Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดฐานดูหมิ่น

ความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดฐานดูหมิ่น

Published by เซฟ, 2021-12-16 12:40:34

Description: ความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดฐานดูหมิ่น

Search

Read the Text Version

ความผิดฐานหมิน่ ประมาทและความผดิ ฐานดหู มิน่ เสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการส่ือ ความหมายโดยวิธีอื่นเปน็ สทิ ธขิ นั้ พื้นฐานท่ีได้รบั การรับรองไวใ้ นรฐั ธรรมนูญ แต่การใชเ้ สรีภาพดังกล่าว จะต้อง ไม่ก้าวล่วงสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นโดยมิชอบ ดังนั้น หากใช้เสรีภาพที่เกินขอบเขตโดยการแสดงความ คิดเห็นที่แสดงออกถึงการดูถูกเหยียดหยามทำให้ผู้อ่ืนได้รับความเสียหาย ผู้กระทำจะมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่ง หนา้ หรือดว้ ยการโฆษณาตามมาตรา 393 แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา และหากเป็นการใสค่ วามผู้อ่ืนต่อบุคคล ที่สามจนน่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้กระทำจะมีความความผิดฐานหมิ่น ประมาทตามมาตรา 326 แห่งประมวลกฎหมายอาญา รายละเอยี ดดังน้ี “ความผดิ ฐานหมิน่ ประมาท” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 กำหนดว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการท่ี นา่ จะทำใหผ้ ู้อ่ืนน้ันเสียชอื่ เสียง ถูกดูหมน่ิ หรือถกู เกลยี ดชงั ผูน้ ้นั กระทำความผดิ ฐานหมนิ่ ประมาท ต้องระวาง โทษจำคุกไมเ่ กนิ หนง่ึ ปี หรือปรบั ไม่เกินสองหมื่นบาท หรอื ทั้งจำทงั้ ปรบั ” องคป์ ระกอบความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาท ประกอบดว้ ย 1. ผู้ใด เปน็ ได้ท้ังบุคคลธรรมดาและนติ ิบคุ คล 2. ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม การใส่ความ คือ การทำให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยอาจเป็นความจริ ง หรอื ความเทจ็ กไ็ ดถ้ ้าหากพูดแล้วทำให้ผ้อู ่ืนเสียหายก็เป็นความผดิ แม้การเล่าเร่อื งท่ีได้ยินมาให้กับบุคคลอน่ื ฟัง ก็อยู่ในความหมายของคำว่าใส่ความด้วยเช่นกัน ดังนั้น การใส่ความจึงไม่จำกัดวิธีอาจใช้วิธีการใด ๆ ก็ได้ เช่น การใช้คำพดู ภาพวาด การแสดงกิรยิ าอาการอยา่ งหนึ่งอยา่ งใด ใช้ภาษาใบ้ หรือใชส้ ัญลักษณต์ า่ ง ๆ รวมถงึ การ ใช้รูปภาพ เช่น การแอบถ่ายภาพคนที่กำลังร่วมประเวณีแล้วนำภาพเหล่านั้นไปให้ผู้อื่นดูถือได้ว่าเป็นการใส่ ความและน่าจะทำให้เสียชื่อเสียงซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ข้อเท็จจริงที่จะเป็นหมิ่น ประมาทได้นั้น ต้องไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เป็นเพียงคำหยาบหรือข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้ เช่น นาย ก กล่าวว่า “โจทกเ์ ป็นผีปอบเปน็ ชาตหิ มา” ความร้สู ึกนกึ คดิ ของคนธรรมดาไม่เชอ่ื วา่ เปน็ เช่นนั้น จงึ ไม่ทำให้ถูกดูหม่ินหรือ ถูกเกลียดชังแต่อย่างใด เป็นเพียงคำหยาบคายเท่านั้น (จะต้องเอาความรู้สึกนึกคิดของคนธรรมดามา เปรยี บเทยี บ)

นอกจากนี้ การใส่ความจะต้องเป็นการใส่ความต่อบุคคลที่สามด้วย ดังนั้น บุคคลที่สามจึงมี ความสำคัญ ความผิดจะสำเร็จต่อเมื่อบุคคลที่สามได้รับทราบข้อความและเข้าใจข้อความหมิ่นประมาทนั้น ถ้า ไม่มีบุคคลที่สามจะไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ถ้ามีบุคคลที่สามแต่บุคคลที่สามไม่เข้าใจข้อความ เช่น เปน็ คนหหู นวก หรอื เป็นชาวตา่ งชาติไม่เขา้ ใจภาษาไทย จะเปน็ ความผดิ ฐานพยายามหมิ่นประมาท 3. โดยประการทน่ี า่ จะทำใหผ้ ู้อ่ืนน้นั เสยี ชอื่ เสียง ถกู ดูหมน่ิ หรอื ถกู เกลียดชัง ในการพจิ ารณาว่าน่าจะ ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังหรือไม่ พิจารณาตามความรู้ความเข้าใจของวิญญูชนทั่วไป ถ้าวิญญูชนทั่วไปเห็นว่า “น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง” และแม้ผู้กระทำจะไม่รู้ว่า นา่ จะทำใหผ้ ้อู ่ืนเสียชือ่ เสียง ถกู ดหู ม่ิน หรอื ถกู เกลยี ดชัง กถ็ อื วา่ มีความผดิ แล้ว ดังน้นั เพียงแค่ “น่าจะ” ทำให้ ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ยังไม่มีความเสียหาย เกิดขึ้นจริงก็ถือว่า มีความผิดฐานหมิ่น ประมาทแลว้ 4. ผู้กระทำต้องมีเจตนา กล่าวคือ เจตนาที่จะใส่ความ หรือเจตนาแสดงข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่ง พาดพงิ ไปถงึ ผ้อู น่ื ต่อบุคคลทสี่ าม ตวั อยา่ งคำพพิ ากษาความผดิ ฐานหม่นิ ประมาท พูดใสค่ วามให้ถูกมองว่าเป็นคนทจุ รติ นายดำพูดถึง น.ส.ขาว ซึ่งเป็นหญิงทำงานอยู่ที่สำนักงานที่ดินอำเภอว่า “กระหรี่ที่ดิน” คำว่ากระหรี่ ทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ว่า น.ส.ขาว เป็นหญิงโสเภณีหรือหญิงค้าประเวณี แม้จะไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่า ค้าประเวณกี บั ใคร ประพฤติสำส่อนทางเพศกับใคร นางเอ ด่านางบี วา่ เปน็ เมยี นอ้ ยต่อหนา้ เพอ่ื นของนางหญงิ บี นาย ก. นำความเท็จไปร้องเรียนต่อปลัดกระทรวงยุติธรรมว่านาย ข. ซึ่งเป็นผู้พิพากษาไปร่วมกิน เล้ียงกบั นาย ค. ผูซ้ ่งึ นาย ข. พิพากษาให้ชนะคดที ีร่ ้านข้างศาลในตอนเย็นวนั ตัดสิน และนาย ก. ได้ไปยืนยันให้ ถ้อยคำต่ออธิบดีผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของนาย ข. เพื่อให้ดำเนินการทางวินัยแก่นาย ข. ข้อความท่ี นาย ก. แจ้งมีความหมายไปในทางหาว่านาย ข. ประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองพิพากษาคดีโดยไม่ สจุ รติ

นอกจากนี้หากมีการโพสต์ข้อความผ่านสื่อสงั คมออนไลน์ทุกช่องทาง หรือประกาศ หรือโฆษณา อันมี ลักษณะทำให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก และมีโอกาสที่ข้อความดังกล่าวนั้น จะถูก เผยแพร่ออกไปด้วยความรวดเร็ว จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามมาตรา 328 ซึ่ง ผู้กระทำจะได้รับโทษหนักขึ้นกว่าหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 การหมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้น มีอัตรา โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งอาจมีความผิดตาม พระราชบญั ญตั ิวา่ ด้วยการกระทำความผดิ เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และท่แี ก้ไขเพมิ่ เติมอีกด้วย ทั้งนี้ หากเป็นกรณีแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตได้แก่ (1) การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใด เพื่อ ความถูกต้องหรือเพื่อป้องกันชื่อเสียงหรือประโยชน์ของตนไม่ให้ถกู ดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังจากการกระทำของ ผู้อื่น หรือ (2) กระทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติงานตามหน้าที่ เช่น พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเสนอ พนักงานอัยการซึ่งข้อความในสำนวนการสอบสวนมีข้อความหมิ่นประมาท หรือ (3) พูดติชมอันเป็นวิสัยของ ประชาชนทั่วไปที่สามารถกระทำได้ เช่น เรื่องกิจการบ้านเมือง กิจการสาธารณะหรือพฤติการณข์ องเจ้าหน้าท่ี บ้านเมือง หรอื (4) การแสดงความคิดเห็นที่เปน็ การแจ้งข่าวเกยี่ วกบั การดำเนินการอนั เปดิ เผยในศาล เช่น การ ประกาศรายชื่อบุคคลล้มละลาย หรือการแสดงความคิดเห็น ในการประชุมที่เปิดเผยไม่ใช่การประชุมลับ เช่น การอภิปรายในสภา เปน็ ต้น ผกู้ ระทำจะไมม่ ีความผิดฐานหม่ินประมาท ตามมาตรา 329 อย่างไรก็ตาม หากข้อเท็จจริงไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วยอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานดูหม่ิน ซ่ึงหน้า ตามมาตรา 393 ซึ่งการดหู ม่นิ ซ่งึ หนา้ เปน็ ความผดิ ลหโุ ทษ ความผดิ ลหโุ ทษ คือ ความผิดเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ที่มีโทษเบาหรือโทษท่ีไม่ร้ายแรง คือ ความผิดท่ีมีโทษจำคุกไม่เกนิ 1 เดือน หรือปรับไมเ่ กิน 10,000 บาท หรือ ท้ังจำท้งั ปรับ “ความผดิ ฐานดหู มนิ่ ” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 กำหนดวา่ “ผูใ้ ดดหู มิน่ ผู้อน่ื ซึง่ หน้าหรอื ดว้ ยการโฆษณาตอ้ ง ระวางโทษจำคุกไมเ่ กนิ หน่ึงเดือน หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนึ่งหมื่นบาท หรอื ทงั้ จำท้ังปรบั ” ดหู มนิ่ หมายถงึ การดถู ูก เหยียดหยาม ทำใหอ้ ับอาย ทำให้เสยี หาย เปน็ ทเี่ กลียดชัง สบประมาท หรอื ดา่ สว่ นกรณคี ำหยาบคายไมส่ ุภาพ คำแดกดนั คำสาปแชง่ คำขูอ่ าฆาต คำปรับทุกข์ คำโตเ้ ถยี ง คำกลา่ วติชม ตามปกติวสิ ัยไมเ่ ป็นการดูหมิ่น และการดหู มิ่นน้นั อาจเปน็ การกระทำดว้ ยวาจา กริยาทา่ ทาง หรอื โฆษณาก็ได้ โดยการกระทำท่จี ะเปน็ ความผิดฐานดหู มิน่ ตามมาตรา 393 นั้น ต้องเป็นการดูหม่ินผอู้ น่ื ซึ่งหนา้ หรือดูหม่ินผอู้ ่นื ด้วยการโฆษณา ดงั น้ี

“การดหู มิน่ ซึง่ หนา้ ” ตอ้ งมีลักษณะของการเจตนาดถู ูก เหยยี ดหยาม ทำให้อับอาย เสยี หาย เปน็ ท่ี เกลยี ดชงั สบประมาท หรือด่า อันเป็นการประทษุ ร้ายต่อความร้สู ึกของผอู้ นื่ อาจกระทำด้วยวาจาหรือกริ ิยา ท่าทางก็ได้ โดยจะต้องมกี ารกล่าวหรือแสดงกริ ยิ าทา่ ทางท่เี ป็นการดหู มนิ่ ใหผ้ ู้อ่นื ทราบในขณะทีม่ กี ารกระทำใน ทันทีทันใด เช่น ดา่ ผอู้ ื่นว่า “ไอ้ทนายเฮงซวย” “ตอแหล” “ผหู้ ญิงชวั่ ” “ไอห้ นา้ โง”่ “อเี หย้ี อีสัตว์ อคี วาย มงึ คิดวา่ เมียกูกินเงินไปหรือไง” “อีดอก” “การดูหมนิ่ ดว้ ยการโฆษณา” ตอ้ งมีลกั ษณะของการแพร่หลายหรอื เผยแพรอ่ อกไปยงั สาธารณชนหรอื การป่าวประกาศ อาจกระทำโดยเอกสารภาพวาด ภาพยนตร์ หรือการกระจายเสียง การดหู มน่ิ ดว้ ยการ โฆษณานแ้ี มเ้ ปน็ การกลา่ วลับหลังผู้เสียหายกเ็ ป็นความผดิ แล้ว เชน่ การลงโฆษณาคำดหู มน่ิ ลงในหนังสอื พิมพ์ เปน็ ตน้ จะเหน็ ได้วา่ ความผิดฐานหม่นิ ประมาทและความผิดฐานดูหม่นิ ผู้อ่นื เป็นกฎหมายทีค่ ้มุ ครองสทิ ธิเสรภี าพและ ศกั ดศิ์ รใี นความเปน็ มนษุ ยข์ องบุคคลไมใ่ หม้ กี ารกระทำทล่ี ะเมิดสิทธิและเสรภี าพของบุคคลอื่นไม่วา่ จะเป็น เสรีภาพในการแสดงความคดิ เห็น การพดู การเขยี น การพมิ พ์ การโฆษณา และการส่อื ความหมายโดยวธิ ีอ่นื โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในปัจจุบนั มกี ารพฒั นาการทางเทคโนโลยีซ่ึงเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ จงึ อาจทำให้เกิดการ ละเมิดสทิ ธิและเสรีภาพสว่ นบคุ คลไดง้ า่ ยมากขึน้ อยา่ งไรก็ตามหากทุกคนตระหนกั ถงึ สทิ ธิเสรีภาพของตนและ ของผ้อู ื่น บทบัญญัติแห่งกฎหมายตามกรณีขา้ งต้นยอ่ มไมม่ คี วามจำเปน็ แต่อย่างใด แหล่งที่มา https://www.hrdi.or.th/InternalRules/Detail/1468 สืบคน้ เมือ่ 16/12/64


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook