Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore doc 3

doc 3

Published by narumonsirichokchai, 2019-06-04 22:23:26

Description: doc 3

Search

Read the Text Version

หนว่ ยท่ี 3 การจาแนกประเภทไมด้ อกไมป้ ระดบั

หนว่ ยที่ 3 การจาแนกประเภทไมด้ อกไมป้ ระดับ สาระสาคัญ การจาแนกประเภทไมด้ อกไม้ประดับน้ัน มีหลักในการพิจารณาจาแนกประเภทของไม้ดอกไม้ ประดับมหี ลกั ใหญ่ๆ 3 ประเภท คอื 1. การจาแนกตามความมงุ่ หมายการใช้งานหมายถงึ การจาแนกพนั ุไไุ ม้ โดยคานงึ ถึง การใชป้ ระโยชนจไ ากพนั ุไุไมด้ อกไมป้ ระดบั น้ันวา่ จะนามาใช้ เพอื่ ประโยชนไอะไร เชน่ ไม้ดอกมี ความสวยงามที่ดอกนาไปประดับอาคารสถานท่ีและใช้ประโยชนไและจาหนา่ ยได้ สว่ นไม้ประดบั มคี วามสวย งามที่รูปทรง ราก ใบ ตน้ ดอก และผล นาไปใชป้ ระโยชนไ เพ่ือประดบั ตกแต่ง และเพ่ือ จาหนา่ ย 2. การจาแนกตามลักษณะนิสยั ของพันุไไุ ม้ อนั ไดแ้ ก่ การจาแนกตามถ่ินกาเนิด การจาแนกตามอายุของพนั ุุไ ไม้ การจาแนกตามลกั ษณะของเนื้อไม้ การจาแนกตามความตอ้ งการแสงเพ่ือการเจริญเตบิ โต การจาแนกตาม การใช้น้าเพื่อการเจริญเติบโต และการจาแนกตามลักษณะของลาต้น 3. การจาแนกตามหลักพฤกษศาสตรไ หมายถึง การจาแนกพันุไไุ ม้ออกเปน็ กลมุ่ ๆ ตั้งแต่กลมุ่ ใหญล่ งมาหากลุม่ ย่อย โดยอาศัยลกั ษณะพฤกษศาสตรไ ตา่ งๆ เป็นตวั พจิ ารณา จัดแบง่ โดยนักพฤกษศาสตรไต้ังแต่อาณาจักรพืชจนถงึ พนั ุเุไ ปน็ กลุ่มที่เลก็ ทส่ี ุด จดุ ประสงค์การเรียนการเรยี นรู้ จุดประสงค์ทั่วไป 1. บอกหลักการจาแนกไมด้ อกไม้ประดับได้ 2. บอกความหมายของการจาแนกไมด้ อกไม้ประดบั ตามความมุ่งหมายที่ใช้งานได้ 3. บอกความหมายของการจาแนกไมด้ อกไม้ประดบั ได้ 4. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีคณุ ุรรม จริยุรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคไ เรื่องความรบั ผิดชอบ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. สามารถจาแนกไมด้ อกไม้ประดบั ไดอ้ ย่างถูกต้อง 2. สามารถจาแนกไมด้ อกไม้ประดบั ตามความมุ่งหมายที่ใช้งาน พรอ้ มท้ังยกตวั อย่างพนั ุุไไมไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 3. สามารถจาแนกไม้ดอกไม้ประดับตามลกั ษณะของพนั ุไไุ ม้ พรอ้ มทงั ยกตวั อยา่ งพันุไุไ ม้ ประกอบได้ถูกต้อง เน้ือหาสาระ การจาแนกประเภทของพนั ุไุไมด้ อกไม้ประดบั นบั ว่ามีความสาคัญอย่างมากเพราะทาให้ผูป้ ลูกไม้ ดอกไม้ประดับสามารถรู้ถงึ ลักษณะนสิ ัยความเป็นไปได้ของพนั ุุไไม้ดอกไม้ประดบั ได้อย่างลกึ ซง้ึ ไมด้ อกไม้ ประดับแต่ละต้น มีนิสัยในการเจรญิ เติบโตอย่างไร ชอบภมู ิอากาศแบบไหนและชอบดินอย่างไร ซ่ึงจะทาให้ผู้ ปลูกไดด้ แู ลและผลิตไมด้ อกไม้ประดับไดต้ รงกับความมงุ่ หมาย ท่จี ะนาไม้ดอกไมป้ ระดบั นั้นๆไปใชป้ ระโยชนไ มี ความสวยงาม และจาหน่ายได้ หลกั ในการพิจารณาจาแนกประเภทของไม้ดอกไมป้ ระดับ ไมด้ อกไมป้ ระดับเปน็ พชื ที่มีการจัดกลุ่มหรือหมวดหม่ทู ่ีหลากหลายตามลกั ษณะของการใชป้ ระโยชนไ หรือลกั ษณะนสิ ัยของการเจรญิ เติบโต รวมทงั้ การจาแนกตามลกั ษณะและคณุ สมบัติทางสรีระวิทยา หรือตาม หลักพฤกษศาสตรไของพชื ปิฏฐะ บุนนาค (2536) กลา่ ววา่ หลักในการพิจารณาจาแนกไม้ดอกไมป้ ระดับมี หลกั ใหญ่ 3 พวกด้วยกนั ดงั น้ี

1. การจาแนกตามความมุ่งหมายท่ีใชง้ าน หมายถึง การจาแนกพันุุไไม้โดยคานงึ ถึงการใช้ประโยชนไ จากพันุไุไม้ดอกไมป้ ระดับนั้น วา่ จะนามาใชเ้ พ่ือประโยชนไอะไร เชน่ การใช้ตกแต่งสถานท่ีทัง้ ภายในและ ภายนอกใช้ประโยชนไ ในงานพิุกี รรมตา่ งๆ ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ในเรื่อง ปจั จัย 4 และใช้เปน็ ยาสมุนไพรต่างๆ โดยแบ่งเปน็ 2 พวก คือ 1.1 ไมด้ อก (flower plants) พนั ุไไุ ม้ท่ีมีรูปทรง สสี นั ของดอกสวยงามนาไปใช้ประดบั ตกแต่งทั้ง ภายในและภายนอก จาแนกไดเ้ ปน็ 1.1.1 ไม้ตัดดอก (cutting flower plants) เป็นพันุไุไ มเ้ พื่อปลกู ตดั ดอกไปใช้ประโยชนไ ต่างๆ เช่น กุหลาบ หน้าวัว กล้วยไม้ เบญจมาศ เยอรบไ ีร่า เบญจมาศ ลิลลี่ มะลิ เป็นต้น โดยใช้จัดทากระเช้าดอกไม้ จัด พวงหรดี พวงมาลยั ของชารว่ ยกานัล ดังนั้นไม้ตัดดอกท่ีดี ควรมีลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ีคือ (ปิฏฐะ, 2536) 1) กา้ นดอกยาวตรงและแขง็ แรง 2) ดอกมีอายกุ ารใชง้ านนานหลายวนั 3) กลบี ดอกหนาทนทานในการบรรจหุ ีบหอ่ และขนสง่ 4) ใหด้ อกดกและควรให้ดอกตลอดทั้งปี 5) ดอกมสี ีสันสวยงามสะดดุ ตา 6) เป็นพนั ุไทุ ี่อยใู่ นความนิยมเจริญเตบิ โตดีและปลกู เล้ียงง่าย ภาพท่ี 3.1 ดอกกุหลาบ 1.1.2 ไม้ดอกกระถาง (flowering–potted plants) เปน็ พนั ุไุไม้ดอกที่ปลกู เลย้ี งในกระถาง ตง้ั แต่ เรมิ่ เพาะเมลด็ หรอื ย้ายตน้ กล้า โดยการเปล่ียนกระถางใหม้ ีขนาดใหญข่ ึ้นตามลาดับ เมอื่ ออกดอกจะนาไปใช้ ประโยชนไในการประดับท้ังต้น และดอกพรอ้ มกระถาง ไดแ้ ก่ บีโกเนีย แพนซี กลอ็ กซีเนยี กุหลาบ เบญจมาศ แอสเตอรไ กลว้ ยไม้ เปน็ ต้น (สมเพียร, 2526 ) ภาพที่ 3.2 กล้วยไม้ 1.1.3 ไมด้ อกประดบั แปลง (bedding plants) เปน็ ไมด้ อกที่ปลูกตกแต่งประดบั แปลง ตามอาคาร สถานที่ต่างๆ โดยไม่ตดั ดอกหรอื สว่ นใดส่วนหน่ึงไปใชป้ ระโยชนแไ ตป่ ล่อยให้ออกดอกบานสะพร่ังสวยงามตดิ อยู่ กบั ต้นภายในแปลงปลกู ได้แก่ แพงพวย บานบุรี หงอนไก่ สรอ้ ยทอง ดาวเรอื ง ดาวกระจาย บานเยน็ เป็นต้น (สมเพียร, 2535 ภาพที่ 3.3 ดาวเรือง 1.1.4 ไม้ดอกปลกู ในกระถางหรือกระเช้าแขวน (hanging baskets) เปน็ ไม้ดอกท่ีปลูกไว้เพื่อให้ หอ้ ยแขวนกระถางหรอื กระเชา้ แขวนตกแตง่ ตามชายคาบ้าน และผนังบา้ น ไดแ้ ก่ จันทรไกระจ่างฟา้ พิทูเนีย แพรเซี่ยงไฮ้ พรมญี่ป่นุ กระดมุ ทอง บโี กเนีย เปน็ ต้น ภาพที่ 3.4 จนั ทรกไ ระจา่ งฟา้ 1.1.5 ไมด้ อกปลูกตามซอกหิน สวนหนิ เป็นไมด้ อกท่ีปลกู ตามสวนหินต่างๆ น้าตก มกั มดี อกดก ลา ตน้ เลื้อย เชน่ แพนซี แพรเซ่ียงไฮ้ กระดุมทอง ฟา้ ประดษิ ฐไ เปน็ ตน้ ภาพที่ 3.5 แพรเซี่ยงไฮ้

1.2 ไม้ประดับ (ornamental plants) เปน็ พนั ุไไุ ม้ที่รปู ทรง ลาตน้ กิ่ง ก้านใบหรือรากท่ีสวยงาม โดยไมค่ านงึ ถงึ ดอกเปน็ สาคัญ นาไปใช้ประโยชนไเพ่ือประดบั ตกแตง่ อาคารสถานที่ และจาหนา่ ย จาแนกออก ไดเ้ ป็น 3 ประเภทคือ (ปิฏฐะ, 2536) 1.2.1 ไมใ้ บ (foliage plants) เป็นพันุไุไมท้ ี่มรี ปู ร่างลักษณะของใบสวยงาม นาไป ประดบั ตกแต่ง และตัดใบจาหน่าย เช่น ซอนนาดู พลูดา่ ง ฟิโลสีทอง ฟโิ ลหน้าวัว ปรง จ๋ัง โกสน สาวน้อยประแป้ง หมากผู้ หมากเมีย เปน็ ตน้ ภาพท่ี 3.6 ฟโิ ลหนา้ ววั 1.2.2 ไม้กระถาง (potted plants) เปน็ พนั ุไุไ ม้ที่มลี กั ษณะรูปร่างของราก ใบ ลาต้น ดอกสวยงาม นามาปลูกในกระถางเพื่อตกแตง่ อาคารสถานท่ีและจาหน่าย เชน่ เฟนิ อะโกลนมี า่ วาสนา ช่อมรกต สาวนอ้ ย ปะแปง้ ซองออฟอนิ เดีย คลา้ ฤๅษีผสม พลบั พลงึ สีทอง เปน็ ตน้ ภาพที่ 3.7 ชอ่ มรกต 1.2.3 ไม้ดัดและไม้แคระ (miniature and bonsai) เป็นพนั ุไุไ ม้ประดบั ชนดิ หนึ่งที่มี รปู รา่ ง ลักษณะ ทรวดทรง ลาต้น ก่ิง ก้าน ใบ ดอก หรือผลงดงาม ไม้ดดั เกิดจากการดดั บงั คบั ตดั แต่งให้ไดร้ ปู ทรง ตามตอ้ งการ ไม้ประดับประเภทนี้เปน็ พืชทมี ีคณุ สมบัตพิ เิ ศษคอื ก่ิงกา้ นเหนยี ว ไมเ่ ปราะหักไดง้ ่าย และเมอ่ื ดัด แล้วไม่คืนรูปเดิม ส่วนไมแ้ คระจะต้องปลูกในภาชนะท่ีจากัดควบคมุ การเจรญิ เติบโต เชน่ สน ไทร โมก มะเด่ือ มะขาม ขอ่ ย มะสงั ชวนชม เป็นตน้ (พรรณทวี, 2547) ภาพท่ี 3.8 ข่อยดดั 2. การจาแนกตามลกั ษณะนสิ ัยของพันธุ์ไม้ การแบง่ พันุุไไม้ดอกไม้ประดบั จาแนกตามลักษณะนสิ ัย พนั ุุไไ ม้ ออกเป็น 6 ประเภทดังน้ี (ปิฏฐะ, 2536) 2.1 การจาแนกตามถิ่นกาเนดิ เพื่อใหท้ ราบวา่ ไมด้ อกไมป้ ระดับน้ันๆ มถี ่ินกาเนิดมาจากุรรมชาตใิ น ป่าหรอื เกดิ จากการผสมพนั ุไใุ หม่ข้ึนมาเพ่ือประโยชนตไ อ่ การปฏบิ ตั ดิ แู ลรักษา แบ่งออกได้ 2 ประเภท คอื (ปิฏฐะ, 2536) 2.1.1 ไมป้ ่าหรอื ไมพ้ ื้นเมอื ง (wild and native plants) เป็นพันุไไุ ม้ท่ี มนษุ ยนไ ามาจากถิ่นกาเนิด ของมัน เช่น นามาจากุรรมชาตขิ องมันท่ีเจริญเติบโตมลี กั ษณะเปน็ ไม้พ้ืนเมือง เมอื่ นามาปลกู ต่างถ่ิน กอ็ าจ เจรญิ เตบิ โตเปล่ียนแปลงไป อาจจะโตชา้ หรอื เจริญเตบิ โตดขี ้ึน เชน่ กล้วยไม้ป่า ปาลมไ บังสรู ยไ จันผา จ๋ัง เชียงใหม่ ว่านตา่ งๆ เป็นต้น ภาพที่ 3.9 กล้วยไม้ 2.1.2 ไม้ลกู ผสม (hybrid) หรือไม้พันุแไุ ท้ เปน็ พนั ุไไุ ม้ท่ีนกั ปรับปรงุ พนั ุไุ นามาผสมพนั ุไกบั พันุุไ แท้หรือพันุไไุ ม้ปา่ จากุรรมชาติ หรือนามาผสมข้ามพันุุจไ ะไดเ้ ปน็ พนั ุลุไ กู ผสม ขึ้นมาใหมม่ ีความทนทาน แขง็ แรง อาจมีการเจรญิ เตบิ โตดกี วา่ พนั ุเุไ ดมิ มีสีสันของดอก ใบ สวยงามแปลกตาเปน็ ที่นยิ มของนักสะสม นัก ขยายพนั ุุไ เช่น อโกลนีม่า ชวนชม โป๊ยเซยี น ปทุมมา เฟื่องฟ้า เปน็ ต้น ภาพท่ี 3.10 อโกลนีมา่ 2.2 การจาแนกตามอายุของพนั ธุ์ไม้ เปน็ การจาแนกพนั ุไุไ ม้ตามอายุการเจรญิ เตบิ โต บางชนิดมีอายุ เพยี ง 1 ปี เมอื่ ออกดอกออก ผลก็ตายไป แตบ่ างชนดิ มอี ายตุ ั้งแต่ 2 ปจี นถงึ 100 ปีขน้ึ ไป ซ่ึงพนั ุไุไ มท้ ่ีมอี ายุ

ยืนส่วนมากจะเป็น ไมย้ ืนต้นท่ีมขี นาดใหญ่ การจาแนกตามอายุของพันุไไุ ม้ มีการแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คอื (ปฏิ ฐะ, 2536) 2.2.1 ไม้ล้มลกุ (annuals) หรอื ไมป้ เี ดยี ว เป็นไม้ดอกไม้ประดบั ท่ีมีอายกุ ารเจรญิ เติบโต ตั้งแต่งอก จากเมล็ดและเจริญเติบโต ออกดอก ออกผลเป็นเมลด็ อีกครั้งหนึ่งอยู่ในระยะเวลาสั้นโดยมีอายุไม่เกนิ 1 ปี ซ่ึง สว่ นใหญ่เปน็ ไม้ดอกปเี ดียว เชน่ หงอนไก่ สร้อยไก่ ดาวเรือง ดาวกระจาย บานไมร่ โู้ รย บานช่ืน เป็นต้น ภาพที่ 3.11 ดาวกระจาย 2.2.2 ไมข้ ้ามปหี รอื ไม้ 2 ฤดู (biennials) เป็นไมท้ ี่ปแี รกเจริญเติบโตทางดา้ นใบ ลาต้น ปีที่สองจึง จะออกดอกตดิ ผลแลว้ จบชีวติ ในรอบหน่ึงของมนั เชน่ ซ่อนกลิ่นฝร่ัง ภาพท่ี 3.12 ซ่อนกล่ินฝร่ัง 2.2.3 ไมย้ นื ตน้ (perennials) เปน็ พันุไไุ มท้ ่ีมีอายยุ นื นานกว่า 2 ปี บางชนดิ ออกดอกในปีแรกแล้ว ก็ยงั ไม่ตายคงมีดอกเป็นครั้งท่ี 2-3-4 หรอื ต่อๆ ไปมากกว่าน้ัน หรอื อาจมีอายมุ ากกว่า 100 ปีกไ็ ด้ และมี ลกั ษณะตา่ งๆ กันซ่ึงอาจมีทั้งไม้ตน้ เล็กจนถึงใหญส่ ดุ ได้แก่ ตน้ โพุิ์ ตน้ ไทร เหลอื งปรดี ยี าุร อินทนลิ หาง นกยูงไทย ตะแบก คูน ปาลมไ หกู ระจง ประดู่ โกสน เลบ็ ครฑุ เป็นตน้ ภาพท่ี 3.13 เหลืองปรดี ียาุร 2.3 การจาแนกตามลกั ษณะของเนื้อไม้ การจาแนกประเภทน้ีเปน็ การจาแนกเน้ือไมท้ ี่มปี ริมาณของ น้าอย่ใู นเน้ือไม้สงู และเปน็ พนั ุไุ ไมท้ ี่มีเน้ือไม้ทาใหก้ ิ่งก้านมรี ปู ทรงอยไู่ ด้ จาแนกได้ 2 ประเภท คือ (ปฏิ ฐะ, 2536) 2.3.1 ไม้เน้ืออ่อน (herbaceous and succulent plants) เปน็ พันุไไุ มท้ ี่มีนา้ ในเน้ือไม้สูง จึงทาให้ เน้ือไมอ้ อ่ นอวบน้า พนั ุไุไ มพ้ วกน้ีบางชนิดอยใู่ นทม่ี คี วามช้ืนสงู และมนี ้ามาก แต่บางชนิดอยู่ในท่ีแห้งแลง้ และมี ความสามารถเกบ็ นา้ ไวใ้ นลาตน้ ได้ดี เช่น พวกตะบองเพชร และไมอ้ วบนา้ ทว่ั ไป ไมป้ ระดับลกั ษณะนี้มีมาก เช่น ฤๅษีผสม พิทูเนีย เยอรบไ ีรา่ เงินไหลมา พนั ุุไไ ม้พวกนี้สว่ นมากขยายพนั ุไุโดยการแยกหนอ่ แยกกอ และปัก ชาลาต้น ภาพท่ี 3.14 พทิ ูเนยี 2.3.2 ไมเ้ น้ือแข็ง (woody plants) เปน็ พนั ุไุไ ม้ที่มีเน้ือไม้ (woody) ทาให้ลาตน้ กิ่งก้าน มรี ปู ทรง อย่ไู ด้ มเี นื้อเยอ่ื เจริญ (cambium) ดงั น้ันพนั ุไุไ มพ้ วกน้ีสามารถขยายพนั ุไโุ ดยการตอน ตดิ ตา ทาบก่ิง ปักชา และต่อก่ิง เพราะเน้ือไม้มเี น้ือเยอ่ื เจริญ (cambium) เจรญิ รวดเร็ว ไม้ดอกไมป้ ระดับพวกนี้มีมาก ส่วนมากเปน็ ไม้พุม่ และตน้ ไม้ (tree) เชน่ กุหลาบ เฟ่ืองฟา้ โกสน จาปี ชบา ประดู่ นนทรี จาปี เปน็ ต้น ภาพท่ี 3.15 เฟอื่ งฟ้า 2.4 การจาแนกตามความตอ้ งการแสงเพื่อการเจรญิ เตบิ โต แสงมอี ิทุพิ ลต่อการเจริญเติบโตของพชื ซ่ึงพชื แต่ละชนดิ แต่ละพันุุไ มีความต้องการแสงแตกต่างกัน ในการเจริญเติบโต ซ่ึงการจดั หมวดหมู่หรือจาแนกพชื ตามความตอ้ งการแสงมีประโยชนไตอ่ การปลูกและดแู ล รกั ษา ใหต้ รงกบั ความต้องการของพืชน้ันๆ ซึ่งสามารถแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ (ปฏิ ฐะ, 2536) 2.4.1 ไมใ้ นร่ม (indoor plants) พันุไุไมพ้ วกนสี้ ว่ นใหญม่ ีใบหรอื ดอกท่ีบอบบางไม่สามารถทนทาน ต่อแสงแดดท่ีร้อนหรือแสงสวา่ งที่มากเกนิ ไป เป็นพันุไไุ ม้ท่ีเจรญิ เตบิ โตไดด้ ี ในที่มีแสงสวา่ งนอ้ ย หรือแสงแดด อ่อนๆ รม่ ราไร ความชน้ื สูง จึงเหมาะท่ีจะปลกู ในร่มหรอื ในบ้าน เชน่ หน้าวัว เฟนิ กลว้ ยไม้ สาวนอ้ ยประแป้ง

คล้า อโกลนีมา่ เป็ปเปอรไโรเมีย ดาษตะกั่ว และบอนต่างๆ เปน็ ต้น ภาพท่ี 3.16 เฟิน 2.4.2 ไม้กลางแจง้ (outdoor plants) เปน็ พันุไไุ ม้ท่ีเจริญเตบิ โตได้ดีในท่ีทม่ี ีแสงสว่างมาก ถ้าปลูก พนั ุไุไ มพ้ วกน้ีในรม่ ใบจะมีสเี ขียวจัด ต้นสงู ชะลูดไมง่ าม ถา้ เป็นพนั ุทุไ ่ีดคู วามงามของใบหรือดอกจะทาให้สี เปล่ียนแปลงในทางที่เลวลง พันุไุไ มป้ ระเภทน้ีตอ้ งการแสงแดดโดยตรง เชน่ ไทร ปาลมไ ตา่ งๆ ปรงญี่ปนุ่ ไผ่ ต่างๆ ประดู่ นนทรี ขาไก่ สัตตบรรณ หูกระจง ลีลาวดี ชวนชม ชมพพู ันุุทไ พิ ยไ เหลอื งปรีดียาุร ชบา เข็ม เฟื่องฟา้ กหุ ลาบ ดาวเรือง เปน็ ต้น ภาพท่ี 3.17 ปาลไมอา้ ยหมี 2.5 การจาแนกตามการใช้นา้ เพื่อการเจรญิ เติบโต น้าเป็นปจั จยั ที่สาคัญในการเจรญิ เติบโตของพชื ในการจาแนกไม้ดอกไม้ประดับ ตามพนั ุไไุ มท้ ่ีตอ้ งการ นา้ ในการเจรญิ เตบิ โต แบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คอื (ปิฏฐะ, 2536) 2.5.1 พนั ุุไไม้ท่ีชอบน้ามาก (hydrophytes) เปน็ พนั ุไุไ มเ้ จรญิ ได้ดีในน้า เชน่ กกญ่ีปนุ่ กกุูป สาหรา่ ย สันตะวา บัวชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ภาพที่ 3.18 บัวประดับ 2.5.2 พนั ุุไไมท้ ่ีตอ้ งการนา้ ปานกลาง (mesophytes) เป็นพันุไไุ มเ้ จริญได้ดใี นท่ีมีน้า และความชื้น พอเหมาะ ได้แก่ โกสนชนดิ ต่างๆ เล็บครุฑ หน้าวัว กลว้ ยไม้ สาวน้อยประแปง้ ปาลไมตา่ งๆ เป็นตน้ ภาพที่ 3.19 สาวน้อยปะแปง้ 2.5.3 พนั ุไไุ ม้ที่ทนแลง้ (xerophyts) เป็นพันุุไไม้ท่ีเจรญิ ได้ดใี นท่ีมีน้าน้อยและทนแล้งได้ดี เช่น พวกปา่ นศรนารายณไ หรอื อะกาเวต่ ่างๆ กุหลาบหิน กระบองเพชร แคคตสั ว่านหางจระเข้ ว่านลนิ มงั กร ภาพที่ 3.20 แคคตัส 2.6 การจาแนกตามลักษณะของลาตน้ พนั ุไุไ มม้ ลี กั ษณะของลาตน้ ท่ีแตกตา่ งกัน ตามลักษณะของชนิดและพันุุไ บางชนดิ เห็นลักษณะของลา ต้นเดน่ ชัดส่วนบางชนิดลาตน้ ไม่สามารถมองเหน็ ได้ชัดเจน บางชนิดมีลักษณะเปน็ เถาเลื้อย หรอื บางชนิดมี ลกั ษณะเปน็ พมุ่ แบง่ ออกได้เปน็ 4 ประเภท คอื (ปิฏฐะ, 2536) 2.6.1 ไม้เล้ือย (climbing or vine) เป็นพันุไุไ มท้ ี่มลี าต้นเป็นเถาเล้ือยไปตามส่ิงที่จะเกาะเล้ือยไป ได้ พันุุไไมเ้ ล้ือยสว่ นมากจะมมี ือเกาะหรือใช้เถาม้วน หรอื พนั รอบๆ ส่ิงท่ียึดเหน่ียว ในบา้ นเรามีไมเ้ ล้ือย มากมายหลายชนดิ ไมว่ ่าจะเปน็ ไมเ้ ถาใหญ่ เถากลาง หรอื เถาเลก็ ที่ปลกู ประดับ ซุม้ ไม้เลื้อย หรือประดับศาลา ใหร้ ม่ เงา หรือเลอื้ ยไปกบั รั้วบา้ นใหเ้ กิดความสวยงาม เชน่ พวงชมพู บานบรุ ี อญั ชนั เฟ่ืองฟา้ สรอ้ ยอนิ ทนลิ พวงคราม พวงแสด กระเทียมเถา นมตาเลีย มะลิวัลยไ ฟโิ ลเดนดรอน พลดู ่าง เป็นต้น (พรรณเพญ็ , 2548) ภาพท่ี 3.21 พลดู ่าง 2.6.2 ไมพ้ ุม่ (shrubs) เปน็ พันุไไุ ม้ดอกไมป้ ระดบั ท่ีมีก่ิงก้านแตกแขนงออกมาก ทาใหร้ ูปทรงเป็น พ่มุ กลม หรอื เป็นทรงพุ่มตา่ งๆ สามารถทาการตดั แตง่ ทรงเป็นพุม่ ได้ นยิ มปลูกตามขอบ สนามริมถนนหรือตาม อาคารตา่ งๆเช่น เขม็ ต่างๆ ชบา เหลืองคริ ีบรู ณไ แสงจนั ทรไ แก้ว เทยี นทอง ดอนยา่ ขาไก่ เลบ็ ครฑุ เป็นต้น ภาพที 3.22 เหลอื งคิรบี รู ณไ

2.6.3 ไมต้ ้น (trees) หมายถึงพนั ุไไุ มท้ ่ียนื ตน้ มลี าต้นเดี่ยว แตกกิ่งกา้ นแขนงแผส่ าขา สว่ นบนให้ ความร่มร่ืนสวยงามเปน็ ไมท้ ี่มีลาต้นแขง็ แรง สว่ นมากมีอายยุ ืนและมีรูปทรงต่างๆกัน พวกไม้ตน้ จะออกดอกดก ออกดอกพรอ้ มกนั เช่น หางนกยงู ฝรง่ั ประดู่ นนทรี สัตตบรรณ ตะแบก หกู ระจง พกิ ลุ ไทร อโศกอินเดีย สน ตา่ งๆ เป็นต้น ภาพท่ี 3.23 สตั ตบรรณ 2.6.4 ไมห้ วั (bulbs and corm) เปน็ พนั ุุไไม้ทม่ี ีลาตน้ อยใู่ ต้ดิน ลักษณะเปน็ หวั เชน่ พวกว่านส่ีทิศ ซ่อนกลิ่น บวั สวรรคไ ดาหลา บอนสี เป็นตน้ ภาพที่ 3.24 ดาหลา 3. การจาแนกตามหลกั พฤกษศาสตร์ (Botanical classification) การจาแนกประเภทของไม้ ดอกไมป้ ระดบั ตามหลักพฤกษศาสตรไ (Botanical Classification) หมายถงึ การจาแนกพันุุไไม้ออกเป็นกลุ่ม ๆ ตงั้ แต่กลมุ่ ใหญล่ งมาหากลุ่มย่อย โดยอาศยั ลักษณะทางพฤกษศาสตรไมาพิจารณา เพื่อให้ได้พันุไุไ มท้ ่ีมี ลักษณะรูปร่าง นิสยั การเจริญเตบิ โต การสืบพันุไุ ที่มีลักษณะเหมอื นกนั หรือคลา้ ยกันให้อย่ใู นกลมุ่ เดียวกัน ซ่ึงมกี ารแบง่ เป็นหมวดหมู่ จากกลุ่มใหญไ่ ปหากลุ่มย่อย เป็นการจัดตามมาตรฐานสากล การจดั หมวดหมู่พนั ุุไไมด้ อกไม้ประดับเร่ิมจากอาณาจกั ร (Kingdom) ซึ่งไมด้ อกไม้ประดับทกุ ชนดิ อยู่ ในอาณาจักรเดยี วกันคอื อาณาจักรพืช (Plant kingdom) แลว้ แบ่งย่อยเปน็ หมวด (Division) หมวดหมูห่ นึ่ง จะเปน็ ชั้น (Class) จากชั้นแบ่งเปน็ อนั ดบั (Order) จากอนั ดบั แบง่ เป็นวงศไ (Family) จากวงศไเป็นสกลุ (Genus) และสกุลก็จะแบง่ ย่อยเปน็ ชนิด (Species) จากน้ันกจ็ ะแบง่ แยกย่อยเปน็ พนั ุุไ (Variety) ตามลาดับ การจดั ลาดับหมวดหมู่ตามหลักพฤกษศาสตรไจากกลมุ่ ใหญไ่ ปหากลุ่มยอ่ ยสรุปไดด้ งั นี้ Kingdom (อาณาจกั ร) Division (หมวด) Class (ช้นั ) Order (อันดบั ) Family (วงศไ) Genus (สกลุ ) Species (ชนิด) Variety (พันุุไ) ตัวอย่างการจดั ลาดับหมวดหมู่ตามหลกั พฤกษศาสตรไของต้นบานชื่น พนั ุมไุ าเจนแลนไอวอรี่ Kingdom Plantae Division Magnoliophyta Class Magnoliopsida Order Asterales Family Asteraceae Genus Zinnea Species Elegans Variety magellan ivory

ลาดบั หมวดหมูข่ องไมด้ อกไมป้ ระดบั ท่ีนาไปใชโ้ ดยท่ัวไปคอื ชื่อวงศไ (Family) ชอ่ื สกลุ (Genus) และ ช่ือชนิด (Species) โดยการเรยี กชอ่ื สกุล (Genus) ซึ่งเปน็ การเรยี กตามมาตรฐานสากล ท่ีใชเ้ ป็นมาตรฐาน เดียวกนั ทั่วโลกแบง่ ได้ 2 แบบดังนี้ (เตม็ สมิตินันทไ ,2544) 3.1 ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ (Scientific name) เขียนโดยให้ช่ือแรกเป็นช่ือสกลุ (Genus) เขยี นอักษรตัว แรกด้วยตวั พิมพใไ หญ่ และตามดว้ ยชอ่ื ชนิด (Species) เขยี นเปน็ ตัวพิมพไเล็ก เปน็ ช่ือเฉพาะ ของต้นไมแ้ ตล่ ะตน้ ซึ่งในแต่ละตน้ จะมชี ่ือเดยี วกนั การเขียนชื่อวทิ ยาศาสตรไ อาจเขียนเป็นตัวเอนหรอื ใชว้ ุิ ขี ดี เส้นใต้อยา่ งใดอย่าง หนึ่งก็ได้เชน่ Zinnia elegans หรอื Zinnia elegans 3.2 ชอื่ สามัญ (Common name) เปน็ ชื่อเรียกตามหลกั สากลท่ัวไป กาหนดตามลักษณะของพันุไุ ไม้ เรยี กตามถิ่นกาเนดิ ท่ีพบ หรอื เรียกตามการใช้ประโยชนไของพนั ุุไไมน้ ่ัน เชน่ สาวนอ้ ยประแป้ง ชอื่ สามญั Dumb Cane ราชพฤกษไ ช่ือสามญั Golden Shower พทุ ุรกั ษา ชื่อสามญั Canna มะลิ ชอ่ื สามัญ Jasmine ตารางที่ 3.1 แสดงชอื่ ทางพฤกษศาสตร์ของไม้ดอกไม้ประดบั ลาดับ ชอ่ื ไทย ชอ่ื สามัญ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ ชอื่ วงศ์ ที่ Thai name Common name Scientific name Family ๑ ดาวเรือง African marigold Tagetes erecta Linn Asteraceae ๒ บานชนื่ Zinnia Zinnia elegans Jacq Asteraceae ๓ พิทูเนีย Petunia Petunia hybrid Viln Solanaceae ๔ กุหลาบ Rose Rosa spp. Rosaceae ๕ กล้วยไม้ Orchid Dendrobium “Sonia” Orchidaceae ๖ ชวนชม Impala lily Adenium obesum Balf Apocynaceae ๗ โกสน Croton Codiauem variegatum Blume Euphobiacaea ๘ ปรงญป่ี ่นุ Cycad Cycad revolute Thunb Cycadacaea ๙ ไทร Laurel Fig Ficus retusa Linn Molacaea ๑๐ ราชพฤกษไ Golden shower Cassia fistula Linn Fabaceae ๑๑ พทุ ุรกั ษา Canna Canna indica Linn Cannaceae ๑๒ มะลิ Jasmine Jasminum sambac Ait Oleaceae ๑๓ หมากแดง Sealing wax palm Cyrtostachys renda Blume Arecaceae ๑๔ พญาสัตบรรณ Devil tree Alstonia scholaris R. Br Apocynaceae ๑๕ อินทผลัม Silver date palm Phoenix sylvestris Arecaceae ๑๖ กระเทียมเถา Garlic vine Pachyptera hymenaea Bignoniaceae Bignoniaceae (D C.)A.Gentry ๑๗ เข็มเชยี งใหม่ Ixora Ixora stricta Roxb Rubianceae ๑๘ จั๋งญ่ปี ุ่น Lady palm Rhapis excelsa Thunb Arecaceae

ลาดับ ช่ือไทย ช่อื สามญั ช่อื วิทยาศาสตรไ ช่ือวงศไ ที่ Thai name Family ๑๙ จนั ทรไผา Common name Scientific name Agavaceae ๒๐ ผกากรอง Verbenaceae ๒๑ สาวนอ้ ยประแป้ง Dracaena Dracaena loureiri Gagnep Araceae ๒๒ เขยี วหมื่นปี Araceae Lantana Lantana spp. ๒๓ กวนอิมด่าง Agavaceae ๒๔ บัวหลวง Dumb cane Dieffenbachia spp. Nelumbonaceae ๒๕ แพงพวย Apocynaceae Chinese Aglaconema modestum Schotts evergreen Belgian evergreen Dracaena sanderiana Sander Lotus Nelumbo nucifera Gaertn Periwinkle Catharantus roseus Linn ทีม่ า : วยิ ะดา เทพหัตถี (2552) สรุป การจาแนกประเภทของไม้ดอกไมป้ ระดับนน้ั มีนักวิชาการทางดา้ นพฤกษศาสตรไได้จดั จาแนกประเภท ของไม้ดอกไมป้ ระดบั โดยยึดหลกั 3 ประการคือ 1. การจาแนกตามจุดมุ่งหมายท่ีใช้งาน เป็นการจาแนกโดยการนาไปใช้ประโยชนใไ นการตกแตง่ สถานที่ หรือใช้ ประโยชนทไ างดา้ นศาสนาพุิ ีกรรม แบ่งออกเปน็ 2 พวกคือ ไมด้ อกและไมป้ ระดบั 2. การจาแนกตามลักษณะนิสัยของพันุุไไม้ เปน็ การจาแนกท่ีหลากหลายลกั ษณะของพันุไุไ ม้ และปัจจยั ท่ี เกย่ี วข้องกับการเจริญเติบโต จาแนกออกเป็น 6 ประเภท ไดแ้ ก่ 2.1 การจาแนกตามถ่ินกาเนดิ เชน่ ไมป้ ่าหรอื ไม้พ้ืนเมืองและไมล้ ูกผสม 2.2 การจาแนกตามอายขุ องพันุไุไม้ เชน่ ไม้ล้มลกุ ไม้ข้ามปแี ละไมย้ นื ต้น 2.3 การจาแนกตามลักษณะของเน้ือไม้ เชน่ ไมเ้ นื้อออ่ น และไม้เน้ือแขง็ 2.4 การจาแนกตามความต้องการแสงเพื่อการเจริญเติบโต เชน่ ไม้ในร่มและไม้กลางแจง้ 2.5 การจาแนกตามความตอ้ งการนา้ เพอื่ การเจรญิ เติบโต เชน่ พันุุไไม้ที่ชอบน้ามาก พันุไไุ มท้ ่ีชอบนา้ ปาน กลาง และพันุไไุ มท้ ี่ทนแล้ง 2.6 การจาแนกตามลักษณะของลาตน้ เชน่ ไม้เลื้อย ไมพ้ มุ่ ไม้ตน้ และไม้หวั 3. การจาแนกตามหลกั พฤกษศาสตรไ เปน็ การจาแนกพันุไไุ ม้ออกเปน็ กลมุ่ ๆ ต้ังแต่กลุม่ ใหญล่ งมาหากลุ่มย่อย โดยอาศยั ลักษณะทางพฤกษศาสตรไมาพจิ ารณา ลาดบั การจัดหมวดหมูข่ องไมด้ อกไม้ประดบั ที่นาไปใช้ โดยทั่วไป คือ ช่ือวงศไ (Family) สกลุ (Genus) และชนดิ (Species) ซึ่งเป็นการเรยี กตามมาตรฐานสากล ที่ใช้ เปน็ มาตรฐานเดียวกนั ท่ัวโลกแบง่ ได้ 2 แบบ คือ ชื่อวทิ ยาศาสตรไ และชื่อสามัญ เชน่ ชื่อไทย อนิ ทผาลมั ช่ือสามัญ Silver date palm ชอ่ื วทิ ยาศาสตรไ Phoenix sylvestris


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook