Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์

ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์

Published by audtapong01, 2019-12-02 20:13:03

Description: ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์
โดยอ.อรรตพงค์ ธรรมธิ
03 ธันวาคม 2562

Search

Read the Text Version

ระบบภมู ิคมุ้ กนั ของมนษุ ย์ อิมมโู นวทิ ยา (Immunology) ภมู คิ ุ้มกันวิทยา (Human Immune System) วชิ าที่ว่าดว้ ยเร่อื งเกี่ยวกับระบบภูมคิ ุ้มกัน ของ ร่า ง กา ยแ ล ะกา รตอบสนอง ท าง ภูมคิ ุ้มกนั (immune response) ต่อส่งิ แปลกปลอมซ่งึ เรียกว่า แอนติเจน (antigen, Ag) สิ่งแปลกปลอม (แอนตเิ จน) ได้แก่อะไรบา้ ง? คณุ สมบตั ิของสารทเี่ ป็นแอนติเจน  เซลลม์ ะเรง็ 1. มคี วามแปลกปลอม (foreigness)  เซลล์ผู้อืน่ อวัยวะผู้อ่ืน  จลุ นิ ทรยี ์ แบคทีเรยี รา ไวรสั พยาธิ โปรโตซัว 2. มลี กั ษณะโครงสรา้ ง คณุ สมบตั ทิ างชวี เคมที จ่ี าเพาะแตกตา่ งกนั  สารเคมี สารพิษ ไป เชน่  วสั ดุ ฝุน่ ละออง เกษรดอกไม้  ประจไุ ฟฟา้ คณุ สมบตั กิ ารละลาย โครงสรา้ งโมเลกลุ โดยทวั่ ไป สารทเ่ี ปน็ แอนตเิ จนไดด้ มี ากคอื โปรตนี รองลงมาคอื พวกโพล ี แซคคาไรด ์ไขมนั และกรดน วิ คลอิ คิ ตามลาดบั 3. มขี น าด (size) ทใี่ หญ พ่ อสมควร  สารทมี่ ขี นาดใหญเ่ ปน็ แ อนตเิ จนทด่ี กี วา่ สารขน าดเลก็  สารทม่ี ขี นาดเลก็ เชน่ ยาเพนนซิ ลิ นิ เรยี กวา่ Hapten ไมเ่ ปน็ immunogen ตอ้ งรวมตวั กบั โปรตนี อนื่ เรยี กวา่ carrier protein จงึ จะกระตนุ้ รา่ งกาย ได ้ ANT IGENIC DET ERMINANTS (EPITOPE) คอื หน่วยยอ่ ยบนผวิ ของแอนตเิ จนทก่ี ระตุ้นให้ รา่ งกายสรา้ งแอนตบิ อดหี รือกระตนุ้ T- lymphocyte ทจ่ี าเพาะตอ่ ตาแหนง่ น้ันๆ เชน่ โปรตีนมหี น่วยยอ่ ยเปน็ กรดอะมโิ นท ่ี เรยี งลาดบั ตา่ งกนั ดงั นนั้ บนแอนตเิ จน 1 โมเลกลุ จะม ี antigenic determinant มากมาย 1

ระบบภูมคิ ุ้มกันประกอบดว้ ยอะไร? เซลลใ์ นระบบภมู คิ มุ้ กนั เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว เซลลท์ ส่ี รา้ งเมด็ เลอื ดลว้ นแลว้ แตม่ ตี น้ กาเนดิ มาจากเซลลต์ ง้ั ตน้ ท ี่ โปรตีน สารน้า เรยี กวา่ pluripotential stem cells สาหรบั เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว อวยั วะ จะเจรญิ แบง่ ออกเปน็ 2 สายคอื เนื้อเยื่อ ท้างานเปน็ โครงขา่ ย 1. lymphoid lineage ถูกควบคุมโดยยนี จะเจรญิ เปน็ lymphoc yte ซงึ่ จะพฒั น าตอ่ เปน็ T- lymphocyte , B-lymphocyte และ natural killer cell (NK cell) 2. myeloid lineage จะเจรญิ เปน็ monocyte และ PMN (polymorphonuc lear cells) คอื neutrophil, basophil, eosinophil` Production of blood cells from pluripotent stem cells in the bone marrow. 2

RETICULO ENDOTHELIAL SYSTEM (RE SYSTEM) เปน็ โครงขา่ ย (network) ของ เซลลใ์ นอวยั วะตา่ งๆทที่ า หนา้ ทจ่ี บั กิน (monocyte, macrophage) จะพบใน เลอื ด ตบั มา้ ม ไต ไขก ระดกู ตอ่ ม นา้ เหลอื ง ปอด สมอง ตอ่ มไทมสั Major organs in the lymphoid and reticuloendothelial systems กระบวนการจับกินสง่ิ แปลกปลอม  ในไซโตพลาสซึมของเม็ดเลือดขาวไปรวมตัวกับ phagosome แลวั (phagocytosis) ปล่อยเอ็นซัยม์เชน่ lipase ribonuclease protease มายอ่ ยเช้อื โรค รวมท้งั มสี ารเคมหี ลายอยา่ งเกิดจากการทางานของเอ็นซัยม์ เชน่ ฟาโกไซด์ ทางาน 4 ขัน้ ตอน 1. chemotaxis เป็นขบวนการทเ่ี มด็ เลือดขาวพวกphagocyte singlet oxygen, hydroxyl radical, hydrogen peroxide, hypochlorus acid ออกมาฆ่าทาลายเชอื้ โรค เม่ือ ถกู ดึงดูดดว้ ยสารเคมีให้มาชมุ นมุ รอบบรเิ วณที่มเี ชือ้ โรคหรอื แอนตเิ จน ยอ่ ยแลว้ จะปล่อยของเสียออกมานอกเซลล์และบางส่วนปรากฏทีผ่ วิ 2. Adherance เปน็ ข้ันตอนท่มี กี ารสัมผสั เกาะติดกันระหวา่ งเม็ด เซลลเ์ พ่อื กระตุ้นเม็ดเลือดขาวอ่นื ตอ่ ไป เลือดขาวและเชื้อโรค แบคทเี รียบางชนดิ มีแคฟซูลต่อตา้ นขน้ั ตอนนี้ แตใ่ นร่างกายมสี ารทช่ี ว่ ยข้ันตอนการสัมผสั เกาะตดิ กันนเี้ รียกวา่ opsonin 3. Ingestion กินเขา้ ไปในเซลลอ์ ย่ใู นถุงหมุ้ เรยี กวา่ phagosome 4. Digestion ขนั้ ตอนการยอ่ ยทาลายเช้อื โรค โดย lysosome Macrophages have identified a cancer cell (the large, spiky mass). Upon fusing with the cancer cell, the macrophages (smaller white cells) will inject toxins that kill the tumor cell. 3

ระบบน้าเหลอื ง Princ ipal surface markers of lymphocyte THE LYMPHOID SYSTEM populations. Molecules that serve as receptors are ประกอบดว้ ย ly mphocyte, endothelial cells shown in bold type และเซลลใ์ นอวยั วะต่างๆเช่น มา้ ม ตอ่ มไท มสั อาจแบง่ ระบบนา้ เหลืองเป็น 1. primary lymphoid organs เปน็ ตน้ กาเนดิ ของเซลล์ ในระบบนา้ เหลือง คอื ไขกระดูก ตบั ตอ่ มไทมสั 2. secondary lymphoid organs เป็นบรเิ วณท เ่ี ซลล์ lymphocyte จะพบกบั แอนตเิ จน คือบรเิ วณต่อม น้าเหลอื ง ตอ่ มท อนซลิ ต่อมน้าเหลอื งบรเิ วณลาไส้ (payer's patch) มา้ ม แบบของภูมิค้มุ กัน แบบไม่จาเพาะ แบบจาเพาะ 4

ระบบภมู คิ มุ้ กนั แบบไมจ่ าเ พาะ 1. เคร่อื งกดี ขวางธรรมชาติ (barrier) (non specific immune response, natural r e s is tance,  ผิวหนงั เยอ่ื เมอื ก ขนออ่ น (cilia)  เอน็ ซยั ม์ lysozyme ในนา้ ตา นา้ ลาย innate immunity หรือ นา้ มกู หลอดลม natural immunity)  กรดในกระเพาะอาหาร  spermine ในนา้ อสจุ ิ  การไอ การจาม 2. การอกั เสบ (inflammatory response) 3. จลุ นิ ทรยี ป์ ระจาถนิ่ (normal flora) บรเิ วณทม่ี กี ารอกั เสบจะมอี าการปวด บวม ในทางเดนิ อาหาร vagina รอ้ น แดง 4. Natural Killer (NK) cell จะฆา่ ทาลายเซลลม์ ะเรง็ เซลลแ์ ปลกปลอม บรเิ วณนน้ั มเีซลลท์ ท่ี าหนา้ ทใ่ี นการจบั กนิ เรยี กวา่ phagocyte ซง่ึ เปน็ พวกเมด็ 5. สารละลายอนื่ ๆ เชน่ interferon (IFN), เลอื ดขาวชอ่ื neutrophil macrophage และ monocyte เซลลพ์ วกนจี้ ะเขา้ complement (C), C-reactive มาจบั กนิ แอนตเิ จนยอ่ ย ปลอ่ ยเอน็ ซยั มท์ าลายแอนตเิ จน pr otein ระบบภมู คิ มุ้ กนั แบบจาเพาะ (specific immune response หรอื acquired immunity) 5

เซลลท์ ี่ทาหน ้าทีค่ ือเมด็ เลอื ดขาวทเี่ รยี กชอ่ื วา่ lymphocyte การตอบสน องทางภมู คิ ุม้ กนั แบบจาเพาะแบง่ เปน็ 1. Humoral immunity ทางานโดย B-lymphoc yte 2. Cell mediated immunity ทางานโดย T-lymphoc yte H UMORAL IMMUNITY (HI, HMI)  คอื การตอบสนองต่อแอนตเิ จนโดยการสร้าง สารน้าท่ีเรียกว่า แอนติบอดี (antibody, Ab) ทีม่ คี วามจาเพาะต่อแอนติเจนนนั้ ข้ึนมา  Antibody อาจเรียกวา่ antiserum, immunoglobulin (Ig) เนือ่ งจากมีคุณสมบัติ เปน็ glycoprotein อย่ใู นซีรั่มสว่ นทเ่ี รียกว่า gamma globulin รปู รา่ งของแอนตบิ อดี  คล้ายตวั วาย (Y) ประกอบดว้ ยโพลีเปป็ ไทด์ 4 เสน้  สายยาว 2 เสน้ เรยี ก heavy chain (H chain)  เสน้ สั้น 2 เส้นเรยี ก light chain (L chain)  ทง้ั สเ่ี สน้ ยดึ กนั ดว้ ย disulfide bond (-s-s-)  แอนตบิ อดใี นมนษุ ย์แบง่ ออกเป็น 4 ชนดิ (class) ตาม ชนดิ ของ H-chain 6

IgM เปน็ แอนตบิ อดที ส่ี รา้ งขนึ้ กอ่ น class อน่ื ม ี ขนาดใหญผ่ า่ นรกไมไ่ ดอ้ ยเู่ปน็ pentamer IgG สรา้ งขนึ้ ทห่ี ลงั ผา่ น รกได ้ เป็น Ab ทพี่ บมากทส่ี ดุ ใน เลือด  IgA พบในสารคดั หลงั่ เชน่ นา้ นม นา้ ตา พบตามเยอ่ื เมอื ก ตา่ งๆ อยเู่ ปน็ dimer  IgE พบสรา้ งขนึ้ มากในผปู้ ว่ ยโรคภมู แิ พห้ รอื ตดิ เชอื้ พยาธิ  IgD พบทผ่ี วิ ของ B-lymphocyte ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั รบั แอนตเิ จน (antigen receptor) การทางานของแอนตบิ อดี 1. opsoniz ation ทาหนา้ ท่ีเคลือบ แอนติเจนเช่นแบคทีเรยี ทาให้เซลล์เม็ดเลือด ขาวจับกิน (phagocytosis) แอนตเิ จนได้ งา่ ยขึ้น 2. antitoxicity ทาหนา้ ที่ลบล้างถทธิ์พิษ (toxin) 3. กระตุ้น complement ทาใหเ้ ซลลท์ ม่ี ี แอนตบิ อดีจับอยู่เกิดการแตกสลาย (cell lysis) 4. Neutralization แอนติบอดีไปลบลา้ ง ฤทธ์ิ ป้องกันการตดิ เช้อื ไวรัส แบคทเี รยี 7

CELL MEDIAT ED IMMUNITY (CMI) ตัวอย่างของ CMI คือ  คือการตอบสนองทางภมู คิ ุ้มกันโดย  การเกิดภูมิแพ้แบบช้า (delayed type T-lymphocyte ซง่ึ จะเขา้ ไปทาลาย hypersensitivity) เช่นในการทา tuberculin แอนตเิ จนโดยตรง หรือโดยการหลง่ั สารท่ี test ในการตรวจหาภูมคิ มุ้ กันต่อวัณโรค เรียกวา่ lymphokine ออกมากระตุ้นเซลล์ macrophage และเซลล์อื่นท่ีทาใหเ้ กดิ  การปฏิเสธการเปลีย่ นอวัยวะ (graft rejection) การอักเสบดว้ ย  การทาลายเซลล์มะเรง็ ชนดิ ของ T-lymphocyte  T-helper ( Th) ทาหน้าท่ีชว่ ยกระตุ้นการสร้าง แอนติบอดี และการ ตอบสนองทางภมู ิคุ้มกันชนดิ ผ่านเซลล์  T-suppressor (Ts) ทาหนา้ ท่คี วบคุมการทางานของ T และ B- lymphocytes  T-cytotoxic (Tc) ทาหนา้ ทฆ่ี า่ เซลล์มะเรง็ และเซลลท์ ต่ี ิดเชือ้ ไวรัส  T-effector หรอื T-delayed type การทางานของ ภมู ิคุ้มกันชนิดผา่ นเซลล์ (CMI) hypersensitivity (Tdth) 1. lymphokines ชือ่ chemotactic factor ทาให้มีการ ชมุ นุมของ phagocyte ในบริเวณทมี่ ีการตดิ เช้ือ ทาให้ ทาหน้าที่สร้าง และหลง่ั lymphokine ออกมาทาให้เกดิ เกดิ การล้อมเช้ือไว้เช่นในวัณโรค ภมู ิแพ้แบบชา้ ๆ (delayed type hypersensitivity) 2.. lymphokines ชื่อ macrophage activating และการตอบสนอง แบบ cell mediate immunity factor กระตุ้น macrophage ให้ดุรา้ ย ฆ่าเชื้อเกง่ ขึ้น 3. T-cytotoxic (Tc) เข้าไปทาลายเซลลท์ ีต่ ิดเช้ือไวรสั เซล ล์มะ เร็งโด ยตรง 4. ควบคุม สง่ เสริมการสรา้ ง แอนตบิ อดี โดย Ts และ Th 5. lymphokine ช่อื migration inhibition factor จะ ห้ามเซลล์ macrophage ไม่ให้เคลื่อนท่ีออกจากบริเวณ ท่มี กี ารอักเสบ 8

Activated macrophage ขนาดจะใหญข่ ึน้ และผิวหยาบ ระบบคอมพลเี มน็ ต์ (The complement system) ประกอบด้วยโปรตีนในกระแสเลอื ดและบนผิว เซลลป์ ระมาณ 34 ตัว ซ่ึงเรียกว่า complement component ซึ่งในภาวะปกตจิ ะไม่ทางาน จะทางานเมอื่ ถกู กระตุ้น (activate) 9

การกระตุ้นระบบ complement ทาให้เกิด 1. การแตกสลาย ของเซลลท์ เ่ี ปน็ แอนตเิ จน (cell lysis) 2. complement component บางตวั เชน่ C3a C5a ทาใ หม้ ี การดงึ ดดู macrophage เ ขา้ มาบรเิ วณทม่ี กี ารอักเสบ 3. ส่งเ สรมิ ใ หเ้ กดิ การอกั เสบมากขนึ้ 4. complement component บางตวั เชน่ C4b เปน็ opsonin ไปเคลอื บแอนตเิ จน ทาใ ห้ mac rophage จับกนิ แอนตเิ จน ได้งา่ ย ขนึ้ อนิ เตอรเ์ ฟียรอน (interferon, IFN)  อนิ เตอร์เฟยี รอนยังมีผลกับเซลล์ในดา้ นการ differentiation และ ควบคุมการตอบสนองทางภมู คิ ้มุ กันด้วย  อินเตอร์เฟียรอนเป็นสารไกลโคโปรตนี ทเี่ ซลล์ของคนหรอื สัตวส์ ร้างขน้ึ เม่อื ถูกกระตุ้นดว้ ยจลุ ินทรยี ์เชน่ ไวรสั หรอื อาจเปน็ สารเคมเี ชน่  อนิ เตอร์เฟยี รอนแบ่งออกเปน็ 3 ชนิดคอื alpha interferon สรา้ ง endotoxin, double stranded RNA อนิ เตอร์เฟยี รอนท่ี จากเม็ดเลอื ดขาว, beta interferon สร้างจากเซลล์ fibroblast สรา้ งขึ้นจะถกู ปลอ่ ยออกมานอกเซลลไ์ ปกระต้นุ เซลล์อ่ืนขา้ งเคยี งให้อยู่ และ gamma interferon สร้างจากเซลล์ lymphocyte ในสภาวะที่ตา้ นตอ่ การติดเช้ือไวรสั โดยการสรา้ งสารท่ยี บั ยั้งการเพ่มิ ปัจจบุ ันมีการใช้อนิ เตอร์เฟียรอนที่ผลิตดว้ ยวธิ พี ันธวุ ิศวกรรมในการ จานวนไวรัส อนิ เตอร์เฟียรอนไม่มคี วามจาเพาะตอ่ ชนดิ ของไวรสั แต่ รกั ษาโรคตดิ เชือ้ ไวรสั และโรคมะเร็งหลายโรค ออกฤทธ์ิได้เฉพาะ species ท่ีสร้างมันขึ้นมา ภาวะภมู แิ พ้ ภาวะภมู แิ พแ้ บบท่ี 1. (HYPERSENSITIVITY, ALLERGY) (T ype I Hypersensitivity) ภาวะภมู แิ พห้ รือภาวะภมู ไิ วเ กนิ  allergen คือ ฝนุ่ ยา อาหาร เกสรดอกไม้ ซีร่มั ม้า ซ่งึ รา่ งกายไดร้ บั ทาง การสัมผสั กิน ฉดี หรืดหายใจ คือภาวะทร่ี ่างกายตอบสนองทางภมู ิค้มุ กนั อาการแพท้ เ่ี กิดจะเกิดเรว็ เช่นแพ้ฝุ่นจะมีการไอ จาม มากเกินพอดีต่อสาร ท่ีทาใหเ้ กิดอาการแพ้ ทนั ที ซ่งึ เรยี กวา่ allergen ทาใหม้ ีการ  กลไก เม่ือได้รับ allergen คร้ังแรก ร่างกายจะสร้าง แอนติบอดีชนดิ IgE ไปเกาะบน mast cell และ อกั เสบ ทาลายเน้อื เยือ่ ตนเอง basophil เมือ่ ไดร้ ับ allergen คร้ังที่สอง allergen จะข้าไปเกาะกับแอนติบอดีท่อี ยบู่ นเซลล์ mast cell และ basophil ทาใหเ้ ซลล์หลงั่ สารเคมีชอื่ histamine และ สารอื่นๆทที่ าใหเ้ กดิ อาการแพ้ ออกมา 10

 HISTAMINE เป็นสารที่ออกฤทธิ์ ทาให้ เสน้ เลือดฝอยขยายตวั ทาให้เกิดการบวม แดง คัน ทาใหเ้ กิด กล้ามเนื้อเรียบหดตัว เกิดการหอบหืดได้ ถ้าการแพเ้ กิดมากๆมีผลทาใหช้ ีพจรเต้นเรว็ ความดนั โลหติ ต่า ช็อคได้ เรียกวา่ เกดิ anaphylaxis ภาวะภมู แิ พแ้ บบที่ 2. ภาวะภมู แิ พแ้ บบที่ 3. (T ype II Hypersensitivity) (Type III Hypersensitivity)  allergen คือเซลล์แปลกปลอม เช่นในการให้เลือดผดิ allergen คือ ยา ซรี ัม่ แกพ้ ษิ งู เช้อื จุลินทรีย์ วคั ซีน กลุ่ม การปลูกถ่ายอวัยวะ แอนตเิ จนของตวั เองในผู้ทม่ี ีภมู ิคุ้มกันต่อตา้ นตนเอง  กลไก รา่ งกายตอบสนองโดยสรา้ ง แอนติบอดีชนิด IgG แอนติบอดีทเ่ี กดิ เปน็ ชนดิ IgG ภาวะภูมแิ พแ้ บบท่ี 3 และ IgM ไปเกาะกับเซลล์แปลกปลอม ทาใหเ้ กิดการ เกิดได้ใน 3 กรณี กระตุ้นระบบ complement เซลล์จะแตกสลาย มี phagocyte เข้ามากินและหลั่งเอ็นซัยม์ออกมา ทาให้ 1. กรณีมีการตดิ เชื้อ แลว้ เกิด antigen antibody กา รอั กเสบ complex เชน่ การติดเชอื้ มาเลเรีย การตดิ เช้ือไวรสั ไข้เลอื ดออก  ตัวอย่างเช่น การที่เลือดแม่กบั ลูกไมเ่ ขา้ กัน การปฏิเสธ การปลูกถา่ ยอวัยวะ 2. มีภาวะภูมิแพต้ ่อตวั เอง เรียก autoimmune ภาวะภมู แิ พแ้ บบท ี่ 4. disease เช่นผู้ป่วยโรค systemic lupus (Type IV Hypersensitivity) erythrematosus (SLE)  อาจเรียกว่า delayed type hypersensitivity 3. ผูท้ ไี่ ด้รับแอนติเจนปริมาณมากเช่น ผทู้ ่ีถูกงูกัดและ หรอื ภาวะภูมิแพ้แบบช้า เซลลท์ ่เี ก่ียวข้องคือ T- ได้รับซรี ั่มแกพ้ ิษงจู ากม้า จะเกิดการแพ้ทเี่ รยี ก effector หรอื Tdth serum sickness หรอื ในผู้ท่ีหายใจเอาสปอร์ของ เชื้ อรา ปริ มา ณมา กเข้ า ไป  ตัวอย่างของภูมิแพ้แบบน้ีเช่นการแพ้สารเคมีท่ี ผวิ หนงั เช่นแพ้ผงซักฟอก กลไก เมื่อเกิด antigen-antibody complex ข้ึน ปริมาณมากก็จะไปเกาะ ตกตะกอนในอวัยวะต่างๆ  ในผูท้ เ่ี ป็นโรคเรื้อน เช่นท่ีไต ผนัง เสน้ เลือด ขอ้ ทาให้เกิดการกระตุ้น  การทา tuberculin test การเกิดภูมิแพ้แบบนี้เกิด ระบบ complement ทาใหเ้ กดิ การ อักเสบท่ีไต เกดิ ผื่นผิวหนัง เกิดเลือดออก เช่นในไขเ้ ลือดออก ช้า 48-72 ช่ัวโมง 11

การทดสอบ skin testมี 2 วิธคี อื 1. วธิ ีสะกิด (Skin Prick Test หรอื scratch test) เปน็ การ ทดสอบโดยหยดน้ายาลงบนผวิ หนังท่แี ขน และใช้เข็ม สะกิดตรงกลางหยดน้ายา ซ่ึงทางา่ ย, เร็ว, ไม่เจบ็ และใชอ้ ุปกรณ์น้อย เสย่ี งต่อการเกดิ อาการแพ้ท่ัวร่างกายน้อย 2. วิธีฉดี เขา้ ในผิวหนงั (Intradermal Test) เปน็ การฉดี น้ายาเขา้ ใต้ผวิ หนงั เปน็ จุดเล็กๆ ซง่ึ ทายากกวา่ เสยี เวลามากกวา่ เจ็บกวา่ และต้อง ใช้อปุ กรณม์ ากกวา่ และเส่ียงต่อการเกดิ อาการแพท้ ั่วร่างกายไดม้ ากกว่า การรกั ษาภาวะภมู แิ พ้ ไรฝ นุ่ Dermatophagoides pteronyssinus และ  ถา้ แพส้ ารใดตอ้ งหลกี เล่ยี งการสัมผัสสารนัน้ Dermatophagoides farinae ถา้ เล่ียงไมไ่ ด้เช่นในผู้แพ้ฝ่นุ 12  มกี ารรักษาโดยการฉีดสารท่แี พ้เขา้ ไปกระตุน้ ทีละน้อย เรียกว่าวธิ ี desensitization  วธิ กี ารนจ้ี ะกระตนุ้ ใหเ้ กิดแอนติบอดชี นดิ IgG ต่อ allergen นัน้ ขน้ึ มา เมื่อสมั ผัสกับ allergen อีก IgG จะแย่งจับ allergen ก่อน IgE ทาให้อาการแพล้ ดลงได้

การสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค Expanded program on immunization 1. Passive immunization การทาให้ร่างกายมี ภมู คิ ุ้มกันโรคทันที โดยการฉีดสารทีม่ คี ุณสมบัติใน EPI การป้อง กันโรคเข้าไปโดยตรงตรงเช่นการใหซ้ ีร่ัม แก้พิษงู แต่ภูมิคุ้มกันโรคชนดิ น้ีจะอยใู่ นร่างกายได้ ไม่ นา น 2. Active immunization หรอื vaccination คือ การฉีดวัคซีนกระตุ้นใหร้ ่างกายมีการสร้างภมู ิคุ้มกัน เกดิ ข้ึนด้วยตัวเอง ซง่ึ ตอ้ งใช้ระยะเวลาในการสร้าง ภูมิคุ้มกัน แต่ภมู คิ ุ้มกันท่ีเกดิ จะอยู่ได้นาน ประวัติก ารใช้วคั ซีนในประเทศไทย Immunization schedule for children in Thailand ระยะกอ่ น EPI Age Vaccine พ.ศ. 2383 - เรมิ่ สงั่ พนั ธ์หุ นองฝีปอ้ งกัน ไขท้ รพษิ Birth BCG HB1 2 months พ.ศ. 2456 - ใชก้ ฎหมายบงั คับการปลูกฝี 4 months OPV1 DTP1 HB2 ป้องกนั ไขท้ รพิษ 6 months 9-12 months OPV2 DTP2 พ.ศ. 2477 - สามารถผสมพนั ธ์ุหนองฝใี ชเ้ องในประเทศ 18 months พ.ศ. 2488 - เริ่มใช้วัคซนี คอตบี และวัคซนี ไอกรน (ชนดิ เดย่ี ว) 2 1/2 - 3 years OPV3 DTP3 HB3 พ.ศ. 2496 - ตั้งโครงการชานัญพิเศษเพื่อรณรงคก์ ารฉีด BCG ในเด็ก 4-6 years พ.ศ. 2510 - เร่ิมใช้วคั ซนี รวม DTP และ OPV MMR1 (or M) ระยะ EPI (2520 - ปัจจบุ นั ) OPV4 DTP4 JE(x2) JE3 OPV5 DTP5 MMR2 Source: EPI / DDC / MOPH ANTIGEN-ANTIBOD Y REACTION ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งแอนตเิ จนและแอนตบิ อดี 13

1. Neutralization หรือปฏิกริ ยิ าลบลา้ งฤทธ์ิ เชน่  แอนติบอดที ่ีลบล้างพิษ Toxin เรยี กว่า antitoxin  แอนตบิ อดีต่อไวรัส ลบลา้ งฤทธใ์ิ นการตดิ เช้ือไวรัส เรยี ก neutralizing antibody (NT-Ab) 2. Precipitation เปน็ ปฏกิ ิริยาตกตะกอนของ แอนติเจนทลี่ ะลายได้ เมื่อแอนตเิ จนกับแอนติบอดี ในปรมิ าณทีพ่ อเหมาะแพร่เขา้ หากันจะเกิดเปน็ ตะกอนขนุ่ ขาวข้นึ เรยี กว่า precipitin band 3.Agglutination 4. Complement fixtaion test (CF test) เป็น ปฎิกริ ิยาการตรงึ คอมพลีเม็นท์ (complement) เปน็ ปฏิกิริยาตกตะกอนของ แอนติเจนท่เี ป็นอนุภาค มี indicator system คือ เม็ดเลือดแดง แกะผสมกับ (particle) เชน่ เม็ดเลือด เซลล์ แอนติบอดีต่อเมด็ เลือดแดง แกะ (SRBC+anti- แบคทีเรยี เกิดการเกาะกลุ่มกัน SRBC) ถา้ มีการตรงึ คอมพลีเม็นท์และใช้คอมพลีเม็นทป์ ริมาณ จากดั ทใี่ สล่ ง ไปในปฏิกริ ยิ าหมดไปจะไม่ทาให้ indicator system คือเมด็ เลอื ดแดง แกะแตก 5. ปฏกิ ริ ิยาระหว่างแอนติเจนกบั แอนติบอดีทีม่ ีการติด ฉลาก (label) เรยี กวา่ conjugate เราสามารถติดฉลากไดท้ งั้ แอนตเิ จนและแอนติบอดี ส่วนใหญ่นยิ มติดฉลาก แอนตบิ อดีมากกว่า สารทน่ี ยิ มใช้ตดิ ฉลากคือ -สฟี ลอู อเรสซีน (fluorescein dye) เช่น fluorescein isothioicyanate (FITC) -สารกมั มนั ตภาพรงั สี เชน่ tritium -เอน็ ซยั ม์ เชน่ horseradish peroxidase, alkaline phosphatase, glucose oxidase 14

ตัวอย่างของปฏิกริ ิยาระหวา่ ง แอนตเิ จนกับแอนตบิ อดที ่มี ีการ DAS ตดิ ฉลาก ELISA ตรวจหา 5.1 Immunofluorescence test ตัวอยา่ ง 2 แบบคือ แอนติเจน  Direct immunofluorescence test เช่นทใ่ี ชใ้ นการ 15 ตรวจวินิจฉยั โรคพิษสุนัขบ้า  Indirect immunofluorescence test 5.2 ELISA test (Enzyme Linked Immunosorbent Assay) ตวั อย่าง 2 แบบคือ  Double antibody sandwich ELISA (DAS- ELISA) ใช้ตรวจหาแอนตเิ จน  Indirect ELISA ใชต้ รวจหาแอนตบิ อดี เช่น ตรวจหาแอนติบอดีต่อ HIV Indirect ELISA ตรวจหา anti-HIV

ELISA ELISA PLAT E READER ไรฝุ่น • สาหรบั สารกอ่ ภูมิแพ้ของไรฝุ่น มักอยู่ในรูปของมลู และคราบของไร ฝ่นุ ท่มี ีนา้ หนกั เบา สามารถลอยปะปนในอากาศและสดู ดมเขา้ ไปได้ จะมีไรฝุ่นมากหรอื นอ้ ยกข็ ้นึ อย่กู บั การดูแลรักษาความสะอาด ของ ผู้ใช้เครอื่ งนอนและอายุการใชง้ านของเครอ่ื งเรอื นเปน็ หลกั โดยที่ นอนหรอื ฟูกทที่ าจากนุ่นและ ใยสงั เคราะหท์ ่มี ีอายกุ ารใช้งานนาน กวา่ 6 ปีจะมคี วามเสยี่ งจากไรฝุ่นจนเกิดโรคภมู ิแพ้ไดม้ ากทีส่ ดุ ขณะทอี่ าหารของไรฝุน่ น้ันต้องถือว่ามมี ากเกนิ พอ เพราะไรฝนุ่ จะกนิ เศษขไ้ี คล ข้ีรงั แค และเศษผวิ หนงั ของคนในบ้านเป็นอาหาร โดยเศษ ผวิ หนงั เพยี ง 1 กรมั ก็สามารถเลย้ี งไรฝุ่น 1,000,000 ตัวเปน็ เวลาถึง 1 สปั ดาหเ์ ต็มๆ แล้ว ไรฝุ่น • 3.การดดู ฝุ่นทาความสะอาด กเ็ ปน็ อีกวธิ ที ี่สามารถ ไลไ่ รฝนุ่ ไดใ้ นระดับหนึ่ง • แนวทางการป้องกันและกาจดั ไรฝนุ่ มอี ยู่ 4 ขอ้ งา่ ยๆ คอื 1.การหลีกเลยี่ งใชง้ านเครอ่ื งนอน พรม และเฟอรน์ เิ จอรท์ ีท่ าจากเสน้ 4.การซกั เครอื่ งนอนเป็นประจาดว้ ยน้าทมี่ ีอุณหภมู ิ ใยซ่ึงมอี ายกุ ารใชง้ านหลายปี เพอ่ื ลดความเสยี่ งทตี่ ้องสัมผสั กบั ไร อย่างน้อย 55 องศาเซลเซียส เพราะเป็นอุณหภมู ิ ฝ่นุ จานวนมาก ท่สี ามารถฆา่ ไรฝนุ่ และกาจัดสารก่อภูมิแพ้จากไร 2.การเลอื กใชข้ ้าวของเครอื่ งใชท้ ี่มีเส้นใยสานกันแนน่ พลาสตกิ หรอื ฝุ่นไดด้ ี โดยการตากแดดยังทาใหไ้ ข่ไรฝุ่น ทีฝ่ ังตัว เสน้ ใยไวนลิ และไนลอน หรือเคลือบดว้ ยสารปอ้ งกนั ไรฝนุ่ เพอื่ อยูก่ บั เคร่อื งนอนฝ่อได้ดว้ ย ปอ้ งกันไมใ่ หไ้ รฝุ่นเข้ามายุ่มย่ามกับเครอ่ื งนอนภายในบา้ น 16


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook