Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปฏิบัติที่เป็นเลิศ BEST PRECTICE

การปฏิบัติที่เป็นเลิศ BEST PRECTICE

Published by ธัญญามาศ เพียงเกษ, 2020-04-09 16:45:43

Description: การปฏิบัติที่เป็นเลิศ BEST PRECTICE

Search

Read the Text Version

กำรปฏิบัตทิ ี่เปน็ เลิศ( BEST PRACTICE) “กำรศึกษำ พรรณไม้พื้นถิน่ เพือ่ อนุรักษ์และพัฒนำในแหล่งเรียนรู้ สวนเต่ำบำ้ นกอก” เป็นส่วนหนึ่งของวชิ ำเลือกเสรี ของนกั ศึกษำ ศรช.บ้ำนสวำ่ ง กศน.ตำบลส่วนหม่อน จัดทำโดย นำงชฎำพร จรรย์โกมล ครู กศน.ตำบล กศน.ตำบลสวนหมอ่ น ศนู ย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั อำเภอมัญจำคีรี จังหวัดขอนแก่น

กำรปฏิบัตทิ เ่ี ป็นเลศิ BEST PRECTICE ช่อื ผลงำน “กำรศกึ ษำ พรรณไมพ้ ้ืนถน่ิ เพอื่ อนรุ กั ษ์และพฒั นำในแหลง่ เรยี นรู้ สวนเต่ำบำ้ นกอก” เป็นส่วน หน่งึ ของวิชำเลอื กเสรี ของนกั ศึกษำ ศรช.บ้ำนสวำ่ ง กศน.ตำบลส่วนหม่อน เจ้ำของผลงำน นางชฎาพร จรรย์โกมล ________________________________________________________________________________ ๑.ควำมสำคญั ควำมของงำนท่ีนำเสนอ พืชที่เกดิ ข้นึ ตามธรรมชาติในทอ้ งถิน่ ในบริเวณป่าชุมชนน้นั ถูกคกุ คาม จากชมุ ชนและเขา้ ใชท้ รัพยากร กนั อย่างมากมาย และเป็นปญั หาทถี่ ูกกอ่ ตัวขนึ้ มาจึงมแี นวคดิ ให้นกั ศกึ ษา กศน.ตาบลสวนหม่อน ออกศกึ ษาพชื พรรณไม้ทีม่ ีอย่ใู นหมบู่ ้านและบริเวณสวนเต่าเพ่ือตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของพืชทอ้ งถ่ินและทราบถงึ ประเภทของพืช ๒.วตั ถปุ ระสงค์ ๑.เพื่อจัดกระบวนการเรยี นรู้ มีการรวมกลุม่ เพอ่ื พฒั นาตระหนักถงึ ความสาคัญจิตสานกึ ในการอนุรกั ษพ์ ืช พรรณทม่ี อี ยู่ในบา้ นและในทอ้ งถ่ินและให้นักศกึ ษา กศน.ตาบลสวนหม่อนและประชาชนในอาเภอมัญจาคีรใี ห้ มคี วามรู้ทราบถึงประเภท ของพชื พรรณท้องถ่นิ และมองเหน็ ชอ่ งทางในการนามาประกอบอาหารและนามา ขยายและเพม่ิ ประชากรพรรณไม้ และ รจู้ ักประโยชน์ ของพรรณไม้นนั้ ๆ ๒.เพ่อื ให้นกั ศกึ ษา กศน.ตาบลสวนหมอ่ น และประชาชนท่วั ไป มีจิตสานกึ ได้รู้รักษ์ รู้จัก พรรณไมท้ ่ีมี ประโยชน์พืชที่เสีย่ งต่อสภาวะการสญู พันธ์เฉพาะพชื ในท้องถนิ่ ควรคา่ การรกั ษา เพือ่ เป็นฐานขอ้ มูลทสี่ าคญั สามารถท่ีจะนาไปใช้วางแผนและจัดการทรพั ยากรของชาติเพอ่ื การใช้ประโยชน์อย่างย่งั ยืน กำรวำงระบบ P;plan ประชมุ วางระบบร่วมกนั ระหวา่ งครู กับ นกั ศกึ ษาและผู้มสี ว่ นเกีย่ วข้อง กาหนดกจิ กรรมเพอ่ื ขอการอนมุ ัติ เตรียมวัสดอุ ุปกรณแ์ ละสถานที่ กำรดำเนนิ งำนตำมระบบ (D:DO) -แบ่งนกั ศกึ ษำออกเปน็ กลุ่ม สำรวจพชื ทอ้ งถน่ิ หำยำกควรค่ำในกำรอนุรกั ษโ์ ดยกำจัดพ้นื ท่ใี นบรเิ วณสวน เต่ำ บำ้ นกอก นกั ศกึ ษำ แบ่งเป็น 3กลุม่ สรุปว่ำ ศึกษำและค้นพบพชื ดงั น้ี กลมุ่ ๑ กลุ่มตน้ มะเกลือ กลุม่ ๒.ตน้ สำโรง ๓. ตน้ ออ่ มแซบ ผลกำรออกสำรวจนกั ศึกษำ กำรใช้ประโยชน์ ต้นอ่อมแซบ /และตน้ มะเกลือ/ตน้ สำโรง ลำดับ ตน้ ไมท้ ้องถ่นิ ประโยชน์ ลักษณะตน้ /ใบ สถำนทพ่ี บเหน็ ท่ี 1 ต้นมะเกลือ ยอ้ มผ้ำ ต้นใหญ่ใบแหลม บำ้ นกอก 2 ตน้ สำโรง ส่วนประกอบงำนประดษิ ฐ์ ตน้ ใหญ่ใบกลม บำ้ นกอก 3 ต้นออ่ มแซบ ส่วนประกอบทำอำหำร ต้นไมเ้ ลอื้ ยเหมือน บำ้ นขำม อร่อย ตำลึง

๓.๓ กำรประเมินทบทวน (C:Check) - เม่ือดาเนินงานตามกจิ กรรมการเรยี นรู้ ผู้เกย่ี วขอ้ งกรอกแบบประเมินและผูร้ ับผิดชอบกิจกรรมสรปุ ผลการ ประเมิน เมอื่ สิ้นสุดในแต่ละภาคเรียน ผรู้ บั ผดิ ชอบแต่ละกจิ กรรมประชมุ รว่ มกันเมื่อสิ้นปีการศึกษา เพือ่ หาข้อ ท่คี วรปรับปรุงในการศกึ ษาต่อไป ๓.๔ กำรปรบั ปรงุ (A:Acts) หลงั จากประเมนิ ทบทวนกจิ กรรมการศกึ ษาและคน้ หาพรรณไมใ้ นทอ้ งถิน่ มารว่ ม กันศึกษาพชื ในทอ้ งถิ่นแล้ว ผู้รับผิดชอบสรุปผล กจิ กรรมเพ่อื ให้ทราบถงึ ปญั หาอปุ สรรคทเ่ี กิดข้นึ แลว้ ช่วย ระดมความคิด และชว่ ยกนั คน้ หาอนรุ ักษแ์ ละศึกษาความร็วจากพชื นน้ั ๆ อย่างมสี านกึ ในการอนรุ ักษ์ ต่อจากนน้ั สรุปรายงานผล ต่อผบู้ รหิ ารเพ่ือขอคาแนะนาเพ่มิ เติม นามาพัฒนาการจัดกจิ กรรมในปกี ารศกึ ษา ตอ่ ไป ๔. ผลกำรดำเนนิ งำน ๔.๑ผลทีเ่ กดิ ข้ึนกับนกั ศกึ ษาไดป้ ฏิบตั แิ ละค้นหาประชากรพชื ทอ้ งถิน่ หายากและควรค่าในการอนรุ กั ษ์เป็นรอ้ ย ละ๙๐ - นักศึกษา มแี รงจูงใจในการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์มากข้นึ ร้อยละ๘๐ - นักศึกษา ไดร้ ับการพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ - นักศึกษา สามารถนาความรู้ทีไ่ ด้รบั ไปศึกษาต่อยอดการอนุรกั ษแ์ ละขยายพนั ธพ์ ืชแบบอนุรกั ษ์ไดใ้ นโอกาส ต่อไป ๔.๒ ผลท่ีเกดิ ขึ้นกับครู - ครมู ีความเขา้ ใจและตระหนกั ในการพฒั นาคุณภาพของผูเ้ รยี นตามมาตรฐานและพัฒนาตนเองสคู่ รมู อื อาชพี - ครูไดพ้ ฒั นาความร้แู ละทกั ษะการจดั การเรียนการสอนเพิม่ ขนึ้ ทั้งดา้ นปรมิ าณและคุณภาพ ๔.๓ ผลท่เี กดิ ขึ้นกบั กศน. - ทาให้ นกั ศึกษาและ ครู กศน. เปน็ ทย่ี อมรบั และศรัทธาของผ้ปู กครองและชุมชน - กศน. เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการรรู้ ักษ์ อนุรกั ษพ์ รรณพชื ทอ้ งถ่ิน ใหก้ ับชมุ ชน ๔.๔ ผลทีเ่ กดิ กบั ชุมชน - ชุมชนมีความมั่นใจในการจัดการเรยี นการสอนของ กศน. - ชมุ ชนมีความภาคภูมิใจ ศรทั ธาต่อ กศน ๕.ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั ๕.๑ นักศึกษามีความรูค้ วามเขา้ ใจในความรู้ รู้จักพืชในท้องถนิ่ และพชื บางชนดิ สามารถปรงุ อาหารใน ครวั เรือน และสามารถใชใ้ นการย้อมผา้ ได้เช่น ตน้ มะเกลือ ๕.๒ นักศกึ ษามีสว่ นร่วมในการใช้พืชในทอ้ งถ่นิ นามาใช้ประโยชนท์ ง้ั ภายในและภายนอก กศน. ๕.๓ นกั ศกึ ษาและครไู ด้ตระหนักถงึ ความสาคัญของสิ่งแวดล้อมรอบตัวตลอดจนการรกั ษาสมดุลของ สงิ่ แวดลอ้ ม ๕.๔ ครูมีการพัฒนาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ไดอ้ ย่างหลากหลาย ๕.๕ ผปู้ กครอง ชุมชน มคี วามภาคภมู ิใจในบตุ รหลานของตนทไ่ี ดท้ ากจิ กรรมรว่ มกัน

๖. ปจั จยั ทท่ี ำใหป้ ระสบผลสำเรจ็ ในการดาเนินงานตามระบบการเรียนร้โู ดยเฉพาะข้ันตอนทเี่ ปน็ PDCA เนอื่ งจากปจั จัยดังนี้ ด้ำนวิชำกำร ๑.ด้านพฤษศาสตร์ เชน่ ลักษณะโครงสร้างของพชื ช่ือวทิ ยาศาสตร์ ๒.ชวี วทิ ยา เชน่ การจาแนก ๓.ภูมิศาสตร์ เชน่ การสารวจ การทาแผนที่ ๔.ภาษา เช่น การสอบถาม ๕.ศิลปะ เช่นการวาดรูป การถ่ายภาพ ๖.สังคมศึกษา เช่น งานรวบรวมขอ้ มลู การทางานรว่ มกันความสมั พันธก์ ับชุมชน ด้ำนภูมิปญั ญำ ๑.การเรียนร้ทู ม่ี ีพชื เปน็ ปจั จัย ๒.การคดิ เป็นลาดบั ข้ันตอน ๓.การจัดการ ด้ำนคุณธรรมและ จรยิ ธรรม ความรับผิดชอบงานท่ีไดร้ ับมอบหมายความมีระเบยี บความรอบคอบละเอียดถ่ีถ้วน

ตน้ มะเกลือ ภำพกจิ กรรรม นักศกึ ษำเรยี นรู้ ศึกษำคณุ สมบตั ิ / กำรเก็บรกั ษำ

ตน้ สำโรง ตน้ ออ่ มแซบ

นกั ศึกษำทำรำยงำนสง่ งำนเปน็ รูปเลม่ อ่อมแซบ ผักพน้ื บ้ำนบรรเทำอำกำรหอบหดื ออ่ มแซบ หรอื เบญจรงค์ ๕ สี หรอื ตำลงึ หวำน หรอื บุษบำรมิ ทำง ชอ่ื ทำงวทิ ยำศำสตร์ : Justicia Gangetica ชอื่ วงศ์ : Acanthaceae ลักษณะ : เปน็ ไม้พมุ่ สงู ประมำณ 2 ฟตุ ใบเดีย่ วออกตรงกนั ขำ้ ม ใบรกี วำ้ งปลำยแหลม สีเขียวสด ออก ดอกเป็นช่อทป่ี ลำยยอด มี 5 สี ออกดอกทัง้ ปี ผลขนำดเลก็ มเี มลด็ สรรพคุณ : ช่วยฟอกโลหติ บำรุงเลือด บำรุงผวิ พรรณ บำรงุ สำยตำ รักษำโรคไต โรคระบบสบื พนั ธุข์ อง ผู้หญงิ เช่น ประจำเดือนมำไมป่ กติ ประจำเดือนมำไมส่ ม่ำเสมอ รวมทั้งปญั หำเรื่องระดูขำว นอกจำกนีย้ งั สำมำรถนำไปปรุงเป็นอำหำร เชน่ ผัดไฟแดง แกงจืด แกงออ่ ม ชปุ แป้งทอด ลวก หรอื กินสด จิม้ นำ้ พรกิ แจ่ว ก็ได้ ส่วนท่ีกินได้ : ดอก ใบ ยอดออ่ น ก้ำน ใบ อ่อมแซบเปน็ ไม้พมุ่ สูงเต็มที่ไมเ่ กนิ เอวผู้ใหญ่ ใบเด่ยี วรูปไข่ ออกเปน็ คู่ ตรงข้ำมกนั โคนใบป้ำน ปลำยใบ แหลม ขนำดพอๆกบั ใบมะยม กำ้ นลำตน้ และก้ำนใบเปน็ เหล่ียม ดอกเปน็ ชอ่ กลีบดอกสมี ว่ ง ชมพู หรอื ขำว ผลเป็นฝกั แบบเดียวกับต้อยต่ิง แตป่ อ้ มกว่ำ ส้ันกว่ำ ภำยในมี 3-4 เมล็ด ตกลงดนิ กง็ อกเปน็ ต้นใหม่ได้ ง่ำยอ่อมแซบรอดง่ำยตำยยำก พบขนึ้ เองในทีร่ กร้ำง ในเขตรอ้ นของเอเชียและแอฟรกิ ำ คนหลำยชำติพนั ธ์ุ

มีภมู ปิ ัญญำกำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกไมต้ น้ น้ตี ่ำงกันออกไป นอกจำกกินเป็นผกั แลว้ ยงั ใช้เปน็ ยำ รกั ษำ เบำหวำน แก้โรคปวดข้อ ผื่นแพ้ของผวิ หนัง บวม หนองในผลกำรวจิ ยั ฤทธขิ์ องสำรสกัดอ่อมแซบ ในหนู ทดลองทีถ่ ูกทำให้หลอดลมตบี ตนั จำกสำรก่อภูมแิ พ้ พบว่ำ ใบของต้นออ่ มแซบ มีสำรทชี่ ว่ ยใหก้ ล้ำมเนอื้ เรียบของหลอดลมคลำยตวั นอกจำกนยี้ งั มีฤทธิ์ระงบั กำรอกั เสบ ลดระดับนำ้ ตำลและไขมนั ในเลอื ด ตำ้ น อนุมูลอิสระ ต้ำนเชือ้ แบคทเี รียและเชอ้ื รำ อย่ำงไรก็ตำม ในยุคท่ยี ำแผนปัจจบุ นั ออกฤทธ์ิแกอ้ ำกำรเฉยี บพลันของหอบหืดอยำ่ งได้ผล กำรคิดพึง่ พำ ไม้ดอกสวยนี้ รกั ษำหรือบรรเทำอำกำรเพียงอย่ำงเดยี ว เป็นเรอ่ื งเสย่ี งเกินไป ทำงทดี่ ี ปลกู เอำไวก้ ินใบ ดู ดอก ก็ช่วยส่งเสริมสุขภำพกำยสุขภำพใจ ผกั ตำลงึ ผักหวำน เรำกนิ ใบออ่ น แตอ่ อ่ มแซบกนิ ไดท้ ัง้ ใบออ่ นและใบแก่ ดอกก็ยังกินได้ มีเพยี งกำ้ นเท่ำน้ัน ที่แข็งสักหน่อย จึงควรเด็ดเอำเฉพำะใบ แกงจืดเหน็ จะเหมำะทสี่ ุด หรือถ้ำมำกพอกผ็ ัดนำ้ มัน ลวกกนิ กับ น้ำพรกิ ส่วนกนิ สดแบบผกั สลัดนน้ั ไม่ค่อยเหมำะ เพรำะใบออ่ นนุ่ม ไม่มผี ิวสัมผัสกรบุ กรอบ ส่วนจะนำไป ไม้ตน้ น้ี มขี ้นึ ตำมธรรมชำติขำ้ งทำงหรือตำมปำ่ ทวั่ ทุกภำคของประเทศไทย พบมำกทสี่ ุดทำงภำคเหนือ มี ชือ่ เรยี กเฉพำะเปน็ ทำงกำร คอื เบญจรงค์ 5 สี, ลมื ผวั , บุษบำริมทำง และ “ออ่ มแซบ” สว่ นชอื่ “ตำลงึ หวำน” เปน็ ชอื่ เรยี กขึ้นมำใหม่ เพรำะ “อ่อมแซบ” มีควำมเป็นพเิ ศษ คือ ยอดอ่อน มีรสหวำนเปน็ ธรรมชำติ ชำวเหนอื นิยมปลกู เปน็ พชื ผักกินได้ในบริเวณบ้ำนกนั อย่ำงกว้ำงขวำง สำมำรถปรุงเป็นอำหำร ไดห้ ลำยอย่ำง เช่น ใสแ่ กงออ่ มจะทำให้นำ้ แกงมีรสหวำนโดยธรรมชำติ ไม่ต้องใสน่ ำ้ ตำลหรอื ผงชูรสแต่ ประกำรใด นอกจำกนนั้ ยงั ทำเป็นผดั น้ำมนั หอย แกงจืด ชุบแปง้ ทอด ลวกหรอื กินสดๆกับนำ้ พริกชนิด ตำ่ งๆอรอ่ ยมำก ซงึ่ ส่วนทใ่ี ช้เป็นอำหำรได้แก่ดอกใบและยอดออ่ นตำมทร่ี ะบุข้ำงตน้ ออ่ มแซบ หรือ “ตำลงึ หวำน” มชี ่ือวิทยศำสตร์ คอื JUSTICIA GANGETICA อยู่ในวงศ์ ACANTHACEAE มลี ักษณะทำงพฤกษศำสตร์ เปน็ ไมพ้ ุ่มสงู 1.5-2.5 เมตร ใบเดี่ยว ออกตรงกันขำ้ มรูปรีกว้ำง ปลำยแหลม โคนมน ใบและยอดอ่อนหรือดอกรับประทำนได้ ดอกออกเปน็ ช่อท่ปี ลำยยอด มดี ้วยกัน 5 สใี นต้นเดียว หรือบำงต้นอำจมสี เี ดยี ว จงึ ถกู เรียกว่ำ “เบญจรงค์ 5 สี” และ “บษุ บำรมิ ทำง” เนือ่ งจำกสีสนั ของดอก งดงำมมำกน่ันเอง “ผล” ขนำดเล็ก มเี มล็ดหลำยเมลด็ ดอกออกทั้งปี ขยำยพนั ธุด์ ้วยเมลด็ ปักกง่ิ ชำ มีตน้ ขำยทั่วไปทตี่ ลำดนดั ไม้ดอกไม้ประดบั สวนจตจุ ักร ท่ีเปดิ ขำยเฉพำะไม้ดอกไมผ้ ลเพยี งอยำ่ งเดียวทุกวนั พธุ - พฤหัสฯ หลำยแผงหลำยเจำ้ แตล่ ะแผงรำคำแตกตำ่ งกนั ผู้ซอื้ จงึ ตอ้ งเดินสอบถำมรำคำก่อนตัดสินใจซ้ือไป ปลูกใชป้ ระโยชนต์ ำมที่กลำ่ วข้ำงตน้ สรรพคุณทำงสมุนไพรของ “อ่อมแซบ” หรอื “ตำลงึ หวำน” รับประทำนเรอ่ื ยๆ ไม่ว่ำจะแปรรปู เป็น อำหำรชนิดใด จะชว่ ยบำรุงเลือด บำรงุ กำลัง และ บำรงุ สำยตำไดด้ ีมำก ปัจจบุ นั กำลังเป็นทน่ี ิยมปลูกและ นิยมรบั ประทำน

รำยงำน เรอ่ื งพรรณไม้ในสวนเตำ่ ตน้ อ่อมแซบ คณะผจู้ ดั ทำ 1.นำงมำลี บัวกด รหสั นกั ศึกษำ6111-00008-2 2.นำงนิยม ดำเนตร รหัสนักศึกษำ 6111-0009-1 3. นำงจงกมล ม่ังค่งั รหัสนกั ศกึ ษำ 6211-00006-7 4. นำงทองจนั ทร์ บญุ จนั ทรร์ หัสนักศึกษำ 6211-0000 5. นำงหทยั รตั น์ ผำจันทร์ รหัสนักศึกษำ 6211-000 6.นำงคำสอน คนคมรหัสนกั ศึกษำ 6221-00030-9 7.นำงอุทิศ สำมหมอ รหัสนักศึกษำ 6221-0003 8. นำงบญุ เลศิ ดำดง รหัสนักศึกษำ 6221-00032-7 เสนอคุณครู ชฎำพร จรรยโ์ กมล ครูกศน.ตำบลสวนหมอ่ น

มะเกลอื (Ebony tree) มะเกลือ (Ebony tree) เป็นจดั เปน็ ไมป้ ่ำยืนตน้ ท่ใี นอดตี นยิ มนำผลมำคัน้ น้ำดื่มเพอื่ ใช้เปน็ ยำถำ่ ยพยำธิ และนำผลสุก รวมถงึ เปลอื กมำใชย้ ้อมผ้ำซ่ึงใหส้ ีดำ นอกจำกนน้ั เนอ้ื ไมท้ ี่มีสำดำ ยังนยิ มนำมำแปรรูปเปน็ เคร่ืองเรอื นได้อีกด้วย • วงศ์ : Ebenaceae • ถ่นิ กำเนิด : ไทย และประเทศเพอ่ื นบำ้ น • ช่ือวทิ ยำศำสตร์ : Diospyros mollis Griff. • ช่ือสำมัญ : – Ebony tree • ชอื่ ทอ้ งถิ่น : ภำคกลำง และท่วั ไป – มะเกลอื (ทกุ ภำค) ภำคเหนือ และอสี ำน– หมำกเกลอื – หมำกเกีย– มะเกยี – ผเี ผำ (เหนอื ) มะเกลอื เปน็ พืชท้องถนิ่ ไทย โดยมมี ะเกลือเลือดที่จัดเปน็ ไมห้ วงหำ้ มประเภท ก ชนิดหนง่ึ มีถ่นิ กำเนิดใน ประเทศเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย พบได้ในทกุ ภำค ยกเวน้ ภำคใต้ และพบมำกในภำคกลำง ลำต้น มะเกลอื จัดเป็นไม้ยนื ตน้ ขนำดใหญ่ มคี วำมสงู ประมำณ 20-30 เมตร มที รงพมุ่ ใหญ่ สงู ชะลดู แตกกง่ิ สูง ใกลเ้ รอื นยอด เปลอื กลำตน้ มีสีดำอมเทำ แตกเปน็ แผน่ สะเกด็ ส่วนเนอื้ ไม้ดิบมสี ีดำสนิท เมื่อแห้งจะมสี ดี ำ อมเทำหรือสดี ำเงนิ ใบ ตน้ มะเกลอื เป็นพืชใบเล้ยี งคู่ แทงออกเปน็ ใบเดยี่ วบรเิ วณปลำยกิง่ แขนง โดยออกเรยี งสลับขำ้ งกัน ใบ มะเกลือมีลกั ษณะเปน็ รปู ไข่ สีเขียวสด มกี ำ้ นใบยำว 0.55-1 เซนติเมตร โคนใบ และปลำยใบมน แผ่นใบ เรยี บ และขอบใบเรียบ แผน่ ใบบำง และใบดำ้ นบนเป็นมัน ใบมีขนำด 2.5-4.5 เซนติเมตร และยำว 4-8 เซนตเิ มตร ใบออ่ นมีสีเขยี วสด และมีขนปกคลุม เมอื่ แก่จนร่วงจะมีสดี ำ ใบมีเสน้ ใบ 10-15 คู่ ดอก ดอกมะเกลอื ออกเปน็ ชอ่ ตำมซอกใบ แตล่ ะชอ่ มดี อก 3-5 ดอก ในช่อดอกมดี อกเพศผู้ และเพศเมียแยกดอก กัน ดอกมรี ปู ถว้ ยขนำดเลก็ สีเหลอื งอ่อน มีกลีบดอกเชือ่ มตดิ กนั ปลำยกลีบแผน่ เปน็ รปู จำน และยำว เท่ำกนั โดยดอกเพศผู้มีชอ่ ดอกสั้นๆ ดอกมกี ้ำนยำวประมำณ 1 มิลลเิ มตร มขี นปกคลุม ภำยในมเี กสรตวั ผู้ 14 – 24 อัน มีรงั ไข่เป็นหมัน ส่วนดอกเพศเมยี มีก้ำนดอกยำว 1-3 มลิ ลิเมตร มีกลีบรอง และกลีบดอก เหมอื นกับดอกเพศผู้ แตม่ ขี นำดดอกใหญ่กวำ่ ภำยในดอกมีเกสรเพศผู้ 8-10 อัน แต่จะฝ่อ ไม่สมบูรณ์ แต่ มีรังไขส่ มบูรณ์ ไม่ฝ่อ รังไข่แบ่งเป็น 8 ช่อง โดยมะเกลอื จะเรม่ิ ออกดอกในช่วงต้นฤดูฝนประมำณเดอื น พฤษภำคม-มิถุนำยน

ประโยชนม์ ะเกลอื 1. ผลมะเกลือนำมำต้มน้ำด่ืมหรือตำกแห้งกอ่ นนำมำบดรบั ประทำน ช่วยในกำรขบั พยำธิชนดิ ตำ่ งๆได้ดี ท้ัง ใชใ้ นคน และสตั ว์เล้ียง 2. เน้อื หุ้มเมล็ดภำยใน มีลกั ษณะคล้ำยวุน้ ใส หรอื คลำ้ ยลกู ชดิ สำมำรถรบั ประทำนได้ มรี สหวำน และนุ่ม 3. ทกุ ส่วนใชเ้ ป็นสมนุ ไพร โดยเฉพำะผลท่นี ยิ มใชถ้ ่ำยพยำธิ และเป็นยำระบำย 4. มะเกลือเป็นไม้เนอ้ื แขง็ เนอื้ ไมม้ ีสดี ำท่ัวแกน่ นยิ มใช้ทำเครอ่ื งเรือนตกแตง่ บ้ำน เครอ่ื งดนิ ตรี หรอื แปร รูปเป็นเฟอรน์ เิ จอรต์ ำ่ งๆ โดยมกั ทำเปน็ ชนิ้ ฝังลงไม้อืน่ เพอ่ื ใหเ้ กิดลวดลำยท่ีตำ่ งกัน 5. เปลือกลำต้น และผลมะเกลอื นำมำตม้ ย้อมผำ้ ยอ้ มแห ซง่ึ ใหส้ ดี ำอมเทำหรือสีดำอ่อน ส่วนใบนำมำย้อม ผำ้ ไดเ้ ชน่ กันใหส้ เี ขียวข้ีมำ้ 6. เนื้อไมผ้ ่ำเปน็ ซีกเล็กๆ คนโบรำณนยิ มใช้ใสใ่ นถังนำ้ ตำลสด น้ำตำลสดจำกมะพรำ้ วเพอ่ื ปอ้ งกนั น้ำตำล บดู ป้องกนั กลิ่นบูดเน่ำ ชว่ ยรกั ษำควำมสดของน้ำตำลได้นำนข้นึ 7. เปลอื กต้น นำมำย่ำงไฟอ่อนๆจนออกเหลือง ก่อนใสใ่ นถงั นำ้ ตำลสด ซึง่ จะช่วยกระตุน้ ใหเ้ กดิ กำรหมัก เปน็ แอลกอฮอลภ์ ำยใน 1 วัน เรยี กว่ำน้ำตำลสดชนิดน้ีว่ำ นำ้ ตำลเมำ 8. ผลมะเกลอื นำมำสกดั เป็นสียอ้ มผ้ำ สกัดเป็นสผี สมอำหำร 9. ผลมะเกลือนำมำตำกแห้งหรือใช้ผลสุกบบี ผสมกบั ยำสระผมสำหรับสระผม หรอื ใช้นวดผมโดยตรง ซึ่ง ช่วยให้ผมดก และมีสีดำขนึ้ 10. ผลมะเกลอื ดบิ นำมำบบี ใหแ้ ตก กอ่ นนำมำขัดโลหะ ทำให้โลหะมันเงำ 11. ใบมะเกลอื ตดั จำกกิง่ เป็นกำใหญ่นำมำขัดถูพ้นื ชว่ ยให้พนื้ ไมม้ นั เงำ 12. ก่ิงนำมำทำฟนื หรอื ก่อกองไฟ 13. ตน้ มะเกลอื ตำมปำ่ มปี ระโยชนใ์ นกำรเป็นอำหำรต่อสตั วป์ ำ่ สรรพคณุ มะเกลือ สรรพคุณเด่น และเป็นท่รี ู้จกั มำตงั้ แตส่ มัยโบรำณ คอื กำรใชเ้ ป็นยำถำ่ ยพยำธิ ซึง่ สำมำรถถ่ำยพยำธไิ ด้ หลำยชนิด ไดแ้ ก่ – พยำธเิ ส้นด้ำย– พยำธไิ ส้เดือน– พยำธิใบไม้ในลำไส้– พยำธติ ัวตดื – พยำธปิ ำกขอ– พยำธิ แส้มำ้ สรรพคณุ ท่ัวไป ผล – ผลดบิ หรือผลสกุ นำมำตำกแหง้ แล้วบดเป็นผงชงน้ำด่ืมหรือนำผลดิบมำคั้นนำ้ ด่มื สำหรับใช้ถำ่ ยพยำธิ ซึ่งได้ผลดใี กล้เคียงกบั ยำแผนปัจจุบนั แตค่ วรใช้ประมำณ 3-5 ผล เท่ำนนั้ – ใชเ้ ปน็ ยำระบำย ช่วยใหถ้ ำ่ ยง่ำยขึ้น– ผลสุกช่วยเพ่มิ ควำมดก และทำใหผ้ มดำขนึ้ – รกั ษำโรคผิวหนัง กลำก เกล้ือน – รกั ษำโรคผิวหนังบนศรษี ะ ใชส้ ระรว่ มกับยำสระผม

กศน.ตาบลสวนหมอ่ น อาเภอมัญจาครี ี จงั หวดั ขอนแกน่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook