หน่วยท่ี 11 เครื่องส่งวทิ ยุระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ (FREQUENCY MODULATION TRANSMITTER)สาระการเรียนรู้ 11.1 ความเป็นมาของเครื่องส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ 11.2 กาเนิดสญั ญาณเอฟเอม็ สเตอริโอ (FM Stereo generation) 11.3 ลกั ษณะคล่ืนของสัญญาณสเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ 11.4 หลกั การทางานเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ 11.5 หลกั การทางานเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบ FM – SCAผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงัจุดประสงค์ปลายทาง มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั คุณสมบตั ิและลกั ษณะการทางานของวงจรเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์จุดประสงค์นาทาง 1. บอกประวตั ิความเป็นมาของเครื่องส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอ็มสเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ได้ 2. อธิบายการกาเนิดสัญญาณเอฟเอม็ สเตอริโอ (FM Stereo generation) ได้ 3. บอกลกั ษณะคลื่นของสญั ญาณสเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ได้ 4. อธิบายหลกั การทางานเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ได้ 5. อธิบายหลกั การทางานเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบ FM – SCA ได้
- 232 -บทนา การส่งสญั ญาณหลาย ๆ สญั ญาณไดด้ ว้ ยเครื่องส่งเพยี งเครื่องเดียว ท่ีเรียกวา่ เครื่องส่งวทิ ยุระบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ ซ่ึงระบบเสียงแบบสเตอริโอน้นั จะตอ้ งมีสญั ญาณอยา่ งนอ้ ย 2สัญญาณและเคร่ืองขยายเสียง 2 ชุด ในการส่งจะตอ้ งใชไ้ มโครโฟนอยา่ งนอ้ ย 2 ตวั เรียกวา่สัญญาณดา้ นซา้ ย (Left signal) หรือสัญญาณ L กบั สญั ญาณดา้ นขวา (Right signal) หรือสัญญาณ Rซ่ึงสญั ญาณท้งั สองแยกออกจากกนั ทาการขยายสัญญาณดว้ ยเครื่องขยายเสียงสองชุด11.1 ความเป็ นมาของเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ตเิ พลก็ ซ์ ปี ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) มวั เรย์ ครอสบ้ี (MURRY CROSBY) ชาวอเมริกนั เป็ นผบู้ ุกเบิกการส่งกระจายเสียงระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ ซ่ึงใชก้ ารส่งเพียงสถานีเดียว โดยนาสัญญาณทางซีกซา้ ย (L) และซีกขวา (R) มาผสมกนั โดยวธิ ี ท่ีเรียกวา่ มลั ติเพลก็ ซ์ ออกอากาศทางคลื่น FM ปี ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) รัฐบาลสหรัฐอเมริกาไดร้ ับระบบของบริษทั ยอี ี (GE ) และเซนิท เรดิโอคอร์พอเรชน่ั (ZENITH RADIO CORPRORAION) ไวเ้ ป็นระบบของรัฐโดยนาท้งั สองระบบมาปรับปรุงใหมเ่ ป็นระบบเดียวกนั เรียกวา่ ระบบสัญญาณไพลอตโทน (Pilot Tone Signal)ซ่ึงเป็นระบบที่ใชอ้ ยใู่ นประเทศไทย เหตุผลที่ใชร้ ะบบน้ีเพราะ เครื่องรับวทิ ยุ FM ธรรมดา ที่มีอยู่แลว้ ก็สามารถรับฟังวทิ ยุ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์น้ีไดโ้ ดยมีคุณภาพเท่าเดิม และไม่ตอ้ งปรับปรุงเปล่ียน แปลงเครื่องรับท่ีมีอยเู่ ดิม ประหยดั ใชค้ วามถี่เดียวและใชไ้ ดส้ ะดวก ในการส่งสัญญาณแบบสเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ มีขอ้ กาหนดทางเทคนิคคือ 1. ใหเ้ ครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM ธรรมดาสามารถรับฟังสถานีส่งวทิ ยรุ ะบบสเตอริโอได้ โดยการรับไดท้ ้งั สญั ญาณดา้ นซา้ ยและดา้ นขวารวมกนั คือ ไดย้ นิ แบบโมโนโฟนิกนน่ั เอง 2. ใหเ้ คร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM สเตอริโอ สามารถรับฟังสถานีวทิ ยรุ ะบบสเตอริโอสองทิศทางท้งั ซา้ ยและขวาได้ 3. ใหเ้ คร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM สเตอริโอ สามารถรับฟังสถานีวทิ ยรุ ะบบ FM ธรรมดาได้แตไ่ ม่เป็นสเตอริโอ (เป็นโมโนโฟนิกนน่ั เอง) 4. ถา้ มีเครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM ธรรมดา แตต่ อ้ งการรับฟังสัญญาณสเตอริโอ แลว้ ใหไ้ ดย้ นิแบบสเตอริโอก็สามารถรับฟังไดโ้ ดยการเพ่ิมเติมอุปกรณ์มลั ติเพลก็ ซ์เขา้ ไปท่ีเคร่ืองรับไดโ้ ดย ง่าย จากขอ้ กาหนดทางเทคนิคดงั กล่าวน้นั ทางดา้ นผสู้ ่งมีขอ้ พิจารณาคือ สญั ญาณสเตอริโอท่ีใชส้ ่งออกไปโดยเครื่องส่งเพียงเคร่ืองเดียว และเป็นเคร่ืองส่งธรรมดาที่มีใชอ้ ยแู่ ลว้ และสญั ญาณ
- 233 -สเตอริโอน้ีไม่ไปทาใหค้ ุณสมบตั ิของการส่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อีกท้งั ยงั สามารถกลบั มาส่งแบบโมโนโฟนิกไดอ้ ีกในทนั ทีท่ีตอ้ งการส่งโดยไมย่ งุ่ ยาก11.2 กาเนิดสัญญาณเอฟเอม็ สเตอริโอ (FM Stereo generation) ก่อนจะศึกษาเกี่ยวกบั การทางานของ ระบบสเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์น้นั เราจะตอ้ งมาพจิ ารณาสเปกตรัมทางความถ่ีของสัญญาณท่ีเครื่องส่งกนั ก่อน ดงั รูป 11.110%045 38 kHz. ไซดแ์ บนด์ L-R L+R ไพลอต -(L-R) +(L-R)10 15K 19K 23K 38K 53K f (Hz) 30 (ก) ไม่ มี สั ญญาณ RCA V โมโน 38 kHz. ไซด์แบนด์ L-R SCA L+R ไพลอต -(L-R) +(L-R) 0 15K 19K 23K 38K 53K 53K 67K 74K f (Hz) (ข) มี สั ญญาณ RCA รูปที่ 11.1 แถบความถี่การผสมคลื่นของสญั ญาณ FM สเตอริโอ ท่ีมา: พนั ธ์ศกั ด์ิ พุฒิมานิตพงศ.์ 2540 หนา้ 48 และ 50 จากรูปท่ี 11.1 เป็นการแสดงใหเ้ ห็นสัญญาณรวม (Composite signal) ของเครื่องส่งวทิ ยุระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ ซ่ึงสรุปไดค้ ือ 1. สญั ญาณซา้ ย (L) และขวา (R) เป็นสญั ญาณความถี่เสียงท่ีมียา่ นความถ่ีต้งั แต่ 30 Hz~15kHz. ซ่ึงเป็นยา่ นความถ่ีเสียงท่ีใชใ้ นเคร่ืองส่งระบบ FM ปกติ 2. สญั ญาณซา้ ยและขวารวมกนั (L+R) เป็นสัญญาณแชนแนลหลกั (Main channel) ซ่ึงมี
- 234 -ยา่ นความถ่ีต้งั แต่ 30 Hz~15 kHz. เหมือนเดิม แลว้ นาไปมอดูเลตกบั ความถ่ีคลื่นพาห์หลกั โดยวธิ ีFM เพ่อื ใหเ้ ครื่องรับระบบ FM ธรรมดาสามารถรับฟังได้ 3. สัญญาณผลตา่ งระหวา่ งซา้ ยและขวา ( L - R ) เป็นสัญญาณยอ่ ยสาหรับสเตอริโอซ่ึงมียา่ นความถี่ต้งั แต่ 30 Hz~15 kHz. เหมือนเดิม แลว้ นาไปมอดูเลตกบั ความถ่ีคลื่นพาห์ยอ่ ย 38 kHz.แบบ AM กาจดั คล่ืนพาห์ จึงทาใหไ้ ดส้ ัญญาณเอาทพ์ ุทเป็ น DSBSC (Double Sideband Suppressed-Carrier)โดยมีความถ่ีอยรู่ ะหวา่ ง 23 kHz.~53 kHz แลว้ นาสัญญาณแชนแนลยอ่ ยน้ีไปมอดูเลตกบัความถี่คล่ืนห์พาห์หลกั อีกคร้ังหน่ึงแบบ FM ดงั น้ี 38 kHz. + 15 kHz. = 53 kHz. 38 kHz. - 15 kHz. = 23 kHz. 4. สญั ญาณไพลอต 19 kHz. (Pilot subcarrier) เป็นสัญญาณคล่ืนรูปไซนท์ ่ีมีความถ่ี 19kHz. นาไปซิงโครไนซ์ใหเ้ คร่ืองรับทางานเขา้ กบั เครื่องส่ง เพ่ือใชใ้ นการแยกสญั ญาณซา้ ย (L) และขวา (R) กลบั คืนใหไ้ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 5. สญั ญาณแชนแนลยอ่ ย SCA (Subsidiary Communication Authorization) หรือสญั ญาณBackground ซ่ึงบางคร้ังอาจเรียกวา่ “Storecast” ก็ได้ สัญญาณน้ีประกอบดว้ ยความถี่คลื่นพาห์ยอ่ ยความถ่ี 67 KHz. ที่มอดูเลตกนั แบบ FM แบนดแ์ คบ โดยมีการเบ่ียงเบนทางความถ่ี(f ) = 7.5 kHz. (มีความถี่อยรู่ ะหวา่ ง 59.5~74.5 kHz.)11.3 ลกั ษณะคลน่ื ของสัญญาณสเตอริโอมลั ตเิ พลก็ ซ์ อธิบายการกาเนิดสัญญาณสเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ใหเ้ ขา้ ใจไดง้ ่ายข้ึน โดยการสมมติให้สัญญาณ เสียงจากไมโครโฟนดา้ นซา้ ย (L) เป็นคล่ืนรูปไซน์ และสญั ญาณเสียงดา้ นขวา (R) เป็นคล่ืนรูปส่ีเหล่ียมหรือรูปพลั ส์ ดงั รูปท่ี 11.2
- 235 -45% 45% 0% T 0% T 45% (ก) Lift input 45% (ข) Right input 90%Percent max. deviation45% 45% 0% T 0% T 45% (ง) L-R 45% (ค) L+R 90% XX 90% 45% X X 45% 0% T 0% T 45% X X (จ) LX-RX 45% sidebebands envelope 90% (ฉ) (L+R)+(L-R) sidebebands envelope รูปที่ 11.2 รูปคลื่นของสญั ญาณสเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ ที่มา: นท.วโิ รจน์ แกว้ จนั ทร์.2544 หนา้ 193 จากรูปที่ 11.2 (ก) และ (ข) เป็ นสัญญาณซ้าย (L) และขวา (R) ท่ีมีแอมพลิจูดของสัญญาณไปทาให้ความถ่ีเบี่ยงเบนสูงสุดของคลื่นพาห์เปลี่ยนแปลงไปเท่ากบั 45 เปอร์เซ็นต์ ของการเบี่ยงเบนสูงสุด (75 kHz.) และเม่ือนาสัญญาณซ้าย (L) และขวา (R) มารวมกนั ก็จะไดเ้ ป็ นสัญญาณL+R ดงั รูป (ค) เม่ือนาไปมอดูเลตกบั คล่ืนพาห์แลว้ จะทาใหค้ ลื่นพาห์มีความถี่เบี่ยงเบนสูงสุดเท่ากบั90% รูป 11.2 (ง) การรวมสัญญาณซ้าย (L) และขวา (R) ที่ถูกกลบั เฟสไป 180 กลายเป็ นสัญญาณ L-R แลว้ นาไปมอดูเลตกบั คลื่นพาห์ยอ่ ยท่ี 38 kHz. แบบ AM กาจดั คล่ืนพาห์ โดยใชว้ งจรบาลานซ์มอดูเลเตอร์ ก็จะไดส้ ัญญาณเป็ น (L-R) DSB ดงั รูป (จ) มีความถ่ีเบ่ียงเบนไปเท่ากบั 45 %นาเอาสัญญาณรูป (ค) กับรูป (จ) มารวมกันก็จะเกิดเป็ นสัญญาณรวมหรือสัญญาณสเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ ดงั รูป (ฉ) ซ่ึงรวมเอาความถี่ไพลอต 19 kHz. หรือสัญญาณ SCA เขา้ ไปดว้ ย
- 236 - ขอ้ บงั คบั ของวทิ ยสุ ากล (Radio Regulation) สาหรับการกระจายเสียงวทิ ยรุ ะบบ FMกาหนดไวว้ า่ มีความถี่เบ่ียงเบนสูงสุด (Fmax) ไมเ่ กิน 75 kHz. ท้งั ระบบ FM. Mono และ FM.stereo ดงั น้นั ในระบบสเตอริโอสัญญาณรวม สัญญาณความถ่ีไพลอตหรือสญั ญาณ SCA จะมอดูเลตเพยี ง 10 % ของความถ่ีเบี่ยงเบนสูงสุด ( 75 kHz.) หรือเท่ากบั 7.5kHz. ทาใหส้ ัญญาณมลั ติเพลก็ ซ์ท่ีจะส่งเขา้ มามอดูเลตมีเพียง 90 % หรือเทา่ กบั 67.5 kHz. ในกรณีไม่มีสัญญาณ SCA และถา้ มีสญั ญาณ SCA มอดูเลตเขา้ ไปดว้ ย สัญญาณรวมก็จะลดลงไปอีกเป็น 80 % หรือเทา่ กบั 60 kHz. ทาใหค้ วามดงั ของสัญญาณเสียงลดลงตามไปดว้ ย11.4 หลกั การทางานเครื่องส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ตเิ พลก็ ซ์หลกั การทางานของเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์อธิบายจากบลอ็ กไดอะแกรม ไดด้ งั น้ี กาเนิดความถ่ี RF ผสมคล่ืน ทวคี ูณความถ่ี สายอากาศ คล่ืนพาหะ ทางความถ่ี ขยายกาลงั (FM)ขวา (R)ซา้ ย (L) ไมค์ ปรีเอมฟาซิส สัญญาณเบ็คเสร็จสเตอริโอ ดา้ น (R) (composite stereo signal) ขยายเสียง เขา้ รหสั ดา้ น (R) สเตอริโอ (Stereo ปรีเอมฟาซิส ขยายเสียง Encoder) ดา้ น (L) ดา้ น (L) ไมค์ รูปที่ 11.3 บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองส่งวทิ ยุ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ ที่มา: พนั ธ์ศกั ด์ิ พฒุ ิมานิตพงศ.์ 2540 หนา้ 45 จากรูปที่ 11.3 บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองส่งวิทยุ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ มีการทางานดงั น้ีคือ แหล่งกาเนิดเสียงจะกาเนิดสัญญาณเสียงข้ึนมาแลว้ ส่งเขา้ ไมโครโฟน 2 ตวั คือ ไมโครโฟนทางขวา (R) ซ่ึงจะรับสัญญาณเสียงที่เขา้ มาจากดา้ นขวาแรง และดา้ นซ้ายเบา ไมโครโฟนทางซ้าย(L) ก็จะรับสัญญาณเสียงที่เขา้ มาจากดา้ นซา้ ยแรง และดา้ นขวาเบา โดยสัญญาณเสียงท้งั สองดา้ นจะถูกเปลี่ยนเป็ นสัญญาณไฟฟ้ าที่ต่างกัน ส่งต่อไปยังภาคปรี เอมฟาซิสด้าน R และด้าน Lสัญญาณเสียงดา้ น R จะถูกส่งเขา้ ภาคปรีเอมฟาซิสดา้ น R สัญญาณเสียงดา้ น L จะถูกส่งเขา้
- 237 -ภาคปรีเอมฟาซิส ดา้ น L เพ่ือทาการยกระดบั ความแรงของสัญญาณเสียงความถ่ีสูงให้แรงมากข้ึนกวา่ ปกติ จะไดพ้ น้ จากสัญญาณรบกวน มีผลทาให้สัญญาณเสียงต่อสัญญาณรบกวน (S/N Ratio)เท่ากนั ตลอดย่านความถ่ีเสียง แล้วส่งไปยงั ภาคขยายเสียงดา้ น R และด้าน L ซ่ึงจะทาการขยายสัญญาณเสียงดา้ น R และดา้ น L จนมีระดบั ความแรงมากข้ึน แลว้ ส่งต่อไปยงั ภาคเขา้ รหสั สเตอริโอทาหน้าที่รวมสัญญาณเสียงด้าน R และด้าน L เข้าด้วยกัน ได้เป็ นสัญญาณสเตอริโอแบบเบด็ เสร็จ (Composite Stereo Signal) ส่งไปเขา้ ภาคผสมคลื่นทางความถ่ี (FM) ซ่ึงจะรับสัญญาณเข้ามา 2 สัญญาณคือ สัญญาณคล่ืนพาหะ (RF) ท่ีได้จากภาคกาเนิดความถี่คล่ืนพาหะ และสัญญาณสเตอริโอแบบเบด็ เสร็จท่ีไดจ้ ากภาคเขา้ รหสั สเตอริโอ มาทาการผสมคลื่นทางความถี่ ได้เป็ นคล่ืนความถี่ FM ส่งต่อไปยงั ภาคทวีคูณความถี่ เพื่อเพิ่มความถ่ีคลื่นพาหะ ให้มีความถี่สูงข้ึนจนถึงระดบั ความถี่ที่ใชง้ านของสถานี FM จากน้นั ส่งไปยงั ภาคขยายกาลงั ความถ่ี FM เพื่อทาให้มีระดบั ความแรงมากพอท่ีจะส่งไปสายอากาศแลว้ แพร่กระจายคล่ืนไปในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าขวา (R) กาเนิดความถี่ RF ผสมคลื่น ทวีคูณความถี่ สายอากาศ คล่ืนพาหะ ทางความถี่ ขยายกาลงั (FM) AF ปรีเอมฟาซิส ขยายเสียง ไมค์ซ้าย (L) รูปท่ี 11.4 บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองส่งวทิ ยุ FM ธรรมดา ที่มา: พนั ธ์ศกั ด์ิ พุฒิมานิตพงศ.์ 2540 หนา้ 44 จากรูปท่ี 11.4 บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องส่งวทิ ยุ FM ธรรมดาซ่ึงเม่ือเทียบกบั เคร่ืองส่งวทิ ยุFM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ จะมีส่วนที่แตกตา่ งกนั อยกู่ ็คือ ภาคเขา้ รหสั สเตอริโอ (Stereo Encoder)และการรับสัญญาณ เสียงเขา้ มา โดยภาคเขา้ รหสั สเตอริโอจะเป็นตวั รวมสญั ญาณเสียงดา้ นขวา (R)และดา้ นซา้ ย (L) เขา้ ดว้ ยกนั แบบแยกกนั ไดเ้ มื่อถึงเคร่ืองรับ อธิบายการทางานของภาคเขา้ รหสัสเตอริโอ ได้ ดงั รูปท่ี 11.5
- 238 -ปรีเอมฟาซิส ขยายเสียงดา้ น 1 L+R (โมโน 0-15 kHz. 7 สญั ญาณสเตอริโอแบบเบด็ เสร็จ (R) (R) R รวมสญั ญาณ 4 R รวมสญั ญาณ ผสมคล่ืน ไปทวีคูณ L+R ท้งั หมด ทางความถ่ี (FM) ความถี่ปรีเอมฟาซิส ขยายเสียงดา้ น (L) (l) L 2 กา(เ1ไน9พิดkลคHอวzตา.ม) ถ่ี 19 kHz. กาเนิดความถ่ี คลื่นพาหะ R กลบั เฟส 5 L+R (โมโน) 19 kHz. สญั ญาณ 180 2ท(เวพทคี่าาูณห3ะค8ยว่ kอาHมย)zถ.ี่ 38 kHz. ไซด์ แบนด์ 58 kHz. L 3 -R L-R 6 L-R รวมสญั ญาณ ผสมคลื่น 38 kHz. ไซด์ แบนด์ L-R แบบสมดุลย์ L-RL ภาคเขา้ รหสั สเตอริโอรูปท่ี 11.5 ส่วนประกอบภายในของภาคเขา้ รหสั สเตอริโอ ท่ีมา: พนั ธ์ศกั ด์ิ พุฒิมานิตพงศ.์ 2540 หนา้ 46 จากรูปที่ 11.5 สญั ญาณเสียงดา้ น R และดา้ น L เมื่อผา่ นภาคขยายสญั ญาณเสียงดา้ น R และดา้ น L แลว้ จะส่งเขา้ ภาคเขา้ รหสั สเตอริโอ ซ่ึงจะประกอบดว้ ยส่วนต่าง ๆ ดงั น้ี 1. วงจรรวมสญั ญาณ L+R (L+R Adder) จะทาหนา้ ที่ รวมสัญญาณเสียงทางดา้ นขวา (R)และดา้ นซา้ ย (L) ทาใหไ้ ดส้ ญั ญาณเสียงเป็น L+R ที่เป็นสญั ญาณโมโน (Mono Signal) ท่ีมีความถี่อยใู่ นช่วง 0-15 kHz. แลว้ ส่งตอ่ ไปวงจรรวมสญั ญาณท้งั หมด (Adder) 2. วงจรกลบั เฟสสัญญาณ 180 (180 Phase Inverter) จะทาหนา้ ท่ี กลบั เฟส 180 ใหก้ บัสัญญาณเสียงทางดา้ นขวา (R) ท่ีรับเขา้ มา คือ ถา้ รับสญั ญาณเสียงเขา้ มา + R เม่ือผา่ นวงจรกลบั เฟสสญั ญาณ 180 ก็จะกลายเป็น - R ส่งต่อไปวงจรรวมสัญญาณ L- R 3. วงจรรวมสัญญาณ L-R (L-R Adder) จะทาหนา้ ท่ี รวมสัญญาณเสียงทางดา้ นซา้ ย (L)และสัญญาณเสียงทางดา้ นขวา (R) ที่กลบั เฟสเป็น -R ทาใหไ้ ดส้ ญั ญาณเสียงเป็น L–R ท่ีมีความถี่อยู่ใน ช่วง 0-15 k H z. เหมือนกบั สญั ญาณเสียง L + R แลว้ ส่งไปยงั วงจรผสมคล่ืนแบบสมดุล(Balance Modulator) 4. วงจรกาเนิดความถ่ี 19 kHz. (19 kHz. Oscillator) จะทาหนา้ ท่ี กาเนิดสัญญาณความถี่โดยตวั คริสตอลที่มีความถี่และความแรงคงท่ีตลอดเวลาค่า 19 kHz. ข้ึนมา เรียกวา่ สัญญาณนาทางหรือ สญั ญาณไพลอต (Pilot Signal) ซ่ึงความถ่ีน้ีมีความสาคญั เพราะจะช่วยใหเ้ ครื่องรับวทิ ยรุ ะบบFM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์แยกเสียงทางดา้ นรับเป็ นแบบสเตอริโอได้ สัญญาณจะส่งออกไป 2 ทางคือ ส่งไปเขา้ วงจรรวมสัญญาณท้งั หมด และส่งไปเขา้ วงจรทวคี ูณความถ่ี 2 เทา่ 38 kHz.
- 239 - 5. วงจรทวีคูณความถ่ี 2 เท่า 38 kHz. (38 kHz. Frequency Double) จะทาหนา้ ที่ รับความถ่ีเขา้ มาแลว้ เพิม่ ใหเ้ ป็น 2 เท่า ดงั น้นั ความถ่ี 19 kHz. ที่รับเขา้ มา เม่ือผา่ นวงจรน้ีแลว้ จะไดค้ วามถี่เป็น38 kHz. เรียกความถ่ี 38 kHz. ท่ีไดน้ ้ีว่า คล่ืนพาหะย่อย (Sub-Carrier) ส่งต่อไปยงั วงจรผสมคลื่นแบบสมดุล (Balance Modulator) 6. วงจรผสมคลื่นแบบสมดุล (Balance Modulator) จะทาหน้าที่ รับสัญญาณเสียง L–Rและสญั ญาณคล่ืนพาหะยอ่ ย 38 kHz. มาทาการผสมคล่ืนแบบ AM มีเปอร์เซ็นตก์ ารผสมคล่ืน 100%แบบแถบขา้ ง 2 ดา้ นไม่มีพาหะ (DSBSC: Double-Sideband Suppressed Carrier) มีไซด์แบนดด์ า้ นสูง (USB) คือ +(L–R) และไซดแ์ บนดด์ า้ นต่า (LSB) คือ -(L–R) สัญญาณที่ไดจ้ ะเรียกวา่ 38 kHz.ไซดแ์ บนด์ L–R ส่งต่อไปยงั วงจรรวมสัญญาณท้งั หมด 7. วงจรรวมสัญญาณท้งั หมด (Adder) จะทาหนา้ ท่ี รวมสญั ญาณท้งั หมดที่รับเขา้ มาใหเ้ ป็นสัญญาณเดียว ท่ีเรียกวา่ สัญญาณสเตอริโอแบบเบ็ดเสร็จ (Composite Stereo Signal) ซ่ึงสัญญาณท้งั หมดท่ีรับเขา้ มามี 3 สัญญาณ คือ 1. สัญญาณเสียงโมโน L+ R 2. สญั ญาณไพลอต 19 kHz.3. สญั ญาณ 38 kHz. ไซดแ์ บนด์ L–R และสัญญาณสเตอริโอแบบเบด็ เสร็จที่ไดน้ ้ีจะถูกส่งไปยงั ภาคผสมคล่ืนทางความถี่ ( F M ) ลกั ษณะสเปคตรัมความถี่ของสัญญาณเบด็ เสร็จสเตอริโอ แสดงดงัรูปท่ี 11.6 10%045 38 kHz. ไซดแ์ บนด์ L-R L+R ไพลอต -(L-R) +(L-R)10 15K 19K 23K 38K 53K f (Hz) 30รูปที่ 11.6 สเปคตรัมความถี่สญั ญาณเบ็ดเสร็จสเตอริโอ ที่มา: พนั ธ์ศกั ด์ิ พฒุ ิมานิตพงศ.์ 2540 หนา้ 48 จากรูปที่ 11.6 แสดงสเปคตรัมความถ่ี หรือแถบคลื่นความถี่สัญญาณเบด็ เสร็จสเตอริโอ ซ่ึงตามมาตรฐานของ FCC ไดก้ าหนดไวว้ า่ สญั ญาณเสียงโมโน L+R จะมีความถี่ในช่วง30 kHz.-15 kHz. จะมีเปอร์เซ็นตก์ ารผสมคลื่น 45 % สัญญาณไพลอต 19 kHz. จะมีเปอร์เซ็นตก์ ารผสมคล่ืน 10 % และสัญญาณ 38 kHz. ไซดแ์ บนด์ L–R จะมีความถ่ีในช่วง 23 kHz. -53 kHz. ซ่ึงหาไดจ้ ากการร่วมกนั และหกั ลา้ งกนั ของสญั ญาณคลื่นพาหะยอ่ ย 38 kHz. กบั สัญญาณเสียงความถ่ี
- 240 -สูงสุดดงั น้ี (38 kHz.+15 kHz. = 53 kHz., 38 kHz. -15 kHz. =23 Hz.) ละจะมีเปอร์เซ็นตก์ ารผสมคลื่น 45 % ทาใหไ้ ดก้ ารผสมคลื่นของสญั ญาณท้งั หมดรวม 100 %11.5 หลกั การทางานเครื่องส่งวทิ ยรุ ะบบ FM–SCA สาหรับการส่งวทิ ยกุ ระจายเสียงระบบ FM หรือระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ ท่ีมีการส่งข่าวสารลกั ษณะเฉพาะแฝงไปกับการส่งระบบปกติ เรียกว่า สัญญาณ SCA (Subsidiary -Communication Authorization) สัญญาณที่ส่งออกไปอาจเป็ นข่าวสาร เสียงเพลง ข่าวสารทางการศึกษา รหสั ขอ้ มูล หรือขอ้ มูลทางคอมพิวเตอร์ ซ่ึงเป็ นการบริการโดยเฉพาะบางคนบางกลุ่มเท่าน้นัจึงตอ้ งเสียคา่ ธรรมเนียมในการใชบ้ ริการ เพราะไมใ่ ช่การส่งวทิ ยกุ ระจายเสียงเพอ่ื บริการสาธารณะ การส่งระบบ FM-SCA จะใชค้ ลื่นพาหะยอ่ ยตวั ใหมผ่ สมกบั สัญญาณข่าวสาร ในเคร่ืองส่งวทิ ยุ FM แบบธรรมดาจะใชค้ ลื่นพาหะยอ่ ย 41 kHz. และในเครื่องส่ง FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ใช้คล่ืนพาหะยอ่ ย 67 kHz. ผสมคลื่นแบบ FM มีความถี่ไซดแ์ บนดเ์ ปล่ียนแปลงไป 7 kHz. สายอากาศ กาเนิด ผสมคลื่นแบบ ทวีคูณความถ่ี ขยายกาลงัความถี่พาหะ FM SCA L+R รวมสญั ญาณ 19 kHz. ท้งั หมด ผสมคลื่นแบบ กาเนิดความถ่ีไซดแ์ บนด์ L-R FM-SCA 67 kHz. (พาหะย่ อย) ขยายสญั ญาณ ขอ้ มูลขา่ วสาร ขอ้ มูลข่าวสาร รูปที่ 11.7 บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองส่งระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ที่มีสญั ญาณ SCA ที่มา: พนั ธ์ศกั ด์ิ พฒุ ิมานิตพงศ.์ 2544 หนา้ 66 จากรูปท่ี 11.7 บล็อกไดอะแกรมเครื่องส่งระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ท่ีมีสญั ญาณSCA ประกอบดว้ ยภาคต่าง ๆ คือ
- 241 - 1. ภาคขยายสัญญาณขอ้ มูลขา่ วสาร ทาหนา้ ที่ รับขอ้ มลู ขา่ วสาร เช่น เพลง ข่าวสาร การแสดง หรือภาพ เขา้ มาทาการขยายสัญญาณใหแ้ รงข้ึน แลว้ ส่งไปยงั ภาคผสมคล่ืนแบบ FM-SCA 2. ภาคกาเนิดความถี่ 67 kHz. ทาหนา้ ท่ี กาเนิดความถี่คลื่นพาหะยอ่ ย มีความถ่ี 67 kHz.ข้ึนมา แลว้ จึงส่งต่อไปเขา้ ภาคผสมคล่ืนแบบ FM-SCA 3. ภาคผสมคลื่นแบบ FM-SCA ทาหนา้ ท่ี รับความถี่จากภาคยายสญั ญาณขอ้ มลู ข่าวสารและจากภาคกาเนิดความถ่ี 67 kHz. มาผสมคล่ืนทางความถี่ใหม้ ีไซดแ์ บนดด์ า้ นละ 7.5 kHz. แลว้ส่งไปยงั วงจรรวมสญั ญาณท้งั หมด เพ่ือรวมกบั สัญญาณ L+R, สัญญาณ 19 kHz. และสัญญาณไซดแ์ บนด์ L-RV โมโน 38 kHz. ไซดแ์ บนด์ L-R SCA L+R ไพลอต -(L-R) +(L-R)0 15K 19K 23K 38K 53K 53K 67K 74K f (Hz)รูปท่ี 11.8 สเปคตรัมความถ่ีของสัญญาณเบด็ เสร็จสเตอริโอที่มีสญั ญาณ SCA ส่งมาดว้ ย ที่มา: พนั ธ์ศกั ด์ิ พุฒิมานิตพงศ.์ 2540 หนา้ 50 จากรูปที่ 11.8 แสดงสเปคตรัมความถี่ของสัญญาณเบด็ เสร็จสเตอริโอที่มีสญั ญาณ SCA ส่งมาดว้ ย สญั ญาณเบด็ เสร็จสเตอริโอมีความถ่ีสูงสุดไม่เกิน 53 kHz. มีเปอร์เซ็นตก์ ารผสมคล่ืน 40 %ส่วนสญั ญาณ SCA ใชค้ วามถี่พาหะยอ่ ย 67 kHz. ผสมกบั สญั ญาณเสียงจะมีแถบกวา้ ง (Band width)ไดไ้ มเ่ กิน 14 kHz. มีความถี่อยใู่ นช่วง 59.5-74.5 kHz. และมีเปอร์เซ็นตก์ ารผสมคล่ืน 10 %
- 242 -บทสรุป เคร่ืองส่งวทิ ยุ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ มีการทางานดงั น้ี คือ แหล่งกาเนิดเสียงจะกาเนิดสัญญาณเสียงข้ึนมาแลว้ ส่งเขา้ ไมโครโฟน 2 ตวั คือ ไมโครโฟนทางขวา (R) เครื่องส่งวทิ ยุ FM ธรรมดาซ่ึงเมื่อเทียบกบั เคร่ืองส่งวทิ ยุ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ จะมีส่วนท่ีแตกต่างกนั อยกู่ ็คือ ภาคเขา้ รหสั สเตอริโอ (Stereo Encoder) และการรับสญั ญาณเสียง เขา้ มาโดยภาคเขา้ รหสั สเตอริโอจะเป็นตวั รวมสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) และดา้ นซา้ ย (L) การส่งวทิ ยกุ ระจายเสียงระบบ FM หรือระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ ที่มีการส่งขา่ วสารลกั ษณะเฉพาะแฝงไปกบั การส่งระบบปกติ เรียกวา่ สัญญาณ SCA (Subsidiary-Communication Authorization) การส่งระบบ FM-SCA จะใชค้ ลื่นพาหะยอ่ ยตวั ใหม่ผสมกบั สัญญาณขา่ วสาร ในเคร่ืองส่งวทิ ยุ FM แบบธรรมดาจะใชค้ ล่ืนพาหะยอ่ ย 41 kHz. และในเคร่ืองส่ง FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ใช้คล่ืนพาหะยอ่ ย 67 kHz. ผสมคล่ืนแบบ FM มีความถ่ีไซดแ์ บนดเ์ ปล่ียนแปลงไป 7 kHz.
- 243 -คาศัพท์ทสี่ าคญั ในหน่วยที่ 111. Balance Modulator วงจรผสมคลื่นแบบสมดุล2. Composite Signal สญั ญาณรวม3. Composite Stereo Signal สญั ญาณเบด็ เสร็จสเตอริโอ4. FM Stereo Generation กาเนิดสญั ญาณเอฟเอม็ สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์5. 19 kHz. Oscillator วงจรกาเนิดความถ่ี 19 กิโลเฮิรตซ์6. 38 kHz. Frequency Double วงจรทวคี ูณความถ่ี 2 เทา่7. Left Signal สัญญาณดา้ นซา้ ย8. Main Channel แชนแนลหลกั9. Mono Signal สัญญาณโมโน10. MURRY CROSBY มวั เรย์ ครอสบ้ี11. Multiplex Encoder มลั ติเพลก็ ซ์ เอนโคเดอร์12. Multiplex Decoder มลั ติเพลก็ ซ์ดีโคเดอร์ วงจรกลบั เฟสสญั ญาณ 180 องศา13. 180 Phase Inverter14. Pilot Subcarrier สัญญาณไพลอต15. Pilot Tone Signal สัญญาณไพลอตโทน16. Radio Regulation ขอ้ กาหนดวทิ ยสุ ากล17. Right Signal สญั ญาณดา้ นขวา18. Stereo Encoder ภาคเขา้ รหสั19. Stereo Demodulation สเตอริโอดีมอดูเลเตอร์20. Subsidiary Communication Authorization สัญญาณแชนแนลยอ่ ย SCA
- 244 - บรรณานุกรมชิงชยั วรรณรักษ.์ แผนการสอนแยกย่อยแบบพศิ ดาร. หนองคาย:ชูชยั ธนสารต้งั เจริญ และพชิ ยั ภกั ดีพานิชเจริญ. ระบบส่ือสารวทิ ย.ุ กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พฟ์ ิ สิกส์ เซ็นเตอร์.ประพนั ธ์ พิพฒั นสุข และวลิ าวลั ย์ โฉมเฉลา. ทฤษฎเี ครื่องรับวทิ ยุ AM-FM. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์ ศนู ยส์ ่งเสริมอาชีวะ.บรรเจิด ตนั ติกลั ยาภรณ์. นักเลงสายอากาศ. สถาบนั อิเล็กทรอนิกส์กรุงเทพรังสิต.พนั ธ์ศกั ด์ิ พฒุ ิมานิตพงศ.์ ทฤษฎเี คร่ืองรับวิทยุ. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ ศูนยส์ ่งเสริมอาชีวะ.พนั ธ์ศกั ด์ิ พุฒิมานิตพงศ.์ ทฤษฎเี คร่ืองรับวิทยุ. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ ศนู ยส์ ่งเสริมวชิ าการ.พนั คา ช่อวงศ.์ เคร่ืองส่งวิทยแุ ละสายอากาศ. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์ ศูนยส์ ่งเสริมอาชีวะ.น.ท. วโิ รจน์ แกว้ จนั ทร์. ทฤษฎเี ครื่องส่งวทิ ย.ุ บริษทั สกายบุก๊ ส์ จากดั .ร.ต.อ. สุชาติ กงั วารจิตต.์ เครื่องรับส่งวทิ ยุและระบบวทิ ยุสื่อสาร. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยเู คชน่ั , 2532.GEORGE KENNEDY. ELECTRONIC COMMUNICATION SYSTEM. Third Edition : McGraw-Hill. 1984.WILLIAM SCHWEBER. ELECTRONIC COMMUNICATION SYSTEM. A CompleteCourse Fourth Edition: Prentice Hall, 2002.
- 245 - แบบฝึ กหดั หน่วยที่ 11 ตอนท่ี 1 จงเติมคาในช่องวา่ งและตอบคาถามในขอ้ ตอ่ ไปน้ีใหม้ ีความถูกตอ้ งสมบรู ณ์มากที่สุด1. นายมวั เรย์ ครอสบ้ี ชาวอเมริกนั มีความสาคญั อยา่ งไร ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................2. สญั ญาณสเตอริโอแบบเบด็ เสร็จ มีอะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................3. วงจรรวมสญั ญาณ L+R ทาหนา้ ท่ี .................................................................................................. ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................4. วงจรกลบั เฟสสัญญาณ 180 ทาหนา้ ที่ .......................................................................................... ........................................................................................................................................................5. วงจรรวมสญั ญาณ L-R ทาหนา้ ที่ ................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................6. วงจรกาเนิดความถี่ 19 kHz. ทาหนา้ ที่ ............................................................................................ ........................................................................................................................................................7. วงจรทวคี ูณความถี่ 2 เทา่ 38 kHz. ทาหนา้ ที่ .................................................................................. ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................8. วงจรผสมคล่ืนแบบสมดุล ทาหนา้ ท่ี .............................................................................................. ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................9. ภาคผสมคลื่นแบบ FM–SCA ทาหนา้ ที่ ......................................................................................... ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................
- 246 -ตอนท่ี 2 จงเขียนรูปบล็อกไดอะแกรมตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ งสมบรู ณ์ที่สุด1. บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองส่งวทิ ยธุ รรมดา2. บล็อกไดอะแกรมเครื่องส่งวทิ ยรุ ะบบ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์
- 247 - แบบทดลองฝึ กปฏบิ ตั ิท้ายหน่วยท่ี 11 วงจรขยายเสียง วทิ ยรุ ับส่ง 27 MHz.จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม1. เขียนวงจรขยายเสียง วทิ ยรุ ับส่ง 27 MHz. ไดถ้ ูกตอ้ ง2. วดั และทดสอบสัญญาณจุดต่าง ๆ ของวงจรขยายเสียง ขณะเป็นเคร่ืองส่งไดถ้ ูกตอ้ ง3. วดั และทดสอบสัญญาณจุดต่าง ๆ ของวงจรขยายเสียง ขณะเป็นเครื่องรับไดถ้ ูกตอ้ งเคร่ืองมือและอุปกรณ์1. ออสซิลโลสโคป (Oscilloscope) 1 เคร่ือง2. มลั ติมิเตอร์ 1 เคร่ือง3. แผงเครื่องวทิ ยุรับส่ง 27 MHz. 2 เครื่องข้อควรระวงั / ข้อเสนอแนะ1. ไมค่ วรเล่นหรือหยอกลอ้ กนั ในขณะประกอบวงจร2. ควรต่อวงจรดว้ ยความระมดั ระวงั มิเช่นน้นั อาจเกิดความเสียหายได้3. เม่ือมีปัญหาหรือไม่เขา้ ใจข้นั ตอนการปฏิบตั ิงาน ควรรีบปรึกษาครูผสู้ อน
- 248 -ลาดับข้นั การปฏบิ ัติ1. จา่ ยไฟ VDC. 9 V. ใหก้ บั เครื่องวทิ ยรุ ับส่ง 27 MHz.ท้งั 2 เครื่อง ใหเ้ ครื่องหน่ึงทางาน ในสภาวะเคร่ืองส่ง และอีกเครื่องทางานในสภาวะเคร่ืองรับ R5 56K R7 1K 9V R336K 4C77/10 C11 .001 R568K OPT 10C0/1146 G .04C76 .C0115 S1 R9 330K 9T0R133 9T0R134 .0C282จุดวดั 9 T 7 จุดวดั 6 4T5R82 R C9 .033 จุดวดั 8 100C/1126 จุดวดั .0C4173 1V0RK .0C110 R10 27Ω รูปท่ี 11.9 วงจรภาคขยายเสียงของวทิ ยรุ ับส่ง 27 MHz2. วดั เครื่องวทิ ยรุ ับส่ง 27 MHz. เคร่ืองท่ีทางานอยใู่ นสภาวะเป็นเครื่องส่ง3. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 9 เพื่อวดั สัญญาณที่ข้วั บวกของลาโพง ขณะกดคียส์ ่งไม่ ผสมสัญญาณเสียง บนั ทึกคา่ ความถี่ท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคล่ืนท่ีไดล้ งในตารางกราฟท่ี 11.1 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถี่ = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.1
- 249 -4. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 9 เพอ่ื วดั สัญญาณท่ีข้วั บวกของลาโพง ขณะกดคียส์ ่งและ ผสมสัญญาณเสียง บนั ทึกคา่ ความถี่ท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคล่ืนที่ไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.2 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.25. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณท่ีจุด 8 ขาเบสของ TR2 วดั สัญญาณขณะกดคียส์ ่งแตไ่ ม่ผสม สญั ญาณเสียง บนั ทึกคา่ ความถ่ีที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นที่ไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.3 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p คา่ ความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.3
- 250 -6. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 8 ขาเบสของ TR2 วดั สัญญาณขณะกดคียส์ ่งผสม สญั ญาณเสียง บนั ทึกค่าความถี่ท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคล่ืนที่ไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.4 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p คา่ ความถี่ = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.47. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณท่ีจุด 7 ขาเบสของ TR3 วดั สญั ญาณขณะกดคียส์ ่งแต่ไมผ่ สม สัญญาณเสียง บนั ทึกค่าความถ่ีที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นท่ีไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.5 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.5
- 251 -8. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 7 ขาเบสของ TR3 วดั สัญญาณขณะกดคียส์ ่งแต่ไม่ผสม สญั ญาณเสียง บนั ทึกค่าความถี่ท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นที่ไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.6 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p คา่ ความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.69. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 6 ที่ขา C ของ TR3 ขณะกดคียส์ ่งแตไ่ มผ่ สมสญั ญาณ เสียง บนั ทึกคา่ ความถ่ีท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นที่ไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.7 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถี่ = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.7
- 252 -10. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 6 ที่ขา C ของ TR3 ขณะกดคียส์ ่งและผสมสัญญาณ เสียง บนั ทึกค่าความถ่ีที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นที่ไดล้ งในตารางกราฟท่ี 11.8 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p คา่ ความถี่ = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.811. วดั เครื่องวทิ ยรุ ับส่ง 27 MHz. เครื่องท่ีทางานอยใู่ นสภาวะเป็นเคร่ืองรับ12. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณท่ีจุด 9 เพือ่ วดั สัญญาณท่ีข้วั บวกของลาโพง ขณะกดคียส์ ่งไม่ ผสมสญั ญาณเสียง บนั ทึกค่าความถี่ที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นท่ีไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.9 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p คา่ ความถี่ = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.9
- 253 -13. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 9 เพ่ือวดั สัญญาณที่ข้วั บวกของลาโพง ขณะกดคียส์ ่งและ ผสมสญั ญาณเสียง บนั ทึกคา่ ความถี่ที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคล่ืนที่ไดล้ งในตารางกราฟท่ี 11.10 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p คา่ ความถี่ = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.1014. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 8 ขาเบสของ TR2 วดั สญั ญาณขณะกดคียส์ ่งแต่ไม่ผสม สัญญาณเสียง บนั ทึกคา่ ความถ่ีที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคล่ืนที่ไดล้ งในตารางกราฟท่ี 11.11 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.11
- 254 -15. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 8 ขาเบสของ TR2 วดั สัญญาณขณะกดคียส์ ่งผสม สญั ญาณเสียง บนั ทึกค่าความถี่ท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคล่ืนที่ไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.12 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.1216. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 7 ขาเบสของ TR3 วดั สัญญาณขณะกดคียส์ ่งแตไ่ ม่ผสม สญั ญาณเสียง บนั ทึกค่าความถี่ท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นท่ีไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.13 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.13
- 255 -17. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณท่ีจุด 7 ขาเบสของ TR3 วดั สัญญาณขณะกดคียส์ ่งแต่ไม่ผสม สญั ญาณเสียง บนั ทึกคา่ ความถี่ที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นท่ีไดล้ งในตารางกราฟท่ี 11.14 ค่าแรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.1418. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณท่ีจุด 6 ท่ีขา C ของ TR3 ขณะกดคียส์ ่งแตไ่ ม่ผสมสญั ญาณ เสียง บนั ทึกค่าความถ่ีท่ีไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นท่ีไดล้ งในตารางกราฟท่ี 11.15 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p ค่าความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟที่ 11.15
- 256 -19. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวดั สัญญาณที่จุด 6 ที่ขา C ของ TR3 ขณะกดคียส์ ่งและผสมสญั ญาณ เสียง บนั ทึกค่าความถ่ีที่ไดพ้ ร้อมท้งั วาดรูปคลื่นท่ีไดล้ งในตารางกราฟที่ 11.16 คา่ แรงดนั = …………….. Vp-p คา่ ความถ่ี = …………….. Hz. ตารางกราฟท่ี 11.16สรุปผลการทดลอง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- 257 - ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน แบบทดลองฝึ กปฏบิ ัตทิ ้ายหน่วยที่ 11 วงจรขยายเสียงวทิ ยุรับส่ง 27 MHz.ลาดบั หวั ขอ้ ประเมิน ท่ี1 การเตรียมอุปกรณ์และเคร่ืองมือ 1.1 การเตรียมอุปกรณ์การทดลอง 1.2 การเตรียมเคร่ืองมือวดั (มิเตอร์ ออสซิลโลสโคปและอ่ืน ๆ)2 ความรู้ความสามารถในการปฏิบตั ิงาน 2.1 วดั สัญญาณขณะเป็นเครื่องส่งจุดท่ี 9 ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.2 วดั สัญญาณขณะเป็นเครื่องส่งจุดที่ 8 ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.3 วดั สัญญาณขณะเป็นเครื่องส่งจุดที่ 7 ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.4 วดั สัญญาณขณะเป็นเคร่ืองส่งจุดท่ี 6 ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.5 วดั สัญญาณขณะเป็นเคร่ืองรับจุดที่ 9 ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.6 วดั สญั ญาณขณะเป็นเครื่องรับจุดท่ี 8 ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.7 วดั สัญญาณขณะเป็นเครื่องรับจุดที่ 7 ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.8 วดั สญั ญาณขณะเป็นเคร่ืองรับจุดท่ี 6 ไดถ้ ูกตอ้ ง รวมคะแนนหมายเหตุ เกณฑก์ ารประเมินผล หวั ขอ้ ท่ีผา่ นในคร้ังแรกจะไดค้ ะแนนเตม็ 1 คะแนนถา้ ผา่ นคร้ังที่ 2 จะไดค้ ะแนน 0.5 คะแนน ถา้ ไมผ่ า่ นคร้ังท่ี 2 ไดค้ ะแนน 0 คะแนนขอ้ แนะนา……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ ................................................ ผปู้ ระเมิน (............................................)
- 258 - แบบประเมนิ ผลหน่วยท่ี 11จงทาเครื่องหมาย ลงในคาตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุด1. ใครเป็นผบู้ ุกเบิกการส่งกระจายเสียงระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ก. Mr. Amold ข. Mr. Crosbyค. Mr. Carson ง. Mr. Johnson2. ขอ้ ใดเป็นหลกั การของเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ก. ส่งสญั ญาณเสียงดา้ นขวาออกอากาศข. ส่งสญั ญาณเสียงดา้ นซา้ ยออกอากาศค. ส่งสัญญาณเสียงดา้ นซา้ ยและดา้ นขวาออกอากาศง. ส่งสัญญาณเสียงแบบโมโนออกอากาศ3. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ขอ้ กาหนดทางเทคนิคในการส่งสญั ญาณแบบสเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ก. เคร่ืองรับระบบ FM ธรรมดา สามารถรับฟังสถานีส่งวทิ ยรุ ะบบสเตอริโอได้แต่สญั ญาณไม่เป็นสเตอริโอข. เครื่องรับระบบ FM สเตอริโอ สามารถรับฟังสถานีส่งวิทยรุ ะบบสเตอริโอ สองทิศทางท้งั ซา้ ยและขวาได้ค. เครื่องรับระบบ FM สเตอริโอ สามารถรับฟังสถานีส่งวิทยรุ ะบบธรรมดาได้ง. เคร่ืองรับระบบ AM ธรรมดา สามารถรับฟังสถานีส่งวทิ ยรุ ะบบสเตอริโอได้4. ขอ้ ใดเป็น ข้อดี ของการส่งสญั ญาณระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์เม่ือเทียบกบั ระบบFM ธรรมดาก. ค่าใชจ้ ่ายในการสร้างนอ้ ยกวา่ ข. ใชก้ าลงั ในการส่งนอ้ ยกวา่ค. เสียงท่ีไดย้ นิ จะตอบสนองความถ่ีไดก้ วา้ งข้ึน ง. ส่งสญั ญาณคลื่นวทิ ยไุ ปไดไ้ กลมาก5. สญั ญาณ ไพลอต ในเครื่องส่งระบบ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ มีความถี่เท่าไรก. 19 kHz. ข. 38 kHz.ค. 41 kHz. ง. 67 kHz.6. เมื่อนาเอาสัญญาณ ไพลอต ไปเขา้ วงจรทวคี ูณ 2 เท่า จะมีความถี่เท่าไรก. 19 kHz. ข. 38 kHz.ค. 41 kHz. ง. 67 kHz.
- 259 -7. สัญญาณ 38 kHz. ไซดแ์ บนด์ L – R จะมีความถี่อยใู่ นช่วงใดก. 15 kHz - 23 kHz. ข. 15 kHz - 30 kHz.ค. 23 kHz - 53 kHz. ง. 59.5 kHz - 74.5 kHz8. ขอ้ ใดเป็นการส่งสัญญาณ FM สเตอริโอมลั ติเพล็กซ์ก. สัญญาณผลบวก (L+R) จะมอดูเลตกบั คลื่นพาห์ยอ่ ย 19 kHz.ข. สญั ญาณผลบวก (L-R) จะมอดูเลตกบั คล่ืนพาห์ยอ่ ย 19 kHz.ค. สัญญาณผลตา่ ง (L-R) จะมอดูเลตกบั คล่ืนพาห์ยอ่ ย 38 kHz.ง. สญั ญาณผลต่าง (L-R) จะมอดูเลตกบั คลื่นพาห์ยอ่ ย 67 kHz.9. สญั ญาณคลื่นพาหะยอ่ ยของ SCA จะมีความถ่ีไซดแ์ บนดข์ า้ งละ เทา่ ไรก. 4 kHz. ข. 7.5 kHz.ค. 15 kHz. ง. 20 kHz.10. ภาคกาเนิดความถ่ีคล่ืนพาหะยอ่ ย เพื่อส่งต่อไปผสมคลื่นทางความถ่ีของ SCA จะกาเนิดความถี่คา่ เท่าไรก. 19 kHz. ข. 38 kHz.ค. 41 kHz. ง. 67 kHz.
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: