Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดิจิทัลหลักสูตรการค้าออนไลน์

ดิจิทัลหลักสูตรการค้าออนไลน์

Published by 420st0000050, 2020-09-12 10:54:10

Description: ดิจิทัลหลักสูตรการค้าออนไลน์

Search

Read the Text Version

สรุปผลการจัดกิจกรรม โครงการพฒั นาเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลักสตู รการคา้ ออนไลน์ เพ่อื การพฒั นาบรรจภุ ัณฑ์และผลติ ภัณฑ์ ณ กศน.ตาบลบา้ นเซิด หมู่ที่ 1 ตาบลบา้ นเซดิ อาเภอพนสั นิคม จังหวัดชลบุรี กศน.ตาบลบา้ นเซดิ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอพนสั นิคม สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดชลบุรี

คานา กศน.ตำบลบ้ำนเซิด สังกัด ศูนย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยอำเภอพนัสนิคม ได้จัดทำ โครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำออนไลน์เพื่อกำรพัฒนำบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องกำรค้ำออนไลน์ และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปใช้ใน การดาเนินชีวิตประจาวันได้ ซ่ึงมีกำรสรุปผลกำรจัดกิจกรรมโครงกำรดังกล่ำวเพ่ือต้องกำรทรำบว่ำกำรดำเนินโครงกำรบรรลุ ตำมวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้หรือไม่ บรรลุในระดับใดและได้จัดทำเอกสำรสรุปผลกำรจัดกิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจ ดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เสนอต่อผู้บริหำร ผู้เก่ียวข้องเพื่อนำข้อมูลไปใช้ใน กำรปรับปรงุ และพฒั นำกำรดำเนนิ โครงกำรให้ดียิง่ ข้นึ คณะผูจ้ ดั ทำ ขอขอบคุณผูอ้ ำนวยกำรศนู ย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั อำเภอพนัสนคิ ม ท่ีให้คำแนะนำ คำปรึกษำ ในกำรจัดทำสรุปผลกำรจัดกิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำออนไลน์เพ่ือ กำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ ในครัง้ น้ี หวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำเอกสำรสรุปผลกำรจัดกิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำออนไลน์เพื่อ กำรพัฒนำบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงำนโครงกำรและหน่วยงำนที่เก่ียวข้องในกำร นำไปใชใ้ นกำรจัดกจิ กรรมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัย ตอ่ ไป สุนทรี เพชรประเสริฐ ครู กศน.ตำบล กรกฎำคม 2563

สารบัญ หนำ้ ก หัวเรอื่ ง ข คำนำ ค สำรบญั สำรบัญตำรำง 1 บทที่ 1 บทนำ 1 1 หลักกำรและเหตผุ ล 1 วัตถปุ ระสงค์ 1 เป้ำหมำยกำรดำเนนิ งำน ผลลพั ธ์ 2 ตวั ชว้ี ัดผลสำเรจ็ ของโครงกำร 24 บทที่ 2 เอกสำรกำรศึกษำและงำนวิจัยที่เก่ยี วข้อง 27 เอกสำร/งำนที่เก่ียวข้อง 32 บทที่ 3 วิธดี ำเนนิ งำน บทท่ี 4 ผลกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู บทที่ 5 อภิปรำยผลและข้อเสนอแนะ บรรณำนกุ รม ภำคผนวก คณะผูจ้ ัดทำ

สารบญั ตาราง หนา้ ตารางที่ 27 27 1. ผเู้ ข้ำร่วมโครงกำรที่ตอบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมเพศ 28 2. ผู้เข้ำรว่ มโครงกำรทีต่ อบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมอำยุ 28 3. ผู้เขำ้ ร่วมโครงกำรท่ตี อบแบบสอบถำมไดน้ ำมำจำแนกตำมอำชพี 28 4. ผเู้ ข้ำร่วมโครงกำรที่ตอบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมระดับกำรศึกษำ 29 5. แสดงคำ่ ร้อยละเฉลี่ยควำมสำเรจ็ ของตวั ช้วี ดั ผลผลติ ประชำชนท่ัวไป 29 6. ค่ำเฉลย่ี และสว่ นเบีย่ งเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจฯ โครงกำร ในภำพรวม 30 7. ค่ำเฉล่ียและส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจฯ โครงกำร ดำ้ นบริหำรจดั กำร 30 8. คำ่ เฉลี่ยและสว่ นเบีย่ งเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจฯ โครงกำร ด้ำนกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 9. คำ่ เฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมำตรฐำนควำมพึงพอใจฯ โครงกำร ดำ้ นประโยชน์ท่ีไดร้ ับ

1 บทท่ี 1 บทนา หลักการและเหตุผล ปัจจุบันเทคโนโลยีและสำรสนเทศต่ำงๆ มีควำมเจริญก้ำวหน้ำมำกข้ึน อำจเรียกได้ว่ำเป็นยุคของเทคโนโลยี สำรสนเทศ เช่น เทคโนโลยีทำงด้ำนคอมพิวเตอรไ์ ม่ว่ำจะเป็นทำงด้ำนฮำร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ท่ีมีกำรพัฒนำไปอย่ำงรวดเร็ว ดังนั้นจึงทำให้คนท่ัวไปได้ให้ควำมสำคัญในด้ำนของข้อมลู ข่ำวสำรมำกย่ิงขน้ึ โดยแหล่งข้อมูลต่ำงๆ ก็ได้มำจำกหลำยๆแหล่ง ซึ่งแหล่งข้อมูลหน่ึงที่บุคคลโดยทั่วไปให้ควำมสนใจเป็นอย่ำงมำกนั้นก็คือ ส่ือออนไลน์หรือข้อมูลจำกอินเตอร์เน็ต เน่ืองจำก ปัจจุบันสื่อเหล่ำนี้ได้เข้ำมำมีบทบำทอย่ำงมำกในทุกหน่วยงำนหรือองค์กรธุรกิจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภำพในกำรดำเนินงำน ธุรกจิ ในกำรจัดซื้อสินคำ้ และกำรจำหน่ำยสนิ คำ้ ซึ่งเปน็ กำรเพิ่มชอ่ งทำงกำรซ้อื ขำยผำ่ นทำงอินเตอร์เนต็ หรือเรียกว่ำพำณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) เพื่อเป็นช่องทำงหน่ึงท่ีสร้ำงโอกำสและยกระดับคุณภำพคุณภำพชีวิต ของประชำชนในตำบลบ้ำนเซิด ในกำร นำสื่อ Social Media มำใช้ในประกอบอำชีพ ขำยออนไลน์ ผ่ำน Smartphone ท่ีอำนวยควำมสะดวกต่อซื้อสินค้ำและกำร จำหนำ่ ย สินค้ำผ่ำนระบบเครือข่ำย อินเตอร์เน็ต จำกเหตุผลดังกล่ำว กศน.ตำบลบ้ำนเซิด สังกัด ศูนย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย อำเภอพนัสนิคม จึงได้จัดทำโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจุภัณฑ์และ ผลิตภณั ฑ์ ขึ้น วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ใหผ้ เู้ ข้ำร่วมกจิ กรรมมีควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจในกำรขำยออนไลน์ 2. เพ่อื ให้ผเู้ ข้ำร่วมกิจกรรมสำมำรถนำควำมรู้ท่ไี ด้รบั ไปใช้เป็นช่องทำงกำรในกำรประกอบอำชพี ได้ เป้าหมาย (Outputs) เปา้ หมายเชิงปริมาณ - ประชำชนตำบลบ้ำนเซิด จำนวน 15 คน เป้าหมายเชิงคุณภาพ 1. เพอ่ื ใหผ้ ้เู ข้ำรว่ มกิจกรรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในกำรขำยออนไลน์ 2. เพ่อื ให้ผู้เข้ำรว่ มกิจกรรมสำมำรถนำควำมรู้ทีไ่ ด้รบั ไปใชเ้ ป็นช่องทำงกำรในกำรประกอบอำชพี ได้ ผลลัพธ์ - ผู้เขำ้ รว่ มกิจกรรม มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในกำรขำยออนไลน์และสำมำรถนำควำมร้ทู ี่ได้รับไปใชเ้ ป็นช่องทำงกำรใน กำรประกอบอำชีพได้

2 ดชั นีช้วี ดั ผลสาเร็จของโครงการ ตวั ชี้วดั ผลผลิต - รอ้ ยละ 80 ของผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรม มีควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจในกำรขำยออนไลน์ ตัวชวี้ ดั ผลลัพธ์ - ร้อยละ 80 ของผรู้ ว่ มกจิ กรรม สำมำรถนำควำมรทู้ ่ไี ดร้ ับไปใช้เปน็ ช่องทำงกำรในกำรประกอบอำชีพได้

3 บทท่ี 2 เอกสารการศึกษาและงานวิจัยทเ่ี กีย่ วข้อง ในกำรจัดทำสรปุ ผลโครงกำรพฒั นำเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลกั สูตรกำรคำ้ ออนไลนเ์ พ่ือกำรพัฒนำบรรจุภณั ฑแ์ ละ ผลิตภัณฑ์ คร้งั น้ี คณะผ้จู ัดทำโครงกำรได้ทำกำรค้นควำ้ เนื้อหำเอกสำรกำรศึกษำและงำนวจิ ัยท่ีเก่ียวข้อง ดังนี้ การขายออนไลน์ ขายของออนไลน์ คืออะไร? “ออนไลน์” เปน็ คำท่แี สดงถึงสถำนะท่ีมกี ำรเช่ือมต่อกบั เครือขำ่ ยใดๆ ซง่ึ ในเร่ืองทเ่ี รำพูดถึงกันอยูน่ ้ี จะหมำยถงึ เครือข่ำยอนิ เตอร์เนต็ ดงั นัน้ “ขำยของออนไลน์” ก็คอื กำรขำยของทำงอนิ เตอร์เนต็ ทีเ่ รำไดย้ นิ บ่อยๆ น่ันแหละค่ะ หรือถ้ำให้อธบิ ำยแบบวชิ ำกำร จะเรียกว่ำ “ อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce)” หรือ “พำณิชย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์” ซ่ึงหมำยถึงกำร ดำเนนิ กำรซื้อขำยสนิ ค้ำและบริกำรด้วยสอื่ อเิ ล็กทรอนิกสผ์ ำ่ นเครอื ข่ำยอินเตอรเ์ นต็ เรามาดูตัวอย่างการขายของออนไลนผ์ ่านช่องทางตา่ งๆ กนั คะ่ - กำรลงประกำศขำยรถเข็นเด็กที่ไมไ่ ด้ใชแ้ ล้ว บนเว็บไซตป์ ระกำศขำยสินคำ้ ออนไลน์ www.kaidee.com - กำรตั้งกระท้ปู ระกำศขำยหนงั สือกำรต์ นู มือสอง โดยโพสรูปและรำคำ ในเว็บบอรด์ www.modxtoy.com ห้องซื้อขำย หนังสอื ทกุ ชนดิ - กำรโพสขำยกระเปำ๋ ใหม่แบรนดเ์ นมย่หี อ้ ตำ่ งๆ ผำ่ น Social Network ตำ่ งๆ เช่น Facebook, twitter, Google plus, Instagram เป็นต้น - กำรนำสนิ คำ้ Handmade ไปลงขำยบนเว็บไซต์ทเ่ี ป็นตลำดกลำง (e-Marketplace) เชน่ ebay.com, b2bthai.com, weloveshopping.com, tarad.com, lnwmarket.com, Line Shop, shopee เป็นตน้ - กำรเปดิ ร้ำนคำ้ ออนไลน์ขำยเสือ้ ยดื แบรนด์ rudedog บนเวบ็ ไซต์ www.rudedogonline.com จำกหลำยตวั อยำ่ งท่ยี กมำน้ีจะเหน็ ว่ำ เรำสำมำรถขำยของออนไลน์ได้โดยไมต่ ้องสรำ้ งเว็บไซต์ร้ำนค้ำออนไลน์เองก็ได้ แล้วมนั จำเปน็ ทจ่ี ะต้องสร้ำงเว็บไซต์ใหมห่ รือเปลำ่ จะไดก้ ล่ำวถึง ในหวั ข้อต่อๆ ไป ทาไมเด๋ียวนีค้ นหันมาขายของออนไลน์กันเยอะจงั ? - คนไทยใชง้ ำนอนิ เตอร์เน็ตมำกกว่ำเมื่อก่อนมำก มำกจนอินเตอร์เน็ตกลำยเปน็ ส่วนหน่ึงในชีวติ ประจำวันที่ขำดไม่ได้ ของใครหลำยคนไปแล้ว ไมเ่ พียงแค่กำรใช้งำนอินเตอร์เน็ตผ่ำนทำงเคร่ืองคอมพิวเตอร์พีซีหรอื โน๊ตบ๊คุ แบบเดิมๆ เดยี๋ วน้ีเรำ เชอ่ื มต่อกับโลกอนิ เตอร์เนต็ ไดต้ ลอดเวลำผ่ำนทำงมือถือสมำรท์ โฟนและแทบ็ เลต็ ซง่ึ เป็นอปุ กรณ์ที่พกพำติดตัวไปไหนตอ่ ไหน ได้อย่ำงสะดวก เรียกว่ำออนไลนก์ นั ได้ทัง้ วนั ในเมอ่ื กลุม่ เป้ำหมำยท่อี ำจจะเปน็ ลูกคำ้ ใช้เวลำอยู่กบั อินเตอรเ์ น็ต คนขำยของก็ มำนำเสนอขำยสนิ ค้ำกนั ท่นี แ่ี หละค่ะ - คนนยิ มค้นหำข้อมูลสินค้ำและรำ้ นค้ำบนอนิ เตอรเ์ น็ตมำกขึน้ - คนไทยกล้ำซื้อของออนไลน์กันมำกขน้ึ

4 - เพิ่มชอ่ งทำงกำรขำย สำหรบั คนขำยสินค้ำทม่ี ีร้ำนค้ำ หรือสถำนท่ีขำยของเปน็ หลกั เป็นแหล่งอยูแ่ ลว้ กำรเปิด รำ้ นค้ำออนไลน์ควบค่กู นั ไปด้วยทำให้ได้ลกู ค้ำเพ่ิมขนึ้ ทนี ี้ก็สำมำรถขำยของใหก้ ับลูกคำ้ ท่ีอยู่ไกลไม่สะดวกมำท่รี ้ำนได้แลว้ - ทำตำมกระแส ทำตำมคนอื่น ได้ยินว่ำคนโนน้ คนนี้ เพ่ือน ญำติพน่ี อ้ ง คนรู้จักทำกนั ขำยของออนไลน์แลว้ ไดเ้ งนิ เยอะ จนซื้อรถซื้อบ้ำนได้ เลยอยำกลองทำ เผ่ือจะรวยแบบเคำ้ บ้ำง - หำรำยไดเ้ พมิ่ / รำยไดเ้ สรมิ สำหรบั คนท่ไี ม่ได้มีอำชีพค้ำขำย อย่ำงคนที่ทำงำนประจำ แมบ่ ้ำน นักศึกษำ ตลอดจน คนท่เี คยเปน็ ผ้ซู ้ือแต่อยำกเปล่ียนเปน็ ผู้ขำยบำ้ ง กห็ นั มำขำยของออนไลนก์ นั เพิ่มข้ึนๆ ทุกวนั หำรำยได้เสริม หรอื เผอ่ื จะได้ เป็นอำชีพหลกั ในอนำคตต่อไป - เร่มิ ต้นง่ำย มีเวบ็ ไซต์ต่ำงๆ ที่ทำให้เรำขำยของออนไลน์กันได้งำ่ ยๆ (และหลำยท่ีฟรดี ว้ ย) เชน่ ตอ้ งกำรขำยตอ่ ส่ิงของเครื่องใช้ตำ่ งๆ ที่ไมต่ ้องกำรหรือไม่ไดใ้ ชง้ ำนแล้วก็ไปประกำศขำยที่ kaidee.com, อยำกขำยหนงั สือเกำ่ ท่ีไม่ไดอ้ ่ำน แล้ว ก็ไปเปิดร้ำนหนังสือมอื สองออนไลน์กับ lnwshop.com ไดฟ้ รี การทาธุรกิจออนไลน์

5 การทาธุรกจิ ออนไลน์ คืออะไร การทาธรุ กจิ ออนไลน์ ก็คอื กำรขำยของบนเวบ็ ไซตโ์ ดยผำ่ นเครือข่ำยอนิ เตอร์เนต็ อยำ่ งกำรทเี่ รำนำรปู สนิ ค้ำมำลง ขำยบนเว็บไซต์ของเรำทลี่ งทุนจำ้ งทำเวบ็ ไซต์โดยเฉพำะของเรำเอง หรือเรำนำรปู สนิ คำ้ ไปลงขำยผำ่ นทำงเวบ็ ไซต์ท่ีฟรี เชน่ Facebook เป็นตน้ การบริหารธรุ กิจออนไลน์ กำรเร่มิ ทำธรุ กิจออนไลนส์ ่งิ ท่ีจำเปน็ อย่ำงมำกคอื กำรโปรโมทเวบ็ ไซตข์ องเรำใหเ้ ปน็ ท่รี จู้ กั และทำให้ลูกคำ้ สนใจใน เว็บไซต์ของเรำให้ไดซ้ ่ึงปัจจบุ ันมชี ่องทำงกำรโปรโมทเว็บไซต์อยมู่ ำกมำยหลำยวิธี ยงิ่ เวบ็ ไซต์ของเรำเปน็ ทรี่ จู้ กั มำกเท่ำไหร่ก็ จะเป็นโอกำสใหเ้ รำสำมำรถขำยสินคำ้ ได้มำกข้ึนเชน่ กนั เม่ือเรำสำมำรถโปรโมทเว็บไซต์ของเรำใหเ้ ปน็ ท่ีรู้จกั แลว้ ตอ่ มำคือ เรำจะตอ้ งมกี ำรปรับปรุงเว็บไซต์ใหม้ ีควำมหลำกหลำยและนำ่ สนใจมำกขน้ึ ปรับปรงุ ให้เวบ็ ไซต์มีอะไรท่ีแปลกใหม่ออกไป จำกเดิม เพ่ือสรำ้ งแรงจูงใจให้กบั ลกู ค้ำ ค่อยๆพฒั นำจำกสง่ิ ตำ่ งๆรอบตวั ไปก่อน แลว้ จะสำมำรถพัฒนำเปน็ ธรุ กิจที่มัน่ คงได้ ในอนำคต รปู แบบธรุ กจิ ออนไลนท์ ่ไี ดร้ ับความนิยมอยา่ งแพร่หลายแบ่งไดเ้ ป็น 6 รปู แบบ ดังน้ี 1.เวบ็ ไซต์ขำยสินค้ำ เป็นรูปแบบท่ีคนคุ้นเคยกันมำกทสี่ ุดและงำ่ ยที่สดุ เรำสำมำรถนำสนิ ค้ำของเรำมำแสดงให้ลกู คำ้ เห็นได้เลยโดยไม่มขี ้อจำกัดในเรอื่ งของพื้นทใี่ ชส้ อย เพียงแคค่ ุณมีไอเดยี ในกำรนำเสนอสินคำ้ ทด่ี ี เว็บไซต์มคี วำมสวยงำม ใช้งำนงำ่ ย เปดิ ใหบ้ รกิ ำรตลอดเวลำ และควำมมกี ำรดูแลเว็บไซตท์ ดี่ ี มคี วำมปลอดภยั เพียงเท่ำนี้เวบ็ ไซตข์ องเรำก็จะดู น่ำสนใจแล้ว 2.เวบ็ ไซตเ์ พื่อกำรโฆษณำประชำสมั พนั ธ์ เปน็ รปู แบบเวบ็ ไซต์ท่ีช่วยเพิม่ ยอดขำยให้กับธุรกจิ ของเรำ โดยทีเ่ รำมหี น้ำ ร้ำนของเรำอยู่แล้ว หรือที่เรียกว่ำเป็นธุรกิจออฟไลนน์ ัน่ เอง รปู แบบน้ีจะเน้นไปทกี่ ำรโฆษณำประชำสัมพันธ์ว่ำ เรำคือรำ้ น อะไร ทำอะไร ขำยอะไร และติดต่อเรำได้อย่ำงไร เพิ่มควำมน่ำสนใจให้กับเวบ็ ไซต์แบบนีโ้ ดยกำรเพ่ิมเติมเน้ือหำท่ใี ห้ควำมรู้ กับผู้ท่เี ขำ้ มำอ่ำนด้วย 3.เว็บไซตข์ ำ่ วสำรในวงเฉพำะ เปน็ รปู แบบทไี่ มไ่ ด้เนน้ เรื่องกำรขำยสนิ ค้ำ เป็นรปู แบบสำหรบั คนทม่ี ีเร่ืองรำวหรือ ข่ำวสำรทอ่ี ยำกจะเผยแพร่ หรอื มีควำมรู้ในบำงเร่ืองรำวที่อย่ำงจะบอกต่อใหผ้ อู้ ่นื ไดร้ ู้ด้วย

6 4.Blog เพื่อกำรรวี ิวและโปรโมทสนิ คำ้ เปน็ เวบ็ ไซตท์ ่ที ำขนึ้ เพื่อบอกเล่ำเรื่องรำวตำ่ ง ๆ และเขยี นรีวิวเกยี่ วกบั ตัว สินค้ำ และเขยี นสิ่งต่ำง ๆ ท่มี ีประโยชน์ ลกู คำ้ จะดูจำกรวี วิ และใชใ้ นกำรตดั สินใจซื้อ ย่งิ ลกู คำ้ เข้ำมำดรู วี วิ เยอะก็จะมีโอกำส ทีจ่ ะซ้ือสนิ คำ้ เยอะตำมไปดว้ ยเช่นกัน 5.สร้ำง Marketplace เป็นรปู แบบของเวบ็ ไซต์ในกำรให้คนมำซอื้ ขำยแลกเปลีย่ นสินคำ้ และพูดคุยแลกเปลี่ยนควำม คิดเหน็ กนั ได้ เป็นเว็บไซต์ทเ่ี ป็นตวั กลำงให้คนท่ีอยำกซือ้ กบั คนที่อยำกขำยมำเจอกนั 6.เป็นสว่ นหน่ึงของ Marketplace คอื ทำตวั เรำให้เปน็ สว่ นหนึง่ ของ Marketplace ก่อน โดยกำรนำสนิ คำ้ เข้ำไปขำย ใน Marketplace เพอื่ สร้ำงชื่อเสยี งให้ตัวเอง จำกนัน้ เม่ือรู้แนวทำงท่ชี อบแล้ว ว่ำจะขำยอะไรเปน็ หลกั ก็มำสรำ้ ง Marketplace ทเี่ ป็นของตวั เอง และขำยสนิ คำ้ ของตวั เองไปด้วยก็ได้ การตลาด กำรตลำด คือกระบวนกำรของกำรสือ่ สำรคุณค่ำของผลติ ภณั ฑ์หรอื บริกำรไปยังลกู ค้ำ กำรตลำดอำจถูกตคี วำมวำ่ เป็นศิลปะแหง่ กำรขำยสินค้ำในบำงครงั้ แต่กำรขำยนน้ั เปน็ เพียงส่วนเลก็ ๆ ส่วนหนึ่งของกำรตลำด กำรตลำดอำจถกู มองว่ำเป็นหน้ำทข่ี ององค์กำรและกลมุ่ กระบวนกำรเพ่ือกำรผลิต กำรสง่ สนิ ค้ำและกำรส่ือสำรคุณคำ่ ไปยงั ลูกค้ำ และกำรจัดกำรควำมสัมพันธต์ ่อลูกค้ำ ในทำงท่ีเป็นประโยชนแ์ ก่องค์กำรและผ้ถู อื หุ้น กำรจัดกำรกำรตลำดเป็น ศิลปะของกำรเลอื กตลำดเป้ำหมำย ตลอดจนกำรไดม้ ำและกำรรกั ษำลูกค้ำ ผ่ำนทำงกำรจัดหำคณุ คำ่ ของลูกค้ำทีเ่ หนือกวำ่ มมี โนทศั น์ห้ำอยำ่ งหลกั ๆ ที่องค์กำรสำมำรถเลอื กเพ่อื นำไปดำเนินกำรธุรกิจได้แก่ มโนทัศนเ์ นน้ กำรผลิต เน้น ผลิตภัณฑ์ เน้นกำรขำย เน้นกำรตลำด และเนน้ กำรตลำดองคร์ วม ซ่ึงองคป์ ระกอบสอี่ ยำ่ งของกำรตลำดองค์รวมคอื กำรตลำดควำมสัมพันธ์ กำรตลำดภำยใน กำรตลำดครบวงจร และกำรตลำดรับผิดชอบต่อสงั คม กลมุ่ ของภำระหน้ำท่ีที่ สำคัญตอ่ กำรจดั กำรกำรตลำดท่ปี ระสบผลสำเรจ็ ประกอบไปด้วย กำรมองกำรตลำดเชงิ ลึก กำรตดิ ต่อเชือ่ มโยงกับลูกค้ำ กำร

7 สรำ้ งตรำสินค้ำทม่ี ่ันคง กำรสร้ำงผลิตภัณฑ์ทต่ี อบสนองลูกค้ำ กำรสง่ สนิ ค้ำและกำรสอ่ื สำรคณุ ค่ำ กำรสร้ำงควำมเจริญเตบิ โต ในระยะยำว และกำรพฒั นำกลยทุ ธแ์ ละแผนกำรตลำด ข้นั ตอนในกำรควบคุมคุณภำพ ข้ันตอนในกำรควบคมุ คุณภำพ แบง่ เป็น 4 ขน้ั ตอน คือ 1. ขัน้ กำรกำหนดนโยบำย ในขัน้ นจ้ี ะเป็นกำรกำหนดวตั ถุประสงค์กว้ำง ๆ เช่น ระดับ สินคำ้ ขนำดของตลำด วิธีกำร จำหน่ำย ตลอดถึงกำรรบั ประกัน ข้อกำหนดเหลำ่ นีจ้ ะเป็นเครื่องช้นี ำวำ่ กิจกำรจะต้องทำอะไรบ้ำง เพือ่ ใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ ท่ีไดว้ ำงเอำไว้ 2. ขน้ั กำรออกแบบผลติ ภณั ฑ์ กำรออกแบบผลติ ภัณฑ์ในท่ีน้ีหมำยถึง กำรกำหนดคุณลักษณะ ( Specification ) ของผลิตภณั ฑ์ เช่น วทิ ยทุ ่ีจะทำกำรผลติ ขน้ึ นี้มีขนำดก่วี ัตต์สำมำรถรบั ได้ก่ชี ว่ งควำมถี่ใด และมีระบบตัดคลน่ื รบกวนหรอื ไม่ เป็นต้น ข้อควรคำนึงถึงสำหรับกำรออกแบบผลติ ภณั ฑน์ ้ีก็คือ จะต้องรู้ว่ำฝำ่ ยผลติ มขี ีดควำมสำมำรถมำกน้อยเพยี งใด เพรำะ กำรออกแบบผลิตภัณฑ์เกนิ ควำมสำมำรถของฝำ่ ยผลติ นั้น ๆ เปน็ ไปไม่ได้ 3. ขนั้ ตอนกำรควบคมุ คณุ ภำพของกำรผลิต กำรควบคมุ คุณภำพกำรผลิตแบ่งออกเปน็ ขั้นตอนย่อย 3 ขัน้ คือ กำร ตรวจสอบคุณภำพของชิน้ ส่วน กำรควบคมุ กระบวนกำรผลิตและกำรตรวจสอบคุณภำพของผลติ ภัณฑ์ที่ผลติ สำเรจ็ รูป โดยใน กำรตรวจสอบท้ัง 3 ขน้ั น้ี สว่ นใหญ่จะใช้เทคนิคกำรสุ่มตวั อย่ำง เพรำะของที่ผลิตได้นน้ั มีจำนวนมำกจนไมอ่ ำจจะทำกำร ตรวจสอบไดอ้ ย่ำงทัว่ ถงึ ภำยในเวลำจำกดั เชน่ กำรผลิตชิ้นสว่ นทำงอเิ ลคทรอนิกส์ ซ่ึงผลิตครำวละหลำยลำ้ นตวั หรือกำร ตรวจสอบนน้ั ตอ้ งทำลำยของตัวอย่ำง เชน่ กำรทดสอบควำมทนทำนของกระเบ้ืองในอตุ สำหกรรมเซรำมิก 4. ข้นั กำรจำหนำ่ ย กำรควบคุมคุณภำพในขนั้ กำรจำหนำ่ ย จะมีลักษณะเปน็ กำรใหบ้ ริกำรหลังกำรขำย ซง่ึ ในระบบ กำรตลำดสมยั ใหม่ถอื วำ่ เปน็ เรือ่ งสำคัญมำก เพรำะสินค้ำบำงชนิดโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งสนิ คำ้ ประเภทเครื่องมอื เครอื่ งจักรหรือ อุปกรณ์ทำงอิเล็กทรอนกิ ส์ ซ่ึงมวี ธิ ีกำรใช้และกำรดแู ลรักษำที่ค่อนข้ำงจะยงุ่ ยำก ผู้ผลติ หรือผู้ขำยก็ยิ่งจะต้องคอยดแู ลเพอื่ ให้ บริกำรหลังกำรขำยแก่ผซู้ ื้ออยู่เสมอ เพ่ือควำมกำ้ วหนำ้ ทำงธุรกิจในอนำคต แนวทำงเพิ่มคณุ ภำพสนิ คำ้ และบรกิ ำรก่อนถึงมือลูกค้ำ ส่ิงทลี่ กู คำ้ คำดหวังในตัวสนิ คำ้ และบรกิ ำร ก็คอื เร่ืองของ “คุณภำพ” ถำ้ สนิ ค้ำและบรกิ ำรของเรำมคี ุณภำพมำกเทำ่ ไร ลูกค้ำก็จะยง่ิ เกดิ ควำมพงึ พอใจและมีแนวโนม้ ที่จะเลือกใชส้ นิ ค้ำและบริกำรของเรำอย่ำงต่อเนือ่ งในอนำคต แต่ในทำงกลบั กนั หำกสนิ ค้ำและบริกำรของเรำน้ันออกมำไมด่ ี ลูกคำ้ ก็พรอ้ มทีจ่ ะเปล่ยี นใจและเลอื กท่ีจะไปใชส้ นิ ค้ำและบริกำรของเจ้ำอ่ืนๆ แทน และอกี อยำ่ งคอื คุณภำพของสนิ ค้ำและบริกำรน้นั เป็นสงิ่ ทส่ี ำมำรถพัฒนำให้ดีข้นึ ไดอ้ ย่ำงไมม่ ีทส่ี ้ินสดุ แต่นำ่ เสียดำยท่ี หลำยธรุ กจิ น้นั เลือกทจ่ี ะหยดุ พัฒนำคุณภำพของสินค้ำและบริกำรของตัวเองเพรำะเห็นว่ำเพยี งพอแล้ว ทั้งจรงิ แล้วยังสำมำรถ พัฒนำขน้ึ ไปได้อกี เร่อื ยๆ ลองมำศกึ ษำแนวทำงท้ัง 3 นีก้ นั ดูครับวำ่ จะช่วยเพ่มิ คุณภำพสนิ คำ้ และบริกำรก่อนถงึ มอื ลูกค้ำได้ อย่ำงไร 1.ตดิ ตำมข้อผดิ พลำด

8 กำรเริม่ ตน้ ในกำรพฒั นำควรเริ่มจำกกำรมองหำจุดผิดพลำดเพ่ือท่จี ะมำพัฒนำปรับปรุงให้สนิ คำ้ และบริกำรของเรำมี คณุ ภำพทด่ี ีย่งิ ขึน้ ลองเร่มิ ต้นจำกกำรเกบ็ สถิตทิ ผ่ี ำ่ นมำดวู ่ำมสี ินคำ้ และบริกำรใดท่เี กดิ ขอ้ ผดิ พลำดขนึ้ บำ้ ง ซ่ึงจะต้องพจิ ำรณำ ไปถงึ กระบวนกำรในกำรทำงำนตง้ั แต่เรม่ิ ต้นรบั Order จนถึงกระบวนกำรท่ีส่งสินค้ำถึงมือลูกคำ้ เลย เพรำะบำงครง้ั ปญั หำ อำจจะไม่ได้อยู่ท่ีกระบวนกำรผลิตต้ังแตแ่ รก แต่อำจเกดิ กำรรบั Order ทม่ี สี เปคมำไมช่ ัดเจนจนสนิ คำ้ ออกมำไม่ตรงตำมท่ี ตอ้ งกำร หรือไม่กส็ ินคำ้ ดีหมดทกุ อย่ำงแต่กลบั ได้รบั ควำมเสียหำยตอนขนสง่ ไปถงึ มือลูกค้ำ ซง่ึ กเ็ ปน็ หนำ้ ที่ของเรำท่จี ะต้อง คอยติดตำมวำ่ ปัญหำนั้นเกิดจำกกระบวนกำรไหนเพื่อท่จี ะไดต้ ำมแก้ให้ถูกจดุ และเพม่ิ ประสิทธภิ ำพของกระบวนกำรน้ันๆ ให้ สูงขึน้ นอกจำกทจ่ี ะต้องคอยติดตำมข้อผิดพลำดในกระบวนกำรของตวั เองแลว้ ก็ควรทจ่ี ะมีกำรติดตำมปัญหำดำ้ นคุณภำพ ของทำงลกู คำ้ อย่ำงเปน็ ระบบ โดยอำจมกี ำรระบรุ หัสปัญหำรอ้ งเรียนของแต่ละเร่ือง โดยรำยละเอยี ดของปัญหำเหลำ่ นั้น จะตอ้ งสำมำรถติดตำมได้ว่ำเปน็ ของลูกค้ำคนไหน เพ่ือท่ีจะสำมำรถชว่ ยแก้ไขให้ลกู คำ้ ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ และที่สำคัญ เมอื่ เกดิ ข้อผิดพลำดจะต้องดำเนนิ กำรแก้ไขอยำ่ งถูกต้องและรวดเรว็ ที่สุด 2.ลงทนุ ในกำรฝึกฝนพนกั งำน ธุรกิจทตี่ อ้ งใชแ้ รงงำนจำเป็นจะต้องมีกำรพัฒนำศักยภำพของแรงงำนใหส้ งู ขนึ้ โดยควรเริม่ ต้งั แตร่ บั พนกั งำนใหมเ่ ข้ำ มำ ควรท่จี ะมรี ะบบกำรสอนเก่ยี วกับกำรควบคมุ คุณภำพอย่ำงละเอยี ดในกระบวนกำรที่พนักงำนคนน้นั ๆ จะตอ้ งมสี ว่ น รับผดิ ชอบ โดยอำจจะใช้พนกั งำนเดิมที่มีควำมเชยี่ วชำญอยู่แลว้ เปน็ ผฝู้ ึกสอน หรือไม่กส็ ง่ พนักงำนไปฝกึ อบรมตำมโปรแกรม ตำ่ งๆ ทเี่ ปดิ สอนก็ได้ ซง่ึ นอกจำกวิธีกำรทำงำนใหเ้ กดิ คุณภำพแล้ว เรำควรทจ่ี ะบอกถึงเป้ำหมำยของกำรสรำ้ งคุณภำพของ สินคำ้ และกำรบริกำรในองค์กรดว้ ยวำ่ เรำมุ่งหวังอะไร แต่มีกำรวดั ค่ำคุณภำพอยำ่ งไรบ้ำงเพ่ือใหพ้ นักงำนเหลำ่ นี้สำมำรถ ดำเนินตำมแนวทำงกำรสร้ำงคณุ ภำพไดอ้ ย่ำงถูกตอ้ งและไปในทำงเดียวกนั 3.สรำ้ งวัฒนธรรมที่ใหค้ วำมสำคญั เรอื่ งคณุ ภำพ กำรฝกึ ฝนให้พนกั งำนทำหนำ้ ทไี่ ดอ้ ย่ำงสมบูรณ์จำกกำรฝึกฝนในขอ้ ข้ำงต้นก็เป็นส่วนหนึ่งทท่ี ำให้สินค้ำและบริกำรมี คุณภำพมำกยงิ่ ข้นึ แตห่ ำกตอ้ งกำรใหค้ ุณภำพของสนิ คำ้ และกำรบริกำรนั้นสำมำรถดีขนึ้ ไปอีกและดีขึน้ ไดใ้ นระยะยำวแล้วน้นั กำรปลูกฝงั แนวคดิ และสรำ้ งวัฒนธรรมให้ใสใ่ จถงึ คุณภำพในแตล่ ะกระบวนกำรนำ่ จะเป็นทำงเลือกที่น่ำสนใจไมน่ ้อยเลย โดย กำรทจี่ ะใหท้ ำให้คุณภำพกลำยเปน็ สว่ นหน่งึ ของวัฒนธรรมในองค์กรได้นั้น ควรเริ่มจำกกำรปลูกฝังควำมคิดของพนักงำน ต้ังแต่เริ่มเขำ้ มำทำงำนวำ่ เรือ่ งของคุณภำพนน้ั มคี วำมสำคัญตอ่ องค์กรและตัวพนักงำนเองมำกน้อยเพยี งใด ก่อนที่จะให้ พนกั งำนทกุ คนได้เข้ำมำมีส่วนร่วมและแสดงควำมคิดเห็นทจ่ี ะช่วยกันในกำรสร้ำงสินคำ้ ให้มมี ำตรฐำนคุณภำพท่ีสูงยงิ่ ข้นึ เรอ่ื ยๆ พร้อมท้ังคอยตดิ ตำมผลทต่ี ำมมำวำ่ จะมที ิศทำงที่ดขี ้ึนอย่ำงไรบ้ำงเพ่ือให้พนกั งำนเข้ำใจอย่ำงแทจ้ ริงจนคณุ ภำพน้ัน กลำยเป็นสว่ นหนึ่งในองค์กร สงั เกตไดว้ ่ำแบรนดด์ ังชัน้ นำหรือแบรนด์ช่ือดังอันดับตน้ ๆ นั้นมกั ยกเร่ืองคุณภำพมำเป็นจุดขำยอยู่เสมอ เพรำะว่ำ คณุ ภำพนัน้ คอื สงิ่ ทที่ ำใหล้ ูกค้ำหวนกลับมำซอ้ื และใชบ้ ริกำรอีกครั้ง และคุณภำพนัน้ กย็ ังเปน็ อีกปจั จยั ท่ีทำใหล้ กู คำ้ ยอมเลือก ซอ้ื สนิ ค้ำและบริกำรของเรำแม้ว่ำจะต้องจ่ำยในรำคำสูงกว่ำ ดงั นั้นกำรม่งุ เนน้ พฒั นำคุณภำพของสินค้ำและกำรบริกำรก่อนส่ง ถงึ มือลูกคำ้ นั้นจึงถือเป็นเร่ืองที่สำคญั และจำเป็นอย่ำงมำกถำ้ หำกต้องกำรใหธ้ ุรกิจของเรำนน้ั เติบโตขึ้นไปในอนำคต

ประโยชนข์ องการควบคุมคุณภาพ 9 กำรควบคมุ คุณภำพ ไม่ไดจ้ ำกัดอยู่กบั ฝ่ำยใดฝ่ำยหน่งึ เท่ำนน้ั จะต้องทำเปน็ ระบบท้ังองค์กำรต้ังแต่กำร ควบคุมระดบั นโยบำยกำรออกแบบผลิตภณั ฑใ์ ห้มคี ุณภำพตำมทีก่ ำหนด ตลอดท้งั กำรควบคุมคุณภำพในกำรผลติ ซ่ึง ประกอบดว้ ย 3 ข้นั ตอน คือ (1) กำรตรวจสอบคุณภำพวตั ถดุ บิ (2) กำรควบคุมกำรผลิตในกระบวนกำรผลติ (3) กำรตรวจสอบคุณภำพของผลิตภณั ฑ์ที่ทำสำเร็จรูปแลว้ ประโยชนอ์ ันเกดิ จำกกำรควบคุมคุณภำพสรุปได้ ดังน้ี 1. ลดคำ่ ใช้จำ่ ย เช่น ลดกำรทำให้ผลผลติ เสยี หำย ลดกำรทำงำนซับซ้อน ลดกำรซ่อมแซมหรอื แกไ้ ข ผลผลติ ใหม่ ลดค่ำใช้จำ่ ยในกำรคัดเลือกผลิตภัณฑด์ ีไมด่ ีออกจำกนั และลดเวลำ เนอ่ื งจำกหยดุ ทำกำรผลิตได้ 2. ลดคำ่ ใชจ้ ำ่ ยภำยนอกในโรงงำน เชน่ คำ่ โฆษณำ ลดกำรต่อวำ่ หรอื ตำหนิจำกลูกค้ำ 3. ทำให้ขำยผลผลิตได้ในรำคำทตี่ ั้งไว้ หำกผลผลติ ไม่มีคณุ ภำพย่อมไม่ไดร้ บั ควำมนิยมอำจจะทำให้ลดรำคำ ถงึ จะขำยได้ 4. ทำใหบ้ รรยำกำศในกำรทำงำนดีขนึ้ ซงึ่ จะสง่ ผลใหเ้ กดิ พัฒนำคุณภำพต่อไป 5. ทำให้บรรยำกำศในกำรทำงำนดีข้ึน เพรำะธรุ กจิ ดำเนินไปด้วยดีย่อมส่งผลให้พนกั งำนมีกำลงั ใจมีควำม ภำคภมู ใิ จ ขั้นตอนกำรควบคุมคณุ ภำพ (Step of quality control) เรื่องคุณภำพของผลผลติ น้ันเป็นเรื่องที่ฝำ่ ยผลิตตอ้ งคำนงึ ถึงและใหค้ วำมสนใจ ท้งั นเี้ พ่อื ให้ผลผลติ นน้ั ออกมำดี มีควำมเหมำะสมในกำรใชง้ ำนทั้งผลติ ภณั ฑแ์ ละกำรบริกำร ฉะนน้ั ในขั้นตอนตำ่ ง ๆ ของกำรควบคมุ คุณภำพน้ัน จงึ ไม่จำกัดอยู่แค่วิธกี ำรต่ำง ๆ ภำยในสถำนประกอบกำรเท่ำน้นั แตจ่ ะคลุมไปถึงกำรออกแบบกำรกำหนดมำตรฐำน กำร ผลิต กำรตลำด รวมทง้ั กำรบริหำรลกู คำ้ อีกด้วย บัฟฟำ (Buffa, 1975 ซ 70) ไดเ้ สนอแนวทำงกำรควบคุมคุณภำพเป็นขั้นตอน 4 ขั้นตอนดงั นี้ ข้ันท่ี 1 : กำรกำหนดคณุ ภำพในระดบั นโยบำยในเรอ่ื งนี้บริษัทหรือผู้บริหำรระดับสงู จะต้องประกำศเปน็ นโยบำยใหช้ ดั เจนทเ่ี กย่ี วกบั คุณภำพ ซงึ่ จะนำไปสแู่ นวทำงกำรปฏิบัตทิ กุ ข้นั ตอนและนำไปสู่กำรส่งเสริมกำรลงทุน ซ่ึงจะ นำไปสู่แนวทำงกำร ขนั้ ที่ 2 : กำรออกแบบผลติ ภณั ฑ์ให้ได้มำตรฐำนตำมท่ีกำหนด นน้ั ขั้นท่ี 3 : กำรควบคมุ คุณภำพในกำรผลติ ในขั้นน้ถี ือวำ่ เปน็ ข้ันดำเนนิ กำรต่อจำกขน้ั ที่ 1 และข้ันท่ี 2 เมือ่ กำหนดนโยบำยออก หรอื ได้รูปแบบทแี่ นน่ อนแลว้ ดำเนินกำรผลติ ในกระบวนกำรให้เป็นไปตำมแบบกำหนด ขนั้ ที่ 4 : กำรควบคมุ คณุ ภำพสนิ ค้ำสำเร็จรปู ก่อนสง่ จำหน่ำย เป็นขัน้ ตอนหลงั จำกกระบวนกำรผลติ กำร ควบคมุ ขน้ั นี้ ก็ต้องระมัดระวัง เช่น กำรตรวจสอบคณุ ภำพ (Inspection) กำรคดั เลือกผลิตภัณฑ์สำเรจ็ รปู (Selection

10 products) กำรบรรจุ (Packing) กำรขนส่ง (transportation) ต่ำง ๆ เปน็ ตน้ เพอ่ื ให้สินค้ำและบริกำรถึงมือลกู คำ้ ตำมเงอ่ื นไขและข้อกำหนดท่ีไดต้ กลงกนั ไว้ ด้วยควำมพงึ พอใจที่สุดของทกุ ฝำ่ ย จำกวงจรคุณภำพทน่ี ำมำใชใ้ นกำรควบคุมคุณภำพดำ้ นอุตสำหกรรมกำรผลิตอธบิ ำย รำยละเอียดตำมหัวข้อต่ำง ๆ ดังน้ี 1. กำรตลำดและกำรวจิ ัยตลำด (Marketing & Marketing Research) เปน็ กำรวิเครำะห์ถึงควำม ตอ้ งกำรของตลำดต่อคุณสมบัตขิ องสินคำ้ ทผี่ ลจิ ำหนำ่ ย 2. วิศวกรรมออกแบบ/ข้อกำหนดรำยกำรและกำรพฒั นำผลติ ภณั ฑ์ (Design) เปน็ กำรกำหนดรปู แบบ ผลติ ภัณฑ์ หรอื บรรจุภัณฑ์ ตลอดทั้งกำรออกแบบทุกอยำ่ งเกย่ี วกบั สินค้ำที่ผลติ ออกจำหนำ่ ย นอกจำกนย้ี ังเกย่ี วข้องกับวัสดุ ทีน่ ำมำ 3. กำรจดั หำ (Procurement) หมำยถึง กำรจัดเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ หรอื วตั ถดุ ิบท่ีนำมำใชใ้ นกำรผลิต สนิ ค้ำ 4. กำรวำงแผนกำรพฒั นำกระบวนกำร หมำยถึง กำรกำหนดแผนกำรผลติ ระยะเวลำของกำรผลติ ตลอด ทั้งกระบวนกำรผลิตและกำรติดตำมประเมนิ ผลกำรผลิต 5. กำรผลติ (กระบวนกำรผลิต) เปน็ กำรควบคุมกระบวนกำรผลติ ท่ีเกี่ยวกบั คน เครื่องจกั ร วธิ กี ำรผลิต วัตถุดิบ ตลอดทง้ั กระบวนกำรบรหิ ำรกำรผลิต 6. กำรตรวจกำรทดสอบและกำรตรวจสอบ (Inspection) หมำยถึง กำรตรวจสอบคุณภำพสนิ ค้ำท่ผี ลิต ออกมำจำหน่ำยว่ำ มีคุณลกั ษณะเปน็ ไปตำมทีก่ ำหนดหรือไม่ เชน่ คุณสมบัติ ขนำด ควำมประณีต เป็นตน้ 7. กำรบรรจแุ ละกำรเก็บ (Packing & Keeping) หมำยถึง กำรบรรจุ กำรเก็บหลงั กำรผลิต กอ่ นท่จี ะมีกำร นำส่งลูกคำ้ หรือสง่ ตลำด 8. กำรขำยและกำรจำหนำ่ ย (Sale & distribution) หมำยถึง สนิ ค้ำท่ีจำหน่ำยสู่ตลำดนี้ต้องมีคุณสมบัติ หรอื คณุ ภำพตำมท่ลี ูกค้ำต้องกำร 9. กำรจดั ตั้ง และกำรปฏบิ ตั ิกำร (Install) สินคำ้ บำงอยำ่ งจะตอ้ งมีกำรนำไปติดตั้งก่อนจึงจะใช้งำนได้ เช่น โทรทัศน์ เคร่ืองปรับอำกำศ ก่อนใชต้ ้องมกี ำรตดิ ตงั้ ท่ีถูกต้องจึงจะทำใหส้ นิ คำ้ นั้นไดค้ ุณภำพเป็นท่พี อใจของลูกค้ำ 10. ควำมชว่ ยเหลือทำงวชิ ำกำร และกำรบำรงุ รักษำ (Service) เป็นกำรนำผลกำรติดตำมงำนวจิ ัย กำรตลำด มำใช้เพื่อพัฒนำสินคำ้ ตวั ใหม่ ให้แข่งขันด้ำนตลำดคู้แขง่ ได้ นอกจำกน้ีขั้นนี้ยังเป็นขน้ั ตอนของกำรติดตำมกำรใช้ งำนหรอื บริกำรหลงั ขำยอีกด้วย 11. กำรติดตำมหลังใช้ (follow up) หมำยถึง กำรตดิ ตำมผลของกำรทำงำนหรือผลหลังผลติ เช่น เรอื่ งควำมปลอดภัย และควำมรับผิดชอบตอ่ คนงำน สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม กำรผลติ สินคำ้ บำงอย่ำงทำใหเ้ กิดผลเสยี ต่อ ส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ อำกำศเสยี น้ำเสีย ฉะนั้นกำรผลิตสินค้ำตัวน้จี ะตอ้ งได้รบั กำรเอำใจใสแ่ ละกำรควบคุมอยำ่ งดี การตลาดสนิ คา้ ทางการเกษตร ปัจจัยท่ีมผี ลต่อระบบการตลาดสนิ คา้ เกษตร

11 ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อระบบกำรตลำดสินคำ้ เกษตร โดย ระบบกำรคำ้ ผลติ ผลกำรเกษตร ระบบกำรตลำดสนิ คำ้ เกษตร เปล่ยี นแปลงอยู่ตลอดเวลำ เหตุผลสำคัญก็คือควำมต้องกำรของผู้บริโภคเปลย่ี นไป ทำใหก้ ำรผลติ เปล่ียนไปด้วยนอกจำกนี้ สนิ คำ้ บำงชนิดต้องกำรรปู แบบกำรตลำดเฉพำะ เชน่ สนิ ค้ำทีเ่ น่ำเสยี ง่ำย กำรพัฒนำระบบกำรผลิตและกำรตลำดจึงเปลย่ี นไป คือแทนท่ีจะปลูกแลว้ ขำยให้ใครกไ็ ด้ แต่เพื่อสร้ำงควำมมั่นใจกบั ผูผ้ ลิตวำ่ ผลิตแล้วขำยได้ และทำงฝ่ำยผู้ซ้ือแนใ่ จว่ำจะมสี ินคำ้ พอกับควำมต้องกำร จงึ มีกำรตลำดแบบใหม่เกิดข้ึนทเ่ี รยี กว่ำ ตลำดแบบมีข้อตกลงซึ่งจะอธิบำยในแต่ละข้อดงั นี้ การเปลย่ี นแปลงดา้ นการผลิต กำรผลติ สนิ ค้ำเกษตรเปลีย่ นแปลงตลอดเวลำ เพรำะควำมต้องกำรของผ้บู รโิ ภคเปลี่ยน มกี ำรผลติ สินคำ้ ใหม่ เมื่อ 20 ปกี ่อนพืชหลักก็มี ขำ้ ว ข้ำวโพด ปอ ตอ่ มำมีมันสำปะหลงั อ้อย กำรเลี้ยงโคนมกำแฟ พืชนำ้ มันก็มี เช่น ถวั่ เหลอื ง ถ่วั ลิสง ปำลม์ น้ำมนั มผี ลและผลไม้ ที่เป็นเช่นน้กี เ็ พรำะควำมต้องกำรของตลำดเปลยี่ นไป ผู้บรโิ ภคเม่อื มีกำรศกึ ษำสงู ขน้ึ มรี ำยได้ เพม่ิ ข้ึน โดยทั่วไปจะบริโภคอำหำรจำพวกแป้งนอ้ ยลง แต่จะบรโิ ภคอำหำรประเภทผกั ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม และผลติ ภัณฑ์นม เพ่มิ ขน้ึ ถ้ำพิจำรณำสำขำเกษตรซงึ่ ประกอบด้วยกจิ กรรมท่ีสำคัญ 6 หมวดคือ ปลูกพชื เลยี้ งสตั ว์ ประมง ปำ่ ไม้ กำรให้บริกำร ในทำงเกษตรเชน่ รับจ้ำงไถ รับจำ้ งนวดข้ำว และบริกำรแปรรปู อย่ำงง่ำย เชน่ จดั แยกสินคำ้ ตำมคุณภำพ กำรคดั สนิ ค้ำ ควำมสำคัญของแต่ละหมวดเปล่ียนแปลงไปมำก ในรอบ 20 ปที ่ผี ำ่ นมำ (พ.ศ. 2510-2531) สดั สว่ นของมลู คำ่ กำรผลติ พืชมี แนวโนม้ ลดลง ขณะที่มูลคำ่ กำรเลยี้ งสตั วแ์ ละบรกิ ำรกำรแปรรูปเพ่มิ ขึ้น กจิ กรรมด้ำนป่ำไมล้ ดลงเพรำะป่ำไม้และผลิตภัณฑ์ ป่ำลดลง เช่นเดยี วกับกำรประมงเพรำะปลำจำกแหล่งนำ้ ธรรมชำติลดลง ถำ้ จะดูมูลค่ำรวมของพืชท่ปี ลูก สดั ส่วนควำมสำคัญของพืชแตล่ ะชนดิ เปล่ยี นไปมำก เช่น ในชว่ ง พ.ศ. 2510-2531 ข้ำวซ่งึ เป็นพืชหลกั มสี ดั สว่ นประมำณร้อยละ 47 ของมูลคำ่ กำรผลิตพืช ในช่วง พ.ศ. 2510 เหลอื เพียงร้อยละ ๓๓ ใน พ.ศ. 2531 พืชไร่ เช่น ปอ ขำ้ วโพด มนั สำปะหลงั มีสัดสว่ นลดลง ไมย้ ืนต้นทง้ั ยำงพำรำและไม้ผล มีสดั ส่วนเพมิ่ ขึ้น ผัก ผลไม้ และ ไมต้ ดั ดอก รวมท้ังผักและผลไม้ทเี่ ป็นวตั ถุดิบในโรงงำนแปรรปู เช่น สบั ปะรด ขำ้ วโพดฝักออ่ น มะเขือเทศมีสัดส่วนมูลค่ำเพม่ิ ข้นึ กำรท่ีมีสินคำ้ ใหม่เกดิ ขน้ึ ก็เทำ่ กบั ระบบตลำดของสินค้ำชนิดน้ันกต็ ้องพฒั นำ ขน้ึ ซึ่งจะมลี ักษณะพเิ ศษต่ำงกับสนิ ค้ำเดิม ลักษณะการผลิตและการจาหน่ายของเกษตรกร สนิ คำ้ เกษตรนอกจำกจะมลี ักษณะพเิ ศษต่ำงจำกสินค้ำอื่นแลว้ เชน่ เน่ำเสียงำ่ ย เป็นสินคำ้ วัตถดุ บิ คอื ต้องนำไปแปร รปู ปริมำณกำรผลิตและคณุ ภำพไมส่ ม่ำเสมอ ยงั มีลักษณะพเิ ศษอีกหลำยประกำรท่ที ำให้ระบบตลำดสนิ ค้ำเกษตรต่ำงจำก สนิ ค้ำ อืน่ และสินค้ำแตล่ ะชนดิ กต็ ำ่ งกนั ลกั ษณะพิเศษที่สำคัญมดี งั น้ี 1. สนิ ค้ำเกษตรผลติ โดยเกษตรกรรำยย่อยและกระจดั กระจำย นั่นกค็ อื ปริมำณกำรผลิตและปริมำณสนิ ค้ำทเ่ี หลือ ขำยมีไมม่ ำก และกระจดั กระจำย พชื หรอื สินคำ้ แต่ละชนิดมีปลกู และมีขำยเกือบท่วั ทกุ จังหวดั จำกครัวเรือนเกษตรกร ประมำณ 5.2 ลำ้ นครวั เรอื น แต่ละครวั เรือนอำจจะขำยพชื ผลบำงชนดิ แตล่ ะชนิดคณุ ภำพก็ตำ่ งกัน มที ั้งขำ้ วเจ้ำ ขำ้ วเหนียว ขำ้ วเจำ้ เองก็มหี ลำยพันธ์ุ แต่ละพันธุก์ ็ต่ำงกนั ท้งั ควำมยำวของเมลด็ คุณภำพในกำรสีคุณภำพในกำรหุงต่ำงกัน

12 ตัวอย่ำงเกษตรกรในภำคตะวันออกเฉยี งเหนือที่ทำนำเปน็ อำชีพหลกั มขี ำ้ วเหลือขำย ครัวเรือนละประมำณ 4 เกวยี น หรือ 4 ตัน (ประมำณ 4,000 กิโลกรมั ) ทำให้กำรตลำดในระดับไร่นำกระจัดกระจำยกันเกือบทั้งประเทศ มผี ูร้ บั ซือ้ ใน ทุกหมู่บ้ำน ปรมิ ำณขำยของเกษตรกรแตล่ ะคนมไี มม่ ำกพอท่จี ะขนส่งไปขำยให้กบั โรงสีได้ 2. เกษตรกรขำยพชื ผลทนั ทีหลงั เก็บเก่ยี ว เหตุผลเนอ่ื งจำกต้องกำรเงินสดสำหรับคำ่ ใช้จำ่ ยในครัวเรือน และจำ่ ยค่ำ ปจั จยั กำรผลติ ประกอบกบั ขำดทเ่ี กบ็ รักษำ ทำให้ต้องรีบขำยทันที เช่น ข้ำวนำปี ประมำณคร่ึงหนงึ่ ของยอดขำยจะขำยใน เดือนมกรำคม-มนี ำคม ประมำณรอ้ ยละ 60 ของข้ำวนำปรังจะขำยในเดือนกรกฎำคม-สิงหำคมประมำณร้อยละ 73 ของ กระเทียมทปี่ ลกู ในภำคเหนือ จะขำยในช่วงเดือนมนี ำคม-มิถนุ ำยน กำรทีส่ ินค้ำออกสู่ตลำดมำก ทำใหก้ ำรกระจำยสินคำ้ ของ พ่อค้ำทำไดไ้ ม่ทัน เพรำะพอ่ ค้ำคนกลำงต้องมยี ุ้งฉำงเก็บ บำงทีกร็ ับซ้ือได้ไม่หมด ทำให้รำคำตำ่ ในฤดูเกบ็ เกย่ี ว เกษตรกรสว่ น ใหญจ่ ะขำยพืชผลในไรน่ ำ หรือถำ้ ขำยข้ำวเรียกวำ่ ขำย \"หนำ้ ลำน\" คอื เกบ็ เกย่ี วเสรจ็ นวดและขำยโดยไม่มีกำรขนเขำ้ เก็บในยงุ้ มีจำนวนนอ้ ยท่นี ำไปขำยยังตลำดหรอื โรงสี และมเี ป็นจำนวนไม่น้อยท่ีขำยไปลว่ งหน้ำหรือเรียกว่ำ \"ขำยเขยี ว\" ซงึ่ มปี ฏิบัตกิ นั มำกในเร่ืองของผลไม้ เชน่ เงำะ ลำไย ทุเรยี น โดยพ่อคำ้ จะไปติดต่อขอซอ้ื เหมำหลังจำกทรำบคร่ำวๆว่ำ ผลติ ผลมเี ท่ำใด ตก ลงซือ้ ขำยกนั แลว้ ชำระเงินให้สว่ นหนึ่ง แล้วให้เกษตรกรเป็นผดู้ ูแลผลติ ผลจนกวำ่ จะถงึ เวลำเก็บเก่ียว ลักษณะกำรผลิตและกำรเกบ็ เกยี่ วขำ้ งตน้ มผี ลทำให้กำรตลำดสินคำ้ แตล่ ะชนิดแตก ตำ่ งกันออกไป และเปลย่ี นแปลง ตลอดเวลำ ทำใหม้ ผี ู้ซ้ือมำกในระดับไร่นำ สนิ ค้ำทข่ี ำยอำจยงั มคี ุณภำพไม่ดี เพรำะเพ่ิงเก็บเก่ียวเสรจ็ แต่ต้องรบี ขำยทำให้ พ่อค้ำตอ้ งเสยี ค่ำใชจ้ ำ่ ยและ เสี่ยงในเรื่องคุณภำพสนิ ค้ำ จะลดควำมเสยี่ งกโ็ ดยรบั ซ้ือในรำคำตำ่ ไม่ซ้ือตำมคุณภำพ และอำจ หำทำงเอำรัดเอำเปรยี บในเรื่องชั่ง ตวง วดั รสนิยมและความตอ้ งการของผู้บริโภค ควำมตอ้ งกำรของผบู้ รโิ ภคในระดบั ขำยปลีกเปล่ียนแปลงตลอดเวลำ ตอ้ งกำรควำมสะดวกสบำยมำกขึน้ นยิ มกำรซอื้ อำหำรในร้ำนที่ทนั สมยั และมีเคร่อื งปรับอำกำศ อำหำรแต่ละชนิดแปรรปู มำพร้อมท่จี ะนำไปปรงุ อำหำรไดเ้ ลยเชน่ ไกส่ ับเป็น ชน้ิ ๆ หรอื มเี คร่อื งปรุงบรรจุถำดสำหรบั นำไปปรุงไดท้ ันที ผักและผลไม้ต้องมีคุณภำพดี มีกำรบรรจุกล่อง ส่ิงต่ำงๆ เหล่ำนี้ทำ ใหร้ ะบบตลำดสินคำ้ ต้องเปล่ียนตำมไปด้วย เชน่ ตอ้ งมีกำรแปรรูป กำรบรรจุ คดั เลือกสนิ ค้ำ แยกตำมคุณภำพ สดุ ท้ำยจะ สะทอ้ นไปถึงผู้ผลิตโดยตรงวำ่ สนิ คำ้ อะไรท่ตี ลำดตอ้ งกำร ส่ิงตำ่ งๆ เหล่ำน้ีจะเปลยี่ นแปลงตลอดเวลำ ไม่อำจจะคำดกำรณไ์ ด้ ขึ้นกบั รำยไดแ้ ละรสนิยม สภำพแวดล้อมในกำรทำงำนและทีอ่ ยู่อำศยั กรณีตวั อย่ำงข้ำงต้นเท่ำกบั ว่ำผู้บรโิ ภคต้องกำรบรกิ ำร ในกำรตลำดเพ่มิ ข้ึนและ ผู้บริโภคต้องจำ่ ยค่ำบริกำรเหล่ำน้เี วลำซอ้ื สนิ ค้ำมำ ทศั นคตแิ ละค่านยิ มของผบู้ ริโภค ควำมนกึ คิดของผูบ้ ริโภค มคี วำมสำคญั มำกในระบบตลำด ซงึ่ ก็คลำ้ ยๆ กับเรื่องรสนยิ มของผ้บู รโิ ภค แตเ่ ป็นเรอื่ ง ควำมรสู้ กึ นกึ คิดและค่ำนยิ มว่ำควรจะเป็นอย่ำงนน้ั เป็นอย่ำงนี้ สินค้ำดนี ่ำจะมีลักษณะอย่ำงนั้น ตวั อย่ำงเช่น ถำ้ ผบู้ รโิ ภคกลุม่ หน่งึ คิดวำ่ ผลไมห้ รอื ผักที่ซื้อมำควรจะมีคุณภำพดีสวยงำม ขนำดต้องสมำ่ เสมอ ไม่มรี อยตำหนิ แม้รำคำแพงก็จะซื้อ แต่ ผู้บริโภคกลมุ่ หนึ่งกลับเหน็ วำ่ ไม่จำเปน็ เพรำะคุณภำพไม่ต่ำงกนั ขอใหร้ ำคำ ไมแ่ พงก็ใชไ้ ด้ ทำให้ระบบตลำดเปลี่ยนไป กลมุ่ แรกต้องกำรของมีคุณภำพดี ไมเ่ นำ่ เสีย ขนำดผลเทำ่ กัน ผวิ ของผลไมต้ อ้ งสวย อำจจะต้องล้ำงทำควำมสะอำด ตบแตง่ ใหแ้ ลดู

13 สวยงำม แต่อกี กลุ่มหนึ่งส่ิงเหล่ำนนั้ ไมจ่ ำเปน็ ดงั น้ันจะเห็นว่ำมใิ ช่แตบ่ รกิ ำรกำรตลำดในระดบั ขำยปลีกจะต่ำงกัน แตจ่ ะ ตำ่ งกนั ตั้งแต่ผูผ้ ลติ กำรบรรจุ กำรขนสง่ คำ่ นิยมของผบู้ รโิ ภค เปน็ ส่วนสำคญั ทท่ี ำให้ระบบตลำดเปลยี่ นแปลง ลกั ษณะพเิ ศษของตลาดสนิ ค้าบางชนดิ สนิ คำ้ เกษตรแตล่ ะชนดิ ปกติจะดำเนนิ กำรไปโดยกลไกกำรตลำด แตก่ ็มีสินค้ำหลำยชนดิ ไม่ไดด้ ำเนินกำรไปเอง แต่ ถกู แทรกแซงโดยรฐั บำลอำจจะกำหนดกฎเกณฑก์ ำรซ้ือขำย หรือรัฐบำลต้องจดั ระเบยี บกำรตลำด ส่ิงตำ่ งๆ เหลำ่ นีท้ ำให้ ระบบตลำดเปลีย่ นไปจำกที่ควรจะเป็น เช่น กำรที่รฐั บำลไทยมีข้อตกลงกบั ตลำดประชำคมยโุ รป (ซ่งึ เป็นตลำดรบั ซ้ือสินค้ำมนั เสน้ จำกประเทศไทยเกือบทั้งหมด) ตัง้ แต่ พ.ศ. 2535 เปน็ ตน้ มำให้ประเทศไทยส่งมันสำปะหลังไปจำหน่ำยได้ไมเ่ กนิ ปีละ ประมำณ 5.25 ลำ้ นตัน ทำให้รัฐบำลตอ้ งจัดสรรวำ่ จำกจำนวนดังกล่ำว ผสู้ ง่ ออกรำยใดจะส่งออกได้มำกน้อยแค่ไหน ประกอบ กับไม่มีกำรใช้มันเส้นเป็นอำหำรสตั วใ์ นประเทศ ทำใหร้ ะบบตลำดมันสำปะหลังมลี กั ษณะพเิ ศษ เมื่อเกษตรกรขำยเป็นหวั มัน โรงงำนมันเสน้ กจ็ ะแปรรูปหัวมันเป็นมนั เส้น แล้วโรงงำนมันอัดเมด็ จะผลิตมนั อัดเม็ดเกือบตลอดปี ขณะทเ่ี กษตรกรจะขุด หัวมันขำยเปน็ ช่วงๆ เหมือนสินค้ำเกษตรอื่นๆ อกี ตวั อย่ำงหนึ่งคอื กรณีตลำดนำ้ ตำลทรำย ซง่ึ จดั ระบบตลำดแบบแบ่ง ผลประโยชนร์ ะหวำ่ งชำวไร่และแรงงำนในสดั สว่ น 70:30 ระบบตลำดภำยในและตลำดส่งออกจึงถูกกำหนดว่ำจะขำยตลำด ภำยในประเทศจำนวนเท่ำใด รำคำกิโลกรมั ละเทำ่ ใด และกำรส่งออกจะแบง่ กันอย่ำงไรระหวำ่ งกลุม่ โรงงำนต่ำงๆ ดังน้ันระบบ ตลำดน้ำตำลจึงตำ่ งกบั สินค้ำอื่นๆ ตัวอย่ำง ระบบตลำดขำ้ วเปลือก เม่ือเกษตรกรเก่ียวขำ้ วและนวดเสรจ็ แล้ว กจ็ ะขำยให้กับพอ่ ค้ำในพน้ื ที่ แล้วนำไป ขำยใหก้ บั โรงสี โรงสนี ำไปตำกแลว้ เก็บ เมื่อได้ปริมำณพอและตลำดมีควำมต้องกำรกจ็ ะสีเปน็ ขำ้ วสำร แลว้ ขำยตอ่ ให้กับพอ่ คำ้ ขำยส่งหรือนำยหน้ำทซ่ี ้ือข้ำวสำรสำหรับผ้สู ง่ ออก ผู้ขำยสง่ ภำยในกส็ ง่ ตอ่ ให้กบั พ่อค้ำปลกี แล้วจำหน่ำยให้กบั ผู้บรโิ ภค เมื่อเปรียบเทียบกบั นำ้ นมสดจะตำ่ งกันเพรำะเมื่อเกษตรกรรดี นมแลว้ ซึ่งปกติรีดวันละ 2 เวลำ คือตอนเช้ำและตอน เย็น เมอ่ื รดี เสร็จกน็ ำนำ้ นมสง่ ใหก้ บั สหกรณห์ รือศูนย์รวมนมในพน้ื ท่ีทันทีซึ่ง ศนู ยร์ วมนีจ้ ะมีอปุ กรณ์ห้องเยน็ เกบ็ รักษำนำ้ นมท่ี อณุ หภูมิตำ่ เมื่อไดม้ ำกพอแล้วจงึ ส่งใหโ้ รงงำนแปรรปู เพื่อแปรรูปเปน็ ผลติ ภัณฑ์นมพรอ้ มดื่มต่อไป ผูท้ ี่ทำหนำ้ ทใี่ นกำรตลำด นำ้ นมสดจึงมีน้อยเม่ือเปรียบเทยี บกบั ข้ำวเปลือก ต้องขนสง่ น้ำนมทนั ทีเพรำะจะเนำ่ เสีย ขณะท่ขี ำ้ วเปลอื กเก็บรกั ษำไว้ได้เปน็ ปี การแทรกแซงของรฐั บาล แมว้ ่ำโดยทัว่ ไปแลว้ กำรตลำดสินค้ำเกษตรในประเทศไทยจะดำเนนิ กำรโดยธุรกิจ เอกชน รัฐบำลมบี ทบำทน้อยมำก จะมีก็แต่เฉพำะให้บริกำรด้ำนปจั จยั พื้นฐำน เชน่ ให้บรกิ ำรขำ่ วสำรกำรตลำดและรำคำสรำ้ งถนนหนทำงและทำ่ เรอื และอืน่ ๆ แต่ก็มีเหมือนกันทรี่ ฐั บำลออกแทรกแซงกำรตลำด คอื แทนที่จะปล่อยให้ตลำดดำเนนิ กำรไปเอง รัฐบำลจะออกไปรบั ซื้อ ซงึ่ มี ไม่แนน่ อนขึ้นอยกู่ ับควำมเดือดร้อนของเกษตรกร บำงปอี ำจจะใหธ้ นำคำรเพื่อกำรเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตรออกรับจำนำ ขำ้ วเปลอื ก ปรมิ ำณที่ออกรบั ซ้ือมนี ้อยไม่ถึงกบั ทำให้ระบบกำรตลำดเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็มีสว่ นให้ระบบกำรตลำดในปีน้ัน เปลีย่ นไปจำกที่ควรจะเป็นบำ้ ง การเปลยี่ นแปลงของระบบตลาด

14 อุตสำหกรรมแปรรูปจะต้องทำต่อเน่ือง เช่น กำรผลติ อำหำรสตั วต์ ้องใช้วัสดอุ ำหำรสตั ว์ เชน่ ขำ้ วโพด ในปริมำณท่ี แนน่ อนและตลอดทั้งปี โรงงำนแปรรปู อำหำรกระป๋องท่ตี ้องกำรวัตถดุ ิบตลอดทงั้ ปีปญั หำของโรงงำนเหลำ่ น้ีก็คือ ทำอยำ่ งไร จงึ มวี ตั ถุดิบเพียงพอตลอดปี เกษตรกรผผู้ ลิตเองก็มีปัญหำในกำรขำยพืชผลเหลำ่ น้ี เพรำะบำงปีรำคำแพงบำงปีรำคำต่ำ จึงได้ มีรูปแบบกำรตลำดอย่ำงหนึ่งที่เรยี กว่ำ ตลำดแบบมีข้อตกลง ผู้ซ้ือจะรบั ซ้ือสนิ คำ้ ในรำคำที่ตกลงกนั ซ่ึงอำจจะต่ำกวำ่ รำคำ ตลำดบำ้ งเลก็ น้อย หรอื รับซ้ือตำมรำคำตลำด แตผ่ ู้ผลิตกม็ ีควำมม่ันใจวำ่ ผลติ แล้วขำยได้ในรำคำท่ีกำหนดขณะเดียวกันผู้ ผลิต กต็ อ้ งปฏิบตั ิตำมคำแนะนำของผรู้ บั ซือ้ เช่น ในเรือ่ งกำรใชป้ ุ๋ย กำรใช้ยำปรำบศัตรูพืช ระยะเวลำทีท่ ำกำรเพำะปลกู และเกบ็ เกี่ยวเชน่ ขำ้ วโพดฝักอ่อนต้องปลูกปีละ 4-5 ร่นุ สว่ นมำกผู้รับซอื้ จะจดั หำปัจจัยกำรผลิตใหผ้ ู้ผลิตกำรตลำดแบบมขี ้อตกลงจะ มมี ำกข้ึนในอนำคต เช่น ถ่วั เหลอื ง ขำ้ วโพดเลีย้ งสัตว์ ผัก ขำ้ วโพดฝักออ่ นและมะเขอื เทศ สำหรับโรงงำนแปรรปู ระบบตลำด ของสินค้ำเหล่ำนี้จงึ ไม่สลบั ซบั ซ้อนเหมือนสินคำ้ ทวั่ ไป เก็บเกยี่ วแล้วก็จดั ส่งจำหนำ่ ยให้ผู้รับซอื้ ท่ีมีข้อตกลงกนั อำจจะโดยตรง หรอื ผ่ำนผู้รวบรวมในทอ้ งถิ่น ระบบตลำดโดยมีข้อตกลงมใิ ช่จะมีแต่กำรปลกู พืช กำรเลีย้ งไกก่ ระทงในปจั จุบัน (พ.ศ.๒๕๓๕) แทบทง้ั หมดก็เลี้ยง โดยอำศัยระบบตลำดแบบน้ี ผรู้ บั ซอ้ื ไกเ่ ป็นจะจดั พันธุ์ อำหำรยำรักษำสัตวใ์ หก้ ับผูเ้ ลย้ี งที่มีข้อตกลง ผูเ้ ลยี้ งไก่ต้องปฏบิ ตั ิตำม ข้อแนะนำ เมื่อถึงกำหนดก็จะส่งไกใ่ ห้กบั โรงชำแหละของผู้ซือ้ ตำมรำคำทตี่ กลงกนั ตวั อยำ่ งสำเหตทุ ี่ทำใหร้ ะบบตลำดเปลยี่ นแปลง บำงครำวก็ยำกทจ่ี ะแยกออกมำพิจำรณำในแตล่ ะเร่ือง เพรำะมีปจั จัยหลำย อย่ำงทส่ี ่งผลพร้อมกัน ตอ่ ไปในอนำคตอำจจะมปี ัจจยั อย่ำงอ่ืนเพ่ิมอีกก็ได้ สินคำ้ เกษตร(ผลไม้)กับกำรตลำดทย่ี ง่ั ยนื ชฎลิ นม่ิ นวล ถำ้ จะกลำ่ วถึงผลไม้ไทยทุกทำ่ นคงรู้จักกนั ดี ไม่วำ่ จะเป็นทุเรียน มังคุด เงำะ ลิ้นจ่ี ลำไย ส้มโอ มะม่วง ที่โด่งดังกันไป ท่วั โลก ผลไมอ้ น่ื ๆ อีกมำกมำยก็ใช่ว่ำจะไม่เป็นทนี่ ิยม เชน่ ฝรัง่ ชมพู่ น้อยหน่ำ ขนนุ ลองกอง มะละกอ สปั ปะรด มะพรำ้ ว อ่อน กล้วย ละมดุ และอนื่ ๆ อกี มำกมำย เรำเรียกรวม ๆ วำ่ เปน็ ผลไมใ้ นเขตร้อนชนื้ (Tropical Fruits) ถ้ำกลำ่ วถงึ ตลำด ภำยในประเทศแล้วทกุ คนรู้จักกันดี แตส่ ำหรบั ตลำดต่ำงประเทศแลว้ ยังเปน็ สิง่ ท่นี ำ่ สนใจท่ีจะทำใหค้ นทั่วโลกรจู้ กั และได้ลิ้ม ชิมรสชำติของผล ไม้หลำกหลำยชนดิ ขำ้ งตน้ กอ่ นทจี่ ะกล่ำวถึงกำรตลำดสินค้ำเกษตร มีข้อมูลงำนวิจัยของ Fresh Trends : 2001 ได้ทำกำรสำรวจ ปจั จัย เบื้องต้นทสี่ ง่ ผลต่อกำรตัดสนิ ใจซอ้ื ผลผลิตสด ไวน้ ำ่ สนใจดงั นี.้ - 87 % ควำมคำดหวังในเรือ่ งรสชำติ 83% รปู ลักษณ์ทั่วไปของสนิ ค้ำ 74% ควำมสะอำด 70% ระดบั ของกำรสุกงอม 57% คณุ ค่ำทำงโภชนำกำร 47% รำคำ 41% ชนิดตำมฤดูกำล

15 39% ควำมรู้เกี่ยวกับกำรบั ประทำน 33% ภำพลกั ษณข์ องกำรจัดเสนอสินค้ำ 27% ควำมสมบรู ณ์ 14% เพำะปลูกจำกแหล่งใด 12% เพำะปลกู แบบเกษตรอินทรยี ์ ท่ียกมำให้เห็นเพื่อใช้เทียบเคียง และลองดูว่ำสำมำรถมำจัดกำรทำงด้ำนกำรตลำด เพือ่ ให้เกิดควำมสอดคล้องใน บรบิ ทของสินคำ้ และตลำดท่ีมคี วำมหลำกหลำยทั้งในและนอกประเทศ โดยบรู ณำกำรทั้งสว่ นผสมทำงกำรตลำดที่รู้ ๆ กันอยู่ มำจัดสนิ คำ้ เกษตร(ผลไม)้ ของไทยโดยเฉพำะผลไมท้ ำงภำคใต้ของเรำ จะก่อให้เกิดประโยชนต์ ่อเกษตรกร ผทู้ เี่ กีย่ วข้อง และ สำมำรถแก้ไขใหก้ บั ผลไมท้ ำงภำคใตข้ องประเทศไทยได้อย่ำงย่งั ยืน ถำ้ จะกลำ่ วถึงผลไม้ในภำคใต้ แล้วคงอดที่กล่ำวถึง รสชำติของทเุ รียนหมอนทองทห่ี วำนมันนมุ่ นวล ของยะลำ มังคุด ลำนสกำ พรหมบุรี เงำะ หลังสวน ลองกองตนั หยงมสั อะไรทำนองนี้ ในเมื่อเรำมีสนิ ค้ำท่ีมีรสชำติดตี ำมธรรมชำติ ทจี่ ริงไม่ว่ำ ทุเรียน มงั คุด เงำะ ลองกองอีกหลำยจงั หวัดภำคใต้ มีรสชำติใกลเ้ คยี งกนั แต่ทีก่ ล่ำวนี้ ถอื ว่ำมชี อื่ เสยี งมำนำนจนขน้ึ ช่ือเปน็ ท่ี รู้จกั โดยทว่ั ไป จะเห็นได้วำ่ หำกเทียบเคียงเร่ืองตัวสินค้ำในส่วนผสมทำงกำรตลำด ก็ถือว่ำคุณภำพของสนิ ค้ำเป็นมูลค่ำใน ตวั เองอยู่แลว้ แตเ่ มอื่ มำเทียบเคยี งกับงำนวจิ ยั ท่ีวำ่ ผตู้ อบแบบสอบถำมใหค้ วำมสำคญั ต่อรสชำติสูง ดังนน้ั จะทำอย่ำงไร ทจี่ ะ ให้ผู้บริโภคได้ทดลองล้ิมชมิ รสชำตเิ หล่ำน้ัน แต่นนั่ เปน็ เพียงหลกั กำรที่เรำ ๆ รกู้ ันอยู่ เมื่อหันมำมองในวิชำกำรทำงดำ้ นหลัง กำรเกบ็ เกยี่ ว เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลผลิตเป็นไปตำมคุณภำพทีค่ ำดหวงั กต็ อ้ งมำดวู ำ่ มีปัจจัยอะไรบ้ำง ท่สี ง่ ผลต่อรสชำติ เชน่ ควำมแก่ ของผลิตผลทพี่ อดี กำรดแู ลในกำรเกบ็ เกี่ยวไมใ่ ห้กระทบกระเทือน เพรำะน่นั หมำยถึงถ้ำกระทบกระเทือน หรือเกิดบำดแผล เพรำะจะทำให้เกิดกำรหำยใจ กำรคำยน้ำ กำรผลิตเอทิลีน ซ่ึงจะเกิด กำรสูญเสยี นำ้ เปล่ียนแปลงกระบวนกำรทำงเคมี ทำให้ รสชำติเปล่ยี นไป กำรขนสง่ กำรบรรจุหีบห่อ เหลำ่ นี้มีผลต่อรสชำติทีเ่ ปลี่ยนแปลงทั้งสนิ้ รวมทง้ั อณุ หภมู ิ ควำมช้ือสมั พัทธ์ บรรยำกำศ แสง และแรงโน้มถ่วงเหล่ำนี้เป็นสงิ่ ท่เี ร่งกระบวนกำรต่ำง ๆ ที่สง่ ผลต่อกำรเส่ือมสลำย รวมทัง้ รสชำติท่ี แปรเปล่ยี นไปของตวั ผลติ ผล เมอ่ื พดู ถงึ รปู ลักษณ์ท่ัวไปของสินค้ำ และ เร่ืองของควำมสะอำด ก็ยังคงอยูใ่ นเรอื่ งของตวั สินคำ้ หรอื ผลิตผล ไมว่ ่ำ ทเุ รียน มังคุด เงำะ ลองกอง หรือผลไม้อื่น ๆ รูปลักษณ์ท่ีดี หมำยถงึ รปู ทรง ควำมสวยงำม เชน่ ทุเรยี นหมอนทองรูปลักษณ์ท่ี ดี ควรจะสมส่วน มีพูเต็ม สสี ันเป็นไปตำมสำยพันธ์ มังคุด สผี วิ ควำมสะอำด ขนำด รวมท้งั เงำะกเ็ ชน่ กนั สีสนั ท่ีบ่งบอกถึง ควำมสด สะอำด ตำมรูปลักษณใ์ นแตล่ ะสำยพนั ธ์ และแต่ละชนดิ บำงครง้ั จะเหน็ ว่ำที่ผวิ มังคุดก็ดี เงำะกด็ ี มีแมลง เชน่ เพลยี้ ต่ำง ๆ ซ่งึ มองแลว้ ทำให้ไมช่ วนรับประทำน แต่ในปัจจุบนั นี้เรอื่ งของควำมสะอำดไม่ได้ดูเพียงผวิ พรรณภำยนอก แต่ปจั จุบนั ดู ถึงควำมสะอำดภำยใน เชน่ เรอ่ื งของสำรพิษตกคำ้ ง ปริมำณสำรพิษตกคำ้ งซ่ึงจะต้องเปน็ ไปตำมมำตรฐำนสำกล มฉิ ะนั้นกจ็ ะ ไม่สำมำรถขำยสินค้ำไปยงั ต่ำงประเทศได้ สว่ นในเรอื่ งของระดับควำมสุกงอม และคุณค่ำทำงโภชนำกำร ซงึ่ มผี ลตอ่ กำรตัดสนิ ใจซ้ือ ยงั คงเปน็ สว่ นของตัว ผลผลติ ผลไม้ของไทยส่วนใหญ่ไดเ้ ปรียบเรื่องของคุณคำ่ ทำงโภชนำกำรอยู่แลว้ ไมว่ ่ำจะเป็นมงั คดุ เงำะ ลองกอง หรอื แม้แต่ ทุเรยี นเอง ก็มคี ุณคำ่ ทำงโภชนำกำรอยู่แล้ว แตส่ งิ่ ทีเ่ ปน็ ผลโดยตรงของระดับกำรสกุ และคุณค่ำทำงโภชนำกำรนนั้ กค็ ือ ระดับ

16 ควำมแก่ทเ่ี หมำะสม กบั กำรเกบ็ เก่ียว กำรดแู ลหลังกำรเก็บเกยี่ ว กำรบรรจุหบี หอ่ และกำรขนสง่ จะเป็นสิง่ ทีร่ ักษำคณุ ค่ำ รสชำติ และกำรสกุ งอมของผลผลิตได้เปน็ อยำ่ งดี เรอ่ื งของรำคำ ซงึ่ เปน็ ส่วนท่ีสำคญั และสง่ ผลโดยตรงต่อเกษตรกร ดังนั้น แมว่ ำ่ ผูบ้ ริโภคจะไม่ไดม้ องเร่ืองรำคำเป็น ประเด็นหลัก แตผ่ ูบ้ รโิ ภคมปี ัจจัยอ่ืนทใี่ หค้ วำมสำคัญ ไม่ว่ำจะรสชำติ คุณภำพของตัวผลติ ผล ดังนนั้ กำรผลิตสนิ ค้ำเกษตร จำเปน็ ต้องดูแลตงั้ แตร่ ะยะเริ่มแรกก่อนออกดอก ต้องบำรงุ ดนิ กำรใหน้ ำ้ อย่ำงเหมำะสม กำรใชส้ ำรเคมี กำรห่อผลผลติ เพื่อ ปอ้ งกันแมลง และลดกำรใชส้ ำรเคมี กำรเกบ็ เกยี่ ว กำรดูแลหลังกำรเกบ็ เก่ียว เพื่อใหไ้ ดผ้ ลผลติ ท่ีมีคุณภำพตรงกบั ควำม ตอ้ งกำรตลำด ถงึ จะได้รำคำดี ชนิดตำมฤดกู ำล ควำมรู้เก่ยี วกับ บริโภค ภำพลักษณ์ของกำรจัดเสนอผลผลติ เหล่ำนก้ี จ็ ะตรงกบั กำรสง่ เสริมกำรขำย ในตวั ผลผลติ เพื่อใหเ้ กดิ กำรเตรียมตัวในกำรสง่ เสริมกำรขำย เม่ือถึงเวลำของผลผลติ ออกสู่ตลำดจะได้ระบำยสนิ ค้ำไดท้ ัน เช่น อำจจะมกี ำรเจรจำกบั ห้ำงสรรสนิ คำ้ เพื่อนำสินค้ำมำลงขำย โดยมีกำรนำเสนอ วธิ รี บั ประทำน หรอื จดั บธู หรอื จดั โลดโชว์ ใน ตำ่ งประเทศ จดั ขบวนคำรำวำน เปน็ ต้น สว่ นในเร่อื งสุดทำ้ ยน้นั ที่เกี่ยวกับควำมสมบูรณ์ แหล่งเพำะปลูก และเพำะปลูกแบบอนิ ทรีย์ เป็นเรื่องของควำม ปลอดภัยของผู้บริโภคซึ่งเป็นกระแสของกำรบริโภคผลิตผลสด ท่ปี ลอดภัยจำกสำรพิษตกคำ้ ง เพรำะเน่ืองจำกปจั จบุ นั นี้ ประชำกรท่วั โลกตระหนักถึงโรคภยั ไข้เจบ็ อันเกิดจำกมลพิษทีเ่ กดิ จำกฝมี อื มนุษยท์ ่ีขำดควำมรบั ผดิ ชอบ ขำดควำมรู้ ควำม เข้ำใจ จนเกดิ เป็นภยั ที่เกดิ ขน้ึ ต่อชีวติ ของผู้บริโภค รฐั บำลทุกประเทศต้องทุม่ เทงบประมำณมหำศำล เพื่อรักษำประชำกรที่ ได้รบั ผลกระทบ ทง้ั ทำงตรง และทำงออ้ ม ดงั นน้ั หำกทุกคนตระหนกั ในควำมรับผดิ ชอบ ปฏบิ ัตดิ ้วยควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ ช่วยกันปกป้องภัยตำ่ ง ๆ ควำมเจริญรงุ่ เรือง และควำมอยเู่ ยน็ เป็นสุขทงั้ ในดำ้ นสุขภำพกำยและสขุ ภำพจิต ก็จะเกิดขนึ้ อย่ำง ยง่ั ยนื ต่อมวลมนุษยชนโลกสืบตอ่ ไป บทบาทของการตลาดในระบบการเกษตรแบบยั่งยืน กำรเกษตรแบบย่ังยนื ได้ใหค้ วำมหมำยจำกนักเศรษฐศำสตร์ในหลำยด้ำนแต่ในที่น้ี ผุเ้ ขียนบทควำมน้ีคือ ดร.จอหน์ ไอเคริ ส ได้กลำ่ วถึงคำจำกดั ควำมของ (Allen) อำแลนด์ และคณะ กล่ำวคือ จอห์น ได้ใหค้ วำมเห็นว่ำ กำรเกษตรแบบยั่งยนื เป็นกำรมองทง้ั ระบบของกำรทำกำรผลติ ทำงกำรเกษตรโดยทัว่ ไป แลว้ กำรเกษตรแบบยั่งยืนจะเป็นกำรพิจำรณำถึงระบบ นิเวศนว์ ทิ ยำเศรษฐศำสตร์ และกำรตอบสนองต่อควำมต้องกำรของสังคม ในอดีตท่ีผ่ำนมำมุมมองของนักเศรษฐศำสตร์ ได้มงุ่ เน้นไปท่ีกำรลดตน้ ทนุ กำรผลติ ทำงกำรเกษตร โดยวิธกี ำรลดกำร ขอ้ ปัจจัยกำรผลิตอนั เปน็ ต้นทุนหลักในขบวนกำรผลิตเม่ือเรำมอง ภำพรวมของกำรผลิตทำงกำรเกษตร สำมำรถกลำ่ วไดว้ ่ำ เกษตรกรมกั ทำกำรผลิตสินคำ้ เกษตรโดยมุ่งตอบสนองควำมต้องกำร ของตลำด หรอื ควำมต้องกำรของผบู้ รโิ ภคเป็นประกำร สำคญั เกษตรกรมักจะผลติ สินคำ้ เกษตรโดยพื้นฐำนชนดิ เดียวกนั และซำ้ กันหลำยปอี ยำ่ งต่อ เนอื่ ง กำรผลติ สินค้ำขั้นพ้ืนฐำน ของเกษตรกรทเี่ หมือนกนั จะตอ้ งประสบปญั หำกำรแขง่ ขัน ทำงกำรตลำดทงั้ ตลำดภำยในประเทศและตลำดต่ำงประเทศ ดร. จอห์น ไอเคริ ส ได้ให้แนวควำมคิดเก่ียวกบั ผลผลิตตอ่ หน่วยเมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ระบบกำรผลติ น่นั คือ 1) กำรผลติ ระบบด่งั เดิม และ 2) กำรผลิตระบบทำงเลอื ก รำคำของผลผลิตทำงกำรเกษตรท่ีเกษตรกรไดร้ บั จะแตกตำ่ งกันออกไปตำมวถิ ีกำรตลำด ระดับของตลำด และปรมิ ำณผลผลติ ทำงกำรเกษตร ยกตวั อยำ่ งเชน่ กำรเพิ่มขึน้ ของรำคำจำกผลผลิตเกษตรชนดิ พิเศษ หรอื

17 ต้นทนุ ทีส่ ูงขึน้ เชน่ กำรผลติ ผลผลิตทค่ี ำนึงถึงคณุ ภำพ เม่ือเข้ำสรู่ ะดับตลำดทัว่ ไป ตน้ ทุนเหล่ำนอี้ ำจไม่ไดน้ ำมำคำนวณ ดงั น้นั กำรเพิ่มคุณค่ำทำงกำรตลำดของสินค้ำเกษตร อำจมคี วำมสำคัญมำกกวำ่ กำรพยำยำมลดตน้ ทนุ กำรผลิตทำงกำรเกษตรโดย กำรผลติ ทำงกำร เกษตรนั้นจะตอ้ งคำนงึ ถึงระบบนิเวศน์ กำรจดั กำรฟำร์มตอบสนองต่อระบบเศรษฐกิจ และคำนงึ ถงึ ควำม รับผดิ ชอบท่มี ีต่อสังคม หลำยครัง้ เม่ือเรำพิจำรณำถึงระดบั กำรผลิตขนั้ ต้นของระบบกำรเกษตร จะพบวำ่ กำรเกษตรยังขำดระบบกำรตลำด แบบทำงเลือก นนั้ คือระบบกำรตลำดแบบทำงเลือกเปน็ หัวใจหลกั สำคัญในขบวนกำรเกษตรแบบยง่ั ยนื โดยเฉพำะในภมู ภิ ำค ทำงใต้ของประเทศสหรฐั อเมริกำ “กำรตลำด” จงึ ถือเป็นหวั ใจสำคญั ของกำรเกษตรแบบย่ังยืนโดยอำศยั แนวทำงในกำรศึกษำ และ วจิ ัยเปน็ แนวทำงสำคญั ซึ่งในอเมรกิ ำจะจดั กำรในแนวทำงนเี้ รียกว่ำ “โปรแกรมกำรศึกษำและวิจัยเพ่ือเกษตรแบบ ยงั่ ยืน” หรือ (Sustainable Agricultural Rescarch and Education : SARE) ซ่งึ โปรแกรมนี้ได้ดำเนินกำรไปทัว่ ทุกภูมิภำค ของสหรัฐอเมรกิ ำ ดงั นั้นข้อมูลกำรตลำดจงึ มคี วำมจำเปน็ ในกำรเผยแพร่ไปยังเกษตรกรผู้ผลติ ท่ัว ทกุ ภมู ิภำค นน่ั คอื ข้อมลู กำรตลำดจะนำมำซงึ่ กำรจัดกำรกำรตลำดท่มี ีประสทิ ธิภำพ กำรตลำดทเี่ กษตรกรมงุ่ หวงั และผลกำไรตำมมำ นอกจำกนย้ี งั เพม่ิ ช่องทำงกำรตลำดสินคำ้ เกษตรประเภทอำหำรอกี ดว้ ย การจัดองคก์ รการตลาด กำรจดั องค์กรกำรตลำดเป็นหัวใจสำคญั ของกำรจดั กำรตลำด นน้ั คือจะต้องเขำ้ ใจถงึ ควำมสัมพนั ธ์กำรตลำดกับ กำรเกษตรแบบย่ังยืนซ่ึงเป็น หวั ใจสำคญั ในอนำคตซ่ึงเก่ยี วขอ้ งกับกำรตลำด , กำรผลติ และนโยบำยสำธำรณะ ระบบกำร ผลติ สนิ ค้ำเกษตร และตัวสนิ ค้ำเกษตรเองเป็นวตั ถุดับของอุตสำหกรรมอน่ื ๆ ในระบบเศรษฐกจิ ของสหรฐั อเมริกำ เม่อื ประมำณ 100 ปี ทผ่ี ำ่ นมำสหรฐั อเมรกิ ำนับเปน็ สังคมเกษตรกรรม ดงั นั้นทรัพยำกรธรรมชำตทิ ้งั หมดจงึ ถูกใช้ไปในกำรผลติ อำหำรและเคร่อื งน่งุ ห่ม เพื่อผลติ อำหำรเลีย้ งคนท้ังประเทศ และผลติ เส้นใยในอุตสำหกรรมเครอ่ื งนุ่งห่ม ต้นทนุ กำรผลิต อำหำรและเส้นใยในอุตสำหกรรมสงิ่ ทอมักมีควำมแตกตำ่ งกันออกไปตำม สภำพภมู ิศำสตร์ กำรเกษตรของอเมริกัน เป็นลักษณะกำรค้ำ , กำรผลติ เฉพำะอย่ำง กำรผลติ เปน็ ชวี ิตประจำวัน กำรเกษตรนัน้ มุ่งเน้น กำรผลิตอำหำรเพ่อื เลีย้ งผู้คนในประเทศมำกกว่ำกำรประกอบ ธุรกิจเพื่อมุ่งเนน้ กำไร กำรผลิตแบบอุตสำหกรรมจึงเร่มิ จำก กำรนำเครื่องจกั รมำใชแ้ ทนแรงงำนสัตว์ ในภำคกำรผลิตทำงกำรเกษตร ภำคกำรเกษตรของอเมริกำในปัจจุบนั จึงทำกำรผลิต สนิ คำ้ เกษตรในลักษณะเดียวกับ ขบวนกำรผลิตทำงอุตสำหกรรม หรือกำรประกอบชน้ิ สว่ นของโรงงำนในอตุ สำหกรรมกำร ผลิตกำรตลำดมวลรวมไดถ้ ูกนำมำ ใชเ้ พื่อตอบสนองกำรผลติ และผลผลติ ปริมำณมำก โรงงำนแปรรปู ผลิตผลกำรเกษตรจงึ มี ควำมจำเป็นท่ีจะปรับเปลย่ี นขบวนกำรผลติ ให้ สอดรับกับปรมิ ำณผลผลิตทำงกำรเกษตรจำนวนมำก และกำรขยำยขนำดของ กำรผลิตเพื่อก่อใหเ้ กิดกำรประหยดั ต่อขนำดเชน่ เดียวกบั อุตสำหกรรมกำรผลติ รถยนต์ ยกตัวอยำ่ งโรงงำนผลิตรถยนต์ฟอรด์ ซ่งึ ถอื เปน็ ตน้ แบบมำตรฐำนของขบวนกำรผลิตรถยนต์ของประเทศสหรฐั อเมริกำร จำกอดตี ถึงปัจจุบันโรงงำนกำรประกอบ รถยนต์ฟอร์ดได้ปรับเปล่ยี นรูปแบบ ขนำด สี และลกั ษณะพิเศษอน่ื ๆ ตำมกระแสกำรเปลยี่ นแปลงของเวลำ แมเ้ วลำ เปลีย่ นไปและกำรเปล่ยี นแปลงสว่ นประกอบอ่นื ๆ เปลยี่ นไป แตอ่ ุตสำหกรรมรถยนต์ฟอรด์ ยังคงไวซ้ ึ่งแนวคดิ ของกำรตลำด เพื่อมวลชน เนอื่ งจำกฟอรด์ เป็นรถยนตท์ ไ่ี ดร้ ับควำมนยิ มเป็นอย่ำงมำกในประเทศสหรัฐ อเมริกำ บริษัทรถยนต์ฟอร์ดได้ทุม่ เท งบประมำณเพื่อกำรโฆษณำเปน็ จำนวนเงินหลำยล้ำน เหรียญสหรฐั อเมริกำ เพ่อื ดำรงค์ไว้ซึ่งปรัชญำของกำรตลำดแบบมวล

18 รวมเพ่ือคนทั้งประเทศ กำรเกษตรในปัจจุบนั ได้ทำกำรผลิตเปรยี บเสมอื นอุตสำหกรรมรถยนต์ดังท่ไี ด้กล่ำว มำแลว้ แต่กำรทำ กำรเกษตรมกั มงุ่ เน้นกำรผลติ สินค้ำพน้ื ฐำน เช่น ข้ำวโพด ข้ำวสำลี ถว่ั เหลือง สกุ ร โค กระบอื เพอื่ ป้อนตลำดของผู้บรโิ ภคท้งั ประเทศ ภำคกำรเกษตรจึงเปรยี บเสมอื นแหล่งอำหำรเพ่ือผู้บริโภคและแหล่งวตั ถุดิบของ อุตสำหกรรมอื่น ๆ ภำยในประเทศ กลยทุ ธ์กำรจัดกำรกำรเกษตรและธุรกิจเกษตรจึงมงุ่ เน้นไปทค่ี วำมสำเร็จของกำร ตลำดเพ่ือกอ่ ให้เกิดกำรกระจำย สนิ ค้ำเกษตรและอำหำรสูผ่ บู้ รโิ ภคทง้ั ประเทศ ในปี ค.ศ.1890 (ข้อมลู โดยกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมรกิ ำ) สัดส่วนของ ประชำกรทที่ ำอำชีพกำรเกษตรและอำศัยในภำคกำรเกษตรมีน้อยกว่ำ 2 เปอรเ์ ซ็นต์ ของประชำกรท้งั ประเทศที่นำ่ สนใจไป กว่ำน้ัน อำชีพนอกภำคกำรเกษตรให้รำยได้มำกกว่ำภำคกำรเกษตรถึง 1 เทำ่ ในขณะท่ีกำรคำดกำรณก์ ันวำ่ ผบู้ ริโภคจำ่ ย คำ่ อำหำรเป็นสัดสว่ นถึง 11 เปอรเ์ ซ็นตข์ องรำยได้ ในขณะท่เี กษตรกรจะไดร้ บั รำยได้เพยี งแค่ 22 เซน็ ต์ตอ่ เงิน 1 ดอล์ล่ำร์ ท่ี ผูบ้ รโิ ภคจ่ำยเป็นค่ำอำหำร ครง่ึ หนง่ึ ของต้นทนุ กำรผลิตทำงกำรเกษตรเปน็ คำ่ ใช้จำ่ ยในกำรซื้อปัจจัยกำร ผลติ เกษตรกรจะ ไดร้ ับแค่ 10 เซ็นตเ์ ม่ือเทียบกับเงนิ 1 ดอล์ล่ำร์ ท่ผี บู้ ริโภคจำ่ ยเปน็ ค่ำอำหำร โดยหลกั กำรอตุ สำหกรรมแล้ว กำรจดั กำรอตุ สำหกรรมจดั เปน็ หนทำงประกำรหนึง่ ในกำรนำมำใชก้ บั ภำคกำรผลิต ทำง กำรเกษตรและอุตสำหกรรมเกษตร ในยุคอุตสำหกรรมกำรผลติ ทำงอตุ สำหกรรมได้ถูกกระตุน้ โดยควำมต้องกำรของคน สว่ น ใหญ่นัน่ คอื ผูบ้ รโิ ภคส่วนใหญต่ อ้ งกำรสนิ ค้ำจำกภำคอุตสำหกรรม ก่อให้เกิดกำรขยำยตัวในภำคอุตสำหกรรมและนำไปสู่ กำรใชพ้ ลังงำนทีเ่ พิ่มมำก ขน้ึ กำรเกษตรกเ็ ชน่ กนั นนั่ คือกำรขยำยตัวทำงกำรเกษตรก่อใหเ้ กดิ กำรใช้พลังงำนมำกย่ิงขึ้น กำร ผลิตก็มำกข้นึ สำมำรถตอบสนองผบู้ รโิ ภคไดม้ ำกข้ึนและรำคำอำหำรถูกลง นั่นคือกำรขยำยขนำดกำรผลิตและกำรประหยัดตอ่ ขนำดน่ันเอง สนิ ค้ำอำหำรมรี ำคำถูกมำกเพื่อเปรยี บเทยี บกับรำยไดข้ องผู้บริโภคในสหรฐั อเมริกำ และส่งผลให้สดั สว่ นที่ เกษตรกรไดร้ บั กน็ ้อยลงตำมไปด้วย แตถ่ งึ อยำ่ งไรประเทศชำตแิ ละผบู้ รโิ ภคทัง้ หมดก็ยังคงตอ้ งกำรอำหำรรำคำถูก เพื่อ ตอบสนองควำมต้องกำรของผูบ้ ริโภคได้ ปญั หำทเ่ี หน็ ไดช้ ดั เจนคือสดั ส่วนที่เกษตรกรได้รับจำกกำรผลติ ทำงกำรเกษตรลดลง ผลตอบแทนจำกกำรทำกำรเกษตรนอ้ ยกว่ำ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ เมอื่ เป็นเช่นนี้เกษตรกรหลำยคนได้ออกจำกภำคเกษตรและหนั ไป ประกอบอำชีพอย่ำง อน่ื แทน ดังน้ันกำรทำกำรเกษตรจงึ ไม่ประสบผลสำเร็จมำกนักในแง่ของกำไรจำกกำรประกอบกำร แต่ในสภำพควำมเปน็ จริง ภำคเกษตรยังคงเปน็ ตวั จกั รสำคัญในกำรขบั เคลื่อนเศรษฐกิจกำรเตบิ โตของเศรษฐกจิ กำรใช้ทรพั ยำกรและทำลำย สิ่งแวดล้อม และกำรคำนึงถึงสภำพทำงสังคม ซ่งึ ทั้งหมดนั้นจะทำใหผ้ ลกำรประกอบกำรลดลง ทำงเลือกกำรเกษตรแนวทำง ใหมจ่ งึ จดั กำรเพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั เศรษฐกจิ สิง่ แวดล้อม ระบบนิเวศน์ และสภำพสังคม เกษตรกรจึงพจิ ำรณำถงึ ควำม ต้องกำรแนวใหม่ ในกำรประกอบอำชพี กำรเกษตรซึง่ เกย่ี วขอ้ งและคำนึงถงึ ระบบนิเวศน์และสิ่งแวด ลอ้ มเป็นประกำรสำคัญ แนวทำงกำรดำเนนิ ธุรกจิ ดร.โจ บำร์เกอร์ ไดอ้ ธิบำยวำ่ แนวทำงกำรดำเนินธรุ กิจประกอบดว้ ยหลกั กำรใหญ่ ๆ 2 ส่วนคอื 1) กำรกำหนด ขอบเขตของตลำด 2) กำรกำหนดมำตรฐำนเพื่อม่งุ เน้นควำมสำเร็จโดยคำนึงถึงพฤติกรรมผ้บู ริโภคในขอบ เขตตลำดที่เรำ กำลงั พจิ ำรณำ ดร.โจ ไดอ้ ธิบำยเพมิ่ เติมโดยยกตวั อย่ำงกำรเลน่ เทนนสิ นัน่ คือผู้เล่นจะแลเหน็ ขอบเขตของสนำมเทนนิสอย่ำง ชัดเจน และพน้ื ทีน่ อกเขตสนำมเทนนสิ นนั่ คือผ้เู ล่นจะต้องตีลูกบอลให้ขำ้ มตำขำ่ ยและไปตกในพืน้ ที่อีกฝ่ำยหนง่ึ

19 กฎเกณฑ์กำรประกอบธุรกิจจึงเป็นเรอ่ื งดูเหมือนง่ำยซงึ่ คล้ำยกับกำรอธิบำยของ ดร.โจ โดยเปรยี บเทียบกำรเล่น เทนนิส หรืออำจมองในแงค่ วำมซบั ซ้อน เช่น รูปแบบโมเดลกำรพัฒนำเศรษฐกิจ อย่ำงไรกต็ ำมกำรกำหนดขอบเขตและ ทิศทำงยังคงเป็นปจั จยั สำคัญในกำรดำเนินกำร ทรพั ยำกรธรรมชำติ เปรียบเสมือนปัจจัยภำยนอกในขบวนกำรผลิตทำง กำรเกษตร ซงึ่ ทรัพยำกรธรรมชำติมักแตกต่ำงกันออกไปตำมสภำพภมู ิศำสตร์ ควำมสำเร็จของกำรประกอบกำรธรุ กจิ มักจะวดั จำกผลกำไรจำกกำรประกอบกำร และกำรเตบิ โตทำงธรุ กิจ ธุรกิจมัก มงุ่ เนน้ ไปท่กี ำรทำกำไรระยะสั้นและกำรเตบิ โตในระยะยำว ทกุ ๆ อย่ำงในองค์กรได้ถูกนำมำใช้อยำ่ งค้มุ ค่ำเพื่อก่อให้เกิดผล กำไรและกำรเจริญ เติบโต แนวทำงทเี่ ป็นไปได้ในกำรทำกำไรดเู หมือนจะตอ้ งลดตน้ ทุนกำรผลิต และกำรขยำยสว่ นแบ่งกำรตลำดธุรกิจจะต้อง พิจำรณำถงึ รสนยิ มและควำมช่นื ชอบของ ผบู้ รโิ ภคเปน็ ประกำรสำคัญ กำรมองหำกล่มุ ผ้บู ริโภคขนำดใหญ่ และส่วนแบง่ ตลำด ขนำดใหญเ่ พอื่ กำรผลิตที่ประหยัดต่อขนำดซงึ่ กำรผลติ ขนำดใหญ่ จะก่อให้เกิดตน้ ทุนต่อหน่วยทต่ี ่ำจึงก่อให้เกิดกำไรและกำร ขยำยตัวทำงธุรกจิ แนวปฏิบัตโิ ดยมงุ่ เนน้ ทำงเศรษฐศำสตร์ ระบบนิเวศน์ ควำมตอ้ งกำรของสังคมพ้ืนท่ีเกษตร ธรุ กิจ ชมุ ชน และสังคม ลว้ นเป็นปัจจยั สำคัญในกำรทำกำรเกษตรแบบย่งั ยืน ระบบนิเวศน์และควำมรบั ผิดชอบต่อสังคมเป็นหัวใจสำคญั ของ กำรเกษตรแบบยั่งยืน นอกจำกนี้ระบบนเิ วศน์ยังนับเป็นปจั จัยทมี่ ผี ลกระทบด้ำนบวกต่อกำรผลิตทำงกำร เกษตร ข้อจำกดั ยงั คงเป็นกฎหมำย และมนุษยห์ รือผู้บริโภค กำรพิจำรณำกำรเกษตรแบบย่งั ยนื ต้องพิจำรณำทง้ั ระบบหรอื องค์รวม (holistic) จุดมุ่งหมำยคอื กำรเกษตรแบบ ยง่ั ยนื มำกกวำ่ กำรมุ่งเนน้ กำไรในระยะส้ัน กำรดำเนนิ ธุรกิจจะต้องพจิ ำรณำถึงปจั จยั หลกั 2 ประกำร คือ เศรษฐศำสตรแ์ ละระบบนิเวศน์ กำรทำกำรผลิตทำง กำรเกษตรจะต้องสอดคล้องกับทรพั ยำกรธรรมชำตทิ มี ีอยใู่ นท้อง ถิ่นนัน้ ๆ กำรเกษตรแบบยง่ั ยืนยงั เน้นควำมเป็นตัวของ ตัวเองนั่นคือควำมพร้อมในตัวเอง นน่ั เอง กำรจดั กำรและกำรจำ้ งแรงงำนจะตอ้ งให้สอดคลอ้ งกับควำมรู้ ควำมสำมำรถ ควำม ปรำรถนำหรือมุ่งหวังในกำรทำงำนโดยใชแ้ รงงำนที่มีควำมชำนำญ สอดคล้องกับทรพั ยำกรธรรมชำติ ตลำดของผู้บรโิ ภคและ ขบวนกำรผลิต แนวคิดกำรผลิตแบบยงั่ ยนื จะตอ้ งอำศยั ควำมชำนำญของแรงงำนทงั้ ปริมำณและคณุ ภำพ ของแรงงำน ตลอดทง้ั กำร จัดกำรทมี่ ปี ระสิทธิภำพ เพอื่ ใหส้ อดรับกบั ท่ดี ินและทนุ ทีม่ ีอยู่ กำรจดั กำรท่ีมปี ระสิทธิภำพนน้ั จะตอ้ งสัมพันธก์ บั ปรมิ ำณเงิน ลงทนุ อยำ่ งคุม้ ค่ำของแรงงำนจำ้ ง กำรพจิ ำรณำถงึ สัดสว่ นของแรงงำนต่อพื้นทีก่ ำรผลติ เปน็ เอเคอร์ ดังนั้นกำรเกษตรแบบ ยง่ั ยืนจำเป็นต้องอำศัยกำรจัดกำรทด่ี ีและแรงงำนที่มี คุณภำพซึ่งดเู หมือนวำ่ กำรเกษตรแบบยง่ั ยนื ต้องกำรกำรดแู ลเอำใจใส่ ครอบครัวของ เกษตรกรเป็นอยำ่ งดี ซงึ่ แตกต่ำงจำกระบบกำรทำฟำรม์ โดยทั่วไป ขนำดของฟำร์มในกำรเกษตรยง่ั ยนื อำจจะลดลง นนั่ คอื ขนำดเล็กลงภำยใตแ้ นวคิดของกำรเกษตรแบบย่ังยืน อยำ่ งไร กต็ ำมขนำดที่เล็กลงจะต้องมีควำมพรอ้ มในกำรแขง่ ขัน และกำรประกอบกำรตำมควำมชำนำญเฉพำะด้ำน โดยฟำรม์ ขนำด เล็กจะต้องแข่งขนั กับขนำดใหญ่ภำยใต้ทรพั ยำกรที่มอี ยู่อย่ำง จำกดั และแรงงำนท่ีมีคุณภำพ ในทำงปฏบิ ตั ิฟำรม์ ขนำดเลก็ จะ เนน้ ในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและทรัพยำกร มนุษย์ซง่ึ ถอื ว่ำมีค่ำสูงสุดในบรรดำทรพั ยำกรท้ังหมด นัน่ คือกำรมงุ่ เนน้

20 กำรจัดกำรทรัพยำกรมนษุ ย์มำกกว่ำทรัพยำกรด้ำนอ่ืน ๆ โดยนำเอำควำมรคู้ วำมสำมำรถของทรัพยำกรมนุษยอ์ อกมำใช้ ประโยชนใ์ หม้ ำกทส่ี ดุ เพอื่ ผลประโยชนส์ งู สุดน่ันเอง ควำมชำนำญและทักษะในกำรผลิตสนิ คำ้ เกษตรมคี วำมสำคัญในเชงิ เศรษฐศำสตรแ์ ละระบบ นิเวศน์ อย่ำงไรก็ตำมควำมสำมำรถในกำรจัดกำรตลำดนับว่ำเป็นปัจจยั สำคัญไม่ย่ิงหย่อนไป กวำ่ ควำมสำมำรถและทักษะในกำรผลติ รปู แบบฟำร์มและกำรจัดกำรอำจถูกเปลยี่ นแปลงไปในอนำคต กำรจำ้ งแรงงำนในภำค กำรผลติ และกำรตลำดนบั เป็นหวั ใจสำคญั ของกำรเกษตรแบบ ย่ังยนื ในอดตี ทผี่ ่ำนมำกำรเน้นกำรลดต้นทนุ กำรผลิตโดยกำร ลดปจั จยั กำรผลิตทำงกำรเกษตร อยำ่ งไรกต็ ำมค่ำใช้จำ่ ยในกำรผลติ คดิ เปน็ สดั สว่ น 10 เปอรเ์ ซ็นตข์ องกำรใชจ้ ่ำยของ รำยจำ่ ยผู้บริโภคเทำ่ น้นั ในขณะที่คำ่ ใชจ้ ่ำยกำรตลำดคดิ เป็น 80 เปอร์เซน็ ต์ของรำยจ่ำยผบู้ รโิ ภค น่ันคือควำมเปน็ ไปได้ในกำร ทำกำไรโดยลดค่ำใชจ้ ่ำยในกำรตลำดลง แทนกำรลดค่ำใชจ้ ่ำยในกำรรบั ปจั จัยกำรผลิต อยำ่ งไรกต็ ำมคุณภำพและลักษณะของ สนิ คำ้ ยงั คงมีรปู ลักษณแ์ ละมำตรฐำนดง้ั เดมิ ตำมควำมต้องกำรของกำรตลำด หวั ใจสำคัญคือกำรทำฟำรม์ ท่ีขนำดเล็กลง มี ควำมชำนำญเฉพำะดำ้ นและมุ่งเนน้ กำรเกษตรแบบย่งั ยืน หลักการพน้ื ฐานของการตลาด หลักกำรกำรตลำดแนวใหมค่ ือ กำรเน้นขอบเขตกำรตลำด กำรถ่ำยทอดแนวควำมคิดเกีย่ วกับธรรมชำติและควำม ชำนำญสอู่ งค์ควำมรู้ คุณคำ่ ทำงเศรษฐศำสตร์ นบั เปน็ ควำมม่งุ หวังของกำรจัดกำรกำรตลำดและควำมเขำ้ ใจในพืน้ ฐำน กำรตลำด กำรตลำดโดยทัว่ ไปมุ่งเนน้ กำรเปลีย่ นแปลงรูปรำ่ งของสินค้ำจำกวตั ถุดิบสู่ สนิ คำ้ สำเรจ็ รูป เพือ่ ตอบสนองควำม ตอ้ งกำรของผู้บริโภค ยกตวั อย่ำงเชน่ กำรเปล่ยี นแปลงรูปแบบทำงกำยภำพ รวมกระทงั่ กำรคัดมำตรฐำนและกำรทำควำม สะอำดสนิ ค้ำ นอกจำกนี้กำรขนส่งยงั มีควำมสำคัญตอ่ สนิ ค้ำเกษตรจำกแหล่งผลติ จนกระท่ังถงึ มือ ผบู้ รโิ ภคคนสดุ ทำ้ ยในตลำด ในบำงครง้ั สนิ ค้ำเกษตรกย็ งั มีกำรขนสง่ จำกทวีปหน่งึ ไปยังอีกทวีปหน่งึ กำลเวลำมีควำมสำคัญต่อสนิ ค้ำเกษตร เชน่ เกษตรกร ต้องเก็บเก่ียวตรงเวลำ และหลังจำกนนั้ สำเหตุเก็บในโกดงั สินคำ้ ไดเ้ พือ่ สำมำรถนำไปใช้ได้ตรงเวลำตำม ควำมต้องกำรของ ผ้บู ริโภคหรอื โรงงำนแปรรูป และมีสินค้ำบริโภคตลอดทง้ั ปี บทบำทของกำรตลำดยังทำใหเ้ กิดกำรเปลีย่ นแปลงควำมเป็น เจำ้ ของจำกคนหนึง่ ไปยงั อกี คนหนงึ่ เพ่ือสนองตอบควำมต้องกำรของเขำได้โดยเฉพำะสนิ ค้ำประเภทอำหำรและเส้นใย กำรเปลย่ี นแปลงรูปแบบสินค้ำ และมูลคำ่ กำรตลำดโดยกำรเปลยี่ นรปู แบบสินค้ำ สถำนที่ ระยะเวลำและลักษณะ ควำมเป็นเจ้ำของโดยขบวนกำรของกำรตลำดทุก ๆ ขั้นตอนของกระบวนกำรตลำดก่อให้เกิดมูลคำ่ เพม่ิ ของสนิ คำ้ ใน ขณะเดียวกนั ก็ก่อให้เกดิ ต้นทุนทำงกำรตลำด มลู ค่ำเพ่มิ นำมำซง่ึ กำไร จำกขบวนกำรตลำด เช่น ควำมเป็นเจ้ำของ กำรขนสง่ กำรเกบ็ รักษำ และนำยหน้ำ ซึ่งสว่ นต่ำงระหว่ำงรำคำแตล่ ะขน้ั ตอนก่อให้เกิดกำไรนั่นเอง หลักกำรตลำดดังกลำ่ วฟงั ดเู หมอื น เป็นหลกั กำรขัน้ พ้นื ฐำนโดยท่ัวไป อย่ำงไรก็ตำมหลักกำรง่ำย ๆ ดงั กล่ำวนเี้ ป็นขบวนกำรเพิ่มคุณค่ำของสินคำ้ เกษตรในแนวดิ่ง กำรตลำดสินคำ้ เกษตรโดยทัว่ ไปกระทำกบั สนิ คำ้ เกษตรโดยพนื้ ฐำน เช่น ขำ้ วโพด ข้ำวสำลี หมู โค กระบือ ข้ำวโพด โดยสว่ นใหญม่ กั นำมำใชเ้ ปน็ วัตถุดินในอำหำรสัตว์ โดยเฉพำะใน อุตสำหกรรมโคขุน สนิ ค้ำเกษตรทีเ่ กษตรกรทว่ั ไปผลติ ไดม้ ักมีลกั ษณะคล้ำยกันหรือเหมอื นกัน ดังน้นั เกษตรกรจะตอ้ งประสบ กบั สภำวะของกำรแขง่ ขันโดยสมบูรณ์แบบ โดยมผี ู้ซอ้ื และผู้ขำยหลำยคนเข้ำออกในตลำดสนิ คำ้ เกษตรได้อย่ำงสะดวก ควำม

21 แตกตำ่ งของรำคำระหว่ำง 2 ตลำด สะท้อนให้เห็นถงึ ต้นทุนของกำรขนสง่ ในขณะเดยี วกนั ควำมแตกตำ่ งของรำคำของ 2 ฤดกู ำลสะท้อนถึงตน้ ทนุ ของกำรเกบ็ รักษำ สนิ คำ้ เกษตรสว่ นใหญ่มักมีกำรตัดสินใจกำรตลำดอย่ำงชดั เจนโดยเฉพำะในเรือ่ งของ ระยะเวลำ เนอ่ื งจำกสนิ ค้ำ เกษตรอำศัยระยะเวลำในกำรผลติ เกษตรกรผู้ผลิตสำมำรถลดควำมเสย่ี งจำกกำรเคล่ือนไหวของสนิ คำ้ เกษตรท่ีตัวเขำ เอง ผลติ ได้ โดยกำรขำยในตลำดลว่ งหน้ำสินค้ำเกษตร กำรซอ้ื ขำยกนั ในตลำดล่วงหนำ้ มักจะได้รำคำทสี่ งู กวำ่ รำคำในปัจจบุ ัน กำร ขำยสินคำ้ เกษตรท่เี กษตรกรผลิตได้โดยกำรรอ ชว่ งจังหวะของเวลำทีส่ ินค้ำเกษตรมีรำคำสงู เกษตรกรจึงนำออกขำยในตลำด แตท่ ัง้ นรี้ ำคำท่ีได้รับจะต้องคุ้มกบั ตน้ ทุนของกำรเก็บรักษำสินค้ำในโกดงั หรอื เกษตรกรสำมำรถขำยผำ่ ยนำยหน้ำหรือผเู้ กร็ง กำไร ซง่ึ ทำกำรซ้ือขำยนัน่ เอง เกษตรกรโดยสว่ นใหญม่ ักเป็นผู้เกร็งกำไรน้อย น่ันคือปลอ่ ยในนักเกร็งกำไรมืออำชพี เขำ้ มำทำ กำรซือ้ ขำย แทนที่จะกระทำด้วยตนเองโดยเกษตรกรพยำยำมขำยให้คุม้ คำ่ ต่อต้นทนุ กำรเกบ็ รกั ษำ ในสภำวะของตลำด แข่งขนั สมบรู ณ์ กำรตลำดสนิ คำ้ เกษตรมักมีควำมแตกต่ำงกันออกไป ในขณะท่ีสินค้ำเกษตรมีควำมคล้ำยคลึงกนั เป็นส่วนใหญ่ใน ตลำดสินคำ้ เกษตรบำง ประเภท มลู ค่ำสนิ ค้ำมีควำมแตกต่ำงออกไปตำมสภำพและระยะทำงของตลำด กำรเปลยี่ นแปลง รปู ลกั ษณ์ของสินค้ำเพ่ือให้เกิดควำมแตกตำ่ งและเพ่ิมชอ่ งทำง กำรตรลำดและมีโอกำสในกำรเพิ่มกำไรจำกตวั สินค้ำ สนิ ค้ำ เกษตรจำกกำรผลิตแบบยั่งยืนยอ่ มมรี ำคำสูงกวำ่ สนิ ค้ำเกษตรแบบขบวนกำร ผลติ โดยทัว่ ไป ในบำงคร้ังผบู้ รโิ ภคคงไมค่ ่อยเต1็ม8 ใจในกำรจ่ำยแพงกว่ำรำคำสนิ ค้ำเกษตรมกี ำร แตกตำ่ งกนั ออกไปตำมมลู ค่ำสนิ ค้ำและตน้ ทนุ กำรตลำด เชน่ กำรเปลย่ี นแปลง จำกวตั ถุดบิ เปน็ สินค้ำแปรรปู ขบวนกำรผลติ บำงประเภท โรงงำนฆ่ำสตั ว์ และแปรรูปเน้ือสตั ว์ สืบเน่อื งจำกกำรแปรรูปแบบ สนิ ค้ำทำใหเ้ กิดมลู ค่ำเพม่ิ เชน่ กำรคดั แยกประเภทของเนือ้ สัตวแ์ ต่ละประเภท อย่ำงไรก็ตำมขบวนกำรผลติ สำมำรถเปลี่ยน รูปแบบสินคำ้ เกษตรอย่ำงสิ้นเชิง เช่น กำรแปรรูปจำกผลองุ่นมำเปน็ ไวน์ รำ้ นค้ำปลีกหลำยแหง่ มกั จะเกบ็ ไวนเ์ พ่ือจำหน่ำยแก่ ผู้ผลิตและทำกำไรจำกกำร รจำหนำ่ ยไวน์แก่ลูกคำ้ ขบวนกำรเปลี่ยนแปลงรปู แบบสินค้ำเป็นหนง่ึ ในหลำย ๆ ขบวนกำรใน กำรตลำด ผลไม้ก็สำมำรรถคัดแยกเปน็ ประเภทได้และรำคำขำยในแตล่ ะประเภทจะแตกตำ่ งกันออก ไป สนิ คำ้ เกษตรอำจ เปลี่ยนแปลงแตกตำ่ งไปจำกเดิม เม่ือเวลำเปลี่ยนไป ยกตัวอย่ำงเช่น ในภมู ิภำคแถบอำกำศอบอุ่นกำรเพำะปลูกมะเขือเทศใน เรือนกระจกมีตน้ ทนุ กำรผลติ มะเขือเทศสูงกว่ำกำรผลิตมะเขือเทศในแถบแคลฟิ อรเ์ นียหรอื กำรผลติ ในแถบแมกซโิ ก รูปแบบ ของกำรผลติ เมื่อผลมะเขือเทศสกุ งอมแลว้ ผ้ผู ลิตจะได้ทำกำรแปรรูปเป็น ผลติ ภัณฑ์อน่ื ที่สำมำรถเพิม่ มูลค่ำได้แทนท่ี จะทง้ิ ไปควำมสำมำรถในกำรจดั กำรกำรตลำดของผลผลิต เกษตรไดท้ ว่ งทันเวลำนบั เปน็ ควำมสำคญั ประกำรหนึง่ สถำนทแ่ี ละ ที่ตั้งของตลำดเป็นปจั จยั อกี ประกำรหน่งึ ทที่ ำให้มลู ค่ำของสินค้ำ มคี วำมแตกต่ำงกันออกไป เกษตรกรทอี่ ยู่ใกลก้ บั ชมุ ชน สำมำรถได้เปรยี บเกษตรกรที่อยู่ห่ำงไกลชมุ ชนในกำร จัดจำหน่ำย และกระจำยสนิ คำ้ ยกตวั อยำ่ งกำรจัดจำหนำ่ ยผกั ผลไมส้ ด จำกแหล่งผลติ มำยงั ชุมชน เพ่ือสนองตอบต่อควำมต้องกำรของผบู้ ริโภคในเมืองใหญ่ ตลำดของเกษตรกรหรอื ที่เรียกว่ำ Famer s markets มกั จะจัดจำหนำ่ ยผลผลติ ทำงกำรเกษตรแบบสดและใหม่เนื่องจำกเป็นผลผลิตจำกฟำรม์ แหลง่ ผลิตมกั จะ ไมอ่ ยู่ไกลชุมชนออกไปเพ่ือสะดวกตอ่ กำรขนสง่ และเพ่ือไมใ่ หร้ ะยะทำงเปน็ อุปสรรคตอ่ ขบวนกำรตลำดอีกตอ่ ไป กำรทำกำรตลำด หรอื กำรจดั กำรกำรตลำดต้องคำนึงถึงรูปร่ำง ระยะเวลำ และสถำนท่ีอย่ำงไรกต็ ำมคุณค่ำขิง ผลติ ภัณฑ์ จะมีควำมสำคัญต่อกำรเกษตรแบบย่ังยนื ในบำงครัง้ สนิ ค้ำเกษตรประเภทเดยี วกนั แต่ มีควำมแตกตำ่ งกนั ระหวำ่ ง

22 กลุ่มผบู้ รโิ ภคทัง้ 2 กลุ่ม ผูผ้ ลิตสินคำ้ เกษตรสำมำรถตั้งรำคำที่แตกต่ำงกนั ระหว่ำงตลำดท้ัง 2 กล่มุ สินค้ำเกษตรเฉพำะอยำ่ งที่ ผู้บริโภคตอ้ งกำร สำมำรถตงั้ รำคำสงู ได้ และทำใหช้ ดเชยต้นทนุ ท่ีเพิ่มขึน้ ได้ กำรตอบสนองควำมต้องกำรของผ้บู ริโภคในตลำด โดยเฉพำะนับเปน็ ควำมฝนั ของกำร จัดกำรกำรตลำดอย่ำงมีประสิทธิภำพและประสบผลสำเรจ็ การตลาดท่ีดี กำรตลำดท่ดี ตี ำมอุดมคติประกอบด้วยควำมคำดหวงั ของทั้งผซู้ ื้อและผู้ขำยตลำด ท่ีดีอำจจะไม่มขี นำดใหญ่ ผเู้ ขียน เปรยี บเสมือนทำงเดนิ เส้นแคบๆ บนหำดทรำย ตลำดท่ีดีและตลำดในฝันอำจแตกต่ำงกันไปจำกตลำดโดยทัว่ ๆ ไป โดยกำร ระบุอย่ำงชดั เจนถึงรูปร่ำง เวลำ สถำนท่ี และผปู้ ระกอบกิจกำรต่ำงๆ ยกตัวอย่ำงเช่นตลำดผักสดและผลไมต้ ำมฤดกู ำลในแต่ ละทอ้ งถน่ิ ในเมืองเซน็ ต์หลยุ รัฐมสิ ซรู ี่จะมีตลำดที่ดเี ฉพำะกล่มุ เชือ้ ชำติ เป็นตน้ โดยมีกำรจัดจำหน่ำยสนิ ค้ำประเภทอำหำร ตำมลกั ษณะของเชื้อชำติ ยกตัวอยำ่ งเชน่ ผู้บริโภคบำงกลุ่มตอ้ งกำรซิป หรอื ของวำ่ งสนี ำ้ เงนิ ซ่ึงทำจำกขำ้ วโพดสีน้ำเงินนั้นเอง หรอื ผู้บริโภคบำงกลุ่มนยิ มบริโภค ผกั และผลไมส้ ดเท่ำน้นั รำคำของสนิ คำ้ เฉพำะกลุ่มเหล่ำนี้มกั จะสูงกว่ำสินค้ำโดยทั่วไป กำรตลำดทด่ี ี จึงเป็นกำรเพมิ่ มลู ค่ำกำรผลผลิตทำงกำรเกษตรโดยกำรตอบสนองในด้ำนรูปรำ่ ง ระยะเวลำ และกำรขนสง่ ท่ีตรง เวลำ แต่ในทำงปฏบิ ัตแิ ลว้ กำรตลำดทีด่ ีมักจะพจิ ำรณำจำกควำมแตกตำ่ งในดำ้ นควำมรบั ผิดชอบและรสนิยมของผู้บริโภค เป็นหลกั สำคญั กำรผลติ แบบอตุ สำหกรรมก่อใหเ้ กิดตลำดที่ดี ควำมหลำกหลำยของสนิ ค้ำเกิดจำกควำมแตกต่ำงของ ควำมชอบและรสนยิ มของผ้บู ริโภค ถ้ำหำกกำรกลำ่ วอ้ำงนีเ้ ปน็ จรงิ อุตสำหกรรมกำรผลิตสนิ คำ้ ก็คงทำกำรผลิตสินค้ำที่มีควำม หลำกหลำยมำกยิ่งข้ึน นน้ั เอง กำรยอมรบั กำรตอบสนองสินคำ้ ทผ่ี ลติ รูปแบบของสนิ ค้ำตำมควำมต้องกำรของผบู้ ริโภค ยกตวั อยำ่ ง เชน่ บรษิ ทั ผู้ผลิตรถยนตฟ์ อรด์ ทำกำรผลิตเพ่ือตอบสนองควำมต้องกำรด้ำนกำรขับขี่ อุตสำหกรรมกำรเกษตรสำมำรถกอ่ ใหเ้ กิดควำมหลำกหลำยของผลิตภณั ฑ์ในกลุ่มผู้ บรโิ ภคโดยเฉพำะสินค้ำประเภท อำหำร ผูผ้ ลติ มักกำหนดรำคำถูก และเข้ำถึงผู้บรโิ ภคโดยกำรโฆษณำและกำรผลติ สนิ คำ้ ท่ีแตกต่ำงไปจำกเดมิ เพอ่ื กอ่ ให้เกดิ กำรตลำดในกลุ่มผูบ้ รโิ ภคใหม่และช่องทำงกำรตลำดใหม่ และกำรวำงสินคำ้ ในชั้นสนิ ค้ำใหมเ่ พ่ือเกดิ แรงจงู ใจแก่ผู้บริโภค เชน่ ในตลำดซปุ เปอร์มำร์เก็ตของอเมริกำเน้ือววั จะถกู แบ่งเปน็ เกรดตำมคุณภำพและตรำ ย่ีห้อในกำรผลติ นอกจำกนร้ี ำคำก็ แตกตำ่ งกันออกไปด้วย ผกั และผลไม้มีมำกมำยหลำยยหี่ อ้ ในตลำดสหรัฐอเมริกำ ผักสด และผลไมส่ ด คงมยี ่หี ้อไมม่ ำกนักประมำณ 1-2 ยีห่ ้อ แตส่ นิ คำ้ พวกอำหำรกระปํองมกั มีควำมหลำกหลำยในเรื่องรำวของตรำผลิตภัณฑ์ อยำ่ งไรกต็ ำมอำหำรที่บรรจภุ ำยในกระปอ๋ ง มกั เปน็ ประเภทเดียวกัน กลยุทธ์ทำงกำรตลำดมักนำมำใชใ้ นกำรดึงดดู ผูบ้ รโิ ภค กำรกำเนิดของอุตสำหกรรมอำหำรประเภท จำนดว่ น อำหำรประเภทพรอ้ มรับประทน เนื้อไก่ มนั ฝร่งั และผลติ ภัณฑ์อำหำรที่พร้อมในกำรบริโภคในกลมุ่ ผบู้ รโิ ภคทั้ง ประเทศเมื่อ ผลิตภัณฑ์ใดเป็นทีน่ ิยมของตลำดน้ันคือ มีรสชำด สีสนั และบรรจุภณั ฑ์เปน็ ทต่ี อ้ งกำรของผ้บู รโิ ภค สนิ ค้ำนี้ก็คง อย่ใู นตลำดตลอดไป ในขณะทส่ี นิ คำ้ ใดไมเ่ ป็นท่นี ยิ มของผู้บรโิ ภคสินค้ำนน้ั มกั จะออกไปจำกตลำดใน ทสี่ ุด กำรตลำดโดยทวั่ ไปผคู้ นมักมีควำมสบั สนกบั ตลำดที่ดี โดยทว่ั ไปสนิ ค้ำท่ีวำงขำยในตลำดมักเป็นสินคำ้ พน้ื ฐำน โดยเฉพำะสินคำ้ ประเภท อปุ โภคบริโภค สนิ คำ้ อำหำรที่สะดวก รวดเรว็ รำคำถกู และสะอำดมักได้รบั ควำมนยิ มจำกผู้บรโิ ภค ในตลำด เช่น เน้ือววั พร้อมรับประทำน บ๊อคโคล่ี เป็นตน้ กำรทำกำรตลำดและกำรผลติ แบบมวลรวม บริษัทผู้ผลติ จะต้องมี ควำมชำนำญเฉพำะ มีกำรลงทนุ มำกและงบประมำณในกำรโฆษณำอย่ำงมำกมำยในตลำดอำหำรสำเร็จรูป และขยำยกำร

23 ผลติ มกั เปน็ หน้ำทีข่ องบริษัทผู้ผลิต รำยไดจ้ ำกกำรจดั จำหน่ำยผลผลิตเกษตรกรมักตกถึงมอื เกษตรกรเป็นสดั สว่ นท่นี ้อย เมื่อ เทยี บกับบรษิ ัทผผู้ ลิตอำหำรสำเร็จรูป ตลาดในอนาคต แนวโนม้ ของกำรผลติ สนิ ค้ำเกษตรในอเมรกิ ำเปน็ แบบกำรผลติ ขนำดใหญ่ในปจั จบุ ัน กำรผลติ ทำงกำรเกษตรเปน็ อุตสำหกรรมมำกขึ้น และถอื ได้ว่ำเปน็ สว่ นหนึง่ ของกำรภำคอุตสำหกรรมในระบบเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐ อเมริกำใน ปัจจบุ ันกำรเกษตรนับเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกจิ ของสหรัฐอเมริกำ นกั เศรษฐศำสตรท์ ี่มองถึงอนำคต คอื เควิน ทอปเลอร์ กล่ำวในหนังสือของเขำทช่ี ่อื ว่ำ กำรเปล่ียนแปลงอำนำจ เขำ ไดช้ แ้ี นะใหเ้ ห็นวำ่ กำรคำดกำรณ์หรือคำดหมำยของนักเศรษฐศำสตรห์ ลำยคนไม่ ตรงประเด็น และไมส่ อดคล้องกบั โลกของ ควำมเป็นจริง เขำไดช้ ี้ให้เหน็ ว่ำในโลกปจั จุบนั กำรผลิตและกำรตลำดขนำดใหญ่จะมีแนวโนม้ วำ่ จะหำยไป แต่ตลำดขนำดเล็ก ผลติ สินค้ำเฉพำะอย่ำงจะเขำ้ มำแทนท่ี เพื่อตอบสนองผู้บริโภคเฉพำะกล่มุ นน้ั เอง เควนิ ทอปเลอร์กลำ่ วว่ำปัจจยั ท่ีสำคญั ทสี่ ุดในกำรพัฒนำเศรษฐกจิ คือกำรสรำ้ งควำมม่ังค่งั ใหก้ ับสงั คม ปัจจยั กำร ผลิตท้ังหลำย เช่น ทดี่ ิน แรงงำน ทนุ ไมม่ ีควำมสำคญั มำกไปกวำ่ ปจั จัยทำงด้ำนทรพั ยำกรมนุษย์ ซ่งึ นับเป็นทรัพยำกรที่มี ค่ำสงู สดุ ในบรรดำทรัพยำกรท้ังมวล เขำกลำ่ วว่ำเม่ือทรัพยำกรมนุษยม์ ีคณุ ค่ำกำรใชท้ รพั ยำกรทำงด้ำนอน่ื ๆ เชน่ ท่ีดนิ แรงงำน และทนุ จะลดน้อยลงรวมทั้งกำรใช้วตั ถุดิบในกำรผลิตจะลดน้อยลงอกี ด้วย ทอปเลอร์ กล่ำววำ่ เม่อื มองลึกลงไปจะพบวำ่ กำรผลิตจะต้องอิงถึงองคค์ วำมรู้ของผูผ้ ลติ ทีม่ อี ยู่ ขบวนกำรผลิตจะต้อง ประกอบดว้ ยองค์ประกอบด้ำนต่ำง ๆ มำกมำยและเกิดขึน้ พรอ้ มกนั ในกำรผลติ ดว้ ยควำมชำนำญเฉพำะอยำ่ งเป็นหวั ใจสำคญั ในขบวนกำรผลิต นอกจำกนี้กำรผลิตที่มคี ุณภำพและคุณค่ำจะนำมำสู่กำรผลติ แบบชำนำญกำร ผ้บู ริโภคโดยธรรมชำตมิ คี วำม ประสงคต์ ้องกำรสนิ ค้ำอุปโภคบริโภคทีม่ ีรำคำถูก และมีคณุ คำ่ สำมำรถตอบสนองต่อควำมต้องกำรของเขำได้ ปีเตอร์ ดักเตอร์ ผ้ซู ึง่ ทำงำนเปน็ ทป่ี รกึ ษำธุรกิจของบริษัทเอกชนและผเู้ ขยี นตำรำทำงธรุ กิจเขำ ได้กล่ำวในสมำคม ทำงธรุ กจิ ถงึ กำรดำเนนิ ธุรกิจแบบใหมเ่ พ่ือใหป้ ระสมผลสำเร็จ ดกั เกอร์ไดก้ ลำ่ วไวว้ ำ่ กำรเปลยี่ นแปลงครงั้ สำคัญพนื้ ฐำน และ ยิง่ ใหญ่มำกไปกวำ่ กำรเปลี่ยนแปลงทำงเศรษฐกิจและกำรเมืองนัน้ คือ กำรเปลย่ี นแปลงองค์ควำมรใู้ นสังคม กำรให้ควำมรู้แก่ แรงงำนในภำคธรุ กจิ โดยเฉพำะกำรเปลีย่ นแปลงแรงงำนจำกกำรทำงำนอยำ่ งหนักหน่วงโดยกำรใช้แรงงำน โดยหันมำใช้ มันสมอง ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรทำงำน ดักเกอร์ได้อธิบำยถงึ ควำมสำคญั พ้นื ฐำน และควำมแตกตำ่ งระหว่ำงองคค์ วำมรู้ในกำรทำงำนและกำรประกอบ อุตสำหกรรม กลำ่ วคอื กำรประกอบอตุ สำหกรรมเป็นขบวนกำรทำงำนของเคร่ืองจกั รในขณะทกี่ ำรทำงำนเป็น ขบวนกำรใช้ พลงั ของมนุษย์โดยลกั ษณะทำงชีวภำพ ดกั เกอรบ์ อกว่ำควำมสัมพนั ธแ์ ละสำคญั ของธุรกิจคอื กำรกำหนดขนำดที่เหมำะสม และถูกตอ้ ง กำรเพ่ิมขนำดของอตุ สำหกรรมกำรผลติ สำมำรถทำได้โดยกำรเพ่ิมจำนวนเคร่ืองจกั ร อตุ สำหกรรมกำรเพ่ิมกำลัง กำรผลติ หมำยถึง กำรเพ่ิมปริมำณผลผลิตนน้ั เอง แต่ไมส่ ำมำรถเพม่ิ ปริมำณคนงำนได้นั้นคือ เขำพยำมยำมอธิบำยถึงควำม แตกต่ำงระหว่ำงเคร่ืองจักรและกำลังคนหรอื ควำมแตก ตำ่ งทำงกำยภำพและชวี ภำพน้ันเอง

24 ดกั เกอรเ์ ปรยี บเทียบระหวำ่ งกำรทำงำนของสัตว์ 2 ชนิด คือ หนู และชำ้ ง กำรทำงำนของหนจู ะละเอยี ดและมคี วำม คลอ่ งตัวมำกกวำ่ กำรทำงำนของชำ้ ง ซง่ึ เป็นสัตวข์ นำดใหญ่ มนษุ ย์จึงเรียนร้กู ำรทำงำนจำกหนูถึงควำมคล่องตัวและควำม ละเอียดในกำรทำงำน ดักเกอรย์ ังเสนอว่ำในอนำคต ขนำดของธรุ กิจอำจจะเล็กลงแตม่ คี วำมคล่องตวั มำกยงิ่ ขน้ึ ในกำรทำธุรกจิ กำร ประกอบกำร และควำมเปน็ เจ้ำของ รวมไปถงึ กำรทำฟำร์มด้วย ธุรกจิ ขนำดเลก็ มกั ได้เปรียบในเรือ่ งข่ำวสำรองค์กร และกำร ส่อื สำรทที่ วั่ ถึง และมปี ระสทิ ธิภำพ กำรประกอบกจิ กำรขนำดใหญจ่ ะมีขอ้ ดใี นแง่ควำมพร้อมของทรัพยำกรองคก์ ร องค์ควำมรใู้ นธุรกิจไมส่ ำมำรถซ้ือหำได้ แต่เกดิ จำกกำรเรียนรขู้ องตัวบคุ คล กำรเรยี นรูจ้ ำกประสบกำรณ์และกำร แสวงหำควำมร้ใู หม่ ๆ ทำให้เกิดโอกำสในกำรเรียนรมู้ ำกขึ้น องค์ควำมรู้ไม่ใช่วัตถแุ ต่เป็นนำมธรรม ท่ไี มส่ ำมำรถถำ่ ยโอนได้ และสำมำรถเรยี นรู้ได้จำกคนหน่ึงไปยงั อกี คนหน่ึง ซง่ึ สมองมนษุ ยแ์ ตกต่ำงจำกซอ๊ ฟแวรค์ อมพวิ เตอร์ทสี่ ำมำรถบรรจขุ ้อมูล และคำสั่ง ดงั ที่เรำต้องกำรได้ทันท่วงที องค์ควำมรู้ตดิ ตัวมนษุ ยไ์ ปตลอดเวลำและสำมำรถพัฒนำไปได้ เพือ่ ก่อใหเ้ กดิ องค์ ควำมรูใ้ หม่ ๆ เฮนรี่ฟอร์ดผกู้ ่อตงั้ กิจกำรรถยนต์ฟอรด์ กลำ่ ววำ่ เมอื่ เขำต้องกำรวำ่ จ้ำงแรงงำนเพอื่ ทำงำนในบริษทั เขำ เขำต้องจ้ำงคนท้ังคนไม่ใชม่ องแค่กำรทำงำนโดยใช้ 2 มอื ของ คนงำน นั่นคือ เฮนร่ีฟอรด์ มองคนทงั้ องคร์ วม และพจิ ำรณำถึงสภำพจติ ใจของคนงำนด้วย คำพูดของเฮนรี่ฟอร์ดและแนวคิดของดกั เกอร์สำมำรถนำมำประยกุ ต์ใช้กับกำรเกษตร แบบย่ังยืน โดยกำรทำ กำรเกษตรแบบยง่ั ยนื ย่อมต้องกำรควำมชำนำญเฉพำะอยำ่ ง ควำมรู้กำรจัดกำรทม่ี ปี ระสิทธภิ ำพ ซ่ึงต้งั อยบู่ นฐำนของกำรผลิต กำรตลำด และกำรกระจำยสินคำ้ กำรกำหนดขนำดของฟำร์มจะต้องพิจำรณำถึงทรพั ยำกรธรรมชำตซิ ่ึงเปน็ ปจั จัยกำร ผลติ และปรมิ ำณแรงงำนท่ีมีอยู่ นอกจำกน้ียงั ต้องพิจำรณำองค์ประกอบทำงด้ำนเศรษฐศำสตร์และมำนุษยวิทยำอีกด้วย กฎเกณฑ์ ของกำรเกษตรแบบยัง่ ยืนคือกำรพิจำรณำกำรใชป้ ระโยชน์ทั้งจำกทรัพยำกร มนุษยแ์ ละทรพั ยำกรธรรมชำติ ตลาดสาหรับการเกษตรแบบยัง่ ยืน ควำมมงุ่ หมำยของกำรเกษตรแบบยั่งยนื 1) กำรผลติ สินค้ำในรปู แบบท่ีผู้บรโิ ภคต้องกำรหรือกำรฉีกแนวรปู แบบผลิตภัณฑ์ โดยกำรขำยในรำคำท่สี งู กวำ่ ผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไป 2) กำรกำหนดรำคำขำยของผลติ สำมำรถสร้ำงกำไรได้ 3) องค์กรขนำดเลก็ แตผ่ ลติ สินค้ำทีต่ อบสนองควำมต้องกำรผ้บู ริโภคได้ โดยกำรเนน้ รูปแบบผลติ ภัณฑ์ท่ีแตกต่ำงออกไปจำก เดิมโดยบรรจุภณั ฑ์ท่แี ตกต่ำง กำรบรรจุหบี ห่อที่แตกต่ำงแม้นจะเปน็ ตวั ผลติ ภณั ฑช์ นิดเดียวกนั ก็ตำม กำรผลติ ผลติ ภัณฑ์ที่มี ควำมแตกต่ำงจะก่อให้เกิดควำมชำนำญในกำรผลิตและเผชิญ กบั สภำพกำรแขง่ ขนั ในตลำดทนี่ อ้ ยกวำ่ ตลำดสินค้ำผลติ ภณั ฑ์ โดยท่ัวไปกำรจัด จำหน่ำยผลผลติ ท่แี ตกต่ำงในกลุ่มลูกค้ำเฉพำะจะทำให้เกิดภำวกำรณแ์ ข่งขนั ท่ี นอ้ ยกวำ่ สินคำ้ โดยท่วั ไป แนวคดิ กำรทำกำรตลำดโดยท่ัวไป คอื “ลกู ค้ำถูกต้องเสมอ” ระบบเศรษฐกิจและสภำพเศรษฐกจิ เป็นปจั จยั ในกำร ซอ้ื สินค้ำของผบู้ รโิ ภค ผู้ผลิตจำเป็นตอ้ งผลิตสนิ ค้ำให้ตรงตำมควำมต้องกำรของผ้บู ริโภค กำรผลติ สินค้ำเกษตรแบบยงั่ ยนื จะตอ้ งสอดคล้องกบั ระบบนิเวศน์ ระบบเศรษฐกจิ และสังคม กำรผลติ เพ่ือควำมต้องกำรของผู้บรโิ ภคจะนำซึ่งกำไรของ ผปู้ ระกอบกำร บทบำทของกำรตลำดสนิ ค้ำเกษตรแบบยงั่ ยืนคอื กำรกระต้นุ ระบบเศรษฐกจิ กอ่ ให้เกดิ กำไร กำรพัฒนำตลำด

25 ผบู้ ริโภคกลุ่มใหญ่ ๆ นอกจำกนี้ยงั สอดรบั กับระบบนิเวศน์ ทรพั ยำกรทีม่ ีอยู่ กำรผลิต กำรจัดกำร กำรตลำดและกลมุ่ ผู้บรโิ ภค เปำ้ หมำย ผู้ผลติ ต้องคำนึงถึงกำรอนรุ ักษ์ทรัพยำกรธรรมชำตอิ กี ด้วย กำรเกษตรแบบยงั่ ยืนยงั รวมไปถึงกำรพจิ ำรณำมนุษย์ วิทยำ ขนำดของธุรกิจจำเปน็ ตอ้ งพิจำรณำถึงท้งั ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละทรพั ยำกรมนุษย์ แนวโน้มของกำรเกษตรแบบย่ังยืนนำไปส่ขู นำดฟำรม์ ท่เี ลก็ ลง ควำมหลำกหลำยในกำรผลติ เพื่อตอบสนองควำม ตอ้ งกำรของผ้บู รโิ ภค และกำรผลติ ตำมควำมชำนำญก่อใหเ้ กดิ ควำมเช่ียวชำญเฉพำะด้ำน กำรผลติ โดยพจิ ำรณำถึงกำรอนุ รกั ษณ์ทรัพยำกรธรรมชำตินบั เป็นหัวใจสำคญั ขอบกำร เกษตรแบบยั่งยืน ตลำดเฉพำะของผบู้ ริโภคนับเปน็ หัวใจสำคัญของ กำรเกษตรแบบย่ังยนื เศรษฐกจิ พอเพียงกับการตลาดสินคา้ เกษตร รศ.วทิ วัส รุ่งเรอื งผล : “เศรษฐกิจพอเพียง” คำน้ีได้กลำยมำเปน็ กระแสหลกั ที่ถูกนำมำใชใ้ นกำรกำหนดทิศทำงเศรษฐกจิ ของ ประเทศ สำหรบั รฐั บำลใหม่ แทนท่แี นวคิดเศรษฐกิจแบบทนุ นิยมสดุ ขวั้ ทีเ่ คยเฟือ่ งฟูในช่วง 5 ปีทผ่ี ่ำนมำ แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงนนั้ ยดึ แนวทำงของกำรพ่ึงตัวเองเพื่อกำรเติบโตแบบย่ังยนื ทำใหเ้ กิดคำถำมว่ำ รฐั บำลใหม่ จะมงุ่ ให้กำรสนบั สนนุ อตุ สำหกรรมในกลุ่มใดเพื่อเป็นแรงขับเคลอื่ น ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในช่วง 5 ปที ผี่ ่ำนมำรฐั บำล เดิมมีเป้ำหมำยในกำรสนับสนุนอตุ สำหกรรมท่หี ลำกหลำย ท้ังในด้ำนธรุ กจิ ยำนยนต์ทีป่ ระกำศว่ำเรำจะเป็นดีทรอยสข์ อง เอเชีย ธุรกจิ อำหำรโดยต้ังเป้ำว่ำครัวไทยจะเปน็ ครวั โลก รวมถึงธุรกิจแฟช่นั ในโครงกำรกรุงเทพฯเมอื งแฟชั่น และ เมกะโปร เจกต์อีกหลำยโครงกำร อุตสำหกรรม ส่วนใหญ่ทีร่ ฐั บำลในอดตี ให้กำรสนบั สนนุ จะเป็นอุตสำหกรรมทีต่ ้องพงึ่ พำองค์ ควำมรแู้ ละเทคโนโลยี จำกต่ำงประเทศและเป็นธุรกิจกำรผลติ เชงิ อุตสำหกรรมท่ี ตอ้ งนำเข้ำทัง้ เคร่อื งจักร เทคโนโลยี ผูเ้ ชี่ยวชำญ ในกำรดำเนิน ธุรกิจเชิงอตุ สำหกรรมตำมกระแสโลก ซึง่ ดไู ปแลว้ ไม่คอ่ ยสอดคล้องกบั แนวทำงเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดังน้นั เม่ือกระแสเศรษฐกจิ พอเพียงถูกนำมำใช้ขับเคลอื่ นระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ อุตสำหกรรมเกษตรและธุรกิจ ท่เี กยี่ วข้องกับสินคำ้ เกษตรจึงน่ำจะเปน็ หนึง่ ใน ธรุ กิจเรือธงทภ่ี ำครฐั น่ำจะให้กำรสนบั สนนุ อย่ำงจรงิ จงั ในฐำนะทเ่ี ป็น อตุ สำหกรรมพน้ื ฐำนของประเทศ ทไ่ี ทยเรำมีควำมชำนำญ มีเทคโนโลยขี องตวั เอง มวี ตั ถุดิบจำกภำยในประเทศ ไม่ จำเปน็ ต้องนำเขำ้ ท้งั วัตถดุ บิ เครื่องจักรกลและเทคโนโลยีจำกตำ่ งประเทศมำกนัก รวมทั้งเป็นอุตสำหกรรมทสี่ ำมำรถกระจำย ควำมเจริญออกไปสูส่ ว่ นภมู ิภำคเพื่อลด ช่องว่ำงระหวำ่ งคนรวยท่ีกระจุกตวั อยใู่ นเมืองใหญก่ ับคนระดับรำกแกว้ ท่ี กระจำยตวั อยใู่ นทุกภูมิภำคของประเทศ หำกอตุ สำหกรรมเกษตรถูกชเู ป็นอตุ สำหกรรมทจ่ี ะขับเคล่ือนเศรษฐกจิ ของไทย กำรทำกำรตลำดสนิ คำ้ เกษตรกน็ ำ่ จะ เป็นประเด็นทีน่ ักกำรตลำดเองกค็ วรให้ควำม สนใจ จะว่ำไปแล้วธรุ กิจกลุ่มน้มี ีกำรนำกำรตลำดมำใช้กนั อย่บู ำ้ ง ในกลุม่ บริษทั ใหญ่ๆ ที่เปน็ ผูน้ ำด้ำนสินค้ำเกษตร แตใ่ นระดบั บรษิ ัทขนำดกลำงถงึ เล็กรวมถงึ ในระดับธรุ กจิ ชมุ ชน กำรนำกำรตลำดมำใช้กบั สินค้ำเกษตร ดจู ะถูกใชใ้ นวงจำกดั ผมเองเคยถูกถำมจำกคนของธนำคำรเพ่ือกำรเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตร(ธกส.) ว่ำ จะ นำกำรตลำดมำใช้กบั สนิ คำ้ เกษตรได้อย่ำงไร เพ่ือที่จะช่วยให้เกษตรกรขำยผลผลติ ได้มำกข้ึนและไดร้ ำคำดขี ้ึน

26 กอ่ นท่ีผมจะตอบคำถำมทว่ี ำ่ “จะนำกำรตลำดมำใชก้ บั สนิ คำ้ เกษตรอยำ่ งไร โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกบั ธรุ กิจขนำดเล็กท่ี ไมไ่ ดม้ อี ำนำจต่อรองได้มำกๆ อย่ำงบรษิ ัททที่ ำธรุ กิจเกษตรรำยใหญ่ๆ” ผมขอถอยกลับไปวิเครำะห์ปญั หำก่อนว่ำ ทำไม เกษตรกรไทยถงึ ได้ยำกจนและขำดอำนำจต่อรองทำงธุรกิจ ผม คิดวำ่ ขนำดของทดี่ ินท่เี กษตรกรถือครองเป็นหน่งึ ในสำเหตุของปัญหำ โดยเฉลย่ี แล้วเกษตรกรแตล่ ะครอบครวั เปน็ เจ้ำของท่ดี นิ เพียงไมก่ ่ีสิบไร่ ทำให้ปรมิ ำณผลผลิตต่อครอบครัวไม่มำก กำรบรหิ ำรจดั กำรเกี่ยวกบั กำรทำกำรเกษตรจงึ มี ต้นทนุ คอ่ นขำ้ งสงู อำนำจต่อรองตำ่ เม่ือเทียบกับในอเมริกำท่เี กษตรกรตอ่ รำยถือครองทีด่ ินใน ปรมิ ำณที่มำก เหตทุ ่เี กษตรกรไทยถือครองท่ีดินคนละไม่กส่ี บิ ไรก่ เ็ พรำะวฒั นธรรมของเรำในกำรแบ่ง มรดกใหก้ บั ลูกหลำน คนไทย จะมีแนวคดิ ของกำรแบ่งให้ลูกๆ ทกุ คนเท่ำๆ กัน ลองนกึ ดูว่ำ ถำ้ เกษตรกรคนหนง่ึ เปน็ เจ้ำของท่ีดิน 100 ไร่ ถ้ำมลี ูก 5 คน แบ่งใหล้ กู เท่ำๆ กนั รนุ่ ลกู แต่ละคนจะถอื ครองทดี นิ แคค่ นละ 20 ไร่ พอร่นุ ต่อไปแตล่ ะคนมลี กู อีก 5 คน ในรนุ่ หลำน ครอบครวั น้ีก็จะเหลอื ทีด่ นิ ครอบครัวละ 4 ไร่เท่ำนน้ั ขณะทค่ี รอบครัวคนจนี มธี รรมเนียมกำรยกมรดกให้ลูกชำยคนโตดูแล แทนพ่อและอยู่กัน แบบกงสี ช่วยกนั ทำมำหำกนิ ภำยใต้กำรดแู ลของพ่ีชำยคนโต หรือในอเมริกำเกษตรกรของเขำกจ็ ะทำ กำรเกษตรในรปู บรษิ ัท แทนท่ีจะแบง่ ที่ดนิ ให้ลูกคนละเท่ำๆ กัน จะใชว้ ิธกี ำรแบง่ ใหเ้ ป็นหุ้นของบริษัท ถ้ำใครต้องกำรเงิน แทนทจ่ี ะขำยท่ีดนิ ก็จะขำยหุ้นให้พ่ๆี นอ้ งๆ หรือคนนอก แต่ที่ดนิ ผืนใหญๆ่ ก็ยังอยู่ภำยใตเ้ จำ้ ของเดียวในนำมของบริษทั วธิ ี กำรจดั กำรมรดกของคนจีนหรอื ฝรงั่ ทำใหท้ ี่ดนิ ไม่ถกู แบ่งเป็นผืนยอ่ ยๆ หลำยเจำ้ ของอย่ำงเกษตรกรไทย ทำให้ กำรบริหำรจดั กำรทดี่ ินเพื่อทำกำรเกษตรเชิงอุตสำหกรรมทำไดง้ ่ำยกว่ำ ผม เคยสมั ภำษณ์ผบู้ รหิ ำรของบรษิ ทั ฟิโตเลย์ ทีม่ ำส่งเสริมให้เกษตรกรปลกู มนั ฝรั่งป้อนโรงงำนของบริษัททตี่ ้งั อยู่ ทำงภำค เหนอื ทำงบริษัทเลำ่ ให้ฟงั ถึงปญั หำท่ีวำ่ หำกต้องกำรใช้ที่ดิน 3,000 ไร่ ในพ้นื ที่เดียวกันเพื่อสง่ เสริมให้เกษตรกร ปลกู มันฝร่งั พนั ธุท์ ่ีบริษทั จัดหำ มำให้ โดยต้องลงมันฝร่งั ในเวลำไล่เล่ยี กนั และเกบ็ เกี่ยวในเวลำใกลเ้ คียงกันเพื่อ ควำมสะดวก ในกำรบริหำรจดั กำรทัง้ ในด้ำนกำรนำเคร่ืองจักรมำช่วยเก็บเก่ยี วและ กำรควบคุมคุณภำพ เขำต้องตดิ ต่อกบั เกษตรกรเป็น ร้อยๆ ครอบครวั ขณะทใี่ นอเมริกำ ดว้ ยพน้ื ท่ีพอๆ กนั เขำตดิ ต่อกับเจ้ำของทีด่ ินแต่ 10 กวำ่ ครอบครวั ทำใหต้ น้ ทุนกำร บรหิ ำรจดั กำรแตกต่ำงกันมำก ปญั หำ เรอ่ื งเกษตรกรไทยถือครองทผี่ ืนเล็กคงเป็นเร่ืองทแ่ี กไ้ ขยำกครบั แต่กำรรวมตัวกันเปน็ สหกรณก์ ็น่ำจะช่วยให้ ปญั หำเรือ่ งอำนำจต่อรองและกำร บรหิ ำรจดั กำรทำไดด้ ีขึ้น เอำละครับ มำถึงประเด็นเร่ืองกำรนำกำรตลำดมำใช้กับสินค้ำเกษตรบำ้ ง ผมคิดวำ่ กลยุทธท์ ี่น่ำจะนำมำใช้น่ำจะมีดังนี้ 1. Branding Strategies หรอื กำรสรำ้ งตรำยห่ี ้อสำหรบั สนิ ค้ำเกษตร ในตลำดตำ่ งประเทศเองมีกำรรวมกลมุ่ ของเกษตรกร เพอ่ื สรำ้ งตรำยห่ี ้อให้กบั สินค้ำเกษตรของเขำในกำรทำกำรตลำดใน ตำ่ งประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ มลิ ล์ หรอื คอตตอน ยเู อสเอ เปน็ ตน้ ผู้ประกอบกำรรำยใหญห่ น่อยของไทยก็สำมำรถสร้ำงตรำยห่ี อ้ และพัฒนำตรำยี่ห้อให้ เข้มแขง็ อยำ่ งต่อเนื่องได้ เช่น ส้มธนำธร หรือฟำร์มโชคชยั ทีม่ ีกำรสร้ำงตรำยห่ี อ้ ของตนมำอยำ่ งต่อเนื่องจนสนิ ค้ำเกษตรของบริษัทเปน็ ที่ รู้จักและมี มูลคำ่ เพ่ิม อย่ำงกรณีสม้ ธนำธร ท่ีมตี รำยี่หอ้ ที่เปน็ ท่ีรจู้ ักอยู่แล้วกส็ ำมำรถขยำยสำยผลิตภัณฑไ์ ปผลิตผล ไมช้ นิดอ่ืน เชน่ ฝรง่ั หรอื มะมว่ ง ภำยใต้ตรำย่ีห้อธนำธรได้ หรือจะต่อยอดจำกส้มไปผลิตเปน็ น้ำสม้ บรรจุขวดขำยหรือเปดิ เปน็ แฟรนไชสร์ ำ้ นขำย นำ้ ส้มกย็ ังสำมำรถทำได้

27 ปจั จบุ นั กลมุ่ สหกรณ์กำรเกษตรหลำยแหง่ ใหบ้ ้ำนเรำก็พยำยำมสร้ำงตรำยหี่ ้อของตนเอง เช่น กลุม่ สหกรณ์ของ อำเภอกระสัง จ.บรุ รี มั ย์ ทผ่ี ลติ ขำ้ วหอมมะลิ บรรจถุงขำยภำยใต้ยหี่ อ้ ของสหกรณ์เอง ผมคิดว่ำกล่มุ เกษตรกรไทยหำกมีกำร รวมกลุ่มกันอย่ำงเข้มแข็งและผลักดันมำตรฐำน ของสนิ ค้ำ โดยใช้ตรำยีห่ อ้ รว่ มกนั ได้อยำ่ งกลุ่มสหกรณ์โคนมไทย-เดนมำรค์ หรอื สหกรณ์โคนมรำชบรุ ี (นมหนองโพ) จะช่วยใหส้ ินค้ำเกษตรมีมลู คำ่ เพ่มิ ไดอ้ ีกมำก ท้งั ตลำดในประเทศและตำ่ งประเทศ 2. พัฒนำสนิ คำ้ ใหส้ อดคลอ้ งกับควำมตอ้ งกำรของตลำด โดยกำรทำกำรศึกษำควำมต้องกำรและกำรเปลีย่ นแปลงพฤติกรรม ของลูกค้ำอยำ่ งเปน็ ระบบเพรำะปจั จุบนั วิถชี วี ติ (Lifestyle) ของ ผู้บริโภคเปล่ยี นไปมำก สินคำ้ เกษตรบำงชนดิ ท่เี คยได้รบั ควำมนยิ มอำจไม่ค่อยเหมำะกับวิถีชีวิตของคน รุน่ ใหมห่ ำกไมม่ ีกำรพฒั นำสนิ คำ้ หรือปรับตวั ตำมควำมต้องกำรของลูกค้ำ ผล ไมอ้ ย่ำงทุเรยี นที่ว่ำกันวำ่ เป็นรำชำแห่งผลไม้ กด็ จู ะไปกันไม่ค่อยไดก้ บั กระแสอำหำรเพอื่ สุขภำพและกำรควบคุม นำ้ หนกั ทก่ี ำลงั มำแรง รวมท้ังขนำดครอบครัวก็เล็กลง กำรใชช้ วี ิตในหอ้ งแอรเ์ กอื บตลอดเวลำของคนช้ันกลำง เหล่ำนเ้ี ป็น อปุ สรรคตอ่ กำรขยำยตลำดทเุ รยี นทงั้ ในและตำ่ งประเทศเพรำะกลิ่นที่ ฉนุ หำกรบั ประทำนในหอ้ งแอร์ ขณะทผ่ี ลไมอ้ ย่ำงส้ม มะมว่ งหรือฝรั่งท่ีขนำดเหมำะสมตอ่ กำรบริโภคคนเดียว กำรปอกเปลือกทำไดง้ ่ำย ดจู ะเป็นผลไม้ท่มี ีอนำคตทด่ี กี วำ่ ทำ กำรตลำดได้ง่ำยกว่ำ เกษตรกร เองกต็ อ้ งหันมำเลอื กพันธ์ุผลไม้ทีส่ อดคล้องกับชวี ติ คนเมืองทเ่ี ปน็ ตลำดใหญ่ ของสินค้ำ เชน่ มะละกอหรือ แตงโมพนั ธทุ์ ผี่ ลมีขนำดใหญ่ กต็ อ้ งมงุ่ ไปทำกำรตลำดขำย เขำ้ ร้ำนอำหำรหรืออุตสำหกรรมอำหำร หำกจะขำยปลีกให้กับ ลกู คำ้ ทั่วไป มะละกอพนั ธทุ์ ผี่ ลมขี นำดเลก็ อย่ำงมะละกอฮำวำยและแตงโมพันธท์ุ ่ีมีผลเล็กดจู ะ มโี อกำสทำงกำรตลำดมำกกว่ำ 3. แปรรปู เพอ่ื สร้ำงมูลคำ่ เพมิ่ สนิ ค้ำเกษตรมีข้อจำกัดในดำ้ นอำยขุ องสินคำ้ ทสี่ น้ั มคี ำ่ ใช้จ่ำยในกำรเก็บรกั ษำสูง (ตอ้ งเก็บใน หอ้ งควบคุมอุณหภูมิ) รวมทั้งมกี ำรแข่งขนั รุนแรงด้ำนรำคำ กำรจะสรำ้ งมลู ค่ำเพ่ิมใหก้ บั สินคำ้ ได้ต้องนำสินค้ำมำแปรรูป เพอื่ ให้อำยุ สินคำ้ ยำวขึ้นและง่ำยต่อกำรสร้ำงควำมแตกต่ำงให้กับสนิ คำ้ ผลไม้หลำยชนดิ เม่อื นำมำแปรรปู เป็นน้ำผลไม้หรอื นำมำผสมกันเป็นน้ำผลไม้รวม ผสมกบั น้ำผกั เป็นเครื่องด่ืมเพื่อสุขภำพหรือนำมำผสมกับนมหรอื น้ำเต้ำหู้ กจ็ ะชว่ ยให้สินคำ้ มี รูปลกั ษณ์ใหมๆ่ จูงใจใหผ้ ้บู รโิ ภคอยำกซื้อไปบริโภคและจำหนำ่ ยไดร้ ำคำขนึ้ 4. สรำ้ งกระแสผ่ำนกำรโฆษณำประชำสัมพันธ์ สนิ ค้ำเกษตรกไ็ มต่ ่ำงจำกสินค้ำอปุ โภคบริโภคทว่ั ไปที่สำมำรถใช้เครื่องมือใน กำรโฆษณำประชำสมั พนั ธม์ ำสรำ้ งกระแสควำมนยิ มเพอื่ กระตนุ้ ใหต้ ลำดเติบโตแบบ กำ้ วกระโดดได้ อยำ่ งเช่น ภำครัฐเคยมี โครงกำรรณรงคใ์ หค้ นด่ืมนม ก็ช่วยใหต้ ลำดนมเตบิ โตขึ้นอย่ำงมำก ต้นไม้ อย่ำงลีลำวดีหรือทเี่ รำเรยี กกันอีกอยำ่ งว่ำล่ันทม ซึง่ เป็นท่ีรู้จกั อยำ่ งกวำ้ งขวำงแตก่ ็ไม่เคยเป็นไม้ยอดนยิ ม เน่ืองจำกควำมเชอื่ เดมิ วำ่ ชือ่ ไมเ่ ปน็ มงคล ปลูกในวดั แตเ่ มื่อมกี ำรเปลีย่ นช่ือและทำกำรตลำดแบบ สรำ้ งกระแสผ่ำนสอ่ื ต่ำงๆ ทำให้กลำยเป็นไม้ประดบั ยอดฮิตในช่วง 4-5 ปที ีผ่ ำ่ นมำ มีเกษตรกรผู้ปลกู ตน้ ไมช้ นิดนี้ร่ำรวยขึ้นและน่ำจะกลำยเป็นต้นไม้ เศรษฐกจิ อีก ชนิดหนงึ่ ของเกษตรกรไทย สง่ิ ท่ีเกดิ ข้ึนกับต้นลีลำวดีกเ็ คยเกิดขึน้ มำแลว้ กบั กลว้ ยไม้ บอนสี โปย๊ เซียนและว่ำนตำ่ งๆ ทเ่ี คยได้รบั ควำมนยิ มเปน็ ชว่ งๆ เปน็ ต้นไมท้ ่ีมีผนู้ ิยมปลกู เป็นงำนอดิเรก มีตลำดซอ้ื ขำยแลกเปลยี่ นกันอย่ำงกว้ำงขวำง ซงึ่ ไมต่ ำ่ งอะไรกับสินค้ำแฟช่ัน อยำ่ งเสอ้ื ผำ้ ที่มีกระแสควำมนิยมแบบขึน้ ๆ ลงๆ ตัวเกำ่ เลกิ ฮิตก็จะมีตวั ใหม่เข้ำมำแทนท่ี ดังนนั้ สนิ ค้ำเกษตรประเภทไม้ดอก

28 ไมป้ ระดบั รวมถงึ เพำะสตั วเ์ ลี้ยงกน็ ่ำจะยืมแนวทำงกำรตลำดของสนิ คำ้ แฟชนั่ มำใชท้ ำกำร ตลำดได้ ไม่วำ่ จะเปน็ กำรปลกุ กระแสผำ่ นคนดังหรือกำรจัดกิจกรรมทำงกำรตลำดอยำ่ งกำรจดั Exhibition หรือกำรประกวด เปน็ ตน้

29 บทที่ 3 วิธีดาเนนิ งาน กำรดำเนนิ โครงกำรพฒั นำเศรษฐกิจดิจิทัลหลกั สตู รกำรคำ้ ออนไลน์เพ่ือกำรพฒั นำบรรจุภณั ฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ ได้ ดำเนนิ กำรตำมข้ันตอนต่ำงๆ ดงั นี้ 1. ข้ันเตรียมการ  การศึกษาเอกสารที่เก่ียวข้องกับโครงการพัฒนาเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลักสูตรการคา้ ออนไลนเ์ พื่อการพฒั นา บรรจภุ ัณฑ์และผลิตภณั ฑ์ ผูร้ บั ผิดชอบโครงกำรได้ศกึ ษำคน้ คว้ำเอกสำรที่เกย่ี วข้องเพ่ือเป็นข้อมูลและแนวทำงในกำรดำเนินกำรโครงกำรพัฒนำ เศรษฐกิจดิจิทลั หลกั สตู รกำรคำ้ ออนไลน์เพือ่ กำรพฒั นำบรรจภุ ัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ดังน้ี 1. ศึกษำเอกสำร / คมู่ ือ ข้อมูลจำกหนงั สือ เกี่ยวกับกำรเข้ำใจดิจทิ ัลเพื่อเป็นแนวทำงเกี่ยวกบั กำรจดั โครงกำรพัฒนำ เศรษฐกิจดิจิทัลหลักสตู รกำรค้ำออนไลน์เพอ่ื กำรพฒั นำบรรจุภณั ฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ 2. ศึกษำข้ันตอนกำรดำเนินโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลกั สูตรกำรค้ำออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจุภณั ฑแ์ ละ ผลิตภัณฑ์ เพือ่ เปน็ แนวทำงในกำรจัดเตรยี มงำน วัสดุอุปกรณ์ และบุคลำกรใหเ้ หมำะสม  การสารวจความต้องการของประชาชนในพืน้ ท่ี (ตามนโยบายของรัฐบาล) ครู กศน.ตำบล สำรวจควำมต้องกำรของกลุม่ เป้ำหมำยเพอ่ื ทรำบควำมต้องกำรท่ีแทจ้ ริงของประชำชนใน ตำบล และมีข้อมลู ในกำรจดั กิจกรรมทต่ี รงกับควำมต้องกำรของชมุ ชน  การประสานงานผูน้ าชมุ ชน / ประชาชน /วิทยากร ครู กศน.ตำบล ได้ประสำนงำนกบั หัวหน้ำ/ผู้นำชุมชนและประชำชนในตำบลเพ่ือร่วมกนั ปรกึ ษำหำรือใน กล่มุ เกีย่ วกับกำรดำเนินกำรจัดโครงกำรให้ตรงกับควำมต้องกำรของชมุ ชน  การประชาสมั พันธ์โครงการฯ ครู กศน.ตำบล ได้ดำเนินกำรประชำสัมพันธก์ ำรจดั โครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลักสูตรกำรคำ้ ออนไลน์ เพื่อกำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑ์และผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ประชำชนทรำบข้อมูลกำรจดั กิจกรรมดังกลำ่ วผำ่ นผนู้ ำชุมชน  ประชุมเตรียมการ / วางแผน 1) ประชมุ ปรึกษำหำรือผู้ทเี่ ก่ียวข้อง 2) เขยี นโครงกำร วำงแผนมอบหมำยงำนให้ฝำ่ ยตำ่ งๆ เตรยี มดำเนนิ กำร 3) มอบหมำยหน้ำท่ี แต่งตัง้ คณะทำงำน

30  การรบั สมัครผเู้ ขา้ ร่วมโครงการฯ ครู กศน.ตำบล ไดร้ บั สมัครผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลกั สตู รกำรคำ้ ออนไลนเ์ พ่ือกำรพัฒนำ บรรจภุ ณั ฑแ์ ละผลติ ภณั ฑ์ โดยให้ประชำชนทัว่ ไปท่ีอำศยั อยู่ในพน้ื ทต่ี ำบลบำ้ นเซดิ เขำ้ ร่วม เป้ำหมำยจำนวน 15 คน  การกาหนดสถานทีแ่ ละระยะเวลาดาเนินการ ครู กศน.ตำบล ได้กำหนดสถำนทใี่ นกำรจัดอบรมคอื กศน.ตำบลบำ้ นเซดิ หมู่ท7ี่ ตำบลบำ้ นเซิด อำเภอพนัสนคิ ม จังหวดั ชลบรุ ี ระหว่ำงวนั ที่ 2-3 กรกฎำคม 2563 จำนวน 2 วัน เวลำ 08.30-16.30 น. 2. ขนั้ ดาเนนิ งาน  กล่มุ เปา้ หมาย กล่มุ เป้ำหมำยของโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดจิ ทิ ลั หลกั สตู รกำรค้ำออนไลนเ์ พ่ือกำรพฒั นำบรรจภุ ัณฑแ์ ละ ผลติ ภณั ฑ์ -ประชำชนตำบลบ้ำนเซิด จำนวน 15 คน  สถานท่ดี าเนนิ งาน ครู กศน.ตำบลบ้ำนเซิด จัดกิจกรรมโครงกำรพฒั นำเศรษฐกจิ ดิจิทลั หลักสูตรกำรค้ำออนไลนเ์ พื่อกำรพฒั นำ บรรจุภัณฑ์และผลติ ภณั ฑ์ โดยจดั กิจกรรมอบรมให้ควำมรู้ เวลำ 08.30-16.30 น. ณ กศน.ตำบลบ้ำนเซิด หมทู่ 7่ี ตำบลบ้ำน เซิด อำเภอพนสั นิคม จงั หวัดชลบรุ ี  การขออนมุ ตั ิแผนการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชีวิต กศน.ตำบลบำ้ นเซดิ ไดด้ ำเนินกำรขออนุมัตแิ ผนกำรจดั กิจกรรม โครงกำรพฒั นำเศรษฐกิจดจิ ิทลั หลักสูตร กำรคำ้ ออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑ์และผลิตภณั ฑ์ ต่อสำนกั งำน กศน.จังหวัดชลบรุ ี เพอ่ื ใหต้ ้นสงั กัดอนมุ ตั ิแผนกำรจัด กิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดจิ ทิ ัลหลกั สตู รกำรค้ำออนไลนเ์ พื่อกำรพัฒนำบรรจุภณั ฑแ์ ละผลิตภณั ฑ์  การจดั ทาเครอื่ งมอื การวัดความพึงพอใจของผู้รว่ มกิจกรรม เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นกำรติดตำมประเมินผลโครงกำร ได้แก่ แบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจ  ขน้ั ดาเนินการ / ปฏบิ ัติ 1. เสนอโครงกำรเพื่อขอควำมเหน็ ชอบ/อนุมตั ิจำกตน้ สังกดั 2. วำงแผนกำรจดั กิจกรรมในโครงกำรพฒั นำเศรษฐกิจดจิ ิทัลหลกั สูตรกำรค้ำออนไลน์เพื่อกำรพัฒนำบรรจุ ภัณฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ โดยกำหนดตำรำงกิจกรรมที่กำหนดกำร

31 3. มอบหมำยงำนให้แก่ผ้รู บั ผิดชอบฝำ่ ยตำ่ งๆ 4. แตง่ ต้ังคณะกรมกำรดำเนนิ งำน 5. ประชำสัมพนั ธ์โครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดจิ ิทลั หลักสตู รกำรค้ำออนไลนเ์ พื่อกำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑแ์ ละ ผลิตภัณฑ์ 6. จดั กจิ กรรมโครงกำรพฒั นำเศรษฐกจิ ดจิ ิทัลหลกั สูตรกำรคำ้ ออนไลนเ์ พื่อกำรพฒั นำบรรจุภณั ฑแ์ ละ ผลติ ภัณฑ์ ตำมตำรำงกิจกรรมท่กี ำหนดกำร 7. ติดตำมและประเมินผลโครงกำรพฒั นำเศรษฐกจิ ดจิ ิทัลหลกั สูตรกำรค้ำออนไลนเ์ พื่อกำรพัฒนำบรรจุ ภณั ฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ 3. การประเมนิ ผล  วเิ คราะหข์ อ้ มลู 1. บันทกึ ผลกำรสงั เกตจำกผเู้ ข้ำร่วมกจิ กรรม 2. วเิ ครำะห์ผลจำกกำรประเมินในแบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจ 3. รำยงำนผลกำรปฏบิ ตั งิ ำนรวบรวมสรุปผลกำรปฏบิ ตั ิงำนของโครงกำรนำเสนอตอ่ ผูบ้ ริหำรนำปญั หำ ข้อบกพร่องไปแก้ไขคร้งั ต่อไป  ค่าสถติ ิทีใ่ ช้ กำรวิเครำะห์ข้อมูล ใช้ค่ำสถิติร้อยละในกำรประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวช้ีวัดควำมสำเร็จของโครงกำร ตำมแบบสอบถำมคิดเปน็ รำยข้อ โดยแปลควำมหมำยค่ำสถติ ริ ้อยละออกมำไดด้ งั นี้ คำ่ สถิติร้อยละ 90 ขน้ึ ไป ดมี ำก คำ่ สถติ ิรอ้ ยละ 75 – 89.99 ดี ค่ำสถติ ิรอ้ ยละ 60 – 74.99 พอใช้ ค่ำสถิตริ อ้ ยละ 50 – 59.99 ปรบั ปรุง ค่ำสถติ ริ ้อยละ 0 – 49.99 ปรบั ปรงุ เร่งด่วน ส่วนกำรวิเครำะห์ข้อมูลจำกแบบสอบถำมควำมคิดเห็นรำยข้อซ่ึงมีลักษณะเป็นค่ำน้ำหนักคะแนน แ ละ นำมำเปรยี บเทยี บ ได้ระดบั คุณภำพตำมเกณฑ์กำรประเมนิ ดังน้ี เกณฑ์กำรประเมนิ (X) ค่ำนำ้ หนกั คะแนน 4.50 – 5.00 ระดบั คณุ ภำพ คอื ดมี ำก คำ่ นำ้ หนกั คะแนน 3.75 – 4.49 ระดับคณุ ภำพ คือ ดี คำ่ น้ำหนกั คะแนน 3.00 – 3.74 ระดบั คณุ ภำพ คอื พอใช้ คำ่ น้ำหนักคะแนน 2.50 – 2.99 ระดบั คุณภำพ คอื ต้องปรบั ปรุง คำ่ น้ำหนกั คะแนน 0.00 – 2.49 ระดบั คณุ ภำพ คอื ต้องปรับปรุงเร่งดว่ น

32 บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ งานและการวิเคราะห์ขอ้ มลู ตอนที่ 1 รายงานผลการจัดกิจกรรมโครงการพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทลั หลักสตู รการคา้ ออนไลน์เพอ่ื การพัฒนาบรรจภุ ณั ฑ์ และผลิตภัณฑ์ กำรจดั กจิ กรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทลั หลักสตู รกำรคำ้ ออนไลน์เพื่อกำรพัฒนำบรรจภุ ัณฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ สรุปรำยงำนผลกำรจัดกจิ กรรมได้ดงั นี้ ในกำรจัดกจิ กรรมอบรมให้ควำมรตู้ ำมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลกั สตู รกำรค้ำออนไลนเ์ พ่ือกำร พฒั นำบรรจุภัณฑ์และผลติ ภัณฑ์ เปน็ กำรอบรมให้ควำมรู้ โดยมี นำงสำวสุนทรี เพชรประเสริฐ เปน็ วทิ ยำกรในกำรบรรยำย ใหค้ วำมรู้ เร่อื ง กำรพฒั นำเศรษฐกิจดจิ ิทลั หลักสูตรกำรคำ้ ออนไลน์ ประชำชนควรรู้หลงั จำกเสร็จสิ้นกิจกรรมดังกล่ำวแล้ว ผู้เขำ้ ร่วมกจิ กรรม มคี วำมรู้ ควำมเข้ำใจกำรเข้ำใจกำรคำ้ ออนไลน์ และนำควำมรู้ทไ่ี ดร้ บั มำปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวัน ตอนท่ี 2 รายงานผลความพึงพอใจของโครงการพัฒนาเศรษฐกิจดจิ ทิ ัลหลักสตู รการคา้ ออนไลน์เพื่อการพฒั นาบรรจุ ภณั ฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ กำรจดั กิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจทิ ลั หลักสตู รกำรคำ้ ออนไลนเ์ พอ่ื กำรพัฒนำบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ซึ่ง สรปุ รำยงำนผลจำกแบบสอบถำมควำมคิดเหน็ ข้อมลู ท่ีไดส้ ำมำรถวิเครำะห์และแสดงคำ่ สถติ ิ ดังน้ี ตารางท่ี 1 ผู้เขำ้ ร่วมโครงกำรท่ีตอบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมเพศ รายละเอียด เพศ หญงิ ชำย 13 76.47 จำนวน (คน) 4 ร้อยละ 23.53 จำกตำรำงท่ี 1 พบว่ำผตู้ อบแบบสอบถำมท่เี ขำ้ รว่ มกจิ กรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลักสตู รกำรค้ำ ออนไลนเ์ พ่ือกำรพฒั นำบรรจุภัณฑแ์ ละผลติ ภณั ฑ์ เป็นเพศหญิง จำนวน 13 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 76.47 และเพศชำย จำนวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 23.53 ตารางที่ 2 ผูเ้ ขำ้ ร่วมโครงกำรทีต่ อบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมอำยุ รำยละเอยี ด อำยุ (ปี) อำยุ 15-29 30 - 39 40 - 49 50-59 60 ขึ้นไป 5 1 จำนวน (คน) 9 1 1 5.88 29.41 ร้อยละ 52.94 5.88 5.88

33 จำกตำรำงท่ี 2 พบว่ำผู้ตอบแบบสอบถำมทีเ่ ข้ำรว่ มกจิ กรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดจิ ิทัลหลกั สตู รกำรค้ำออนไลน์ เพือ่ กำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑ์และผลติ ภัณฑ์มีอำยุ 15-29 จำนวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 52.94 มอี ำยุ 50 – 59 ปี จำนวน 5 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 29.41 มีอำยุ 30 – 39 ปี จำนวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 5.88 มีอำยุ 40-49 จำนวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 5.88 และมีอำยุ 60 ปขี ึน้ ไป จำนวน 1 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 5.88 ตารางท่ี 3 ผู้เขำ้ ร่วมโครงกำรทต่ี อบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมอำชีพ รายละเอียด เกษตรกรรม รับจำ้ ง อาชพี ค้ำขำย อืน่ ๆ รับรำชกำร/รัฐวสิ ำหกจิ จำนวน (คน) - 10 - -7 ร้อยละ - 58.82 - - 41.18 จำกตำรำงท่ี 3 พบว่ำผ้ตู อบแบบสอบถำมทเ่ี ขำ้ รว่ มกิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดิจิทลั หลักสูตรกำรค้ำออนไลน์ เพ่อื กำรพฒั นำบรรจุภัณฑแ์ ละผลิตภณั ฑ์ มีรบั จ้ำง จำนวน 10 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 58.82 และอำชพี อืน่ ๆ จำนวน 7 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 41.18 ตารางที่ 4 ผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำรที่ตอบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมระดับกำรศึกษำ รายละเอียด ระดบั การศกึ ษา กำรศึกษำ ประถม ม.ตน้ ม.ปลำย/ปวช. ปวส./ป.ตรีขึ้นไป - จำนวน (คน) 7 7 3 - รอ้ ยละ 41.18 41.18 17.65 จำกตำรำงท่ี 4 พบวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมท่ีเข้ำรว่ มกิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดิจิทลั หลกั สูตรกำรค้ำออนไลน์ เพือ่ กำรพฒั นำบรรจุภณั ฑ์และผลติ ภัณฑ์ มรี ะดบั ประถมศึกษำ จำนวน 7 คน คดิ เป็นร้อยละ 41.18 ระดบั มัธยมศึกษำ ตอนตน้ จำนวน 7 คน คดิ เป็นร้อยละ 41.18 และระดบั มัธยมศกึ ษำตอนปลำย จำนวน 3 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 17.65

34 ตารางที่ 5 แสดงค่ำร้อยละเฉล่ียควำมสำเร็จของตวั ชี้วัด ผลผลิต ประชำชนทั่วไป เขำ้ ร่วมโครงกำรจำนวน 17 คน เปา้ หมาย(คน) ผลสาเร็จของโครงการ คิดเป็นร้อยละ 16 ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ(คน) 100 17 จำกตำรำงท่ี 5 พบวำ่ ผลสำเรจ็ ของตวั ชีว้ ดั ผลผลติ กิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดิจทิ ัลหลักสตู รกำรคำ้ ออนไลน์ เพือ่ กำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑ์และผลิตภัณฑ์ มผี เู้ ขำ้ ร่วมโครงกำร จำนวน 17 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ซึ่งบรรลุเป้ำหมำยด้ำน ตวั ชว้ี ดั ผลผลิต ตารางที่ 6 ค่ำเฉลี่ยและส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจของผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรมท่ีมคี วำมพงึ พอใจต่อโครงกำรพฒั นำ เศรษฐกิจดจิ ิทัลหลกั สตู รกำรคำ้ ออนไลน์เพอื่ กำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑแ์ ละผลติ ภณั ฑ์ ในภาพรวม รำยกำร ค่ำเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน ระดบั ควำมพงึ พอใจ ด้ำนบรหิ ำรจัดกำร () () ดำ้ นกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.37 0.63 ดี ดำ้ นประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั 4.34 0.58 ดี รวมทุกด้ำน 4.57 0.50 ดมี ำก 4.43 0.57 ดี จำกตำรำงที่ 6 พบวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมทีม่ ีควำมพึงพอใจตอ่ โครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสตู รกำรคำ้ ออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจุภณั ฑ์และผลิตภัณฑ์ ในภำพรวมอยใู่ นระดับดมี ำก (=4.50) เมอื่ พจิ ำรณำเป็นรำยด้ำน พบวำ่ ดำ้ นประโยชนท์ ี่ได้รบั อยใู่ นระดับดมี ำก มีค่ำเฉลีย่ (= 4.57) รองลงมำคือ ด้ำนกำรบริหำรจดั กำร อยู่ในระดบั ดี มีค่ำเฉลี่ย (= 4.37) และดำ้ นกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ มีอยใู่ นระดับดี มคี ำ่ เฉลยี่ (= 4.34) ตำมลำดับ โดยมีสว่ นเบย่ี งเบน มำตรฐำน () อยู่ระหวำ่ ง 0.50 - 0.63 แสดงว่ำ ผู้เข้ำร่วมกิจกรรมมีควำมพงึ พอใจสอดคล้องกนั

35 ตารางที่ 7 ค่ำเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนควำมพึงพอใจของผู้เข้ำร่วมกิจกรรมท่ีมีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรพัฒนำ เศรษฐกิจดจิ ิทัลหลักสตู รกำรคำ้ ออนไลนเ์ พ่อื กำรพฒั นำบรรจุภณั ฑ์และผลติ ภัณฑ์ ดา้ นบรหิ ารจัดการ รำยกำร ค่ำเฉลี่ย ส่วนเบย่ี งเบน ระดบั ควำมพงึ พอใจ 1. อำคำรสถำนท่ี () มำตรฐำน () 2. ส่งิ อำนวยควำมสะดวก 4.40 0.48 ดี 3. กำหนดกำรและระยะเวลำในกำรดำเนนิ โครงกำร 4.33 0.69 ดี 4. เอกสำรกำรอบรม 4.27 0.59 ดี 5. วทิ ยำกรผู้ให้กำรอบรม 4.27 0.84 ดี 4.40 0.81 ดี รวม 4.33 0.68 ดี จำกตำรำงท่ี 7 พบว่ำ ผู้ตอบแบบสอบถำมที่มีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำ ออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ด้ำนบริหำรจัดกำร ในภำพรวมอยู่ในระดับดี มีค่ำเฉล่ีย (= 4.33) เม่ือ พิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ อำคำรสถำนที่ มีคำ่ เฉลี่ย (= 4.40) วิทยำกรผใู้ ห้กำรอบรม มคี ่ำเฉล่ีย (= 4.40)รองลงมำ คือ สง่ิ อำนวยควำมสะดวก มีค่ำเฉลี่ย (= 4.33) เอกสำรกำรอบรม มคี ่ำเฉล่ยี (= 4.27) และกำหนดกำรและระยะเวลำในกำร ดำเนินโครงกำร มีค่ำเฉล่ีย (= 4.27) ตำมลำดับ โดยมีส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำน () อยู่ระหว่ำง 0.50 - 0.51 แสดงว่ำ ผตู้ อบแบบสอบถำมมคี วำมคดิ เหน็ ไปในทศิ ทำงเดยี วกัน

36 ตารางที่ 8 คำ่ เฉลยี่ และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนควำมพึงพอใจของผู้เขำ้ ร่วมกจิ กรรมท่ีมีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรพัฒนำ เศรษฐกิจดิจทิ ัลหลกั สูตรกำรค้ำออนไลน์เพือ่ กำรพฒั นำบรรจภุ ณั ฑแ์ ละผลิตภัณฑ์ ดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ รำยกำร ค่ำเฉลีย่ สว่ นเบยี่ งเบน ระดบั () มำตรฐำน () ควำมพึงพอใจ 6. กำรจดั กิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดจิ ทิ ัล 4.47 หลกั สตู รกำรค้ำออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจุภัณฑแ์ ละ 0.60 ดี ผลติ ภณั ฑ์ 4.53 7. กำรใหค้ วำมรูเ้ ร่ืองกำรคำ้ ออนไลน์ 4.33 0.61 ดี 8. กำรตอบข้อซักถำมของวทิ ยำกร 4.40 0.49 ดี 9. กำรแลกเปล่ียนเรียนรูข้ องผูเ้ ขำ้ รบั กำรอบรม 4.27 0.68 ดี 10. กำรสรุปองค์ควำมรรู้ ว่ มกัน 4.18 0.60 ดี 11. กำรวดั ผล ประเมินผล กำรฝึกอบรม 4.37 0.47 ดี 0.55 ดี รวม จำกตำรำงท่ี 8 พบว่ำ ผู้ตอบแบบสอบถำมมีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำ ออนไลน์เพ่อื กำรพฒั นำบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ด้ำนกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ในภำพรวมอยูใ่ นระดบั ดี มีค่ำเฉล่ีย (= 4.37) เมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ กำรให้ควำมรู้เร่ืองกำรเข้ำใจดิจิทัล มีค่ำเฉลี่ย (= 4.53) กำรจัดกิจกรรมโครงกำร พัฒนำเศรษฐกจิ ดิจิทัลหลกั สูตรกำรคำ้ ออนไลน์เพอื่ กำรพัฒนำบรรจภุ ณั ฑแ์ ละผลิตภัณฑ์ มีคำ่ เฉลี่ย (= 4.47กำรแลกเปลี่ยน เรียนรู้ของผู้เข้ำรับกำรอบรม มีค่ำเฉล่ีย ( = 4.40) กำรตอบข้อซักถำมของวิทยำกร มีค่ำเฉล่ีย ( = 4.33) กำรสรุปองค์ ควำมรู้ร่วมกัน มีค่ำเฉลี่ย ( = 4.27) และกำรวัดผล ประเมินผลตำมลำดับ มีค่ำเฉลี่ย ( = 4.18) โดยมีส่วนเบ่ียงเบน มำตรฐำน () อยรู่ ะหวำ่ ง 0.59 - 0.81 แสดงวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมมคี วำมคดิ เหน็ สอดคล้องกัน ตารางท่ี 9 ค่ำเฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจของผเู้ ข้ำรว่ มกิจกรรมทีม่ ีควำมพงึ พอใจต่อโครงกำรพัฒนำ เศรษฐกจิ ดจิ ิทลั หลักสตู รกำรคำ้ ออนไลน์เพอื่ กำรพัฒนำบรรจภุ ัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ด้านประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั รำยกำร ค่ำเฉลีย่ ส่วนเบย่ี งเบน ระดบั ควำม () มำตรฐำน () พงึ พอใจ 12. ไดเ้ รยี นรู้และฝึกตนเอง เกย่ี วกับกำรคำ้ ออนไลน์ 4.53 13. นำควำมรทู้ ี่ไดร้ บั มำปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวนั 0.50 ดีมำก 4.60 รวม 4.57 0.49 ดมี ำก 0.50 ดมี ำก

37 จำกตำรำงที่ 9 พบว่ำ ผู้ตอบแบบสอบถำมมีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจิทัลหลักสูตรกำรค้ำ ออนไลน์เพ่ือกำรพัฒนำบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ด้ำนประโยชน์ที่ได้รับ ในภำพรวมอยู่ในระดับดีมำก มีค่ำเฉล่ีย (= 4.57) เมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ ได้สร้ำงเครือข่ำยชุมชนกำรค้ำออนไลน์ มีค่ำเฉลี่ย (= 4.60) รองลงมำ คือ ได้ เรียนรู้และฝึกตนเอง เก่ียวกับกำรค้ำออนไลน์ มีค่ำเฉล่ีย (= 4.53) โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน () อยู่ระหว่ำง 0.49 - 0.50 แสดงวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมมคี วำมคิดเหน็ ไปในทิศทำงเดยี วกนั สรุปในภาพรวมของกิจกรรมคดิ เป็นร้อยละ 88.60 มคี ่าน้าหนักคะแนน 4.43 ถือวา่ ผู้รับบริการ มีความพงึ พอใจทางด้านตา่ งๆ อย่ใู นระดับดี โดยเรียงลาดับดังน้ี  อนั ดับแรก ดำ้ นดำ้ นประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ คดิ เปน็ ร้อยละ 91.40 มคี ำ่ นำ้ หนักคะแนน 4.57 อยู่ในระดับคุณภำพ ดีมำก  อันดับสอง ด้ำนบรหิ ำรจัดกำร คดิ เปน็ ร้อยละ 87.40 มคี ่ำนำ้ หนักคะแนน 4.37 อยู่ในระดบั คุณภำพดี  อนั ดับสาม ด้ำนกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ คดิ เป็นร้อยละ 86.80 มคี ่ำน้ำหนกั คะแนน 4.34 อยูใ่ นระดับ คุณภำพดี

บทท่ี 5 38 อภปิ รายและข้อเสนอแนะ ผลกำรจัดกิจกรรมโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดิจิทัลหลกั สตู รกำรค้ำออนไลน์เพ่ือกำรพฒั นำบรรจภุ ณั ฑ์และผลติ ภัณฑ์ ได้ผลสรปุ ดงั นี้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เข้ำร่วมกจิ กรรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในกำรขำยออนไลน์ 2. เพอื่ ให้ผู้เข้ำรว่ มกิจกรรมสำมำรถนำควำมรู้ท่ไี ดร้ ับไปใช้เป็นชอ่ งทำงกำรในกำรประกอบอำชีพได้ เป้าหมาย (Outputs) เป้าหมายเชิงปรมิ าณ - ประชำชนตำบลบ้ำนเซดิ จำนวน 17 คน เปา้ หมายเชิงคุณภาพ - ประชำชนตำบลบำ้ นเซดิ มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในกำรขำยออนไลน์และสำมำรถนำควำมรทู้ ่ีไดร้ ับไปใชเ้ ป็น ชอ่ งทำงกำรในกำรประกอบอำชีพได้ เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เคร่อื งมือที่ใชใ้ นกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในครงั้ น้ี คือ แบบประเมินควำมพงึ พอใจ การเก็บรวบรวมข้อมูล ในกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู ไดม้ อบหมำยให้ ครู กศน.ตำบลบ้ำนเซิด ท่รี บั ผิดชอบกิจกรรมแจกแบบสอบถำมควำมพึง พอใจใหก้ ับผู้ร่วมกิจกรรม โดยใหผ้ ู้เข้ำร่วมกจิ กรรมประเมินผลกำรจดั กจิ กรรมต่ำงๆ ตำมโครงกำรพฒั นำเศรษฐกิจดจิ ิทลั หลักสตู รกำรคำ้ ออนไลนเ์ พื่อกำรพฒั นำบรรจภุ ณั ฑแ์ ละผลิตภัณฑ์ สรุปผลการดาเนินงาน กศน.ตำบลบำ้ นเซิด ไดด้ ำเนินกำรจดั กจิ กรรมตำม โครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดิจทิ ลั หลักสูตรกำรค้ำออนไลนเ์ พื่อกำร พัฒนำบรรจภุ ัณฑแ์ ละผลิตภณั ฑ์ โดยดำเนนิ กำรเสร็จส้นิ ลงแล้วและสรปุ รำยงำนผลกำรดำเนินงำนได้ดังนี้ 1. ผูร้ ว่ มกิจกรรมจำนวน 15 คน มคี วำมรู้ ควำมเขำ้ ใจกฎหมำยทเี่ กีย่ วข้องในชีวิตประจำวนั และนำควำมรู้ที่ได้รบั มำปรับใชใ้ นชีวิตประจำวนั 2. ผรู้ ่วมกจิ กรรมรอ้ ยละ 91.40 นำควำมรู้ท่ีไดร้ ับมำปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั 3. จำกกำรดำเนินกิจกรรมตำมโครงกำรดงั กลำ่ ว สรปุ โดยภำพรวมพบวำ่ ผู้เขำ้ ร่วมกจิ กรรมส่วนใหญ่มีควำมพงึ พอใจ ตอ่ โครงกำร อยู่ในระดบั “ดี” และบรรลุควำมสำเร็จตำมเป้ำหมำยตัวชี้วดั ผลลพั ธ์ทตี่ งั้ ไว้ โดยมีค่ำเฉล่ียร้อยละภำพรวมของ กจิ กรรม 88.60 และคำ่ กำรบรรลุเป้ำหมำยค่ำเฉลยี่ 4.43 ขอ้ เสนอแนะ - อยำกใหม้ ีกำรจดั กจิ กรรมอีก จะไดน้ ำควำมรู้ไปใช้ในกำรดำเนินชีวิตตอ่ ไป

บรรณานกุ รม ทมี่ ำ กรมกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี น (2546) บุญชม ศรีสะอำด และ บุญส่ง นลิ แกว้ (2535 หน้ำ 22-25) กระทรวงศกึ ษำธิกำร . (2543). http://www.itday.in.th/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E 0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E 0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5/ พงศ์เพชร อินทร์เพชร. (ม.ป.ป.). “โทรศัพท์มือถือ” ภยั ใกล้ตัวท่ไี ม่ควรมองข้ำมhttp://www.stou.ac.th/study/sumrit/7- 53(500)/page1-7-53(500).html ฤทธิชัย เจรญิ ผ่อง.(ม.ป.ป.). พัฒนำกำรโทรศัพท์มอื ถอื กอ่ นจะเปน็ สมำร์ทโฟน http://y34.wikidot.com/it-report01-050 http://www.digithun.com/smartphone-change-ur-life/

ภาคผนวก

รายงานผลการจดั กจิ กรรม โครงกำรพฒั นำเศรษฐกจิ ดิจิทัลหลกั สตู รกำรค้ำออนไลนเ์ พ่ือกำรพฒั นำบรรจุภัณฑ์และผลิตภณั ฑ์ จำนวน 2 วนั ณ กศน.ตำบลบำ้ นเซิด หม่ทู ่ี 1 ตำบลบ้ำนเซิด อำเภอพนสั นคิ ม จงั หวดั ชลบรุ ี วิทยำกรคือ นำงสำวสนุ ทรี เพชรประเสริฐ ผู้เข้ำรว่ มกจิ กรรมจำนวน 17 คน

แบบสอบถามความพึงพอใจ โครงการพัฒนาเศรษฐกจิ ดจิ ิทัลหลักสูตรการคา้ ออนไลนเ์ พ่อื การพฒั นาบรรจุภัณฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ กศน.ตาบลบา้ นเซิด อาเภอพนสั นคิ ม จังหวดั ชลบรุ ี คาชีแ้ จง 1. แบบสอบถำมฉบบั นม้ี ีวัตถุประสงค์ เพ่ือใชใ้ นกำรสอบถำมควำมพงึ พอใจตอ่ โครงกำรพฒั นำเศรษฐกจิ ดิจทิ ัลหลกั สตู รกำรค้ำออนไลนเ์ พือ่ กำร พฒั นำบรรจภุ ณั ฑแ์ ละผลติ ภณั ฑ์ 2. แบบสอบถำมมี 3 ตอนดงั น้ี ตอนท่ี 1 ถำมข้อมลู เก่ยี วกับผตู้ อบแบบสอบถำมจำนวน 4 ข้อ ใหท้ ำเครอ่ื งหมำย ✓ ลงในช่องให้ตรงกับสภำพจรงิ ตอนท่ี 2 ควำมพงึ พอใจต่อโครงกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ดิจิทลั หลกั สตู รกำรค้ำออนไลน์เพ่ือกำรพฒั นำบรรจุภณั ฑแ์ ละผลิตภัณฑ์ จำนวน 13 ขอ้ ซง่ึ มีระดบั ควำมพงึ พอใจ 5 ระดบั ดังน้ี 5 มำกทสี่ ุด หมำยถงึ มคี วำมพงึ พอใจมำกที่สดุ 4 มำก หมำยถงึ มคี วำมพึงพอใจมำก 3 ปำนกลำงหมำยถงึ มคี วำมพงึ พอใจปำนกลำง 2 น้อย หมำยถงึ มีควำมพึงพอใจน้อย 1 นอ้ ยทสี่ ุด หมำยถงึ มคี วำมพึงพอใจน้อยทีส่ ดุ ตอนท่ี 3 ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะตอ่ โครงกำรพัฒนำเศรษฐกิจดจิ ิทัลหลักสตู รกำรคำ้ ออนไลน์เพอ่ื กำรพัฒนำบรรจภุ ัณฑแ์ ละ ผลิตภณั ฑ์ ตอนที่ 1 ข้อมลู ทั่วไปของผูต้ อบแบบสอบถาม หญงิ 40 ปี – 49 ปี เพศ 30 ปี – 39 ปี ชำย 60 ปขี นึ้ ไป อายุ 15 ปี – 29 ปี 50 ปี – 59 ปี การศึกษา ต่ำกว่ำ ป.4 ป.4 ประถม ม.ต้น ม.ปลำย ประกอบอาชพี อนุปริญญำ ปรญิ ญำตรี สงู กวำ่ ปริญญำตรี รบั จ้ำง คำ้ ขำย เกษตรกร ลูกจ้ำง/ขำ้ รำชกำรหนว่ ยงำนภำครัฐหรือเอกชน อืน่ ๆ ………………………………….

ตอนที่ 2 ความพึงพอใจเกีย่ วกบั โครงการพัฒนาเศรษฐกิจดจิ ทิ ัลหลักสูตรการคา้ ออนไลน์เพอ่ื การพฒั นาบรรจุภัณฑแ์ ละ ผลติ ภณั ฑ์ ข้อที่ รายการ ระดบั ความคดิ เห็น 5 432 1 ด้านบรหิ ารจดั การ 1. อำคำรและสถำนท่ี 2. สิ่งอำนวยควำมสะดวก 3. กำหนดกำรและระยะเวลำในกำรดำเนินโครงกำร 4. เอกสำรกำรอบรม 5. วทิ ยำกรผใู้ หก้ ำรอบรม ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 6. กำรจดั กจิ กรรมโครงกำรพฒั นำเศรษฐกิจดิจิทลั หลักสูตร กำรค้ำออนไลนเ์ พื่อกำรพฒั นำบรรจภุ ัณฑแ์ ละผลติ ภัณฑ์ 7. กำรใหค้ วำมรเู้ ร่ืองกำรค้ำออนไลน์ 8. กำรตอบขอ้ ซกั ถำมของวิทยำกร 9. กำรแลกเปลี่ยนเรียนรูข้ องผ้เู ข้ำรบั กำรอบรม 10. กำรสรุปองคค์ วำมรูร้ ่วมกัน 11. กำรวดั ผล ประเมินผล กำรฝกึ อบรม ด้านประโยชน์ที่ได้รบั 12 ไดเ้ รียนรู้และฝึกตนเอง เกีย่ วกบั กำรค้ำออนไลน์ 13 นำควำมร้ทู ่ีได้รบั มำปรบั ใช้ในชีวติ ประจำวัน ตอนท่ี 3 ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะ ข้อคิดเหน็ .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ขอบขอบคณุ ที่ให้ควำมร่วมมอื กศน. อำเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบุร

คณะผ้จู ดั ทา ที่ปรึกษา หมื่นสำ ผอู้ ำนวยกำร กศน.อำเภอพนัสนิคม กำรงำนดี ครู 1. นำงณัชธกญั ศรีเทพ บรรณำรกั ษ์ปฏิบัติกำร 2. นำงสำวมุทิกำ คลังสนิ ธ์ ครู อำสำสมคั ร กศน. 3. นำงปล้ืมจิตร 4. นำงสำวเฟือ่ งฟำ้ ครู กศน.ตำบลบำ้ นเซิด คณะทางาน เพชรประเสริฐ ครู กศน.ตำบลบำ้ นเซิด - นำงสำวสุนทรี บรรณาธิการ เพชรประเสรฐิ - นำงสำวสุนทรี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook