Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-BOOK เทคโนโลยีวิทยาการคำนวณ

E-BOOK เทคโนโลยีวิทยาการคำนวณ

Published by Chottiwat Dingram, 2021-09-18 08:24:47

Description: E-BOOK เทคโนโลยีวิทยาการคำนวณ ป.5

Search

Read the Text Version

หนังสือเรยี นวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ละเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วทิ ยาการนวณ) ป.5 จัดทาขึน้ ประกอบการเรยี น การสอนช้ันปรถมศึกษาปีที่5 โดยดาเนินการจัดทาให้ สอดคล้องตามาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)ตามหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ราช 2551 ทุกประการ ส่งเสริมทักษะจาเป็นสาหรับการ เรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ท้ังทักษะด้านการคิดนวิเคราะห์ การ คิดอยา่ งมวี ิจารณญาน การแก้ปญั หา การคิดสร้างสรรค์ การใช้ เทคโนโลยี การสอ่ื สาร และการร่วมมอื เพ่อื ใหผ้ ู้เรียน รูเ้ ท่าทันการเปล่ยี นแปลงระบบเศรษฐกิจ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม มารถแขง่ ขนั และอยู่ร่วมกับประชาคมโลกได้

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1

1 การแกป้ ัญหาด้วย เหตุผลเชิงตรรกะ เหตุผลเชงิ ตรรกะชว่ ยในการแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งไร?? การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ เปน็ การนาํ กฎเกณฑ์ หรือเงอ่ื นไขทีค่ รอบคลุมทุกกรณีมาใชพ้ ิจารณาใน การแก้ปญั หา ทาํ ให้สามารถคาดการณ์ ผลลพั ธ์ที่จะ เกดิ ขน้ึ ได้ 2

อัลกอริทมึ ในการวางแผนแกป้ ัญหา เหตผุ ลเชงิ ตรรกะช่วยใหเ้ รา สามารถหาวิธีการแกป้ ัญหาได้อย่าง เปน็ ระบบ เร่ิมจากการนาํ ปญั หามา แยกยอ่ ยเปน็ ส่วนๆ จากน้ันหา รูปแบบของปญั หา คัดแยกส่วนท่ี เปน็ สาระสาํ คัญของปัญหา และนาํ วธิ กี ารแก้ปญั หาทไ่ี ด้มาแสดงเป็น ลาํ ดบั ขนั้ ตอน หรอื เราเรยี กการ แสดงลาํ ดบั การแก้ปญั หาทเี่ ปน็ ขัน้ ตอนนวี้ า่ อลั กอรทิ ึ (Algorithm) 3

2 การทานายผลลพั ธจ์ าก ปญั หาอยา่ งงา่ ย การทาํ นายผลลพั ธจ์ ากโปรแกรมสามารถทาํ ไดอ้ ย่างไร?? 4

การทํานายผลลัพธ์ จากปญั หาอยา่ งง่าย ในการแสดงลําดับข้นั ตอนการแกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ย คอื การนาํ บัตรคําส่ังมาเรยี งตอ่ กนั เป็นขัน้ ตอนเพื่อเรยี บเรียง เป็นโปรแกรมหรือ ชุดคาํ สั่ง บัตรคาสงั บัตรคําสง่ั ถูกนํามาใชแ้ สดงลําดับขั้นตอนการแกป้ ญั หา อย่างง่าย หรืออัลกอรทิ มึ เพ่ือให้มคี วามชดั เจนและเปน็ ลํา ดัขั้นตอน ซึ่งสามารถกําหนดบัตรคําสั่งได้เอง เช่น เดินซา้ ย เดิน ขึ้น เดนิ ขวา เดนิ 5 ลง ภาพท่ี 1.1 รูปแบบชุดคาสง่ั ตัวเลอื ก



หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 2การเขยี นโปรแกรม โดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ ตัวชว้ี ัด : ว 4.2 ป.5/2 ออกแบบ และการเขยี นโปรแกรมทีม่ ีการใช้ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะอยา่ งงา่ ย ตรวจหาข้อผดิ พลาดและแก้ไข 6

1 การออกแบบโปรแกรม การออกแบบโปรแกรม เป็นการอธบิ ายขนั้ ตอนการ ทํางานต่างๆ ของโปรแกรมอย่างเป็นลาํ ดบั ข้นั ตอน โดยใน การอธบิ ายข้นั ตอนการทาํ งานของโปรแกรมนนั้ สามารถทาํ ได้ดว้ ยวธิ กี ารเขยี นขอ้ ความหรอื ผงั งาน เพ่ืออธิบายการ ทาํ งานของโปรแกรม ซ่งึ มีรายละเอยี ด ดงั ต่อไปน้ี 1.1 การเขยี นขอ้ ความเพ่ื ออธบิ ายการทางานของโปรแกรม การเขยี นขอ้ ความเพื่ออธบิ ายการทาํ งานของ โปรแกรม เปน็ การใช้ภาษาพู ดทเ่ี ขา้ ใจงา่ ยเพื่อ อธิบายขัน้ ตอนการเขียน โปรแกรม 7

1.2 การเขยี นผงั งานเพ่ื ออธบิ ายการทางานของโปรแกรม ผงั งาน หรือโฟลวชาร์ต (Flowchart) เปน็ การนาํ สญั ลกั ษณ์ มาใช้แทนลําดบั ขนั้ ตอนในการเขยี นโปรแกรมสัญลกั ษณท์ ่ี ใช้ในการออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี น ผงั งาน มดี งั น้ี 8

การเขยี นผังงานแสดงลาํ ดบั ขน้ั ตอนการทํางานของ โปรแกรม สามารถเขียนได้ 3 แบบ ดังนี้ 1) การเขียนผงั งานแบบลาดับ เปน็ การเขยี นผังงานอธบิ าย ข้ันตอนการทาํ งานตามลาํ ดบั ก่อน - หลงั โดยมลี กั ษณะเรยี ง เปน็ เรอ่ื งราวตอ่ เนอ่ื งกนั ไปเรอ่ื ย ๆ เร่มิ ต้น บวนการ บวนการ ภาพท่ี 2.1 รปู แบบการ บวนการ เขียนผงั งานแบบลาดับ สนิ้ สุด สังเกตุไดว้ ่าการเขียนผังงานแบบลาํ ดบั จะมลี ักษะณะเสน้ ตรง 9

2) การเขียนผงั งานแบบทางเลือก เป็นการเขียนผงั งาน อธิบายขนั้ ตอนการทาํ งานทม่ี กี ารกาํ หนดเงื่อนไข โดยถ้าเงื่อนไข เปน็ จริงจะทาํ กจิ กรรมหนงึ่ แตถ่ า้ เง่อื นไขไมเ่ ปน็ จริงจะทาํ อกี กจิ กรรมหน่ึง เริ่มต้น บวนการ เงื่อนไข บวนการ บวนการ ส้ินสุด ภาพท่ี 2.2 รปู แบบการเขยี นผงั งานแบบทางเลอื ก 10 สังเกตได้ว่าการเขียนผงั งานแบบทางเลอื กจะมที างเลอื กแยกออก 2 ทาง

3) การเขยี นผังงานแบบทาซ้าํ เปน็ การเขยี นผังงานอธบิ าย ขน้ั ตอนการทาํ งานทต่ี อ้ งการทํากระบวนการตา่ ง ๆ ซาํ กัน หลายรอบ โดยผลลพั ธท์ ี่ไดจ้ ากการทํางานซําในแตล่ ะคร้งั นน้ั ไม่จาํ เป็นต้องเหมอื นกนั เรม่ิ ต้น บวนการ ไม่ใช่ เงอ่ื นไข ใช่ สิ้นสดุ ภาพที่ 2.3 รูปแบบการเขยี นผังงานแบบทาซา สังเกตได้ว่าํ ส่ังมีการทาํ งานซํ้าอีกรอบ 11

การเขยี นโปรแกรมโดยใช้ 2 ภาษา Scratch การเขยี นโปรแกรม เปน็ การเขียนคําส่งั ให้ อุปกรณ์เทคโนโลยตี ่าง ๆ ทํางานตามความ ต้องการของผใู้ ชง้ าน 2.1 การเขียนโปรแกรมโดยใชภ้ าษา Scratch การเขยี นโปรแกรมภาษา Scratch คือ การเขยี นคําสัง่ ควบคมุ การทาํ งานใหก้ ับตวั ละครแตล่ ะตวั ทสี่ รา้ งข้นึ โดยใช้ คําสั่งที่เขา้ ใจง่ายในการสัง่ การทํางาน ซ่งึ ในการเขียโปรแกรม ที่มีทางเลือกในโปรแกรม Scratch จะใช้คําส่งั if-then-else 12

2.2 การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม เมื่อโปรแกรมทเี่ ขียนขึน้ เกดิ ขอ้ ผดิ พลาด หรือไมส่ ามารถทาํ งานได้ ตรงกบั ความต้องการ ผเู้ ขยี นจะต้องทาํ กา ตรวจสอบหาขอ้ ผิดพลาดของ โปรแกรม วิธกี ารตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม เมอ่ื เขยี นโปรแกรมเสรจ็ แล้ว ผ้เู ขยี นจะตอ้ งดูดว้ ยวา่ ผลลพั ธใ์ น โปรแกรมถกู ตอ้ งตามความตอ้ งการ หรอื ไม่ ถ้าไมถ่ ูกต้องผเู้ ขยี นจะตอ้ ง ตรวจสอบเพ่ือ หาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม โดยการเปรียบเทยี บ ความ สอดคล้องกันระหวา่ งผงั งานกบั โปรแกรมท่ี เขียนข้นึ ภาพที่ 2.4 ภาพการเขียนคาสั่ง 13



14

1 ร้จู ักขอ้ มูล ขอ้ มูลที่ดีควรมลี กั ษณะอย่างไร ? รู้จกั ขอ้ มูล ในการดาํ รงชวี ติ ประจําวนั ของมนษุ ย์ จะตอ้ งเก่ยี วขอ้ ง กบั ขอ้ มลู ตลอดเวลา ไมว่ า่ จะเป็นการรับประทานอาหาร การ ต่นื นอน หรอื การเดินทางไปโรงเรียน 1.1 ความหมายของข้อมลู มีผู้ให้ความหมายของขอ้ มลู ไวห้ ลากหลาย แตส่ ามารถสรปุ ได้ ดงั น้ี ขอ้ มลู คอื ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกีย่ วข้องกบั สิ่งตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ คน สตั ว์ สง่ิ ของ หรือเหตุการณ์ตา่ ง ๆ โดยอาจจะเกิดขึน้ จากการสงั เกต การจดบนั ทึก การสัมภาษณ์ การสอบถาม แลว้ มี การรวบรวมข้อมลู ไว้ เช่น คะแนนสอบ จาํ นวน นกั เรียนในหอ้ ง 15

1.2 ประเภทของข้อมลู ข้อมูลที่อยู่รอบตวั เรา สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 5 ประเภท ดังนี้ ภาพท่ี 3.1 ข้อมูลอักขระ 1) ข้อมลู ตัวอักขระ เป็นข้อมูล ทปี่ ระกอบด้วยตัวอกั ษร ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ เชน่ ชือ่ นามสกลุ ประวัติ โรงเรียน ขอ้ ความทเ่ี ปน็ ตวั เลขซ่ึงไมส่ ามารถ นําไปใช้ ในการคาํ นวณ เชน่ ปา้ ย ทะเบียนรถ เลขประจําตัว นักเรยี น 2) ขอ้ มูลภาพ เป็นข้อมูลทมี่ ี ลักษณะเปน็ ภาพในรปู แบบ ตา่ ง ๆ ท่ี เรามองเหน็ ซึ่ง อาจจะเป็นภาพนง่ิ เช่น ภาพวาด ภาพถา่ ย หรือภาพ เคลอ่ื นไหว เชน่ ภาพจาก โทรทศั น์ ภาพจากวดี ิทศั น์ ภาพท่ี 3.2 ข้อมูลภาพ 3) ข้อมูลตวั เลข เป็นขอ้ มลู ที่ ประกอบด้วยตัวเลข 0 - 9 ทเ่ี ราสามารถนํามาใชใ้ นการ คาํ นวณหรือ ประมวลผลได้ เชน่ ราคาสนิ ค้า จํานวนเงิน คะแนนสอบวชิ าตา่ ง ๆ ภาพท่ี 3.3 ข้อมลู ตวั เลข 16

ภาพท่ี 3.4 ข้อมลู เสียง 4) ขอ้ มลู เสยี ง เปน็ ข้อมูลท่ี เกดิ จากการไดย้ นิ เช่น เสยี ง คนพู ด เสยี งสตั วร์ ้อง เสียง จากปรากฏการณ์ ธรรมชาติ และเสยี งจากอปุ กรณ์ เทคโนโลยีตา่ ง ๆ ทีส่ ามารถ แสดงผล ขอ้ มลู ในรูปแบบ เสยี งได้ เช่น แผ่นซีดี โทรทัศน์ วทิ ยุ 5) ข้อมลู อื่น ๆ เปน็ ข้อมูลที่ นอกเหนือจากข้อมลู ทงั้ 4 ประเภท ท่ี กลา่ วมาขา้ งตน้ เชน่ ข้อมลู กล่นิ ขอ้ มลู รสชาติ ขอ้ มูลเก่ยี วกบั อณุ หภมู ิ ภาพที่ 3.5 ข้อมลู อณุ หภมู ิ 17

1.3 ลกั ษณะของขอ้ มูลที่ดี 1) มคี วามถกู ตอ้ งเช่ือถือได้ ข้อมูลทถ่ี ูกตอ้ งเชอื่ ถอื ได้ จะต้องได้มาจากแหลง่ ข้อมูลทีม่ ีความ น่าเชอ่ื ถอื เชน่ การสอบถาม จากผรู้ ้โู ดยตรง การค้นหาข้อมลู จาก เวบ็ ไซต์หน่วยงานของรฐั การคน้ หาจากหนงั สือเอกสารตา่ ง ๆ 2) มีความสมบรู ณ์ครบถว้ น สามารถนาไปใช้งานได้ ข้อมูล ท่ดี จี ะต้องมรี ายละเอยี ดครอบคลมุ ครบทกุ ด้าน เชน่ มกี าร บอก ขอ้ ดแี ละข้อเสยี บอกประโยชนแ์ ละโทษของขอ้ มูลนน้ั ๆ 3) ตรงตามความต้องการของผใู้ ช้ ขอ้ มลู ท่ีผู้ใชง้ านเลือก ใช้จะตอ้ งเปน็ ขอ้ มูลทผี่ ู้ใช้ตอ้ งการ ไมน่ ําข้อมูล ทีไ่ มจ่ าํ เปน็ หรือ ไมเ่ ก่ยี วขอ้ งมาใช้ เพราะจะทําใหเ้ สียเวลาในการค้นหา และได้ ข้อมลู ทีไ่ ม่ต้องการ 4) มีความทันสมยั ข้อมูลควรจะเปน็ ข้อมูลที่ทันสมยั ตาม กาลเวลา เพราะจะทําใหส้ ามารถนาํ ข้อมูลไปใช้ไดท้ นั ที 5) มีความสอดคลอ้ งกันของข้อมลู ในการหาขอ้ มลู จาก หลาย ๆ แหลง่ ข้อมูลทีไ่ ด้ควรจะเป็นข้อมลู ท่ี เปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั และมเี นอ้ื หาที่ สอดคลอ้ งกนั สามารถนํามาใช้ร่วมกนั ได้ 18

1.4 ประโยชนข์ องข้อมูล ขอ้ มลู ต่าง ๆ ทเ่ี รารับรูส้ ามารถนํามาใชป้ ระโยชน์ได้ หลายด้าน ดังน้ี 1) ดา้ นการตัดสนิ ใจหรอื แก้ไขปญั หา ภาพที่ 3.6 การตัดสนิ ใจ ภาพที่ 3.7 การติดต่อสอ่ื สาร การทราบขอ้ มลู ต่าง ๆ ทาํ ให้ ตัดสินใจหรอื แก้ไข ปญั หานัน้ ๆ ได้ ภาพท่ี 3.8 ขอ้ มูลการเรียน อย่างถูกต้องและ เหมาะสม เช่น การ เลอื กซ้ือ สนิ คา้ ทมี่ คี ณุ ภาพและราคาถูก ภาพที่ 3.9 19 การปรับปรงุ ตนเองเมอื่ ทราบผลสอบ ขอ้ มูลด้านชุมชน 2) ด้านการตดิ ตอ่ สือ่ สาร เม่อื เราอยู่ใน สังคม เราตอ้ งมกี าร ตดิ ต่อส่ือสารกับ ผู้อ่ืนอยูเ่ สมอ ซึ่งการตดิ ตอ่ สอื่ สาร ด้วยวธิ ตี า่ ง ๆ จะทาํ ให้เรากบั ผอู้ ่ืนเขา้ ใจ ในเรื่องต่าง ๆ ได้ตรงกนั 3) ดา้ นการเรยี นหรอื การ ทางาน การศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เพ่ือ นาํ มาพัฒนาตนเอง ใหฉ้ ลาดรอบรู้ทําให้ สามารถเรียน หนังสือหรอื ทาํ งานต่าง ๆ ตาม หนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ ับมอบหมายไดอ้ ยา่ ง มปี ระสิทธภิ าพ 4) ดา้ นการพั ฒนาชมุ ชน และสังคม การศกึ ษาข้อมลู ใน ด้านชีวิตความ เปน็ อยขู่ องคน ในทอ้ งถ่ินสามารถ นํามาพัฒนา ชุมชนและสงั คมได้ เชน่ มขี ้อมูล เร่อื งจาํ นวนเดก็ ในชุมชนท่ี ชอบ เล่นกีฬาเพิ่มขึ้นเรอ่ื ย ๆ จึงสร้าง ลานกีฬาสําหรับเด็กขนึ้

2 เรียนรู้แหล่งข้อมูล แหล่งขอ้ มูลเปน็ ตน้ กาํ เนดิ ของขอ้ มลู ต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็นหนงั สอื อินเทอร์เนต็ บุคคล และสถานทตี่ ่าง ๆ ที่สามารถใหข้ ้อมลู แกเ่ ราได้ เชน่ พิพิธภัณฑ์ แหล่ง ท่องเท่ยี ว 2.1 แหลง่ ข้อมลู แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่รอบตวั เรา สามารถแบ่ง ออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1 ) แหล่งขอ้ มูลปฐมภูมิ เป็นแหล่งขอ้ มูลทีใ่ หข้ ้อมลู โดยตรง กับผ้รู บั ข้อมลู โดยอาจจะเกิดขน้ึ จากการพบ เห็นสิ่งตา่ ง ๆ หรอื จากการสงั เกตการทดลอง รวมไป ถึงการสํารวจข้อมลู 2) แหล่งขอ้ มูลทุตยิ ภูมิ เปน็ แหล่งข้อมูลทไี่ ด้จากการ นําข้อมูลทม่ี ผี อู้ นื่ รวบรวมไวอ้ ย่างเปน็ ระบบมาใชใ้ นทนั ที โดย ไมไ่ ด้ลงมือสอบถาม สังเกต หรอื หาข้อมูลจาก แหลง่ ข้อมูลด้วย ตนเอง เช่น ขอ้ มูลจาก อินเทอรเ์ นต็ หนงั สอื วิทยุ โทรทศั น์ 20

2.2 การรวบรวมขอ้ มลู การรวบรวมขอ้ มูล เปน็ การดาํ เนนิ การด้วยวิธตี ่าง ๆ เพ่ือให้ได้ขอ้ มลู ซึง่ การรวบรวมข้อมูล มี 5 ข้ันตอน ดงั น้ี 1รวมไปถึงการสํารวจข้อมูล กาหนดวัตถุประสงค์ 5 และความต้องการของ 2 สงิ่ ท่สี นใจ สรปุ ผลขอ้ มูล วางแผนและพจิ ารณา เลือกแหลง่ ข้อมูล 4 3 คน้ หาและ กาหนดวธิ ีการ รวบรวมข้อมูล รวบรวมข้อมูล ขน้ั ตอนการรวบรวมขอ้ มลู 21

2.3 การประมวลผลข้อมูล ข้อมลู ทอี่ ยูร่ อบตวั มจี ํานวนมาก โดยขอ้ มูลบางอยา่ ง สามารถนํามาใชไ้ ดท้ นั ที และขอ้ มูลบางอย่างจะตอ้ งนาํ ไป ประมวลผลใหเ้ ป็นสารสนเทศก่อนนาํ มาใชง้ าน ซ่ึงการ ประมวลผลนน้ั สามารถทาํ ไดห้ ลายวธิ ี เชน่ กาเปรยี บเทียบ ข้อมูล การจัดกลมุ่ ขอ้ มลู การแยกแยะขอ้ มลู การเรียงลาํ ดบั ข้อมลู หรอื การคาํ นวณผลขอ้ มลู เพื่อให้นาํ ขอ้ มูลไปใชไ้ ดอ้ ย่างสะดวกและเกดิ ประโยชนส์ งู สุด ในการดาํ เนินชวี ติ ประจําวันของนกั เรียน บางครัง้ นกั เรยี น อาจจะพบกบั ปญั หาทต่ี อ้ งเลอื กสง่ิ ใดสง่ิ หน่ึง นกั เรียนจงึ ตอ้ งมี การประมวลผลขอ้ มลู จากทางเลอื กที่ สร้างขน้ึ ดังตวั อย่างต่อไปนี้ ตวั อย่าง รวมไปถงึ การสํารวจข้อมูล 22

2.4 การสืบคน้ ข้อมูลโดยใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการค้นหาขอ้ มลู ผา่ นอนิ เทอร์เนต็ โดยใช้เวบ็ ไซตท์ ่ี ใช้ สําหรบั คน้ หาขอ้ มลู ทเี่ รยี กวา่ Search Engine เช่น เวบ็ ไซต์ Google สามารถค้นหาไดห้ ลายวิธี ไดแ้ ก่ ➢ ค้นหาข้อมลู โดยใช้คยี ์เวริ ด์ (Key Word) เป็นการ คน้ หา ขอ้ มลู โดยการป้อนคาํ สาํ คญั ทตี่ อ้ งการคน้ หาใน เวบ็ Search Engine เช่น ถา้ ตอ้ งการคน้ หาข้อมลู เกยี่ วกับดอกกลว้ ยไม้ ให้ พิมพ์คําว่า “ดอกกลว้ ยไม้” ลงในเวบ็ ไซต์ Google VDO การค้นหาขอ้ มลู ตามหมวดหมู่ เปน็ การค้นหาขอ้ มลู ตาม หมวดหมูท่ ่ีในแตล่ ะเว็บ Search Engine กาํ หนดไว้ เช่น เว็บไซต์ Google มีการจดั หมวดหมขู่ อ้ มลู ในการค้นหา ไดแ้ ก่ ทั้งหมด คน้ รูป วดี ีโอ แผนท่ี ขา่ วสาร เพ่ิมเตมิ 23

2.5 การประเมินความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู ในการสบื คน้ ขอ้ มูลจากแหลง่ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ จะตอ้ งมี การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่ี ถูกต้อง และ ตรงตามความตอ้ งการ โดยหลกั ในการ ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมลู ควรพิจารณา ดังนี้ 1) มีการบอกวัตถปุ ระสงค์ในการจดั ทาขอ้ มลู เป็นการ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ขอ้ มลู นจ้ี ดั ทาํ เพื่ออะไร เชน่ การจัดทําขอ้ มลู เพ่ือใชใ้ นการเผยแพร่ การจัดทําข้อมลู เพ่ือการศกึ ษา 2) มีการระบุชอ่ื ผเู้ ขยี นหรอื ผใู้ หข้ อ้ มลู เป็นการระบุให้ ทราบว่า ขอ้ มูลนนั้ จดั ทาํ ขน้ึ โดยใคร หรอื มใี ครเป็นผู้ใหข้ อ้ มลู 3) มกี ารระบุวนั ทพ่ี ิ มพ์ และครั้งทีป่ รับปรงุ เป็นการ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ขอ้ มลู นนั้ ๆ มีการจัดพิมพ์และได้รับการ ปรับปรุงเม่ือไร เพ่ือเปน็ การแสดงถงึ ความทนั สมยั ของ ขอ้ มลู 4) มีการอ้างอิงแหลง่ ที่มา เปน็ การอ้างองิ ว่าข้อมลู นนั้ นํามาจากแหล่งข้อมลู ใด 5) พิ จารณาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทเ่ี ช่อื ถือได้ ในการ เลือกแหลง่ ขอ้ มลู ตอ้ งพิจารณาข้อมลู ทมี่ าจาก แหลง่ ข้อมลู ท่ีเช่ือถอื ได้ เชน่ ข้อมลู ทไ่ี ด้จากเว็บไซต์ ของ สถาบนั การศึกษาหรอื หนว่ ยงานของรัฐ 24



25

1 การติดตอ่ ส่ือสารผ่าน อินเทอร์เน็ต การติดตอ่ สื่อสารผ่านอนิ เทอรเ์ นต็ เป็น บริการที่ ชว่ ยตอบสนองความตอ้ งการในการสือ่ สารของมนษุ ย์ ให้มคี วามสะดวกสบายมากยงิ่ ขนึ้ โดยการ ติดตอ่ ส่ือสารผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ ในปจั จบุ ันสามารถ ทาํ ได้ 3 แบบ ดงั น้ี 1. ไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนิกสห์ รอื อีเมล (E-mail) เปน็ บริการ รับสง่ จดหมายผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ จาก บุคคลหนงึ่ ไปยงั บุคคลอน่ื ๆ ซง่ึ สามารถส่งได้ทงั้ ข้อความ เสียง รปู ภาพ วดิ โี อ และไฟลต์ ่าง ๆ โดยผู้ สง่ และผู้รับจะต้องมที ี่อยูอ่ ีเมล (E-mail Address) เพื่อใช้ในการแสดงตวั ตน 26

2. โปรแกรมสนทนา (Chat) เป็นการสนทนาออนไลน์ ผา่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต โดยใช้โปรแกรมสนทนาตา่ ง ๆ เช่น Line, Facebook, Messenger, Skype 2 อาชญากรรมทางอินเทอร์เนต็ อาชญากรรมทางอนิ เทอร์เน็ต คือ การใช้ คอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์เปน็ เครอ่ื งมือ ในการกระทาํ ความผดิ เพื่อให้ผู้อน่ื เกดิ ความเสยี หาย หรอื เส่อื มเสยี ชื่อเสียง โดยอาชญากรรมทาง อนิ เทอร์เนต็ ทีเ่ กดิ ขึ้นบอ่ ยๆ มตี วั อย่าง ดงั น้ี 1 2อาชญากรร การละเมิด มภายใน ลิขสิทธิ์ โรงเรียน 6 อาชญากรรม 3 ทางอนิ เทอร์เนต็ กอ่ การร้าย การแพรภ่ าพ ทางคอมพวิ เตอร์ อนาจารทาง ออนไลน์ 5 4 27 การเจาะ อาชญากรรม ระบบ ทางการเงิน

ปจั จบุ ันปัญหาอาชญากรรมทางอนิ เทอรเ์ น็ตมี จาํ นวนเพ่ิมมากขน้ึ และเพ่ือเปน็ การปอ้ งกนั ตนเอง จากปัญหาดังกล่าว เราจึงควรปฏบิ ตั ิตนตาม แนวทางป้องกนั การเกดิ ปัญหาอาชญากรรมทาง อินเทอรเ์ นต็ ดังนี้ 1. ตัดการเช่ือมตอ่ อนิ เทอรเ์ นต็ ทกุ ครัง้ หลังเลกิ ใชง้ าน 2. การดาวน์โหลดข้อมลู ไฟล์ หรือเอกสารตา่ ง ๆ จาก อนิ เทอรเ์ นต็ ควรดาวนโ์ หลดจากเวบ็ ไซต์ทเี่ ชอื่ ถอื ได้ เทา่ น้นั 3. ไม่เปิดเผยข้อมลู ส่วนตวั ลงบนเว็บไซต์ต่าง ๆ หรอื ถ้าจําเปน็ ต้อง เปดิ เผยควรเปิดเผยเทา่ ที่จาํ เปน็ เทา่ นน้ั 4. ตง้ั รหสั ผ่านในการเข้าสูเ่ ครอ่ื งคอมพิวเตอร์ใหค้ าด เดาได้ยาก และไมบ่ อกรหสั ในการเขา้ เครอื่ ง คอมพิวเตอร์ใหก้ ับผอู้ นื่ รวมทง้ั เปล่ียนรหสั ผา่ นทุก ๆ 2-3 เดือน 5. ตรวจสอบระบบว่ามโี ปรแกรมปอ้ งกัน ไวรัสติดตั้ง มาพร้อมระบบปฏบิ ตั กิ ารและ ตรวจสอบให้แนใ่ จวา่ ไดต้ งั้ คา่ ให้โปรแกรม ทํางานแล้ว 28

อนิ เทอร์เนต็ มีบทบาทตอ่ ชวี ิตประจาํ วนั เป็น อยา่ งมาก เพราะเป็นชอ่ งทางส่ือสารและแลกเปล่ียน ข้อมลู กนั อย่างรวดเรว็ อีกท้งั ยังสะดวกสบายในการใช้ งาน แตถ่ ้าใชอ้ ย่างไมร่ ะวงั จะ เกิดภัยคกุ คามตา่ ง ๆ ได้ จากทก่ี ลา่ วมาสามารถปอ้ งกนั ปญั หา เหลา่ นไี้ ด้ ดงั น้ี 1. ไม่เปิดเผยขอ้ มลู ส่วนตวั เชน่ ชอื่ นามสกุลจริง ท่ีอยู่ เบอรโ์ ทรศัพท์ สว่ นตวั เลขบัตรประชาชน และ ภาพท่ี 4.1 ไม่เปิดเผยขอ้ มลู หลักฐานสว่ นตวั สาํ คัญอ่ืน ๆ ภาพท่ี 4.2 บอกผูป้ กครอง 2. สอนใหเ้ ดก็ บอกพ่อแมผ่ ้ปู กครอง เมื่อถกู ลนั่ แกลง้ หรือคุณครถู ้าถกู กลั่นแกลง้ ทาง อินเทอร์เน็ต เช่น ได้รบั อเี มลหยาบ คาย การข่มขู่จากเพื่อน การส่งตอ่ อเี มลข้อความใสร่ า้ ยป้ายสีรนุ แรง พ่อแม่ควรแจง้ คณุ ครู หรอื ทาง โรงเรียน หรอื ผปู้ กครองของเดก็ คูก่ รณีให้รับทราบ พฤติกรรมการ กลัน่ แกลง้ ของเพื่อนนกั เรียน 3. ไมอ่ อกไปพบเพื่อนทร่ี ู้จักกัน ทางอนิ เทอร์เนต็ หากจําเปน็ ต้อง ไปพบควรมี ผใู้ หญ่ หรอื ผู้ปกครองไปด้วย เพื่อปอ้ งกัน การลักพาตัว ภาพที่ 4.3 ไม่พบปะเพอื่ น 29 จากอนิ เทอร์เนต็





30


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook