Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ ฐานหิน

คู่มือการเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ ฐานหิน

Published by Sa Kaeo SCE site, 2019-06-09 04:59:52

Description: คู่มือการเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ

Search

Read the Text Version

ศนู ย์วทิ ยำศำสตร์เพื่อกำรศึกษำสระแก้ว สะแกนเพื่ออ่าน E-Book สำนักงำน กศน. สำนักงำนปลดั กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร กระทรวงศกึ ษำธิกำร

ฐานการเรยี นรู้ผา่ นนทิ รรศการ เรือ่ ง สวนหนิ

แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง สวนหิน แนวคดิ สวนหินเปน็ ฐานการเรยี นรู้ผ่านนิทรรศการเก่ียวกบั หินชนดิ ต่าง ๆ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื 1) หนิ อคั นี ได้แก่ หนิ แกรนิต หนิ ไรไอไลท์ หินแอนดไิ ซน์ หินบะซอลต์ 2) หนิ ตะกอนหรอื หินชัน้ ได้แก่ หนิ กรวด มน หินกรวดเหล่ยี ม หนิ ทราย หนิ ดนิ ดาน หินปูนซากดกึ ดาบรรพ์ หินปนู 3) หนิ แปร ได้แก่ หินออ่ น หินชนวน หินไนซ์ หินควอตซไ์ ซต์ ในการจดุ ประกายความคิดทางดา้ นวทิ ยาศาสตรใ์ ห้กบั ผู้รบั บรกิ าร โดยผูร้ บั บริการ สามารถแลกเปลย่ี นเรียนรู้รว่ มกนั ดว้ ยวธิ ีการศึกษากับสอ่ื การเรยี นรู้จริง ทาให้ผู้รบั บรกิ ารเห็นความสาคญั ของ การเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ท่ีสอดคลอ้ งกบั ชีวติ ประจาวนั วตั ถุประสงค์ แลกเปล่ียนเรียนรู้และศกึ ษาเก่ยี วกับหินชนดิ ตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คอื 1) หนิ อัคนี ได้แก่ หนิ แกรนิต หนิ ไรไอไลท์ หินแอนดไิ ซน์ หินบะซอลต์ 2) หินตะกอนหรือหินชั้น ไดแ้ ก่ หนิ กรวดมน หนิ กรวด เหล่ยี ม หนิ ทราย หินดนิ ดาน หนิ ปูนซากดึกดาบรรพ์ หินปูน 3) หนิ แปร ได้แก่ หนิ อ่อน หินชนวน หินไนซ์ หิน ควอตซไ์ ซต์ เนือ้ หา 1. ความหมายของหิน 2. การจาแนกหินแต่ละประเภท ไดแ้ ก่ 1) หินอคั นี ได้แก่ หินแกรนิต หินไรไอไลท์ หินแอนดิไซน์ หนิ บะซอลต์ หนิ แกบโบร 2) หินตะกอนหรอื หนิ ชั้น ไดแ้ ก่ หินกรวดมน หนิ กรวดเหลี่ยม หนิ ทราย หินดินดาน หินปูน ซากดึกดาบรรพ์ หนิ ปูน หินเชิรต์ หินไม้กลายเป็นหนิ หินศิลาแลง 3) หินแปร ไดแ้ ก่ หนิ ออ่ น หินชนวน หนิ ไนซ์ หินควอตซ์ไซต์ หนิ ชีสต์ ขนั้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ตอนที่ 1 กจิ กรรมการเรียนรู้ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ (S : Science Experience Activity) 1. ผู้จดั กิจกรรมทกั ทายและแนะนาตนเองกบั ผ้รู ับบริการและแนะนาช้แี จงฐานการเรียนร้ผู ่าน นิทรรศการเร่ือง สวนหิน ซง่ึ ฐานการเรยี นรู้ผ่านนทิ รรศการนม้ี ีวัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ให้ผู้รับบริการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ และศกึ ษาเกี่ยวกบั หนิ ชนิดตา่ ง ๆ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) หินอัคนี ไดแ้ ก่ หนิ แกรนติ หินไรไอไลท์ หินแอนดไิ ซน์ หนิ บะซอลต์ หนิ แกบโบร 2) หนิ ตะกอนหรอื หนิ ชนั้ ได้แก่ หนิ กรวดมน หินกรวดเหลีย่ ม หนิ ทราย หนิ ดนิ ดาน หนิ ปูน ซากดึกดาบรรพ์ หนิ ปูน หนิ เชริ ต์ หนิ ไมก้ ลายเป็นหิน หินศิลาแลง 3) หินแปร ไดแ้ ก่ หนิ ออ่ น หนิ ชนวน หนิ ไนซ์ หนิ ควอตซไ์ ซต์ หินชีสต์

2. ผู้จัดกิจกรรมแจกเอกสารประกอบการชมนทิ รรศการ 3. ผู้จัดกิจกรรมแนะนารายละเอียดภาพรวมของเนือ้ หาในฐานการเรยี นรู้ผา่ นนิทรรศการ เรื่อง สวนหิน ตามใบความรู้สาหรับผู้จัดกิจกรรม เรอ่ื ง “แนะนารายละเอียดภาพรวมของเนอื้ หาในฐานการเรยี น ผ่านนิทรรศการ เร่ือง หิน ขน้ั ตอนท่ี 2 กจิ กรรมการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ท่ีท้าทาย (C : Challenge Learning Activity) 1. ผจู้ ดั กิจกรรมบรรยายให้ความรู้ และอธิบายผา่ นนิทรรศการ เรือ่ งสวนหนิ ตามใบความร้ผู ู้จัด กจิ กรรม เรือ่ ง สวนหิน 2. เปดิ โอกาสให้ผู้รับบรกิ ารพดู คยุ ซักถาม และแลกเปลีย่ นเรยี นรรู้ ว่ มกัน 3. ผู้จัดกิจกรรมและผรู้ ับบริการสรุปส่งิ ทเ่ี รยี นรรู้ ว่ มกัน ขน้ั ตอนที่ 3 กจิ กรรมการสรปุ ผลการนาวทิ ยาศาสตรไ์ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั (I : Implementation Conclusion Activity) 1. ผ้จู ดั กิจกรรมสุ่มผรู้ ับบรกิ าร จานวน 1-2 คน ท่สี มคั รใจให้ตอบคาถามในประเดน็ ท่านไดร้ ับ ความร้อู ะไรบ้างผ่านนิทรรศการในฐานการเรียนรู้ เรอื่ ง สวนหิน นี้และท่านคิดว่าจะนาความร้ทู างวิทยาศาสตร์ ทไ่ี ดร้ บั ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้อยา่ งไร 2. จัดกจิ กรรมและผ้รู ับบริการสรุปส่ิงทเ่ี รียนรู้ร่วมกัน 3. ผจู้ ัดกิจกรรมให้ผ้รู บั บริการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อฐานการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ผา่ น นิทรรศการ เรอื่ ง สวนหนิ ส่อื วสั ดอุ ปุ กรณ์ และแหลง่ เรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการชมนทิ รรศการ 2. ฐานการเรยี นรู้ เรอ่ื ง สวนหิน การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นรว่ ม ความตง้ั ใจ ความสนใจของผู้รับบรกิ าร 2. ผลการประเมนิ การเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ เรอื่ ง สวนหิน

บันทกึ ผลหลงั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. จานวนเนอื้ หากับจานวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... 2. การเรียงลาดบั เน้ือหากับความเขา้ ใจของผ้รู บั บรกิ าร เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล ................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 3. การนาเข้าสบู่ ทเรียนกบั เนือ้ หาแต่ละหัวขอ้ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล ................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 4. วิธกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรกู้ บั เน้ือหาในแตล่ ะข้อ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล ................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 5. การประเมินผลกับวตั ถปุ ระสงคใ์ นแต่ละเนอ้ื หา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล ................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ผลการเรยี นรขู้ องผู้รับบรกิ าร ........................................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ของผู้จัดกิจกรรม ........................................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................

ใบความรู้สาหรับผจู้ ดั กิจกรรม เรือ่ ง หนิ หนิ เปน็ ของแข็งที่เกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ ซงึ่ เป็นสารผสมท่ีเกิดจากการเกาะตัวกันแนน่ ของแร่ตัง้ แต่ 1 ชนิดข้ึนไป หรอื เป็นสารผสมของแรก่ ับแก้วภูเขาไฟ หรอื แร่กบั ซากดกึ ดาบรรพ์ หรอื ของแขง็ อนื่ ๆ เราสามารถจาแนกหินท่อี ยู่บน เปลอื กโลกทางธรณวี ิทยาออกได้เป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ 1. หนิ อคั นี (Igneous Rocks) คือ หินหนืดท่ีหลอมเหลวด้วยอณุ หภูมิที่รอ้ นจัดมชี ่ือเรียกตา่ ง ๆ กันดงั นี้ 1.1 หนิ แกรนิต (Granite) เปน็ ประเภทหินอคั นีแทรกซอน เปน็ เนือ้ หยาบหรือเปน็ ดอกผลึกเกาะกันแนน่ เหน็ ได้ชัด ทว่ั ไปเปน็ หินสจี าง สว่ นใหญจ่ ะมแี รพ่ วกเฟลดส์ ปาร์ และควอร์ต เมอื่ ทุบดจู ะเห็นผวิ หนา้ ท่ีขรุขระได้ชดั เจน เปน็ หินท่ีเกดิ จากเยน็ ตวั ภายในเปลือกโลกอย่างชา้ ๆ พบไดบ้ วเิ วณภาค ตะวันออก จงั หวดั จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ภาคเหนือท่เี ชยี งราย ตาก ภาคใต้แถบบริเวณแขตแดนไทย - พมา่ จงั หวดั ยะลา และจงั หวดั นราธิวาส ใชเ้ ปน็ หินประดบั และหินกอ่ สร้าง เปน็ วัสดุสว่ นผสม คอนกรตี ทาถนน ทาอนุสาวรยี ์ ทาครก 1.2 หินบะซอลต์ (Basalt) เปน็ หนิ อคั นพี ุ เนือ้ ละเอยี ดและหนัก สีเข้มเทาถึงดา น้าตาลแก่ ส่วนมากมีรู พรุน เกิดจากการ เย็นตวั ของลาวาอย่างเร็ว องคป์ ระกอบของแร่ท่ีสาคัญ คือ แร่แพลจิโอเคลสเฟลดส์ ปาร์ และมีสเี ข้มอน่ื ๆ เช่น ไพรอกซีนละเอยี ดมา เฟลด์สปาร์ ฮอรน์ แบลนด์ และโอลิ วีน แต่ผลกึ แร่เล็กละเอยี ดมาก มองด้วยตาเปล่าไมเ่ หน็ และยังไม่ ทาปฏิกริ ยิ ากับกรดเกลอื พบมากที่จังหวดั จนั ทบุรี ตราด กาญจนบุรี แพร่ บุรรี ัมย์ สรุ นิ ทร์ ศรีสะเกษ เชียง และลาปาง เปน็ หนิ ท่ีพบว่าเกดิ พลอยพวก คอรนั ดัม เช่น ทบั ทิม ไพลิน ใช้ใน การก่อสร้างแต่ไม่ดนี ัก แต่ถ้าจาเปน็ ใช้เปน็ วสั ดกุ ่อสรา้ งทางได้ หินบะซอลต์ ถา้ ผุจะกลายเป็นดนิ ที่ใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูก และยงั เปน็ หินประดับได้

1.3 หินไรโอไลต์ (Ryolite) ประเภทหินอคั นีพุ เกิดจากการเยน็ ตวั ของลาวาเยน็ ตวั อยา่ งรวดเร็ว มเี นอ้ื ละเอยี ดมาก โดยทวั่ ไปมกั จะมีสจี าง เช่น ขาว ชมพูซีด หรอื เทา ซึ่งประกอบดว้ ยแร่เฟลด์สปาร์ และแรค่ วอรต์ แร่อืน่ ๆ ทม่ี ีแตไ่ ม่ สาคัญ ไดแ้ ก่ ไบโอไทต์ ฮอรน์ แบลนต์ บางครง้ั อาจจะพบผลกึ ท่มี ี ขนาดโต แหลง่ ทีพ่ บแหล่ง หินจะโผล่ปรากฏเป็นบริเวณท่ัวไปตาม ภาคาต่าง ๆ ยกเวน้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื พบบรเิ วณทม่ี ี ลักษณะเป็นภเู ขาใหญท่ ต่ี อ่ เนอื่ งกนั พบทจ่ี งั หวดั สระบุรี ลพบรุ ี เพชรบรุ ี และจงั หวัดแพร่ ใช้เปน็ หนิ ก่อสร้าง ทาถนน ทางรถไฟ ทาครก ประดบั สวนและอาคาร 1.4 หนิ แอนดไี ซต์ (Andesite) เกิดจากการเยน็ ตัวของ ลาวา ในลกั ษณะเดยี วกับหินไรโอไรต์ แต่มีองคป์ ระกอบของแมกนเี ซียม และเหล็กมากกวา่ จงึ มีสเี ขยี วเข้ม 2. หินตะกอนหรือหินชัน้ (Sedimentary Rocks) เกิดจากหนิ ทกุ ประเภทซงึ่ แตกเป็นเศษหินขนาดตา่ ง ๆ รวม ท้งั ซากพืชและซากสตั ว์ เม่อื ถกู แรงน้า แรงลม พัดพาไปสะสมเปน็ ตะกอนตามทตี่ ่าง ๆแสดงลกั ษณะเป็นช้ัน ๆ โดยมแี ร่ ธาตุตา่ ง ๆชว่ ยเปน็ วตั ถปุ ระสานจนกลายเป็นหินเรียกวา่ หนิ ตะกอนหรอื หนิ ชน้ั ได้แก่ 2.1 หนิ กรวดเหลีย่ ม (Breccia) เปน็ ประเภมหินเนอ้ื หยาบ เกดิ จากตะกอนซง่ึ เปน็ หนิ กรวด ทราย ทีถ่ กู กระแสน้าพดั พามาอยรู่ วมกนั เกาะตัวกันเปน็ กอ้ นหนิ ลกั ษณะ คล้ายกบั หินกรวดกลมมาก แต่แตกตา่ งกันทรี่ ปู รา่ งของอนภุ าคหิน โดย ชนดิ นจ้ี ะมอี นุภาคเปน็ เหลย่ี ม มกั จะเกดิ ในบรเิ วณ ใกล้ ๆ แหล่งกาเนดิ ของเศษหนิ ทาให้เศษหนิ ยังไม่ถูกบดสีจนมีลกั ษณะมน ผันแปรไปแล้วแตช่ นดิ ของหินหรอื แร่ดง้ั เดิม พบในบรเิ วณใกล้ ๆ ฐาน ของหุบเขา ตามรอยแตกของหนิ ท่ชี นั หรอื ตามทางนา้ ไหลบนภเู ขา จังหวัดทพ่ี บ ไดแ้ ก่ เลย ชัยภูม สุรินทร์ นครราชสีมา บรุ ีรมั ย์ และศรี สะเกษ ใช้เป็นวสั ดกุ อ่ สร้างทางหรอื ปกคลุมส่วนนอกของคนั ทางดนิ ของเขือ่ น

2.2 หนิ ทราย (Sandstone) เปน็ หินตะกอนเนอ้ื ละเอยี ดปานกลาง จับดรู ะคายมอื เพราะประกอบด้วย เม็ดทรายขนาดแตกต่างกนั เมด็ แร่สว่ นใหญ่เป็นแรค่ วอรต์ แตอ่ าจมแี รอ่ ื่นและเศษหนิ ดินปะปนอยูด่ ้วย เพราะมวี ตั ถุ ประสารมีความแขง็ มากสามารถขูดเหลก็ เป็นรอยได้ มีสตี ่าง ๆ เช่น เทา แดงนา้ ตาล เขียว เหลอื งอ่อน อาจแสดงรอยช้ัน ใหเ้ หน็ มซี ากดึกดาบรรพ์ เกิดจากการรวมตวั กนั ของเม็ดทราย องค์ประกอบหลักเปน็ แร่ควอตซ์ อาจมแี รแ่ มกเนไทต์และ ไมกาปะปนอยู่ วตั ถปุ ระสารส่วนมากเป็นพวกซิลกิ า แคลไซด์ โดโลไบต์ เหลก็ ออกไซด์ ซึ่งมกั ทาให้หินมีสีเหลือง นา้ ตาล แดง พบอยู่ทั่วไป แตพ่ บมากในภาคอีสาน จงั หวดั ราชบรุ ี เพชรบรุ ี กาญจนบรุ ี และทางภาคใต้บางแหง่ ใชเ้ ปน็ วัสดุ ในการก่อสรา้ งทาถนน สร้างโบราณสถาน สร้างปราสาท แกะสลกั และทาหนิ ลบั มีด 2.3 หินดินดาน (Shale) เป็นหนิ ตะกอนเนือ้ ละเอยี ดมาก เนือ่ งจากประกอบดว้ ยอนุภาค ทรายแป้งและ อนุภาคดินเหนียวทับถมกันเป็นช้นั บาง ๆ ขนานกนั เม่อื ทบุ หนิ จะแตกตัวตามรอยช้ัน (ฟอสซิลมีอยู่ในหนิ ดนิ ดาน) ประกอบดว้ ยแร่ควอรต์ ซ่ึงมจี านวนน้อยกว่ามอนต์มอรล์ โล ไนต์ ดินเหนยี ว และไมกา แหล่งทพ่ี บเกอื บทกุ จังหวัดในภาค กลางของประเทศไทย แหล่งใหญ่ คอื บรเิ วณจังหวดั สระบรุ ี อยธุ ยา ลพบุรี เปน็ วสั ดุผสมใช้ทาซเี มนต์ บางทกี ็นามาปูถนน แต่หักง่าย เพราความเช่ือมแนน่ ของหินต่าและยงั นามาทาเป็น ประดับได้ดว้ ย 2.4 หินปูน (Limestone) เปน็ หินตะกอน มเี นอื้ แนน่ ละเอยี ดทึบ มสี ีออกขาว เทา ชมพู หรือสีดากไ็ ด้ อาจมีซากดกึ ดาบรรพ์ในหินได้ เชน่ ซากหอย ปะการัง เกดิ จากการทบั ถมของสารอนินทรยี ์ และซากสง่ิ มีชีวิต ซึง่ ถบั ถม กนั ภายใต้ความกดดันและตกผลกึ ใหม่เป็นแร่แคลไซตจ์ งึ ทา ปฏิกิรยิ ากับกรด เปน็ ฟองฟขู่ องก๊าซคารบ์ อนไดอ้ อกไซด์ออกมา แหลง่ ทพ่ี บจงั หวดั สระบุรี ลพบุรี ราชบรุ ี เพชรบรุ ี ลาปาง เชยี งใหม่ เชียงราย กระบ่ี พังงาและสระแก้ว เปน็ ต้นหินปนู ใชท้ า ปนู ซิเมนต์ และใช้ในการก่อสรา้ ง ทาถนน ทางรถไฟ เผาทาปนู ขาวหรือปนู กนิ หมากทาแคลเซียมคารไ์ บต์ ทาวัสดุทนไฟ ทาปุ๋ย และทาสีผม

2.5 หนิ ศลิ าแลง (Laterite) เป็นหินตะกอน ชะสารประกอบอะลมู ิเนียมออกไซต์ออกไป มีรูพรุนอยทู่ ั่วกอ้ น สแี ดงถงึ นา้ นา้ ตาลแดง แข็งจับตวั เป็นกอ้ น เกดิ การชะลา้ งเหลก็ และอลูมเิ นยี มออกไซต์ลงไปสะสมในน้าใตด้ ิน เม่ือมีการเปล่ยี น ระดบั นา้ ใตด้ ินขึ้น-ลงตามฤดกู าลทาให้ชะสารอืน่ ๆ หลดุ รอ่ น เหลือแต่สารประกอบโลหะท่มี ีความแข็งแรงมาก ประกอบดว้ ย สารเหลก็ ออกไซต์และอะลูมเิ นียมออกไซต์ ใชใ้ นการกอ่ สรา้ ง กาแพงโบราณ ทาถนน และทาหนิ ประดับปูพน้ื 2.6 หินไมก้ ลายเปน็ หิน (Petrified Wood) เป็นตะกอน คลา้ ยท่อนไมห้ รอื ชัน้ ไม้ แต่มีลักษณะแข็งเหมือน เน้ือหิน เกิดจากการแทนท่ขี องซลิ ิกาทีเ่ ขา้ ไปแทนทอ่ี นิ ทรยี วตั ถุของเนื้อไม้ โมเลกุลต่อโมเลกลุ จนเปล่ียนสภาพหินไป ท้ังหมด โดยไม่มีการเปลย่ี นแปลงรปู รา่ งและโครงสร้าง กระบวนการนเี้ รียกวา่ Silicification ปกติซิลกิ าในเนอื้ ไมน้ อี้ ยู่ใน รูปของโอปอล (Opal=SiO2nHO2 ) หรือคาลซโิ ดนี (Chalcedony) มีความหมายเหมอื น Silicified wood, agatiged, opaliged wood และ woodstone ประกอบดว้ ย แรซ่ ลิ ิกา บางคร้ังกพ็ บแรแ่ คลไซต์ปะปนอยู่ พบในบรเิ วณทั่วไป ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนอื และจงั หวดั ตาก ใชป้ ระดบั ตกแตง่ สวนและบา้ น 2.7 หินเชริ ต์ (Chert) เปน็ ประเภทหินตะกอน มีลกั ษณะเน้ือแน่นแขง็ สีเทาอ่อน ดา รอยแตกขรขุ ระ เกิด จากสารพวกซิลิกา ซ่ึงละลายมาจากหนิ เดมิ ตกตะกอนใหม่ และสะสมแทรกอย่ใู นชัน้ หินต่าง ๆ ส่วนมากพบในหินปูน ประกอบดว้ ยแรซ่ ิลิกา พบในประเทศไทยส่วนใหญห่ าพบได้ ยาก ใช้ทาเครอ่ื งประดับ ทาเลนส์

2.8 หินปูนซากดกึ ดาบรรพ์ (Fossil Limestone) ประเภทหนิ ตะกอน เป็นหินปูนทีม่ ีเนือ้ แนน่ ละเอยี ดทบึ มี สีออกขาว เทา ชมพู หรอื สีดากไ็ ด้ มซี ากดกึ ดาบรรพ์ปนอยู่ในเนือ้ หนิ ได้ เช่น ซากหอย ปะการัง ภเู ขาหินปูนมกั มยี อดยัก แหลมเปน็ หนา้ ผาและเป็นหินที่ละลายน้าไดด้ ี เกิดจากการตกตะกอนทางอนนิ ทรีย์เคมี หรอื จากการสะสมของเปลือกหอยเนอ้ื ปูน หรือจากท้ังสองรวมกัน ประกอบดว้ ยแรแ่ คลเซยี มคารบ์ อเนต โดยมากเป็นแคลไซต์ ซ่ึงทดสอบได้งา่ ย โดยใชก้ รดเกลอื ชนิดเจอื จางหยดดู จะเกดิ ฟองฟขู่ องกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซต์ ออกมา พบในจงั หวดั สระบุรี เพชรบุรี กระบ่ี นครศรีธรรมราช พงั งา เป็นตน้ ใชใ้ นอตุ สาหกรรมทาถนน ทางรถไฟ เผาทาปนู ขาวหรือปูนกนิ หมาก ทาแคลเซียมคาร์ไบต์ ทาวัสดุทนไฟ ทาปุย๋ และทาสี 3. หนิ แปร (Metamorphic Rocks) เกิดจากกระบวนการเปลย่ี นแปลงในธรรมชาติ ทาให้หนิ อัคนแี ละหนิ ตะกอนได้รบั ความรอ้ นและแรงดนั สงู มากมาย จึงเกดิ การเปลย่ี นแปลงท้ัง ชนดิ แร่ประกอบหนิ กลายเปน็ หินชนิดใหม่ หลากหลายชนิดเรยี กว่า หินแปร ไดแ้ ก่ 3.1 หินไนซ์ (Gneiss) เปน็ หนิ แปรเนือ้ หยาบ มรี ้ิวขนาน หยัก คดโคง้ ไม่สม่าเสมอสีเข้มและจางสลับกัน เนอ้ื หยาบ แปรสภาพมาจาก หินแกรนิต เกดิ จากการแปรสภาพแบบภูมิภาพเกรดสูง ซ่ึงเป็นผลจากความ รอ้ นและความกดดนั สูง โดยเดิมเป็นหินอคั นแี ละหินตะกอน มแี ร่ควอร์ต โพแทชเฟลต์สปาร์ แรม่ สั โคไวต์ แร่คอรเ์ ดยี ไรต์ พบในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ตาก เชยี งใหม่ เชยี งราย ใช้ทาหินบด ทาครก หินประดบั 3.2 หินควอร์ตไซต์ (Quartzite) เป็นหินแปรเนื้อละเอยี ด เน้ือผลึกคล้ายน้าตาล ทราย มีสีเทา หรอื สี นา้ ตาลออ่ น มีความแข็งแรงมาก เมอื่ แตกจะมีผวิ รอบรอยแตกแบบโคง้ เว้า เกิดเปน็ ผลกึ ที่เกาะเกีย่ วซ่ึงกนั และกนั เป็นผล ของการเกดิ การตกตะกอนใหม่ อาจจะเกดิ ภายใต้สภาวะแวดล้อม ที่มีอณุ หภมู แิ ละความดนั ของการเกิดหินตะกอนในท่ีตื้น และตก ผลึกในช่องวา่ งตา่ ง ๆ ทาให้หมิ มีเนือ้ แน่นขน้ึ มีแร่ควอร์ต แรค่ ลอ ไรค์ แร่เฟลดส์ ปาร์ เปน็ องคป์ ระกอบ พบในจงั หวดั ชลบรุ ี กาญจนบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธ์ ใช้ในอุตสาหกรรมเคร่อื งแกว้

3.3 หินชนวน (Slate) เป็นหินแปรเนื้อละเอยี ดมากมักแยกออกเป็นแผ่น ผิวรอยแยกเรียบ มีแรป่ ระกอบใน หนิ ไมอ่ าจแยกด้วยตาเปลา่ มีแรด่ ินเหนยี วเปน็ สว่ นใหญ่ รอยแตกมกั ขนานกับชัน้ หนิ มีสตี ่างกันตามสารทปี่ ระกอบอยู่ เชน่ สเี ทาถึงดา มีธาตุคารบ์ อนจากหินเดมิ และคาร์บอนอาจจะ เปล่ยี นเป็นแกรไฟต์ หินชนวนสแี ดงหรือม่วงเกิดจากเหลก็ และ แมงกานสี ออกไซต์ สเี ขยี วมีเหล็กเฟอรรสั ซิลิเกตในหนิ เกิดจากการ แปรสภาพของหนิ ดินดาน และหินอัคนที เ่ี ป็นเกรดต่า เนือ่ งจากถกู ความกดดันและความรอ้ น มแี รค่ ลอไลด์ และแร่ไมกา เปน็ องค์ประกอบ พบจงั หวดั ชลบุรี กาญจนบรุ ี ระยอง นราธวิ าส นครศรีธรรมราช และนครราชสีมา ใช้เปน็ กระดานชนวนเขยี น หนังสอื ใชม้ งุ หลงั คา ตกแตง่ บ้าน ปพู น้ื โตะ๊ 3.4 หนิ ออ่ น (Marble) เปน็ หนิ แปรเนื้อละเอียดถึง หยาบ แปรสภาพมาจากหนิ ปูน โดยการแปรสมั ผัสท่ีมอี ณุ หภมู ิสงู จนแร่ แคลไซตห์ ลอมละลายและตกผลกึ ใหม่ ทาปฏกิ ิรยิ ากบั กรดทาให้เกดิ ฟองฟู่ มแี ร่แคลไซต์ แรค่ ัลไซต์ แรโ่ ดโลไมต์ พบในจงั หวดั สระบรุ ี ลพบรุ ี ชลบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ หินออ่ นใช้เปน็ วัสดุ ตกแต่งอาคาร หินขัด หินประดับ ทาถนน รองทางเดนิ รถไฟ และ แกะสลกั 3.5 หนิ ชีสต์ (Schist) ประเภทหนิ แปร มีเนื้อหยาบสามารถมองเห็นเมด็ แรต่ ่าง ๆ ดว้ ยตาเปล่า สามารถแยกแยะชนดิ แร่ในหนิ ได้อย่างชดั เจน การเรยี งตัวขนานกันของแรแ่ ผ่นเป็นไปอย่างมีระเบียบ ทาให้เกดิ โครงสร้างระนาบที่ เรียกวา่ schistosity เกดิ จากหิน ตะกอน หนิ อคั นี และหินแปร ทถ่ี กู สภาวะแปรสภาพ ดว้ ยความกดดันและความรอ้ นสูง มแี รไ่ มกา ทัลก็ คลอ ไรต์ ฮีมาไทต์ แกรไฟต์ เปน็ องค์ประกอบของหินชสี ต์ พบได้ที่เข่อื นภูมพิ ล จงั หวดั ตาก อาเภอบ้านไร่ จงั หวดั อุทัยธานี และอาเภอหวั หนิ จงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ ใช้ ทาหนิ ประดบั

แผน่ ป้ายขอ้ มลู นทิ รรศการฐานการเรยี นรู้ “สวนหนิ “












Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook