Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปงาน E-Book 2

สรุปงาน E-Book 2

Published by JITRAWAN RUNGRUEANKUN, 2019-09-03 04:31:44

Description: สรุปงาน E-Book 2

Search

Read the Text Version

สรุปงาน E-Book นางจิตรวรรณ รุ่งเรืองกุล รหสั นิสิต 61170139 สาขา การบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา วิทยาเขตเชียงราย

สรปุ ผลการเขา้ ร่วมโครงการอบรม การเขยี นบทความวชิ าการและบทความวจิ ัย เพอื่ ตีพมิ พ์ในวารสารระดบั ชาตแิ ละระดับนานาชาติ สาหรับนิสิตระดบั บัณฑิตศึกษา โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เสมอ ถาน้อย วนั ที่ 31 สิงหาคม 2562 ณ อาคารเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร มหาวทิ ยาลยั พะเยา

วิธีการเผยแพร่งานวิจัย  กอ่ นทจ่ี ะเริ่มเขียนบทความ มี 2 ส่งิ ทีส่ าคัญทค่ี วรทา คอื การกาหนดรากฐานสาหรับกระบวนการทงั้ หมด ได้แก่ ◦ กาหนดสมมติฐานและวัตถุประสงค์ (สิ่งเหล่านีจ้ ะอยใู่ น บทนา) ◦ ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อและเลือก เอกสารทีส่ ามารถอ้างถงึ ในบทความ (สิ่งเหลา่ นีจ้ ะถูก ระบุไวใ้ นเอกสารอ้างอิง) (ทส่ี าคญั โปรดทราบว่า ผ้จู ัดพิมพ์แตล่ ะรายมีแนวทางและการตง้ั คา่ ตามสไตลข์ องตัวเอง ดังนัน้ จงึ ควรอ่านคู่มือผจู้ ัดพมิ พ์) มันหมายถึงอะไร?  Introduction (บทนา) : คณุ /คนอื่นทาอะไร? ทาไมคุณ ถึงทามัน?  Methods (วิธีการ) : คุณทามันอย่างไร?  Results (ผลลัพธ์) : คุณพบอะไรอะไร?  Discussion (การอภปิ รายผล) : ทง้ั หมดมันหมายถึง อะไร?

11 ข้ันตอนในการจัดระเบียบตน้ ฉบับ สามารถทาได้ ดังนี้  1.เตรียมตัวเลขและตาราง “ตัวเลข 1 ตัว มีค่า 1,000 ค า ” ห ม า ย ค ว า ม ว่ า ก า ร น า เ ส น อ ผ ล ลั พ ธ์ ด้ ว ย ภาพประกอบ ตัวเลขและตารางเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ที่สุด เพราะชัดเจนและเข้าใจง่าย แต่ไม่ควรใส่ตาราง ภาพประกอบ และตัวเลขมากจนเกนิ ไป  2.เขียนวิธีการ ส่วนน้ีคือตอบคาถามของวิธีการศึกษา ปัญหา ดังน้ัน ควรอธิบายข้อมูลห็นผลลัพธ์โดยละเอียด ของวิธีการ ใช้การอ้างอิงและวัสดุสนับสนุนเพ่ือระบุ ข้ันตอนที่เผยแพร่ก่อนหน้าน้ี บทสรุปหรือการอ้างอิงที่ สาคัญเพยี งพอ  3.เขียนผลลัพธ์ ส่วนน้ีตอบคาถามว่า “คุณพบอะไร” ดังน้ัน ควรนาเสนอผลลัพธ์ที่มีความสาคัญสาหรับการ อภิปราย โดยข้อมูลให้เลือกลาดับตรรกะที่บอกเล่า เร่ืองราวที่ชดั เจนและทาให้เขา้ ใจง่าย โดยทั่วไปจะอยู่ใน ลาดับเดียวกับที่แสดงในส่วนวิธีการ อย่ารวมการอ้างอิง ในส่วนน้ี เพราะคุณกาลังนาเสนอผลลัพธ์ของคุณ ดังนั้น คุณไมส่ ามารถอ้างองิ ถงึ คนอื่นๆ

11 ขนั้ ตอนในการจดั ระเบียบต้นฉบับ สามารถทาได้ ดงั นี้  4.เขียนอภิปรายผล ส่วนน้ีเป็นส่วนท่ีเขียนง่ายที่สุด และก็เป็นส่วนที่เขียนยากท่ีสุด เพราะเป็นส่วนท่ี สาคัญที่สุดของบทความ ในส่วนน้ีจะตอ้ งอภิปรายผล ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ และในส่วนนี้คุณอาจจะต้อง เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่เผยแพร่โดยผู้อ่ืนกับของคุณ (ใช้ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนท่ีอยู่ในบทนา) โดยอย่า ละเลยงานที่ไม่เห็นดว้ ยกับคุณ ในทางกลับกันคุณตอ้ ง เผชิญหน้าและโน้มนา้ วผ้อู า่ นวา่ คณุ ถูกหรอื ดีกวา่  5.เขียนบทสรุปท่ีชัดเจน ในส่วนน้ี จะแสดงให้เห็นว่า งานก้าวหน้าไปอย่างไรจากสภาวะความรู้ในปัจจุบัน ในวารสารบางเล่มจะแยกส่วนนี้ไว้ต่างหาก วิธีการ เขียน คุณควรเขียนให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ท่ี ชัดเจน การเขียนแนะนาการทดลองในอนาคตและ ชี้ให้เห็นสิ่งท่ีกาลังดาเนินการอยู่ การเสนอข้อสรุป ร ะ ดั บ โ ล ก แ ล ะ ข้ อ เ ส น อ เ ฉ พ า ะ ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ วตั ถุประสงค์

11 ขั้นตอนในการจัดระเบียบต้นฉบับ สามารถทาได้ ดงั นี้  6.เขียนบทนาท่ีน่าสนใจ ในส่วนน้ีจะเขียนว่างานของคุณ มีประโยชน์อย่างไร มีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร สิ่ง ไหนดีทส่ี ุด อะไรคือขอ้ กาหนดหลัก อะไรคือความหวังจาก การทางาน เป็นตน้  7.เขียนบทคัดย่อ ให้เขียนบทคัดย่อเป็นลาดับสุดท้าย ถ้า บทคัดย่อดี จะส่งผลให้บรรณาธิการหรือผู้อ่านอ่านงาน ของคณุ ตอ่ ไป ดงั นัน้ การเขียนจงึ ต้องเขียนให้กระชับที่สุด ไม่ส้ันมากหรือยาวมากจนเกินไป หลีกเลี่ยงคาที่ไม่เป็น ทางการ และข้อมูลต้องถูกต้อง ส่ิงสาคญั คอื ในบทคดั ย่อ จะไมม่ กี ารอ้างองิ  8.เขียนช่ือท่ีกระชับและมีความหมาย ช่ือเร่ืองเป็นส่ิงท่ี ผูอ้ ่านจะสนใจเปน็ อันดบั แรก และชอ่ื เร่ืองทม่ี คี วามชดั เจน ยังสามารถทาให้ผู้อ่านตัดสินใจเลือกอ่านบทความนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว การเขียนชื่อเร่ืองจึงต้องเขียนให้ เฉพาะเจาะจง สะท้อนถึงเนื้อหาได้อย่างเพียงพอ ดังน้ัน วิธีการเขียนช่ือเร่ืองจึงต้องกระชับ ชัดเจน ไม่ยาวเกินไป หลีกเลี่ยงศัพท์ทางเทคนิคหรือไม่เป็นทางการ และตัวย่อ ต่างๆ ทง้ั นี้เพราะต้องดงึ ดดู ผ้อู า่ นใหม้ ากท่สี ุด

11 ข้ันตอนในการจดั ระเบียบตน้ ฉบับ สามารถทาได้ ดงั นี้  9.เลือกคาสาคญั สาหรบั การจดั ทาดัชนี การกาหนดคา สาคัญควรหลีกเลี่ยงคาที่มีความหมายกว้างและคาท่ี รวมอย่ใู นชอ่ื เรื่องแล้ว วารสารบางฉบับตอ้ งการให้คา สาคัญไม่ได้มาจากช่ือวารสาร หลีกเลี่ยงสิ่งท่ีไม่ได้ใช้ อยา่ งกว้างขวาง ไม่เปน็ ทางการ เป็นตน้  10.เขียนข้อความตอบรับ คุณสามารถเขียนขอบคุณ คนท่ีมีส่วนร่วม เช่น บุคคลท่ีให้ความช่วยเหลือด้าน เทคนิค เก่ียวกับการเขียนและการพิสูจน์อักษร ที่ สาคัญที่สุดคือการขอบคุณหน่วยงานท่ีระดมทุนของ คุณ ในกรณีที่เป็นโครงการในยุโรป อย่าลืมระบุ หมายเลขทนุ หรอื การอ้างอิง  11.เขียนอ้างอิง ความผิดพลาดในการเขียนอ้างอิง เป็นปัญหาหน่ึงท่ีน่าราคาญท่ีสุดสาหรับบรรณาธิการ คุณต้องอ้างอิงส่ิงพิมพ์ท่ีอยู่ในงานของคุณ แต่อย่าทา เกินจริง หลีกเล่ียงการอ้างอิงตนเองมากเกินไป ลด การส่ือสารส่วนบุคคลรวมถึงส่ิงพิมพ์ที่ยังไม่ได้ผ่าน การตรวจสอบโดยผู้อา่ นวรรณกรรมทีเ่ ป็นสีเทา

How to select your journal? เลือกวารสารที่เหมาะกับ งานของคุณ

สรุป ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคดิ ความสาคญั ทางนวตั กรรม เทคโนโลยี สารสนเทศเพอ่ื การศึกษา  สรปุ ความหมายนวัตกรรม  1. เปน็ สิ่งใหมๆ่ ที่ไม่เคยมมี าก่อน 2. เปน็ สิ่งที่มีมาแล้วแตไ่ มไ่ ดน้ ามาใชป้ ระโยชน์ ต่อมาได้มีการนามาใช้ 3. เป็นส่งิ ที่มีอยู่แลว้ และเคยนามาใช้ในชว่ งหนึ่ง แตไ่ ม่ได้รบั ความนยิ ม ต่อมานามาใช้ใหมภ่ ายใต้ สถานการณแ์ ละเงอ่ื นไขใหมท่ ่ีเปล่ียนแปลง 4. เปน็ สง่ิ ทีม่ อี ยู่แลว้ และใชไ้ ดด้ ีในสังคมอน่ื หรือ ประเทศอ่ืน แลว้ นามาใชใ้ นสงั คมหนึ่งอกี อกี ประเทศ หนง่ึ 5. เป็นการพฒั นาปรับปรงุ จากของเดมิ ทีม่ อี ยู่ให้ มลี ักษณะตา่ งจากตน้ แบบเพอื่ ใหเ้ หมาะสมกับการ เปลี่ยนแปลงของสังคม

“นวตั กรรมทางการศึกษา” (Educational Innovation) หมาย ถึง  การนาเอาสิ่งใหม่ซงึ่ อาจจะอยใู่ นรปู ของ ความคิดหรือการกระทา รวมท้งั สงิ่ ประดษิ ฐ์ก็ ตามเข้ามาใชใ้ นระบบการศึกษา เพอ่ื มุง่ หวงั ท่ี จะเปลี่ยนแปลงสง่ิ ทม่ี ีอยเู่ ดมิ ให้ระบบการจัด การศึกษามี ประสทิ ธภิ าพยิง่ ข้นึ ทาใหผ้ ู้เรียน สามารถเกิดการเรยี นรไู้ ด้อย่างรวดเรว็ เกิด แรงจงู ใจในการเรยี น และช่วยใหป้ ระหยดั เวลา ในการเรยี น เช่น การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอน การใช้วดี ทิ ัศน์เชิงโต้ตอบ (Interactive Video) ส่ือหลายมติ ิ (Hypermedia) และอินเตอร์เนต็ เหล่านเ้ี ปน็ ต้น

เทคโนโลยี หมายถึง  การใชเ้ คร่อื งมอื ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณใ์ น การแกป้ ญั หา ผทู้ ่นี าเอาเทคโนโลยีมาใช้ เรยี กว่านักเทคโนโลยี (Technologist) (boonpan edt01.htm)

เทคโนโลยที างการศึกษา  เป็นการขยายแนวคิดเกี่ยวกบั โสตทศั นศึกษา ใหก้ วา้ งขวางยงิ่ ข้ึน ท้งั น้ี เน่ืองจากโสตทศั น ศึกษาหมายถึง การศึกษาเกี่ยวกบั การใชต้ าดูหู ฟัง ดงั น้นั อุปกรณ์ในสมยั ก่อนมกั เนน้ การใช้ ประสาทสมั ผสั ดา้ นการฟังและการดูเป็นหลกั

แนวคิดพืน้ ฐานของนวตั กรรม  1. ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล (Individual Different) 2. ความพร้อม (Readiness) 3. การใชเ้ วลาเพ่อื การศึกษา 4. ประสิทธิภาพในการเรียน

นวตั กรรมทางการศึกษาที่สาคญั ของ ไทยในปัจจุบนั (2546)  ความหมาย e-Learning หมายถึง “การ เรียน ผา่ นทางสื่ออิเลคทรอนิกส์ซ่ึงใชก้ าร นาเสนอ เน้ือหาทางคอมพิวเตอร์ในรูปของส่ือมลั ติมีเดีย ไดแ้ ก่ ขอ้ ความอิเลคทรอนิกส์ ภาพน่ิง ภาพกราฟิ ก วดิ ีโอ ภาพเคล่ือนไหว ภาพสามมิติ ฯลฯ  1) แบบ Real-time ไดแ้ ก่การสนทนาใน ลกั ษณะของการพิมพข์ อ้ ความแลกเปล่ียน ข่าวสารกนั หรือ ส่งในลกั ษณะของเสียง จาก บริการของ Chat room 2) แบบ Non real-time ไดแ้ ก่การส่งขอ้ ความ ถึงกนั ผา่ นทางบริการ อิเลคทรอนิค เมลล์ WebBoard News-group เป็นตน้

ความหมายของเทคโนโลยี  เทคโนโลยี หมายถึงการใชเ้ คร่ืองมือให้ เหมาะสมกบั สถานการณ์ในการแกป้ ัญหา ผทู้ ่ี นาเอาเทคโนโลยมี าใช้ เรียกวา่ นกั เทคโนโลยี (Technologist) (boonpan edt01.htm)

เป้ าหมายของเทคโนโลยกี ารศึกษา  1. การขยายพสิ ัยของทรัพยากรของการเรียนรู้ 2. การเน้นการเรียนรู้แบบเอกตั บุคคล 3. การใช้วธิ ีวเิ คราะห์ระบบในการศึกษา 4. พฒั นาเครื่องมือ-วสั ดุ อุปกรณ์ทางการศึกษา วสั ดุและเคร่ืองมือต่าง ๆ ทใี่ ช้ในการศึกษา หรือ การเรียนการสอนปัจจุบนั จะต้องมีการพฒั นา ให้มศี ักยภาพ หรือขีดความสามารถในการ ทางานให้สูงยง่ิ ขึน้ ไปอกี

หลกั การ/ทฤษฎี/วธิ ีการ/ แนวคิดที่ เก่ียวขอ้ งกบั นวตั กรรมและเทคโนโลยี การศึกษา ประกอบดว้ ย4 ทฤษฎี  1.หลกั การและทฤษฎที างจติ วทิ ยาการศึกษา 1.1 ทฤษฎกี ารเรียนรู้ 1.2 ทฤษฎคี วามแตกต่างระหว่างบุคคล 1.3 ทฤษฎกี ารพฒั นาการ 2. ทฤษฎกี ารส่ือสาร 3. ทฤษฎรี ะบบ 4. ทฤษฎีการเผยแพร่

ทฤษฎที ่เี ก่ยี วข้องในการเผยแพร่ นวัตกรรม Everett M. Rogers 1. ทฤษฎกี ระบวนการตัดสินใจรับ นวตั กรรม (The Innovation Decision Process Theory) 2. ทฤษฎีความเป็นนวัตกรรมในเอกัต บุคคล (The Individual Innovativeness Theory ) 3. ทฤษฎีอตั ราการยอมรับ (The Theory of Rate Adoption) 4. ทฤษฎียอมรับดว้ ยคณุ สมบตั ิ (The Theory of Perceived Attributes)

ทฤษฎีกระบวนการตัดสินใจรับ นวัตกรรม(The Innovation Decision Process Theory) 1.ขัน้ ของความรู้ (Knowledg) 5. ขัน้ ของการ 2. ขัน้ ของการถูก ชักนา ยืนยันการยอมรับ (Comfirmat (Persuasio) ion) 4. ขัน้ ของการ 3. ขัน้ ของการ นาไปสู่การปฏิบัติ ตดั สนิ ใจ (Implement (Decision) ation)

ทฤษฎคี วามเป็ นวตั กรรมในเอกตั บุคคล (The Individual Innovativeness Theory) 1. กลมุ่ ไวตอ่ การรับ 2. กลมุ่ แรกๆท่ีรับ นวตั กรรม นวตั กรรม (Early Adoption) (Innovators) 5. กลมุ่ สดุ ท้ายผ้รู ับ นวตั กรรม (Laggards) 4. กลมุ่ ใหญ่หลงั ที่รับ 3. กลมุ่ ใหญ่แรกที่รับ นวตั กรรม (Late นวตั กรรม (Early Majority) Majority)

ทฤษฎยี อมรับด้วยคุณสมบัติ (The Theory of Perceived Attributes) 5. สอดคล้องกับการ 1. ทดลองใช้ก่อนการ ยอมรับ ปฏิบัติ (Compatibility) ( Trail Ability ) 4. ไม่ซับซ้อน 2. สามารถสังเกตผลท่ี (Complexity) เกดิ ขึน้ ( Observability ) 3. มีข้อและประโยชน์ มากกว่า (Relative Adva ntage)

การเผยแพร่ และการยอมรับ นวตั กรรมและเทคโนโลยี ในประเทศไทย 7. การเผยแพร่ 1. การเผยแพร่รับการ 2. การเผยแพร่ เทคโนโลยี จดั การศึกษาใหม่ วธิ ีการเรียนการ รูปแบบของ เรียกว่า “การปฏิรูป สอนแบบ “ผู้เรียน อุปกรณ์ การศึกษา” เป็ นสาคัญ” 6. การเผยแพร่ 3. การเผยแพร่ เทคโนโลยกี าร นวัตกรรม เรียนแบบ “อีเลริ ์ “ห้องเรียน อัจฉริยะ” นน่ิง” 4. การเผยแพร่ 5. การเผยแพร่ นวัตกรรม “ระบบประกัน “แป้ นพมิ พ์ปัตติ คุณภาพ” โชต”ิ

จบการนาเสนอ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook