Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สถาบันติว

สถาบันติว

Published by chida soon, 2022-01-21 06:42:30

Description: สถาบันติว

Search

Read the Text Version

สถาบันติว

วุฒิ GED กับการเรียนต่อต่างประเทศ ทำความรู้จักกับ GED สามารถเรียนต่อประเทสไหนได้บ้าง ข้อดี - ข้อเสีย ที่ต้องรู้ เเนวทางการขอทุน สารบัญบทความ วุฒิ GED แตกต่างจากวุฒิ ม.ปลาย อย่างไร? คุณสมบัติผู้สมัครสอบ GED มีอะไรบ้าง? อยากสอบ GED เริ่มต้นอย่างไร? สถานที่สอบ GED ในประเทศไทย มีทั้งหมด 5 ที่ ดังนี้ วุฒิ GED จะต้องสอบวิชาอะไรบ้าง? ผลสอบ GED มีเกณฑ์การคิดคะแนนอย่างไร? หลังจากสอบผ่านเรียบร้อยแล้ว จะได้รับใบประกาศเมื่อไหร่? การขอการรับรองความถูกต้อง (Apostille) ข้อดี – ข้อเสีย ของวุฒิ GED มีอะไรบ้าง? ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลาออกจากระบบโรงเรียนปกติเพื่อที่จะสอบเทียบวุฒิ GED รู้หรือไม่? มีวุฒิ GED แล้ว ไม่ได้หมายความคุณจะมีคุณบัติพร้อมเรียนต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยได้ทันที วุฒิ GED กับการขอทุนเรียนต่อปริญญาตรีต่างประเทศ สามารถขอทุนได้หรือไม่? มีวุฒิ GED แล้ว วางแผนเรียนต่อต่างประเทศอย่างไรดี? รู้หรือไม่? ไม่ต้องใช้ผล GED ก็เรียนต่อปริญญาตรี ที่อเมริกาได้ กับโครงการ International High School Completion ทางลัดในการเรียนจบปริญญาตรีได้ก่อนอายุ 20 ปี (ไม่ต้องใช้ผล GED เรียนได้เลย) วุฒิ GED กับการเรียนต่อในเมืองไทย นอกจากวุฒิ GED แล้ว สิ่งที่ต้องมีสำหรับเรียนต่อต่างประเทศคือ ผลภาษาอังกฤษ หากคะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ สามารถเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศได้

การสอบ GED GED คือ อะไร GED คือ การสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในระบบอเมริกัน (US HIGH SCHOOL EQUIVALENCY DIPLOMA) เป็นวุฒิที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก มีที่มาจาก AMERICAN COUNCIL ON EDUCATION (ACE) กรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งจัดการ ทดสอบ GED ขึ้นเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้นักเรียนที่ไม่ได้เรียนตามระบบปกติ ซึ่งพบได้บ่อยในกรณีเป็นนักกีฬา หรือ เรียน HOME SCHOOL สามารถสอบเพื่อใช้เทียบวุฒิม.ปลาย (จบ ม.6) ยื่นเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ >> เกณฑ์การเทียบวุฒิการศึกษาเท่ากับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปี 2564 >> เกณฑ์การเทียบวุฒิการศึกษาเท่ากับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปี 2565 วิธีการสมัครสอบ GEDการสมัครสอบ GED สามารถสมัครสอบผ่านระบบออนไลน์ของ GED โดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ WWW.GED.COM หลังจากนักเรียนสร้างบัญชีใหม่และกรอกประวัติส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว นักเรียนจะสามารถเลือกวัน และเวลาสอบพร้อมกับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต โดยจะมีอีเมลยืนยันการสมัครสอบจากระบบให้รู้ว่าถึงเวลาเตรียมตัว และรอไปสอบตามวันเวลาที่ได้จองไว้ สิ่งที่นักเรียนห้ามลืมพกไปในวันสอบ คือ พาสปอร์ตตัวจริง เนื่องจากหากนักเรียน ลืมนำพาสปอร์ตตัวจริงไปจะไม่สามารถเข้าสอบได้

GED สอบอะไรบ้าง การสอบ GED นั้น ไม่ได้จำกัดวุฒิการศึกษาขั้นต่ำ เพียงแต่ผู้สอบต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยเปิดให้สอบได้ตลอดปี พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปสอบได้ การสอบมี 4 วิชา คะแนนเต็มวิชาละ 200 คะแนน เกณฑ์ผ่านอยู่ที่ 145 คะแนน สอบแล้ว ทราบผลสอบได้ทันที หากสอบไม่ผ่าน สามารถสอบซ้ำได้ถึง 3 ครั้ง แต่หากสอบไม่ผ่านครั้งที่ 4 จะต้องเว้นระยะไป 30 วัน ข้อสอบ GED เน้นการคิดวิเคราะห์ และการนำมาประยุกต์ มากกว่าท่องจำหรือการแก้โจทย์ วิชาที่สอบ ได้แก่ Reasoning Through Language Arts หรือ RLA เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษที่รวมเนื้อหา วิชา reading และ writing เข้าด้วยกัน ใช้เวลาสอบ 150 นาที ในส่วนของ extended response โจทย์จะให้ argumentative passage มา 2 เรื่องซึ่งมีความคิดเห็นตรงกันข้ามกัน นักเรียนจะ ต้องสามารถสรุปความคิดเห็นและหลักการของผู้เขียนทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งยกเหตุผลจาก passage มาประกอบการ อธิบายได้ ดังนั้นทักษะในการเขียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะได้คะแนนในเกณฑ์ที่สูง ข้อสอบ RLA คลิกที่นี่ Mathematical Reasoning วิชานี้ใช้เวลาสอบ 115 นาที โดยข้อสอบจะเน้นไปที่ 2 ส่วน คือ การเลือกใช้สูตรและการคิดเลขให้สอดคล้องกับโจทย์ ที่กำหนดให้ (45%) และการแก้ปัญหาทางพีชคณิต (55%) เนื้อหายังคงใช้ algebra I เป็นพื้นฐานในการออกข้อสอบ แต่จะมีการเพิ่มในส่วนของ quadratic equation เข้าไปจึงทำให้ข้อสอบมีความยากขึ้น ข้อสอบ Mathematical Reasoning คลิกที่นี่ Science วิชานี้ใช้เวลาสอบ 90 นาที เนื้อหาหลักเกี่ยวข้องกับ life science physical science และ earth and space science สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือในส่วนของ short answer คือการวิเคราะห์สถานการณ์ที่โจทย์จำลองมาและสามารถสรุปเหตุกา รณ์นั้นๆได้ ตัวอย่างเช่น โจทย์จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสังเคราะห์แสง และนักเรียนต้องสามารถใช้ทักษะการอ่านและ เขียนสรุปออกมาเป็นคำตอบสั้นๆได้ ข้อสอบ Science คลิกที่นี่ Social Studies วิชานี้ใช้เวลาสอบ 70 นาที โดยจะวัดความรู้ละทักษะในเชิงสังคมศาสตร์และทักษะในการวิเคราะห์สถานการณ์ที่ โจทย์ให้มา รวมทั้งสามารถนำข้อมูลจากข้อมูลที่โจทย์ให้ นำมาสนับสนุนความคิดเห็นของนักเรียนเองผ่านภาษา อังกฤษที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เนื้อหาหลักมี 4 ส่วน ได้แก่ Civics and government 50% United States history 20% Economics 15% Geography and the world 15%

เมื่อนักเรียนสอบผ่านทุกวิชาแล้ว จะได้รับ General Education Diploma ซึ่งเป็นวุฒิเทียบเท่าระดับมัธยมปลาย สามารถนำไปยื่นสมัครในมหาวิทยาลัยต่างๆทั้งในและต่างประเทศ GED และ IGCSE ต่างกันอย่างไร เราสามารถสรุปสั้น ๆ ได้ว่า GED คือหลักสูตรของอเมริกา และ IGCSE เป็นหลักสูตรของอังกฤษ โดย GED นั้นเป็นที่ นิยมมากกว่า IGCSE เนื่องจากใช้วิชาสอบน้อยกว่า และสามารถสอบได้ทุกวัน ต่างกับ IGCSE ที่สามารถสอบได้เพียงปี ละ 2 ครั้ง GED การสอบ GED มีจำนวนวิชาเพียง 4 วิชาและมีการจัดสอบทุกวัน มีเวลาหลายรอบให้เลือกสอบได้ ทราบผลคะแนนสอบ ทันทีหลังสอบเสร็จ นักเรียนจะสามารถทยอยสอบเป็นรายวิชา รวมถึงสามารถเลือกวิชาสอบก่อน – หลัง ได้อย่างอิสระ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักเรียนเอง การสมัครสอบ GED สามารถสมัครสอบออนไลน์และชำระเงินผ่านบัตร เครดิต เดบิต โดยมีค่าธรรมเนียมในการสอบที่ $60 ต่อวิชา (ประมาณ 2,000 บาทไทย) หรือหากเป็นนักเรียนของเราก็ ชำระที่ House of Griffin ได้เลย สำหรับ นักเรียนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวันที่สอบ สามารถเปลี่ยนก่อนถึงเวลาสอบได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เมื่อสอบผ่านแล้ววุฒิ การศึกษา GED จะถูกส่งตรงจากอเมริกาถึงบ้านโดย FedEX หรือไปรษณีย์ไทย IGCSE IGCSE คือ หลักสูตรของอังกฤษ หลักสูตรนี้มีจำนวนวิชาที่ต้องสอบอย่างน้อย 5 วิชา และ A-Level อีก 3 วิชา (นักเรียน สามารถเลือกรายวิชาที่จะสอบได้) โดย IGCSE มีการจัดสอบเพียงปีละ 2 ครั้ง คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ช่วงเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน โดยการสอบจะต้องสอบตามตารางที่ศูนย์สอบกำหนดไว้เท่านั้น นักเรียนสามารถสมัครสอบได้ที่ British Council สาขาสยามสแควร์ หรือกรอกแบบฟอร์มการสมัครส่งไปทางอีเมล ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตและเดบิตได้โดยมีค่า ธรรมเนียมการสอบแต่ละวิชาที่ไม่เท่ากัน การสอบ IGCSE นั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวันสอบได้ เนื่องจากแต่ละวิชามีตารางสอบที่ชัดเจน นักเรียนจะทราบผล สอบประมาณ 2 เดือนให้หลัง โดยหากสอบผ่านจะต้องติดต่อรับเอกสารวุฒิการศึกษาด้วยตัวเองที่ศูนย์สอบ

ผลสอบ GED มีเกณฑ์การให้คะเเนนอย่างไร การสอบ GED แต่ละวิชา มีคะแนนเต็ม 200 คะแนน โดยผู้สอบจะต้องได้คะแนนแต่ละวิชาไม่ต่ำกว่า 145 คะแนน ถึงจะผ่านรายวิชานั้นๆ นอกจากนี้ ยังมีการให้คะแนน The GED®College Ready (CR) และ GED® College Ready + Credit (CR+) ซึ่งเป็นคะแนนการันตีสำหรับนักเรียนว่ามีความพร้อมในการเข้าเรียนต่อมหา วิทยาลัย หากสอบไม่ผ่านรายวิชาใดรายวิชาหนึ่ง สามารถทำการสอบซ้ำได้ 3 ครั้ง (โดยเสียค่าใช้จ่ายเท่าเดิม) หากสอบ ซ้ำ 3 ครั้ง ก็ยังไม่ผ่านการทดสอบ จะต้องรอ 60 วัน ก่อนทำข้อสอบซ้ำในวิชานั้นๆ หรือหากผลสอบผ่าน เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องการสอบซ้ำ เพื่อให้ได้คะแนนที่สูงขึ้น สามารถทำได้โดยการส่งอีเมลอธิบายถึงสาเหตุที่จะ ต้องสอบอีกครั้งไปที่ [email protected] เกณฑ์การให้คะแนนวุฒิ GED คะแนน GED® Below Passing (100 – 144 คะแนน) ไม่ผานเกณฑ์หรือคะแนนสอบไม่แสดงให้เห็นถึงทักษะที่ เทียบเท่าการศึกษาระดับมัธยมปลาย คะแนน GED® Passing Score (145 – 164 คะแนน) ผานเกณฑ์หรือคะแนนสอบแสดงให้เห็นถึงทักษะที่เทียบ เท่าการศึกษาระดับมัธยมปลาย คะแนน GED® College Ready (165 – 174 คะแนน) ผานเกณฑ์หรือคะแนนสอบแสดงให้เห็นถึงทักษะที่เทียบ เท่าการศึกษาระดับมัธยมปลาย และแสดงให้เห็นถึงทักษะที่สามารถผ่านการคัดเลือกในการเข้าเรียนวิทยาลัยได้ คะแนน GED® College Ready + Credit (175 – 200 คะแนน) ผานเกณฑ์หรือคะแนนสอบแสดงให้เห็นถึง ทักษะที่เทียบเท่าการศึกษาระดับมัธยมปลาย และแสดงให้เห็นถึงทักษะที่สามารถผ่านการคัดเลือกในการเข้า เรียนวิทยาลัยได้อย่างดีเยี่ยม และเทียบเท่ากับคะแนนสูงสุด 1 – 8% ของค่าเฉลี่ยการสำเร็จการศึกษาระดับ มัธยมปลายของประเทศ

อยากสอบ GED เริ่มต้นอย่างไร? เตรียมความพร้อมสำหรับการสอบ มีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยให้ผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่เตรียม พร้อมสำหรับการสอบ ตัวอย่าง เช่น แบบฝึกหัดจากหนังสือ หรือสื่อดิจิทัล หลายคนเตรียมความ พร้อมโดยการเข้าเรียนสถาบันกวดวิชาที่ได้รับอนุญาต ที่เปิดสอนหลักสูตรเตรียมสอบ GED โดย เฉพาะ ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ (คลิก) หลังจากลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถสมัคร สอบ กำหนดวัน เวลาทำแบบทดสอบ และเลือกศูนย์สอบ GED ได้ และสามารถเลือกที่จะสอบ 1 วิชา หรือ 4 วิชา พร้อมกันได้ ผู้สมัครสอบสามารถทำข้อสอบจำลองออนไลน์ได้ (Mock Test) คุณสมบัติผู้สมัครสอบ GED มีอะไรบ้าง? อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ในวันที่สอบ หรือ มี อายุ 16 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไปในวันที่สอบ ทั้งนี้ ผู้ปกครองจะต้องกรอกฟอร์มขอยกเว้นอายุ (Age Exception) แล้วส่งไปที่ [email protected] หลังจากที่ ศูนย์สอบได้รับแบบฟอร์มแล้ว จะพิจารณาและอนุมัติผ่านบัญชี GED.com ที่ผู้สมัครได้ลงทะเบียน ไว้ให้สามารถดำเนินการสอบได้ สถานที่สอบ GED ในประเทศไทย มีทั้งหมด 5 ที่ ดังนี้ สถานที่สอบใน กทมฯ Paradigm: ชั้น 2 อาคารอัลม่าลิงค์ ชิดลม กทม. 092 063 5599 Pearson Professional Centers: BB Building, ชั้น 10 ถนนอโศกมนตรี ซอยสุขุมวิท 21 กทม. 02 664 3563 สถานที่สอบในต่างจังหวัด Movaci Technology: 420/11-13 ถนนช้างคลาน อ. เมือง จ. เชียงใหม่ 053 920 555 Thabyay Education: อ.แม่สอด จ.ตาก Phuket Academic Language School: 66/19 ถนนวิจิตรสงคราม อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

ข้อดี - เเละข้อเสีย ของการสอบ GED ข้อดีของวุฒิ GED มีอะไรบ้าง? GED เป็นการสอบเทียบมัธยมปลาย หรือ ม.6 เหมาะสำหรับนักเรียน และบุคคลทั่วไป ที่ไม่สามารถเข้า เรียนภาคปกติได้ หรือผู้ที่เรียน Home School สามารถสอบได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี (ผู้ปกครองต้องอนุญาต) เมื่อสอบผ่าน สามารถนำวุฒิการศึกษายื่นเข้า เรียนมหาวิทยาลัยได้เลยโดยไม่ต้องเรียนต่อจนจบ ม.6 วุฒิ GED สอบเพียง 4 วิชาเท่านั้น คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และสังคมศาสตร์ และ ข้อสอบส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวกากบาท ทำข้อสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ การทำข้อสอบยืดหยุ่น สามารถเลือกวันสอบได้ และสามารถสอบซ่อมได้ 3 ครั้ง (มีค่าใช้จ่าย) วุฒิ GED สามารถยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกาหรือแคนาดาได้เกือบทุกมหาวิทยาลัย และ สามารถยื่นเข้ามหาวิทยาลัยอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย รวมถึงประเทศไทย ในหลักสูตร นานาชาติได้ด้วย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องเรียนในระดับมัธยมปลาย โดยการสอบ GED มีค่าใช้จ่าย ทั้งหมด 4 วิชาเพียง US $300 เท่านั้น และอาจสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีได้เร็วขึ้นอีกด้วย ได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เนื่องจากข้อสอบ GED ใช้ภาษาอังกฤษในการสอบ ดังนั้น ผู้ที่สอบจะได้ฝึก ภาษาอังกฤษด้วยไปในตัวด้วย ข้อเสียของวุฒิ GED มีอะไรบ้าง? ผู้ที่สอบ GED จะขาดความรู้ด้านวิชาการเชิงลึก และประสบการณ์เฉพาะด้านอาจไม่เทียบเท่าผู้ที่เรียนสายสามัญ เพราะ การสอบ GED สอบแค่ 4 สาระการเรียนรู้เท่านั้น และสถาบันกวดวิชาส่วนใหญ่ ก็เน้นสอนเกี่ยวกับการทำข้อสอบ ไม่ได้ สอนเจาะลึกในเนื้อหารายวิชานั้นๆ การสอบ GED วัตถุประสงค์หลักคือการสอบเทียบวุฒิในระดับมัธยมปลาย ดังนั้น เมื่อสอบผ่านแล้ว ผู้สอบจะได้แค่ ประกาศนียบัตร GED เท่านั้น จะไม่มีผลการเรียนรายวิชา เกรดเฉลี่ย เหมือนกับการเรียนมัธยมปลาย บางมหาวิทยาลัย จะรับนักศึกษาอายุ 18 ปี ขึ้นไป ดังนั้น หากสอบผ่านตั้งแต่อายุ 16 – 17 ปี อาจจะยังไม่สามารถเริ่มเรียน ปริญญาตรีได้ทันที แต่สามารถทำเรื่องสมัครเรียนก่อนได้ โดยในวันที่เริ่มเรียน ผู้เรียนจะต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ สิ่งที่พบเจอเมื่อผู้สอบ GED เข้าเรียนมหาวิทยาลัยคือ ขาดการเข้าสังคม ขาดกระบวนการคิดวิเคราะห์ การอภิปราย การนำเสนองาน จึงต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อายุเพียง 16 – 17 ปี เนื่องจากสภาวะ สังคมจาก โรงเรียนมัธยมต้น ก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยทันที อาจทำให้เกิดความเครียด ทั้งในด้านการเรียน และการเข้าสังคม ข้อสอบ GED สอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้น ผู้สอบจะต้องมีความชำนาญภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง อาจเป็นข้อดี หากต้องการฝึกทักษะภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ วุฒิ GED ถึงแม้ 97% มหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาจะยอมรับ แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยสำหรับประเท ศอื่นๆ ทั่วโลก เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศในยุโรป และประเทศอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในรายชื่อการยอมรับ จะต้องตรวจสอบ คุณสมบัติการรับเข้าของแต่ละมหาวิทยาลัยให้ชัดเจน บางมหาวิทยาลัยอาจขอให้ทำเรื่องรับรองวุฒิเพิ่มเติม มีทุนการศึกษาให้น้อย เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าวุฒิ GED เป็นวุฒิการศึกษาแบบสอบเทียบ ดังนั้น จึงมีข้อจำกัดในการขอทุน การศึกษา โดยเฉพาะทุนรัฐบาล หรือทุนการศึกษาที่มีการแข่งขันทางวิชาการสูง หากต้องการเรียน และวางแผนขอทุน ด้วย แนะนำว่าให้เรียนเป็นระบบการศึกษาภาคปกติจะดีที่สุด

คำแนะนำสำหรับการใช้วุฒิ GED ในการเข้ามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยโดยทั่วไป รับนักศึกษาวุฒิ GED โดยไม่ได้ดูคะแนน ดังนั้น หากสอบทั้งผ่าน 4 วิชา และได้รับวุฒิ GED เรียบร้อยแล้ว ก็ สามารถยื่นเรื่องสมัครเรียนได้เลย หากคุณสมบัติของหลักสูตรที่เลือกเรียน ต้องการคะแนนอื่นๆ เช่น SAT หรือ ACT ผู้ที่มีวุฒิ GED ก็จะต้องมีคะแนนเช่นเดียวกันถึงจะ สามารถสมัครเรียนได้ บางมหาวิทยาลัย มีเกณฑ์การรับนักศึกษา โดยผู้ที่ยื่นวุฒิ GED จะต้องได้คะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป ซึ่งคะแนนเฉลี่ย วุฒิ GED ของ ประเทศสหรัฐอเมริกาคือ 157 คะแนน ดังนั้น ผู้สอบควรได้คะแนนที่สูงกว่า 157 คะแนนขึ้นไป จึงจะดีที่สุด หากต้องการสมัครทุนการศึกษาด้วย ผู้สมัครควรได้คะแนน GED College Ready + Credit (175 – 200 คะแนน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ สมัคร มีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม สูงกว่าค่าเฉลี่ย Top 8% ของประเทศ และยิ่งได้คะแนนมากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสได้รับทุนมากขึ้น เท่านั้น



หลังจากสอบผ่านเรียบร้อยแล้ว จะได้รับใบประกาศเมื่อไหร่? หลังจากผ่านการทดสอบ ลิงก์ประกาศนียบัตรทางอิเล็กทรอนิกส์จะถูกส่งไปยังที่อยู่อีเมลที่เชื่อมโยงกับบัญชี GED เมื่อคุณผ่านการ ทดสอบ GED ทั้งหมด นอกจากนี้ผู้สอบสามารถขอรับประกาศนียบัตรแบบพิมพ์ได้ฟรีหนึ่งฉบับ โดยผู้สมัครจะต้องเข้าสู่ระบบ ไป ที่คะแนนของฉัน เลือกคำสั่งซื้อประกาศนียบัตรแบบสิ่งพิมพ์ จากนั้นเลือก Free Option กรอกที่อยู่ทีต้องการให้ส่ง ประกาศนียบัตร และชำระเงินค่าขนส่ง ทางศูนย์ทดสอบ GED จะส่งประกาศนียบัตรแบบสิ่งพิมพ์ผ่านวิธีการจัดส่งของ FedEx ซึ่ง เป็นบริการจัดส่งที่รวดเร็วปลอดภัยและเชื่อถือได้ และสามารถติดตามทุกขั้นตอนผ่านทางเว็บไซต์ การขอการรับรองความถูกต้อง (APOSTILLE) โดยปกติแล้ว คุณประกาศนียบัตร GED นั้นเพียงพอแล้วสำหรับการยื่นเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย แต่ถ้าหากสถาบัน และ มหาวิทยาลัยบางแห่ง กำหนดให้ผู้ที่ยื่นประกาศนียบัตร GED ต้องได้รับการรับรองความถูกต้องอย่างเป็นทางการ (Apostille) ทาง ศูนย์ GED จะจัดเตรียมเอกสารรับรองที่จำเป็นโดยจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง หากต้องการเอกสารรับรองความถูกต้อง (Apostille) สามารถส่งคำร้องขอไปที่อีเมล [email protected] ได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook