การใช้ภาษาในการสื่อการในสถานประกอบการ จัดทาโดย นางสาวพมิ ญาดา ภูปรางค์ เลขที่ 18 สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกาศนียบตั รวิชาชพี ชัน้ ปที ่ี 3 / 1 วชิ า ฝกึ งาน (2000-7001) เสนอ อาจารย์ภัทราวุธ วริ ิยสกลุ วฒั นา วทิ ยาลยั เทคนคิ วงั น้าเย็น สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
ก คานา รายงานน้ีจัดทาขึ้นเพ่ือเปน็ ส่วนหนึ่งของวชิ า ฝกึ งาน ชนั้ ประกาศนียบัตรวิชาชพี ปที ี่ 3 เพื่อให้ได้ศึกษาหาคามรู้ในเรือ่ ง การใชภ้ าษาในการส่อื สารในสถานประกอบการ และได้ศึกษาอย่างเขา้ ใจ เพ่อื เปน็ ประโยชนก์ บั การเรยี น ผ้จู ดั ทาหวังว่า รายงานเล่มนจี้ ะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรอื นกั เรยี น นักศึกษา ที่กาลงั หา ขอ้ มูลในเร่ืองน้ีอยู่ หากมขี ้อเสนอแนะ หรือข้อผดิ พลาดประการใด ผจู้ ัดทาขอน้อมรับไว้ และขออภัยมา ณ ท่ีนี้ด้วย นางสาวพมิ ญาดา ภูปรางค์
สารบัญ ข คานา ก สารบัญ ข ความหมายของการสอื่ สาร 1 ความสาคัญของการสอ่ื สาร 2 องคป์ ระกอบของการสือ่ สาร 3 หลักในการสอื่ สาร 8 วตั ถุประสงคใ์ นการสอื่ สาร 9 ประเภทของการส่ือสาร 10 อุปสรรคของการสือ่ สาร 18 บรรณานกุ รม ค
1 การใช้ภาษาไทยเพือ่ การสื่อสาร ความหมายของการส่ือสาร คาว่า การสื่อสาร (communications) มีทม่ี าจากรากศัพทภ์ าษาลาตินว่า communis หมายถึง ความเหมอื นกันหรือรว่ มกนั การสอ่ื สาร (communication)หมายถึง กระบวนการถ่ายทอด ข่าวสาร ข้อมลู ความรู้ ประสบการณ์ ความรสู้ กึ ความคิดเหน็ ความต้องการจากผสู้ ่งสารโดยผ่านสือ่ ต่าง ๆ ที่อาจเป็นการพดู การเขยี น สัญลกั ษณ์อน่ื ใด การแสดงหรือการจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ไปยังผู้รับสาร ซึง่ อาจจะ ใช้กระบวนการสื่อสารที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม หรอื ความจาเปน็ ของตนเองและคู่สอ่ื สาร โดยมี วัตถุประสงค์ให้เกดิ การรับรู้ร่วมกนั และมีปฏิกริ ยิ าตอบสนองต่อกัน บรบิ ททางการส่ือสารทเ่ี หมาะสมเปน็ ปัจจัยสาคัญท่ีจะช่วยใหก้ ารส่ือสารสัมฤทธ์ผิ ล
2 บริบททางการสือ่ สารความสาคัญของการสื่อสาร การสอ่ื สารมคี วามสาคญั ดังน้ี 1. การสอ่ื สารเปน็ ปัจจยั สาคัญในการดารงชวี ิตของมนุษย์ทกุ เพศ ทุกวยั ไมม่ ใี ครทจี่ ะดารงชีวิตได้ โดยปราศจากการสื่อสาร ทกุ สาขาอาชพี ก็ตอ้ งใช้การสือ่ สารในการปฏิบตั งิ าน การทาธรุ กิจตา่ ง ๆ โดยเฉพาะสงั คมมนษุ ยท์ ่ีมีการเปล่ียนแปลงและพฒั นาตลอดเวลา พฒั นาการทางสงั คม จึงดาเนนิ ไปพร้อม ๆ กับพัฒนาการทางการสอ่ื สาร 2. การสอื่ สารกอ่ ให้เกิดการประสานสมั พันธก์ นั ระหว่างบุคคลและสงั คม ชว่ ยเสริมสร้างความ เขา้ ใจอันดีระหว่างคนในสังคม ชว่ ยสืบทอดวฒั นธรรมประเพณี สะท้อนให้เหน็ ภาพความเจริญรงุ่ เรอื ง วถิ ี ชวี ติ ของผูค้ น ช่วยธารงสงั คมใหอ้ ย่รู ว่ มกันเปน็ ปกติสุขและอยูร่ ่วมกันอยา่ งสนั ติ 3. การสอื่ สารเปน็ ปจั จัยสาคัญในการพฒั นาความเจริญก้าวหน้าทง้ั ตวั บคุ คลและสงั คม การพัฒนาทาง สังคมในด้านคณุ ธรรม จริยธรรม วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฯลฯ รวมท้งั ศาสตรใ์ นการสื่อสาร จาเป็นต้อง พัฒนาอยา่ งไมห่ ยุดย้งั การส่ือสารเปน็ เคร่ืองมือในการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของมนุษยแ์ ละพฒั นาความ เจริญกา้ วหน้าในด้านตา่ งๆ
3 องค์ประกอบของการสื่อสาร องคป์ ระกอบทส่ี าคัญของการสอื่ สาร มี 4 ประการ ดงั น้ี 1. ผสู้ ง่ สาร (sender) หรือ แหลง่ สาร (source) หมายถงึ บุคคล กล่มุ บุคคล หรอื หน่วยงานที่ทา หนา้ ที่ในการสง่ สาร หรือเป็นแหล่งกาเนดิ สาร ท่เี ปน็ ผูเ้ ร่มิ ต้นสง่ สารดว้ ยการแปลสารน้นั ใหอ้ ยู่ในรูปของ สญั ลักษณท์ ่ีมนษุ ยส์ ร้างขึ้นแทนความคิด ได้แก่ ภาษาและอากัปกิริยาต่าง ๆ เพื่อสอื่ สารความคดิ ความรู้สึก ข่าวสาร ความต้องการและวัตถปุ ระสงค์ของตนไปยังผู้รับสารด้วยวิธกี ารใด ๆ หรือส่งผ่านช่องทางใดก็ ตาม จะโดยตง้ั ใจหรอื ไม่ต้ังใจกต็ าม เช่น ผพู้ ูด ผเู้ ขียน กวี ศลิ ปนิ นกั จัดรายการวิทยุ โฆษก รัฐบาล องค์การ สถาบัน สถานวี ทิ ยุกระจายเสยี ง สถานีวิทยโุ ทรทศั น์ กองบรรณาธิการ หนังสอื พิมพ์ หน่วยงานของรัฐ บริษทั สถาบนั ส่อื มวลชน เป็นต้น คุณสมบตั ิของผู้ส่งสาร 1. เป็นผทู้ มี่ เี จตนาแนช่ ัดท่จี ะให้ผอู้ ่ืนรับรู้จดุ ประสงค์ของตนในการส่งสาร แสดงความคิดเห็น หรือ วิจารณ์ ฯลฯ 2. เป็นผทู้ ม่ี ีความรู้ ความเข้าใจในเน้อื หาของสารทตี่ อ้ งการจะสื่อออกไปเป็นอย่างดี 3. เป็นผู้ทม่ี บี ุคลิกลกั ษณะท่ีดี มีความน่าเชื่อถือ แคล่วคลอ่ งเปดิ เผยจริงใจ และมีความ รับผิดชอบ ในฐานะเปน็ ผูส้ ่งสาร 4. เป็นผู้ทีส่ ามารถเขา้ ใจความพรอ้ มและความสามารถในการรับสารของผรู้ บั สาร 5. เป็นผ้รู จู้ ักเลือกใชก้ ลวิธีท่ีเหมาะสมในการส่งสารหรือนาเสนอสาร
4 2. สาร (message) หมายถึง เรอ่ื งราวที่มีความหมาย หรือสง่ิ ตา่ ง ๆ ท่ีอาจอยใู่ นรปู ของขอ้ มลู ความรู้ ความคิด ความต้องการ อารมณ์ ฯลฯ ซึง่ ถา่ ยทอดจากผู้ส่งสารไปยังผรู้ บั สารให้ไดร้ บั รู้ และแสดง ออกมาโดยอาศยั ภาษาหรือสัญลักษณ์ใด ๆ ท่สี ามารถทาให้เกดิ การรบั รู้ร่วมกันได้ เชน่ ข้อความท่ี พดู ข้อความทเี่ ขียน บทเพลงทีร่ อ้ ง รปู ที่วาด เรอ่ื งราวที่อ่าน ทา่ ทางทส่ี ื่อความหมาย เปน็ ตน้ 2.1 รหัสสาร (message code)ไดแ้ ก่ ภาษา สญั ลกั ษณ์ หรือสัญญาณท่มี นุษย์ใชเ้ พ่ือแสดงออกแทน ความรู้ ความคดิ อารมณ์ หรอื ความรูส้ กึ ต่าง ๆ 2.2 เนอ้ื หาของสาร (message content) หมายถึง บรรดาความรู้ ความคดิ และประสบการณ์ทผี่ สู้ ่ง สารต้องการจะถ่ายทอดเพ่ือการรับรู้ร่วมกัน แลกเปลย่ี นเพื่อความเข้าใจรว่ มกันหรือโตต้ อบกนั 2.3 การจดั สาร (message treatment) หมายถงึ การรวบรวมเนื้อหาของสาร แลว้ นามาเรยี บเรียง ให้เปน็ ไปอย่างมีระบบ เพื่อใหไ้ ด้ใจความตามเนื้อหา ทต่ี ้องการด้วยการเลือก ใชร้ หัสสารท่เี หมาะสม
5 3. สือ่ หรอื ชอ่ งทาง (media or channel) เป็นองคป์ ระกอบทีส่ าคัญอีกประการหนึ่งในการ สอื่ สาร หมายถึง สง่ิ ท่เี ป็นพาหนะของสาร ทาหน้าทน่ี าสารจากผสู้ ่งสารไปยังผ้รู บั สาร ผู้ส่งสารต้องอาศัย สื่อหรือชอ่ งทางทาหน้าทนี่ าสารไปสผู่ ูร้ บั สาร การแบ่งประเภทของสอ่ื มหี ลากหลายตา่ งกนั ออกไป ดงั นี้ เกณฑ์การแบ่ง ประเภทของส่อื ตวั อยา่ ง 1. แบง่ ตามวิธีการเขา้ และถอดรหัส ส่อื วัจนะ (verbal) ส่ืออวัจนะ (nonverbal) เชน่ คาพดู ตัวเลข สหี น้า ทา่ ทาง นา้ เสียง หนงั สือพมิ พ์ รปู ภาพ 2. แบ่งตามประสาทการรบั รู้ สื่อที่รับรดู้ ้วยการเหน็ สือ่ ท่ีรบั รู้ด้วยการฟงั สื่อท่ีรู้ดว้ ยการเห็นและการฟัง เช่น นติ ยสาร เทป วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ วีดทิ ศั น์
6 3. แบ่งตามระดับการส่อื สาร หรือจานวนผู้รบั สาร สอ่ื ระหวา่ งบุคคล สื่อในกลุ่ม สอ่ื สารมวลชน เชน่ โทรศัพท์ จดหมาย ไมโครโฟน โทรทศั น์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ 4. แบง่ ตามยุคสมยั สื่อดัง้ เดิม สื่อร่วมสมัย สื่ออนาคต เชน่ เสยี งกลอง ควนั ไฟ โทรศพั ท์ โทรทัศน์ เคเบลิ วดี โิ อเทกซ์ 5. แบ่งตามลักษณะของสอ่ื สื่อธรรมชาติ สื่อมนษุ ยห์ รือส่ือบุคคล สอ่ื ส่งิ พิมพ์ สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ สื่อระคน เช่น อากาศ แสง เสียง คนสง่ ของ ไปรษณยี ์ โฆษก หนงั สือ นิตยสาร ใบปลวิ วิทยุ วดี ทิ ศั น์ ศลิ าจารกึ สอื่ พน้ื บ้าน หนังสอื ใบข่อย
7 6. แบ่งตามการใชง้ าน ส่ือสาหรับงานท่ัวไป ส่ือเฉพาะกจิ เช่น จดหมายเวียน โทรศพั ท์ วารสาร จุดสาร วดี ิทัศน์ 7. แบ่งตามการมสี ่วนรว่ มของผู้รบั สาร สื่อร้อน สือ่ เย็น เชน่ การพดู การอา่ น 4. ผู้รบั สาร (receiver) หมายถงึ บุคคล กลมุ่ บุคคล หรือมวลชนทรี่ ับเรือ่ งราวข่าวสาร จากผ้สู ง่ สาร และแสดงปฏิกิริยาตอบกลับ (Feedback) ต่อผู้ส่งสาร หรอื ส่งสารตอ่ ไปถึงผรู้ ับสารคนอนื่ ๆ ตามจดุ มุ่งหมายของผู้สง่ สาร เชน่ ผู้เข้าร่วมประชุม ผู้ฟังรายการวิทยุ กลมุ่ ผฟู้ งั การอภิปราย ผู้อา่ น บทความจากหนังสือพมิ พ์ เปน็ ตน้
8 หลักในการสือ่ สาร การส่ือสารจะประสบความสาเร็จตรงตามจุดประสงค์หรอื ไม่ผ้สู ง่ สารควรคานึงถงึ หลักการสอ่ื สาร ดงั นี้ 1. ผู้ทีจ่ ะสื่อสารให้ได้ผลและเกดิ ประโยชน์ จะต้องทาความเข้าใจเรอื่ งองคป์ ระกอบในการส่ือสาร และปัจจยั ทางจติ วิทยาทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั ระบบการรบั รู้ การคดิ การเรยี นรู้ การจา ซง่ึ มผี ลต่อประสิทธภิ าพ ใน การสื่อสาร 2. ผ้ทู จ่ี ะสื่อสารต้องคานงึ ถงึ บริบทในการส่ือสาร บรบิ ทในการสื่อสาร หมายถึง สิ่งท่ีอยู่แวดลอ้ มท่มี ี สว่ นในการกาหนดรู้ความหมายหรอื ความเข้าใจในการสื่อสาร 3. คานงึ ถงึ กรอบแหง่ การอ้างอิง (frame of reference) มนุษย์ทุกคนจะมพี ืน้ ความรู้ทักษะ เจตคติ คา่ นิยม สงั คม ประสบการณ์ ฯลฯ เรยี กว่าภมู หิ ลังแตกตา่ งกนั ถา้ ค่สู ื่อสารใดมีกรอบแหง่ การอา้ งอิง คลา้ ยกนั ใกลเ้ คียงกัน จะทาให้การส่อื สารง่ายขนึ้ 4. การสื่อสารจะมปี ระสทิ ธิผล เมอ่ื ผ้สู ง่ สารส่งสารอยา่ งมวี ัตถุประสงคช์ ดั เจน ผ่านสื่อหรือชอ่ งทาง ท่ี เหมาะสม ถึงผู้รับสารที่มีทักษะในการสื่อสารและมวี ัตถุประสงคส์ อดคล้องกัน 5. ผ้สู ่งสารและผรู้ ับสาร ควรเตรยี มตัวและเตรียมการลว่ งหนา้ เพราะจะทาใหก้ ารส่ือสารราบร่ืน สะดวก รวดเร็ว เปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงคแ์ ละสามารถแกไ้ ขได้ทันทว่ งที หากจะเกิดอปุ สรรค์ ท่ีจดุ ใดจุดหนงึ่ 6. คานงึ ถึงการใช้ทกั ษะ เพราะภาษาเปน็ สญั ลักษณ์ที่มนษุ ยต์ กลงใชร้ ว่ มกนั ในการ ส่อื ความหมาย ซ่ึงถือไดว้ ่าเป็นหัวใจในการสอ่ื สาร คสู่ ื่อสารตอ้ งศึกษาเรื่องการใช้ภาษา และสามารถใชภ้ าษา ใหเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ บคุ คล เนอื้ หาของสาร และช่องทางหรอื สอื่ ที่ใช้ในการสื่อสาร 7. คานึงถึงปฏิกิรยิ าตอบกลับตลอดเวลา ถือเปน็ การประเมนิ ผลการสือ่ สาร ทจี่ ะทาให้คู่สอื่ สารรับรู้ ผลของการสื่อสารวา่ ประสบผลดตี รงตามวตั ถุหรือไม่ ควรปรบั ปรงุ เปล่ียนแปลงหรือแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งใด เพื่อที่จะทาใหก้ ารส่ือสารเกดิ ผลตามที่ตอ้ งการ
9 วัตถุประสงคข์ องการสอ่ื สาร วตั ถปุ ระสงคข์ องการสือ่ สารไวด้ งั น้ี 1. เพ่ือแจ้งให้ทราบ (inform) ในการทาการสื่อสาร ผู้ทาการสื่อสารควรมคี วาม ต้องการท่ีจะบอก กลา่ วหรือช้ีแจงขา่ วสาร เรือ่ งราว เหตุการณ์ หรือสง่ิ อื่นใดใหผ้ รู้ บั สารไดร้ บั ทราบ 2. เพ่ือสอนหรือให้การศึกษา (teach or education) ผทู้ าการสื่อสารอาจมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื จะ ถ่ายทอดวชิ าความรู้ หรือเรือ่ งราวเชิงวชิ าการ เพ่ือใหผ้ ้รู บั สารได้มโี อกาสพัฒนาความรใู้ หเ้ พม่ิ พูนย่ิงขน้ึ 3. เพื่อสร้างความพอใจหรือใหค้ วามบนั เทงิ (please of entertain) ผูท้ าการส่ือสารอาจ ใช้ วัตถปุ ระสงค์ในการสอ่ื สารเพื่อสรา้ งความพอใจ หรอื ให้ความบนั เทงิ แก่ผู้รับสาร โดยอาศยั สารทต่ี นเอง ส่งออกไป ไมว่ ่าจะอยู่ในรูปของการพูด การเขียน หรอื การแสดงกริ ยิ าต่าง ๆ 4. เพอ่ื เสนอหรือชักจงู ใจ (Propose or persuade) ผทู้ าการสอ่ื สารอาจใช้วตั ถุประสงคใ์ น การสื่อสาร เพื่อให้ข้อเสนอแนะ หรอื ชักจูงใจในส่ิงใดสิ่งหนึง่ ต่อผู้รับสาร และอาจชักจงู ใจให้ผรู้ บั สารมีความคดิ คลอ้ ย ตาม หรือยอมปฏบิ ัติตามการเสนอแนะของตน 5. เพื่อเรียนรู้ (learn) วตั ถุประสงค์นมี้ ีความเก่ยี วข้องโดยตรงกับผรู้ ับสาร การแสวงหาความรู้ ของผรู้ ับ สาร โดยอาศัยลักษณะของสาร ในกรณนี มี้ กั จะเปน็ สารที่มีเนอ้ื หาสาระเกี่ยวกับวชิ าความรู้ เป็นการหา ความรู้เพ่ิมเติมและเป็นการทาความเข้าใจกับเนื้อหาของสารทีผ่ ้ทู าการสอ่ื สารถ่ายทอดมาถงึ ตน 6. เพื่อกระทาหรือตัดสินใจ (dispose or decide) ในการดาเนนิ ชีวติ ของคนเรามี ส่งิ หนึง่ ที่ต้อง กระทา อยู่เสมอก็คือ การตดั สนิ ใจกระทาการอย่างใดอยา่ งหนง่ึ ซง่ึ การตัดสินใจ น้ันอาจได้รับการ เสนอแนะ หรอื ชกั จงู ใจให้กระทาอยา่ งนั้นอย่างนจี้ ากบุคคลอ่ืนอยเู่ สมอ ทางเลือกในการ ตดั สนิ ใจของเราจึง ขึ้นอยกู่ ับข้อเสนอแนะนน้ั
10 ประเภทของการส่อื สาร การจาแนกประเภทของการส่ือสาร มีผจู้ าแนกไวห้ ลาย ๆ ประเภท โดยใช้เกณฑ์ในการพจิ ารณา ตาม จดุ ประสงค์ของการศึกษาหรือวตั ถุประสงคท์ ต่ี ้องการจะนาเสนอ ซ่ึงสรุปได้ตามตารางดังน้ี เกณฑ์การแบ่ง ประเภทของการส่อื สาร 1. จานวนผู้ทาการสอ่ื สาร 1.1 การสอื่ สารภายในตัวบุคคล (intrapersonal communication) - การพดู กับตัวเอง - การคดิ คานงึ เร่ืองตา่ ง ๆ - การรอ้ งเพลงฟงั เอง - การคิดถึงงานที่จะทา เปน็ ตน้
11 1.2 การส่ือสารระหว่างบุคคล (interpersonal communication) - การพดู คุยระหวา่ งบุคคล 2 คนข้ึนไป - การพดู คยุ - การเขยี นจดหมาย - การโทรศัพท์ - การประชมุ กลมุ่ ย่อย เปน็ ต้น 1.3 การส่ือสารกลุ่มใหญ่ (large group communication) - การอภปิ รายในหอประชุม - การพูดหาเร่ืองเลือกต้งั - การปราศรยั ในงานสังคม - การกล่าวปาฐกถา ในหอประชมุ - การบรรยายทางวชิ าการ ณ ศูนย์เรยี นรวม เป็นตน้
12 1.4 การสอื่ สารในองค์กร (organizational communication) - การสื่อสารในบริษัท - การสอ่ื สารในหน่วยงาน ราชการ - การส่ือสารในโรงงาน - การสื่อสารของธนาคาร เป็นตน้ 1.5 การส่ือสารมวลชน (mass communication) การสอ่ื สารท่ผี า่ นส่ือเหล่าน้ี คือ - หนงั สอื พิมพ์, นิตยสาร - วทิ ยุ - โทรทัศน์ - ภาพยนตร์ เปน็ ตน้
13 2.การเห็นหนา้ กนั 2.1 การสอื่ สารแบบเผชิญหนา้ (face to face communication) - การสนทนาต่อหน้ากนั - การประชุมสัมมนา - การสัมภาษณเ์ ฉพาะหน้า - การเรียนการสอนในชน้ั เรียน - การประชมุ กลมุ่ ย่อย เป็นตน้ 2.2 การสอ่ื สารแบบไม่เผชิญหน้า (interposed communication) - เอกสารการสอ่ื สารทผี่ ่าน สอ่ื มวลชนทกุ ชนดิ คือ - หนงั สอื พิมพ์ วทิ ยุ โทรทัศน์ - วดี ิทัศนก์ ารสื่อสารทผ่ี ่าน ส่ือมวลชนทุกชนิด - จดหมาย/โทรเลข/โทรสาร - อนิ เตอรเ์ นต็ เป็นต้น
14 3. ความสามารถในการโต้ตอบ 3.1 การสอ่ื สารทางเดยี ว (one-way communication) การส่อื สารทผ่ี า่ นส่ือมวลชนทกุ ชนิด คอื - วิทยุ/โทรทัศน/์ วีดิทัศน์ - โทรเลข/โทรสาร - ภาพยนตร์ เปน็ ต้น 3.2 การส่อื สารสองทาง (two-way communication) - การส่ือสารระหวา่ งบุคคล - การสือ่ สารในกลุ่ม - การพูดคยุ / การสนทนา เปน็ ต้น
15 4. ความแตกต่างระหวา่ งผรู้ ับสารและผู้สง่ สาร 4.1 การสอื่ สารระหวา่ งเชอื้ ชาติ (interracial communication) - ชาวไทยส่ือสารกับคน ต่างประเทศ - คนจีน, มาเลย์, อินเดยี ใน ประเทศมาเลเซยี สือ่ สารกนั เป็นตน้ 4.2 การส่ือสารระหวา่ งวัฒนธรรม (gosscultural communication) - การสอ่ื สารระหวา่ งคนไทยภาคใต้กบั ภาคเหนือหรอื ภาคอื่น ๆ - ชาวไทยสื่อสารกับชาวเขา เปน็ ต้น
16 4.3 การสอ่ื สารระหวา่ งประเทศ (international communication) - การเจรจาติดต่อสมั พันธ์ทางการทูต - การเจรจาในฐานะตัวแทน รัฐบาล เป็นตน้ 5. การใช้ภาษา 5.1 การสอื่ สารเชงิ วจั นภาษา (verbal communication) - การพูด, การบรรยาย - การเขียนจดหมาย, บทความ เปน็ ต้น
17 5.2 การสือ่ สารเชงิ อวจั นภาษา (non-verbal communication) - การสือ่ สารโดยไมใ่ ชถ้ ้อยคา, คาพูด - อาการภาษา, กาลภาษา, เทศภาษา, สมั ผสั ภาษา, เนตรภาษา, วตั ถภุ าษา และปริภาษา เปน็ ตน้
18 อุปสรรคในการสอื่ สาร อปุ สรรคในการส่อื สาร หมายถงึ สิ่งท่ีทาให้การสอ่ื สารไม่บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ ของผู้สือ่ สาร และ ผรู้ ับสาร อุปสรรคในการสอื่ สารอาจเกิดขึน้ ได้ทกุ ขั้นตอนของกระบวนการสอื่ สาร ดังนั้นอปุ สรรค ในการ สื่อสารจากองค์ประกอบตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. อุปสรรคท่เี กดิ จากผสู้ ง่ สาร 1.1 ผสู้ ่งสารขาดความร้คู วามเข้าใจและข้อมูลเกีย่ วกบั สารทีต่ ้องการจะส่ือ 1.2 ผสู้ ง่ สารใชว้ ธิ กี ารถา่ ยทอดและการนาเสนอท่ีไมเ่ หมาะสม 1.3 ผู้ส่งสารไมม่ ีบคุ ลกิ ภาพที่ไมด่ ี และไมเ่ หมาะสม 1.4 ผ้สู ง่ สารมที ัศนคติทีไ่ ม่ดตี อ่ การส่งสาร 1.5 ผูส้ ง่ สารขาดความพร้อมในการส่งสาร 1.6 ผ้สู ่งสารมคี วามบกพร่องในการวเิ คราะหผ์ ู้รบั สาร
19 2. อปุ สรรคทีเ่ กิดจากสาร 2.1 สารไม่เหมาะสมกบั ผ้รู บั สาร อาจยากหรอื ง่ายเกนิ ไป 2.2 สารขาดการจัดลาดบั ที่ดี สลับซบั ซ้อน ขาดความชดั เจน 2.3 สารมีรูปแบบแปลกใหม่ยากต่อความเข้าใจ 2.4 สารทใ่ี ชภ้ าษาคลุมเครือ ขาดความชัดเจน 3. อปุ สรรคทีเ่ กิดขน้ึ จากสอ่ื หรือชอ่ งทาง 3.1 การใชส้ อ่ื ไมเ่ หมาะสมกับสารท่ีต้องการนาเสนอ 3.2 การใช้สอื่ ทไ่ี ม่มปี ระสทิ ธภิ าพทีด่ ี 3.3 การใชภ้ าษาทไ่ี มเ่ หมาะสมกับระดับของการส่อื สาร
20 4. อปุ สรรคท่เี กิดจากผ้รู ับสาร 4.1 ขาดความร้ใู นสารที่จะรบั 4.2 ขาดความพร้อมทจี่ ะรับสาร 4.3 ผ้รู บั สารมที ัศนคติทไ่ี ม่ดตี ่อผ้สู ่งสาร 4.4 ผู้รับสารมที ศั นคติท่ไี ม่ดีต่อสาร 4.5 ผูร้ ับสารมคี วามคาดหวงั ในการส่อื สารสูงเกนิ ไป
ค บรรณานกุ รม https://sites.google.com/site/nattiya59001997/bth-thi2-kar-chi
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: