คำนำ หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เรื่อง สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียนเล่มน้ี ประกอบดว้ ยเน้ือหาเก่ียวกบั ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ นโรงเรียนวงั เหนือวทิ ยาเป็น ส่วนหน่ึงของวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ เน้ือหาในหนงั สือเรียนน้ี จะเป็นประโยชน์ สาหรับผศู้ ึกษาไดอ้ ยา่ งดี นางสาวศสิธกานต์ ศรีตนทิพย์ นางสาวภทั ทิยา อวดแรง ผจู้ ดั ทา
ดอกแกว้ การจาแนกช้นั ทางวทิ ยาศาสตร์ อาณาจกั ร: Plantae ไม่ถูกจดั อนั ดบั : Angiosperms ไม่ถูกจดั อนั ดบั : Eudicots ไม่ถูกจดั อนั ดบั : Rosids อนั ดบั : Sapindales วงศ:์ Rutaceae สกลุ :Murraya สปี ชีส์: M. paniculata
แกว้ เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง ใบออกเป็นช่อเป็นแผง ออกใบเรียงสลบั กนั ช่อหน่ึงประกอบดว้ ยใบยอ่ ยประมาณ 4-8 ใบ ดอกสี ขาว กล่ินหอม ช่ือพ้ืนเมืองอ่ืน: กะมูนิง (มลายู ปัตตานี) แกว้ ขาว (กลาง) แกว้ ข้ีไก่ (ยะลา) แกว้ พริก (เหนือ) แกว้ ลาย (สระบุรี) จา๊ พริก (ลาปาง) และ ตะไหล แกว้ (เหนือ)
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ แกว้ เป็นพรรณไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถึงขนาดกลางลาตน้ มีความสูง ประมาณ 5-10 เมตร เปลือกลาตน้ สีขาวปนเทา ลาตน้ แตกเป็นสะเกด็ เป็นร่องตามยาว การแตกกิ่งกา้ นของทรงพมุ่ ไม่ค่อยเป็นระเบียบ ใบ ออกเป็นช่อเป็นแผง ออกใบเรียงสลบั กนั ช่อหน่ึงประกอบดว้ ยใบยอ่ ย ประมาณ 4-8 ใบ ใบเป็นมนั สีเขียวเขม้ ขย้ดี ูจะมีกล่ินฉุนแรงขอบใบ เรียบเป็นคล่ืนเลก็ นอ้ ย ขนาดของใบกวา้ งประมาณ 2-4 เซนติเมตร ยาว ประมาณ3-6 เซนติเมตรออกดอกเป็นช่อใหญ่ ช่อส้นั ออกตามปลายกิ่ง หรือยอด ช่อหน่ึงมีดอกประมาณ 5-10 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม ดอกบานเตม็ ที่กวา้ งประมาณ 2-3 เซนติเมตร ผลรูปไข่ รีปลายทู่ มีสีสม้ ภายในมีเมลด็ 1-2 เมลด็
กำรกระจำยพนั ธ์ุ แกว้ มีถ่ินกาเนิดจากเอเชียใต้ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ จีน และออสเตรเลีย มนั สามารถปรับตวั เขา้ กบั สภาพอากาศในทางตอนใตข้ องสหรัฐอเมริกาได้ กำรปลูกเลยี้ ง สามารถแบ่งเป็น 2 วธิ ี การปลูกในแปลงปลูกเพ่ือประดบั บริเวณบา้ นและสวน คนไทยโบราณนิยม ป๋ ุยหมกั : ดินร่วน อตั รา 1 : 2 ผสมดินปลกู การปลกู แบบน้ีสามารถปลูกเป็นกลมุ่ หรือเป็นแถวกไ็ ดแ้ ละสามารถตดั แตง่ บงั คบั ทรงพมุ่ ปลกู ไวเ้ พอ่ื เป็นแนวร้ัวบา้ น ขนาด หลมุ ปลูก 30 x 30 เซนติเมตร ใชป้ ๋ ุยคอกหรือ ไดต้ ามความตอ้ งการของผปู้ ลกู การปลกู ในกระถางเพื่อประดบั ภายนอกอาคาร ควรใชก้ ระถางทรงสูงขนาด 12 - 16 นิ้ว ใชป้ ๋ ุยคอก หรือป๋ ุยหมกั : ดินร่วนอตั รา 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปล่ียนกระถาง 1 - 2 ปี / คร้ัง หรือตามความเหมาะสมของการเจริญเติบโตของทรงพมุ่ เพราะการขยาย ตวั ของรากแน่นเกินไปและเพ่อื เปลี่ยนดินปลกู ใหมท่ ดแทนดินปลกู เดิมท่ีเส่ือมสภาพไป การดูแลรักษา ตอ้ งการน้าปริมาณปานกลาง ควรใหน้ ้า 3 - 5 วนั / คร้ัง ชอบดินร่วน ซุย หรือดินร่วนทราย ตอ้ งการแสงแดดจดั ใส่ป๋ ุยคอกหรือป๋ ุยหมกั อตั รา 1 - 2 กิโลกรัม/ตน้ ใส่ปี ละ 4 - 6 คร้ัง หรือใชป้ ๋ ุยวทิ ยาศาสตร์ สูตร 15-15-15 อตั รา 200- 300 กรัม/ตน้ ใส่ปี ละ 4 - 6 คร้ัง ไม่ค่อย มีปัญหาเรื่องโรคและแมลง เพราะเป็นไมท้ ่ีมึความทนทานต่อสภาพ ธรรมชาติ พอสมควร ขยายพนั ธโ์ ดยการเพาะเมลด็ และการตอน
ดอกโมก การจาแนกช้นั ทางวทิ ยาศาสตร์ อาณาจกั ร: Plantae ไม่ถูกจดั อนั ดบั : Angiosperms ไม่ถูกจดั อนั ดบั : Eudicots ไม่ถูกจดั อนั ดบั : Asterids อนั ดบั : Gentianales วงศ:์ Apocynaceae สกลุ :Wrightia สปี ชีส์: W. religiosa
โมก (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Wrightiareligiosa Benth.) เป็นดอกไม้ มีลกั ษณะดอกเป็นช่อสีขาว มี 3-5 กลีบ ใบมี ขนาดเลก็ ใบเด่ียว เน้ือใบบางรูปรี หรือรูปหอกกวา้ ง 0.8-2.0 ทาการขยายพนั ธุ์โดยการปักชา หรือ เพาะเมลด็ โมกยงั มีชื่อพ้ืนเมืองอื่นอีกดงั น้ี ปิ ดจงวา (เขมร สุรินทร์) โมก ซอ้ น (กลาง) โมกบา้ น (กลาง) และ หลกั ป่ า (ระยอง
ลกั ษณะทวั่ ไป โมกเป็นพรรณไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง ลาตน้ มีความสูงประมาณ 5-12 เมตร ผวิ เปลือกสีน้าตาลดา ลาตน้ กลมเรียบมีจุดเลก็ ๆ สีขาวประทว่ั ตน้ แตก กิ่งกา้ นสาขาออกรอบลาตน้ ไม่เป็นระเบียบใบเป็นใบเดียวออกเรียงกนั เป็นคู่ ตามกา้ นใบลกั ษณะใบ เป็นรูปไข่ รี ปลายใบมนแหลม โคนใบแหลม ขอบใบ เรียบ เน้ือใบบางสีเขียว ขนาดใบกวา้ งประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อส้นั ๆ อยตู่ ามปลายก่ิง ช่อหน่ึงมีดอก 4-8 ดอก ลกั ษณะดอกจะควา่ หนา้ ลงสู่พ้ืนดินมีกลีบดอก 5 กลีบ มีสีขาวกล่ินหอม ดอก บานเตม็ ท่ีมีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอกจะออกมา เป็นคู่ ลกั ษณะโคง้ งอเขา้ หากนั ภายในมีข้ีเรียงอยจู่ านวนมาก ขนาดความยาว ของฝักประมาณ 10-15 เซนติเมตร
กำรปลูก การปลูกมี 2 วธิ ี •การปลูกในแปลงปลูกเพ่ือประดบั บริเวณบา้ นและสวน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใชป้ ๋ ุยคอกหรือป๋ ุยหมกั : ดินร่วน อตั รา 1 : 2 ผสมดินปลูก •การปลูกในกระถางเพอื่ ประดบั ภายนอกอาคารบา้ นเรือน ใชก้ ระถางทรงสูงขนาด 12-18 นิ้ว ใชป้ ๋ ุยคอกหรือป๋ ุยหมกั :ขยุ มะพร้าว:ดินร่วนอตั รา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูก ควรเปล่ียนกระถางบา้ งแลว้ แต่ความเหมาะสมของทรงพมุ่ และการเจริญเติบโตของ ทรงพุ่ม และควรเปล่ียนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมท่ีเส่ือมสภาพไป กำรดูแลรักษำ •แสง ตอ้ งการแสงแดดปานกลาง จนถึงแสงแดดจดั •นำ้ ตอ้ งการปริมาณน้าปานกลาง ควรใหน้ ้า 5-7 วนั /คร้ัง •ดนิ ชอบดินร่วนซุย มีความช้ืนปานกลาง •ป๋ ยุ ใชป้ ๋ ุยคอกหรือป๋ ุยหมกั อตั รา 1-2 กิโลกรัม/ตน้ ควรใส่ปี ละ 4-6 คร้ัง กำรขยำยพนั ธ์ุ การตอน การเพาะเมลด็ การปักชา วธิ ีท่ีนิยมและไดผ้ ลดี คือ การเพาะเมลด็ การปักชา โรคและศัตรู ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและศตั รู เพราะเป็นไมท้ ี่ทนทานต่อสภาพธรรมชาติ พอสมควร
ความเชื่อ คนไทยโบราณเชื่อวา่ บา้ นใดปลูกตน้ โมกไวป้ ระจาบา้ นจะทาใหเ้ กิด ความสุขความบริสุทธ์ิเพราะโมกหรือโมกขหมายถึงผทู้ ่ีหลุดพน้ ดว้ ยทุกขท์ ้งั ปวง สาหรับส่วนของดอกกม็ ีลกั ษณะ สีขาว สะอาด มีกลิ่นหอมสดชื่นตลอด วนั นอกจากน้ียงั ช่วยคุม้ ครองปกป้องภยั อนั ตรายเพราะตน้ โมกบางคนเรียกวา่ ตน้ พทุ ธรักษาดงั น้นั เชื่อวา่ ตน้ โมกสามารถคุม้ กนั รักษาความปลอดภยั ท้งั ปวง จากภายนอกไดเ้ ช่นกนั และยงั เช่ืออีกวา่ ส่วนของเปลือกตน้ โมกสามารถใช้ ป้องกนั อิทธิฤทธ์ิของพษิ สตั วต์ ่าง ๆ ได้ เพอ่ื เป็นสิริมงคลแก่บา้ นและผอู้ าศยั ควรปลูกตน้ โมกไวท้ างทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ ผปู้ ลูกควรปลูกในวนั เสาร์ เพราะโบราณเชื่อวา่ การปลูกไมเ้ พื่อเอาคุณทวั่ ไปใหป้ ลูกในวนั เสาร์
ตน้ หางนกยงู การจาแนกช้นั ทางวทิ ยาศาสตร์ อาณาจกั ร Plantae หมวด Magnoliophyta ช้นั Magnoliopsida อนั ดบั Fabales วงศ์ Fabaceae, Leguminosae วงศย์ อ่ ย Caesalpinioideae เผา Caesalpinieae สกลุ Delonix สปี ชีส์ D. regia
หำงนกยงู ฝร่ัง (องั กฤษ: Flam-boyant, The Flame Tree, Royal Poinciana) หรือที่เรียกวา่ นกยงู , นกยงู ฝรั่ง, ชมพอ หลวง, สม้ พอหลวง (ภาคเหนือ), หงอนยงู (ภาคใต)้ , อินทรี (ภาคกลาง), และยงู ทอง (มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์) พนั ธุ์ ไมจ้ ากทวีปแอฟริกาอยใู่ นวงศพ์ ืชตระกลู ถวั่ เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดใหญ่ ผลดั ใบในหนา้ แลง้ ทรงพมุ่ ตน้ แผก่ วา้ ง ใบเป็น ใบประกอบแบบขนนกสองช้นั ดอกเป็นช่อออกท่ีปลายก่ิง มีกลีบหา้ กลีบ สีแดงจดั จนถึงสีส้ม ฝักเป็นลกั ษณะฝักถวั่ แบนยาว เม่ือแก่จะเป็นฝักแหง้ แขง็ สีดา
ประวตั ิ หางนกยงู ฝรั่งมีชื่อวทิ ยาศาสตร์ วา่ Delonix regia (Bojer) Raf. อยู่ ในวงศถ์ ว่ั (Leguminosae) เช่นเดียวกบั นนทรี ข้ีเหลก็ ประดู่ แดง ชงโค คูน กาหลง กลั ปพฤกษ์ และกา้ มปู เป็นพนั ธุ์ไมท้ ่ีมี ถิ่นกาเนิดเดิมอยบู่ นเกาะมาดากสั การ์ ทวปี แอฟริกา คน้ พบคร้ัง แรกเม่ือปี พ.ศ. 2367 โดยนกั พฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ในประเทศไทยมีผนู้ าเขา้ มาปลูกเพื่อความสวยงาม โดยปัจจุบนั มีตน้ หางนกยงู สองชนิดคือหางนกยงู ฝร่ังและหางนกยงู ไทยท่ี เป็นไมพ้ มุ่ และดอกสีสดใสหลากสี
ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง ตน้ โตเตม็ ท่ีสูงราว 12 - 18 เมตร เรือนยอดแผก่ วา้ งทรง กลมคลา้ ยร่ม แผก่ ิ่งกา้ นออกคลา้ ยกา้ มปู แต่มีขนาดเลก็ กวา่ ลาตน้ เกล้ียง เปลือกสีน้าตาล อ่อนอมขาวถึงสีน้าตาลเขม้ โคนตน้ เป็นพูพอน มกั มีรากโผล่พน้ ดินออกโดยรอบเม่ือโต เตม็ ที่ ใบเป็นใบประกอบขนนกสองช้นั เรียงเวยี นสลบั และมีใบยอ่ ยเรียงตรงขา้ มกนั ขนาดใบยอ่ ยใกลเ้ คียงกบั ใบยอ่ ยของมะขาม แผน่ ใบรูปขอบขนาน ปลายกลมโคนเบ้ยี ว ผวิ ใบเกล้ียง เป็นพืชผลดั ใบ ในประเทศไทยมกั ผลดั ใบในฤดูร้อนช่วงเดือนมีนาคมถึง มิถุนายน ออกดอกดกและทิ้งใบท้งั ตน้ เหลือแต่ดอกบานสะพร่ังดูงดงามเป็นพเิ ศษ ช่อดอกออก ตามปลายก่ิง และตามง่ามใบใกลป้ ลายก่ิง ประกอบดว้ ยกลีบดอก 5 กลีบ และเกสรตวั ผู้ ยาวงอนออกมาเหนือกลีบดอก กลีบดอกหางนกยงู ความจริงประกอบดว้ ยสี 2 สี คือสี แดงและสีเหลือง แต่ส่วนใหญ่จะมี 2 สีน้ีอยดู่ ว้ ยกนั จึงเห็นเป็นสีแสด ดอกใดที่สีเหลือง มากกวา่ กเ็ ป็นสีแสดออกเหลือง ดอกใดสีแดงมากกวา่ กเ็ ป็นสีแสดออกแดง แต่กม็ ีหาง นกยงู บางตน้ ออกดอกสีแดงแทๆ้ และบางตน้ ออกดอกสีเหลืองบริสุทธ์ิซ่ึงหาไดย้ าก โดยทว่ั ไปจึงพบแต่หางนกยงู ฝร่ังสีแสด ท้งั น้ีผลของหางนกยงู ฝรั่งเป็นฝักแบนโคง้ รูป ดาบ และเมลด็ เรียงตามขวาง[4] การขยายพนั ธุใ์ ชเ้ มลด็ เป็นหลกั และสามารถใชว้ ธิ ีติดตา ต่อกิ่ง เสียบยอด (ท่ีจะทาใหไ้ ม่ กลายพนั ธุ์) และข้ึนไดด้ ีในดินทว่ั ไป
สรรพคุณทำงยำ รากนามาตม้ หรือทอดรับประทานกบั อาหาร เป็นยาขบั โลหิตในสตรี แกอ้ าการบวมต่าง ๆ ลาตน้ นามาฝนทาแกพ้ ษิ ถอนพษิ สตั วต์ ่อยกดั ได้ เมลด็ อ่อนของหางนกยงู ฝรั่งนามากินสด ๆ ได้ สาหรับเมลด็ แก่ตอ้ งนามาทาให้ สุกเสียก่อนจึงจะใชก้ ินได้ เพราะมีสารประกอบบางชนิดที่เป็นพิษ แต่จะถูก ทาลายดว้ ยความร้อน ดอกสามารถนามาไล่แมลงวไี ด้ เกร็ด หางนกยงู ฝรั่งเป็นตน้ ไมพ้ ระราชทานใหเ้ ป็นตน้ ไมป้ ระจา มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ (ชาวธรรมศาสตร์เรียกวา่ \"ตน้ ยงู ทอง\") และ นอกจากน้ียงั เป็นตน้ ไมป้ ระจามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถแ์ ละ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
นางสาวภทั ทิยา อวดแรง เลขท่ี 27 ช้นั ม.5/1 [email protected] ผู้จัดทำ นางสาวศสิธกานต์ ศรีตนทิพย์ เลขที่ 20 ช้นั ม.5/1 [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: