มีทางเลอื กอยา่ งไรในการปรบั ใจ เม่ือต้องกลายเป็นผ้ปู ว่ ยติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์วรภัทร รัตอาภา เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19) แล้ว จะมีการปรับสภาพจิตใจอย่างไรให้มีความพร้อมมากที่สุดท่ีจะเผชิญกับ โรคนไี้ ด้ การปรบั เปล่ียนมุมมองต่อตัวโรค ต่อตวั เรา และการปรบั วธิ ีคิดบางอยา่ ง สามารถช่วยให้จิตใจท่ีก�ำลังกังวล หว่ันไหว หรือท้อแท้ มีความพร้อมมากข้ึนท่ี จะรับมือกับอาการทางร่างกาย สภาพความเป็นอยู่ที่ไม่สุขสบายเช่นเดิม หรือส่ิง ต่างๆ ที่อาจเกิดข้ึนในช่วงต่อไปจากน้ี บทความนี้จึงต้องการเสนอแนวคิดท่ีท่าน สามารถลองเลือกเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อช่วยให้จิตใจสามารถปรับได้พร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและช่วยประคับประคองไม่ให้ใจป่วยไปพร้อมกับ กายดว้ ย 138
1. ยอมรับและพยายามมองว่าสิ่งที่เกิดข้ึนเป็นเรื่องที่มีสาเหตุ หรือสามารถเกดิ ข้นึ ได้ ส่ิงที่เป็นจริง คือ ผลการตรวจเลือดพบการติดเช้ือ เราได้รับการวินิจฉัย จากแพทย์ว่าเป็นโรค เป็นต้น แต่ส่ิงท่ีเราคิด คือ เราจะแย่ลงไหม จะเหนื่อยไหม จะหายใจได้เองได้ไหม หรือคิดต่อเนื่องไปอีกต่าง ๆ นานา เช่น ที่บ้านจะเป็น อย่างไร งานจะเป็นอย่างไร ระหว่างน้ีเราจะท�ำยังไง สุดท้ายจะหายไหม อนาคต จะเป็นอย่างไร ยิ่งเป็นคนกังวลมาก หรือวางแผนต่าง ๆ ไว้มาก ก็มีโอกาสวิตก ได้มาก แต่ถ้าพยายามยอมรับส่ิงที่เกิดข้ึน ค่อย ๆ มองว่า สิ่งที่เป็นอยู่มีสาเหตุ มีท่ีมา (แม้เราจะไม่ทราบว่า เราติดเช้ือนี้มาได้อย่างไร โดยวิธีใด แต่ตอนน้ีโรค ได้เกิดขึ้นแล้ว) การมองเช่นนี้ไม่ได้หมายความให้เรายอมจ�ำนนต่อชะตากรรม ตนเอง แต่ให้มีจิตใจที่สงบชึ้น ยอมรับสภาพ ไม่ใช่ว่าเป็นการไปหาเหตุให้โทษตัว เอง ว่าตัวเองดแู ลตวั เองไม่ดี หรอื กลา่ วโทษคนอน่ื ท่ีเขาน�ำโรคมา (ท้งั ๆ ท่ีหลาย ๆ กรณี ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นอย่างที่ได้ปักใจเช่ือหรือไม่) การมองกลาง ๆ ว่า มันมีสาเหตุ อธิบายได้นี้ จะช่วยท�ำให้จิตใจลดความสับสน ลดความทุกข์ใจที่ เกิดข้ึน เป็นจุดเช่ือมที่ส�ำคัญที่ท�ำให้จิตใจได้คิดถึงการแก้ไขปัญหาด้วยความ พรอ้ มและรวดเร็วมากข้นึ 2. อยูก่ ับสง่ิ ทเ่ี กิดขึน้ ในปัจจบุ ัน สังเกตส่ิงทเ่ี กดิ ขึ้นและการ เปลี่ยนแปลงวันตอ่ วนั มองสิ่งต่าง ๆ หรือคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ตามสิ่งท่ีเราเป็น ไม่ต้องคิดไปไกลเกิน กว่าที่เราจะทราบได้ คิดหรือรับรู้ว่าวันน้ีสภาพร่างกาย (รวมท้ังจิตใจ) เราเป็น อยา่ งไร มกี ารเปลยี่ นแปลงอะไรเกดิ ขึน้ บา้ ง วันน้แี ผนการรกั ษาคืออะไร ทางการ แพทย์หรือการพยาบาลแนะน�ำให้เราสังเกตหรือปฏิบัติอย่างไร หลังจากปฏิบัติ แล้วเป็นอย่างไรหรือมีสิ่งใดเกิดข้ึนบ้าง การอยู่กับสิ่งที่เราควร (หรือต้อง) ปฏิบัติ ในปจั จบุ นั นน้ั ชว่ ยให้เรามีจิตใจไม่ฟุ้งซ่านและคดิ กงั วลมากเกินไป ทำ� ให้จิตใจเรา 139
มีสมาธิและมีพลังท่ีจะเผชิญกับสภาพท่ีเราเป็นอยู่ เพื่อให้แผนการรักษาในช่วง นนั้ ๆ ประสบผลดมี ากขน้ึ 3. คดิ และแยกแยะระหวา่ งความเปน็ จริง กบั ส่ิงที่ใจจินตนาการ จรงิ อยูว่ า่ การติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด–19) น้ีเป็นโรคติดเชอื้ อบุ ัติใหม่ ทเ่ี พิ่งคน้ พบเมื่อปลายปี 2019 ท่ผี า่ นมา ดังน้ันความร้แู ละความเข้าใจเกีย่ วกับตัว โรคในเรือ่ งตา่ ง ๆ เช่น จุดก�ำเนิด การตดิ ตอ่ อาการ รวมทัง้ แนวทางการรกั ษานนั้ ยังไม่เป็นความรู้เชิงทฤษฎีท่ีชัดเจนนัก แต่จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยและ การศึกษาวิจัยของบุคลากรทางสาธารณสุขไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะ ประเทศที่สามารถดูแลและจัดการได้ดีนั้น ท�ำให้เรารู้จักโรคนี้และพบหลักฐาน ต่าง ๆ มากขึ้น ส่ิงท่ีเราควรท�ำ คือ ท�ำความเข้าใจกับโรคตามหลักฐานที่ปรากฎ ซึ่งการได้รับข้อมูลจากแพทย์ผู้ดูแลโดยตรงหรือแหล่งข้อมูลท่ีเช่ือถือได้ ท�ำให้ เราสามารถเรียนรู้และรู้จักโรคมากข้ึนตามความเป็นจริง หากเราไม่รู้จริงหรือคิด จินตนาการเอง หรือย่ิงกว่านั้นการน�ำเอากรณีที่พบได้น้อยหรือรุนแรงมาเป็นต้น แบบว่ากรณีเราจะด�ำเนินรอยตาม (ซ่ึงอาจไม่เป็นความจริงก็ได้) นั้นก็จะท�ำให้ จิตใจเป็นทุกข์ กังวลอย่างมาก การท่ีเรามีเวลาที่ได้อยู่สังเกตอาการและมีโอกาส ท่ีได้รับการดูแลโดยทีมบุคลากรอยู่แล้ว ขอให้ใช้โอกาสน้ีในการค้นหาและเรียน รู้ความจริงที่เกิดขึ้น ปรับแก้ไขความคิด การจินตนาการ (เกินจริง) ของเราลง ถ้าสามารถแยกแยะได้มากขึ้น ก็จะท�ำให้เรารับรู้ตามความเป็นจริงได้มากข้ึน น�ำไปสู่การปฏิบัติตัวท่ีเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของตัวเราเอง แม้ว่าใน ความเปน็ จริงจะไม่ดอี ยา่ งทคี่ าดไวก้ ็ตาม 140
4. เรียนรู้และพยายามมองด้านบวก ค้นหาด้านบวกในส่ิงที่ เกิดขนึ้ การมองแต่ด้านลบหรือส่ิงท่ีร้ายๆ ไว้ก่อน เป็นแนวคิดท่ีท�ำให้เราไม่ ประมาท คอยระวังสิ่งที่จะเกิดขึ้นในด้านที่ไม่อยากให้เกิด ย่ิงเราเป็นคนระแวง หรือข้ีกังวลมาก ก็ยิ่งคิดหาส่ิงท่ีร้าย ๆ ได้มากย่ิงขึ้น จนบางคร้ังเราไม่รู้ตัวเอง เลยว่า การมองแต่แง่ลบมากเกินไปอาจเหมือนการพาตัวเองลงไปในหลุมแห่ง ความมืดมิดของความคิด ท�ำให้เราไม่สามารถมองเห็นทางออกหรือแสงสว่าง ท่ีมี การมองมุมกลับหรือคิดในด้านดีท่ีเป็นไปได้ ในด้านร้ายที่เกิดขึ้น อาจช่วย ให้ใจเรามีพลังมากข้ึน ยอมรับว่าช่วงแรกๆ เป็นส่ิงท่ีเกิดขึ้นได้ยาก เพราะจิตใจ เรามักจะมองแต่ด้านไม่ดีได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเราพยายามค่อย ๆ ฝึก เราก็จะเป็น ผมู้ องเห็นโอกาสในความทกุ ขท์ ่ีเปน็ อยู่ ตัวอยา่ งการมองด้านบวกจากเหตุการณน์ ้ี - มองว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้หวนกลับมามองตัวเอง โดยเฉพาะเร่ือง สขุ ภาพ การดแู ลตวั เอง - มองว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทบทวนเป้าหมายในชีวิต ว่าสิ่งใดคือส่ิงท่ี ส�ำคัญต่อชวี ติ เรา และ เราจะต้ังเปา้ หมายอยา่ งไรต่อไป - มองเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ในชีวิต เช่น ครอบครัว คนท่ีรัก งานหรือ ส่งิ ทท่ี �ำใหเ้ รามีคณุ ค่า 141
การมองหาด้านบวกนี้ ไมใ่ ชเ่ ปน็ การคิดปลอบใจตัวเองหรือหลอกตัวเอง แตค่ วรอยบู่ นพน้ื ฐานของความเป็นไปได้ และมีโอกาสทจี่ ะท�ำใหเ้ กิดขน้ึ ได้ แนวคิดต่าง ๆ ที่ได้น�ำเสนอข้างต้นนี้ ไม่มีวิธีใดดีที่สุดหรือถูกต้องที่สุด อาจมีบางวิธีที่เหมาะสมกับตัวเรามากกว่าวิธีอื่น ๆ ขอให้แต่ละท่านลองเลือก ปรบั ใช้ให้เหมาะกับวิธีคดิ หรือพ้ืนฐานวธิ ขี องตนเอง ถ้าไม่เคยมมี ุมมองใด ๆ เชน่ ข้างบนมาก่อนเลย อยากใหท้ ่านลองเลอื กนำ� มาฝึกดู เช่ือว่าท่านจะรู้สึกผ่อนคลาย มากขน้ึ มคี วามพรอ้ มทจี่ ะตอ่ สู้ รบั มอื กบั การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกายและปรบั ตวั กบั ชีวิตในชว่ งน้ีไดม้ ากขน้ึ ท้ายสุดน้ีขอเป็นก�ำลังใจให้ท่านผ่านช่วงเวลาที่ยากล�ำบากเช่นนี้ไปได้ พร้อมกับจิตใจท่เี ขม้ แข็งมากขึน้ ในทกุ ๆ วนั ทีผ่ ่านไป 142
143
คุณคา่ ของผ้ปู ว่ ยและผ้สู มั ผัสเชอื้ โรคโควดิ รองศาสตราจารยแ์ พทยห์ ญงิ ศิรริ ัตน์ คปุ ตวิ ฒุ ิ การเข้าพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน ย่อมมีความรู้สึก เครียดเป็นธรรมดา แต่ท่านทราบไหมว่า การที่ท่านเข้ารับการรักษาตัวในโรง พยาบาลและปฏิบัติตามค�ำแนะน�ำของทีมแพทย์ผู้รักษานั้น มีความส�ำคัญเป็น อย่างยิ่ง เท่ากับเป็นการช่วยเหลือ ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยอย่างมาก เพราะเป็นการหยุดการแพร่เช้ือต่อไปสู่บุคคลอ่ืน ๆ ซึ่งจะท�ำให้การควบคุมโรค โควิดน้ี จะเข้าสสู่ ถานการณ์ท่ีสงบและควบคมุ โรคได้ ในเวลาอันไม่ช้าไมน่ าน ถือได้ว่าท่านเป็นบุคคลท่ีมีค่าย่ิง ในการช่วยชาติ และ ช่วยการควบคุม โรคโควิดที่เป็นโรคระบาดนี้ได้ และยังเป็นการช่วยรักษาชีวิตของบุคคลที่เรารัก อันได้แก่ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลูกหลาน ตลอดจนถึงคนในครอบครัวของเรา เพราะถ้าโรคระบาดน้ีแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว มีผู้ติดเช้ือใหม่เป็นจ�ำนวน มาก เกนิ ศกั ยภาพของระบบสาธารณสขุ ไทย จะทำ� ให้มผี ้ตู ิดเช้อื ท่ีจะมีอาการหนัก และขาดโอกาสในการรบั การรกั ษา ทีจ่ ะเสียชีวติ ไปเปน็ อยา่ งมาก 144
ความอดทน ความเข้มแข็ง ความรว่ มมือ ของทา่ น จึงเป็นสิง่ ที่มีคณุ ค่า อยา่ งมากในขณะนี้ ทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าท่ีทุกคน ขอขอบคุณทุกท่านอย่างมาก ที่ รว่ มมือ ร่วมแรงกัน ในการควบคมุ โรคโควิดนี้ ใหไ้ ด้ ในอนาคตอันใกลน้ ี้ค่ะ เอกสารอา้ งอิง 1. IASC (Inter-Agency Standing Committee). Interim Briefing Note. Addressing Mental Health and Psychosocial Aspects of Covid-19 Outbreak. Version 1.5 February 2020. IASC Reference Group on Mental Health and Psychosocial Support in Emergency Settings. 2. รงุ่ นริ นั ดร์ ประดษิ ฐสวุ รรณ, วเิ ชยี ร ทองแตง, สพุ จน์ พงศป์ ระสบชยั , สวุ รรณี สรุ เศรณวี งศ,์ สืบวงศ์ จุฑาภิสิทธ์ิ. บรรณาธิการ. การให้ค�ำปรึกษาทางการแพทย์. ส�ำนักพิมพ์กรุงเทพ เวชสาร. มกราคม 2560. 145
146
การสือ่ สารกับคนที่ทา่ นรัก อาจารย์แพทยห์ ญงิ จฑุ าวดี หลอ่ ตระกลู ปัจจุบันสถานการณ์รอบตัวเราเปลี่ยนไปมาก นับตั้งแต่เกิดการระบาด ของโควิด-19 ส่งผลให้ต้องคอยระมัดระวังตัวมากขึ้น วิถีชีวิตบางส่วนเปล่ียนไป ไม่เหมอื นเดิม รวมถงึ ความเครยี ด ความกงั วลกอ็ าจก่อตวั ขึ้นในใจหลาย ๆ คน หลายคนอาจทราบถึงวิธีการดูแลตนเองในสถานการณ์น้ีแล้ว ว่าควรท�ำ อย่างไร ทั้งการป้องกันตัวเอง การท�ำงานจากบ้าน ส่ิงที่ควรรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ โรค แต่อีกส่ิงหนึ่งที่น่าให้ความสนใจ ก็คือ เรื่องของการสื่อสาร โดยเฉพาะกับ บุคคลใกลช้ ิด ในสังคมปัจจุบันแม้การพบปะผู้คนจะลดลง ก็ยังมีโอกาสได้พูดคุยกับ ผ้อู น่ื อยูบ่ า้ ง แตห่ ากวา่ ทา่ นอยู่ระหว่างกักตวั หรือนอนโรงพยาบาล การสือ่ สารกบั คนรอบตวั จะเปล่ยี นไปหรอื ไม่ เป็นธรรมดาที่การนอนโรงพยาบาลจะท�ำให้ไม่สบายใจ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งภายใต้สถานการณเ์ ช่นน้ี เมอ่ื ถึงเวลาทต่ี ้องกักตัว แยกจากผคู้ นรอบขา้ ง รวมไป ถึงคนที่รัก ส่ิงท่ีตามมาคือ ความเครียดและความกังวล ไม่ว่าจะกังวลเรื่องตัวโรค งาน ความเป็นอยู่ แตอ่ กี สง่ิ ทค่ี งกงั วลไมแ่ พก้ นั กค็ อื จะพูดคยุ กับคนทร่ี กั อย่างไร 147
การพูดคุยสื่อสารกับคนรอบตัวเป็นส่ิงท่ีเราท�ำเป็นกิจวัตรประจ�ำวัน จน บางคร้ังเราอาจไม่ทันได้ตระหนักถึงความส�ำคัญของมัน จนกระทั่งเม่ือกักตัวหรือ จ�ำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล หลายคนกลัวว่าการติดต่อกับคนท่ีรักจะย่ิงท�ำให้ พวกเขากังวล เป็นห่วง บางคนอาจคิดถึงขั้นว่า นี่เป็นปัญหาของตนเอง บอกไป ก็แกป้ ัญหาไมไ่ ด้ จึงเลือกไมต่ ิดต่อใครและเก็บความกังวลใจไว้กบั ตนเองคนเดยี ว แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ อาจไมไ่ ดเ้ ปน็ เชน่ นน้ั แมก้ ารพดู คยุ กบั คนทรี่ กั จะไมส่ ามารถ แก้ปัญหาการนอนโรงพยาบาลหรือกักตัวได้โดยตรง แต่การเล่า การพูดคุยกับ ผู้ท่ีคุ้นเคยกัน ก็ช่วยลดความหนักอึ้งของปัญหาในใจลงได้ ไม่จ�ำเป็นต้องกังวล ล่วงหน้าว่าผู้ฟังจะคิดอย่างไร ส�ำหรับคนที่รักท่านแล้ว การได้รับการติดต่อจาก ท่านย่อมท�ำให้เขาสบายใจมากกว่าการไม่รู้ข่าวคราวอะไรเลย ซึ่งจะท�ำให้เขาเป็น หว่ ง เปน็ กงั วลมากยิง่ ขน้ึ ไปอีก ถา้ ยงั ไมแ่ นใ่ จวา่ ควรเรมิ่ จากตรงไหนกอ่ น อยากใหล้ องสำ� รวจตนเองกอ่ น วา่ มอี ะไรท่ีอยากบอกกบั คนทท่ี า่ นรักบา้ ง ทัง้ เรอ่ื งชีวิตความเป็นอยขู่ องทา่ นระหวา่ ง กักตัวหรืออยู่โรงพยาบาล ความกังวลของท่าน ค่อย ๆ เรียบเรียงส่ิงท่ีอยากพูด แลว้ บอกออกไปดว้ ยความจรงิ ใจ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งปดิ บงั และรบั ฟงั อกี ฝา่ ยอยา่ งตงั้ ใจ เพราะอันทจี่ ริงแลว้ คนทที่ า่ นรกั เองกม็ กั มคี วามกังวลเก่ยี วกับท่านเชน่ กัน การได้ พดู คยุ เปดิ ใจกนั จะชว่ ยใหท้ งั้ ทา่ นและคนทท่ี า่ นรกั สามารถรบั มอื กบั อารมณค์ วาม รสู้ ึกตา่ ง ๆ ของตนเองไดด้ ีขึ้น ค�ำว่า Social distancing ที่แนะน�ำให้ลดการปฏิสัมพนั ธ์กบั ผูอ้ นื่ น้นั หมายถึงให้เว้นระยะห่างระหว่างตัว แตไ่ มไ่ ดร้ วมถงึ ให้ลดการติดต่อพูดคุยกนั ไปดว้ ย 148
การสื่อสารท่ีดีนอกจากความจริงใจแล้ว ยังควรมีความสม�่ำเสมอ ติดต่อ กันเปน็ ระยะ ไมถ่ ่หี รอื ท้งิ ช่วงหา่ งเกินไป หากมเี รอื่ งสำ� คญั กส็ ามารถบอกในเวลาที่ เหมาะสม และมเี หตผุ ลอธบิ ายในบางเรอื่ ง เพอื่ ความเขา้ อกเขา้ ใจกนั และยงั แสดง ถึงความเอาใจใสอ่ ีกดว้ ย วธิ หี นง่ึ ทใ่ี ชส้ อ่ื สารระหวา่ งกกั ตวั ไดด้ ี นอกเหนอื จากการพดู คยุ ทางโทรศพั ท์ หรอื พมิ พ์แช็ตผ่านตัวอกั ษรแลว้ อีกวธิ ีท่ดี มี ากคือ การพูดคยุ แบบเหน็ หน้าอกี ฝา่ ย ไดโ้ ดยใช้โทรศัพท์มือถอื สมาร์ตโฟน หรือท่เี รยี กว่า ‘วดิ โี อคอล’ การวดิ ีโอคอลนนั้ ท�ำให้ได้เหน็ หนา้ และท่าทางด้วยเช่นกัน ใหค้ วามรสู้ กึ ใกล้เคียงกบั การคุยกันตรงๆ หรือเจอหน้ากัน เป็นช่องทางท่ีช่วยให้ท้ังสองฝ่ายสามารถเช่ือมความรู้สึกกันได้ และบรรเทาความคิดถึงได้มาก เป็นการให้ก�ำลังใจซึ่งกันและกัน ให้ผ่านช่วงเวลา น้ีไปไดด้ ้วยดี ทง้ั น้ี ชว่ งทพ่ี ดู คยุ กนั กบั ผทู้ อ่ี ยหู่ า่ งไกลกนั ทา่ นอาจไดร้ บั คำ� ถามซำ�้ ๆ เกย่ี ว กับชีวิตความเปน็ อยู่ ซ่ึงหลายคร้ังอาจเกดิ ความร้สู ึกเครยี ดหรอื หงดุ หงดิ ได้ หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ อาจลองย้อนกลับมามองก่อนว่า สาเหตุที่เขา ถามคืออะไร อาจเป็นค�ำถามท่ีเกิดจากความเป็นห่วง เป็นกังวล หรืออาจเป็นวิธี แสดงความห่วงใยในรูปแบบหนึ่งก็เป็นได้ ลองค่อย ๆ ท�ำความเข้าใจที่มาของค�ำ ถามซ�้ำๆ เหล่าน้ี แล้วท่านอาจพบความหมายท่ีซ่อนอยู่ และพูดคุยกับคนที่รักได้ อย่างราบรื่นยิ่งข้ึน เราทกุ คนลว้ นเปน็ มนษุ ยธ์ รรมดาคนหนงึ่ มที งั้ ชว่ งเวลาทจี่ ติ ใจเขม้ แขง็ และ ชว่ งทจี่ ติ ใจออ่ นแอ การพดู คยุ กนั ในชว่ งทห่ี า่ งไกลกนั น้ี นอกจากจะคลายความกงั วล ของคนคนุ้ เคยแลว้ ยงั ถอื เปน็ การใหโ้ อกาสไดป้ ระคบั ประคองจติ ใจของกนั และกนั เพื่อให้ก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี และยังกระชับความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนที่ท่านรัก ให้ลึกซ้ึงและมีความหมาย รวมทั้งเติบโตและก้าวข้าม อุปสรรคตา่ ง ๆ ไปพร้อม ๆ กัน อย่างไรก็ตาม หากพบว่าความเครียด ความกังวล หรืออารมณ์ของท่าน ท่วมท้นมากจนรับมือไม่ไหว แนะน�ำให้ปรึกษาทีมรักษา เช่น แพทย์ พยาบาล เพื่อช่วยดูแลจติ ใจของทา่ นร่วมไปด้วยกนั 149
150
การส่ือสารกบั บุคลากรทางการแพทย์ สำ� หรับผู้ปว่ ย แพทยห์ ญิงกีรติ พฒั นเสรี การนอนโรงพยาบาลเป็นกิจกรรมท่ีก่อให้เกิดอารมณ์ทางลบมากมาย ที่ เล่ียงไม่ได้เลยคงจะเป็นความเครียดกังวล นอกจากน้ันแล้วอาจจะมีความหดหู่ หมดหวัง เหงา เศร้า หรือหงุดหงิดร�ำคาญเกิดข้ึนมาได้ แล้วแต่สถานการณ์ของ แตล่ ะบคุ คล นอกจากจะเกิดอารมณท์ เ่ี ราไม่ชอบใจ ในบางคร้งั กอ็ าจมอี าการทาง รา่ งกายเกิดขน้ึ พรอ้ ม ๆ กันหรอื เกิดขึ้นตามหลงั อารมณ์ต่าง ๆ กไ็ ด้ เช่น นอนไม่ หลบั เบอ่ื อาหาร ไมอ่ ยากคยุ กบั ใคร จนบางครงั้ อาจจะกระทบกบั การใชช้ วี ติ ประจำ� วนั ในหอผปู้ ว่ ย เชน่ คมุ อารมณไ์ มอ่ ยู่ ไมอ่ ยากกนิ ยา ไมอ่ ยากนอนโรงพยาบาล หรอื อยากดื่มเหล้าสบู บหุ รี่ แลว้ ในบางครงั้ เวลามคี วามรสู้ กึ ตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ มนั กย็ ากทจี่ ะบรรยายออกมา โดยเฉพาะบอกเลา่ ใหค้ นทไ่ี มร่ จู้ กั มกั จก่ี นั อยา่ งทมี แพทยห์ รอื พยาบาลทใี่ หก้ ารรกั ษา บ้างก็คิดว่าบอกไปก็ท�ำให้อะไรดีข้ึนไม่ได้ หรือคิดว่าจะไปเพิ่มภาระให้บุคลากร ทางการแพทย์ หรอื ไม่ร้จู ะพูดว่ายังไงใหเ้ ข้าใจดี 151
เริ่มต้น ส�ำหรับผู้ที่คิดว่า “บอกไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร” หรือ “บอก ไปก็เพิ่มภาระให้เจ้าหน้าท่ี” อยากจะชวนท่านลองคิดดูอีกที เพราะส่วนใหญ่แล้ว ความคิดลักษณะน้ีจะมีที่มาจากความกังวล ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ป่วยที่ต้องนอน โรงพยาบาลจะรู้สึกเช่นนี้ แต่บางคร้ังท่านอาจหลงลืมไปว่าส่ิงส�ำคัญส�ำหรับ พวกเราบุคลากรสาธารณสุขไม่ใช่แค่เพียงการรักษาโรค แต่ยังเป็นการดูแลเพ่ือ ให้ท่านรู้สึกสบายมากท่ีสุดท้ังกายและใจ ดังน้ัน พวกเรายินดีอย่างมากหากท่าน จะบอกสิ่งคับข้องใจออกมา เพ่ือท่ีจะร่วมกันวางแผนจัดการปัญหาน้ัน และความ คับข้องใจของท่านก็ไม่ได้ท�ำให้พวกเรามีภาระเพ่ิมมากข้ึนแต่อย่างใด ดังน้ัน ถ้าพร้อมแล้วจะบอกคุณหมอท่ีมาตรวจทุกวัน คุณพยาบาลที่จัดยาให้รับประทาน หรือมาวัดความดันโลหิตในทุก ๆ วัน หรือเจ้าหน้าที่ท่ีดูแลความสะอาดหรือ อาหาร กส็ ามารถบอกได้คะ่ ล�ำดับถัดมาส�ำหรับผู้ที่รู้สึกว่าอยากจะบอกอะไรสักอย่างแต่มันสรุปออก มาเป็นคำ� พูดไม่ได้ ลองทบทวนกับตนเองดูก่อนว่า 1. เราอยากบอกวา่ อะไร เรือ่ งไหนเป็นเรอื่ งท่คี ิดค�ำนงึ ถึงบอ่ ยทสี่ ดุ 2. เรารสู้ กึ อยา่ งไรท้ังภายในใจและในร่างกายของเรา 3. เราอยากจะใหเ้ รือ่ งนคี้ ลี่คลายออกมาในรูปแบบใด หลังจากนั้นท่านอาจจะได้ข้อสรุปส�ำหรับตนเองว่าต้องการจะส่ือสารเร่ือง อะไร แต่ถ้าหากคิดแบบน้ีแล้วว่าความคิดมันตีกันมากมายเหลือเกิน และความ กังวลมันผุดข้ึนมามากมายหลายเรื่อง การค่อย ๆ จดและล�ำดับความส�ำคัญของ เรื่องราวอาจช่วยน�ำไปสู่ข้อสรุปได้ เพราะการจดจะช่วยท�ำให้ความคิดที่ท่วมท้น ในสมองหลั่งไหลออกมาชา้ ลง เม่อื ความคดิ ชา้ ลง กอ็ าจทำ� ให้ความคดิ นน้ั กระจ่าง ชดั มากข้นึ อกี ทงั้ การจดยังช่วยให้ท่านสามารถส่ือสารไดไ้ ม่ตกหล่นด้วยคะ่ หัวข้อดังต่อไปน้ีเป็นตัวอย่างของเร่ืองที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่ต้องมารับการ รกั ษาในโรงพยาบาล และต้องการจะส่ือสารกับทมี ผูร้ ักษา 152
1. ปรึกษาอาการทางรา่ งกาย 2. ขอความเข้าใจขอ้ มลู เกย่ี วกบั การรักษา แนวทางการรักษา 3. ไม่เข้าใจกฎระเบียบในหอผ้ปู ว่ ย 4. รสู้ กึ วา่ อารมณ์ตวั เองผิดปกตไิ ป 5. ร�ำคาญเตยี งขา้ ง ๆ 6. ขอติดตอ่ ญาติและครอบครัว 7. อยากทำ� กิจกรรมอะไรก็ได้แก้เบอ่ื ไม่ทราบว่าสามารถทำ� อะไรไดบ้ า้ ง เป็นต้น เมื่อรู้ชัดเจนแล้วว่าเรารู้สึกอย่างไร เราต้องการส่ือสารเร่ืองอะไร ก็จะ สามารถเรียบเรียงค�ำพูดออกมาได้ โดยการส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพในการบอก ความต้องการของเราให้คนอ่ืนรับรู้ได้อย่างจ�ำเพาะและลดการบาดหมางกัน ได้แก่ การสื่อสารแบบ I-message คือบอกว่าเรารู้สึกอย่างไรต่อเร่ืองราวหรือ เหตุการณ์อะไร เช่น “ฉันรู้สึกกังวลมากท่ีต้องนอนอยู่เฉย ๆ โดยไม่มีอะไรท�ำ” “ฉันร้สู กึ สับสนทไ่ี มท่ ราบขอ้ มูลเร่อื งแผนการรักษา” หลังจากนั้นเม่ือท่านบอกความต้องการของตนเองแล้วทีมผู้รักษาจะ ติดต่อเพ่ือขอรายละเอียดและข้อมูลเพ่ิมเติมท่ีจะน�ำไปสู่การช่วยเหลือหรือตอบ สนองความต้องการของท่านต่อไป อย่าลมื นะคะว่า การสือ่ สารทม่ี ีประสทิ ธิภาพ ต้องเร่ิมจากการตัดสินใจสื่อสาร ข้อมูลท่ีครบถ้วนและชัดเจน จะช่วยให้ทีม ผู้รักษาดูแลท่านได้ดีข้ึน และท่านสามารถพักผ่อนในโรงพยาบาลได้อย่างเป็นสุข มากข้ึนคะ่ 153
ดชั นี กระวนกระวาย 14, 38, 99 นอนไมห่ ลับ 3, 14, 67, 118, 151 กงั วล 3, 14 การจำ�กัดระยะเวลาการนอน 124 การไมส่ ามารถรบั รอู้ ารมณ์ตนเอง 12, 13 การรกั ษา 123 กิจกรรมทางกาย 114 นอนหลบั ๆ ต่ืน ๆ 113 สาเหตุ 121 กจิ กรรมทางกายแบบปานกลาง 114 อาการ 118 กิจกรรมทางกายแบบหนกั 114 กจิ กรรมผ่อนคลาย 63 เบ่อื 5, 51 กจิ วัตร 113 ไบโพลาร์ 113 เกม 104, 109 ปรบั มมุ มอง 63 เลน่ เกม 70, 108 ปรึกษา 24, 154 เข้าใจ 64, 69 ผู้สูงอายุ 97 ครอบครัว 5, 61, 65, 82, 96, 105, 134, 141 ฝึกสติ 48 ความคดิ 2, 28, 56, 70 พฤติกรรมเนือยน่ิง 21 ความรสู้ ึก 28 พฤตกิ รรมเสพติด 4 ความสขุ 28 ความหมายตอ่ การมชี วี ติ อยู่ 24 การติดสือ่ สงั คมออนไลน์ 4 เครียด 11, 57, 74 โรคติดเกม 105, 109 ตวั ช่วย 18, 24 ภาวะหมดไฟ 5 สัญญาณของความเครียด 14 โรคคลั่งชอป 87, 91 โควิด–19 1, 8, 138, 140 โรคความดันโลหติ สงู 123 จดุ แขง็ 18 โรคตดิ เกม 105, 109 ซมึ เศรา้ 3 สญั ญาณของการตดิ เกม 106 โรคซึมเศรา้ 3, 88, 112, 120 โรคติดอินเทอร์เน็ต 88 เด็ก 61 วดิ โี อคอล 65, 149, 155 ติดเชอื้ 40, 51 วติ กกงั วล 3 ทางสายกลาง 58 โรควิตกกังวล 88 ทำ�งานจากบา้ น 74, 129 ไวรสั โคโรนา 2019 96 ศักยภาพ 41 154
ศูนย์ชว่ ยเหลือสงั คม 24 A สมาคมสะมารติ ันสแ์ ห่งประเทศไทย 24, 42 AI 22 สายด่วนสขุ ภาพจติ 24 alcohol-induced disorders 120 สารเสพตดิ 5 alexithymia 12, 15, 16 สอื่ สาร 50 C สุขภาพจิต 40, 155 cognitive behavioral therapy 88 หงดุ หงดิ 38, 51, 74, 91 compulsive buying disorder 87 หมกม่นุ 106 COVID-19 7, 8, 40, 43, 53, 65, 86, 102 เหงา 21, 28, 51, 74, 151 อเลก็ ซิไธเมยี 12 G ออกกำ�ลังกาย 21, 56, 80, 99, 123 gaming disorder 105 J ออกกำ�ลงั กายหนัก 121 jetlag 113 อ่อนเพลีย 5, 14 P ออนไลน์ 23, 52, 82 physical distancing 40, 50, 53, 78, 98 อารมณ์ 2, 74, 115 อาหาร 56, 152 แอลกอฮอล์ 122 S social distancing 50, 78 W work from home 68, 74, 86 155
แบบประเมนิ ความพงึ พอใจต่อหนังสือ ขอความอนุเคราะห์จากท่านร่วมประเมินความพึงพอใจต่อ หนังสือ “ดูแลจิตใจตัวเองในสถานการณ์โควิด” ทางช่องทางต่อไปนี้ ลิงก์แบบสอบถามออนไลน์ https://forms.gle/XNjekLj5ityKh5Gg7 หรอื สแกน QR code ตอ่ ไปนี้ 156
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170