Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book ร่างกายมนุษย์

e-book ร่างกายมนุษย์

Published by banjar0907, 2020-08-31 00:55:14

Description: unit 2

Search

Read the Text Version

2หนว่ ยการเรียนรู้ที่ รา่ งกายมนษุ ย์ ตัวช้วี ดั • ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะท่ีเกย่ี วข้องในระบบหายใจ • อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออก โดยใชแ้ บบจําลอง รวมท้ังอธบิ ายกระบวนการแลกเปล่ยี นแกส๊ • ตระหนกั ถึงความสําคญั ของระบบหายใจ โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวยั วะในระบบหายใจให้ทํางานเป็นปกติ • ระบุอวัยวะและบรรยายหนา้ ทข่ี องอวัยวะในระบบขบั ถา่ ยในการกําจัดของเสยี ทางไต • ตระหนักถงึ ความสาํ คญั ของระบบขบั ถ่ายในการกาํ จดั ของเสยี ทางไต โดยการบอกแนวทางในการปฏบิ ัตติ นท่ชี ว่ ยให้ระบบขบั ถ่ายทําหน้าทไี่ ด้อยา่ งปกติ • บรรยายโครงสร้างและหน้าทข่ี องหวั ใจ หลอดเลอื ด และเลอื ด • อธิบายการทํางานของระบบหมุนเวยี นเลือด โดยใช้แบบจําลอง • ออกแบบการทดลองและทดลอง ในการเปรียบเทยี บอตั ราการเต้นของหวั ใจ ขณะปกตแิ ละหลงั ทํากิจกรรม • ตระหนักถงึ ความสําคัญของระบบหมุนเวียนเลอื ด โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวยั วะในระบบหมนุ เวียนเลอื ดให้ทํางานเป็นปกติ

2หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ร่างกายมนษุ ย์ ตัวช้วี ดั • ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าท่ขี องอวัยวะในระบบประสาทสว่ นกลางในการควบคุมการทํางานตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย • ตระหนกั ถึงความสําคญั ของระบบประสาท โดยการบอกแนวทางในการดแู ลรักษา รวมถึงการป้องกนั การกระทบกระเทือนและอันตรายตอ่ สมองและไขสนั หลงั • ระบุอวยั วะและบรรยายหน้าท่ีของอวัยวะในระบบสืบพนั ธุ์ของเพศชายและเพศหญิง โดยใช้แบบจําลอง • อธบิ ายผลของฮอรโ์ มนเพศชายและเพศหญิงทค่ี วบคุมการเปล่ียนแปลงของร่างกาย เม่อื เขา้ สู่วยั หนุม่ สาว • ตระหนักถงึ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเขา้ สู่วัยหนุม่ สาว โดยการดูแลรกั ษารา่ งกายและจิตใจของตนเองในช่วงทม่ี กี ารเปลีย่ นแปลง • อธบิ ายการตกไข่ การมีประจําเดอื น การปฏสิ นธิ และการพฒั นาของไซโกตจนคลอดเปน็ ทารก • เลอื กวิธกี ารคมุ กําเนิดทเี่ หมาะสมกบั สถานการณท์ ี่กาํ หนด • ตระหนกั ถึงผลกระทบของการตงั้ ครรภ์กอ่ นวัยอันควร โดยการประพฤติตนใหเ้ หมาะสม

ระบบหายใจ ระบบแลกเปล่ยี นแก๊สของร่างกายกบั สิ่งแวดล้อม หายใจเข้า หายใจออก แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)

อวัยวะในระบบหายใจ อวยั วะที่เกีย่ วขอ้ งกับระบบหายใจ จมูก กระดูกซโ่ี ครง • ทางผา่ นเขา้ – ออกของอากาศ • ทํางานร่วมกับกล้ามเน้ือยึดกระดูกซ่ีโครง • มขี นทําหน้าทีก่ รองเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม ในการเปลี่ยนแปลงปรมิ าตรช่องอกระหว่าง • โพรงจมูกช่วยควบคุมอุญหภูมิและความช้ืน หายใจเขา้ และออก ของอากาศก่อนเข้าสูท่ ่อลมและปอด กะบงั ลม ท่อลม • ช่วยร้ังปอดลงขณะหายใจเข้า และดันปอดขึ้นขณะหายใจออก • ทอ่ กลวงทปี่ ระกอบดว้ ยกระดกู ออ่ นรูปเกอื กมา้ ชว่ ยปอ้ งกันการยบุ ตวั ขณะหายใจเข้าและออก ถุงลมมีผนังบาง มีหลอดเลือดฝอย มาหอ่ หุ้ม ทําหนา้ ท่ีแลกเปลี่ยนแก๊ส ปอด • มี 2 ขา้ ง • ประกอบดว้ ยถงุ ลมจํานวนมาก

กลไกการหายใจ การหายใจมี 2 รูปแบบ การหายใจเข้า อากาศเขา้ การหายใจออก อากาศออก • กล้ามเน้ือยึดกระดูกซ่โี ครงหดตวั ทําใหก้ ระดูกซ่ีโครงเล่ือนสูงขึน้ • กล้ามเนื้อยดึ กระดูกซี่โครงคลายตัว ทําให้กระดูกซ่ีโครงเลือ่ นตาํ่ ลง • กลา้ มเนอ้ื กะบังลมหดตวั ทาํ ให้กะบงั ลมเล่ือนตํ่าลง • กล้ามเนอื้ กะบังลมคลายตวั ทาํ ใหก้ ะบังลมเลอื่ นสงู ข้นึ • ปรมิ าตรช่องอกเพ่มิ ข้นึ ความดนั อากาศในชอ่ งอกลดลง • ปริมาตรชอ่ งอกลดลง ความดนั อากาศในช่องอกเพมิ่ ขึน้

การแลกเปล่ยี นแก๊ส ปอด CO2 - แก๊สออกซิเจนแพร่จากถุงลมเข้า O2 สูห่ ลอดเลอื ดฝอย เซลล์ - แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์แพรจ่ าก หลอดเลือดฝอยเขา้ สู่ถงุ ลม - แกส๊ ออกซิเจนแพรจ่ าก หลอดเลือดฝอยเข้าสู่เซลล์ O2CO2 OC2 O2 - แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพรจ่ าก เซลล์เขา้ สหู่ ลอดเลอื ดฝอย

การดแู ลรกั ษาอวยั วะ ในระบบหายใจ

ระบบขับถา่ ย ระบบกาจัดของเสียออกจากรา่ งกาย การขบั ถา่ ยของเสียของมนุษย์ CO2 แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ เหง่อื และ ปสั สาวะ จากการหายใจออก อจุ จาระ

อวยั วะในระบบขับถา่ ยปสั สาวะ • มี 2 ขา้ ง รูปรา่ งคล้ายเมลด็ ถั่ว • ภายในมีหน่วยไตทําหน้าท่ีกรองของเสียและสารต่าง ๆ ออก ไต ท่อไต จากเลอื ด • ทอ่ ขนาดเลก็ และยาวทตี่ ่อมาจากไตท้ัง 2 ข้าง ไปเชื่อมต่อกับ กระเพาะปัสสาวะ • ลําเลียงปัสสาวะจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปสั สาวะ • อวัยวะทสี่ ามารถยดื หยนุ่ ได้ • ทาํ หน้าที่เก็บปัสสาวะที่มาจากไต ทอ่ ปัสสาวะ • นําปัสสาวะจากกระเพาะปสั สาวะออกสภู่ ายนอกร่างกาย

การกาจัดของเสียของไต ภายในไต ประกอบดว้ ยหนว่ ยไตจาํ นวนมาก ทําหนา้ ท่ีกรองของเสียและสารตา่ งๆออกจากเลือดและดูดสารท่มี ีประโยชน์กลับ ส่วนท่ที าหนา้ ท่ีกรองของเสีย สารทีผ่ า่ นการกรองเป็นสารท่มี ขี นาดเล็ก เชน่ นาํ้ กลโู คส ยเู รีย ส่วนสารท่ีมีขนาดใหญ่ เชน่ โปรตนี เซลล์เม็ดเลอื ด จะไม่ผา่ นการกรอง หลอดเลือดฝอย บริเวณดดู กลบั สาร หลอดเลือดอารเ์ ตอรี สารทม่ี ปี ระโยชน์ เช่น นาํ้ กลโู คส จะถูก หลอดเลอื ดเวน ดดู กลับเขา้ สู่หลอดเลอื ดฝอย ของเสยี และสารอืน่ ๆ ท่ไี มถ่ กู ดดู กลับกลายเปน็ “ปสั สาวะ”

การดแู ลรกั ษาอวัยวะ ในระบบขบั ถา่ ย

ระบบหมุนเวยี นเลอื ด ระบบขนส่งสารตา่ ง ๆ เชน่ สารอาหาร แกส๊ ออกซิเจน ไปยังเซลล์ท่ัวร่างกาย และนําของเสียที่เกดิ จากกิจกรรมของเซลล์ เชน่ ยูเรีย แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มากาํ จดั ออกจากร่างกาย อวยั วะในระบบหมนุ เวียนเลือด หวั ใจ หลอดเลือด เลอื ด

หวั ใจ หัวใจห้องบนซา้ ย ซรา้ับยเลอื ดทีม่ ีแกส๊ ออกซเิ จนสงู หัวใจห้องบนขวา จากปอดทง้ั 2 ข้าง รบั เลือดที่มแี กส๊ ออกซิเจนตา่ํ จากอวัยวะต่างๆของรา่ งกาย หวั ใจหอ้ งล่างซ้าย ซส้าง่ ยเลือดท่ีมีแกส๊ ออกซิเจนสูงไป หัวใจห้องลา่ งขวา ยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย สง่ เลอื ดทม่ี แี กส๊ ออกซเิ จนตาํ่ ไปยังปอดทัง้ 2 ขา้ ง ลิ้นหวั ใจ เพอ่ื แลกเปล่ยี นแก๊ส กัน้ หัวใจห้องบนและหอ้ งลา่ ง ป้องกนั การไหลย้อนกลบั ของเลอื ด

หลอดเลอื ด หลอดเลือดอารเ์ ตอรี (artery) - นําเลือดทีม่ ี O2 สูงไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย (ยกเว้นหลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี ไปยงั ปอด) - ผนังหนาและยดื หยนุ่ ดี มีแรงดนั เลอื ดสูงและคงที่ หลอดเลือดเวน (vein) - นําเลือดท่มี ี O2 ต่าํ กลับเขา้ สู่หวั ใจ (ยกเวน้ หลอดเลอื ดเวนจากปอด) - ผนงั บาง ความดนั ต่ํากว่าหลอดเลือดอารเ์ ตอรี มลี ิน้ กัน้ ภายใน หลอดเลอื ดฝอย (capillary) - แลกเปลย่ี นแก๊สและสารต่าง ๆ ระหวา่ งเซลลก์ ับเลอื ด - มีผนงั บางมาก ประกอบด้วยเซลล์เพียงชนั้ เดียว

เลือด สว่ นท่ีเป็นของเหลว น้าเลือดหรอื พลาสมา • ประกอบดว้ ยนา้ํ สารอาหาร เอนไซม์ ฮอรโ์ มน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ และของเสียตา่ ง ๆ • ทาํ หน้าทลี่ าํ เลียงสารไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย ส่วนทีเ่ ป็นเซลล์เม็ดเลอื ด เซลล์เมด็ เลือดแดง (erythrocyte) • รปู ร่างกลมแบน ตรงกลางบุม่ ไมม่ ีนวิ เคลยี ส • มเี ฮโมโกลบนิ เป็นองค์ประกอบ • ทําหนา้ ทล่ี าํ เลยี งแกส๊ ออกซเิ จนไปยงั เซลลท์ ั่วรา่ งกาย เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว (leucocyte) • มขี นาดใหญ่กวา่ เซลล์เม็ดเลือดแดง และมนี วิ เคลยี สอยู่ภายในเซลล์ • ทําหนา้ ท่ที าํ ลายเชอ้ื โรคและสงิ่ แปลกปลอม โดยการสร้างแอนตบิ อดี หรอื การกลืนกนิ ของเซลล์ เกลด็ เลือด (plateles) • มีรปู รา่ งไม่แนน่ อน ไมม่ ีนิวเคลยี ส • ชว่ ยการแข็งตวั ของเลือดเม่ือเกดิ บาดแผล

การดแู ลรกั ษาอวยั วะ ในระบบหมุนเวียนเลอื ด

ระบบประสาท ระบบควบคมุ และประสานการทาํ งานของระบบอวยั วะตา่ ง ๆ เพื่อรกั ษาสมดลุ ของร่างกาย รวมถงึ ควบคุมการแสดงพฤตกิ รรมตา่ งๆของมนุษย์ อวัยวะในระบบประสาท สมอง ไขสนั หลงั เส้นประสาท

สมอง เซรีเบลลมั ควบคมุ การเคลือ่ นไหว เซรบี รัม และการทรงตัวของร่างกาย ควบคุบความคิด ความจํา สติปัญญา และเป็นศูนย์ควบคุมการทํางาน เช่น พอนส์ การสัมผัส การมองเห็น การได้ยิน ควบคุมการหารใจ การเคี้ยว การรับรส การดมกล่ิน การทํางาน การหลงั่ นาํ้ ลาย การเคลอ่ื นไหว ของกล้ามเนือ้ ของใบหนา้ ไฮโพทาลามสั เมดลั ลา ออบลองกาตา ควบคุมอณุ หภมู ิของร่างกาย การเตน้ ควบคมุ การเต้นของหวั ใจ ของหัวใจ ความดัน และความตอ้ งการ การหายใจ ความดนั เลอื ด พ้ืนฐาน เชน่ นํ้า อาหาร การจาม การอาเจยี น การกลืน ทาลามสั ศนู ยร์ วบรวมกระแสประสาทเขา้ และ ออกจากสมองส่วนตา่ งๆ

ไขสันหลงั และเสน้ ประสาท ไขสันหลงั สว่ นทตี่ ่อจากสมอง อยู่ภายในกระดูกสันหลังข้อแรกถงึ กระดูกบ้นั เอว มีหน้าทห่ี ลกั • สง่ ผ่านกระแสประสาทจากหนว่ ยรบั ความรู้สึกไปส่สู มอง • สง่ ผ่านกระแสประสาทจากสมองไปสู่หน่วยปฏบิ ตั ิงานตา่ ง ๆของร่างกาย • เป็นศนู ยร์ ีเฟลก็ ซ์ควบคมุ การทาํ งานภายนอกอํานาจจติ ใจ ใยประสาท เส้นประสาท ใยประสาทหลายอันมารวมกันเป็นมัด ทําหน้าที่ส่งกระแสประสาท จากสมองและไขสันหลังไปยังอวัยวะต่าง ๆ หรือรับกระแสประสาท จากอวยั วะต่างๆมายังไขสันหลังและสมอง

เซลล์ประสาท เดนไดรต์ แอกซอน ตัวเซลล์ • ประกอบด้วยนิวเคลียสและไซโทพลาซึมท่ีมีออร์แกเนลล์ต่าง ๆ อยภู่ ายใน • ทําหน้าท่ีสังเคราะห์สารท่ีจําเป็นต่อเซลล์ประสาทและส่งสารไป ยงั เซลล์ประสาทอน่ื ๆ ใยประสาท • แขนงทแ่ี ยกออกมาจากตัวเซลล์ • ประกอบดว้ ยเดนไดรต์ทําหน้าทนี่ ํากระแสประสาทเขา้ สู่ตวั เซลล์ และแอกซอนทําหน้าท่นี ํากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์

การทางานของระบบประสาท การทํางานประสานกันของสมอง ไขสนั หลัง และเสน้ ประสาท เมอ่ื มีส่งิ เรา้ มากระตุ้นอวัยวะความรสู้ ึกต่าง ๆของร่างกาย 1 เม่ือถูกหนามทิ่ม หน่วยรับความรู้สึกใต้ผิวหนัง บรเิ วณปลายนิ้วจะไดร้ บั การกระต้นุ 1 5 2 2 กระแสประสาทถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทจาก 3 ปลายนวิ้ ไปยังไขสนั หลัง 4 3 กระแสประสาทถูกสง่ จากไขสันหลงั ต่อไปยังสมอง ทําให้รู้สึกเจบ็ ปวดที่บรเิ วณปลายนว้ิ ศนู ย์ประสาทสัง่ การในสมองจะสั่งการลงมายงั 4 ไขสันหลัง แล้วส่ังการต่อไปยังหน่วยปฏิบัติงาน คือ กลา้ มเนอ้ื ทโ่ี คนแขน 5 กลา้ มเน้ือท่โี คนแขนจะหดตัวทําใหแ้ ขนพับงอและ ยกปลายนวิ้ ออกจากหนาม

การดูแลรักษาอวัยวะ ในระบบประสาท

ระบบสืบพนั ธุ์ มนุษย์มกี ารสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ เกิดจากการปฏสิ นธิของเซลล์สืบพนั ธ์ุเพศชาย คือ เซลล์อสุจิ กบั เซลล์สบื พันธ์ุเพศหญงิ คือ เซลล์ไข่ เมือ่ เซลล์สืบพนั ธท์ุ ั้ง 2 เพศ ปฏิสนธิกันจะไดไ้ ซโกต แบง่ เซลลเ์ ปน็ เอ็มบรโิ อ และเจรญิ เติบโตเปน็ ทารก เซลลอ์ สุจิ เซลล์ไข่ ปฏสิ นธิ

ระบบสืบพันธเุ์ พศชาย ต่อมสร้างนา้ เลีย้ งอสจุ ิ มสี ภาพเปน็ เบสอ่อนๆประกอบดว้ ยน้ํา อัณฑะ สารเมือก กรดอะมโิ น และนํา้ ตาล มี 1 คู่ อย่ภู ายในถุงอัณฑะ ทาํ หน้าทีผ่ ลิต โมเลกลุ เดยี่ ว (ฟรักโทส) ท่ีเป็นอาหาร ฮอร์โมนเพศชายและสร้างเซลลอ์ สจุ ิ ของเซลลอ์ สุจิ ถงุ อัณฑะ ตอ่ มลูกหมาก ห่อหุ้มอัณฑะและปรับอุณหภมู ิของอัณฑะ หลง่ั สารที่มีสมบัติเป็นเบสเพื่อลดความ ให้ตํา่ กว่าอณุ หภูมิปกตขิ องร่างกาย เปน็ กรดในช่องคลอดของเพศหญงิ ประมาณ 3 องศาเซลเซยี ส ต่อมคาวเปอร์ หลอดเก็บอสจุ ิ สรา้ งสารหล่อล่ืนช่วยใหเ้ ซลล์อสจุ ิ อยดู่ ้านบนของอัณฑะ ทาํ หนา้ ท่ี เคลอื่ นทไ่ี ดเ้ รว็ ขึ้น เกบ็ อสุจทิ สี่ รา้ งมาจากอัณฑะ องคชาต หลอดนาอสจุ ิ เป็นอวัยวะสบื พันธภ์ุ ายนอกรา่ งกาย เป็นทางผา่ นของเซลล์อสจุ ทิ ีส่ รา้ งจาก ซงึ่ เป็นทางผ่านของอสุจอิ อกจากร่างกาย อณั ฑะ

การสรา้ งเซลลอ์ สจุ ิ • เซลล์อสจุ ถิ กู สรา้ งจากอณั ฑะและเคลื่อนที่มายงั หลอดเกบ็ อสจุ ซิ ่ึงเป็นแหล่งพฒั นาเซลล์อสจุ ิ • เมอ่ื มีการหลัง่ อสจุ ิ เซลลอ์ สจุ ิถกู ลาํ เลียงตามหลอดนาํ อสจุ ิไปยังท่อปสั สาวะ ซ่ึงมกี ารหลงั่ ของเหลวจากตอ่ มต่างๆ มารวม เรยี กว่า นา้ อสจุ ิ • เพศชายเร่ิมสรา้ งเซลลอ์ สจุ ิเมือ่ อายุ 12-13 ปี และสรา้ งตลอดชวี ติ สว่ นหวั มีนิวเคลียสท่ีบรรจสุ ารพันธุกรรม ซ่ึงถูกห่อหมุ้ ด้วยถุงอะโครโซมท่ี ประกอบดว้ ยเอนไซม์สําหรบั เจาะเย่อื หุ้มเซลลไ์ ข่ สว่ นลาตวั มไี มโทคอนเดรยี ทาํ หน้าท่สี ร้างพลังงานสําหรบั การเคลอ่ื นที่ ส่วนหาง ประกอบด้วยแฟลเจลลัมช่วยในการเคล่ือนท่ี

ระบบสืบพนั ธ์เุ พศหญงิ รงั ไข่ • มี 2 อนั อย่ดู า้ นขา้ งมดลกู • ทําหนา้ ท่ีผลิตเซลล์ไขแ่ ละฮอรโ์ มนเพศหญิง ท่อนาไข่ หรอื ปกี มดลกู • ทางเชือ่ มระหว่างรังไข่กับมดลูก • เปน็ บรเิ วณทเ่ี กิดการปฏสิ นธิของเซลล์อสจุ กิ บั เซลลไ์ ข่ มดลูก • อยบู่ ริเวณอุง้ เชงิ กรานระหวา่ งกระเพาะปัสสาวะกบั ทวารหนัก • เปน็ บริเวณฝงั ตวั ของเอม็ บรโิ อและเจรญิ เติบโตของทารก ชอ่ งคลอด • อยตู่ อ่ จากมดลกู ประกอบดว้ ยกลา้ มเนอื้ เรียบ จงึ ยืดหย่นุ ได้ • เป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิเข้าสู่มดลูกและเป็นทางออกของ ทารกเม่อื ครบกาํ หนดคลอด

การสรา้ งเซลล์ไข่ เซลล์ไข่ทีเ่ จริญเติบโตเตม็ ทแ่ี ละพรอ้ มท่ีจะไดร้ ับการผสม เรยี กวา่ ไข่สกุ ซ่ึงจะเคลือ่ นทจี่ ากรังไข่เข้าสู่ปีกมดลกู เรียกกระบวนการนว้ี ่า การตกไข่ 1 เซลล์ไข่เจรญิ และพฒั นาอยู่ในรงั ไข่ 1 2 3 4 2 เมอ่ื เซลลไ์ ขส่ กุ จะตกจากรงั ไข่เขา้ สทู่ อ่ นําไข่ 3 เซลล์ไข่เคล่ือนไปยังผนังมดลูกท่ีหนาตัว เพอ่ื เตรียมพรอ้ มรับการฝงั ตัว 4 หากเซลล์ไข่ไม่ถูกปฏิสนธิจะสลายตัว ผนังมดลูกและหลอดเลือดหลุดกลายเป็น ประจาเดอื น

ฮอรโ์ มนเพศ สารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้น ทําหน้าท่ีควบคุมการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ รวมทั้ง ควบคุมการเปล่ียนแปลงลักษณะทางร่างกายเมื่อเจริญเขา้ สวู่ ยั หนุ่มสาว ฮอร์โมนเพศชาย : เทสโทสเทอโรน ฮอร์โมนเพศหญงิ : โพรเจสเทอโรนและอสี โทรเจน • สรา้ งจากอณั ฑะ • สร้างจากรงั ไข่ • ควบคมุ การสรา้ งเซลลอ์ สุจแิ ละการเกิดลักษณะขัน้ ที่ 2 • ฮอร์โมนทัง้ 2 ชนิด ทําหนา้ ทีร่ ่วมกนั กระตุน้ การเจรญิ ของ ของเพศชาย เชน่ มีหนวดเครา ขนบรเิ วณรักแร้ หน้าแขง้ ผนงั มดลกู เพ่อื รองรับการฝังตัวของเอม็ บริโอ และอสี โทรเจน และอวัยวะเพศ หวั นมแข็ง เสียงแหบและหา้ ว มีมดั กลา้ มเนื้อ ยงั ควบคุมการเกดิ ลักษณะข้ึนท่ี 2 ของเพศหญงิ เชน่ สะโพกแคบและไหลกว้าง อวยั วะเพศโต หลั่งน้าํ อสุจิขณะหลบั เสียงเล็กแหลม สะโพกผาย หน้าอกและอวยั วะเพศใหญ่ ขนขน้ึ บริเวณรกั แร้และอวยั วะเพศ

ฮอร์โมนจากรังไข่การเปล่ยี นแปลงของฮอร์โมนเพศหญงิ โพรเจสเทอโรน อีสโทรเจน ัวฏ ัจกรของมด ูลก ประจาเดอื น ระยะก่อนตกไข่ ระยะหลังตกไข่ ประจาเดอื น

การคมุ กาเนดิ การปอ้ งกนั การต้ังครรภ์ โดยการป้องกนั การปฏิสนธิหรอื ปอ้ งกนั การฝ่ังตัวของเอ็มบรโิ อทีผ่ นงั มดลูก 1. วิธธี รรมชาติ การนบั วันมีเพศสมั พนั ธ์ คือ กอ่ นมีประจาํ เดือน 7 วัน และหลงั จากมีประจําเดอื นวนั แรก 7 วนั ข้อดี : สามารถคํานวณระยะเวลาในการมเี พศสมั พันธ์ไดด้ ้วยตนเอง ข้อเสีย : ไมส่ ามารถป้องกนั การติดเชื้อจากโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ 2. การคุมกาเนดิ โดยใชอ้ ุปกรณ์ การใช้ถุงยางอนามยั ในเพศชาย การใช้ห่วงคมุ กําเนิดในเพศหญิง ขอ้ ดี : สามารถป้องกนั การตดิ เช้ือจากโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ได้ ข้อเสีย : ไม่สามารถปอ้ งกนั การต้ังครรภไ์ ดอ้ ย่างแนน่ อน

การคมุ กาเนิด 3. การคุมกาเนิดโดยใชส้ ารเคมี การใช้ยาคมุ กําเนดิ ขอ้ ดี : สามารถใช้ในกรณฉี ุกเฉินได้ เช่น ถูกขม่ ขนื ขอ้ เสยี : อาจส่งผลขา้ งเคยี งต่อรา่ งกายได้ 4. การทาหมนั การปอ้ งกันทีม่ ปี ระสิทธสิ ูงทส่ี ดุ ได้แก่ การตดั ทอ่ นาํ อสุจใิ นเพศชาย การตัดทอ่ นําไขใ่ นเพศหญงิ ขอ้ ดี : สามารถปอ้ งกันการต้งั ครรภไ์ ด้อยา่ งถาวร ขอ้ เสีย : ไม่สามารถมบี ุตรเพมิ่ ในอนาคตอีก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook