แ น ว ท า ง ก า ร ดา เ นิ น ง า น อ น า มั ย ชุ ม ช น น ศ . ปี 4 รุ่ น ที่ 4 0 ว พ บ . ช ล บุ รี
ขอบเขตเนื้อหาข้อสอบความรู้รวบยอดวิชาการพยาบาล อนามัยชุมชนและรักษาพยาบาลขั้นต้น ปี 2563 หัวเรอ่ื ง เนอื้ หา ความรู้/ เขา้ ใจ นาไปใช/้ รวม จา วเิ คราะห์ 6. แนวทางการดาเนินงาน 6.1 การอนามัยครอบครัว 6ขอ้ อนามัยชมุ ชน (21 ข้อ) (1) แนวคดิ และหลักการบรกิ ารอนามัยครอบครวั -1- (2) บทบาทหน้าทีข่ องพยาบาลในการอนามยั ครอบครวั -11 (3) การดแู ลครอบครวั ในสถานการณต์ า่ ง ๆ --3 6.2 การอนามัยโรงเรยี น 5ข้อ (1) แนวคดิ และหลกั การให้บรกิ ารอนามยั โรงเรียน -1- (2) บทบาทหนา้ ท่ขี องพยาบาลในการบริการอนามยั โรงเรียน -11 (3) การให้บริการอนามยั โรงเรียนในสถานการณ์ต่างๆ --2 6.3 การอาชวี อนามยั 5ขอ้ (1) แนวคดิ และหลักการดาเนินงานอาชวี อนามัย -1- (2) บทบาทหนา้ ทข่ี องพยาบาลในงานอาชีว อนามยั -11 (3) การใหบ้ รกิ ารอาชีวอนามยั --2 6.4 อนามัยส่งิ แวดลอ้ ม 5ข้อ (1) แนวคดิ และหลักการอนามัยส่งิ แวดลอ้ ม -1- (2) บทบาทหนา้ ทข่ี องพยาบาลในงานอนามัยสงิ่ แวดล้อม --1 (3) การดูแลและจัดการดา้ นสขุ าภิบาลอาหาร น้าดม่ื น้าใช้ ขยะ -12 และส่ิงปฏิกูล การควบคุมแมลงและสตั วน์ าโรค การแก้ไขเหตุ ราคาญและมลพษิ
อนามัยครอบครัว • หลักการ : การให้บรกิ ารสขุ ภาพแก่ครอบครวั : การเยยี่ มบา้ น • บทบาทพยาบาล 1. ผใู้ หบ้ ริการ ใชก้ ระบวนการพยาบาลในการใหบ้ ริการแกบ่ ุคคลและครอบครัว 2.ผสู้ อนและทป่ี รึกษา ให้ขอ้ มูลข่าวสารทีช่ ่วยใหค้ รอบครัวสามารถตดั สนิ ใจดูแลสขุ ภาพตนเองและบุคคลในครอบครัวได้ เช่น การเตรียมบทบาทพอ่ แม่ 3.แบบอยา่ งทด่ี ี เปน็ แบบอยา่ งครอบครวั ในการดูแลสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารถูกสขุ ลกั ษณะ 4.ผพู้ ทิ กั ษส์ ทิ ธิผู้รับบรกิ าร การพิทกั ษส์ ทิ ธิทพ่ี ึงมขี องบุคคล ครอบครัวและชุมชน เช่น การสนับสนนุ การใช้บตั รประกนั สุขภาพถว้ นหนา้ 5.ผบู้ ริการจดั การ วางแผนให้การชว่ ยเหลือสมาชกิ ในครอบครวั ให้เหมาะสมกับปัญหาและความตอ้ งการของครอบครวั 6.ผ้รู ว่ มงาน ทางานร่วมกับทีมสุขภาพในการดาเนินการโดยใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนดแู ลสุขภาพครอบครวั 7.ผคู้ ้นหาผปู้ ่วย คน้ หาผูท้ ม่ี ปี ัญหาหรือมีความต้องการดา้ นสขุ ภาพ เพื่อใหก้ ารบริการสขุ ภาพตามความจาเปน็ เชน่ ผสู้ ูงอายทุ ่ถี กู ทอดทง้ิ 8.ผปู้ รับเปลี่ยนสงิ่ แวดลอ้ ม ดูแลจัดการส่งิ แวดล้อมให้เหมาะสมกบั สภาพสมาชกิ ในครอบครวั เชน่ ครอบครัวทมี่ ผี ู้ปว่ ยเรอื้ รงั
กระบวนการพยาบาลครอบครัว การประเมิน การวนิ ิจฉยั วางแผนการ การปฏบิ ตั ิการ ประเมินผลการ ครอบครวั ครอบครัว พยาบาล พยาบาลครอบครัว พยาบาล • รวบรวมขอ้ มลู ของ • วเิ คราะหป์ ญั หาสขุ ภาพ • หาแนวทางแกไ้ ขท่มี ีความ • ให้การพยาบาล • ตรวจสอบเป้าหมายท่ี ครอบครวั ที่เกยี่ วขอ้ งกับ ของครอบครัว เหมาะสมกับบรบิ ท ครอบครัว กรณี พยาบาลและครอบครวั ภาวะสุขภาพ ครอบครวั ครอบครัวไมส่ ามารถ วางไว้ร่วมกัน • ระบปุ ญั หาสุขภาพ ดูแลตนเองได้ • ข้อมูลทัว่ ไป ครอบครวั และสมาชกิ ใน • ตงั้ เปา้ หมายรว่ มกนั เคารพ • ตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ ครอบครัว โดยการ การตดั สินใจของครอบครัว • ปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรม ตามบทบาทของ • ขอ้ มลู โครงสรา้ งครอบครัว อภิปรายรว่ มกัน ของสมาชิกใน พยาบาล • ระบุแหล่งทรพั ยากรใน ครอบครัว • ข้อมูลหน้าที่ครอบครวั ชุมชน • กระตุ้นใหค้ รอบครัวมี • ข้อมูลสิง่ แวดล้อม • ระบุแนวทางการ สว่ นรว่ มในการแก้ไข ปฏิบัตกิ ารพยาบาล ปญั หา • ประเมนิ สมาชิกใน ครอบครวั (ร่างกาย จิตใจ • เพิ่มศกั ยภาพให้ อารมณ์ สังคม จติ ครอบครัวในการดูแล วญิ ญาณ) ตนเอง • ให้สุขศกึ ษา คาปรึกษา แนะนาการสง่ เสริม สุขภาพ
การเย่ียมบ้าน • หลกั การเยี่ยมบ้าน 1. เนน้ ครอบครัวเป็นหลกั 2.ครอบคลมุ ความตอ้ งการสุขภาพในแตล่ ะด้านและการป้องกันท้ังในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ 3.เคารพการตดั สนิ ใจเร่อื งสขุ ภาพของครอบครัว ใหส้ มาชกิ ในครอบครัวเขา้ มามีสว่ นร่วมในการดแู ล 4.ตอ้ งแนะนาตัวกับสมาชกิ และขออนุญาตก่อนทจ่ี ะให้การพยาบาลทุกครั้ง (สร้างสัมพนั ธภาพที่ดกี ับครอบครัว สร้างความไวว้ างใจ ความเช่ือมั่นกอ่ นให้การ พยาบาล) • การเลอื กครอบครัวสาหรับการเยี่ยมบ้าน 1.ครอบครวั ทส่ี มาชกิ มสี ขุ ภาพเบี่ยงเบนไปจากปกติ คือ มีการเจ็บป่วยเกดิ ขนึ้ เช่น โรคเรือ้ รัง โรคติดตอ่ อบุ ัตเิ หตุ มคี วามพกิ ารทางร่างกาย สมอง สติปัญญา 2.ครอบครวั ที่สมาชิกอยใู่ นระยะเปล่ยี นแปลงเนือ่ งจากพฒั นาการ เช่น ครอบครัวทีม่ หี ญงิ ตงั้ ครรภ์ หญงิ หลังคลอด ทารกแรกเกดิ 3.ครอบครวั ท่มี ีปัจจัยเส่ียงต่อสุขภาพ เชน่ มีพฤติกรรมเสี่ยงตอ่ การเกดิ ปัญหาสขุ ภาพ • การจัดลาดับการเยย่ี มบา้ น** 1.พจิ ารณาความเร่งดว่ น เปน็ อันตรายถงึ ชีวติ (อันดับ 1) และการป้องกันการแพรก่ ระจายของโรค ผูป้ ว่ ยโรคติดตอ่ เสี่ยงแพร่กระจายเชอ้ื (อันดับสุดท้าย) 2.ตอ้ งใหก้ ารช่วยเหลือโดยเรว็ สง่ ผลตอ่ ชวี ติ หรือความพิการ เชน่ ปฐมพยาบาลหญิงตกเลือด ผูส้ ูงอายุนอนหมดสติ เด็กเล็กท่มี ีไข้สงู เสีย่ งตอ่ การเกิดอาการชัก 3.กรณีท่ตี อ้ งเยีย่ มเร่งด่วนและมีการติดเชือ้ รว่ มดว้ ย : งดเยย่ี มผู้ปว่ ยรายอ่ืน
อนามัยโรงเรียน • ความหมาย : ความร่วมมือในการผลักดนั ให้โรงเรียนใช้ศักยภาพทัง้ หมดทม่ี ีอยเู่ พ่อื พฒั นาสขุ ภาพของนกั เรียน บุคลากรในโรงเรียน ตลอดจนครอบครัวและ ชมุ ชน การสง่ เสรมิ สขุ ภาพของบุคลากรทกุ คนท่ีอาศัยอยูใ่ นโรงเรียน • บทบาทพยาบาลในการบริการอนามยั โรงเรยี น 1.ช่วยกระตุน้ พฒั นาการให้อยใู่ นระดับตามเกณฑม์ าตรฐาน 2.ชว่ ยส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภยั 3.ช่วยแกไ้ ขและจดั การปัญหาทีเ่ กิดข้ึนหรอื กาลงั จะเกิดขน้ึ 4.ใหบ้ ริการการจัดการดูแลเป็นรายกรณี • การใหบ้ ริการอนามยั โรงเรยี น : การทโ่ี รงเรียนจดั ใหม้ ีบรกิ ารสุขภาพข้ันพืน้ ฐานท่ีจาเปน็ สาหรบั นักเรยี นทกุ คน ประกอบดว้ ย 1.การตรวจสุขภาพ 2.การสรา้ งเสริมภูมิค้มุ กันโรค 1.การตรวจสุขภาพ : การประเมินการเจริญเตบิ โต การตรวจสายตา การตรวจการไดย้ ิน การตรวจรา่ งกาย 10 ท่า 1.1 การประเมนิ การเจรญิ เตบิ โต : การประเมินนา้ หนกั ตามเกณฑ์ส่วนสงู การประเมินสว่ นสงู ตามเกณฑอ์ ายุ • การประเมินน้าหนักตามเกณฑส์ ว่ นสูง : แสดงภาวะอ้วน-ผอม ผลประเมนิ 1.ท้วม ปรับปรุงพฤตกิ รรมการรับประทานอาหารและออกกาลังกายเพ่มิ มากขึ้น 2.คอ่ นขา้ งผอม : เส่ียงขาดสารอาหาร ปรับปรุงพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เหมาะสม • การประเมนิ ส่วนสงู ตามเกณฑ์อายุ : แสดงภาวะสูง-เต้ยี บ่งชี้ถงึ การไดร้ บั อาหารทีไ่ มเ่ หมาะสม ผลประเมนิ 1.เต้ยี หรอื คอ่ นข้างเต้ีย ปรับปรงุ พฤติกรรมการ รับประทานอาหารและออกกาลังกายทีเ่ หมาะสม
อนามัยโรงเรียน (ต่อ) 1.2 การตรวจวัดสายตา ** • วธิ กี ารวดั สายตา 1. วัดทีละข้าง โดยเรม่ิ วัดท่ขี ้างขวากอ่ น 2. ใหน้ กั เรียนยนื เหนอื เสน้ ทขี่ ีดไว้ 3. ให้นกั เรยี นปดิ ตาดว้ ยมอื ซ้าย มอื ขวาถอื ตัว E แลว้ หันไปในทิศทางเดียวกนั กบั ตวั E ที่ผชู้ ้บี นแผ่น E-chart ใหน้ กั เรียนอ่านจากบรรทดั บนสุดไล่ลงมาจนถงึ บรรทัดสดุ ทา้ ย แล้วบันทึกลงในชอ่ งตาขวา และทาเชน่ เดียวกนั เม่อื วดั ตาซ้าย 4.นกั เรยี นที่มีการมองเห็นผิดไปจาก 6/6 ใหใ้ ช้ pinhole กรณีใช้ pinhole แล้วการมองเห็นแย่ลง ใหพ้ บจักษแุ พทย์ • การบันทึกผลการวดั สายตา : บันทกึ เป็นเศษส่วน เศษ คอื ระยะทีน่ กั เรยี นยืน (6,5,4,3,2,1เมตร) ส่วน คอื ระยะที่ตวั อักษรทอี่ ่านไดบ้ นแผน่ วดั สายตา (6,9,12,18,24,36,60 เมตร) คนทว่ั ไปปกตมิ ีความสามารถในการมองเห็น V.A.=6/6 • การวินิจฉยั ภาวะสายตาผดิ ปกติ 1. V.A.=6/9 – 6/12 : เฝ้าระวังโดยการวดั สายตาปีละ 1 ครั้ง หากมอี าการปวดศรี ษะ ปวดกระบอกตา สายตามวั ลง แนะนาให้พบจักษแุ พทย์ 2. V.A.นอ้ ยกวา่ 6/12 : แนะนาให้พบจักษแุ พทย์ 3. ความสามารถในการมองเหน็ ของตา 2 ข้าง ต่างกันเกนิ 2 แถว เชน่ V.A.ตาขวา = 6/6 V.A.ตาซา้ ย = 6/18 :ต้องส่งพบจักษุแพทยเ์ พอื่ วัดสายตาประกอบแวน่ หรอื วนิ ิจฉัยต่อไป
1.3 การตรวจรา่ งกาย 10 ทา่ อนามัยโรงเรียน (ต่อ) ท่าท่ี 1 ยน่ื มือออกไปขา้ งหนา้ ให้สดุ แขนทงั้ 2 ข้าง คว่ามอื กางน้วิ ทกุ นิ้ว ท่าท่ี 2 ทาเหมอื นทา่ ที่ 1 พลกิ หงายมอื สังเกตเลบ็ ยาวสกปรก ผวิ หนงั บวม เปน็ แผล ผ่นื มีขไ้ี คล งา่ มนิ้วมือ มีเม็ดตุ่มเล็กๆ มีน้าใสๆ ท่าที่ 3 งอแขนพับขอ้ ศอก ใช้นว้ิ แตะเปลอื กตาลา่ ง ดงึ เปลอื กตาลา่ งพรอ้ มกบั เหลอื กตาขนึ้ และลง กลอกตาไปขวาซา้ ย สังเกตดวงตาแดง มขี ีต้ า คนั ตา เปลอื กตาอกั เสบ เปน็ หนอง บวม เจบ็ ท่าที่ 4 ใชม้ อื ท้งั 2 ข้าง ดงึ คอเสอ้ื ออกให้กวา้ ง หมุนตัวซา้ ย ขวา สังเกตผิวหนงั สกปรก มีข้ไี คล ผิวหนังเปน็ วงสีแดง ขอบชดั เมด็ ผนื่ คันบรเิ วณทรวงอก คอบวมโตผิดปกติ ทา่ ท่ี 5 นกั เรยี นหญงิ ใชม้ อื ขวาเปดิ ผมไปทดั ไวด้ า้ นหลงั หขู วา หนั หนา้ ไปทางซา้ ย นกั เรียนชาย หนั หน้าไปด้านซา้ ย ท่าที่ 6 ทาเหมือนท่าที่ 5 แต่ใช้มือซ้ายเปดิ ผมทท่ี ัดไว้ด้านหลงั หซู ้าย หันไปทางขวา นกั เรยี นชาย : หันไปทางขวา สังเกตมไี ขเ่ หาบริเวณโคนผม มีนา้ /หนองไหลออกมาจากหู ขหี้ ูอุดตนั มีแผล ตอ่ มน้าเหลืองหลงั หโู ต ทา่ ท่ี 7 กดั ฟันและยม้ิ กวา้ งใหเ้ หน็ เหงอื ก สังเกตริมฝีปากซดี มแี ผลมมุ ปาก มุมปากเปอื่ ย เหงือกบวม ฟนั ผุ ท่าที่ 8 อ้าปากกวา้ ง แลบล้นื ยาว ร้อง “อา” ศรี ษะเอนไปด้านหลงั สังเกตลิ้นแตก แดง เจบ็ เป็นฝ้าขาว ฟันผุ เยอ่ื บุจมูกมแี ผลแดง อักเสบ น้ามูกไหล ตอ่ มทอนซลิ โต ทา่ ที่ 9 นกั เรยี นหญิงแยกเทา้ ทงั้ 2 ข้าง ใช้มอื ท้งั 2 ข้างจับกระโปรงดงึ ขนึ้ เหนอื เข่าท้งั 2 ขา้ ง นักเรียนชาย แยกเทา้ ท้งั 2 ขา้ ง ท่าที่ 10 ทาเหมือนทา่ ที่ 9 แตท่ ั้งนักเรยี นหญิงและนักเรียนชายกลบั หลงั หนั เดินกลับเข้าหาผูต้ รวจ สังเกตแผลบริเวณเข่า หนา้ แขง้ น่อง ต่มุ พุพอง รปู รา่ ง ความผิดปกติของฝ่าเทา้ ความพกิ ารของขา
อนามัยโรงเรียน (ต่อ) 2.การสรา้ งเสรมิ ภูมคิ มุ้ กนั โรค กระทรวงสาธารณสุขมีกาหนดแผนการให้วัคซีน ดงั นี้ อายุ วคั ซีนที่ให้ ขอ้ แนะนา นกั เรียนชนั้ ป.1 MMR ,HB , JE , IPV , dT , OPV,BCG เฉพาะรายทไี่ ดร้ บั ไมค่ รบตามเกณฑ์ นักเรียนชั้นป.5 HPV1 HPV2 ระยะห่างระหวา่ งเขม็ หา่ งกันอย่างน้อย 6 เดอื น นักเรยี นช้นั ป.6 dT ประวตั กิ ารให้วคั ซนี ทีม่ สี ว่ นประกอบของ ระยะเวลาทคี่ วรให้วัคซนี วคั ซีนบาดทะยัก (DTP-HB/DTP) ไมต่ ้องให้ dT ตอน ป.1 นักเรียนชัน้ ป.1 ให้ dT ตอน ป.1 อีก 1 ครง้ั เคยไดร้ ับ DTP-HB/DTP มาครบ 5 ครั้งแลว้ ให้ dT 1 คร้งั ตอน ป.1 แลว้ ตามให้ dT ตอน ป.2 อีก 1 คร้งั (คร้งั ท่ี 3 ห่างจากครงั้ ท่ี 2 อย่างน้อย 6 เดือน) เคยได้รับ DTP-HB/DTP มาแลว้ 2-4 ครั้ง ให้ dT 2 ครั้ง ตอน ป.1 หา่ งกนั อย่างนอ้ ย 1เดือน แลว้ ใหต้ อนป.2 อกี 1 ครัง้ (ครั้งที่ 3 หา่ งจากครงั้ ที่ 2 อยา่ งน้อย 6 เดอื น) เคยไดร้ บั DTP-HB/DTP มาแลว้ 1 ครง้ั ใหว้ คั ซีน dT ทกุ คน ไม่เคยได้รับ DTP-HB/DTP มากอ่ น นกั เรียนช้นั ป.6
อนามัยโรงเรียน (ต่อ) • การสุขาภบิ าลและอนามัยสิ่งแวดลอ้ มในโรงเรียน : การจัดการ ควบคมุ ดูแล ปรับปรุง สงิ่ แวดล้อมตา่ งๆในโรงเรยี นใหอ้ ยู่ในสภาพทีด่ แี ละถูกสขุ ลกั ษณะ 1.ห้องสว้ มและทปี่ ัสสาวะ : จดั ให้มีสว้ มและท่ีปัสสาวะให้เพยี งพอ สะอาด ไม่อยใู่ นที่ลบั ตา โรงเรยี นสหศึกษาแยกสว้ มสาหรับนักเรยี นชายและนกั เรยี นหญงิ ในหอ้ งน้าหญงิ ทุกหอ้ งตอ้ งมถี งั รองรับขยะมูลฝอยทถี่ กู สุขลักษณะ จานวนทีเ่ หมาะสมกับนักเรียน คอื ระดับชั้น ส้วม (ท่ี/คน) ทีป่ สั สาวะ (ท่ี/คน) ประถมศึกษา 1/30 - หญิง 1/60 1/30 ชาย มธั ยมศึกษา 1/50 - หญงิ 1/90 1/30 ชาย
อนามัยโรงเรียน (ต่อ) 2.แสงสวา่ ง ควรมีแสงสว่างท่พี อเหมาะเพอื่ ใหเ้ ด็กอา่ นหนงั สือไดอ้ ยา่ งสบายตา ระดบั ความเขม้ ของแสงสว่างในอาคารเรยี น ควรมีค่า ดงั นี้ ชนิดของห้อง ระดบั ความเขม้ ของแสงสวา่ ง (ลักซ์) หอ้ งเรยี น 300 300 หอ้ งสมุด หอ้ งทดลองวทิ ยาศาสตร์ 500 หอ้ งพมิ พด์ ดี หอ้ งการฝมี อื 200 100 ห้องประชาสมั พนั ธ์ ห้องพลศึกษา 300 ห้องประชุม หอ้ งรับประทานอาหาร 100 ห้องพยาบาล หอ้ งนา้ หอ้ งสว้ ม ทางบนั ได และห้องเกบ็ ของ 3.เสยี ง ภายในห้องเรียนไม่ควรมรี ะดับความดังของเสียงรบกวนเกินกว่า 35-40 เดซิเบล ภายนอกอาคารไม่ควรมีระดับความดังของเสยี งรบกวนเกินกวา่ 70 เดซเิ บล
อาชีวอนามัย • ความหมาย : การดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภยั ของผปู้ ระกอบอาชีพ • ปญั หาสุขภาพของคนทางาน 3 ลกั ษณะ คือ 1.โรคจากการทางาน : โรคหรอื ความเจบ็ ป่วยท่ีเกิดข้ึนกับคนทางาน มีสาเหตโุ ดยตรงจากการทางานสมั ผสั กบั สิ่งคุกคามสุขภาพหรอื สภาพแวดลอ้ มทไ่ี มเ่ หมาะสม เชน่ การสูญเสยี การไดย้ นิ จากเสียงในคนงานทท่ี างานสมั ผัสเสยี งดัง 2.โรคที่เกี่ยวเนือ่ งจากการทางาน : โรคหรอื ความเจบ็ ปว่ ยทเี่ กดิ ข้ึนซ่ึงเป็นผลโดยอ้อมจากการทางาน การสมั ผสั ส่ิงคกุ คาม ทาใหโ้ รคทเี่ ป็นอยเู่ ดิมมคี วามรุนแรงมาก ยง่ิ ข้ึน เชน่ ความดนั โลหติ สงู แผลในกระเพาะอาหาร 3.อุบตั เิ หตจุ ากการทางาน : สถานการณ์ทเ่ี กิดข้ึนโดยไมไ่ ด้ตั้งใจทาให้คนทางานบาดเจ็บ พกิ าร หรือเสยี ชีวิตหรือทาให้สงิ่ ของเสียหาย • ปจั จยั ทที่ าใหเ้ กิดโรคหรือความเจบ็ ป่วย ได้แก่ 1.ปจั จยั ดา้ นสารเคมี 1.1.โรคพษิ ของสารหนู เกดิ จากการสมั ผสั สารหนูเขา้ รา่ งกายทางการหายใจ การกนิ การดูดซมึ ผ่านผวิ หนัง ทาใหเ้ กดิ อาการระคายเคอื งผวิ หนัง สะสมในปอด เกดิ การอกั เสบ เข้าระบบบไหลเวยี นโลหิต ทาให้ปลายประสาทอกั เสบ แขนขาชา 1.2โรคพิษของสารตะกว่ั (โรงงานอุตสาหกรรม) เข้าสรู่ ่างกายโดยการหายใจ สะสมในกระดกู และกล้ามเนอื้ ระบบไหลเวียนโลหติ หากมอี าการเฉียบพลัน จะเกิด อาการปวดศรี ษะ ปวดทอ้ งรุนแรง มรี สหวานในปาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจยี น บางรายอาจมอี าการชัก หมดสติ หากเปน็ เรอ้ื รัง จะมอี าการอ่อนเพลีย เบื่อ อาหาร น้าหนักลด ผิวหนังซดี จากการถูกเมด็ เลอื ดแดงถูกทาลาย 1.3โรคจากพิษของสารแคดเมี่ยม(พบในคนที่ทางานเช่ือม หลอม หรอื เคลือบโลหะ) เกดิ จากการหายใจเข้าไป ทาใหเ้ กดิ การระคายเคืองตอ่ เยื่อเมอื กเป็นอันตราย ตอ่ ปอด เกดิ อาการคลืน่ ไส้ อาเจยี น มอี าการเหมอื นอาหารเป็นพิษ อนั ตรายรนุ แรง คือ ก่อใหเ้ กิดโรคอไิ ต-อิไต จากการที่แคดเม่ียมเข้าไปทาลายแคลเซยี ม มี อาการเจบ็ ปวดกระดกู กระดูกหักงา่ ย
อาชีวอนามัย(ต่อ) 1.4โรคจากพิษปรอท(โรงงานอุตสาหกรรมไฟฟา้ ยากาจดั แมลง) จากการหายใจ การกิน การดดู ซมึ ผา่ นผวิ หนงั สารเขา้ สกู่ ระแสโลหิต ทาให้อวยั วะต่างๆ ถูกทาลาย เกิดอาการทางระบบประสาท เชน่ กล้ามเนือ้ กระตกุ นอนไม่หลับ ความจาเสื่อม ** 2.ปัจจยั ดา้ นการยศาสตร์ (Ergonomic hazards) ไดแ้ ก่ การยกของเกินกาลัง การทางานซ้าๆ และท่าทางการทางานไม่เหมาะสม ทาให้เกดิ อาการ ผดิ ปกติในระบบโครงร่างกล้ามเนื้อตามมา เช่น ปวดหลงั ข้อมืออักเสบ 3.ปจั จยั ทางกายภาพ เช่น เสียง มาตรฐานของเสยี งทยี่ อมให้สมั ผสั ได้ในระดับการรบั สัมผสั เสียง 8 ชม.ที่ระดบั ความดงั ของเสียง 85 เดซิเบล 4.ปัจจัยจากการประกอบอาชพี 4.1โรค Raynaud’s Phenomenon (โรคน้วิ ตาย) เกดิ จากการใชเ้ ครอื่ งขดุ เจาะซึง่ สน่ั สะเทือนนานๆ 4.2โรคปอด Byssinosis เกดิ จากการหายใจเอา ฝ่นุ ปา่ น ฝ้าย ลินนิ เขา้ ไปในปอด ทาให้มอี าการแน่นหน้าอก และหายใจมเี สียงผดิ ปกติ เกดิ กบั บุคคลที่ทางานโรงงานทอผ้า ทอกระสอบ ชาวไร่ออ้ ย เป็นต้น 4.3โรคจากฝนุ่ หินทราย (silicosis) การหายใจเอาฝนุ่ หินเข้าไปจะทาให้เป็นเนอื้ พงั ผืดท่เี นอ้ื เยื่อปอด มีผลให้หายใจลาบากและการหายใจอดุ กน้ั จากถุงลม โปง่ พอง เกิดกบั บุคคลท่ที างานในโรงโม่หินหรือย่อยหนิ อตุ สาหกรรมเครอ่ื งดินเผา โรงงานแกว้ การผลติ วสั ดทุ นไฟ กลึงโลหะ การขัดเครื่องมอื โดยใชห้ นิ ทราย 4.4โรคปอด Pneumoconiosis เกิดจากการหายใจเอาฝุน่ หิน ฝ่นุ ซลิ เิ คต เข้าไปในปอด เกิดกบั บคุ คลที่ทางานในเหมืองแร่
อาชีวอนามัย(ต่อ) • บทบาทพยาบาลชุมชนในงานอาชีวอนามยั 1.มสี ว่ นรว่ มในการสารวจและประเมนิ ภาวะแวดล้อมและสภาพการทางาน 2.ตรวจสุขภาพ การติดตามเฝา้ ระวัง เช่น การตรวจสขุ ภาพกอ่ นเขา้ ทางาน การซกั ประวัตกิ ารทางาน 3.ให้สขุ ศึกษาด้านสขุ ภาพและสง่ เสริมความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ าน 4.ใหค้ าปรกึ ษาเก่ยี วกับสุขภาพและปญั หาทเี่ กย่ี วขอ้ ง 5.ใหบ้ ริการรกั ษาพยาบาล โดยการรกั ษาเบ้อื งต้นและส่งตอ่ คนทางานที่มปี ญั หาสขุ ภาพท่ซี บั ซอ้ น 6.จัดให้ผปู้ ฏิบตั ิงานไดร้ บั การฟ้นื ฟสู ขุ ภาพและสมรรถภาพตามความเหมาะสม 7.จดั ใหม้ ีระบบการสง่ ต่อเพอ่ื การรักษาพยาบาลและใหก้ ารช่วยเหลืออย่างต่อเนอ่ื ง 8.มีการศกึ ษาวิจยั เพอื่ พัฒนาบรกิ ารพยาบาลอาชีวอนามยั • การจดั สวัสดกิ ารในสถานประกอบการ 1.สถานประกอบการทม่ี ีลูกจา้ งทางานต้ังแต่ 200 คนขนึ้ ไป จัดใหม้ ีห้องพยาบาลพรอ้ มเตยี งคนไข้อยา่ งนอ้ ย 1 เตยี ง พยาบาลประจาอย่างนอ้ ย 1 คน แพทยอ์ ยา่ งน้อย 1 คน ปฏบิ ตั งิ านไม่นอ้ ยกวา่ 2 ครั้ง/สัปดาห์ โดยไมน่ ้อยกว่า 6 ชม./สปั ดาห์ 2.สถานประกอบการทม่ี ีลูกจ้างทางานตง้ั แต่ 1000 คนขึน้ ไป จดั ให้มหี อ้ งพยาบาลพรอ้ มเตยี งคนไข้อย่างนอ้ ย 2 เตยี ง พยาบาลประจาอย่างน้อย 2 คน แพทยอ์ ยา่ งนอ้ ย 1 คน ปฏบิ ตั งิ านไม่นอ้ ยกวา่ 3 ครงั้ /สปั ดาห์ โดยไมน่ อ้ ยกว่า 12 ชม./สัปดาห์
อนามัยส่ิงแวดล้อม • ความหมาย = การควบคมุ ปรบั ปรงุ และแก้ไขสภาวะของสงิ่ แวดลอ้ มทม่ี ผี ลต่อสุขภาพและการมีชีวติ ของมนษุ ย์ • ปัญหาสิง่ แวดลอ้ มในที่พบมากในปจั จุบนั คือ มลพิษทางอากาศ มลพิษทางนา้ และขยะมูลฝอย • งานอนามัยสิง่ แวดล้อม เน้นการปอ้ งกันโรคท่ีเกิดจากส่งิ แวดล้อมและเสริมสรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มท่เี ออื้ ตอ่ สขุ ภาพ • บทบาทพยาบาล 1.เปน็ ผู้ชกั นา กระตุ้น ประสานงานใหช้ ุมชนมีส่วนร่วมในแนวทางพฒั นาและแนวทางแกไ้ ขปญั หา เช่น การทาประชาพิจารณ์ 2.ประเมินความเสย่ี งต่อสขุ ภาพท่เี กดิ จากปัจจัยสงิ่ แวดล้อม เชน่ การตดั ถนนผา่ นหมูบ้าน ชุมชน ต้องมีการศกึ ษาข้อมลู ผลกระทบต่อสขุ ภาพกอ่ น 3.เปน็ ผใู้ ห้ขอ้ มูล ทาความเข้าใจกบั ประชาชนถงึ ปัจจัยอันตรายในสง่ิ แวดล้อมตอ่ สขุ ภาพ เพื่อสร้างความเข้าใจ ลดความหวาดกลัว ปรับปรงุ สภาพแวดลอ้ ม ใหป้ ลอดภัย 4.เปน็ สว่ นหน่ึงในทมี สอบสวนทางวทิ ยาการระบาด กรณมี ีโรคทตี่ ้องสงสยั วา่ จะเกิดจากส่งิ แวดล้อม ทาหน้าท่รี วบรวมข้อมูลเกีย่ วกบั การเกิดโรคและ สารวจสงิ่ แวดล้อม เพ่อื หาสาเหตกุ ารเกดิ โรค+แนวทางการแก้ไขปัญหา 5.มีส่วนร่วมกาหนดนโยบายเพื่อปอ้ งกนั ปญั หาสขุ ภาพจากสิง่ แวดล้อมเช่น นโยบายงดการเผาขยะในท่ีโล่งแจง้
อนามัยสิ่งแวดล้อม (ต่อ) • การดาเนินงานอนามัยสง่ิ แวดลอ้ ม 1.การบาบัดนา้ เสยี ความสกปรกน้าวดั จาก 1.คา่ ปรมิ าณออกซิเจนในนา้ (DO) ถา้ DO ตา่ : สกปรกมาก (ค่าปกติ 5-7 mg/L) 2.คา่ ปริมาณออกซเิ จนท่ีใชใ้ นปฏกิ ริ ิยาย่อยสารอนิ ทรีย์ (BOD) ถ้า BOD สูง : สกปรกมาก (คา่ ปกติ น้อยกวา่ 4 mg/Lในแหล่งนา้ ธรรมชาติ , น้อยกว่า 20 mg/Lในโรงงานอตุ สาหกรรมและแหล่งชุมชน) นา้ ทงิ้ จากครวั เรอื น : ใช้ตะแกรงเหล็กแยกของแขง็ ติดตัง้ บ่อดกั ไขมนั การฆา่ เชอ้ื โดยใช้คลอรีน 10-15 มก.ต่อนา้ 1 ลติ ร 2.การปรบั ปรงุ คณุ ภาพนา้ การนาแหล่งนา้ มาใช้อุปโภค บริโภค : การใชต้ ะแกรง การกรอง (ทราย หินกรวด ถา่ น) ใชส้ ารส้มในการสร้างตะกอน(กาจดั ความขนุ่ สี จลุ ชีพในนา้ ) การตม้ (ปรบั ปรงุ คณุ ภาพน้าดม่ื ) ใช้ถา่ นในการดูดซบั (กาจัดกลน่ิ สี รสในน้า) 3.การกาจัดขยะมลู ฝอย ขยะจากบา้ นเรอื น : คดั แยกขยะ ใชภ้ าชนะที่น้าไมร่ ั่วซมึ มีฝาปดิ มดิ ชดิ เศษแกว้ ซากสตั ว์ เศษอาหาร : ฝงั ในท่ที นี่ า้ ท่วมไมถ่ งึ หา่ งจากแหล่งนา้ 30 เมตร เศษอาหาร เปลือกผกั /ผลไม้ : นาไปทาเป็นปุ๋ยหมกั มูลสัตว์ : ฝังกลบ ทาเป็นป๋ยุ 4.การสขุ าภบิ าลอาหาร ปรุงเนอ้ื ให้สุก ใช้เขียงหรือจดั เก็บแยกเนอื้ ดบิ กับผัก/ผลไม้ปรงุ สกุ ป้องกันการปนเปื้อน ล้างผักผลไมใ้ หส้ ะอาด ลา้ งมือถูกวธิ กี อ่ นสมั ผสั อาหาร จดั เก็บอาหาร ปรงุ สุกในภาชนะทป่ี กปดิ วางภาชนะ/ปรงุ อาหารสงู จากพืน้ 60 ซม.
อนามัยสิ่งแวดล้อม (ต่อ) 5.การควบคุมสตั วพ์ าหะนาโรค 5.1 ยงุ (ตัดวงจรชีวติ ของยุง) : ทาลายแหล่งนา้ ขงั ใชห้ ลัก 5 ป. 1 ข. • การสารวจลูกน้ายุงลายในชมุ ชน ประเมนิ ผลคา่ ดชั นีลูกน้ายุงลาย 1.House index (HI) : รอ้ ยละของบา้ นทีส่ ารวจพบลกู น้า ใชก้ บั ทพ่ี กั อาศยั บา้ นเรือน คา่ ปกติ ≤10 หากพบ > 10 มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการแพร่โรค HI = จานวนหลงั คาเรอื นทพ่ี บลูกน้ายุงลาย������100 จานวนหลงั คาเรอื นทง้ั หมดท่ีสารวจ 2.Container index (CI) : รอ้ ยละของภาชนะท่สี ารวจพบลูกน้า ใชใ้ นสถานประกอบการ โรงเรยี น คา่ ปกติ = 0 CI = จานวนภาชนะท่พี บลูกนา้ ยงุ ลาย������100 จานวนภาชนะทง้ั หมดทส่ี ารวจ 5.2 แมลงวัน : ทาลายแหลง่ เพาะพนั ธ+ุ์ แหล่งอาหาร กาจดั ขยะมลู ฝอย/สิ่งปฏิกลู 5.3 หน+ู แมลงสาบ : ดแู ลทาความสะอาด จดั ของภายในบ้านใหเ้ ปน็ ระเบียบ กาจัดแหลง่ อาหารของหนแู ละแมลงสาบ
อนามัยสิ่งแวดล้อม (ต่อ) 6.การกาจดั สง่ิ ปฏิกูล ** • การกาจดั อจุ จาระโดยใช้ส้วม 2 ประเภท คือ 1.สว้ มราดนา้ 2.สว้ มไม่ราดนา้ 1.ส้วมราดนา้ 1.1 ส้วมซึม : นยิ มใชใ้ นเมืองและชนบท ไมเ่ หมาะสาหรบั พ้ืนทลี่ ุม่ มนี า้ ทว่ มถึง บรเิ วณที่มรี ะดับนา้ ใต้ดนิ สูง 1.2 สว้ มถงั เกรอะ : ใช้ถังขนาดใหญ่กกั เก็บอจุ จาระ เต็มสบู ออก เหมาะกับโรงพยาบาล โรงแรม 2.สว้ มไม่ราดน้า 2.1 สว้ มหลุม : ขุดหลมุ ลงไปในดนิ พบในพนื้ ทกี่ ันดารน้า ตอ้ งสรา้ งสว้ มห่างจากแหล่งน้าดืม่ น้าใช้ 30 เมตร 2.2 สว้ มถงั เท : ใช้ภาชนะรองรับอุจจาระ แล้วนาไปเทอจุ จาระในระบบกาจดั อุจจาระ พบได้ในค่ายพกั ช่ัวคราว ค่ายพกั แรมลูกเสอื ชว่ งที่มนี า้ ทว่ ม 2.3 สว้ มแขวน : ใชใ้ นบ้านเรือนทอ่ี ยรู่ ิมฝ่ังแม่นา้ ลาคลองหรอื ริมทะเล 2.4 ส้วมถังเคมี : ส้วมทม่ี ถี ังโลหะบรรจุโซดาไฟ มที น่ี ั่งถา่ ยและฝาปดิ นยิ มใชบ้ นเครอ่ื งบิน รถยนตโ์ ดยสาร
QUIZ !! เฉลย 1. 4 1.ข้อใดกลา่ วถูกต้องท่ีสดุ เกย่ี วกับการดูแลสขุ ภาพทบ่ี ้าน (Home Health Care) 2. 4 1.การดูแลผูป้ ว่ ยทีบ่ ้านอย่างต่อเนอื่ ง 3. 2 2.การดแู ลรกั ษาพยาบาลผปู้ ่วยท่ีบา้ น เพือ่ ลดอตั ราการครองเตยี งในสถานพยาบาล 3.การดแู ลผู้ป่วยและผทู้ ่อี ยูใ่ นภาวะพง่ึ พาทางสขุ ภาพ โดยเนน้ บทบาทครอบครัวในฐานะผูด้ ูแล 4.การดูแลสุขภาพทีบ่ า้ นแก่บุคคลและครอบครัวทั้งท่เี จบ็ ปว่ ยและไม่เจ็บป่วยโดยเนน้ การมสี ว่ นรว่ มและการพึ่งตนเอง 2.พยาบาลประจาสถานอี นามยั ได้รับแจ้งจาก อสม.ว่าพบผปู้ ่วยจานวน 4 ราย พยาบาลควรจดั ลาดับการเย่ียมบ้านอย่างไร (เรยี งลาดับก่อน-หลงั ) ก.หญงิ อายุ 75 ปี เบ่อื อาหารมา 4 วนั ข.ชายอายุ 60 ปี BP = 180/110 mmHg. ค.ทารกแรกเกิด 15 วนั ถ่ายเหลวเปน็ เน้ือปนนา้ 3 ครั้ง ง.หญิงอายุ 25 ปี มีผน่ื แสบ รอ้ น ข้ึนตามแนวกระดกู สนั หลัง 1.ข,ง,ค,ก 2.ค,ก,ง,ข 3.ข,ค,ก,ง 4.ค,ข,ง,ก 3.นายสมชาย อายุ 45 ปี เปน็ เบาหวาน มารบั การรักษาทส่ี ถานอี นามัยอยู่ 3 เดือน หลงั จากนั้นไมม่ าอกี เม่ือพยาบาลตามไปเย่ยี มบา้ น พบว่า นายสมชายต้มยาสมุนไพรรับประทาน พยาบาลควรทาอยา่ งไร ก.ตดิ ตามเยี่ยมและให้คาแนะนาตามทีผ่ ูป้ ว่ ยตอ้ งการ ข.สนับสนุนทผี่ ปู้ ว่ ยหาทางแกไ้ ขปญั หาสุขภาพดว้ ยตนเอง ค.ติดตามผลน้าตาลในเลอื ดรว่ มกบั ผปู้ ว่ ยทกุ เดอื นอย่างตอ่ เนอ่ื ง ง.นายาทผี่ ู้ปว่ ยเคยรับประทานจากสถานีอนามัยไปให้รบั ประทานตอ่ เนือ่ ง 1.ก,ข 2.ก,ค 3.ข,ง 4.ค,ง
QUIZ !! เฉลย 1. 3 2. 3 3. 3 1.เพอื่ ให้เกิดความรว่ มมอื ทีด่ ีระหวา่ งบา้ นและโรงเรียน ทา่ นจะดาเนนิ โครงการอาหารกลางวันอยา่ งไร 1.ออกจดหมายขอความร่วมมอื จากผู้ปกครอง 2.ออกรบั บริจาคจากครอบครวั นกั เรยี น 3.เชญิ ผปู้ กครองเขา้ รว่ มเปน็ คณะกรรมการโครงการ 4.ออกอากาศทางสถานวี ทิ ยุทอ้ งถนิ่ หรอื เสียงตามสาย 2.การตรวจสายตาโดยการอ่าน E-chart เดก็ หญิงนกอา่ นบรรทดั ล่างผิด 4 ตัว ทัง้ ตาซ้ายและตาขวา เมื่ออ่านบรรทัดต่อมา พบวา่ ตาซ้ายอ่านผิด 1 ตัว ตาขวาอา่ นผดิ 3 ตัว การลงบันทึกข้อใดถกู ตอ้ ง 1.ตาซา้ ย 6/6 ตาขวา 6/9 2.ตาซ้าย 6/9 ตาขวา 6/12 3.ตาซา้ ย 6/9 ตาขวาตรวจดว้ ย pinhole 4.ตาซา้ ย 6/9 วัดตาขวาใหม่โดยอ่านบรรทัดถัดขนึ้ ไป 3.โรงเรียนแห่งหนึ่งประสบปัญหาเด็กนักเรียนช้นั ป.4 มเี หามาก วิธกี ารแก้ไขปญั หาในข้อใดจะไดผ้ ลดที ีส่ ดุ 1.แจกยาฆา่ เหาและอธิบายวธิ กี ารใชย้ าแก่นักเรียน 2.ใหค้ วามรูแ้ กน่ ักเรยี น เรือ่ ง การดูแลสุขวทิ ยาส่วนบคุ คล 3.ประชุมผปู้ กครอง/ผนู้ าชมุ ชนเพื่อขอความรว่ มมือในการแกป้ ัญหา 4.หนังสอื แจง้ ผ้ปู กครองขอความรว่ มมอื ในการรักษาความสะอาดรา่ งกายของบตุ ร
1.ในชุมชนทม่ี โี รงงานอตุ สาหกรรมทอผ้า ซง่ึ ท่านปฏบิ ตั งิ านอยู่ ทา่ นจะแนะนาการตรวจสุขภาพคนงาน QUIZ !! ที่เปน็ กลุ่มเสี่ยงตอ่ การเกดิ โรคและอัตราจากการทางานในเรอื่ งใดต่อไปนี้ เป็นอันดบั แรก 1.การตรวจสมรรถภาพปอด 2.การตรวจร่างกายประจาปี 3.การตรวจสมรรถภาพการมองเหน็ 4.การตรวจสมรรถภาพการไดย้ ิน เฉลย 1. 1 2.นายจอม อายุ 50 ปี ทางานอยใู่ นโรงงานทอกระสอบแหง่ หนง่ึ มานาน 15 ปี ปจั จุบนั มีอาการแนน่ หน้าอกและหายใจมีเสียงผิดปกติ 2. 1 ผิวหนงั แดง มนึ งง คลืน่ ไส้ และอาเจยี น ทา่ นคดิ ว่านายจอมป่วยเปน็ โรคใด 3. 3 4. 3 1. Byssinosis 2.Brucellosis 3.Silicosis 4.Raynaud’s Syndrome 3.โรงงานแหง่ หนึ่งมพี นกั งาน 500 คน ตามกฎหมายของกระทรวงแรงงงานและสวัสดกิ ารสังคมตอ้ งมีพยาบาลประจาโรงงานเท่าใด 1.พยาบาล 1 คน แพทยป์ ระจา 1 คน 2.พยาบาล 2 คน แพทย์ประจา 1 คน 3.พยาบาล 1 คน แพทย์มาครัง้ คราว 1 คน 4.พยาบาล 2 คน แพทยม์ าครั้งคราว 1 คน 4.ขอ้ ใดเป็นการนาหลกั Ergonomic มาใช้ในการทางาน 1.โรงงานผลิตนอ็ ตแห่งหน่ึงใชว้ สั ดุป้องกันความสะเทอื นรองใตเ้ คร่อื งปมั๊ 2.โรงงานเจียรนัยเพชร ออกกฎให้คนงานพกั สายตา 10 นาที ทุก 2 ชวั่ โมงของการทางาน 3.โรงงานทาไสก้ รอกปรบั ความสงู ของเกา้ อน้ี ง่ั ของคนงานใหเ้ หมาะสมกบั ความสูงของสายพาน 4.โรงงานผลิตแบตเตอรี่ ออกกฎให้คนงานสวมถุงมอื และผ้าปดิ จมูกในขณะถอดแบตเตอรีเ่ พ่ือเตรยี มหลอมใหม่
QUIZ!! จากสถานการณ์ตอ่ ไปน้ี ตอบคาถามข้อ 1-2 จากการสารวจขอ้ มลู ของหมู่บ้านมติ รภาพ พบวา่ ประชาชนสว่ นใหญ่ ประกอบอาชีพเลีย้ งวัวนม พ้นื ที่โดยทว่ั ไปไมม่ นี ้าขงั แตพ่ บขยะกองอยู่บนพนื้ ดิน และมีถงั ขยะทไ่ี ม่มีฝาปดิ มแี มลงวนั ตอม สารวจบริเวณบ้าน พบลกู น้ายุงลาย ร้อยละ 45 ของหลังคาเรอื น 1.จากสภาพแวดลอ้ มดงั กล่าว ท่านคดิ วา่ ชมุ ชนนเี้ สยี่ งตอ่ การเจบ็ ปว่ ยด้วยโรคในข้อใดมากท่ีสุด 1.มอื เทา้ ปาก 2.ไขเ้ ลอื ดออก 3.อจุ จาระร่วง 4.Leptospirosis 2.ท่านจะให้คาแนะนาแก่ผ้นู าชุมชนในการจดั การสิ่งแวดลอ้ มอย่างไร จงึ จะสามารถปอ้ งกันการเกดิ โรคใน หมู่บา้ นมติ รภาพไดด้ ีทีส่ ุด 1.ฉดี พน่ หมอกควนั ในหมู่บา้ นทุกเดือน 2.เพม่ิ จานวนถังขยะรวมของชุมชนให้มากขึน้ 3.แนะนาให้แตล่ ะครอบครัวแยกประเภทขยะก่อนทิ้ง 4.รณรงค์ใหท้ ุกบา้ นควา่ ภาชนะท่ไี ม่ใช้ ปดิ ฝาโอ่งและเปลย่ี นนา้ ในห้องน้าทุก 7 วัน 3.หม่บู ้านแหง่ หนงึ่ ลกั ษณะที่ตั้งของชุมชนไม่แออดั มพี ืน้ ท่วี า่ ง มีขยะเกอื บทุกประเภทและยางรถยนต์ ควรกาจดั ขยะดว้ ยวิธีใด 1.ทาปยุ๋ หมัก 2.เผากลางแจง้ 3.ถมบนพนื้ ดิน 4.ฝังขยะตามหลักสขุ าภิบาล เฉลย 4.ในการจดั คา่ ยพักแรมลูกเสือ จานวน 20 คน ในป่าริมแม่น้า โดยพกั คา้ งคืน 2 วนั ควรเลือกวธิ ีกาจัดอจุ จาระในข้อใด 1. 2 2. 4 1.สว้ มหลมุ เพราะสามารถจัดทาไดง้ า่ ยและราคาถูก 3. 4 4. 4 2.สว้ มซมึ เพราะสามารถเกบ็ กักอจุ จาระไดถ้ ูกหลกั สุขาภบิ าล 3.สว้ มแขวน เพราะอยูร่ ิมนา้ สะดวกในการทาความสะอาดและกาจดั อจุ จาระข้ันสดุ ทา้ ย 4.สว้ มถังเท เพราะสามารถปอ้ งกันแมลงได้ดีและสะดวกในการกาจัดอุจจาระขน้ั สดุ ทา้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: