและตัดสนิ ใจซ้ือได้ดีกวา่ การใช้คนกลาง ลดขน้ั ตอนและความยุ่งยากในการประสาน ข้อเสยี คือ การจดั จำหน่ายที่ไม่ทั่วถึงและในกรณที ี่เปิดสาขาและสำนักงานขาย ผู้ผลิตจะต้องใช้เงิน ลงทุนจำนวนมากจึงจะสามารถขยายสาขาและสรา้ งยอดขายได้ หรือ ช่องทางการขายตรง (Direct Selling Channel) หมายถึง การขายสินค้าหรือผลติ ภัณฑต์ ่างๆโดยใช้ช่องทางการตลาดท่ใี ช้พนกั งานขายหรอื พนกั งาน ขายอสิ ระ โดยการนำเสนอสินคา้ ดว้ ยวิธกี ารสาธิต หรอื การนำเสนอเกี่ยวกับคณุ ประโยชน์ของสินค้า จนกว่าจะ ปดิ การขายและส่งมอบสินคา้ พรอ้ มกบั รับเงิน โดยไม่ตอ้ งผา่ นคนกลางตา่ งๆ 2.ชอ่ งทางอ้อม (Indirect Channel) เปน็ เส้นทางท่ีสินค้าเคลื่อนย้ายจากผผู้ ลิตผ่านคนกลางไปยังลูกคา้ คนกลางดงั กล่าวอาจจะเป็นตัวแทน ผู้ค้าสง่ ผู้คา้ ปลกี หรอื ผู้จดั จำหน่ายกไ็ ด้ ปัจจยั ท่ีมอี ิทธิพลต่อการกำหนดช่องทางการจัดจำหน่าย การจะเลอื กใช้ช่องทางการจำหนา่ ยโดยตรง หรือโดยผา่ นคนกลางประเภทใดเป็นเรือ่ งทผี่ ้บู รหิ าร การตลาดจะต้องพจิ ารณาหลาย ๆ ปจั จัยประกอบโดยรอบคอบ เพอ่ื เลือกชอ่ งทางท่เี หมาะสมกบั ผลิตภณั ฑแ์ ละ นำผลติ ภัณฑน์ ัน้ ไปส่ตู ลาดเป้าหมายไดใ้ นเวลาท่เี หมาะสม ด้วยคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีประหยดั ทสี่ ุด ปัจจัยทตี่ อ้ งพจิ ารณา ในการตัดสนิ ใจเลือกชอ่ งทางการจำหนา่ ยทีเ่ หมาะสมมี 4 เร่ือง คือ ตลาด ผลติ ภัณฑ์ ผผู้ ลิต และ คูแ่ ขง่ ขัน
๒๑ กจิ กรรมทา้ ยบทที่ ๓ ใหผ้ ้เู รียนตอบคำถามต่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ งสมบรู ณ์ท่ีสดุ ๑. ตลาดหมายถงึ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. วธิ กี ารจำหน่ายสินค้ามวี ิธกี ารอยา่ งไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒๒ บทที่ ๔ ความปลอดภยั ในการประกอบอาชพี การปลูกผักปลอดสารพิษ สาระสำคัญ สาเหตขุ องการเกิดอุบัติภยั ในการประกอบอาชพี การปลูกผกั ปลอดสารพษิ และรู้จกั วิธกี ารปอ้ งกัน อันตรายจากประกอบอาชีพปลกู ผกั ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง ๑. อธิบายสาเหตุของการเกิดอุบัติภยั จากการประกอบอาชีพปลูกผกั ได้ ๒. อธิบายวิธีการป้องกนั อตั รายจากการประกอบอาชพี ปลูกผักได้ ขอบข่ายเน้อื หา เรือ่ งที่ 1 สาเหตขุ องการเกดิ อุบตั ภิ ัยจากการประกอบอาชีพการปลูกผักปลอดสารพษิ เรอ่ื งท่ี 2 หลกั ปฏบิ ตั เิ พื่อความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพการปลูกผักปลอดสารพิษ เรื่องที่ 3 การปอ้ งกนั อนั ตรายจากการประกอบอาชพี ปลกู ผักปลอดสารพิษ
๒๓ เร่ืองที่ ๑ สาเหตขุ องการเกิดอบุ ตั ภิ ยั 1.สาเหตุของการเกดิ อุบัติภยั จากการประกอบอาชพี เกษตรกรรม สรุปไดด้ ังนี้ 1) เกิดจากตวั บุคคล เชน่ ขาดความร้คู วามเข้าใจในการใชเ้ คร่ืองและอปุ กรณ์ต่างๆ ขาด ความรับผิดชอบ และความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ประมาทเลนิ เล่อ นอกจากนี้การทีส่ ภาพร่างกายและ จติ ใจไม่ปกติ เจบ็ ป่วย ยอ่ มมีสว่ นทำใหเ้ กิดอันตรายหรืออุบตั ิภยั ตา่ งๆ ไดม้ ากข้ึน 2) เกิดจากเคร่ืองมือหรืออปุ กรณต์ า่ ง ๆ เคร่ืองมือตา่ ง ๆ เช่น จอบ เสยี ม คราด ไถหรอื เครื่องจักรกล ได้แก่ รถแทรกเตอร์ รถไถนา เครื่องนวดข้าว อาจก่อให้เกดิ อุบัตเิ หตุไดถ้ ้าหากอยใู่ นสภาพที่ ชำรดุ หรอื เก็บรักษาไมถ่ ูกวธิ ี 3) เกิดจากสารเคมีตา่ ง ๆ ผลทเ่ี กดิ จากการใชส้ ารเคมีอยา่ งไมถ่ ูกต้อง เชน่ ยาฆา่ แมลง ยา ปราบวัชพืช หรือแม้แต่การใช้ปยุ๋ ซึ่งเป็นสารเคมอี าจสง่ ผลใหร้ ่างกายสะสมพิษของสารเคมที ลี ะน้อยจน ก่อให้เกดิ โรคตา่ ง ๆ ในภายหลัง และถ้าหากได้รบั สารเคมีจำนวนมาก อาจทำใหเ้ กดิ อนั ตรายถงึ ชวี ติ 4) สตั ว์และพืชมพี ิษ สัตว์เล้ียงอาจนำเชือ้ โรคมาสคู่ น เช่น โรคแอนแทรกซ์ โรคพิษสุนัขบ้า ส่วนสตั วม์ พี ิษ เช่น งู แมงปอ่ ง ตะขาบ เมือ่ กัดหรือตอ่ ยจำทำใหเ้ กิดอนั ตรายต่อรา่ งกายนอกจากน้ีพืชมีพษิ บางชนดิ เชน่ หมามุ่ย เมอื่ เราสมั ผสั อาจทำให้ผิวหนังคนั และเกิดการอักเสบได้ 5) เกดิ จากภยั ธรรมชาติ เช่น ลม พายุ นำ้ ท่วม ฟ้าผา่ สามารถก่อใหเ้ กิดความเสียหาย แก่ทรัพยส์ นิ ทำลายผลติ ผลทางการเกษตร และอาจทำใหเ้ กษตรกรบาดเจบ็ หรือเสยี ชีวติ ได้ 6) อันตรายจากโรคภัยไขเ้ จบ็ อน่ื ๆ เกิดจากเช่ือโรคในบรเิ วณท่ที ำการเกษตร เช่น โรค พยาธิทอ่ี าศัยอยู่ตามพื้นดนิ ที่ชนื่ แฉะ โรคบาดทะยกั จากเชอ่ื ท่ีอยู่ในดินหรอื มูลสัตวเ์ ข้าทางบาดแผลนอกจากนี้ การทำงานในสภาพแวดลอ้ มท่ีเป็นอันตรายเปน็ เวลานาน อาจทำให้เกดิ อาการเจ็บปว่ ยหรือมีอาการผิดปกติ เชน่ ทำงานกลางสายฝนอาจจะทำใหเ้ ป็นไขห้ รือปอดบวม ทำงานกลางแสงแดดจดั กอ็ าจมีอาการหนา้ มืดเป็น ลม 2.หลกั ปฏิบัตเิ พอ่ื ความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม 1) ด้านบุคคล เกษตรกรควรศึกษาหาความรู้ รบั ฟังข่าวสารโดยเฉพาะเรอื่ งท่ีเกย่ี วกบั สขุ ภาพ และสวัสดิภาพในการประกอบอาชพี เพอื่ เตรยี มป้องกันและระมัดระวังอนั ตรายท่ีจะเกดิ ข้ึนในขณะปฏิบัตงิ าน รวมทั้งการรักษาสุขภาพร่างการใหส้ มบูรณแ์ ข็งแรงอยเู่ สมอ ไมค่ วรทำงานหนักเกินกำลงั ถา้ หากมีอาการ ผดิ ปกตใิ หร้ บี ดแู ลรักษาทนั ที 2) ด้านเครอ่ื งมอื และเคร่ืองจกั รกล ผู้ใชค้ วรศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจเป็นอยา่ งดีเกี่ยวกับ เครือ่ งมือและเคร่ืองจกั รกลที่จะนำมาใชใ้ นการประกอบอาชพี กอ่ นใชง้ านควรตรวจดสู ภาพความเรยี นร้อย หากพบจุดบกพร่องหรือชำรุดเสยี หายควรจัดการซ่อมแซมและแกไขทนั ทีเครื่องจกั รกลบางชนดิ เป็นสาเหตุ สำคญั ที่ก่อให้เกดิ อุบตั ภิ ัยแกเ่ กษตรกร ควรระมดั ระวงั ในการใชเ้ ป็นอยา่ งมาก เชน่ รถแทรกเตอร์ ควรปฏบิ ัติ ตามค่มู ือการใช้รถ หากเข้าใจใหส้ อบถามผูร้ ู้ไม่ควรหอ้ ยโหนหรือเกาะขา้ งรถขณะกำลงั ใชง้ าน นอกจากนเี้ มื่อใช้ อปุ กรณห์ รือเครื่องมอื ต่างๆเสร็จแลว้ ควรทำความสะอาดและเกบ็ เข้าทใี่ หเ้ รียบร้อย 3) ดา้ นสารเคมีและเคมภี ัณฑ์ตา่ งๆ ปจั จบุ นั เกษตรกรได้นำสารเคมีมาใชก้ ันอย่างแพรห่ ลาย เชน่ ยาปราบวัชพืชหรอื ยาฆา่ แมลง สารเคมีเหลา่ นีล้ ว้ นมีพิษทัง้ ตอ่ ผู้ทีน่ ำมาใช้ละผูบ้ รโิ ภค ดงั น้ัน ผใู้ ชจ้ ะต้องรจู้ กั และเข้าใจวิธใี ช้ให้ถกู ต้อง โดยควรอา่ นฉลากใหเ้ ข้าใจถึงวิธใี ช้อยา่ งละเอยี ดก่อนใช้สารเคมีและปฏิบัติตาม ขน้ั ตอนโดยเคร่งครดั ก่อนใช้สารเคมคี วรแต่งกายใหม้ ิดชิด เชน่ สวมเส้อื ผ้าให้มดิ ชดิ สวมหมวก แว่นตา ถุงมือ และหน้ากาก เพื่อป้องกันสารเคมีเข้าสู่ผิวหนังหริเข้าตา หากสารเคมีถกู ผิวหนงั ควรรีบชำระร่างกายให้สะอาด
๒๔ เพือ่ ป้องกันไม่ใหส้ ารนน้ั ซมึ เข้าส่รู ่างกาย หลงั ใช้สารเคมีควรอาบนำ้ เปลย่ี นเส้อื ผา้ ใหม่ เครอื่ งฉีดพน่ สารเคมคี วร เกบ็ ให้เปน็ ที่พน้ จากมอื เดก็ และหากจากสงิ่ ของบรโิ ภค การเก็บผลผลิตควรท้งิ ช่วงหา่ งจากการฉีดสารเคมีอยา่ ง น้อย 6-10 วนั หรอื ตามทฉี่ ลากกำหนด ถ้าหากได้รบั พิษจากสารเคมีใหป้ ฏิบัติตามคำแนะนำเบือ้ งตน้ ที่กำกับไว้ บนฉลากก่อนนำสง่ แพทย์ 4) ด้านสัตวห์ รอื พืชมีพิษ เกษตรกรควรศกึ ษาลกั ษณะและธรรมชาติของสัตวม์ ีพษิ เพ่ือหาทาง หลกี เล่ยี งและป้องกนั อันตราย สตั วเ์ ลยี้ งควรนำไปฉดี วัคซีนปอ้ งกันโรคต่างๆ อย่างสมำ่ เสมอและควรรกั ษา ความสะอาดบรเิ วณบา้ นและสภาพแวดลอ้ มเป็นประจำไม่ให้รกรงุ รงั เพื่อปอ้ งกนั สตั ว์มีพิษเขา้ มาอยู่อาศยั ผัก ผลไมก้ ่อนนำมารับประทานควรลา้ งในนำ้ สะอาดหลายๆครั้งหรอื แชใ่ นนำ้ ผสมดา่ งทบั ทิมเลก็ นอ้ ยเพ่ือช่วยฆา่ เชื้อโรค ไม่ควรรับประทานพืชหรอื เห็ดชนดิ ที่ไม่รจู้ ักคนุ้ เคย เพราะอาจเกดิ พิษได้ 5) ดา้ นภัยจากธรรมชาติ การเกิดภยั ธรรมชาติแม้จะไม่สามารถควบคุมการเกิดได้ แตส่ ามารถ ป้องกนั ไดโ้ ดยการปฏิบตั ิดังน้ี หากอยใู่ นบริเวณทเี่ กิดภยั ธรรมชาติ เช่น มนี ้ำท่วม มลี มพายุ ควรเตรยี มพ้อมอยู่ เสมอ อยา่ งนอ้ ยกช็ ว่ ยแก้ไขสถานการณ์จากหนกั ใหเ้ ป็นเบาไดแ้ ละขณะท่ีฝนตกหนกั ไม่ควรทำงานในทโ่ี ล่งแจง้ เพราะอาจจะถกู ฝา้ ผา่ ได้ ไมค่ วรหลบฝนหรอื ลมพายุใต้ตน้ ไม้ใหญ่ เพราะก่ิงไม้อาจหักโค่นลงมาทับ ควรหลบฝน บรเิ วณต้นไมเ้ ต้ียหรือพุ่มไม้ หมน่ั ตรวจสอบรายงานข่าว สภาพภมู ิอากาศอยา่ งสมำ่ เสมอ เพ่อื จะได้ป้องกัน ตนเองไดอ้ ย่างทว่ งที 6) ด้านอันตรายจากโรคทัว่ ไป ควรสวมใสช่ ดุ ทำงานที่เหมาะสมกบั สภาพดินฝา้ อากาศและสะดวก ตอ่ การทำงาน บำรงุ รักษาร่างกายใหส้ มบูรณ์แขง็ แรงอยู่เสมอ และควรรกั ษาความสะอาดสภาพแวดล้อมของ บา้ น รวมท้งั แหลง่ เกษตรกรรมให้ถกู สุขลกั ษณะ เรื่องท่ี 2 หลกั ปฏบิ ตั ิเพื่อความปลอดภัยในการประกอบอาชพี การปลูกผกั ปลอดสารพิษ ความปลอดภัยในการทำงาน หมายถึง ความปลอดภัยและสขุ ภาพอนามัยที่ดีในการทำงานของผปู้ ระกอบ อาชีพในสาขาต่างๆในท่นี ีจ้ ริงๆแลว้ มาจากคำภาษาอังกฤษทวี่ า่ \"Occupational Safety and Health\" ผู้ ประกอบอาชีพในโรงเรียน ได้แก่ ผบู้ ริหารครู นกั เรียน เจา้ หนา้ ทีด่ า้ นตา่ งๆ ลูกจ้าง คนงาน ยาม เปน็ ตน้ แต่ จรงิ ๆ แล้ว ผทู้ ีต่ ้องมสี ่วนเข้ามาเกีย่ วข้อง หรือไดร้ ับผลกระทบโดยตรงในดา้ นความปลอดภยั ในการทำงาน โดย เฉพาะท่เี กย่ี วกับนักเรียนความปลอดภยั ในการทำงานเปน็ สิ่งสำคัญทีพ่ นักงานต้องตระหนกั และพงึ ระลึกถงึ ตลอดเวลาทีป่ ฏิบตั ิงานเพราะหากเกิดอุบตั เิ หตุจะนำมาซ่งึ ความสูญเสียท้งั ตอ่ ชีวิตและทรัพย์สิน หลกั ความปลอดภัยในการทำงาน ความปลอดภัยในการทำงานจะเกิดขึน้ ได้ถา้ ปราศจากความประมาท องคจ์ ะตอ้ งมีการกำหนดมาตรฐานใน การทำงานท่ีปลอดภยั โดยหลักในการทำงาน มีดังนี้ 1. การจัดองคก์ รและการบริหารงานด้านความปลอดภยั 1.1 กำหนดนโยบายและความรบั ผิดชอบขององคก์ รเก่ยี วกับความปลอดภัย 1.2 เลือกสรรบคุ ลากรให้เหมาะสมกบั งาน 1.3 ควบคมุ การเกิดอบุ ัติเหตุและความปลอดภัยท่ีอาจเกิดขึ้น 2. การควบคุมอันตรายท่ัวไป 2.1 จดั ระเบียบและการดูแลรกั ษาสถานที่ทำงาน
๒๕ 2.2 เตรียมเครอ่ื งป้องกนั อันตรายอย่างเพยี งพอ 2.3 จัดสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน 3. การควบคมุ อันตรายในกระบวนการผลิต 3.1 ป้องกนั อัคคภี ยั โดยการอบรมใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับการปอ้ งกนั การเกดิ อัคคภี ัย 3.2 ปอ้ งกนั อนั ตรายจากสารเคมี 4. การฝึกอบรม การสื่อสาร และการจงู ใจในด้านความปลอดภยั 4.1 ฝกึ อบรมด้านความปลอดภัยแก่ผ้บู ริหารและผู้ควบคุมงาน 4.2 ปลกู ฝงั ทศั นคติที่ถกู ต้องในการปฎบิ ัตงิ านอย่างปลอดภยั 4.3 จัดทำคู่มอื มาตรฐานในการปฎบิ ตั ิงาน 5. การสอบสวนอบุ ัติเหตุและการวเิ คราะหส์ าเหตุ 5.1 สอบสวนและรายงานทกุ ครั้งเม่ือเกดิ ความไม่ปลอดภยั ในการทำงาน 5.2 รวบรวมและจดั ทำสถิตเิ กีย่ วกบั อุบตั เิ หตแุ ละประชาสัมพนั ธ์ใหร้ บั ทราบอยา่ งท่วั ถงึ 5.3 นำข้อมูลท่ีไดไ้ ปใช้ประโยชนใ์ นการวเิ คราะหส์ าเหตุและมาตรการดา้ นความปลอดภยั เรอ่ื งที่ 3 การป้องกนั อนั ตรายจากการประกอบอาชีพปลูกผักปลอดสารพษิ 1) ด้านบคุ คล เกษตรกรควรศึกษาหาความรู้ รบั ฟงั ขา่ วสารโดยเฉพาะเร่อื งทเี่ กย่ี วกบั สขุ ภาพและสวัสดิ ภาพในการประกอบอาชีพ เพ่ือเตรียมป้องกนั และระมัดระวงั อันตรายทีจ่ ะเกิดข้นึ ในขณะปฏิบตั ิงาน รวมท้งั การ รกั ษาสขุ ภาพร่างการใหส้ มบรู ณแ์ ข็งแรงอย่เู สมอ ไมค่ วรทำงานหนกั เกินกำลัง ถ้าหากมีอาการผิดปกติใหร้ ีบดแู ล รกั ษาทนั ที 2) ดา้ นเคร่อื งมือและเครือ่ งจักรกล ผู้ใช้ควรศกึ ษาใหม้ ีความรูค้ วามเข้าใจเปน็ อย่างดเี กี่ยวกบั เครอ่ื งมอื และเครื่องจกั รกลทจ่ี ะนำมาใชใ้ นการประกอบอาชีพ ก่อนใช้งานควรตรวจดูสภาพความเรยี นร้อย หากพบ จุดบกพร่องหรือชำรดุ เสียหายควรจดั การซอ่ มแซมและแกไขทันทีเครื่องจกั รกลบางชนิดเป็นสาเหตุสำคญั ที่ กอ่ ให้เกิดอุบัตภิ ัยแก่เกษตรกร ควรระมดั ระวงั ในการใชเ้ ป็นอย่างมาก เชน่ รถแทรกเตอร์ ควรปฏิบัตติ ามค่มู ือ การใช้รถ หากเข้าใจให้สอบถามผู้รไู้ ม่ควรห้อยโหนหรือเกาะข้างรถขณะกำลังใช้งาน นอกจากนเี้ ม่ือใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่างๆเสรจ็ แล้ว ควรทำความสะอาดและเกบ็ เข้าท่ใี ห้เรียบร้อย 3) ดา้ นสารเคมแี ละเคมีภัณฑต์ า่ งๆ ปจั จบุ ันเกษตรกรไดน้ ำสารเคมีมาใชก้ ันอยา่ งแพรห่ ลาย เชน่ ยา ปราบวัชพชื หรอื ยาฆา่ แมลง สารเคมเี หลา่ นีล้ ว้ นมพี ิษท้ังต่อผู้ที่นำมาใชล้ ะผบู้ ริโภค ดงั น้นั ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งรูจ้ ักและ เขา้ ใจวธิ ีใช้ใหถ้ กู ต้อง โดยควรอา่ นฉลากใหเ้ ขา้ ใจถงึ วิธีใชอ้ ย่างละเอยี ดก่อนใช้สารเคมีและปฏิบัตติ ามข้ันตอน โดยเครง่ ครดั ก่อนใช้สารเคมีควรแตง่ กายให้มิดชดิ เชน่ สวมเสื้อผา้ ให้มดิ ชดิ สวมหมวก แวน่ ตา ถงุ มือ และ หน้ากาก เพื่อป้องกนั สารเคมเี ข้าส่ผู วิ หนงั หรเิ ขา้ ตา หากสารเคมีถูกผิวหนังควรรบี ชำระรา่ งกายใหส้ ะอาด เพอื่ ปอ้ งกนั ไม่ใหส้ ารนน้ั ซมึ เข้าสู่ร่างกาย หลงั ใช้สารเคมีควรอาบน้ำ เปลย่ี นเสอื้ ผ้าใหม่ เคร่ืองฉีดพ่นสารเคมคี วรเก็บ ใหเ้ ปน็ ทพี่ น้ จากมือเด็ก และหากจากสิง่ ของบรโิ ภค การเกบ็ ผลผลิตควรทงิ้ ชว่ งห่างจากการฉีดสารเคมีอยา่ งน้อย 6-10 วัน หรอื ตามทฉี่ ลากกำหนด ถ้าหากได้รับพิษจากสารเคมีใหป้ ฏบิ ัตติ ามคำแนะนำเบื้องต้นท่ีกำกบั ไวบ้ น ฉลากก่อนนำสง่ แพทย์ 4) ดา้ นสตั วห์ รือพชื มพี ษิ เกษตรกรควรศึกษาลักษณะและธรรมชาติของสตั ว์มีพิษเพื่อหาทางหลีกเลีย่ ง และป้องกันอันตราย สัตว์เล้ียงควรนำไปฉีดวคั ซีนปอ้ งกันโรคต่างๆ อย่างสมำ่ เสมอและควรรักษาความสะอาด
๒๖ บรเิ วณบ้านและสภาพแวดลอ้ มเป็นประจำไมใ่ หร้ กรุงรงั เพ่ือปอ้ งกนั สตั วม์ ีพษิ เข้ามาอยู่อาศยั ผกั ผลไม้ก่อน นำมารับประทานควรลา้ งในน้ำสะอาดหลายๆคร้งั หรือแชใ่ นน้ำผสมดา่ งทับทิมเลก็ น้อยเพ่ือช่วยฆา่ เชือ้ โรค ไม่ ควรรับประทานพืชหรือเหด็ ชนดิ ทไ่ี ม่รจู้ ักคนุ้ เคย เพราะอาจเกดิ พิษได้ 5) ด้านภัยจากธรรมชาติ การเกดิ ภัยธรรมชาติแม้จะไมส่ ามารถควบคุมการเกดิ ได้ แตส่ ามารถปอ้ งกัน ไดโ้ ดยการปฏิบัติดงั น้ี หากอยู่ในบรเิ วณท่เี กิดภัยธรรมชาติ เช่น มนี ้ำทว่ ม มีลมพายุ ควรเตรียมพ้อมอยเู่ สมอ อย่างน้อยกช็ ว่ ยแก้ไขสถานการณจ์ ากหนกั ใหเ้ ปน็ เบาไดแ้ ละขณะท่ฝี นตกหนัก ไม่ควรทำงานในทโี่ ล่งแจ้ง เพราะ อาจจะถูกฝ้าผ่าได้ ไม่ควรหลบฝนหรือลมพายุใตต้ น้ ไม้ใหญ่ เพราะกงิ่ ไม้อาจหักโค่นลงมาทับ ควรหลบฝน บริเวณตน้ ไม้เตี้ยหรือพุ่มไม้ หมนั่ ตรวจสอบรายงานข่าว สภาพภมู ิอากาศอย่างสมำ่ เสมอ เพ่ือจะไดป้ ้องกนั ตนเองได้อยา่ งทว่ งที 6) ดา้ นอนั ตรายจากโรคทั่วไป ควรสวมใสช่ ดุ ทำงานทเี่ หมาะสมกบั สภาพดินฝา้ อากาศและสะดวกต่อ การทำงาน บำรุงรักษาร่างกายให้สมบรู ณ์แข็งแรงอยู่เสมอ และควรรักษาความสะอาดสภาพแวดลอ้ มของบา้ น รวมทั้งแหลง่ เกษตรกรรมให้ถูกสุขลกั ษณะ
๒๗ กจิ กรรมทา้ ยบทที่ ๔ ใหผ้ เู้ รียนตอบคำถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์ทีส่ ุด ๑.อบุ ตั ิเหตจุ ากการทำงานเกิดจากอะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒.หลักความปลอดภยั ในการทำงานประกอบดว้ ยอะไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๒๘ บทที่ ๕ คุณธรรมในการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพิษ สาระสำคัญ คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพ คณุ งามความดแี ละความถูกต้องซึง่ บุคคลควรยดึ มั่นไวเ้ ป็นหลกั การ ในการปฏิบัติตนจนเปน็ นสิ ัยความประพฤติดีงาม เพ่ือประโยชน์แกต่ นและสังคม ซงึ่ มพี น้ื ฐานมาจากหลัก ศีลธรรมทางศาสนา ค่านยิ มทางวฒั นธรรม ประเพณี หลักกฎหมาย จรรยาบรรณวชิ าชพี ผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวัง ๑.อธบิ ายคุณธรรมการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพษิ ได้ ๒.สามารถใช้คุณธรรมในการประกอบอาชีพการปลกู ผักปลอดสารพิษได้ ขอบข่ายเน้อื หา คุณธรรมการประกอบอาชีพการปลูกผกั ปลอดสารพิษ
๒๙ ความหมายของคณุ ธรรม คุณธรรม หมายถงึ สภาพคุณงามความดีและความถูกตอ้ งซึง่ บคุ คลควรยึดม่นั ไว้เป็นหลกั การในการ ปฏิบตั ติ นจนเปน็ นสิ ัยความประพฤตดิ งี าม เพื่อประโยชน์แก่ตนและสงั คม ซ่งึ มีพื้นฐานมาจากหลกั ศลี ธรรมทาง ศาสนา ค่านยิ มทางวฒั นธรรม ประเพณี หลกั กฎหมาย จรรยาบรรณวิชาชพี การรู้จกั ไตร่ตรองว่าอะไรควรทำ ไมค่ วรทำ และอาจกลา่ วไดว้ า่ คุณธรรม คือ จริยธรรมทน่ี ำมาปฏบิ ตั จิ นเป็นนิสัย เชน่ การเปน็ คนซอ่ื สัตย์ เสียสละ และ มคี วามรบั ผิดชอบ ความหมายของจริยธรรม จริยธรรม หมายถึง ความประพฤติท่เี กิดจากคุณธรรม กฎเกณฑ์ที่เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัตติ น ในส่งิ ทีด่ งี าม สิง่ ที่ทำไดใ้ นทางวนิ ยั จนเกิดความเคยชินมีพลังใจ มคี วามตั้งใจแนว่ แน่จงึ ต้องอาศยั ปัญญา และ ปญั ญาอาจเกิดจากความศรัทธาเชื่อถือผู้อืน่ ในทางพุทธศาสนาสอนว่า จริยธรรมคือการนำความรู้ ความจริง หรอื กฎธรรมชาตมิ าใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อการดำเนนิ ชีวติ ที่ดงี าม เรือ่ ง คุณธรรมในการประกอบอาชพี การปลูกผกั ปลอดสารพิษ “เศรษฐกิจพอเพียง” เปน็ ปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทรงมีพระราชดำรัสชีแ้ นะแนว ทางการดำเนนิ ชวี ติ แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดรวมถึงการพัฒนาและบริหารประเทศ ท่ีตง้ั อยบู่ นพืน้ ฐาน ของ ทางสายกลาง คำนงึ ถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ท่ีดีในตวั ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักพจิ ารณาอยู่ 5 สว่ น 1. กรอบแนวคดิ เป็นปรชั ญาท่ชี ี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏบิ ตั ิตนในทางทีค่ วรจะเปน็ โดยมี พ้นื ฐานมาจากวิถีชวี ิตดั้งเดิมของสงั คมไทย สามารถนำมาประยกุ ต์ใช้ไดต้ ลอดเวลา และเปน็ การมองโลกเชิง ระบบทมี่ ีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา มงุ่ เนน้ การรอดพ้นจากภยั และวิกฤตเพื่อความมัน่ คง และความยงั่ ยืน ของการพัฒนา 2. คณุ ลกั ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกตใ์ ช้กับการปฏบิ ตั ติ นไดใ้ นทุกระดับ โดยเนน้ การปฏบิ ัตบิ นทางสายกลาง และการพัฒนาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน 3. คำนยิ าม ความพอเพยี งจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พรอ้ มๆ กัน ดังน้ี 3.1 ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ี่ไมน่ อ้ ยเกนิ ไป และไม่มากเกินไปโดยไมเ่ บียดเบยี น ตนเองและผู้อืน่ เชน่ การผลติ และการบรโิ ภคที่อยใู่ นระดบั พอประมาณ 3.2 ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพยี งนั้น จะตอ้ งเปน็ ไปอยา่ ง มเี หตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ จั จยั ที่เก่ียวข้อง ตลอดจนคำนึงถงึ ผลท่คี าดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทำนัน้ ๆ อยา่ งรอบคอบ 3.3 การมีภมู ิคุ้มกนั ทด่ี ใี นตวั หมายถงึ การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ยี นแปลง ดา้ นต่างๆทจ่ี ะเกิดขน้ึ โดยคำนงึ ถงึ ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ตา่ งๆ ทค่ี าดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตทั้งใกล้ และไกล 4. เง่ือนไข การตดั สินใจและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ใหอ้ ยูใ่ นระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศยั ทง้ั ความรู้ และคณุ ธรรมเป็นพ้ืนฐาน
๓๐ 4.1 เง่อื นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ท่เี กีย่ วข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบ ที่จะนำความรู้เหลา่ น้นั มาพิจารณาให้เชือ่ มโยงกนั เพื่อประกอบการวางแผน และความ ระมดั ระวังในข้ันปฏิบตั ิ 4.2 เง่ือนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสรมิ สรา้ งประกอบด้วยมคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามซื่อสัตย์ สุจรติ และมคี วามอดทน มีความเพยี รใช้สตปิ ัญญาในการดำเนนิ ชวี ิต 5. แนวทางปฏบิ ัต/ิ ผลท่คี าดว่าจะได้รบั จากการนำปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใ์ ช้ คือ การพัฒนาทส่ี มดุลและยั่งยืนพร้อมรบั ตอ่ การเปลี่ยนแปลง ในทกุ ดา้ น ท้ังดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม ความรแู้ ละเทคโนโลยี ดังนั้น เมอื่ เราประกอบอาชพี เกษตรกรรม การค้าขายผกั เมื่อเราจะปลูกผักปลอดสารพษิ จำหน่ายเราตอ้ งนำผัก ทปี่ ลอดสารพิษจริงๆ มาขาย/ไมโ่ กหกหรือหลอกลวง/มคี วามชอื่ สตั วต์ ่ออาชีพและไมเ่ อาเปรยี บผ้บู ริโภค
๓๑ กจิ กรรมท้ายบทท่ี ๕ ให้ผูเ้ รยี นตอบคำถามต่อไปน้ใี หถ้ ูกต้องสมบูรณ์ที่สดุ ๑.เศรษฐกิจพอเพียงหมายถงึ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒.คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพประกอบด้วยอะไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ๑.ง ๒.ง ๓.ง ๔.ข ๕.ง ๖.ง ๗.ข ๘.ง ๙.ก ๑๐.ง
บรรณานกุ รม นายนวิ ัฒน์-ใสสะอาด ผ้แู ต่ง./วิชา พน้ื ฐานการปลูกผกั ปลอดสารพษิ เพื่อการขาย ระดับมัธยมศกึ ษาต้อนต้น รหัส อช23583/ครั้งที่ ๑พิมพ์./จงั หวัดแพร่/:/ผรู้ บั ผดิ ชอบการพิมพ์ (โรงพมิ พ์สำนักพมิ พ์),/ปที ่ีพิมพ์.
คณะผจู้ ัดทำ ทป่ี รกึ ษา นางสาวอรณุ ี พันธุ์พาณชิ ย์ นางสาวศิรลิ ักษณ์ ม่ันเหมาะ ผเู้ ขยี น/ผเู้ รียบเรยี ง นายนิวฒั น์ ใสสะอาด บรรณาธิการ นายนวิ ัฒน์ ใสสะอาด คณะทำงาน นายนิวัฒน์ ใสสะอาด พสิ จู นอ์ ักษร ผพู้ ิมพ์ตน้ ฉบับ ผู้จดั ทำภาพประกอบ/ออกแบบปก (ถ้ามี) นายนิวฒั น์ ใสสะอาด
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสูงเม่น สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จังหวดั แพร่ สำนักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: