การจดั การศัตรพู ชื (31) การจัดการแมลงศัตรพู ชื ในทุเรยี น เพลย้ี ไก่แจ้ทุเรยี น (durian psyllids) (4) เพลยี้ ไก่แจ้ดูดกินนา้ เลยี้ งท้าใหใ้ บทุเรยี นหงิกงอ 51
การจดั การศตั รพู ชื (32) การจดั การแมลงศตั รูพืชในทุเรยี น เพล้ียไกแ่ จท้ ุเรยี น (durian psyllids) (5) ตวั อ่อนของแมลงชนดิ นจ้ี ะขบั สารเหนยี วสขี าวออกมาปกคลุมใบทเุ รียน เป็น สาเหตุทาให้เกิดเชื้อราตามบริเวณที่สารชนิดนี้ถูกขับออกมา ระยะตัวอ่อนทาความ เสียหายมากทส่ี ุด และแมลงชนิดนีท้ าความเสยี หายใหก้ บั ทเุ รียนพนั ธ์ุชะนีมากที่สุด พืชอาหาร : ทุเรียน ศัตรูธรรมชาติ : แมลงศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยไก่แจ้มีหลายชนิดท้ังแมลงห้า ได้แก่ ด้วงเตา่ ลาย แมลงช้างปีกใส แตนเบียนตวั ออ่ นเพล้ยี ไกแ่ จ้ 52
การจัดการศตั รูพืช (33) การจัดการแมลงศัตรพู ืชในทุเรยี น เพลยี้ ไกแ่ จท้ เุ รียน (durian psyllids) (6) แตนเบียนตัวออ่ นเพลย้ี ไกแ่ จ้ท่พี บในธรรมชาติ 53
การจัดการศตั รพู ืช (34) การจัดการแมลงศตั รูพืชในทุเรียน เพลี้ยไกแ่ จ้ทุเรยี น (durian psyllids) (7) การปอ้ งกันกาจดั : 1. เพล้ียไก่แจ้จะทาลายเฉพาะใบออ่ นทุเรยี นที่ยังไม่โตเต็มที่ และโดยปกติ ทุเรียนแตกใบออ่ นไม่พร้อมกันแม้แต่ทุเรียนในสวนเดียวกัน ชาวสวนทุเรยี นควรจะ พ่นสารฆ่าแมลงเม่ือทุเรียนส่วนใหญ่แตกใบอ่อน สาหรับต้นท่ีแตกใบอ่อนไม่พร้อม ต้นอ่ืนควรพ่นเฉพาะต้น วิธีน้ีช่วยลดการใช้สารฆ่าแมลงและเปิดโอกาสให้ศัตรู ธรรมชาติได้มีบทบาทในการควบคุมเพล้ียไก่แจ้ และยังเป็นการอนุรักษ์ศัตรู ธรรมชาตเิ หลา่ นอ้ี ีกด้วย 54
การจดั การศตั รูพืช (35) การจดั การแมลงศัตรูพชื ในทเุ รยี น เพล้ยี ไกแ่ จท้ เุ รียน (durian psyllids) (8) 2. วิธีบังคับให้ทุเรียนแตกใบอ่อนพร้อมกัน ซึ่งอาจกระตุ้นด้วยการพ่น ยูเรีย (46-0-0) อัตรา 200 กรัมต่อน้า 20 ลิตร เพื่อลดช่วงการเข้าทาลายของ เพลี้ยไก่แจ้ จะช่วยลดการใช้สารเคมีลงได้มาก โดยปกติทุเรียนต้องการใบอ่อนท่ี สมบูรณ์ 2-3 ชุดต่อปี เพอี่ ใหต้ ้นทเุ รยี นพรอ้ มที่จะใหผ้ ลผลิตทีด่ ี 3. ใช้สารฆ่าแมลงท่ีมีประสิทธิภาพเม่ือเพล้ียไก่แจ้ระบาดมาก คือ แลมบ์ ดา-ไซฮาโลทริน อัตรา 10 มิลลิลิตร หรือ คาร์โบซัลแฟน อัตรา 50 มิลลิลิตร หรือ คาร์บารลิ อตั รา 10 กรมั หรือ ไซเพอร์เมทริน/โฟซาโลน อตั รา 40 มลิ ลิลิตรตอ่ น้า 20 ลติ ร พ่นทุก 7-10 วนั ในชว่ งระยะแตกใบอ่อน 55
การจดั การศัตรูพชื (36) การจดั การแมลงศัตรพู ชื ในทเุ รยี น หนอนเจาะผล (fruit borer) (1) ผเี ส้อื หนอนเจาะผลทุเรียน หนอนเจาะผลทเุ รียนกดั ทา้ ลายบริเวณเปลือกทเุ รยี น 56
การจดั การศัตรพู ชื (37) การจดั การแมลงศัตรูพชื ในทเุ รยี น หนอนเจาะผล (fruit borer) (2) ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Conogethes punctiferalis Guenee. ช่อื อืน่ : หนอนเจาะผลละหงุ่ ความสาคัญและลักษณะการทาลาย : หนอนเจาะผลเป็นศัตรูทุเรียนท่ีสาคัญ พบ ระบาดท่วั ไปในแหล่งปลูกทเุ รียนทั่วประเทศ หนอนเจาะผลจะเข้าทาลายทุเรียนได้ ตั้งแต่ผลยังเล็กอายุประมาณ 2 เดือน ไปจนถึงผลโตเต็มที่พร้อมท่ีจะเก็บเก่ียวทา ให้ผลเป็นแผล อาจทาให้ผลเนา่ และร่วงเนอื่ งจากเชอ้ื ราเข้าทาลายซ้า 57
การจดั การศัตรพู ชื (38) การจดั การแมลงศัตรูพชื ในทเุ รยี น หนอนเจาะผล (fruit borer) (3) หนอนเจาะผลทา้ รงั บริเวณเปลอื กทุเรียน หนอนกดั กินบริเวณเปลอื กไมถ่ ึงเนอื้ ทุเรยี น 58
การจดั การศัตรพู ืช (39) การจดั การแมลงศตั รพู ืชในทเุ รียน หนอนเจาะผล (fruit borer) (4) การตัดแตง่ ผลไม่ให้ตดิ กันและใชไ้ มค้ ่ันระหวา่ งผลที่ตดิ กนั สามารถลดการทา้ ลายของหนอนเจาะผลได้ 59
การจัดการศตั รูพืช (40) การจัดการแมลงศัตรพู ชื ในทเุ รยี น หนอนเจาะผล (fruit borer) (5) พืชอาหาร : แมลงชนิดนพี้ บท่ัวไปตลอดทั้งปีเน่ืองจากมีพชื อาศยั กว้าง นอกจากทุเรียน แล้วมีรายงานว่าหนอนชนิดนี้ทาลายผลไม้ชนิดอื่น เช่น มะหวด ลาไย ลิ้นจี่ เงาะ ทบั ทิม ละหุ่ง หมอ่ น และโกโก้ ศตั รธู รรมชาติ : แตนเบยี น Apanteles sp. การปอ้ งกนั กาจัด : 1. หมน่ั ตรวจดูตามผลทุเรียน เมอื่ พบรอยทาลายของหนอน ให้ใช้ไม้หรือลวด แข็งเขี่ยตวั หนอนออกมาทาลาย 2. ตัดแต่งผลทุเรียนท่ีมีจานวนมากเกินไป โดยเฉพาะผลท่ีอยู่ติดกันควรใช้กิ่ง ไม้หรือกาบมะพร้าวขั้นระหว่างผล เพ่ือป้องกันไม่ให้ตัวเต็มวัยวางไข่หรือตัวหนอนเข้า หลบอาศยั 60
การจดั การศัตรูพชื (41) การจัดการแมลงศัตรพู ชื ในทเุ รยี น หนอนเจาะผล (fruit borer) (5) 3. การห่อผลด้วยถุงมุ้งไนล่อน ถุงรีเมย์ หรือถุงพลาสติกสีขาวขุ่น เจาะรูที่ บริเวณขอบล่าง เพ่ือให้หยดน้าระบายออก โดยเริ่มห่อผลต้ังแต่ผลทุเรียนมีอายุ 6 สัปดาห์เปน็ ต้นไป จะชว่ ยลดความเสยี หายได้ 4. สารฆ่าแมลงท่ีมีประสิทธิภาพเมื่อจาเป็นต้องใช้คือ แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน อตั รา 20 มลิ ลิลิตร หรอื คลอรไ์ พรฟิ อส อตั รา 20 มลิ ลลิ ติ ร หรอื คาร์โบซัลแฟน อตั รา 50 มิลลิลิตรต่อน้า 20 ลิตร พ่นเฉพาะส่วนผลทุเรียนท่ีพบการทาลายของหนอนเจาะ ผล 61
การจัดการศัตรูพืช (42) การจัดการแมลงศตั รูพืชในทเุ รียน เพล้ยี แป้ง (mealybugs) (1) เพลี้ยแปง้ ดูดกินน้าเลีย้ งจากผลออ่ นทเุ รยี น เพล้ยี แปง้ ทุเรยี น ทา้ ใหแ้ คระแกร็น 62
การจัดการศัตรพู ชื (43) การจดั การแมลงศตั รพู ชื ในทเุ รียน เพลีย้ แปง้ (mealybugs) (2) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Planococcus minor Maskell. Planococcus lilacinus Cockerell. Pseudococcus cryptus Hampel. ความสาคัญและลักษณะการทาลาย : เพล้ียแป้งเป็นแมลงศัตรูท่ีสาคัญพบระบาดทา ความเสียหายต่อทุเรียนในแหล่งปลูกท่ัวไป ดูดกินน้าเลี้ยงจากบริเวณกิ่ง ช่อดอก ผล อ่อน ผลแก่ โดยมีมดแดงและมดดาช่วยคาบพาไปตามส่วนต่างๆ ของพืช ส่วนท่ีถูก ทาลายจะแคระแกร็น และชะงักการเจริญเติบโต นอกจากนี้ เพล้ียแป้งจะขับน้าหวาน ออกมา เป็นเหตุให้ราดาเข้าทาลายซ้า ถ้าเพล้ียแป้งเข้าทาลายทุเรียนผลเล็ก จะทา ให้ผลแคระแกร็นไมเ่ จรญิ เติบโตต่อไป 63
การจดั การศตั รูพชื (44) การจดั การแมลงศัตรูพืชในทุเรยี น เพลีย้ แปง้ (mealybugs) (3) มดดดู กินมลู หวานเพล้ียแป้ง และพาไปยังสว่ นต่าง ๆ เพลี้ยแปง้ ขับถ่ายมูลหวาน ทา้ ให้ราดา้ เขา้ ทา้ ลายซา้ 64
การจัดการศัตรูพืช (45) การจดั การแมลงศตั รพู ืชในทเุ รยี น เพลีย้ แปง้ (mealybugs) (4) พืชอาหาร : ทเุ รียน มงั คดุ เงาะ และ สบั ปะรด ศัตรูธรรมชาติ : พบด้วงเต่าในวงศ์ Coccinellidae เป็นแมลงห้า 3 ชนิดคือ Cryptolaemus montrouzieri, Scymnus sp. และ Nephus sp. การปอ้ งกนั กาจัด : 1. หากพบเพล้ยี แปง้ ระบาดเล็กน้อยให้ตดั สว่ นท่ถี ูกทาลายทิง้ เสยี 2. เม่ือพบเพล้ียแป้งปริมาณน้อยบนผลทุเรียนใช้แปลงปัด หรือใช้น้าพ่น ใหเ้ พล้ียแป้งหลุดไป หรือการใช้นา้ ผสมไวต์ออยล์ (white oil) อตั รา 20 มลิ ลิลติ ร ต่อน้า 20 ลติ ร ชว่ ยในการกาจดั เพล้ียแป้งได้ 65
การจดั การศัตรูพชื (46) การจัดการแมลงศัตรพู ืชในทุเรยี น เพลย้ี แป้ง (mealybugs) (5) 3. เน่ืองจากเพล้ียแป้งแพร่ระบาดโดยมีมดพาไป การป้องกันโดยใช้ผ้าชุบ สารฆ่าแมลง เช่น มาลาไทออน อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้า 20 ลิตร หรือ คาร์บาริล อัตรา 10 กรัมต่อน้า 20 ลิตร พันไว้ตามกิ่งสามารถป้องกันไม่ให้มดคาบเพลี้ยแป้ง ไปยังสว่ นต่างๆ ของทุเรียนและต้องชุบสารฆ่าแมลงซ้าทุก 10 วนั หรอื การพ่นสาร ฆ่าแมลงไปท่ีโคนต้น จะชว่ ยป้องกันมดและลดการเขา้ ทาลายของเพลยี้ แป้งได้มาก 4. สารฆ่าแมลงที่ได้ผลในการควบคุมเพลี้ยแป้งคือ สารคลอร์ไพริฟอส อัตรา 30 มิลลิลิตร หรือ คาร์บาริล อัตรา 50 กรัมต่อน้า 20 ลิตร โดยพ่นสาร เฉพาะต้นที่พบเพล้ียแปง้ ทาลาย 66
การจดั การศตั รพู ชื (47) เพลี้ยไฟ (thrips) (1) การจัดการแมลงศัตรูพืชในทุเรียน เพล้ยี ไฟดูดกนิ นา้ เล้ียงท้าใหแ้ คระแกร็น ใบโคง้ หงกิ งอ ตวั เต็มวัยเพล้ียไฟ 67
การจดั การศตั รูพืช (48) เพล้ยี ไฟ (thrips) (2) การจัดการแมลงศัตรูพืชในทุเรียน ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Scirtothrips dorsalis Hood. ชือ่ อื่น : เพลยี้ ไฟพรกิ ความสาคัญและลักษณะการทาลาย : ในทุเรียนพบเพล้ียไฟหลายชนิดทาลายใน ระยะพัฒนาการต่างๆ แต่ท่ีพบมากและสาคัญทีส่ ุดคือ เพลี้ยไฟพรกิ ทัง้ ตัวอ่อนและ ตัวเต็มวัยดูดกินน้าเลี้ยงจากส่วนต่างๆ ของพืช มีผลทาให้ใบอ่อนหรือยอดอ่อน ชะงกั การเจริญเติบโต แคระแกร็น ใบโคง้ แหง้ หงิกงอ และไหม้ 68
การจดั การศตั รูพืช (49) เพล้ียไฟ (thrips) (3) การจัดการแมลงศัตรูพืชในทเุ รียน การทาลายในช่วงดอก ทาให้ดอกแห้ง ดอกและก้านดอกเปลี่ยนเป็นสี นา้ ตาล แคระแกร็น และรว่ ง ในชว่ งผลออ่ น ทาให้ชะงักการเจรญิ เติบโต หนามเป็น แผลและเกดิ อาการปลายหนามแห้ง ผลไม่สมบรู ณแ์ ละแคระแกร็น เพลี้ยไฟจะระบาดรุนแรงในช่วงแล้ง ระหว่างเดือนธันวาคม–พฤษภาคม ซึ่งตรงกับระยะที่ต้นทุเรียนออกดอกติดผล เพลี้ยไฟมีอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ สามารถเพิม่ ปริมาณได้มาก 69
การจัดการศัตรูพืช (50) เพลีย้ ไฟ (thrips) (4) การจัดการแมลงศัตรูพืชในทุเรียน เพลีย้ ไฟดูดกนิ น้าเลี้ยงท้าใหผ้ ลแคระแกรน็ เพลย้ี ไฟดดู กนิ นา้ เลยี้ งจากผลออ่ นท้าใหป้ ลายหนามแหง้ 70
การจัดการศัตรพู ชื (51) การจดั การแมลงศตั รูพชื ในทเุ รียน เพลยี้ ไฟ (thrips) (5) พืชอาหาร : เพลี้ยไฟพริก ระบาดทาลายไม้ผลได้หลายชนิด เช่น มังคุด มะม่วง เงาะ สม้ โอ สม้ เขยี วหวาน ลิ้นจี่ และลาไย ศตั รธู รรมชาติ : เช่น แมงมมุ ชนิดต่างๆ ตวั ออ่ นแมลงชา้ ง และเพล้ยี ไฟตัวหา้ การป้องกันกาจดั : 1. หากพบเพลีย้ ไฟระบาดเลก็ น้อยใหต้ ดั ส่วนทีถ่ ูกทาลายท้ิง 2. เม่ือพบเพลี้ยไฟระบาดรุนแรง ใช้สารฆ่าแมลงท่ีมีประสิทธิภาพในการ ป้องกันกาจัดเพลี้ยไฟ ได้แก่ อิมิดาโคลพริด หรอื ฟิโพรนลิ หรือ คาร์โบซัลแฟน อัตรา 10, 10 และ 40 มิลลิลิตรต่อน้า 20 ลิตร ตามลาดับ และไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงชนิด ใดชนิดหนึ่งซ้าติดต่อกันหลายคร้ัง เพราะทาให้เพล้ียไฟสร้างความต้านทานต่อสารฆ่า แมลง 71
การจดั การศตั รพู ชื (52) การจดั การแมลงศตั รูพชื ในทุเรยี น มอดเจาะลาต้น (shot hole borer) (1) ตัวเต็มวัยมอดเจาะลา้ ต้น มอดวางไขเ่ ป็นกล่มุ ในรูทมี่ อดเจาะ 72
การจดั การศัตรูพชื (53) การจัดการแมลงศตั รพู ชื ในทเุ รียน มอดเจาะลาต้น (shot hole borer) (2) ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Xyleborus fornicatus Eichoff. ชือ่ อ่ืน : มอดเจาะลาต้น ความสาคัญและลักษณะการทาลาย : หนอนและตัวเต็มวัยเจาะเข้าไปกินในลาต้น และก่ิงของทุเรยี น ส่วนมากพบทาลายบริเวณโคนต้น และก่ิงขนาดใหญ่ ต้นทุเรียน ที่ถูกแมลงชนิดนี้ทาลายสังเกตได้ง่ายคือ มีรูพรุนตามโคนต้น และที่ปากรูมีมูลของ หนอนลักษณะเปน็ ขุยละเอียดอยู่ท่วั ไป 73
การจัดการศตั รพู ชื (54) การจดั การแมลงศัตรูพชื ในทุเรยี น มอดเจาะลาตน้ (shot hole borer) (3) มอดเจาะเข้าไปกินในลาต้นหรือก่ิงลึกตั้งแต่ 2-3 เซนติเมตรขึ้นไป หาก เป็นทุเรียนต้นเล็กทาให้ต้นตายได้ สาหรับทุเรียนต้นใหญ่ถ้าถูกทาลายน้อยจะไม่ เป็นอันตรายมากนัก แต่รอยเจาะของมอดเป็นทางให้เชื้อของโรครากเน่า-โคนเน่า เข้าทาลายและทาให้ทุเรียนตายได้ โดยท่ัวไปมักพบมอดเจาะลาต้นพบระบาด ร่วมกับโรครากเน่า-โคนเน่าในบางครั้ง จึงสามารถใช้ร่องรอยการทาลายของมอด ในการหาแผลเนา่ ทอ่ี ยภู่ ายใตเ้ ปลือกไม้ได้ 74
การจัดการศัตรพู ืช (55) การจัดการแมลงศตั รูพืชในทุเรยี น มอดเจาะลาต้น (shot hole borer) (4) มอดเขา้ ท้าลายบรเิ วณแผลรากเน่า - โคนเน่า รอยท้าลายของมอดเจาะล้าตน้ 75
การจัดการศตั รูพืช (56) การจัดการแมลงศตั รพู ชื ในทเุ รียน มอดเจาะลาต้น (shot hole borer) (5) พืชอาหาร : ทุเรียน ชา พืชตระกูลส้ม และโกโก้ ศตั รธู รรมชาติ : จากการสารวจยังไม่พบ การปอ้ งกันกาจดั : 1. หม่ันตรวจดูตามลาต้นทุเรยี น ถ้าพบกงิ่ แห้งท่ีถกู มอดทาลาย ควรตัดและ เผาไฟท้ิงเสยี อยา่ ปล่อยทิง้ ไวใ้ หม้ อดขยายปรมิ าณและการทาลายออกไปยงั ตน้ อ่นื ๆ 2. สาหรับส่วนที่ไม่สามารถตัดท้ิงได้ เช่น ในส่วนของลาต้น หรือกิ่งใหญ่ อาจจาเป็นต้องใช้ สารฆ่าแมลง เช่น คลอร์ไพริฟอส อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้า 20 ลติ ร พน่ บนลาต้น หรือกิ่งท่ีมีรูมอดเจาะ 76
การจดั การศตั รูพชื (57) การจัดการแมลงศัตรูพชื ในทเุ รียน หนอนดว้ งหนวดยาวเจาะลาต้นทเุ รยี น (long horned beetles) (1) วางไขเ่ ป็นฟองเดีย่ วฝงั อย่ใู ตเ้ ปลือกไม้ หนอนโตเต็มทย่ี าวประมาณ 8-10 เซนตเิ มตร 77
การจัดการศตั รูพชื (58) การจดั การแมลงศัตรูพืชในทเุ รียน หนอนดว้ งหนวดยาวเจาะลาต้นทุเรียน (long horned beetles) (2) ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Batocera rufomaculata De Geer. ชื่ออ่นื : ด้วงบา่ หนามจุดนูนดา ความสาคัญและลักษณะการทาลาย : ด้วงหนวดยาวท่ีทาลายทุเรียนในประเทศไทยมีหลายชนิด ท่ีพบมาก คือ ด้วงบ่าหนามจุดนูนดา การระบาดของแมลงศัตรูชนิดน้ี เกิดขึ้นในลักษณะ ค่อยๆ สะสมความรุนแรงแบบภัยมืด โดยชาวสวนไม่ทราบว่ามีการระบาดของ ศัตรพู ชื เนือ่ งจากเป็น แมลงกลางคนื พฤติกรรมต่างๆ เกดิ ขึ้นในชว่ งกลางคนื 78
การจัดการศตั รูพืช (59) การจัดการแมลงศัตรพู ชื ในทเุ รยี น หนอนด้วงหนวดยาวเจาะลาต้นทเุ รยี น (long horned beetles) (3) ส่วนใหญ่พบทาลายทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ โดยฝังไว้ใต้เปลือกตามลาต้นและกิ่งขนาดใหญ่ สามารถวางไข่ได้มากถึง 15 ฟองต่อคืน หนอนจะกัดกินชอนไชไปตามเปลือกไม้ด้านในไม่มีทิศทางหรืออาจ กัดคว่ันเปลือกรอบต้น การทาลายท่ีเกิดจากหนอนขนาดเล็กไม่สามารถสังเกต ไดจ้ ากภายนอกแต่เมอ่ื หนอนโตข้ึนจะพบขุยไม้ละเอียดซึ่งเป็นมูลของหนอนตาม แนวรอยทาลาย หรือตรงบริเวณที่หนอนทาลายกัดกิน อยู่ภายในจะเห็นมีน้า เปน็ สีนา้ ตาลแดงไหลเย้มิ อยู่ 79
การจดั การศตั รพู ชื (60) การจดั การแมลงศัตรพู ืชในทุเรยี น หนอนดว้ งหนวดยาวเจาะลาต้นทุเรียน (long horned beetles) (4) ในระยะต่อมาจึงจะพบมูลหนอนออกมากองเป็นกระจุกอยู่ข้างนอก เปลือก เมื่อใช้มีดปลายแหลมแกะเปลือกไม้ จะพบหนอนอยู่ภายใน เกษตรกร จะสงั เกตพบรอยทาลายต่อเม่ือหนอนตัวโตและอาจเจาะเข้าเน้ือไม้ หรือกนิ คว่ัน รอบต้นทุเรียนแล้วซ่ึงจะมีผลทาให้ท่อน้าท่ออาหารถูกตัดทาลายเป็นเหตุให้ ทุเรยี นเรม่ิ ทรดุ โทรม ใบเหลอื งและรว่ ง และยนื ตน้ ตายได้ หนอนแต่ละตัวสามารถกัดกินเปลือกไม้ได้เป็นทางยาวมากกว่า 1 เมตร เนื่องจากตัวเต็มวัยมีอายุขัยยาวนาน ช่วงเวลาการวางไข่จึงมีระยะเวลา ยาว ในตน้ หนงึ่ ๆ จึงพบไขแ่ ละหนอนระยะต่างๆ กันเป็นจานวนมาก 80
การจดั การศัตรพู ชื (61) การจดั การแมลงศตั รพู ืชในทุเรียน หนอนดว้ งหนวดยาวเจาะลาต้นทุเรยี น (long horned beetles) (5) เขา้ ดกั แด้ที่ใจกลางกงิ่ หรอื ล้าตน้ ทเุ รียน หนอนกัดกนิ สว่ นที่เปน็ ท่อน้า ทอ่ อาหารใต้เปลอื กไม้ 81
การจัดการศัตรูพชื (62) การจัดการแมลงศัตรพู ืชในทเุ รยี น หนอนด้วงหนวดยาวเจาะลาตน้ ทเุ รยี น (long horned beetles) (6) ตวั เตม็ วัยดว้ งหนวดยาวเจาะลา้ ต้นทเุ รยี น ตัวเตม็ วัยผสมพันธต์ุ อนกลางคนื 82
การจดั การศัตรูพืช (63) การจดั การแมลงศตั รพู ชื ในทเุ รียน หนอนดว้ งหนวดยาวเจาะลาต้นทเุ รยี น (long horned beetles) (7) ทุเรียนยืนตน้ ตาย เนือ่ งจากการเข้าท้าลายของดว้ งหนวดยาว 83
การจดั การศตั รพู ชื (64) การจัดการแมลงศัตรพู ืชในทเุ รียน หนอนด้วงหนวดยาวเจาะลาตน้ ทุเรียน (long horned beetles) (8) พืชอาหาร : ด้วงหนวดยาวเป็นแมลงศัตรูป่าไม้มีพืชอาศัยกว้าง และเป็นศัตรูพืช เศรษฐกิจหลายชนิด เชน่ ทุเรยี น มะมว่ ง ขนุน และนุ่น ศัตรูธรรมชาติ : มนี กหลายชนิด เช่น นกหัวขวาน และนกกะปูด เป็นศัตรธู รรมชาติ ของหนอน และดว้ ง การปอ้ งกันกาจัด : 1. กาจัดแหล่งขยายพันธ์ุ โดยตัดต้นทุเรียนที่ถูกทาลายรุนแรงจนไม่ สามารถให้ผลผลิตเผาทิ้งและควรมีการดูแลรักษาต้นทุเรียน ให้มีความสมบูรณ์ แขง็ แรงอยเู่ สมอ 84
การจัดการศตั รูพชื (65) 85 การจดั การแมลงศตั รูพืชในทุเรยี น หนอนดว้ งหนวดยาวเจาะลาตน้ ทุเรียน (long horned beetles) (9) 2. กาจดั ตัวเต็มวยั ด้วงหนวดยาว โดยใช้ไฟส่องจับตัวเต็มวัยตามตน้ ทเุ รียน ในช่วงเวลา 20.00 น. ถึงช่วงเช้ามืด หรือใช้ตาข่ายดักปลาตาถี่พันรอบต้นหลายๆ ทบ เพ่ือดกั ตวั ด้วง 3. หม่ันตรวจสวนเป็นประจา โดยสังเกตรอยแผล ซ่ึงเป็นแผลเล็กและช้ืน ที่ตัวเต็มวัยทาข้ึนเพ่ือการวางไข่ ถ้าพบให้ทาลายไข่ท้ิง หรือ ถ้าพบขุยและการ ทาลายทเี่ ปลอื กไมใ้ หใ้ ช้มดี แกะ และจับตวั หนอนทาลาย 4. ถ้าระบาดไมร่ ุนแรง และหนอนเจาะเข้าเนื้อไม้แล้ว ให้ใช้มีดแกะหารู ฉีด สาร คลอรไ์ พรฟิ อส 40% EC เข้มขน้ 3-5 มลิ ลิลติ ร เขา้ ในรแู ลว้ ใช้ดินเหนยี วอดุ
การจัดการศตั รูพืช (66) การจดั การแมลงศัตรพู ืชในทเุ รียน หนอนดว้ งหนวดยาวเจาะลาต้นทุเรียน (long horned beetles) (10) การใช้ตาขา่ ยพันต้นเพอ่ื ดักจับตัวเต็มวัยด้วงหนวดยาว 86
การจดั การศตั รพู ชื (67) การจดั การแมลงศัตรพู ชื ในทุเรียน หนอนด้วงหนวดยาวเจาะลาตน้ ทุเรยี น (long horned beetles) (11) 5. แหล่งที่มีการระบาดรุนแรง ควรป้องกันการเข้าทาลายของด้วงหนวด ยาวโดยพ่นสารฆ่าแมลงไทอะมีทอกแซม/แลมบ์ดา-ไซฮาโลทรนิ อตั รา 40 มิลลลิ ิตร หรือ โคลไทอะนิดิน อัตรา 20 กรัม หรือ อิมิดาโคลพริด อัตรา 30 มิลลิลิตร หรือ อะซีทามิพริด อัตรา 50 มิลลิลิตร ต่อน้า 20 ลิตร ให้ท่ัวบริเวณต้นและกิ่งขนาด ใหญ่ 87
การจดั การศัตรพู ืช (68) การจัดการวัชพชื ในทเุ รยี น การจัดการวชั พืชในสวนทเุ รียน วชั พชื ฤดเู ดียว เช่น หญา้ ขจรจบ หญา้ ตีนนก วัชพชื ขา้ มปี เช่น หญ้าคา หญา้ ชนั กาด แหว้ หมู กาจัดโดยใชส้ ารเคมี หรือตัดวชั พชื ให้สน้ั ดว้ ยเครื่องตัดหญา้ ทกุ 1-2 เดอื น 88
การเกบ็ เกยี่ วและ การปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เกยี่ ว (1) การเกบ็ เกี่ยวและการปฏิบัตหิ ลงั การเกบ็ เกีย่ ว นับอายผุ ลเพอ่ื กาหนดวนั เก็บเกี่ยว โดยนับตง้ั แต่วนั ดอกบานถงึ วนั เกบ็ เก่ยี ว กลุ่มกระดมุ ทอง พวงมณี ไมน่ ้อยกว่า 80 วัน กลุ่มชะนี ไมน่ อ้ ยกว่า 100 วนั กลุ่มหมอนทอง ไมน่ ้อยกว่า 110 วนั การสังเกตผลแก่ ได้แก่ กา้ นผลแขง็ และสาก ปลายหนามแหง้ มีรอยแยกระหว่างพู ชิมปลิง มีนา้ ใสรสชาติหวาน การเคาะเปลอื ก มีเสียงหลวมๆ 90
การเก็บเก่ียวและ การปฏิบัติหลงั การเกบ็ เก่ยี ว (2) เกบ็ เก่ยี วตามสภาพสกุ แกจ่ รงิ 91
การเก็บเกย่ี วและ การปฏิบัติหลังการเก็บเกยี่ ว (3) ผลสมา่ เสมอเพ่ือการสง่ ออก ไม่วางบนพื้นดนิ เพ่อื ป้องกนั การตดิ เช้อื ราจากดนิ 92
สอบถามข้อมลู เพิ่มเตมิ ได้ที่หนว่ ยงานของกรมวชิ าการเกษตร ดังนี้ พนั ธ์ุ การดแู ลรักษา กลุ่มบริหารโครงการวจิ ัย สถาบนั วิจัยพืชสวน โทรศัพท์ 0-2561-4668, 0-2940-5484 ต่อ 107 ป๋ยุ กองวิจยั พฒั นาปจั จยั การผลติ ทางการเกษตร โทรศัพท์ 0-2579-3577-8 สถาบนั วิจัยพืชสวน โทรศัพท์ 0-2940-5484-5 โรค แมลงศัตรู และ วชั พืช โทรศพั ท์ 0-2579-8540 สานักวจิ ยั พฒั นาการอารักขาพืช การเกบ็ เกีย่ วและการปฏบิ ัติหลังการเกบ็ เกีย่ ว 93 กองวิจยั และพฒั นาวิทยาการหลงั การเกบ็ เก่ียว โทรศพั ท์ 0-2940-6362-3 ตอ่ 1110 และแปรรูปผลิตผลเกษตร
พนั ธุ์ การดแู ลรักษา การเก็บเก่ยี ว โทรศัพท์ 0-2561-4668, 0-2940-5484 ตอ่ 107 กลมุ่ บริหารโครงการวิจัย สถาบันวิจยั พชื สวน
Search