Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 6

หน่วยที่ 6

Published by 6032040034, 2018-08-29 00:42:58

Description: หน่วยที่ 6

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 6อปุ กรณส์ ำหรับเชอื่ มต่อเครอื ขำ่ ย ประเภท LAN

แบบฝึกหดั เครอื ขา่ ย LAN แบบใชส้ าย1. โครงการ IEEE 802 เปน็ โครงการเก่ียวกับอะไร และจัดต้ังขึ้นเพือ่ จุดประสงค์ใด ? ตอบ IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) คือ องค์กรที่ไดส้ ร้างมาตรฐานสากลมากมายทางด้วยวศิ วกรรมไฟฟา้ แลว้ คอมพวิ เตอร์ ได้กาหนดมาตรฐาน ระบบเครือขา่ ยไวจ้ านวนหน่ึง เปน็ ทีร่ ูจ้ ักกนั ในกลมุ่ หมายเลข IEEE ได้รับการยอมรบั จากองค์กรควบคุม มาตรฐาน ได้แก่ ANSI และ ISO โครงการหมายเลข 802 มีวัตถุประสงค์เพื่อกาหนดหนา้ ท่ีและรายละเอยี ด ของชั้นสอื่ สารฟิสคิ ลั ดาต้าลงิ ก์ และมสี ่วนขยายเพมิ่ เตมิ บางส่วนอกี เลก็ น้อย ทนี่ ามาใช้งานเพ่ือการเชอ่ื มต่อ เครอื ข่ายท้องถนิ่ เปน็ หลกั สาคัญ2. จงสรปุ การทางานของชนั้ สื่อสารยอ่ ย LLC และ MAC มาพอเข้าใจ ? ตอบ ลาดับช้นั ย่อย LLC เป็นลาดบั ชนั้ ท่จี ัดการสอ่ื สารระหว่างอุปกรณ์บนลงิ กข์ องเครือข่าย โดย LLC น้ี จะถูกกาหนดขนึ้ โดย IEEE 802.2 ซงึ่ สนับสนนุ การเช่ือมต่อในรปู แบบท้ังคอนเน็กชันเลส และคอนเน็กชนั โอ เรยี นเต็ด เพ่อื บริการให้กบั โปรโตคอลในลาดับสูงต่อไป ลาดบั ชน้ั ยอ่ ย MAC เปน็ ลาดับชนั้ ย่อยท่ีจัดการเกย่ี วกับการเขา้ ถงึ ตัวกลางเพ่ือการสื่อสารบนเครือข่าย3. MAC Address กบั การ์ดเครือข่ายมีความสมั พนั ธ์กนั อย่างไร ? ตอบ Mac Address เปน็ เพียงส่วนที่ใชอ้ า้ งองิ ตาแหนง่ ทอ่ี ยู่บนการด์ เครือข่าย เพ่อื รับส่งข้อมลู บน เครือข่าย โดยชุดหมายเลขแมคแอดเดรสน้ีจะถูกบรรจไุ ว้ในหน่วยความจารอมบนการเครือข่ายท่ีถูกบรรจุ พรอ้ มเสรจ็ มาจากโรงงาน และเมื่อเร่มิ ตน้ ทางาน ชดุ หมายเลขแมคแอดเดรสน้ีก็จะถูกคัดลอกไว้ใน หน่วยความจาหลัก เพื่อนาไปใชอ้ ้างอิงต่อไป4. จงบอกความแตกต่างระหวา่ ง MAC Address กบั IP Address ? ตอบ IP Address ย่อมาจากคาเต็มว่า Internet Protocal Address คอื หมายเลขประจาเครือ่ ง คอมพิวเตอร์แตล่ ะเคร่ืองในระบบเครือขา่ ยทใี่ ชโ้ ปรโตคอลแบบ TCP/IP และMAC Address (Media Access Control Address) คือ หมายเลขของ Network Card(LAN , Wireless LAN) ซึ่งหมายเลขจะไม่ ซ้ากัน โดยคา่ หมายเลขน้จี ะถูกกาหนดค่ามาจากโรงงานทีผ่ ลติ Network Card รปู แบบของค่า MAC Address จะอย่ใู นรปู แบบของเลขฐานสิบหก ดงั นี้ 01-23-45-67-89-ab หรือ 01:23:45:67:89:ab แมว้ า่ ท่ีอยู่ IP และท่ีอยู่ MAC จะตอบสนองวัตถุประสงค์ของการมอบรหัสเฉพาะในเครอื ขา่ ยให้กับโฮสต์ แต่ขนึ้ อยู่กับสถานะและฟงั ก์ชันท้งั สองมีความแตกต่างกัน เมอ่ื ทางานเลเยอร์ของแอดเดรสถูกเรยี กใช้ใน ขณะที่ฟังกช์ ัน MAC Address ใน Data Link Layer, IP แอดเดรสจะทางานใน Network Layer ทอี่ ยู่ MAC จะระบเุ อกลักษณ์เฉพาะของส่วนตดิ ตอ่ กบั ฮาร์ดแวรข์ องเครือข่ายในขณะที่ IP Address จะ ระบุเฉพาะส่วนตดิ ต่อซอฟต์แวรข์ องเครือข่าย นอกจากนห้ี ากพิจารณาการกาหนดท่ีอยู่ท่ีอยู่ MAC จะได้รับ

การกาหนดให้กบั อะแดปเตอร์อย่างถาวรและไม่สามารถเปล่ยี นแปลงไดเ้ นื่องจากเปน็ ท่อี ย่ทู างกายภาพ ในทางตรงกนั ข้ามที่อยู่ IP ท้ังแบบคงทห่ี รือแบบไดนามิกสามารถแก้ไขได้ข้ึนอยู่กบั ข้อกาหนดเนอ่ื งจากเป็น เอนทติ หี รือท่ีอย่ทู างตรรกะ นอกจากนท้ี ี่อยู่ MAC มปี ระโยชน์เม่อื พูดถงึ Local Area Networks ถา้ รปู แบบนี้ถือวา่ อยู่ IP จะใชท้ อ่ี ยู่ยาว 32 หรือ 128 บิตในขณะท่ที ่ีอยู่ MAC ใช้ที่อยยู่ าว 48 บิต ใน มุมมองแบบง่ายที่อยู่ IP สามารถได้รับการพจิ ารณาเพ่ือสนับสนนุ การใช้งานซอฟต์แวร์และทีอ่ ยู่ MAC ถือ ได้วา่ เป็นการสนับสนนุ การใชง้ านฮาร์ดแวร์ของเครอื ข่าย แมจ้ ะมีความแตกตา่ งกันก็ตามเครือขา่ ยไอพยี งั มีการทาแผนทร่ี ะหวา่ งท่ีอยู่ MAC และที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ เรยี กวา่ ARP หรอื Address Resolution Protocol5. อีเทอร์เน็ต และ IEEE 802.3 มีความสัมพันธ์กันอย่างไร จงอธิบาย ? ตอบ อตั ราในการส่งข้อมูลเรียกว่า อเี ทอรเ์ นต็ (Ethernet) มาตรฐานอเี ธอร์เน็ตทค่ี วามเร็ว 10 Mbps ซง่ึ เปน็ พื้นฐานของ 802.3 ความสมั พันธค์ ือ ความเรว็ อีเธอรเ์ น็ตเปน็ พนื้ ฐานของ IEEE 802.3 ข้อแตกตา่ งท่ีสาคัญคือ มาตรฐาน IEEE 802.3 ได้กาหนดไว้ สาหรบั การสอ่ื สารแบบCSMA/CD ทางานที่ ความเร็ว 1 ถงึ 10 Mbps บนสายสื่อสารชนดิ ตา่ งๆ เช่น กาหนดค่าตวั แปรไวส้ าหรับส่ือสารท่ี ความเร็ว 10 Mbps บนสายโคแอกซ์ (Coaxial ) ขนาด 50 โอห์ ม์ เท่านนั้ คา่ ตวั แปรสาหรบั ตัวเลือก อ่ืนๆ ได้รับการกาหนดเพิ่มเติมในภายหลัง6. จงสรปุ มาตรฐานการเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยแบบ Fast Ethernet มาพอเข้าใจ ? ตอบ แบ่งออกเปน็ 2 กลมุ่ คือ 100Base-T ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ไร้สายเชื่อมตอ่ จาพวกสายค่ตู เี กลยี วแบบไม่ มฉี นวน (UTP: Unshielded Twisted Pair) และ 10BaseFX ทีใ่ ชส้ ายใยแลว้ นาแสง (Fiber Optic) ใน การเช่อื มต่อ

7. จงสรปุ มาตรฐานการเช่ือมต่อเครือขา่ ยแบบ Gigabit Ethernet มาพอเขา้ ใจ ? ตอบ อยู่ภายใต้มาตรฐาน IEEE 802.3-2005 โดยแบ่งออกเปน็ มาตรฐาน IEEE 802.3z และ IEEE 802.3ab และสายท่ีถูกผลติ รงตามมาตรฐานคือ สาย CAT5e (Category 5 enhanced cable) สาย CAT6 (Category 6 cable)8. จงสรปุ มาตรฐานการเชื่อมตอ่ เครอื ข่ายแบบ 10Gigabit Ethernet มาพอเขา้ ใจ ? ตอบ 10 Gigabit Ethernet (หรอื 10 GE, 10 GbE, 10 GigE ซึง่ เรียกกนั หลายช่ือ) เปน็ มาตรฐานทเี่ ปดิ ขนึ้ ในปี 2002 บนมาตรฐานของ IEEE Std 802.3ae-2002 ซึ่งเป็นระดบั ความเรว็ สูงสดุ ของมาตรฐาน Ethernet แตม่ กี ารระบเุ วอร์ชัน่ ของ Ethernet โดยจะต้องมอี ตั ราขอ้ มลู เทา่ กับ 10 Gbit/s IEEE Std 802.3ae-2002 (หรอื มาตรฐาน 10 Gigabit Ethernet ) มีความแตกตา่ งต่างกนั จากมาตรฐานEthernet ท่วั ไป โดยฟงั กช์ ันท่ีใชง้ านจะมกี ารทางานผ่านทางสายไฟเบอรอ์ อพติก และการทางานในโหมดฟูล-ดู เพล็กซ์ มาตรฐาน 10 Gigabit Ethernet สามารถเพมิ่ ความสามารถให้กับโปรโตคอล IEEE 802.3ae โดย เพม่ิ ความเรว็ ไดถ้ ึง 10 Gbps และรองรบั การขยายความสามารถของแอพพลิเคชนั ให้ทางานผ่านการลงิ ค์ กนั ในเครือข่าย WAN ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้เพ่ิมการทางานของแบนด์วิดธ์ใหท้ างานได้อยา่ งเต็ม ประสิทธิภาพตามมาตรฐาน 802.3 อีกด้วย9. จงสรุปเครือขา่ ยแบบโทเค็นบสั มลี กั ษณะทางกายภาพเป็นแบบไหนและการเข้าถงึ ข้อมลู เปน็ แบบใด ? ตอบ โทเคนบัสมีการต่อเชื่อมแบบเปน็ เส้นตรง สถานตี ่างๆ เช่ือมตอ่ เขา้ ท่จี ดุ ใดๆ แต่ในทางตรรกะ สถานีจะถูกจัด กลุม่ ในลักษณะวง แต่ละสถานีจะทราบหมายเลขท่ีอยู่ของสถานีทอ่ี ยู่ทางด้ายซ้ายและด้านขวา ของตนเอง ตลอดเวลา เม่ือเร่ิมต้นการทางานสถานที ม่ี หี มายเลขสูงสดุ ของวงนนั้ ๆ สามารถสง่ เฟรมข้อมูลออกมาไดเ้ ปน็ ลาดับ แรก หลงั จากนน้ั กจ็ ะส่งเฟรม โทเคน ไปยงั สถานีข้างเคยี งของตนเอง การเข้าถงึ ข้อมูล โดยจะทางานด้วยการส่งแพ็กเกตขอ้ มลู ทเ่ี รยี กว่าโทเคน (Token) วนเปน็ วงแหวนไปตามสถานี งานตา่ งๆ บนเครือข่าย เม่ือโทเคนไปถงึ สถานีงานปลายทางกจ็ ะมีการคัดลอกข้อมลู ขึ้นมา จากน้ันกจ็ ะสง่ ข้อมลู แจง้ กลบั ไปยังสถานงี านต้นทางว่าได้รบั แลว้ ผ่านทางโทเคนเดิม ระบบเครือขา่ ยจะต้องสร้างตารางของตาแหนง่ ที่ อยูส่ าหรบั สถานงี านทง้ั หมดข้ึน ซงึ จะเรยี งตามลาดับตามลาดับของสถานีงานท่สี ามารถรับโทเคนไปได้ ในกรณีที่มี

สถานีงานใดต้องการติดต่อกับระบบเครือข่ายสูงเปน็ พิเศษ นัน่ ก็คือต้องการไดร้ ับโทเคนถ่ีข้ึนเปน็ พิเศษ ก็สามารถ ทาไดด้ ้วยการใสต่ าแหน่งท่อี ยู่ของสถานนี ้นั ๆ ไวใ้ นตารางให้มากขนึ้10. จงสรปุ เครือข่ายแบบโทเค็นริงลักษณะทางกายภาพเป็นแบบไหนและการเข้าถงึ ขอ้ มูลเปน็ แบบใด ? ตอบ การเช่ือมโยงเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ ้งั หมดใช้รปู แบบวงแหวน โดยด้านหน่งึ เป็นตวั รับสัญญาณ และอีก ดา้ นหนง่ึ เป็นตวั สง่ สัญญาณการเชอื่ มตอ่ แบบนที้ าใหค้ อมพิวเตอร์ทกุ เครือ่ งสามารถส่งขอ้ มูลถงึ กันได้ โดยผา่ น ไปในเส้นทางวงแหวนนนั้ การส่งผา่ นขอ้ มูลจะเวียนไปในทศิ ทางเดียวกัน การตดิ ตอ่ ส่ือสารระหว่างกันน้จี ะมี การจัดลาดบั ใหผ้ ลดั กันส่งเพอ่ื ว่าการรับสง่ ขอ้ มลู จะได้ไมส่ ับสนและมรี ูปแบบท่ชี ดั เจน11. จงสรุปหลักการทางานของโทเค็น เปน็ อย่างไร ? ตอบ เครือขา่ ย LAN แบบโทเคนริงตามมาตรฐานของ IEEE น้นั กาหนดให้ใช้โทโพโลยแี บบวงแหวน (Ring) โดยมีขอ้ มลู ส่อื สารสัน้ ๆ ทีเ่ รียกว่า โทเคน (Token) เป็นตวั กาหนดวา่ เครอ่ื งใดสามารถส่งข้อมูลได้ (เฟรมบนเครือข่ายจะประกอบไปดว้ ยโทเคนและข้อมลู ทเี่ กี่ยวขอ้ ง ซง่ึ อาจจะเปน็ ขอ้ มูลของผู้ใชง้ าน หรอื ขอ้ มลู ของระบบท่ีใชใ้ นการควบคมุ การจดั การเครือข่ายแบบโทเคนรงิ ) โทเคนจะถูกส่งให้วิ่งไปรอบๆ เครือข่าย ถา้ เคร่ืองใดสามารถครอบครองโทเคนได้จะสามารถสง่ ข้อมูลได้ หากเคร่ืองใดไดโ้ ทเคนแต่ไมม่ ี ขอ้ มูลทจ่ี ะสง่ กจ็ ะผ่านโทเคนไปยังเครื่องอ่นื ท่ีอยู่ถัดไป ก่อนส่งขอ้ มูลบนเครอื ขา่ ยแบบโทเคนริงนี้ การชนกัน ของขอ้ มูลในขณะส่งจะไม่เกิดขึน้ โทเคนท่ี \"ไมว่ ่าง\" (โทเคนที่ถกู ทาเครื่องหมายว่ากาลงั ถูกใช้งานในการส่ง ขอ้ มลู อยู)่ จะถกู สง่ ต่อไปรอบวงจนกระทงั่ ถึงเครื่องปลายทางทก่ี าหนดเป็นผรู้ บั เครือ่ งที่เป็นผู้รับจะทาการ ยืนยนั วา่ ได้รบั ข้อมูลแล้ว โดยทาเคร่อื งหมายลงในโทเคนนั้น จากน้ันโทเคนก็จะเดนิ ทางไปจนถึงเคร่ืองตน้ ทางทเ่ี ปน็ ผสู้ ่ง เคร่ืองทเี่ ปน็ ผู้ส่งกจ็ ะทาการลบข้อมลู ที่ติดอยู่กบั โทเคนน้ัน แลว้ ตามดว้ ยการลบเครอื่ งหมาย ทแ่ี จง้ ว่า \"ไมว่ า่ ง\" ออกไป จากน้ันก็จะปลอ่ ยโทเคนเป็นอิสระสู่เครือข่ายเพอ่ื ให้เครอื่ งอืน่ ไดม้ ีโอกาสใช้งานได้ ตอ่ ไป

12. จงสรุปหลกั การทางานของเครอื ขา่ ยแบบ FDDI เป็นอย่างไร ? ตอบ เครือข่ายความเร็วสงู รนุ่ ใหม่ Fiber Distributed Data Interface การเช่ือมต่อจะมี ความเร็วประมาณ 100-200 เมกะบติ ตอ่ วินาที เครือข่าย FDDI จะใช้สายใยแก้วนาแสงโดย แปลงจาก โทโปโลยีแบบวงแหวน เพยี งแต่มีวงแหวน 2 วง นิยมใช้สาหรับงานด้านท่ตี ้องการ เทคโนโลยสี ูง เชน่ วดี ิทศั น์แบบดิจิทัล , กราฟกิ ความละเอยี ดสงู ขอ้ ดี ความเร็วสงู มเี สถียรภาพ และความน่าเชื่อถอื สูง เนื่องจากมวี งแหวน 2 วง ถ้าวงใดวง หนง่ึ เสยี หาย การสือ่ สารยังสามารถดาเนินต่อไปได้ในวงแหวนที่เหลือ ข้อจากัด คา่ ใชจ้ ่ายสงู เน่ืองจากใช้ใยแกว้ นาแสง ------------------------------- นายวิชรัตน์ ธนพงศพ์ ิพัฒน์ ช้ัน ปวส.2 เลขท่ี 34

ระบบเครือข่าย LANสายแลน (Lan Cable)สายแลนคืออะไร สายแลน (Lan Cable) เปน็ สายนาสญั ญาณท่ีใช้ตอ่ กบั คอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณเ์ ช่ือมต่อเครอื ขา่ ยอยา่ ง Switch หรือ Hub และสายแลนกใ็ ช้ต่อกับ โมเด็มเราเตอร์เพอ่ื เช่อื มต่อสญั ญาณอินเตอร์เน็ตไดอ้ ีกด้วยการสง่ ข้อมูลระหว่างคอมพวิ เตอรก์ บั คอมพิวเตอรโ์ ดยตรงก็สามารถท่จี ะใช้สายแลนในการเชอ่ื มต่อไดเ้ ช่นกันประเภทสายแลนคุณภาพความถท่ี ีร่ องรบั ได้1. ประเภททหี่ น่งึ คือ UTP CAT5 คอื สายแลน ทเ่ี ปน็ สายทองแดงทม่ี ีความเร็วที่ต่า ความเรว็ สูงสุด อยู่ที่ 100 Mbps สายชนิดนี้ไม่เป็นทน่ี ิยมใช้งานกนั ซักเท่าไรเนอ่ื งด้วยความเรว็ ในการถา่ ยโอนข้อมลู ท่ีต่า2. ประเภททส่ี อง UTP CAT5e คอื สายแลนทเ่ี ปน็ สายทองแดงทีม่ ีความเร็วทตี่ า่ ความเรว็ สูงสดุ อยู่ที่ 1 Gpbs3. ประเภททส่ี าม UTP CAT6 คอื สายแลนทีเ่ ปน็ สายทองแดงที่มคี วามเร็วท่ีตา่ ความเร็วสูงสุดอย่ทู ่ี 10 Gpbs BANWIDTH อย่ทู ี่ 250MHz4. ประเภทที่ส่ี UTP CAT7 คือ สายแลนท่ีเป็นสายทองแดงที่มคี วามเร็วท่ตี า่ ความเรว็ สงู สดุ อยู่ท่ี 10 Gpbs BANWIDTH อยู่ที่ 600MHz

การ์ดทใี่ ช้ในการเช่อื มต่อเครือขา่ ย(NIC: Network Interface Card) การด์ เชือ่ มต่อเครือข่าย หรือเรยี กว่าการ์ด LAN เปน็ การด์ สาหรบั ต่อเคร่ืองพีซี เขา้ กับสายเคเบลิดังนน้ั จึงตอ้ งมีพอร์ตสาหรับเสียบสายแบบใดแบบหน่งึ ทจ่ี ะใช้ หรืออาจมีพอรต์ สาหรบั สายหลายแบบกไ็ ด้ เช่นมีพอรต์ สาหรับสายโคแอกเชยี ล และสาหรับสายคตู่ ีเกลยี ว แต่สาหรบั การ์ดรนุ่ ใหม่ๆ มักจะเหลอื แต่พอรต์สาหรบั สายคตู่ ีเกลยี วเพราะปัจจุบนั กาลงั เปน็ ทีน่ ิยม นอกจากนีย้ งั มีการ์ดที่ทามาสาหรบั ใชต้ ่อกบั สายใยแก้วนาแสงซึงมักจะมีราคาแพงและใชเ้ ฉพาะบางงานการ์ด LAN จะมีสล็อตท่ใี ช้อยู่ 2 ชนดิ คอื 1. ISA 8 และ 16 บิต การด์ แบบนจ้ี ะสามารถรับสง่ ขอ้ มลู กับเครอื่ งพซี ีได้ทลี ะ 8 หรือ 16 บติ ที่ความถีป่ ระมาณ 8 MHz เท่าน้ัน โดยผา่ นบสั และสลอ็ ตแบบ ISA ตัวอยา่ งเชน่ การด์ NE1000 และ NE2000ทผ่ี ลติ ตามแบบของบริษัท Novell เป็นตน้ ซ่ึงความเร็วในการทางานจะต่ากวา่ แบบ PCI ซึง่ ในปัจจุบนั แทบจะไมพ่ บแล้วขอ้ ดีของ ISA 1. กรองไดเ้ ดด็ ขาด ไม่มีเล็ดรอด 2. ทางานระดับ LAYER 7 3. เพราะเปน็ ของ MS จงึ สามารถทางานรว่ มกบั AD ได้อย่างไมม่ ปี ัญหา 4. ใชง้ านรว่ มกบั MS SYSTEM CENTER เพ่ือปฏิบตั ติ าม พรบ. คอมฯ 2550 ได้ 100%ข้อเสยี ของ ISA 1. แพง 2. เราต้องเสีย คา่ ใชจ้ ่ายเพ่ิมดังนี้ คา่ LIC ของ WINDOWS ค่าเคร่ืองเซิฟเวอร์ ค่าไฟ 3. ประสทิ ธภิ าพเมื่อเทียบกับราคา ยังถือได้ว่ายังไมน่ ่าพอใจ ถา้ เทยี บกับพวก HARDWARE BOX 2. PCI ยอ่ มาจาก PERIPHERAL COMPONENT INTERCONNECTION คือชอ่ งเสียบอุปกรณ์ ต่างๆ อาทิ การ์ดเสียง การ์ด NETWORK โมเด็มแบบ INTERNAL แม้กระท่งั การจ์ อ เพอ่ื ให้อุปกรณท์ างานควบคู่ไปกบั ซีพียไู ด้อยา่ งรวดเรว็ ซ่ึง PCI มีความสามารถท่ีจะส่งข้อมลู ดว้ ยความเรว็ สูง โดยมีแบนด์วดิ ท์ (BANDWIDTH) อยู่ที่ 32 บติ และ 64 บิต โดย PCI แบบ 64 บิตนี้เราจะเรียกว่า PCI-X โดยความเรว็ ในการส่งข้อมูล

ของ บัส 32 บิตนั้นสามารถทาความเร็วในการส่งขอ้ มูลได้ถึง 132 MB/SEC แตถ่ ้าเป็นบสั ขนาด 64 บิต เราจะได้ความเร็วอยู่ที่ 264MB/SEC ซง่ึ เหมาะกบั การใชง้ านที่เกี่ยวกับกราฟฟกิ ทีต่ ้องการความละเอยี ดสงูประโยชนข์ องพอร์ต PCI มอี ะไรบา้ ง ประโยชนข์ องพอรต์ PCI นั้นสามารถแบง่ ออกมาเป็นข้อ ๆได้ดังน้ี 1. พอรต์ PCI เป็นสามารถตรวจสอบอุปกรณท์ ต่ี ิดตั้งได้อัตโนมัติ ไมเ่ หมือนกบั พอร์ตรุ่นเก่า VL ซง่ึทางานได้ช้า การติดตัง้ อุปกรณ์ทาได้ยากเพราะในการติดตั้งอุปกรณ์แต่ละครั้งต้องมีการเซ็ทค่าของจัมเปอร์ทกุครงั้ ซ่ึงพอรต์ PCI ไม่ต้องเซ็ทค่าอะไร เมื่อเสียบอปุ กรณล์ งไปแล้วก็สามารถทางานรว่ มกับคอมพิวเตอร์ไดเ้ ลยซ่ึงระบบน้ีเรยี กวา่ PLUG AND PLAY น่ันเอง 2. พอร์ต PCI สามารถที่จะตรวจสอบความผดิ พลาดต่างๆไดพ้ รอ้ มทง้ั รายงานการผิดพลาดขณะสง่ถ่ายข้อมูล 3. พอรต์ PCI มีระบบการทางานที่รวดเรว็ เพราะการเข้าถงึ อปุ กรณ์แตล่ ะตัวท่ีมีการติดตัง้ น้ันจะใช้เวลาไมน่ าน และมีการเตรยี มเขยี นและอา่ นคาสง่ั ไว้ลว่ งหน้าเพอ่ื ไม่ใหม้ ีการเสยี เวลาในการอา่ นและเขียนคาสัง่ต่อไป

อุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการเชื่อมโยง 1. การ์ดเครือข่าย (Network Interface Card) หรือการ์ดแลน หรืออีเทอร์เน็ตการ์ด ทาหน้าที่ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่เข้ากับระบบเครือข่ายได้ เช่น ในระบบแลนเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายจะตอ้ งมีการ์ดเครอื ขา่ ยทเี่ ชือ่ มโยงด้วยสายเคเบลิ จึงสามารถทาให้เคร่อื งตดิ ต่อเครือข่ายได้ 2. ฮับ (Hub) คือ อุปกรณ์ท่ีรวมสัญญาณที่มาจากอุปกรณ์รับส่งหลาย ๆ สถานีเข้าด้วยกัน ฮับเปรียบเสมือนเป็นบัสที่รวมอยู่ท่ีจุดเดียวกัน ข้อมูลท่ีรับ-ส่งผ่านฮับจากเครื่องหนึ่งกระจายไปยังทุกสถานีท่ีตดิ ตอ่ อยู่บนฮับน้ัน ดงั นั้นทกุ สถานีจะรบั สัญญาณข้อมลู ที่กระจายมาได้ทั้งหมดแต่จะเลือกคัดลอกเฉพาะข้อมูลที่ส่งมาถึงตนเท่านั้น การตรวจสอบข้อมูลจึงต้องดูที่แอดเดรส (address) ท่ีกากับมาในกลุ่มของข้อมูลหรือแพ็กเกจ 3. สวติ ช์ (Switch) คอื อปุ กรณร์ วมสญั ญาณท่ีมาจากอปุ กรณ์รับ-สง่ หลายสถานเี ช่นเดียวกับฮบั แต่มขี อ้ แตกต่างจากฮบั คือ การฮบั -ส่งข้อมูลจากสถานีหรืออุปกรณต์ วั หน่ึงจะไม่กระจายไปยงั ทุกสถานีเหมือนฮับท้ังนี้เพราะสวติ ช์จะรับกลมุ่ ข้อมูลหรอื แพ็กเกจมาตรวจสอบก่อน แล้วดูว่าแอดเดรสของสถานีหลายทางไปทใ่ี ดสวิตช์จะลดปัญหาการชนกันของข้อมูลเพราะ ไม่ต้องกระจายข้อมูลไปทุกสถานี และยังมีข้อดีในเร่ืองการปอ้ งกันการดักจบั ขอ้ มูลทีก่ ระจายไปในเครือข่าย 4. บริดจ์ (Bridge) คอื อุปกรณ์ทีเ่ หมาะสมกับเครือข่ายหลาย ๆ กลุ่มท่ีเช่ือมต่อกันเนอื่ งจากสามารถแบ่งเครือข่ายที่เชอื่ มต่อกันหลาย ๆ เซ็กเมนต์แยกออกจากกันได้ ทาให้ข้อมูลในแต่ละเซ็กเมนต์ไม่ต้องวิ่งไปทวั่

ทง้ั เครือข่าย กลา่ วคือ บรดิ จส์ ามารถอา่ นเฟรมขอ้ มูลท่ีสง่ มาได้ว่ามาจากเคร่ืองในเซก็ เมนต์ใด จากน้ันจะทาการสง่ ข้อมลู ไปยังเครอ่ื งซ่งึ อาจอย่ใู นเซ็กเมนตเ์ ดยี วกันหรือต่างเซก็ เมนตก์ ็ได้ ซึง่ ความสามารถดงั กล่าวทาใหช้ ว่ ยลดปญั หาความคบั คงั่ ของขอ้ มลู ในระบบได้ 5. รีพีตเตอร์ (Repeater) คือ อุปกรณ์ทวนสัญญาณเพ่ือให้สามารถส่งข้อมูลถึงกันได้ระยะไกลขึ้นคือ รีพีตเตอร์จะปรับรูปแบบเดิม เพ่ือได้สัญญาณสามารถส่งต่อไปได้อีก เช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายแลนหลายๆ เซ็กเมนต์ ซ่ึงความยาวของแต่ละเซ็กเมนต์น้ันจะมีระยะทางท่ีจากัด ดังนั้น อุปกรณ์อย่างรีพีตเตอร์จะช่วยแก้ไขปญั หาเหล่านีไ้ ด้ 6. โมเด็ม (Modem) คือ อุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีแปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้สามารถเช่ือมคอมพวิ เตอร์ท่ีอยู่ระยะไกลเขา้ หากันได้ดว้ ยการผ่านสายโทรศัพท์ โดยโมเด็มจะทาหน้าท่ีแปลงสญั ญาณ ซึ่งแบง่ออกเป็นท้ังภาคส่งและภาครับ โดยภาคส่งจะทาการแปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์(Digital to Analog) ในขณะที่ภาครับน้ันจะทาการแปลงสัญญาณโทรศัพท์กลับมาเป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์(Analog to Digital) ดงั นน้ั ในการเชือ่ มต่อเครือข่ายระยะไกลๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต จึงจาเป็นต้องใชโ้ มเด็ม โดยโมเด็มมีท้ังแบบภายใน (Internal Modem) ที่มีลักษณะเป็นการ์ด โมเด็มภายนอก (External Modem) ที่มีลกั ษณะเป็นกล่องแยกออกต่างหาก และรวมถึงโมเดม็ ท่เี ปน็ PCMCIA ทม่ี กั ใช้กบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์โน้ตบคุ๊

7. เราเตอร์ (Router) ในการเชอ่ื มโยงเครือขา่ ยคอมพิวเตอรจ์ ะต้องมีการเช่ือมโยงหลายๆ เครือข่ายหรืออุปกรณ์หลายอย่างเข้าด้วยกัน ดังน้ัน จึงมีเส้นทางเข้า - ออกของข้อมูลได้หลายเส้นทาง และแต่ละเส้นทางอาจใช้เทคโนโลยีเครือข่ายที่ต่างกัน อุปกรณ์จัดเส้นทางจะทาหน้าที่หาเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อให้การส่งข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การที่อุปกรณ์จัดหาเส้นทางต้องรับรู้ตาแหน่งและสามารถนาข้อมูลออกเสน้ ทางไดถ้ กู ต้องตามตาแหนง่ แอดเดรสท่ีกากบั อยู่เส้นทางนั้น 8. เกตเวย์ (Gateway) คอื อปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ที่ช่วยในการสอื่ สารข้อมูล หนา้ ท่ีหลกั ของเกตเวย์คือ ช่วยทาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่าย หรือมากกว่าท่ีมีลักษณะไม่เหมือนกัน คือ ลักษณะของการเชื่อต่อ (Connectivity) ของเครือข่ายท่ีแตกต่างกัยน และมีโพรโตคอลสาหรับการส่ง - รับข้อมูลต่างกัน เช่นLAN เครือหน่ึงเป็นแบบ Ethernet และ โพรโตคอลแบบอะซิงโครนัส ส่วน LAN อีกเครือข่ายหนึ่งเป็นแบบToken Ring และใช้โพรโตคอลแบบซิงโครนัสเพื่อให้สามารถติดต่อกันได้เสมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน เพื่อกาจัดวงให้แคบลงมา เกตเวย์โดยทั่วไปจะใช้เป็นเครื่องมือส่ง - รับข้อมูลกันระหว่าง LAN 2 เครือข่ายหรือLAN กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์เมนเฟรม หรือระหว่าง LAN กับ WAN โดยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะ เช่นX.25 แพ็กเกจสวติ ซ์ เครอื ขา่ ย ISDN เทเล็กซ์ หรอื เครือขา่ ยทางไกลอ่ืน

เคร่อื งคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ในระบบ ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ มีองค์ประกอบทสี่ าคญั เพอ่ื การเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอร์แม่ข่าย (File Server) ชอ่ งทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน(Workstation or Terminal) และ อปุ กรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System)คอมพิวเตอร์แม่ข่าย คอมพิวเตอร์แมข่ ่าย หมายถึงคอมพิวเตอร์ ที่ทาหน้าทเ่ี ป็นผูใ้ หบ้ ริการทรพั ยากร (Resources) ต่างๆ ซง่ึ ได้แก่ หนว่ ยประมวลผล หนว่ ยความจา หน่วยความจาสารอง ฐานขอ้ มูล และ โปรแกรมต่าง ๆ เปน็ ต้นในระบบเครือขา่ ยทอ้ งถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ขา่ ย ในระบบเครือขา่ ยระยะไกล ท่ีใช้เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ หรือ มินิคอมพวิ เตอรเ์ ป็นศูนยก์ ลางของเครอื ข่าย เรานิยมเรียกว่า Host Computerและเรยี กเครือ่ งทรี่ อรับบริการว่าลูกขา่ ยหรอื สถานีงานช่องทางการสื่อสาร ชอ่ งทางการส่ือสาร หมายถงึ สอ่ื กลางหรือเสน้ ทางที่ใชเ้ ป็นทางผา่ น ในการรับส่งข้อมูล ระหวา่ งผู้รบั(Receiver) และผู้ส่งข้อมลู (Transmitter) ปจั จุบนั มีช่องทางการส่อื สาร สาหรบั การเชื่อมต่อเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์มหี ลายประเภทคอื สายโทรศัพทแ์ บบสายคู่ตีเกลยี วไม่มฉี นวนหุม้ (UTP) สายคู่ตีเกลยี ว แบบมีฉนวนหมุ้ (STP) สายโคแอคเชยี ล สายใยแกว้ นาแสง คลน่ื ไมโครเวป และดาวเทียม เป็นตน้สถานงี าน สถานงี าน (Workstation or Terminal) หมายถงึ อปุ กรณ์หรือเคร่ืองไมโครคอมพวิ เตอร์ ท่ีเชอ่ื มต่อกับเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ทาหน้าท่เี ปน็ สถานีปลายทางหรอื สถานีงาน ท่ีไดร้ บั การบรกิ ารจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์แมข่ ่าย เรียกวา่ เปน็ คอมพวิ เตอรล์ ูกขา่ ย (Workstation) ในระบบเครอื ขา่ ยระยะใกล้ มักมหี นว่ ยประมวลผล หรอื ซพี ยี ูของตนเอง ในระบบทใี่ ชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นศนู ย์กลาง เรียกสถานีปลายทางวา่ เทอรม์ ินอล (Terminal) ประกอบดว้ ยจอภาพและแป้นพมิ พ์เท่าน้นั ไม่มหี น่วยประมวลกลางของตัวเอง ตอ้ งใชห้ น่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ศนู ย์กลางหรือ Host

อุปกรณ์ในเครือข่าย การ์ดเช่อื มต่อเครอื ขา่ ย (Network Interface Card :NIC) หมายถึง แผงวงจรสาหรบั ใช้ในการเชื่อมต่อสายสญั ญาณของเครือขา่ ย ติดตั้งไว้ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่เี ป็นเคร่ืองแม่ข่าย และเครื่องท่เี ป็นลูกขา่ ยหน้าทข่ี องการ์ดนี้คือแปลงสญั ญาณจากคอมพิวเตอร์สง่ ผา่ นไปตามสายสัญญาณ ทาให้คอมพิวเตอร์ในเครอื ข่ายแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสารกนั ได้- โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator) หมายถงึ อปุ กรณ์สาหรับการแปลงสญั ญาณดจิ ติ อล(Digital) จากคอมพวิ เตอรด์ ้านผู้ส่ง เพือ่ สง่ ไปตามสายสญั ญาณข้อมูลแบบอนาลอก(Analog) เมื่อถงึคอมพิวเตอร์ด้านผูร้ ับ โมเดม็ ก็จะทาหน้าท่ีแปลงสญั ญาณอนาลอก ให้เปน็ ดิจิตอลนาเข้าสู่เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์เพ่ือทาการประมวลผล โดยปกติจะใช้โมเด็มกับระบบเครือขา่ ยระยะไกล โดยการใชสายโทรศัพท์เปน็ สือ่ กลางเชน่ เครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ เป็นตน้- ฮับ ( Hub) คือ อุปกรณ์เช่อื มตอ่ ท่ีใชเ้ ป็นจดุ รวม และ แยกสายสัญญาณ เพ่อื ใหเ้ กิดความสะดวก ในการเช่อื มต่อของเครือขา่ ยแบบดาว (Star) โดยปกตใิ ชเ้ ปน็ จุดรวมการเช่ือมต่อสายสัญญาณระหวา่ ง File Serverกับ Workstation ตา่ ง ๆซอฟตแ์ วรร์ ะบบปฏิบตั ิการเครอื ข่าย ซอฟต์แวรร์ ะบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถงึ ซอฟต์แวร์ทท่ี าหน้าที่ จัดการระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ เพือ่ ใหค้ อมพิวเตอร์ ท่เี ช่อื มตอ่ อยูก่ บั เครือขา่ ย สามารถติดต่อสอื่ สาร แลกเปลี่ยนข้อมลู กันได้อย่างถูกต้อง และมปี ระสทิ ธิภาพ ทาหน้าทจ่ี ัดการดา้ นการรักษาความปลอดภัย ของระบบเครือข่าย และยังมีหนา้ ท่ีควบคมุ การนาโปรแกรมประยุกต์ ดา้ นการติดต่อสื่อสาร มาทางานในระบบเครือข่ายอกี ดว้ ย นับวา่ซอฟตแ์ วรร์ ะบบปฏบิ ัติการเครอื ขา่ ย มีความสาคัญต่อเครือข่ายคอมพวิ เตอร์อย่างยง่ิ ตวั อยา่ ง ซอฟต์แวร์ประเภทน้ีได้แก่ ระบบปฏิบตั ิการ Windows NT , Linux , Novell Netware , Windows XP ,Windows2000 , Solaris , Unix เป็นต้น

ซอฟตแ์ วรเ์ ครอื ขา่ ย ระบบปฏิบตั กิ ารเครือขา่ ย1. บรกิ ารไฟลข์ ้อมลู และการพมิ พ์ (File and Print Services) การทางานระดับพ้ืนฐานของระบบปฎิบัติการเครือขา่ ย คือการให้บริการในการแชร์เคร่ืองพมิ พ์ ซ่งึ มีความจาเป็นสาหรับหน่วยงานหรือองค์กรท้ังท่อยู่ในรูปแบบของเครือข่ายแบบมีสายหรือเครือข่ายแบบไร้สายรวมถึงความสามารถในการให้บริการพื้นท่ีในการจดั เก็บไฟล์ข้อมูล และบรหิ ารจัดการในการเข้าใช้โดยการระบุสทิ ธใิ นการเข้าถงึ ไฟลข์ ้อมูลเข้าถงึ เคร่อื งพิมพ์ตามความสาคัญหรืออานาจหน้าทีข่ องผใู้ ช้2. บรกิ ารดูแลจดั การระบบ (Mangement Services) ทาหน้าที่เก่ียวกับการบริหารจัดการเคร่ืองคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และสมาชิกหรือผูใ้ ช้ หรือการเช่ือมต่อกับเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อผิดพลาดและการเฝา้ ระวัง บริการดูแลจัดการระบบของระบบปฎิบัติการเคร่อื ข่าย จะใชล้ ดการซา้ ซอ้ นและการทาใหก้ ารบรกิ ารดูแลจดั การระบบยงิ่ ง่ายขึ้น3. บริการรักษาความปลอดภยั (Security Services) ปัจจุบันระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะระบบท่ีมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยแล้ว จะมีความเส่ียงรกั ษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบ ท่ีอาจจะถูกรบกวนจากบุคคลภายนอก หรือแม้กระทั้งการจัดการกาหนด สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลให้กาผู้ใช้งานในองค์กรเอง ระบบปฎิบัติการเครือข่ายท่ีดีจึงควรมีฟังชั่นรักษาความปลอดภยั ข้อมูลในเครือข่าย รวมถึงฟังก์ช่ันในการกาหนดสิทธิของผู้ใชแ้ ละกลุม่ ผู้ใช้งานเข้าถงึ ขอ้ มูลด้วย4. บรกิ ารอินเทอร์เน็ตและอินทราเนต็ (Internet and Intranet Services) เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานหรือองค์กรปัจจุบัน ส่วนมากต้องมีการเช่ือมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรืออย่างน้อยก็จะทาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ให้บริการอินทราเน็ตรวมอยู่ด้วย ดังน้ีนระบบปฎิบัติการเครือข่าย จะต้องมีบริการด้านอินเทอร์เน็ต เพ่ือรับรองบริการฟังก์ชั่นดังกล่าว เช่น DNS Server,Web Server, Mail Server และ Ftp Server เป็นตน้5. บริการมลั ตโิ พรเซสซงิ และคลัสเตอรงิ (Multiprocessing and Clustering Services) มัลติโพรเซสซ่ิง : Multiprocessing ถือได้ว่าเป็นระบบมัลติโปรเซสเซอร์ คือ ระบบที่มี CPUมากกว่าหน่ึงตัวในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ การที่เซิร์ฟเวอร์มี CPU หลายตัวจะช่วยนการทางานของ Application ท่ีทางานบนระบบทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึนหากระบบปฎิบัติการเครือขา่ ยและ Application ดงั กลา่ วรับรองบริการมัลติโปรเซสซิ่ง คลัสเตอริง : Clustering ในการใหบ้ รกิ ารเครือขา่ ยหากตอ้ งการเพอื่ งประสิทธภิ าพในการทางานของระบบโดยรวมแลว้ บรกิ ารคลสั เตอริง่ เป็นรปู แบบที่เครื่องแม่ข่ายหรือเซริ ์ฟเวอร์มีจานวนหลายๆเครื่อง มาช่วยกันทางานงานใดงานหน่ึง หรือหลายๆงาน จะช่วยให้ประสิทธิภาพของระบบดีขึ้น ทั้งในด้านทางานในรูปแบบการให้บรกิ ารแทนกนั ได้ หากมีเครือ่ งใดเครอ่ื งหน่งึ มปี ญั หา หรอื การแบง่ งานจากเครื่องอ่นื ทร่ ับรองงานมากเกนิ ไป

โปรแกรมอรรถประโยชน์ utility program/software เปน็ โปรแกรมประเภทหน่ึงท่ีทางานบนระบบปฏบิ ัตกิ าร คุณสมบตั กิ ารใชง้ านน้นั ค่อนขา้ งหลากหลาย ส่วนมากใชเ้ พ่ือบารุงรกั ษาและเพ่ิมประสทิ ธิภาพการทางานของคอมพิวเตอร์ ชว่ ยสนบั สนนุ เพม่ิหรอื ขยายขีดความสามารถของโปรแกรมทีใ่ ช้งานให้มีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น ยทู ลิ ิตแี้ บ่งออกเป็นสองชนดิ คือโปรแกรมอรรถประโยชนส์ าหรบั ระบบปฏิบัตกิ าร (OS utility program) และโปรแกรมอรรถประโยชน์อื่น ๆ(stand-alone utility program)โปรแกรมอรรถประโยชนส์ าหรบั ระบบปฏบิ ัติการ ประเภทการจดั การไฟล์ (file manager) ประเภทการถอนโปรแกรม (uninstaller) ประเภทการสแกนดสิ ก์ (disk scanner) ประเภทการจัดพ้นื ทเ่ี ก็บข้อมูล (disk defragmenter) ประเภทรักษาหน้าจอ (screen saver)โปรแกรมอรรถประโยชนอ์ ื่น ๆ โปรแกรมปอ้ งกันไวรัส (anti-virus program) โปรแกรมไฟร์วอลล์ (firewall) โปรแกรมบีบอัดไฟล์ (file compression utility)

โปรโตคอล โปรโตคอลคือชุดของกฎสาหรับรูปแบบข้อความและโพรซีเดอร์ ที่อนุญาตใหเ้ คร่ืองและแอ็พพลิเคชันโปรแกรมแลกเปล่ียนขอ้ มูล กฎเหลา่ น้ตี ้องเปน็ ไปตามเครื่องแต่ละเครื่องที่เกี่ยวข้องในการสื่อสารเพือ่ ใหโ้ ฮสตก์ ารรบั สามารถเข้าใจข้อความนน้ั ๆ ชดุ TCP/IP ของโปรโตคอลสามารถเข้าใจไดใ้ นรปู ของ เลเยอร์(หรือระดับ) TCP/IP กาหนดวิธีการย้ายข้อมูลจากผู้ส่งไปยังผู้รับอย่างระมัดระวัง อันดับแรก แอ็พพลิเคชันโปรแกรมส่งข้อความ หรือสตรีม ข้อมูลของ Internet Transport Layer Protocols หนึน่ง ซ่ึงอาจเป็น UserDatagram Protocol (UDP) หรอื Transmission Control Protocol (TCP) โปรโตคอลเหลา่ นีจ้ ะไดร้ บั ข้อมูลจาก แอ็พพลิเคชัน จากนั้นแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อยๆ เรียกว่า แพ็กเก็ต เพิ่มแอดเดรสปลายทาง และจากนั้นส่งแพ็กเกต็ ไปยัง เลเยอรโ์ ปรโตคอลถัดไป คือเลเยอร์ Internet Network เลเยอร์ Internet Network layer รวมแพก็ เก็ตให้อยู่ในดาตาแกรม Internet Protocol (IP) วางในส่วนหัวและส่วนท้ายของ ดาตาแกรม ตัดสินใจว่าจะส่งดาตาแกรมไปที่ใด (ไปยังปลายทางโดยตรง หรือไปยังเกตเวย)์ และสง่ ดาตาแกรมต่อไปยงั เลเยอร์ Network Interface เลเยอร์ Network Interface ยอมรบั ดาตาแกรม IP และสง่ เปน็ แบบ เฟรม บนฮาร์ดแวรเ์ น็ตเวิร์กที่เจาะจง เชน่ เน็ตเวิรก์ Ethernet หรือ Token-Ring เฟรมทโ่ี ฮสต์ได้รบั จะสง่ ไปยังเลเยอรโ์ ปรโตคอลในทางตรงกันขา้ ม แตล่ ะเลเยอรจ์ ะถอดข้อมลู ส่วนข้องท่ีเกยี่ วข้องออก จนกระท่ัง เหลือเฉพาะข้อมูลที่ส่งกลับไปยงั เลเยอร์แอ็พพลิเคชัน

เฟรมที่เลเยอร์ Network Interface ได้รับ (ในกรณนี ้ี คอื อะแด็ปเตอร์ Ethernet) เลเยอร์ NetworkInterface ถอดส่วนหัว Ethernet ออก และส่งดาตาแกรมข้ึนไปยังเลเยอร์ Network ในเลเยอร์ NetworkInternet Protocol ถอดส่วนหัว IP ออก และส่ง แพ็กเก็ตข้ึนไปยังเลเยอร์ Transport ในเลเยอร์ Transportน้นั TCP (ใน กรณนี ี้) จะถอดส่วนหัว TCP ออก และสง่ ขอ้ มูลข้นึ ไปยังเลเยอร์ Application

โมเด็ม(Modems) เป็นอุปกรณ์สาหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งท่ีช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภายนอกได้อย่างง่ายดายโมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สาหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถส่ือสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถทางานของคุณให้สาเร็จได้ก็ด้วยการ เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้าคู่สายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซ่ึงโมเด็มจะทาการแปลงสัญญาณดิจิตอล (digitalsignals) จากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศพั ท์ คาว่า โมเด็ม(Modems) มาจากคาว่า (modulate/demodulate) ผสมกัน หมายถึง กระบวนการแปลงข้อมูลข่าวสารดิจิตอลให้อยู่ในรูปของอนาล็อกแล้วจึงแปลงสัญญาณกลับเป็นดิจิตอลอีกครั้งหน่ึงเมื่อโมเดม็ ของคุณต่อเข้ากบั โมเดม็ ตัวอนื่ ความแตกตา่ งของโมเด็มแต่ละประเภทโมเด็มแต่ละประเภทจะมคี ณุ ลักษณะทแ่ี ตกตา่ งกันดังนี้ 1. ความเร็วในการรับ – ส่งสัญญาณ ความเร็วในการรับ - ส่งสัญญาณ หมายถึง อัตรา (rate) ที่โมเด็มสามารถทาการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโมเด็มอื่นๆมีหน่วยเป็น บิต/วินาที (bps) หรือ กิโลบิต/วินาที(kbps) ในการบอกถงึ ความเร็วของโมเด็มเพื่อให้งา่ ยในการพูดและจดจา มักจะตัดเลขศนู ย์ออกแล้วใช้ตวั อักษรแทน เชน่ โมเดม็ 56,000 bps จะเรยี กว่า โมเด็มขนาด 56 K 2. ความสามารถในการบีบอัดข้อมูล ข้อมูลข่าวสารที่ส่งออกไปบนโมเด็มนั้นสามารถทาให้มีขนาดกะทัดรัดด้วยวิธีการบีบอัดข้อมูล (compression) ทาให้สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละเป็นจานวนมากๆ เป็นการเพ่ิมความเรว็ ของโมเดม็ ในการรับ - ส่งสญั ญาณ 3. ความสามารถในการใช้เป็นโทรสาร โมเด็มรุ่นใหม่ๆ สามารถส่งและรับโทรสาร (Faxcapabilities) ได้ดีเช่นเดียวกับการรับ - ส่งข้อมูล หากคุณมีซอฟท์แวร์ท่ีเหมาะสมแล้วคุณสามารถใช้แฟคซ์โมเดม็ เป็นเคร่ืองพิมพ(์ printer)ได้เมื่อคุณพิมพ์เข้าไปที่แฟคซ์โมเด็มมันจะส่งเอกสารของคุณไปยังเคร่ืองโทรสารท่ปี ลายทางได้ 4. ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด โมเด็มจะใช้วิธีการควบคุมความผิดพลาด (errorcontrol) ต่างๆ มากมายหลายวิธีในการตรวจสอบเพ่ือการยืนยันว่าจะไม่มีข้อมูลใดๆสญู หายไประหว่างการส่งถา่ ยข้อมลู จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนงึ่ ไปยังอีกเครื่องหนึง่

5. ออกแบบให้ใช้ไดท้ ้งั ภายในและภายนอกโมเด็มทจี่ าหน่ายในท้องตลาดทว่ั ๆ ไปจะมี 2 รปู แบบ คอืโมเดม็ แบบตดิ ตงั้ ภายนอก (external modems) และ แบบติดต้งั ภายใน (internal modems) 6. ใช้เป็นโทรศัพท์ได้ โมเด็มบางรุ่นมีการใส่วงจรโทรศัพท์ธรรมดาเข้าไปพร้อมกับความสามารถในการรับ – ส่งข้อมูลและโทรสารดว้ ยใชโ้ มเดม็ ทาอะไรไดบ้ ้าง เราสามารถใช้โมเดม็ ทาอะไรต่างๆ ได้หลายอยา่ ง เช่น 1. พบปะพูดคุย 2. ใชบ้ รกิ ารต่างๆ จากทบี่ า้ น 3. ทอ่ งไปบนอนิ เทอร์เน็ต 4. เขา้ ถงึ บริการออนไลนไ์ ด้ 5. ดาวน์โหลดข้อมูล,รูปภาพและโปรแกรมแชรแ์ วรไ์ ด้ 6. ส่ง - รับโทรสาร 7. ตอบรบั โทรศพั ท์การเลอื กซ้อื โมเดม็ สง่ิ ท่คี วรพิจารณาในการเลือกซือ้ โมเดม็ มาใช้งาน เชน่ 1. เขา้ กนั ไดก้ ับระบบคอมพวิ เตอร์ของคณุ 2. เขา้ กนั ได้กบั ระบบทางาน OS ของคอมพิวเตอรข์ องคุณ 3. ความเรว็ ในการรับ - ส่งสญั ญาณ 4. เป็นโมเด็มภายนอกหรือภายใน 5. การบบี อัดขอ้ มูล 6. ความสามารถในการควบคมุ ความผิดพลาด 7. รับ - สง่ โทรสารได้ 8. ซอฟท์แวร์สือ่ สารสิ่งท่ีต้องใช้ร่วมกับโมเด็ม การท่ีสามารถใช้โมเด็มให้เกิดประโยชน์จากแหล่งข้อมูลนั้นจะต้องตรวจสอบว่ามีสิ่งเหลา่ นพี้ รอ้ มหรือไม่ 1. ซอฟท์แวรส์ อ่ื สาร 2. พอร์ทอนุกรม (serial port) 3. fast UART เป็นซฟิ ตัวหนึง่ ทต่ี ิดตั้งบนพอรท์ อนกุ รมของคอมพวิ เตอร์ เพื่อควบคมุ การไหลของขอ้ มลู เข้าและออกจากพอร์ทอนกุ รม 4. serial cable เปน็ สาย cable ทนี่ ามาต่อโมเด็มกับพอรท์ อนุกรมของคอมพวิ เตอร์ (ต้องตรวจสอบดูวา่ เปน็ connector แบบ 9 ขา หรือ 25 ขา) 5. expansion slot ถา้ โมเด็มเป็นแบบตดิ ตัง้ ภายในจะต้องมี expansion slot ใช้งาน โดยจะต้องถอดฝาครอบตวั เครอื่ งคอมพิวเตอร์ออกและตดิ ตง้ั โมเด็มลงไปบน expansion slot

อปุ กรณส์ ำหรับเช่ือมต่อเครอื ข่ำยประเภท LAN1. กำรด์ เครือข่ำย (Network Interface Card) หรือการ์ดแลน หรืออเี ทอรเ์ นต็ การด์ ทาหน้าท่ใี นการ เชื่อมตอ่ คอมพิวเตอรท์ ี่ใช้งานอยู่เข้ากบั ระบบเครือขา่ ยได้ เชน่ ในระบบแลนเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ุกเคร่อื งใน เครอื ข่ายจะต้องมีการด์ เครอื ข่ายทเี่ ช่ือมโยงดว้ ยสายเคเบลิ จึงสามารถทาใหเ้ ครื่องตดิ ต่อเครือขา่ ยได้2. ฮับ (Hub) คอื อปุ กรณ์ทีร่ วมสัญญาณท่มี าจากอปุ กรณ์รบั สง่ หลาย ๆ สถานเี ขา้ ดว้ ยกนั ฮบั เปรยี บเสมือน เป็นบสั ทร่ี วมอยู่ที่จุดเดยี วกัน ข้อมูลทรี่ ับ-ส่งผ่านฮับจากเคร่ืองหนง่ึ กระจายไปยังทุกสถานีท่ตี ิดตอ่ อยบู่ นฮับ นนั้ ดงั นนั้ ทกุ สถานจี ะรบั สัญญาณข้อมูลท่ีกระจายมาได้ทง้ั หมดแต่จะเลือกคดั ลอกเฉพาะข้อมูลท่สี ่งมาถงึ ตนเทา่ นัน้ การตรวจสอบข้อมูลจงึ ตอ้ งดูที่แอดเดรส (address) ท่กี ากบั มาในกลุม่ ของขอ้ มูลหรือแพ็กเกจ3. สวิตช์ (Switch) คอื อปุ กรณ์รวมสญั ญาณท่มี าจากอุปกรณ์รับ-ส่งหลายสถานเี ช่นเดียวกับฮับ แตม่ ีขอ้ แตกต่างจากฮับ คือ การฮับ-ส่งข้อมลู จากสถานหี รืออุปกรณ์ตัวหนงึ่ จะไม่กระจายไปยังทกุ สถานีเหมือนฮับ ทั้งนเ้ี พราะสวิตช์จะรับกลมุ่ ข้อมูลหรอื แพ็กเกจมาตรวจสอบก่อน แล้วดูว่าแอดเดรสของสถานีหลายทางไปที่ ใด สวิตช์จะลดปญั หาการชนกนั ของข้อมลู เพราะ ไมต่ ้องกระจายข้อมลู ไปทุกสถานี และยงั มีข้อดีในเรื่อง การปอ้ งกนั การดกั จับข้อมลู ท่ีกระจายไปในเครือข่าย

4. บรดิ จ์ (Bridge) คอื อุปกรณ์ทเ่ี หมาะสมกบั เครือข่ายหลาย ๆ กลมุ่ ทเ่ี ชอื่ มตอ่ กันเนื่องจากสามารถแบง่ เครอื ข่ายทเ่ี ชื่อมต่อกนั หลาย ๆ เซ็กเมนต์แยกออกจากกันได้ ทาให้ข้อมลู ในแต่ละเซ็กเมนต์ไมต่ ้องวงิ่ ไปทัว่ ทัง้ เครือขา่ ย กล่าวคือ บริดจ์สามารถอา่ นเฟรมข้อมลู ที่สง่ มาไดว้ า่ มาจากเครื่องในเซ็กเมนต์ใด จากนัน้ จะทา การสง่ ข้อมูลไปยังเคร่ืองซ่ึงอาจอยใู่ นเซ็กเมนต์เดยี วกันหรือต่างเซ็กเมนตก์ ็ได้ ซึง่ ความสามารถดงั กล่าวทา ให้ชว่ ยลดปญั หาความคบั คงั่ ของข้อมลู ในระบบได้5. รีพตี เตอร์ (Repeater) คอื อปุ กรณ์ทวนสัญญาณเพื่อให้สามารถสง่ ข้อมูลถึงกนั ไดร้ ะยะไกลข้นึ คือ รพี ตี เตอรจ์ ะปรบั รูปแบบเดมิ เพื่อได้สญั ญาณสามารถส่งต่อไปไดอ้ กี เช่น การเช่ือมต่อเครือข่ายแลนหลาย ๆ เซ็กเมนต์ ซึง่ ความยาวของแต่ละเซก็ เมนตน์ น้ั จะมรี ะยะทางท่จี ากดั ดงั น้ัน อุปกรณ์อย่างรีพตี เตอรจ์ ะชว่ ย แก้ไขปัญหาเหลา่ นี้ได้6. โมเด็ม (Modem) คอื อปุ กรณท์ ่ีทาหน้าทแ่ี ปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ใหส้ ามารถเช่ือมคอมพวิ เตอร์ที่อยู่ ระยะไกลเข้าหากันไดด้ ้วยการผ่านสายโทรศัพท์ โดยโมเดม็ จะทาหน้าท่ีแปลงสัญญาณ ซ่งึ แบ่งออกเป็นท้ัง ภาคส่งและภาครบั โดยภาคส่งจะทาการแปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศพั ท์ (Digital to Analog) ในขณะที่ภาครบั นั้นจะทาการแปลงสญั ญาณโทรศัพท์กลบั มาเป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์ (Analog to Digital) ดังน้ัน ในการเชื่อมตอ่ เครือข่ายระยะไกลๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต จึงจาเป็นต้องใช้โมเดม็ โดยโมเดม็ มีทั้งแบบภายใน (Internal Modem) ท่มี ลี ักษณะเปน็ การ์ด โมเดม็ ภายนอก (External Modem) ท่มี ี ลกั ษณะเป็นกล่องแยกออกต่างหาก และรวมถึงโมเด็มทีเ่ ป็น PCMCIA ทม่ี ักใช้กับเคร่ืองคอมพวิ เตอรโ์ นต้ บคุ๊โมเด็มภำยนอก โมเด็มภำยใน

7. เรำเตอร์ (Router) ในการเช่อื มโยงเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์จะต้องมกี ารเช่ือมโยงหลายๆ เครอื ข่าย หรือ อปุ กรณ์หลายอยา่ งเขา้ ด้วยกัน ดงั นนั้ จงึ มเี ส้นทางเข้า - ออกของขอ้ มลู ไดห้ ลายเสน้ ทาง และแต่ละเสน้ ทาง อาจใช้เทคโนโลยเี ครือข่ายทีต่ ่างกัน อุปกรณ์จดั เสน้ ทางจะทาหนา้ ท่หี าเส้นทางทเ่ี หมาะสมเพ่ือให้การส่ง ขอ้ มลู เปนไปอย่างมีประพสิทธภิ าพ การท่อี ปุ กรณจ์ ัดหาเส้นทางตอ้ งรบั รตู้ าแหน่งและสามารถนาข้อมลู ออก เส้นทางได้ถกู ต้องตามตาแหน่งแอดเดรสท่ีกากับอย่เู ส้นทางนน้ั8. เกตเวย์ (Gateway) คือ อุปกรณอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ท่ีช่วยในการสือ่ สารขอ้ มูล หน้าทหี่ ลกั ของเกตเวย์ คือ ชว่ ย ทาใหเ้ ครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2 เครอื ขา่ ย หรือมากกวา่ ท่ีมีลกั ษณะไม่เหมือนกัน คือ ลกั ษณะของการเชอ่ื ต่อ (Connectivity) ของเครือขา่ ยที่แตกตา่ งกยั น และมโี พรโตคอลสาหรบั การสง่ - รบั ข้อมูลตา่ งกนั เชน่ LAN เครอื หนึ่งเป็นแบบ Ethernet และ โพรโตคอลแบบอะซิงโครนัส สว่ น LAN อกี เครือขา่ ยหนง่ึ เป็นแบบ Token Ring และใชโ้ พรโตคอลแบบซงิ โครนัสเพื่อให้สามารถตดิ ตอ่ กนั ได้เสมือนเปน็ เครือข่ายเดยี วกนั เพื่อ กาจัดวงให้แคบลงมา เกตเวยโ์ ดยท่ัวไปจะใช้เป็นเครื่องมอื ส่ง - รบั ขอ้ มูลกันระหวา่ ง LAN 2 เครอื ขา่ ยหรือ LAN กับเคร่ืองคอมพวิ เตอรเ์ มนเฟรม หรือระหวา่ ง LAN กบั WAN โดยผา่ นเครือข่ายโทรศัพทส์ าธารณะ เช่น X.25 แพ็กเกจสวิตซ์ เครือขา่ ย ISDN เทเลก็ ซ์ หรือเครือข่ายทางไกลอื่น

9. สำยแลน (Lan Cable) คอื เปน็ สายนาสญั ญาณท่ีใชต้ อ่ กับคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณเ์ ชือ่ มต่อเครือข่าย อยา่ ง Switch หรือ Hub และสายแลนกใ็ ช้ต่อกับ โมเด็มเราเตอร์เพ่ือเช่อื มต่อสญั ญาณอินเตอรเ์ นต็ การสง่ ข้อมลู ระหวา่ งคอมพวิ เตอร์กับคอมพิวเตอร์โดยตรงกส็ ามารถท่จี ะใชส้ ายแลนในการเชอ่ื มตอ่ ได้ สำยแลนมี 4 ประเภท ประเภทที่ 1 คือ UTP UTP CAT5 คอื สายแลน ท่เี ป็นสายทองแดงทมี่ ีความเร็วทตี่ า่ ความเรว็ สูงสุดอยู่ท่ี 100 Mbps สายชนดิ นีไ้ ม่เป็นท่นี ิยมใชง้ าน เน่อื งดว้ ยความเร็วในการถ่ายโอนข้อมลู ท่ีตา่ ประเภทที่ 2 UTP CAT5e คือ สายแลนทเี่ ปน็ สายทองแดงทมี่ ีความเรว็ ทตี่ ่า ความเรว็ สูงสดุ อยู่ท่ี 1 Gpbs ประเภทที่ 3 UTP CAT6 คือ สายแลนท่เี ปน็ สายทองแดงท่ีมีความเร็วที่ต่า ความเร็วสงู สุดอยู่ท่ี 10 Gpbs BANWIDTH อยทู่ ่ี 250MHz ประเภทที่ 4 UTP CAT7 คอื สายแลนที่เปน็ สายทองแดงท่ีมคี วามเร็วที่ต่า ความเร็วสูงสดุ อย่ทู ่ี 10 Gpbs BANWIDTH อยทู่ ี่ 600MHz ____________________________________________________________________________ นำยวชิ รัตน์ ธนพงศ์พพิ ัฒน์ ช้ัน ปวส.2 เลขที่ 34



นายวชิ รัตน์ ธนพงศพ์ พิ ฒั น์ ช้นั ปวส.2 เลขท่ี 34


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook