คำนำ เอกสารประกอบการสอนฉบับนี้ จัดทำขึ้นประกอบการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน หน่วยการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและการมองเห็น ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 เอกสารฉบบั นีม้ ีการออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ ใน โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการทำนาย-สังเกต-อธิบาย ท่ีมีการเรียบเรียงเนื้อหาครอบคลุม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) แรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้เขียนได้เขียนเอกสารประกอบการสอนฉบับนี้ขึ้น เกิดจากความมุ่งหวังที่จะ ถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียนผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ได้ออกแบบไว้ อีกทั้งเพื่อให้ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ได้นำ แนวคิดและรปู แบบกจิ กรรมไปปรับใช้ในการจดั การเรียนรูใ้ หม้ ปี ระสิทธภิ าพมากยงิ่ ขน้ึ เพอ่ื ให้สะดวกตอ่ การเรยี นรู้และทำความเข้าใจ เอกสารฉบับนม้ี ีการนำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ในหน่วย การเรียนรู้ เรื่อง แสงและการมองเห็น ประกอบไปด้วยกิจกรรมการเรียนรู้จำนวน 9 กิจกรรม ได้แก่ การมองเห็น วัตถุหรือสีของวัตถุ กฎการสะท้อนของแสง การเขียนภาพบนกระจกเงาราบ การหักเหของแสงผ่านตัวกลาง การ สะท้อนกลับหมดของแสง การหักเหของแสงขนานผา่ นเลนส์ การเกิดแถบสีของรุง้ กินน้ำ ทัศนอุปกรณ์ และความ สวา่ งของแสง ดังนั้นผูเ้ ขียนหวังเปน็ อย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบการสอนวชิ าวิทยาศาสตร์ฉบับนี้ จะเป็นประโยชนต์ อ่ นักเรียน ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ที่ใช้ประกอบการเรียนรู้ในรายวิชาดังกล่าว และยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ เกยี่ วกบั กิจกรรมการเรียนรเู้ ก่ยี วกับแสงแสงและการมองเห็น ขอขอบพระคุณผู้ทรงคุณวฒุ ทิ ุกท่านเป็นอย่างย่ิง ที่ ใหค้ วามอนุเคราะหใ์ หค้ ำปรึกษาในการเรยี บเรยี งและปรบั ปรุงรูปแบบกิจกรรมให้เอกสารประกอบการสอนฉบับนี้มี ความถูกต้องตามหลักวชิ าการ ขอขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา เจ้าของเอกสารและแหล่งข้อมูลทุกทา่ นที่ เพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เขียนมมี ุมมองเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย และได้นำมาเรียบเรียง และอา้ งองิ ตลอดจนทกุ ทา่ นท่ีใหค้ วามอนุเคราะหช์ ว่ ยเหลือในทุกด้าน จนทำใหก้ ารเขยี นเอกสารประกอบการสอน ฉบบั นีบ้ รรลุตามเป้าหมายได้ในท่ีสุด กิตตภิ คั ชวู งษ์ 2563
สารบัญ หนา้ กจิ กรรม 1 3 กจิ กรรมที่ 1 การมองเห็นวตั ถุหรอื สีของวัตถุ 7 กิจกรรมท่ี 2 กฎการสะท้อนของแสง 14 กิจกรรมท่ี 3 การเขียนภาพบนกระจกเงาราบ 18 กิจกรรมท่ี 4 การหกั เหของแสงผ่านตัวกลาง 21 กิจกรรมท่ี 5 การสะท้อนกลบั หมดของแสง 28 กิจกรรมที่ 6 การหักเหของแสงขนานผ่านเลนส์ 31 กิจกรรมท่ี 7 การเกิดแถบสีของรุ้ง 35 กิจกรรมท่ี 8 ทศั นอุปกรณ์ กิจกรรมท่ี 9 ความสว่างของแสง 37 38 เอกสารอ้างอิง ประวตั ิผเู้ ขียน
การสะท้อนของแสง 1. การมองเห็นวตั ถหุ รือสีของวัตถุ นกั เรยี นเคยสงั เกตไหมว่าในเวลากลางวันเราจะมองเหน็ วตั ถสุ ตี ่าง ๆ แต่ในเวลากลางคนื บริเวณทีไ่ มม่ ี แสงสวา่ ง กลับมองไมเ่ ห็นสขี องวัตถุน้นั เลย ...... กจิ กรรมท่ี 3.1 การมองเหน็ วัตถุหรอื สขี องวัตถุ • จุดประสงค์ สามารถอธบิ ายหลกั การของการมองเห็นวัตถุหรือสขี องวตั ถุเน่อื งจากการสะท้อนของแสงได้ • วัสดอุ ุปกรณ์ อุปกรณ์ จำนวน 1. ไฟฉายพร้อมถา่ น (แสงสีขาว) 1 ชุด 2. กระดาษสี 3 สี *ยกเวน้ สขี าว 3 แผน่ 3. กระดาษสขี าว 1 แผน่ ข้ันที่ 1 ข้นั ทำนาย (Predict) ในการมองเห็นวัตถหุ รือสีของวัตถุ แสง ดวงตา และวตั ถุมีความสัมพันธ์กันอยา่ งไร ? a. b. c. เลือกรูปใด ............ เพราะ............................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
ผู้จัดทำเอกสารฉบับนี้ มไิ ด้มีเจตนาละเมดิ ลิขสิทธิ์ แต่จัดทำขึ้นเพอื่ วัตถุประสงค์ทางการศกึ ษาเท่านน้ั ขนั้ ท่ี 2 ข้ันสังเกต (Observing) ใหน้ กั เรียนทำการทดลองตามภาพต่อไปนี้ แลว้ ทำการบนั ทกึ ผลการทำกจิ กรรม 2.1 เมอื่ สอ่ งไฟฉายไปทก่ี ระดาษสี ........................ จะมองเห็นบนฉากสีขาวเปน็ สี .................................... 2.2 เม่ือสอ่ งไฟฉายไปท่ีกระดาษสี ........................ จะมองเหน็ บนฉากสขี าวเป็นสี .................................... 2.3 เมอื่ ส่องไฟฉายไปท่กี ระดาษสี ........................ จะมองเหน็ บนฉากสีขาวเปน็ สี .................................... 2.4 จงวาดเส้นรังสีแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างแสง ดวงตา และวัตถุ ขั้นที่ 3 ขัน้ อธิบาย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เปน็ ไป / ไมเ่ ปน็ ไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรุปแลว้ ในการมองเหน็ วตั ถุหรือสีของวัตถนุ ้ันเปน็ ไปตามภาพ a. b. หรือ c. อย่างไร ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... แสงและการมองเห็น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
ผจู้ ดั ทำเอกสารฉบบั น้ี มิได้มีเจตนาละเมิดลิขสิทธ์ิ แตจ่ ัดทำข้นึ เพ่ือวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเท่านนั้ การท่ีเรามองเห็นวัตถุเป็นสีต่าง ๆ กเ็ พราะวา่ เม่ือแสงขาวจากแหลง่ กำเนดิ แสงตกกระทบวตั ถุ แสงสอี ่ืน ๆ ในสเปคตรัมของแสงขาวจะถกู ดูดกลืนไว้ แลว้ สะท้อนเฉพาะแสงสที ี่เรามองเหน็ เข้านัยน์ตาเรา เช่น การมองเห็น ใบไม้เปน็ สเี ขียวกเ็ พราะวา่ เมื่อแสงขาวจากแหลง่ กำเนดิ แสงตกกระทบใบไม้ แสงสีอื่น ๆ ในสเปคตรมั ของแสงขาว จะถูกดูดกลืนไว้ แล้วสะทอ้ นเฉพาะแสงสเี ขยี วเขา้ นัยน์ตาเรา (สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : 2533, 8) ภาพแสดงการมองเห็นวตั ถุหรอื สขี องวัตถุทอ่ี าศัยการสะท้อนของแสง ทมี่ า : https://blog.rmutl.ac.th/montri/old/electrical2009/illumination/color.html 2. กฎการสะทอ้ นของแสง จากการทำกจิ กรรมข้างต้น นักเรียนไดร้ แู้ ล้วว่าในการท่ีเราสามารถเห็นวัตถุหรือสีของวัตถุได้นน้ั เกิดจาก แสงทีต่ กกระทบกับวตั ถแุ ล้วสะทอ้ นมายังนัยน์ตาของผ้สู ังเกต ทำให้เหน็ ภาพและสีของวัตถไุ ด้ นน้ั หมายความวา่ หากอยูใ่ นท่ีทไี่ ม่มีแสงกจ็ ะไมส่ ามารถมองเห็นวัตถุไดน้ น้ั เอง ในการสะท้อนของแสง ถ้ารังสขี องแสงตกระทบวตั ถุที่มีพื้นผิวแบบต่าง ๆ เช่น ผิวเรยี บ ผวิ ขรขุ ระ หรือ ผิวโค้ง การสะทอ้ นของแสงจะเปน็ อยา่ งไร มีหลกั การหรือกฎเกณฑ์ของการตกกระทบและการสะทอ้ นหรือไม่..... กิจกรรมที่ 3.2 กฎการสะท้อนของแสง • จุดประสงค์ จำนวน 1 ชุด เพื่ออธบิ ายกฎการสะทอ้ นของแสง 1 ชดุ 1 แผน่ • วสั ดุอปุ กรณ์ อุปกรณ์ 1. ชดุ กล่องแสง พร้อมหม้อแปลงโวลต์ตำ่ 2. ชดุ แผน่ ชอ่ งแสง ชนิด 1 ช่อง 3. กระจกเงาราบ แสงและการมองเห็น มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
ผจู้ ัดทำเอกสารฉบับนี้ มิไดม้ ีเจตนาละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ แต่จดั ทำขึ้นเพอื่ วัตถุประสงคท์ างการศกึ ษาเท่าน้นั ขนั้ ท่ี 1 ขนั้ ทำนาย (Predict) นักเรียนคดิ ว่าถา้ แสงตกกระทบกบั พื้นดังภาพรังสสี ะทอ้ นจะมีทศิ ทางอย่างไร ? a. b. c. เลอื กรปู ใด ............ เพราะ............................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้นั ท่ี 2 ข้นั สังเกต (Observing) วิธกี ารทดลอง 1. วางกระดาษขาวบนโตะ๊ กระจกเงาระนาบ และกลอ่ งแสงตามภาพ 3. เปิดไฟกล่องแสงใหแ้ สงผ่านชอ่ งแสง 1 ช่อง ตกกระทบกระจกเงาระนาบเปน็ มมุ 30 องศา แลว้ สงั เกต และวดั มุมของรงั สสี ะทอ้ นบนกระดาษขาว 4. ใชด้ นิ สอลากเส้นตรงตามแนวลำแสงบนกระดาษ ทัง้ รงั สตี กกระทบและรังสีสะท้อน 5. ลากเสน้ ต้งั ฉาก ณ ตำแหนง่ ท่ี แสงตกกระทบ เส้นนเ้ี รยี กวา่ เสน้ แนวฉาก 6. ทดลองซ้ำ โดยเปล่ียนมุมตกกระทบเป็น 45 และ 60 องศาตามลำดับ แสงและการมองเหน็ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
ผจู้ ดั ทำเอกสารฉบบั น้ี มิไดม้ ีเจตนาละเมดิ ลขิ สิทธ์ิ แตจ่ ัดทำขน้ึ เพื่อวตั ถุประสงคท์ างการศึกษาเทา่ นัน้ ผลการทำกิจกรรม มมุ ตกกระทบ มมุ สะทอ้ น 30 ครั้งที่ 45 1 60 2 3 จากการทำกิจกรรมสรุปไดว้ า่ .................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขัน้ ที่ 3 ขัน้ อธบิ าย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เป็นไป / ไมเ่ ปน็ ไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรุปแลว้ ในการสะทอ้ นของแสงนน้ั รงั สตี กกระทบและรงั สีสะทอ้ นเปน็ ไปตามภาพ a. b. หรือ c. อย่างไร ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... เม่ือพจิ ารณาการสะทอ้ นแสงบนกระจกเงาระนาบเราสามารถเขียนรปู ไดด้ ังนี้ (สถาบนั สง่ เสรมิ การสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : 2563, 107) แสงและการมองเหน็ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
ผ้จู ัดทำเอกสารฉบบั นี้ มิได้มเี จตนาละเมิดลขิ สิทธ์ิ แตจ่ ดั ทำขน้ึ เพือ่ วตั ถุประสงค์ทางการศึกษาเท่านัน้ เมือ่ แสงตกกระทบวัตถจุ ะเกดิ การสะทอ้ นของแสงทีผ่ ิววตั ถุนั้น ถ้าขนาดของมุมตกกระทบเปลีย่ นมุม สะทอ้ นก็เปลยี่ นเชน่ กนั ซ่งึ เปน็ ไปตามกฎการสะท้อน (Law of reflection) ของแสง ได้ดงั นี้ 1. รงั สตี กกระทบ รงั สสี ะทอ้ น และเส้นแนวฉากอยู่ในระนาบเดียวกนั 2. มุมตกกระทบ (������������ เท่ากบั มมุ สะทอ้ น (������������ ภาพแนวรังสีตกระทบ รังสีสะท้อน และเสน้ แนวฉาก ทีม่ า : หนงั สือเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 สสวท. แสงและการมองเห็น มัธยมศึกษาปีท่ี 3
การเกดิ ภาพบนกระจกเงาผจู้ ดั ทำเอกสารฉบบั นี้ มิได้มเี จตนาละเมิดลขิ สิทธ์ิ แต่จัดทำขึน้ เพ่อื วัตถุประสงค์ทางการศกึ ษาเท่าน้นั 1. การเกดิ ภาพบนกระจกเงาราบ เม่อื เราส่องกระจกดูหน้าตัวเอง พบวา่ ภาพจากกระจกเงาระนาบจะเกิดดา้ นหนงั กระจก ไมส่ ามารถเอา ฉากมารับภาพได้ ภาพลกั ษณะน้เี รียกวา่ “ภาพเสมือน” และภาพจะกลบั ซา้ ยขวากัน ซ่ึงเราสามารถใช้กฎการ สะท้อนของแสง มาเขียนภาพที่เกดิ จากกระจกเงาระนาบได้ แต่ะเขียนอย่าวไร ไปดกู นั ......... กิจกรรมท่ี 3.3 การเขียนภาพบนกระจกเงาระนาบ • จดุ ประสงค์ นักเรยี นสามารถเขียนแผนภาพการเคลื่อนทีข่ องแสง แสดงการเกิดภาพจากกระจกเงาได้ • วสั ดุอุปกรณ์ อปุ กรณ์ จำนวน 1. ช่องตารางวัดระยะ 1 แผน่ 2. ดินนำ้ มนั 1 ก้อน 3. กระจกเงาราบ 1 แผ่น ข้ันที่ 1 ขั้นทำนาย (Predict) หากนำเทยี นไปวางท่หี นา้ กระจก นักเรียนคดิ ว่าลกั ษณะของระยะและภาพเทียนในกระจกจะเปน็ อย่างไร ? a. b. เลือกรปู ใด ............ เพราะ............................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... แสงและการมองเห็น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3
ผจู้ ัดทำเอกสารฉบบั น้ี มิได้มเี จตนาละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ แตจ่ ัดทำขึน้ เพอ่ื วัตถุประสงค์ทางการศกึ ษาเทา่ นน้ั ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ สงั เกต (Observing) ใหน้ กั เรยี นทำการทดลองตามภาพตอ่ ไปนี้ แล้วทำการบันทกึ ผลการทำกจิ กรรม ตำแหนง่ ท่ี ระยะวตั ถุ ระยะภาพ ลกั ษณะะภาพ 1 3 ชอ่ ง จรงิ / เสมือน 2 5 ชอ่ ง จริง / เสมอื น สรปุ ผลการทดลอง ใหน้ กั เรียนนสรุปว่าจากการทดลองน้นั ระยะวัตถุ ระยะภาพ ตำแหนง่ วัตถุ ตำแหนง่ ภาพ และลักษระภาพ ท่ีเกิดจากกระจกเงาราบเป็นอยา่ งไร ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ อธิบาย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เป็นไป / ไมเ่ ปน็ ไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรปุ แล้วลกั ษณะภาพเทียนในกระจกนั้นเปน็ ไปตามภาพ a. หรอื b. อย่างไร ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... แสงและการมองเหน็ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3
ผู้จัดทำเอกสารฉบบั นี้ มิได้มเี จตนาละเมดิ ลิขสิทธ์ิ แต่จัดทำขน้ึ เพ่ือวตั ถปุ ระสงค์ทางการศกึ ษาเทา่ นน้ั เราสามารถหาตำแหนง่ และลกั ษณะภาพของวตั ถทุ ่ีวางไว้หน้ากระจกเงาราบได้โดยการเขยี นแผนภาพรงั สี ของแสง โดยอาศยั หลักการสะท้อนของแสง ซ่ึงสามารถเขียนได้ดังน้ี ขัน้ ตอน 1. เขียนเส้นประเปน็ แนวตรงทย่ี อดและฐานของวตั ถุ 2. เขยี นเส้นรังสตี กกระทบไขว้กนั เป็นกากบาท โดยเรม่ิ จากยอดและฐานของวตั ถุ 3. เขียนเสน้ รังสีสะท้อนตามกฎการสะทอ้ นของแสง (มมุ ตกกระทบ = มมุ สะท้อน) 4. ทำการขดี เสน้ ตอ่ จากเส้นรังสีสะท้อนไปดา้ นหลัง จะได้จุดตัดของเสน้ ที่ 1 และ 4 5. จะไดต้ ำแหนง่ ยอดและฐานของภาพวัตถุ แสงและการมองเหน็ มัธยมศึกษาปที ่ี 3
ผูจ้ ดั ทำเอกสารฉบับน้ี มิไดม้ ีเจตนาละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ แตจ่ ัดทำขึ้นเพ่ือวตั ถุประสงคท์ างการศึกษาเทา่ นัน้ กระจกเงาเวา้ ภาพการเกิด ลักษณะภาพที่เกิด ระยะวัตถุ วตั ถอุ ยหู่ น้าจดุ C (S > 2f) วตั ถอุ ย่ทู จี่ ดุ C (S = 2f) วตั ถุอยูระหวา่ ง C และ f (2f > S > f) วัตถุอยู่จดุ F (s = f) วัตถุอย่รู ะหว่าง F กับ V (s < f) แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3
ผจู้ ัดทำเอกสารฉบับนี้ มไิ ดม้ ีเจตนาละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ แตจ่ ดั ทำขึ้นเพ่อื วตั ถุประสงค์ทางการศกึ ษาเท่าน้นั กระจกเงานูน ภาพการเกดิ ลกั ษณะภาพที่เกิด ระยะวตั ถุ วตั ถอุ ยูห่ นา้ จุด C (S > 2f) วัตถุอยู่ท่ีจุด C (S = 2f) วตั ถุอยูระหวา่ ง C และ f (2f > S > f) วัตถอุ ยจู่ ดุ F (s = f) วตั ถอุ ยรู่ ะหว่าง F กบั V (s < f) แสงและการมองเห็น มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
การคำนวณกระจกเงาโค้งผจู้ ดั ทำเอกสารฉบับน้ี มไิ ดม้ เี จตนาละเมดิ ลิขสิทธ์ิ แตจ่ ัดทำขึ้นเพ่อื วัตถุประสงคท์ างการศกึ ษาเทา่ นัน้ นอกจากเราจะสามารถหาตำแหน่งภาพและแผนภาพรังสขี องการเกดิ ภาพบนกระจกไดแ้ ล้ว เรายงั สามารถใช้วีการคำนวณเพอื่ หาระยะภาพ ระยะวตั ถุ ความยาวโฟกัส กำลงั ขยาย ขนาดภาพ และขนาดวตั ถุได้ โดย ใช้สมการต่อไปนี้ 1. การคำนวณหาระยะภาพ ระยะวัตถุ และความยาวโฟกสั ของกระจกเงาโค้ง 111 1 f = s + s′ 2. วธิ ีหากำลงั ขยาย ขนาดภาพ และขนาดวตั ถุของกระจกเงาโคง้ 2 I s′ f m= O= s =s−f เวลาจะแทนค่าเคร่ืองหมายหรอื ตวั เลขให้ดตู ารางนนี้ ะครับ !! สัญลักษณ์ ความหมาย มคี ่าเปน็ + เม่ือ มีคา่ เป็น - เมื่อ S ระยะวัตถุ เป็นบวกเสมอ - S’ ระยะภาพ เป็นภาพจริง O ขนาดวัตถุ เปน็ บวกเสมอ เปน็ ภาพเสมอื น I ขนาดภาพ เป็นภาพจริง - f ระยะโฟกสั กระจกเว้า/เลนส์นนู m กำลังขยาย เป็นภาพจรงิ เป็นภาพเสมือน กระจกนนู /เลนสเ์ ว้า เปน็ ภาพเสมือน ระวัง!! เวลาคำนวณอย่าลืมดูเครอ่ื งหมาย มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 +/- ดว้ ยหละ ตารางดา้ นบนมใี ห้ดูอยู่นะ ไม่ ยากสักนดิ เดยี ว แสงและการมองเห็น
ผจู้ ัดทำเอกสารฉบับน้ี มไิ ด้มีเจตนาละเมิดลขิ สทิ ธิ์ แตจ่ ดั ทำขึน้ เพ่ือวตั ถุประสงคท์ างการศกึ ษาเทา่ น้ัน 1. วางวัตถุหนา้ กระจกนนู ท่ีมีความยาวโฟกัส 10 เซนตเิ มตร พบว่าเกิดภาพทรี่ ะยะหา่ งจากกระจก 5 เซนตเิ มตร จงหาวา่ วตั ถหุ า่ งจากกระจกกี่เซนติเมตร ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 2. วางวตั ถหุ น้ากระจกเวา้ เปน็ ระยะ 10 cm พบวา่ เกดิ ภาพจริงหนา้ กระจกท่ี 15 cm กระจกมคี วามยาวจุด ศูนยก์ ลางความโค้งกระจกเท่าใด ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 3. วตั ถสุ ูง 5 cm อย่หู ่าง 10 cm จากกระจกเว้าซ่ึงมีความยาวจุดศนู ย์กลางกระจก 50 cm จงหาขนาดภาพ ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 4. หมอฟนั ถอื กระจกเว้าที่มีจุดศูนย์กลางกระจก 4 cm หา่ งจากฟนั คนไข้ 1 cm หมอฟนั จะเหน็ ฟนั ในกระจก ขยายเทา่ ใด ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... . แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
ผูจ้ ัดทำเอกสารฉบับน้ี มิไดม้ เี จตนาละเมิดลขิ สทิ ธิ์ แตจ่ ดั ทำข้นึ เพ่ือวตั ถุประสงคท์ างการศึกษาเทา่ น้ัน การหกั เหของแสง ท่มี า : http://www.thaiphysoc.org/article/46/ 1. ทำไมหลอดในนำ้ ถงึ งอเมอ่ื เทยี บกับหลอดในอากาศ เมอ่ื แสงเคลอื่ นทจี่ ากตวั กลางน่ึงไปยังอกี ตัวกลางหนึ่ง เช่น แสงเคลอ่ื นท่ีจากอากาศไปยงั นำ้ ซึง่ จะทำให้ แสงแบ่งออกเป็น 2 สว่ น คือ 1.สว่ นทสี่ ะทอ้ นกลับ ซ่งึ เปน็ ไปตามกฎการสะท้อน และ 2. สว่ นท่ีทะลุผ่านไปได้ แต่ ทิศทางของแสงจะเกิดการเปลยี่ นแปลงข้นึ เรยี กว่า “การหักเหของแสง” เดยี วเราลองไปศกึ ษาในกิจกรรมต่อไป กจิ กรรมท่ี 3.4 การหักเหของแสงผ่านตัวกลาง • จดุ ประสงค์ สามารถอธบิ ายการหกั เหของแสงผา่ นตวั กลางที่แตกตา่ งกัน และอธบิ ายความสัมพันธ์ของมุมตก กระทบและมุมหักเหได้ • วัสดุอปุ กรณ์ อุปกรณ์ จำนวน 1. ชุดกลอ่ งแสง 1 ชุด 2. แทง่ พลาสตกิ ใสสี่เหล่ียม 1 ชนิ้ 3. แผน่ กระดาษขาว 1 แผน่ 4. ไม้บรรทัดวัดมมุ 1 อัน แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
ผจู้ ดั ทำเอกสารฉบบั นี้ มไิ ดม้ เี จตนาละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ แตจ่ ดั ทำข้ึนเพ่ือวัตถปุ ระสงค์ทางการศกึ ษาเท่านนั้ ขั้นท่ี 1 ขน้ั ทำนาย (Predict) นกั เรียนคิดวา่ หากเรานำไฟฉายส่องลงไปในน้ำลกั ษณะของรังสขี องแสงจะเปน็ อยา่ งไร ? a. b. c. เลอื กรูปใด ............ เพราะ............................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขั้นท่ี 2 ขั้นสงั เกต (Observing) วิธกี ารทดลอง 1. จัดเตรยี มอปุ กรณ์ชุดกล่องแสงให้พรอ้ ม โดยใช้ชอ่ งแสง 1 ชอ่ ง (หันชอ่ งแสง 1 ช่องลงดา้ นล่าง) 2. จดั วางแท่งพลาสิตกิ ใส และกระดาษ A4 ดงั รปู ขา้ งบน 3. ทำการทดลองโดยการจัดลำแสงใหท้ ำมุม 0 30 และ 60 องศา ตามลำดบั แล้วทำการบันทึกผล การสงั เกตว่า แสงท่ีผ่านเข้าไปในแท่งพลาสติเป็นอย่างไร พร้อมวาดเส้นรงั สีทผ่ี ่านเขา้ ไปในแท่ง พลาสตกิ ด้วย แสงและการมองเหน็ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
ผู้จัดทำเอกสารฉบับนี้ มิไดม้ ีเจตนาละเมิดลขิ สทิ ธิ์ แตจ่ ดั ทำข้นึ เพอื่ วตั ถุประสงค์ทางการศึกษาเทา่ นน้ั ผลการทำกจิ กรรม คร้ังท่ี แสงเคลื่อนทจี่ าก มุมตกกระทบ มุมหักเห ไหนไปไหน ? (องศา) (องศา) 10 2 30 3 60 ใหน้ ักเรียนดูจากตารางด้านลา่ งต่อไปน้ี แล้วเติมคำลงในชอ่ งว่าง ตวั กลางโปรง่ ใส อตั ราเร็วแสง (m/s) ดรรชนีการหกั เห อากาศ 3.00 x 108 1.00 น้ำ 1.33 2.26 x 108 1.50 พลาสติกใส 2.00 x 108 มมุ นีม้ ีคา่ เท่าไหร่ ? …. อตั ราเรว็ แสง = ………………….. อัตราเร็วแสง = ………………….. สรปุ ผลการทำกิจกรรมจากคำถามตอ่ ไปน้ี 1. หากดูจากเส้นรงั สแี สงเคลอื่ นที่ จากอากาศไปแท่งพลาสติก / แทง่ พลาสตกิ ไปอากาศ 2. หากดูจากกิจกรรมเตมิ คำ อากาศกับแท่งพลาสติกใสสง่ิ ใดมอี ัตราเรว็ แสงมากกว่ากัน .................................................................................................................................................................................... 3. จากคำถามข้อ 2 แสดงว่าแสงเคลือ่ นท่ี จากอัตราเรว็ มากไปน้อย / อตั ราเรว็ นอ้ ยไปมาก 4. จากคำถามข้อ 2 แสดงวา่ แสงเคลอ่ื นที่ จากดรรชนีหกั เหมากไปนอ้ ย / ดรรชนีหกั เหนอ้ ยไปมาก 5. กรณที แี่ สงเคลอื่ นท่จี ากอากาศมายงั แท่งพลาสตกิ ใส ถ้ามุมตกกระทบเพมิ่ ข้ึน มุมหกั เหจะเป็นอยา่ งไร .................................................................................................................................................................................... 6. จากคำถามข้อ 4 แสดงว่าเม่อื แสงเคลอื่ นท่จี ากอัตราเร็ว .................... ไปยงั อตั ราเรว็ .................... จะมีมุมหักเห มากกว่า /นอ้ ยกวา่ มมุ ตกกระทบ 7. จากตารางอตั ราเร็วแสงและดรรชนีของแสง พบว่า ถา้ อตั ราเรว็ แสงน้อย ดรชชน้หี กั เหจะ ................................. 8. แตถ่ า้ ในทางกลับกนั แสงเคล่ือนทจ่ี ากแทง่ พลาสตกิ ใสไปยงั อากาศ มุมหักเหจะ มากกว่า /น้อยกวา่ มุมตก กระทบ แสงและการมองเห็น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
ผ้จู ัดทำเอกสารฉบับนี้ มิไดม้ ีเจตนาละเมิดลิขสทิ ธ์ิ แตจ่ ดั ทำขน้ึ เพือ่ วัตถปุ ระสงคท์ างการศึกษาเท่านนั้ ขน้ั ที่ 3 ขน้ั อธบิ าย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เปน็ ไป / ไมเ่ ปน็ ไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรปุ แลว้ ในการสะท้อนของแสงนั้น รังสตี กกระทบและรังสีสะท้อนเปน็ ไปตามภาพ a. b. หรือ c. อย่างไร ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... การหักเหของแสงเมอื่ เคล่ือนท่ีผา่ นตัวกลาง 2 ชนิด แนวรงั สขี องการหกั เหจะเบนเข้าหรอื เบนออกจาก เสน้ แนวฉาก ขน้ึ อยู่กบั อตั ราเรว็ แสงและดรรชนีการหกั เหของตัวกลาง โดยพิจารณาจากทิศทางการเคลอ่ื นทขี่ อง แสงว่าผ่านตัวกลางที่มีอัตราเร็วแสงมากไปน้อย หรอื ยน้อยไปมาก ซงึ่ สรุปได้ดงั น้ี 1. ถา้ แสงเคล่อื นทผี่ ่านตวั กลางทมี่ อี ตั ราเร็วแสงมากไปนอ้ ย รังสีการหักเหจะเบนเขา้ 2. ถ้าแสงเคลอ่ื นทีผ่ ่านตวั กลางทม่ี อี ัตราเรว็ แสงน้อยไปมาก รงั สกี ารหักเหจะเบนออก *** ถ้าพิจารณาจากดรรชนีการหกั เหกจ็ ะพจิ ารณาตรงขา้ มกับอตั ราเรว็ แสง ภาพการเบนของรงั สีหักเห เนอื่ งจากแสงเคล่ือนทจี่ ากอากาศท่มี อี ัตราเร็วแสงมากไปยังน้ำทม่ี อี ัตราเรว็ แสงน้อย ซ่งึ การหักเหของแสงนเ้ี ราก็สามารถพบไดใ้ นชวี ติ ประจำวัน เชน่ ถา้ เรายนื อยขู่ อบสระแล้วมองวตั ถทุ ่ีอยู่ ในน้ำ เราจะเหน็ ตำแหนง่ ของวัตถุไมต่ รงกบั ตำแหนง่ จรงิ ซ฿งจะเห็นวตั ถุอยู่ตื่นกว่าระดบั จรงิ เนอ่ื งจากแสงจะ เคล่ือนท่จี ากน้ำผา่ นมายังอากาศ เข้าสู่ตาเรา น้นั คือ รังสจี ะเบนออก ตามภาพ ท่ีมา : หนงั สือเรยี นรายวิชาวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน มัธยมศึกษาปีที่ 3 สสวท. แสงและการมองเหน็ มัธยมศึกษาปีท่ี 3
การสะทอ้ นกลบั หมดของแสงผ้จู ดั ทำเอกสารฉบับน้ี มิได้มเี จตนาละเมดิ ลิขสิทธิ์ แต่จดั ทำข้นึ เพื่อวัตถปุ ระสงคท์ างการศกึ ษาเทา่ นนั้ 1. การสะท้อนกลับหมดของแสงเก่ยี วขอ้ งกบั การหักเหของแสงอย่างไรกัน การสะท้อนกลับหมด (total reflection) เป็นปรากฎการณ์อย่างหน่ึงของการสะท้อนของแสงและการ หักเหของแสง เมือ่ แสงตกกระทบทีว่ ัตถุดว้ ยมมุ ต่าง ๆ จะทำใหเ้ กิดการหักเหของแสงขนึ้ โดยจะเรยี กมมุ กระทบท่ี ทำใหเ้ กิดมุมหกั เหขนาด 90 องศา ว่า “มุมวิกฤต” และเมือ่ เพ่ิมขนาดของมุมตกกระทบขึน้ อีกกจ็ ะทำให้รงั สีหักเห กลายเปน็ รังสสี ะท้อนข้ึน เดยี๋ วลองไปทดลองกัน กจิ กรรมท่ี 3.5 การสะทอ้ นกลับหมดของแสง • จดุ ประสงค์ สามารถอธิบายการเกิดปรากฏการณ์สะท้อนกลบั หมดของแสงได้ • วสั ดุอุปกรณ์ อุปกรณ์ จำนวน 1. ชุดกลอ่ งแสง 1 ชดุ 2. แท่งพลาสติกใสครง่ึ วงกลม 1 ชน้ิ 3. แผ่นกระดาษขาว 1 แผ่น 4. ไม้บรรทดั วัดมุม 1 อนั ขั้นท่ี 1 ข้ันทำนาย (Predict) นักเรยี นคิดว่าการสะท้อนกลับหมดของแสงท่เี กดิ จากการเพิ่มมุมตกกระทบเป็นไปตามภาพใด ? a. b. c. เลอื กรปู ใด ............ เพราะ............................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... แสงและการมองเหน็ มัธยมศึกษาปที ี่ 3
ผูจ้ ัดทำเอกสารฉบับน้ี มิไดม้ เี จตนาละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ แต่จัดทำข้นึ เพอ่ื วัตถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเท่านัน้ ขั้นที่ 2 ข้ันสังเกต (Observing) วิธีการทดลอง 1. จัดเตรยี มอปุ กรณ์ชุดกล่องแสงให้พร้อม โดยใช้ช่องแสง 1 ชอ่ ง (หันชอ่ งแสง 1 ชอ่ งลงด้านลา่ ง) 2. จัดวางแทง่ พลาสติ ิกใสครง่ึ วงกลม ดงั รปู ขา้ งบน 3. ทำการทดลองโดยการจัดลำแสงใหท้ ำมมุ เรม่ิ ต้นท่ี 30 องศา ตามลำดับ แล้วทำการบันทกึ มมุ หกั เห 4. จากนน้ั ให้ทำการเลื่อนลำแสงเพิม่ มุมขึน้ เร่ือง ๆ (เล่ือนเพ่ิมตามใจ) โดยให้เพิ่มจนกว่าจะไดม้ มุ หกั เหเทา่ กับ 90 องศา และเพ่ิมจนกว่ามุมหักเหจะเกิดการสะท้อนกลับ ผลการทำกิจกรรม คร้ังที่ มุมตกกระทบ มุมหักเห (องศา) (องศา) 1 30 2 3 4 ให้นักเรียนดูจากตารางดา้ นลา่ งต่อไปนี้ ตัวกลางโปรง่ ใส อัตราเร็วแสง (m/s) อากาศ 3.00 x 108 นำ้ 2.26 x 108 2.00 x 108 พลาสตกิ ใส แสงและการมองเห็น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
ผจู้ ดั ทำเอกสารฉบับนี้ มิได้มเี จตนาละเมดิ ลขิ สิทธ์ิ แตจ่ ัดทำข้นึ เพ่ือวัตถุประสงคท์ างการศึกษาเท่าน้นั สรปุ ผลการทำกิจกรรมจากคำถามตอ่ ไปนี้ 1. หากดจู ากเส้นรงั สีแสงเคลือ่ นที่ จากอากาศไปแทง่ พลาสตกิ / แทง่ พลาสตกิ ไปอากาศ 3. จากกจิ กรรมแสดงวา่ แสงเคล่ือนท่ี จากอตั ราเร็วมากไปนอ้ ย / อัตราเร็วนอ้ ยไปมาก 4. จากกิจกรรมรังสีหกั เห เบนเขา้ / เบนออก 5. มมุ หักเหจะมคี า่ เท่ากบั 90 องศา เมอ่ื มุมตกกระทบมีคา่ .............................................. 6. ซึง่ มุมตกกระทบท่ีทำให้เกดิ มุมหกั เหขนาด 90 องศา เรียกว่า “………………………………” 7. รงั สหี กั เหจะสะท้อนกลบั ไปอกี ฝัง่ เมอ่ื มุมตกกระทบมคี า่ ............................................... 8. กรณที ี่รงั สีเบนเขา้ มโี อกาสเกิดการสะท้อนกลับไหม ..................................................... ข้นั ท่ี 3 ขน้ั อธบิ าย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เป็นไป / ไมเ่ ป็นไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรปุ แล้วในการสะทอ้ นของแสงนัน้ รงั สตี กกระทบและรังสสี ะทอ้ นเป็นไปตามภาพ a. b. หรอื c. อยา่ งไร ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... การสะท้อนกลับหมดของแสงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมอื่ 1. แสงเคลื่อนทผี่ ่านตวั กลางที่มอี ตั ราเรว็ แสงนอ้ ยไปมากเทา่ นั้น (เพราะมันจะเบนออก) 2. ค่ามุมตกกระทบจะตอ้ งมากกวา่ มมุ วกิ ฤต (มุมวิกฤต = มุมตกกระทบท่ีทำใหม้ ุมหกั เหมคี ่าเท่ากับ 90 องศา) ที่มา : หนงั สอื เรียนรายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 สสวท. แสงและการมองเห็น มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
การเกิดภาพผา่ นเลนส์ผ้จู ดั ทำเอกสารฉบบั น้ี มิได้มเี จตนาละเมดิ ลิขสิทธิ์ แต่จดั ทำข้ึนเพือ่ วัตถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเทา่ นัน้ 1. เลนสเ์ วา้ เลนส์นนู เก่ียวข้องกับการหักเหของแสงอยา่ งไร เลนส์ (lens) เป็นตวั กลางโปรง่ แสง ดงั นน้ั เม่ือแสงเคลอื่ นที่ผา่ นจะทำให้เกดิ การหักเหของแสง ซึ่งเปน็ วสั ดทุ ีท่ ำมาจากพลาสตกิ หรอื แก้ว แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื เลนส์เว้าและเลนส์นูน มีหน้าตาตามภาพต่อไปน้ี ภาพเลนสเ์ ว้า ภาพเลนสน์ ูน แลว้ เลนสแ์ ต่ละตวั มีการหักเหของแสงต่างกนั อยา่ งไร เราไปลองทดลองหาคำตอบกันเลย กจิ กรรมที่ 3.6 การหกั เหของแสงขนานผา่ นเลนส์ • จุดประสงค์ สามารถอธบิ ายการหักเหของแสงขนานผ่านเลนส์เวา้ และเลนสน์ ูนได้ • วัสดอุ ุปกรณ์ อุปกรณ์ จำนวน 1. ชุดกลอ่ งแสง 1 ชุด 2. เลนส์เวา้ 1 ชนิ้ 3. เลนส์นูน 1 ชิน้ 4. แผน่ กระดาษขาว 1 แผ่น ข้นั ท่ี 1 ขนั้ ทำนาย (Predict) นกั เรยี นคดิ วา่ การหกั เหของแสงผา่ นเลนส์เวา้ และนูนต่างกันตามภาพใด ? a. b. แสงและการมองเหน็ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
ผู้จดั ทำเอกสารฉบบั น้ี มไิ ดม้ ีเจตนาละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ แต่จดั ทำขนึ้ เพ่ือวัตถุประสงค์ทางการศกึ ษาเทา่ น้ัน เลือกรปู ใด ............ เพราะ............................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ขั้นที่ 2 ขน้ั สังเกต (Observing) วธิ ีการทดลอง A. B. 1. จัดเตรียมอปุ กรณ์ชดุ กลอ่ งแสงให้พร้อม โดยใช้ช่องแสง 3 ช่อง (หนั ช่องแสง 1 ช่องลงดา้ นลา่ ง) 2. จดั วางเลนส์เว้า ดงั รปู ขา้ งบน 3. ทำการทดลองโดยการเปิดไฟจากกลอ่ งแสงให้แสงสอ่ งผา่ นเลนส์ แลว้ ทำการสังเกตรังสที ีผ่ ่านออกมา จากเลนส์ พร้อมกับน้ำดินสอขดี เส้นตามแนวรังสีที่หกี เหออกมาจากเลนส์ 4. ทำตามข้นั ที่ 1-3 โดยเปล่ียนจากเลนสเ์ ว้าเปน็ เลนส์นูน ผลการทำกิจกรรม ชนดิ เลนส์ ลักษระของลำแสงท่ผี า่ นเลนส์ เลนสเ์ วา้ .............................................................................................................................. เลนสน์ นู .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. สรปุ ผลการทำกจิ กรรมจากคำถามต่อไปนี้ 1. ถ้าลำแสงผ่านเลนสเ์ ว้า ลำแสงจะ เกิดการกระจาย / เกิดการรวมกัน 2. ถา้ ลำแสงผา่ นเลนสน์ นู ลำแสงจะ เกดิ การกระจาย / เกดิ การรวมกนั ข้นั ที่ 3 ข้นั อธบิ าย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เป็นไป / ไมเ่ ปน็ ไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรุปแลว้ แสงท่ีหกั เหผา่ นเลนส์เว้าและนูนเป็นไปตามภาพ a. หรอื b. อยา่ งไร ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... แสงและการมองเหน็ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3
ผู้จดั ทำเอกสารฉบบั นี้ มิไดม้ เี จตนาละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ แตจ่ ดั ทำขึน้ เพอื่ วัตถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเท่าน้ัน พบวา่ เมื่อแสงเคลอ่ื นท่ีผ่านเลนส์ จะทำใหเ้ กิดการกระจายของแสงเม่ือเปน็ เลนส์เว้า และเกิดการ รวมกนั ของแสงเมอ่ื เป็นเลนสน์ ูน ท้งั นี้แสงทผ่ี า่ นเลนสเ์ ว่าและเลนสน์ ูนสามารถแสดงไดด้ ังภาพ ก. เลนส์เวา้ ข. เลนส์นูน ท่ีมา : หนงั สอื เรียนรายวชิ าวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 สสวท. เราสามารถหาตำแหนง่ และลกั ษณะภาพที่เกดิ ผ่านเลนสไ์ ด้ โดยการเขยี นแผนภาพรงั สขี องแสง โดย อาศยั หลกั การหักเหของแสง ซ่งึ มีเทคนิคการเขียนดงั นี้ เลนสเ์ วา้ เลนสน์ นู เทคนิคการเขยี นแผนภาพรงั สีของเลนส์ 1. ลากเสน้ 1 จากยอดวัตถชุ นทกี่ ลางเลนส์ 2. ลากเสน้ 2 ต่อจากเส้น 1 ผ่านจุดโฟกัส (F) ** เลนส์นนู f หลงั เลนส์ ถา้ เป็นเลนสเ์ ว้า f หน้าเลนส์ 3. ลากเส้น 3 จากยอดวัตถุผ่านจุดตดั กลาง แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
ผจู้ ดั ทำเอกสารฉบบั น้ี มไิ ด้มเี จตนาละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ แตจ่ ัดทำขึ้นเพอื่ วตั ถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเท่าน้ัน เลนสเ์ ว้า ภาพการเกดิ ลกั ษณะภาพทเ่ี กดิ ระยะวัตถุ วตั ถอุ ยู่หนา้ จุด C (S > 2f) วตั ถอุ ยูท่ ีจ่ ดุ C (S = 2f) วตั ถุอยูระหว่าง C และ f (2f > S > f) วตั ถุอยูจ่ ุด F (s = f) วตั ถุอยรู่ ะหวา่ ง F กบั V (s < f) เลนส์นนู แสงและการมองเห็น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
ผู้จดั ทำเอกสารฉบับน้ี มไิ ด้มีเจตนาละเมิดลขิ สทิ ธิ์ แตจ่ ดั ทำขนึ้ เพอื่ วตั ถปุ ระสงคท์ างการศึกษาเทา่ น้นั ระยะวัตถุ ภาพการเกิด ลกั ษณะภาพที่เกิด วัตถุอยหู่ นา้ จดุ C (S > 2f) วัตถอุ ยู่ที่จดุ C (S = 2f) วัตถุอยูระหว่าง C และ f (2f > S > f) วตั ถุอย่จู ุด F (s = f) วตั ถอุ ยู่ระหวา่ ง F กับ V (s < f) แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
การคำนวณเลนส์ผูจ้ ัดทำเอกสารฉบับนี้ มไิ ดม้ ีเจตนาละเมดิ ลิขสิทธิ์ แต่จัดทำขนึ้ เพอ่ื วัตถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเทา่ น้นั นอกจากเราจะสามารถหาตำแหน่งภาพ จากการเขียนแผนภาพรังสีของการเกดิ ภาพผ่านเลนส์ไดแ้ ล้ว เรายงั สามารถใชว้ ิธีการคำนวณเพือ่ หาระยะภาพ ระยะวัตถุ ความยาวโฟกสั กำลังขยาย ขนาดภาพ และขนาดวตั ถุ ได้ โดยใช้สมการตอ่ ไปน้ี 1. การคำนวณหาระยะภาพ ระยะวัตถุ และความยาวโฟกัสของเลนส์ 111 1 f = s + s′ 2. วธิ ีหากำลงั ขยาย ขนาดภาพ และขนาดวตั ถุของเลนส์ 2 I s′ f m= O= s =s−f เวลาจะแทนค่าเคร่ืองหมายหรือตวั เลขใหด้ ตู ารางนีน้ ะครับ !! สญั ลกั ษณ์ ความหมาย มคี ่าเปน็ + เม่อื มคี ่าเปน็ - เมอ่ื S ระยะวตั ถุ เปน็ บวกเสมอ - S’ ระยะภาพ เป็นภาพจรงิ O ขนาดวัตถุ เป็นบวกเสมอ เปน็ ภาพเสมอื น I ขนาดภาพ เป็นภาพจริง - f ระยะโฟกัส กระจกเว้า/เลนส์นนู m กำลังขยาย เป็นภาพจรงิ เปน็ ภาพเสมือน กระจกนนู /เลนสเ์ ว้า เปน็ ภาพเสมือน ก้าวแรกไมเ่ ป็นไร ก้าวตอ่ ไปอย่าลืมดูเคร่อื งหมาย +/- ด้วยหละ ตารางด้านบนมใี ห้ดูอยูน่ ะ เหมอื นกบั ทค่ี ุณตำรวจเคยบอกไว้ในครง้ั กอ่ น แสงและการมองเห็น มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3
ผจู้ ดั ทำเอกสารฉบบั นี้ มิไดม้ ีเจตนาละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ แต่จัดทำขน้ึ เพือ่ วัตถุประสงคท์ างการศึกษาเท่านน้ั 1. วางวตั ถุห่างจากเลนส์เวา้ 30 เซนติเมตร ระยะภาพจะอยู่ห่างจากกระจกเท่าใด เมือ่ เลนสม์ ีความยาวโฟกสั 10 เซนติเมตร ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 2. วางวัตถุหน้าเลนสน์ ูนหา่ งจากเลนส์ 5 เซนติเมตร ระยะภาพจะอยูห่ ่างจากเลนส์เทา่ ใด ถ้าเลนสม์ คี วามยาว โฟกสั เปน็ 10 เซนตเิ มตร ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 3.วางวัตถหุ ่างจากเลนสเ์ วา้ 20 เซนตเิ มตร เกิดภาพเหมือนอยหู่ ่างจากเลนส์ 8 เซนตเิ มตร จงหากำลงั ขยาย ของเลนส์ ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 4. ทดลองใชแ้ วน่ ขยายส่องดูมดตัวหนง่ึ มขี นาด 1 มิลลเิ มตร ถ้าเหน็ ภาพมดขนาด 1 เซนตเิ มตร อยากทราบว่า แว่นขยายมีกำลงั ขยายเทา่ ไร ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... . แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3
ผ้จู ดั ทำเอกสารฉบบั นี้ มไิ ด้มีเจตนาละเมิดลขิ สิทธิ์ แตจ่ ัดทำขึ้นเพื่อวตั ถุประสงคท์ างการศกึ ษาเทา่ นั้น การกระจายของแสง 1. สีของร้งุ และสขี องแสงรอบดวงอาทิตย์ทรงกลดเกิดขึน้ ไดอ้ ยา่ งไร ก.พระอาทิตยท์ รงกลด ข.รงุ้ กินนำ้ ท่ีมา : สถาบนั วิจัยดาราศาสตร์แหง่ ชาติ (องค์การมหาชน) ร้งุ เปน็ ปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ ่เี ก่ยี วข้องกบั แสง ทกี่ อ่ ให้เกิดแถบสี 7 แถบเรยี งตอ่ กัน ได้แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขยี ว เหลอื ง แสด แดง สว่ นการทรงกลดของดวงอาทติ ย์ ทำให้เกิดแถบสเี ป็นวงรอบดวงอาทิตย์ แลว้ การเกดิ แถบสีของปรากฏการณด์ งั กลา่ วอาศัยสมบตั ิใดของแสงบ้างและเกิดขนึ้ ได้อย่างไร นักเรยี นลองศึกษาหา คำตอบจากกจิ กรรมตอ่ ไปนี้ กจิ กรรมที่ 3.7 การเกิดแถบสีของรงุ้ กนิ นำ้ • จดุ ประสงค์ สามารถบอกเหตผุ ลของการเกิดแถบสขี องปรากฏการณ์รุง้ กนิ น้ำได้ • วสั ดุอปุ กรณ์ จำนวน 1 ชุด อปุ กรณ์ 1 ชิน้ 1. ชดุ กลอ่ งแสง 1 แผ่น 2. ปริซึมสามเหล่ยี ม 3. แผ่นกระดาษขาว ขัน้ ที่ 1 ขน้ั ทำนาย (Predict) นักเรยี นคิดว่าการเกิเดแถบสขี องรุ้งและพระอาทิตยท์ รงกลดเกดิ จากสมบัติใดของแสงบ้างใด ? การสะท้อน / การหักเหของแสง / การสะทอ้ นกลับหมดของแสง / การกระจายของแสง แสงและการมองเหน็ มัธยมศึกษาปีท่ี 3
ผูจ้ ัดทำเอกสารฉบับน้ี มิได้มเี จตนาละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ แต่จดั ทำขึ้นเพ่ือวัตถุประสงคท์ างการศึกษาเทา่ นัน้ ขน้ั ที่ 2 ขนั้ สังเกต (Observing) วธิ ีการทดลอง 1. จดั เตรียมอปุ กรณ์ชดุ กลอ่ งแสงให้พร้อม โดยใช้ชอ่ งแสง 3 ชอ่ ง (หนั ช่องแสง 1 ชอ่ งลงด้านล่าง) 2. จดั วางกล่องแสง ปรซิ ึม และฉากกระดาษ A4 ดงั รูปข้างบน 3. ทำการทดลองโดยการเปดิ ไฟจากกลอ่ งแสงใหแ้ สงส่องผ่านปริซึม แลว้ ทำการสงั เกตรังสีบนฉาก A4 ท่ี ผา่ นออกมาจากปรซิ ึม 4. สังเกตแนวรังสตี กกระทบ แนวรังสีหกั เห และส่ิงทีป่ รากฏบนฉาก สรปุ ผลการทำกจิ กรรมจากคำถามต่อไปนี้ 1. สิง่ ท่นี กั เรยี นสงั เกตเห็นบนฉากกระดาษ A4 คอื ....................................................................................... 2. การเรยี งลำดบั ของสีแสงทส่ี ังเกตได้บนกระดาษจากด้านซ้ายไปขวา ได้ .................................................... 3. แสงสีใดเบนออก จากเสน้ แนวลำแสงเดมิ มากที่สดุ ...................... 4. แสงสีใดเบนออก จากเสน้ แนวลำแสงเดมิ น้อยท่ีสุด ...................... 5. สรุปแลว้ สมบัติของแสงที่ทำใหเ้ กดิ แถบสีต่าง ๆ มี การสะทอ้ น / การหกั เหของแสง / การสะท้อนกลบั หมดของแสง / การกระจายของแสง ขั้นท่ี 3 ข้ันอธบิ าย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เปน็ ไป / ไม่เปน็ ไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรุปแลว้ เมอ่ื ฉายแสงให้ตกกระทบท่ปี ริซึมจะเกิดการกระจายของแสงหรือไม่ อยา่ งไร .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
ผจู้ ัดทำเอกสารฉบบั นี้ มไิ ดม้ ีเจตนาละเมิดลขิ สทิ ธิ์ แตจ่ ัดทำขนึ้ เพือ่ วตั ถปุ ระสงค์ทางการศกึ ษาเท่าน้ัน ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดข้นึ เนือ่ งจากแสงของดวงอาทิตย์ ที่เกดิ การสะทอ้ น การหักเห หรอื การ สะท้อนกลับหมดขึน้ ซง่ึ เกดิ จากปรากฏการณ์พื้นฐานของแสง นนั้ คอื “การกระจายของแสง (Dispersion of light)” โดยการกระจายของแสงกค็ อื การท่ีแสงขาว (ไม่มีส)ี เกิดการกระจายตัวออกเป็นแถบสีต่าง ๆ ดงั ภาพ ตอ่ ไปนี้ ภาพการกระจายของแสง แสงและการมองเห็น มธั ยมศึกษาปีที่ 3
ทัศนอุปกรณ์ผู้จัดทำเอกสารฉบับนี้ มไิ ด้มีเจตนาละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ แต่จัดทำขน้ึ เพือ่ วัตถุประสงค์ทางการศกึ ษาเท่านั้น 1. ทศั นอปุ กรณ์ เปน็ อปุ กรณท์ ี่สรา้ งขึน้ มาใชง้ านโดยอาศัยความรเู้ กี่ยวกับแสงมาใช้ และอาศัยหลักการเก่ยี วกับกระจก และเลนส์มาใช้ ซ่งึ ล้วนแล้วแต่เปน็ วสั ดุอปุ กรณ์ที่พบไดใ้ นชีวติ ประจำวัน นกั เรยี นคดิ ว่าอปุ กรณเ์ หล่านหี้ น้าจะเป็น อุปกรณ์ที่อาศยั หลกั การของกระจกหรอื เลนสป์ ระเภทใด กจิ กรรมท่ี 3.8 ทศั นอุปกรณ์ • จุดประสงค์ สามารถบอกอปุ กรณพ์ น้ื ฐานที่ทำให้เกิดภาพบนทัศนอุปกรณไ์ ด้ ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั ทำนาย (Predict) นักเรยี นเคยใช้อุปกรณเ์ หล่านห้ี รอื ไม่ อุปกรณ์เหล่านที้ ำใหเ้ กดิ ภาพอย่างไร และใช้กระจกหรือเลนส์ประเภทใด ทัศนอปุ กรณ์ ขนาดภาพท่เี ห็น ภาพจรงิ /ภาพเสมือน อปุ กรณพ์ ืน้ ฐานชนดิ ใด แวน่ ขยาย กลอ้ งจุลทรรศน์ ก.กระจกเว้า กระจกโค้งจราจร ข.กระจกนูน เลนส์ของแว่นสายตาสนั้ ค.เลนส์เว้า ง.เลนสน์ นู ก.กระจกเวา้ ข.กระจกนูน ค.เลนส์เว้า ง.เลนส์นนู ก.กระจกเว้า ข.กระจกนนู ค.เลนส์เว้า ง.เลนส์นนู ก.กระจกเว้า ข.กระจกนูน ค.เลนส์เว้า ง.เลนสน์ ูน แสงและการมองเหน็ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
ผู้จดั ทำเอกสารฉบบั นี้ มไิ ดม้ ีเจตนาละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ แตจ่ ดั ทำขึ้นเพอื่ วัตถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเท่านัน้ ขน้ั ที่ 2 ขั้นสงั เกต (Observing) ให้นักเรยี นลองใช้อุปกรณด์ ังกลา่ ว แล้วทำการบันทกึ ผลจากการสงั เกตลงในแบบันทึกผล ทศั นอุปกรณ์ ขนาดภาพทเี่ หน็ ลกั ษณะภาพท่ีเกิด อุปกรณพ์ ้ืนฐานชนดิ ใด แว่นขยาย ก.ภาพจรงิ ก.กระจกเว้า ข.กระจกนนู เท่ากนั / เลก็ กวา่ / ใหญ่กวา่ ข.ภาพเสมือน ค.เลนส์เว้า ง.เลนสน์ นู กล้องจุลทรรศน์ ก.ภาพจรงิ เท่ากัน / เลก็ กวา่ / ใหญ่กวา่ ข.ภาพเสมอื น ก.กระจกเวา้ ข.กระจกนูน กระจกโค้งจราจร ก.ภาพจรงิ ค.เลนส์เว้า เทา่ กัน / เล็กกวา่ / ใหญก่ วา่ ข.ภาพเสมอื น ง.เลนส์นนู ก.ภาพจริง ก.กระจกเว้า เลนสข์ องแว่นสายตาสน้ั เทา่ กนั / เล็กกวา่ / ใหญก่ วา่ ข.ภาพเสมอื น ข.กระจกนูน ค.เลนสเ์ ว้า ง.เลนส์นูน ก.กระจกเวา้ ข.กระจกนูน ค.เลนส์เว้า ง.เลนส์นูน ขั้นท่ี 3 ขน้ั อธิบาย (Explain) สรปุ ผลการทำนายว่าเปน็ ไปตามผลการทำนายหรือไมเ่ ปน็ ไปตามผลการทำนาย ทัศนอปุ กรณ์ ผลการทำนาย สรุปเก่ยี วกบั ทศั นอปุ กรณช์ นิดนี้ แว่นขยาย เป็นไปตาม / ไม่เปน็ ไปตาม กล้องจุลทรรศน์ เป็นไปตาม / ไม่เปน็ ไปตาม กระจกโค้งจราจร เป็นไปตาม / ไมเ่ ปน็ ไปตาม เลนส์ของแวน่ สายตาสน้ั เป็นไปตาม / ไม่เป็นไปตาม แสงและการมองเห็น มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3
ผู้จดั ทำเอกสารฉบับน้ี มิได้มเี จตนาละเมดิ ลิขสิทธ์ิ แตจ่ ดั ทำขึน้ เพอ่ื วตั ถปุ ระสงค์ทางการศกึ ษาเท่านั้น 1. แวน่ ตา เป็นอปุ กรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาทางสายตา เพอ่ื ห้ามารถกลับมามองเหน็ เปน็ ปกตไิ ด้ โดยเรา จะมองเหน็ ได้ชดั เจนเม่อื จดุ เกดิ ภาพตกกระทบทีเ่ รตินา แวน่ ตาสำหรับคนสายตายาว แวน่ ตาสำหรับคนสายตาสนั้ ถา้ มองวตั ถใุ นระยะใกล้จะไม่ชดั เจน ถา้ มองวัตถใุ นระยะไกลจะไมช่ ดั เจน เห็นว่าจดุ เกิดภาพอยู่เลยเรตนิ า ดงั นั้น ตอ้ งดึงคืนมา เห็นวา่ จุดเกดิ ภาพไม่ถงึ เรตินา ดังน้นั ต้องดงึ ออกไป โดยใชเ้ ลนสน์ ูนรวมแสงกลบั มาท่ีเรตินา โดยใช้เลนส์เว้ากรายแสงออกไปที่เรตินา 2. แวน่ ขยาย เปน็ ทัศนอปุ กรณท์ ีอ่ าศยั อุปกรณ์พ้ืนฐานเปน็ เลนส์นนู เพ่อื ทำให้เกิดภาพที่มีขนาดใหญ่ขึน้ โดยะต้องวาง วัตถไุ วห้ นา้ เลนส์ทร่ี ะยะน้อยกว่าโฟกัส (f) จงึ จะเกิดภาพใหญ่ ดงั ภาพ 3. กลอ้ งจุลทรรศน์ เปน็ อุปกรณท์ ขี่ ยายภาพใหม้ ีขนาดใหญ่ขน้ึ โดยอาศยั หลักการของเลนส์นูน เพราะเลนส์นนู ทำใหเ้ กิด ภาพขนาดใหญ่ได้ แต่เลนสเ์ ว้าทำไมไ่ ด้ เพราะเลนสเ์ ว้าเกดิ เฉพาะภาพเสมอื นขนาดเลก็ เทา่ นั้น แต่กล้องจลุ ทรรศน์ ใช้เลนส์นนู ท้งั หมดสองตัวเปน็ อปุ กรณ์พ้นื ฐาน ดงั ภาพ แสงและการมองเห็น มัธยมศึกษาปที ่ี 3
ผูจ้ ดั ทำเอกสารฉบับน้ี มไิ ด้มเี จตนาละเมิดลิขสิทธิ์ แตจ่ ดั ทำข้นึ เพื่อวัตถปุ ระสงคท์ างการศึกษาเท่าน้นั 4. กระจกโคง้ จราร เป็นทศั นอุปกรณ์ทีอ่ าศัยหลกั การสะทอ้ นของแสงท่ที ำให้เกดิ ภาพเสมอื นท่ีขนาดเลก็ กวา่ วัตถุ นนั้ คือ ทำ ให้มมุ มองของภาพกว้างขนึ้ นน้ั เอง ดงั ภาพ แสงและการมองเห็น มัธยมศกึ ษาปีที่ 3
ความสว่างของแสงผู้จัดทำเอกสารฉบับน้ี มิไดม้ เี จตนาละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ แต่จดั ทำข้ึนเพือ่ วัตถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเท่าน้นั 1. ความสว่างของแสง เราสามารถมองเหน็ วัตถไุ ดน้ น้ั เกดิ จากการที่มีแสงสวา่ งมาตกกระทบท่ีวตั ถแุ ล้วสะท้อนเข้าสู่ดวงตา แต่ ขนาดความสว่างท่ีเหมาะสมในแต่ละสถานท่กี จ็ ะแตกตา่ งกันไป ซึ่งถ้าแสงสวา่ งไม่เพียงพอก็จะส่งผลตอ่ การ มองเหน็ เช่น มองไม่ชดั ตอ้ งใชก้ ารเพง่ มอง อันเป็นสาเหตขุ องการเม่อื ยล้าของกล้ามเนอ้ื ตา สว่ นการได้รบั แสงท่ี สวา่ งเกดิ ไปกส็ ง่ ผลใหม้ อี าการระคายเคืองตา วิงเวียนศรี ษะได้ ปริมาณของแสงสว่าง เรยี กวา่ “ความสวา่ ง” ซึ่งมหี น่วยของความสวา่ งเป็น “ลักซ์ (lux)” โดยใชอ้ ุปกรณ์ ที่เรียกวา่ “ลกั ซม์ เิ ตอร์ (luxmeter)” ในการวัด แลว้ สถานท่ีต่าง ๆ ควรมีค่าความสวา่ งเทา่ ไหร่จึงจะเหมาะสม กจิ กรรมที่ 3.9 ความสว่างของแสง • จุดประสงค์ สามารถสำรวจและวดั หาค่าความสวา่ งของแสงในสถานทีต่ ่าง ๆ ได้ ขั้นที่ 1 ข้นั ทำนาย (Predict) นกั เรียนลองเรียงลำดับสถานท่ีท่นี ักเรียนคดิ วา่ มีความสวา่ งจากมากไปน้อยใหค้ รูหน่อยครับ 1. สนามหญา้ หน้าอาคาร 2 สถานที่ 3. ศาลาลกู นางฟา้ ขา้ งอาคาร 2 4. หอ้ งปฏบิ ัติการวิทยาศาสตร์ 211 2. ม้าหนิ ออ่ นหนา้ อาคาร 2 6. บนั ไดอาคาร 2 (ช้นั 2 ไปชั้น 3) 7. อาคารอเนกประสงค์ 5. ห้องเรยี น 215 8. โรงอาหาร ..........> ..........> ..........> ..........> ..........> ..........> ..........> …....... [ให้เตมิ หมายเลขของสถานที่ โดยเรียงลำดับจากความสวา่ งมากไปนอ้ ย] เพราะเหตุใดนกั เรยี นจึงจัดเรียงลำดบั ความสว่างของสถานท่ตี ่าง ๆ แบบขา้ งต้น ? ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แสงและการมองเห็น มธั ยมศึกษาปีท่ี 3
ผจู้ ดั ทำเอกสารฉบับนี้ มไิ ด้มเี จตนาละเมดิ ลิขสิทธ์ิ แต่จดั ทำขึน้ เพ่ือวัตถุประสงคท์ างการศกึ ษาเทา่ นัน้ ขน้ั ที่ 2 ข้ันสังเกต (Observing) ให้นักเรยี นสำรวจความสว่างของสถานทีด่ ังกล่าว โดยใช้โปรแกรม Light meter ที่โหลดไว้ แล้วบันทกึ ค่าความสว่างทว่ี ัดไดล้ งในแบบันทึกผล ตารางบันทึกผล สถานท่ี ค่ามาตรฐาน ค่าความสว่าง เปน็ ไปตาม จะแก้ไขอย่างไร 1. สนามหญา้ หน้าอาคาร 2 มาตรฐานไหม ให้เหมาะสม - ……………….. lux 2. ม้าหินออ่ นหนา้ อาคาร 2 - ……………….. lux 3. ศาลาลกู นางฟา้ ข้างอาคาร 2 75-300 ……………….. lux 4. ห้องปฏบิ ัติการวทิ ยาศาสตร์ 211 750-1000 ……………….. lux 5. ห้องเรียน 215 300-750 ……………….. lux 6. บันไดอาคาร 2 (ชัน้ 2 ไปชนั้ 3) 75-200 ……………….. lux 7. อาคารอเนกประสงค์ 75-300 ……………….. lux 8. โรงอาหาร 150-300 ……………….. lux ขั้นท่ี 3 ขั้นอธิบาย (Explain) 3.1 ผลการทำนายและผลการทดลอง เปน็ ไป / ไม่เปน็ ไป ตามผลการทดลอง 3.2 สรปุ แล้วเราสามารถจัดเรยี งลำดับความสวา่ งของสถานที่จากมากไปน้อยได้อย่างไร และใชเ้ กณฑ์ใดในการ จัดลำดับ ? .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ในการทำกิจกรรมใด ๆ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของความสว่าง หากอยู่ในที่ท่ีสวา่ งมากเกินไปหรอื นอ้ ยเกินไปกอ็ าจส่งผลให้เกิดอนั ตรายตอ่ ดวงตาได้ เชน่ การอา่ นหนังสือน้นั ควรวางหนงั สือเอยี งทำมมุ 40-80 องศา เพ่ือใหแ้ สงตกกระทบท่ีหนงั สือไดอ้ ย่างทั่วถงึ และไมต่ อ้ งกม้ หน้าจนทำให้ปวดคอมากเกนิ ไป การตงั้ โคมไฟก็ควรต้ัง ไวด้ ้านขา้ งหรอื ดา้ นหน้าในระยะท่ีทำใหส้ บายตา แสงและการมองเหน็ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
เอกสารอา้ งอิง ณราภรณ์ บญุ กิจ และโชคชัย ยืนยง. (2553). ตัวแทนความคิดของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 เรื่อง แสง จาก การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนบนพืน้ ฐานทฤษฎคี อนสตรคั ตวิ ิสต์ โดยใช้วธิ ีการเรียนรู้แบบทำนาย- สังเกต-อธิบาย. การประชุมวชิ าการเสนอผลงานวจิ ัยระดบั บัณฑิตศกึ ษา ครง้ั ที่ 11. ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . บรษิ ัท อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกดั . (2563). หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2. กรุงเทพฯ: บริษัท ไทยร่มเกล้า จำกดั . ปทุมวดี แซ่จ.ู (2559). การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เร่อื ง ธรรมชาตขิ องแสงและสมบตั เิ ชงิ เรขาคณิตของแสง ด้วยกิจกรรมการทดลองร่วมกบั การจดั การเรียนรแู้ บบทำนาย-สงั เกต-อธบิ าย. วทิ ยานพิ นธ์ปริญญา วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวาวิทยาศาสตร์ศกึ ษา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั อุบลราชธาน.ี ไพศาล เครอื แสง. (2556). เทคนคิ การสอนเชงิ รุก. นครสวรรค์: คณะมนษุ ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั นครสวรรค์. ราชมงคลล้านนา. (2552). ธรรมชาติของแสงและการมองเหน็ . [ออนไลน์]. ไดจ้ าก: https://blog.rmutl.ac.th/montri/old/ee/04212209/L-01.pdf [สืบค้นเม่ือ 28 สงิ หาคม 2563]. ศิรพิ ฒั น์ ทพิ ยสาร. (2559). เอกสารประกอบการสอนสาระเพิ่มเตมิ ว20204 แสงและทัศนอปุ กรณ์ ชั้นมัธยมศกึ ษา ปที ่ี 3. พษิ ณุโลก: กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนจา่ นกรอ้ ง. สถาบันวจิ ยั ดาราศาสตรแ์ หง่ ชาติ. (2561). ดวงอาทติ ย์ทรงกลด. [ออนไลน์]. ไดจ้ าก: https://twitter.com/NARIT_Thailand/status/1009305062743535616?lang=gl [สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2563]. สถาบนั วจิ ัยดาราศาสตร์แหง่ ชาติ. (2562). รงุ้ คู่และรุง้ แฝด. [ออนไลน]์ . ไดจ้ าก: https://web.facebook.com/NARITpage/posts/2453215841408682?_rdc=1&_rdr [สบื ค้น เมือ่ 5 กนั ยายน 2563]. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2563). หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 เลม่ 1. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. สมาคมฟสิ ิกส์ไทย. (2561). การหกั เหแสงเหนือธรรมชาติ. [ออนไลน์]. ไดจ้ าก: http://www.thaiphysoc.org/article/46/ [สืบค้นเมื่อ 2 กันยายน 2563]. National Council of Educational Research and Training. (2015). CHAPTER 16 LIGHT. [Online]. Available from: https://ncert.nic.in/ncerts/l/hesc116.pdf [Accessed 26 August 2020]. National Council of Educational Research and Training. (2015). CHAPTER 10 Light-Reflection and Refraction. [Online]. Available from: https://ncert.nic.in/ncerts/l/jesc110.pdf [Accessed 26 August 2020].
ประวตั ิผ้เู ขียน นายกติ ตภิ ัค ชูวงษ์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ท่ัวไป คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม e-mail : [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: