วนั วสิ าขบชู า ตรงกบั วนั ข้ึน ๑๕ คา่ เดือน ๖ ความหมาย คาวา่ \"วิสาขบูชา\" หมายถึงการบูชาในวันเพญ็ เดอื น ๖ วสิ าขบูชา ยอ่ มาจาก \" วสิ าขปุรณมบี ูชา \" แปลวา่ \" การบูชาในวนั เพ็ญเดอื นวิสาขะ \" ถา้ ปใี ดมอี ธกิ มาส คือ มเี ดือน ๘ สองหน กเ็ ลอื่ นไปเป็นกลางเดือน ๗ ความสาคัญ วันวสิ าขบชู า เป็นวันสาคญั ย่ิงทางพระพทุ ธศาสนา เพราะเป็นวันทพ่ี ระพทุ ธเจ้าประสตู ิ คอื เกดิ ได้ ตรสั รู้ คอื สาเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ เกดิ ข้ึนตรงกนั ทงั้ ๓ คราวคือ ๑. เม่ือเจา้ ชายสทิ ธัตถะประสูติ ท่พี ระราชอทุ ยานลุมพนิ วี นั ระหวา่ งกรุงกบลิ พสั ดกุ์ บั เทวทหะ เม่อื เช้าวันศุกร์ ข้ึน ๑๕ ค่า เดอื น ๖ ปจี อ กอ่ นพุทธศกั ราช ๘๐ ปี ๒. เมื่อเจา้ ชายสิทธตั ถะตรัสรู้ เปน็ พระพุทธเจ้าเม่ือพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใตร้ ่มไม้ศรีมหาโพธ์ิ ฝ่ังแมน่ ้า เนรัญชรา ตาบลอุรเุ วลาเสนานคิ ม ในตอนเชา้ มืดวนั พุธ ข้นึ ๑๕ ค่า เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจบุ ันสถานท่ตี รัสรู้แหง่ นเี้ รียกว่า พทุ ธคยา เป็นตาบลหนงึ่ ของเมืองคยา แหง่ รฐั พหิ ารของอนิ เดีย ๓. หลงั จากตรสั รแู้ ลว้ ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสตั ว์ ๔๕ ปี พระชนมายไุ ด้ ๘๐ พรรษา กเ็ สดจ็ ดับ ขันธปรินิพพาน เมือ่ วนั อังคาร ขนึ้ ๑๕ ค่า เดือน ๖ ปมี ะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมลั ลกษตั ริย์ เมืองกสุ ินารา แควน้ มัลละ (ปจั จุบนั อยูใ่ นเมอื งกุสีนคระ แคว้นอตุ ตรประเทศ ประเทศอินเดยี ) นับวา่ เปน็ เรอื่ งทนี่ า่ อัศจรรย์ยงิ่ ทีเ่ หตุการณท์ ง้ั ๓ เกี่ยวกบั วถิ ชี วี ติ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซ่งึ มชี ่วงระยะเวลา หา่ งกันนบั เวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังน้ันเม่อื ถึงวนั สาคัญ เช่นน้ี ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และ บรรพชิตได้พรอ้ มใจกันประกอบพิธีบชู าพระพทุ ธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อนอ้ มราลึกถงึ พระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิ คุณ และพระบรสิ ุทธคิ ณุ ของพระองค์ทา่ นผู้เป็นดวงประทปี ของโลก
ประวตั ิความเป็นมาของวันวสิ าขบชู าในประเทศไทย วนั วิสาขบูชาน้ี ปรากฏตามหลกั ฐานวา่ ไดม้ ีมาต้ังแต่คร้ังกรุงสโุ ขทยั เป็นราชธานี ซ่ึงสันนิษฐานวา่ คงจะได้แบบอย่าง มาจากลงั กา กล่าวคือ เม่ือประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจา้ ภาติกรุ าช กษตั ริย์แห่งกรงุ ลังกา ไดป้ ระกอบพิธีวิสาขบูชาอยา่ ง มโหฬาร เพอ่ื ถวายเปน็ พุทธบชู า กษัตริยล์ ังกาในรชั กาลต่อ ๆ มา กท็ รงดาเนินรอยตาม แม้ปัจจบุ ันกย็ ังถือปฏบิ ัตอิ ยู่ สมยั สุโขทยั นัน้ ประเทศไทยกับประเทศลงั กามีความสมั พนั ธด์ า้ นพระพทุ ธศาสนาใกลช้ ิดกนั มากเพราะพระสงฆช์ าวลังกา ได้ เดินทางเขา้ มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเชื่อว่าได้นาการประกอบพิธีวสิ าขบูชามาปฏิบตั ใิ นประเทศไทยด้วย ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพธิ วี ิสาขบชู าสมยั สุโขทยั ไว้ พอสรปุ ใจความได้ว่า \" เมอ่ื ถงึ วันวสิ าขบชู า พระเจา้ แผ่นดนิ ขา้ ราชบริพาร ทง้ั ฝา่ ยหนา้ และฝา่ ยใน ตลอดท้งั ประชาชนชาวสุโขทยั ท่วั ทุก หมู่บ้านทกุ ตาบล ต่างชว่ ยกนั ทาความสะอาด ประดบั ตกแต่งพระนครสุโขทยั เป็นการพิเศษ ดว้ ยดอกไม้ของหอม จดุ ประทปี โคมไฟแลดู สวา่ งไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอทุ ิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน พระมหากษตั รยิ ์ และบรมวงศานวุ งศ์ ก็ทรงศีล และทรงบาเพ็ญพระราชกุศลตา่ งๆ ครั้นตกเวลาเยน็ ก็เสด็จพระราชดาเนนิ พรอ้ มดว้ ยพระบรมวงศานวุ งศ์ และ นางสนองพระโอษฐ์ ตลอดจนข้าราชการท้ังฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระอารามหลวง เพ่อื ทรงเวยี นเทยี นรอบพระประธาน ส่วนชาวสโุ ขทัยชวนกนั รักษาศลี ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แดพ่ ระภิกษุ สามเณร บริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกาพรา้ คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกกช็ วนกันสละทรพั ย์ ปล่อยสัตว์ ๔ เทา้ ๒ เทา้ และเต่า ปลา เพอ่ื ชวี ิตสตั วใ์ หเ้ ป็นอสิ ระ โดยเช่ือวา่ จะทาให้คนอายุ ยืนยาวต่อไป \" ในสมัยอยธุ ยา สมัยธนบรุ ี และสมยั รตั นโกสนิ ทร์ตอนตน้ ด้วยอานาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงาประชาชนคนไทย และมีอิทธพิ ลสงู กวา่ อานาจของพระพทุ ธศาสนา จึงไมป่ รากฎหลกั ฐานวา่ ได้มกี ารประกอบพิธบี ชู าในวนั วิสาขบชู า จนมาถึงรัช สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั รัชกาลท่ี ๒ แหง่ กรุงรัตนโกสนิ ทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๐) ทรงดาริกับ สมเด็จพระสงั ฆราช (มี) สานักวดั ราชบรู ณะ มพี ระราชประสงคจ์ ะใหฟ้ ้ืนฟู การประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขนึ้ ใหม่ โดย สมเด็จพระสงั ฆราช ถวายพระพรให้ทรงทาขึน้ เป็นคร้งั แรกในวนั ขึน้ ๑๔ คา่ ๑๕ ค่า และวนั แรม ๑ คา่ เดอื น ๖ พ.ศ. ๒๓๖๐ และให้จดั ทาตาม แบบอย่างประเพณเี ดิมทกุ ประการ เพื่อมพี ระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกศุ ล เปน็ หนทางเจริญอายุ และอย่เู ญน็ เปน็ สขุ ปราศจากทุกขโ์ ศกโรคภยั และอปุ ทั วนั ตรายต่างๆ โดยทัว่ หนา้ กัน ฉะนัน้ การประกอบพธิ ีในวนั วิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้รื้อฟ้ืนให้มขี ้ึนอกี ครงั้ หน่ึงในรัชสมัย พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย รัชกาลที่ ๒ และถอื ปฏิบตั มิ าจวบจนกระท่ังปัจจบุ นั การจดั งานเฉลมิ ฉลองในวนั วสิ าขบูชาทีย่ ่งิ ใหญ่กวา่ ทุกยุคทุกสมัย คงไดแ้ ก่การจดั งานเฉลิมฉลอง วนั วิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๐๐ ซง่ึ ทางราชการเรยี กวา่ งาน \" ฉลอง ๒๕ พทุ ธศตวรรษ \" ตัง้ แต่วันท่ี ๑๒ ถึง ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วัน ไดจ้ ัดงานส่วนใหญ่ขึ้นท่ีท้อง สนามหลวง สว่ นสถานท่รี าชการ และวดั อารามต่างๆ ประดับธงทิวและโคมไฟสวา่ งไสวไปทว่ั พระ ราชอาณาจักร ประชาชนถือ ศีล ๕ หรือศลี ๘ ตามศรทั ธาตลอดเวลา ๗ วัน มีการอปุ สมบทพระภิกษุสงฆร์ วม ๒,๕๐๐ รูป ประชาชน งดการฆา่ สัตว์ และงด การดม่ื สรุ า ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๑๒ ถึง ๑๔ พฤษภาคม รวม ๓ วนั มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จัดภตั ตาหาร เลี้ยงพระภิกษสุ งฆว์ ันละ ๒,๕๐๐ รปู ต้ังโรงทานเล้ียงอาหารแกป่ ระชาชน วนั ละ ๒๐๐,๐๐๐ คน เปน็ เวลา ๓ วนั ออกกฎหมาย สงวนสตั วป์ า่ ในบริเวณ นนั้ รวมถึงการฆา่ สัตว์ และจับสตั วใ์ นบรเิ วณวัด และหน้าวัดด้วย และไดม้ ีการปฏิบัตธิ รรมอนั ยงิ่ ใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกนั เป็น กรณีพิเศษ ในวันวิสาขบชู าปนี ั้นด้วย
หลักธรรมสาคญั ทค่ี วรนามาปฏิบัติ ๑. ความกตัญญู คอื ความรู้อปุ การคุณที่มผี ูท้ าไว้ก่อน เปน็ คุณธรรมค่กู บั ความกตเวที คอื การตอบแทนอุปการคุณท่ผี ู้อ่ืนทาไว้นน้ั • บิดามารดา มีอุปการคุณแก่ลูก ในฐานะผู้ให้กาเนดิ และเล้ียงดูจนเติบโต ให้การศึกษาอบรมสง่ั สอน ให้เว้นจากความช่วั มั่นคง ในการทาความดี เม่อื ถงึ คราวมีคู่ครองไดจ้ ัดหาคู่ครองทเี่ หมาะสมให้ และมอบทรัพย์สมบัตใิ ห้ไว้เปน็ มรดก • ลกู เมื่อรอู้ ปุ การคุณที่บิดามารดาทาไว้ ยอ่ มตอบแทนด้วยการประพฤตติ ัวดี สร้างชอ่ื เสียงให้ แก่วงศ์ตระกลู เล้ยี งดูทา่ น และ ชว่ ยทางานของ ทา่ น และเมอ่ื ท่านลว่ งลับไปแลว้ กท็ าบญุ อุทิศสว่ นกุศลใหท้ ่าน • ครอู าจารยม์ ีอุปการคณุ แกศ่ ิษย์ ในฐานะเป็นผปู้ ระสาทความรู้ให้ ฝึกฝนแนะนาใหเ้ ปน็ คนดี สอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปดิ บงั ยก ยอ่ งใหป้ รากฏแก่คนอนื่ และชว่ ยคมุ้ ครองให้ศิษย์ทัง้ หลาย • ศิษย์เม่ือรู้อปุ การคุณท่คี รูอาจารยท์ าไว้ ยอ่ มตอบแทนดว้ ยการต้งั ใจเรียน ให้เกยี รติ และใหค้ วามเคารพไมล่ ว่ งละเมดิ โอวาทของ ครู • ความกตญั ญแู ละความกตเวทีนี้ ถอื ว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี สง่ ผลใหค้ รอบครวั และสังคมมีความสุขได้เพราะ บดิ ามารดา จะรูจ้ ักหนา้ ท่ีของตนเอง ดว้ ยการทาอุปการคณุ ให้ก่อน และลกู ก็จะร้จู กั หน้าที่ของตนเองด้วยการทาดีตอบแทน • นอกจากบิดากบั ลกู และครูอาจารย์กบั ศษิ ย์แลว้ คุณธรรมขอ้ นี้กส็ ามารถนาไปใชไ้ ด้แม้ระหวา่ ง นายจ้างกับลูกจ้าง อนั จะสง่ ผล ให้สังคมอยูร่ ่วมกันไดอ้ ยา่ งสงบสุข • ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจา้ ทรงเป็นบุพการรีในฐานะทที่ รงสถาปนาพระพุทธศาสนา และทรงสอนทางพน้ ทุกข์ใหแ้ ก่ เวไนยสัตว์ • พทุ ธศาสนกิ ชน รูพ้ ระคณุ อันนี้จงึ ตอบแทนด้วยอามสิ บูชาและปฏบิ ัติบชู ากลา่ วคือการจัดกิจกรรม ในวันวิสาขบชู า เปน็ ส่วน หนึ่งทีช่ าวพทุ ธแสดงออก ซ่งึ ความกตญั ญกู ตเวที ต่อพระองค์ดว้ ยการทานุ บารงุ สง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนา และประพฤตปิ ฏบิ ัติ ธรรม เพือ่ ดารงอายุพระพทุ ธศาสนาสืบไป ๒. อริยสัจ ๔ คอื ความจริงอันประเสริฐ หมายถงึ ความจริงของชีวติ ที่ไมผ่ ันแปร เกดิ มีได้แก่ทุกคน มี ๔ ประการ คือ • ทกุ ข์ ได้แกป่ ัญหาของชีวิตพระพุทธเจา้ ทรงแสดงไว้ ก็เพื่อใหท้ ราบว่ามนุษย์ทุกคนมที ุกข์เหมอื นกัน ท้งั ทุกขข์ ้ันพ้ืนฐาน และ ทกุ ข์เกี่ยวกับการดาเนินชวี ิตประจาวัน ทกุ ข์ข้ันพ้ืนฐานคอื ทุกขท์ ่ีเกดิ จาก การเกดิ การแก่ และการตาย ส่วนทกุ ข์ท่ีเกยี่ วกบั การ ดาเนินชีวิตประจาวนั คือทุกข์ที่เกดิ จากการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทุกขท์ ี่เกดิ จากการประสบกันสง่ิ ที่ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทุกข์ที่เกิดจาก ไมไ่ ด้ตั้งใจปรารถนา รวมทั้งทุกขท์ เี่ ก่ียวกับการดาเนินชีวิตดา้ นตา่ งๆ อาทคิ วาม ยากจน • สมทุ ยั คอื เหตุแหง่ ปัญหาพระพุทธเจา้ ทรงแสดงไวก้ ็เพื่อใหท้ ราบวา่ ทกุ ข์ทัง้ หมดซ่ึงเปน็ ปัญหา ของชวี ิตลว้ นมีเหตุให้เกดิ เหตุ นนั้ คือ ตัณหา อันได้แกค่ วามอยากไดต้ า่ งๆ ซ่ึงประกอบไปด้วยความยึดมั่น • นโิ รธ คือ การแก้ปญั หาได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไวก้ ็เพ่ือใหท้ ราบวา่ ทุกข์คอื ปญั หาของชวี ติ ท้งั หมดทสี่ ามารถแกไ้ ข ไดน้ ้ัน ต้องแกไ้ ขตามทางหรอื วิธแี ก้ ๘ ประการ ( ดูมัชฌิมาปฎปิ ทา ) • มรรค การปฏบิ ตั ิเพื่อกาจัดทุกข์ เพอ่ื หลดุ พ้นจากทุกข์ การปฏิบตั ิเพ่ือแกป้ ญั หา เพ่อื บรรลเุ ปา้ หมายการแก้ปญั หาท่ีตอ้ งการ ๓. ความไมป่ ระมาท ความไม่ประมาทคือ การมีสตเิ สมอทงั้ ขณะทาขณะพดู และขณะคิด สติคอื การระลึกได้ ในภาคปฏบิ ัติเพื่อ นามาใชใ้ นชีวติ ประจาวนั หมายถงึ การระลกึ รู้ทนั การเคลื่อนไหว ของอริยาบถ ๔ คือ เดิน ยนื นง่ั นอน การฝกึ ใหเ้ กิดสติทาได้ โดยตัง้ สติกาหนดการเคล่อื นไหวของอรยิ าบถ กล่าวคอื ระลกึ ทนั ท้งั ในขณะ ยืน เดิน นง่ั และนอน รวมทง้ั ระลึกรทู้ นั ในขณะพูด คิด และขณะทางานต่างๆ เมอ่ื ทาได้อย่างน้ีกช็ ่ือวา่ มคี วามไมป่ ระมาท การทางานต่างๆ สาเร็จไดก้ ด็ ้วยความไมป่ ระมาท กล่าวคือผู้ทาย่อมต้องมสี ตริ ะลึกรู้อยูว่ ่า ตนเองเปน็ ใครมีหนา้ ท่ีอะไร และกาลงั ทาอยา่ งไร หากมีสติระลกึ รู้ได้อยา่ งนัน้ ก็ยอ่ มไมผ่ ิดพลาด
กจิ กรรมของวนั วสิ าขบูชา ทางราชการประกาศชักชวนใหป้ ระชาชน และหนว่ ยงานต่างๆ ทง้ั เอกชน และราชการประดับตกแต่ง อาคารสถานท่ดี ว้ ยธงชาติ ธงเสมาธรรมจกั ร จุดประทปี โคมไฟ แต่โดยทางปฏบิ ตั แิ ลว้ ใชห้ ลอดไฟประดับหลากสี ในวันขึน้ ๑๔-๑๕ ค่า เดือน ๖ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานวุ งศ์ เสดจ็ ประกอบพระราชกศุ ล ทว่ี ดั พระศรีรัตนศาสดาราม ทรงบาตร ในตอนเชา้ ในตอนเยน็ ทรงนาเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ และสดับพระธรรมเทศนาในพระอุโบสถ พรอ้ มทง้ั ถวายไทยธรรม • จัดงานสง่ เสรมิ พระพุทธศาสนาท่ีบริเวณทอ้ งสนามหลวงเป็นประจาทุกปี แตล่ ะปมี กี ิจกรรมทางพระพุทธศาสนา หลากหลายหน่วยงาน ท้ังทางราชการ และเอกชนท้งั ฝา่ ยบรรพชิต และคฤหสั ถ์ รว่ มกนั จดั งานอันย่งิ ใหญ่สรา้ ง ความศรทั ธาใหแ้ ก่พุทธศาสนิกชนบาเพญ็ กุศล มีการทาบญุ ตักบาตร ให้ทานรกั ษาศีลฟงั ธรรม สนทนาธรรม เวียน เทยี น เจริญภาวนาเปน็ ทปี่ ระทับใจยิง่ นกั • สถานทีจ่ ดั กจิ กรรมในวันวิสาขบชู าท่ยี ิ่งใหญ่อกี แห่งหนง่ึ ก็คือ ณ บริเวณพุทธมณฑล ซึง่ มหี นว่ ยงานกรมการ ศาสนา กระทรวงศกึ ษาธกิ ารรว่ มกบั ประชาชนท่ัวไป ไดจ้ ดั กจิ กรรมปฏบิ ัตธิ รรมท้งั ฝ่าย พระสงฆ์ และฆราวาส มี จานวนหลายหมนื่ ไดร้ ่วมทาบญุ ตักบาตรให้ทานรกั ษาศลี ฟงั ธรรม สนทนาธรรม และเจรญิ ภาวนา • พระสงฆ์ผูจ้ ัดรายการธรรม ทางสถานีวิทยุ เกอื บทุกรายการท่วั ประเทศเม่อื ถงึ สาคัญ คอื วนั วิสาขบูชาเช่นน้ี ก็มี การประชาสมั พันธ์เชิญชวนพุทธศาสนิกชนบาเพญ็ กุศล เปน็ กรณพี เิ ศษ คือ บรรพชาอปุ สมบทนาคหมู่ และบวช เนกขัมมะ เพอ่ื ปฏบิ ัติธรรมถวายเป็นพุทธบชู า ธรรมบชู า เป็นการช่วยสนบั สนุน สง่ เสรมิ สร้างความสงบสุขให้แก่ บคุ คลและสร้างความสามัคคีธรรมให้แก่สังคม ตลอดถงึ ประเทศชาติอีกด้วย สรุปแล้ววนั วสิ าขบชู าปนี ี้ คงจะได้รับความร่วมมือจากหนว่ ยงานทางราชการ และเอกชนตลอดทัง้ ผู้จดั รายการ ธรรมะ ทางสถานวี ิทยุทว่ั ประเทศ ช่วยกันประชาสมั พันธ์ เชิญชวนสาธชุ นผูศ้ รัทธา จัดกิจกรรมปฏบิ ัติธรรม บาเพ็ญมหากุศลอันย่งิ ใหญ่เป็นกรณีพิเศษ เหมอื นที่เคยปฏบิ ัตมิ าทุกๆ ปี
วันวิสาขบชู าเป็นวนั สาคญั สากลของสหประชาชาตคิ ือ \"วนั สาคัญของโลก\" ( Vesak Day ) ภมู หิ ลงั ๑. ในการประชุม International Buddhist Conference ณ กรุงโคลัมโบ ระหว่างวนั ที่ ๙ -๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ซง่ึ มผี แู้ ทน จากประเทศที่นบั ถือศาสนาพุทธจานวนมากเข้ารว่ ม อาทิ บงั คลาเทศ จีน ลาว เกาหลใี ต้ เวยี ดนาม ภฐู าน อินโดนีเซีย เนปาล กมั พชู า อนิ เดยี ปากสี ถาน และไทย ได้ตกลงกนั ท่จี ะเสนอใหส้ มัชชาสหประชาชาติรบั รองข้อมติประกาศวนั วสิ าขบูชาให้เป็น วนั หยดุ ของสหประชาชาติ ๒. ในการเยือนของประเทศต่างๆ ในอนิ โดจนี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรลี ังกา ในปี ๒๕๔๒ ก็ได้มีการหยบิ ยกเรือ่ งนี้ข้ึนหารอื และได้รับการสนับสนนุ จากประเทศตา่ งๆ ไดด้ ้วยดี ๓. คณะทตู ถาวรศรีลังกาประจาสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กไดจ้ ดั เตรียมรา่ งข้อมติ และได้ขอเสียงสนบั สนุนจากประเทศต่าง ๆ เพือ่ ให้มกี ารรับรองขอ้ มติเรื่องการประกาศให้วนั วสิ าขบชู าเปน็ วนั หยดุ ของสหประชาชาติในที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ สมยั สามญั คร้ังที่ ๕๔ ๔. โดยทส่ี หประชาชาตปิ ระกาศวนั หยดุ เปน็ จานวนมากอยู่แล้ว และจะเป็นปญั หาในเรือ่ งงบประมาณและการบรหิ ารแก่ สหประชาชาติ หากประกาศใหว้ ันวิสาขบชู าเป็นวันหยุด ศรีลังกาจึงได้ตดั สนิ ใจท่จี ะเสนอร่างข้อมติ ขอให้วันวิสาขบชู าเปน็ วัน สาคญั สากลท่ีสหประชาชาติ ทงั้ ทสี่ านกั งานใหญ่ และสานกั งานต่าง ๆ แทนการเสนอให้เปน็ วนั หยุดซง่ึ ออท. ผแู้ ทนถาวร ประเทศตา่ ง ๆ รวม ๑๖ ประเทศ ไดแ้ ก่ ศรีลงั กา บังคลาเทศ ภูฐาน กมั พชู า ลาว มลั ดีฟส์ มองโกเลีย พม่า เนปาล ปากสี ถาน ฟิลปิ ปนิ ส์ เกาหลีใต้ สเปน อินเดยี ไทย และยูเครน ได้รว่ มลงนามในหนงั สือถงึ ประธานสมชั ชาฯ เพอ่ื ให้นาเร่ืองวนั วิสาขบูชาเขา้ เปน็ ระเบยี บวาระการประชมุ ของสมัชชาฯ ๕. ต่อมาเม่อื ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ General Committee ของสมัชชาฯ ไดพ้ จิ ารณาเร่ืองดงั กล่าว โดย ออท.ผู้แทน ถาวรศรี ลงั กาได้กล่าวถอ้ ยแถลงสนับสนุนหนังสอื รอ้ งขอให้ทีป่ ระชมุ บรรจุระเบียบวาระดังกล่าว เขา้ ส่กู ารพจิ ารณาของท่ปี ระชุมสมชั ชา เตม็ คณะ ออท.ผแู้ ทนถาวรไทย อินเดีย สเปน บังคลาเทศ ปากีสถาน ไซปรสั ลาว และภฐู าน ได้กลา่ วถ้อย แถลงสนบั สนนุ ซงึ่ ที่ ประชมุ General Committee ได้มีมตใิ ห้บรรจเุ รื่องนเ้ี ข้าสกู่ ารพจิ ารณาของสมัชชาเต็มคณะ
ปัจจบุ นั ๑. เมือ่ ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๔๒ ท่ีประชมุ สมัชชาสหประชาชาติ สมยั สามัญ ครัง้ ที่ ๕๔ ไดพ้ จิ ารณาระเบียบวาระท่ี ๑๗๔ International recognition of the Day of Visak โดยการเสนอของศรีลังกา ๒. ในการพิจารณา ประธานสมัชชาฯ ได้เชิญผู้แทนศรลี งั กาข้นึ กลา่ วนาเสนอรา่ งขอ้ มติ และเชิญผแู้ ทนไทย สิงคโปร์ บังคลาเทศ ภูฐาน สเปน พมา่ เนปาล ปากีสถาน อนิ เดยี ขนึ้ กลา่ วถอ้ ยแถลง สรุปความว่า วันวิสาขบชู า เป็นวันสาคญั ของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเปน็ วันท่พี ระพุทธเจ้าประสูติ ทรงตรัสรู้ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงส่งั สอนให้มวลมนษุ ย์มีเมตตาธรรมและขนั ติธรรม ต่อเพอ่ื นมนุษยด์ ้วยกัน เพอื่ ให้เกิดสันติสขุ ใน สังคม อนั เป็นแนวทางของ สหประชาชาติ จงึ ขอใหท้ ี่ประชุมรับรองขอ้ มตนิ ี้ ซึง่ เท่ากบั เป็นการรบั รองความสาคัญ ของพทุ ธศาสนาในองค์การสหประชาชาติ โดยถือว่าวนั ดังกล่าวเปน็ ที่สานักงานใหญ่องคก์ ารสหประชาชาติและที่ ทาการสมัชชาจะจดั ให้มกี ารระลึกถงึ (observance) ตามความเหมาะสม ๓. ที่ประชมุ ฯ ไดร้ ับรองร่างขอ้ มตโิ ดยฉันทามติ เหตุผลที่ องคก์ ารสหประชาชาติกาหนดให้วันวสิ าขบชู าเปน็ วนั สาคัญของโลก เนือ่ งจากคณะกรรมมาธกิ ารองคก์ ารสหประชาชาติ ไดร้ ่วมพจิ ารณาและมีมตเิ ห็นพอ้ งตอ้ งกนั ประกาศให้ วนั วิสาขบชู า ถอื เปน็ วนั สาคัญวนั หนง่ึ ของโลกทงั้ นี้ ดว้ ยสานึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณ ขององคส์ มเด็จพระสมั มา สมั พทุ ธเจ้าว่า ทรงเป็นมหาบุรุษผ้ใู หค้ วามเมตตาต่อหมู่มวล มนษุ ย์ทงั้ หลายในโลก จะเห็นได้จากการยกเลกิ แบง่ ชนช้นั วรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลกิ ทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนือ้ นอกจากนีพ้ ระองคย์ งั ทรงเปน็ นักอนุรกั ษ์ สตั ว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ทรงสอนให้ไม่ฆ่าสตั ว์ ใหร้ จู้ กั ชว่ ยเหลอื สัตว์ เหตุผลสาคัญ อีกประการหนึ่งคอื พระองค์ ทรงเปดิ โอกาสให้ทกุ ศาสนาสามารถเขา้ มาศึกษาพุทธศาสนาเพือ่ พสิ ูจนห์ าข้อเท็จจริงได้ โดยไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเปลีย่ น มานับถือศาสนาพุทธและทรงส่ังสอนทกุ คนโดยใชป้ ัญญาธคิ ณุ สอนโดยไมค่ ิดค่าตอบแทน เรยี บเรยี งจาก ความรูเ้ ก่ียวกับวนั สาคญั ไทย (เสฐียรโกเศศ และ พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยตุ โต) และ http://www.dhammathai.org/
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: