Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2-Fungi-QR code -61-วมว

2-Fungi-QR code -61-วมว

Published by tanussara.l, 2018-10-05 00:46:38

Description: 2-Fungi-QR code -61-วมว

Search

Read the Text Version

โครงการหอ้ งเรยี นวิทยาศาสตร์ (วมว.)เอกสารประกอบการสอน วิชา ว 30245 ชวี วิทยาประยุกต์ ชดุ ท่ี 2อ. ธนสุ รา เหล่าเจรญิ สขุ 1

Mycology ศกึ ษาเกยี่ วกบั Mold Yeast Mushroom 2

Structure of fungi Mycelial (filamentous) Unicellular and primitively branchedChytrids (Chytridiomycota) Yeasts (unicellular) Dimorphism (i.e. existing in two forms) 3

Mycelial (filamentous) เสน้ ใยแต่ละเสน้ เรยี ก Hypha มีลกั ษณะคลา้ ยท่อกลวงยาว เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 2-30 ไมโครเมตร บางชนดิ มีผนงั กน้ั (Septum)เรยี กว่า Septate Hypha 4

Mycelial (filamentous) บางชนดิ ไม่มีผนงั กนั้ เรยี กว่า Aseptate Hypha กล่มุ ของไฮฟาเรยี กว่า Mycelium ลกั ษณะของเสน้ ใย นาไปใชใ้ นการจาแนกรา เป็ นหมวดหมู่ 5

Fungal hypha Aseptate hypha 6

Fungal hypha 7

Fungal hypha 8

Hyphae มี 2 ชนิด Vegetative hyphae Aerial hyphae 9

Fungal hyphae 10

Unicellular and primitively branched Chytrids Chytridiomycota exist as either singleround cells (unicellular species) or primitivelybranched chains of cells.the fungus may be anchored to itssubstrate by structures called Rhizoids 11

Unicellular and primitively branched Chytrids 12

Yeasts (unicellular)Yeasts reproduce asexually by either:1. BUDDING : Saccharomyces cerevisiae2. BINARY FISSION : Schizosaccharomyces pombe 13

Yeast macroscopic 14

Yeast microscopic 15

Yeast มีรปู ร่างกลม รี หรอื ยาว เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 2-5 ไมโครเมตร 16

Dimorphism มีการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างได้ 2 แบบคอืเป็ นยสี ต์ หรอื mold เรยี กว่า Dimorphic Fungi เช่น Histoplasma capsulatum Paracoccidioides brasiliensis 17

การสบื พนั ธ์ุแบบไม่มีเพศของเช้อื รา การสบื พนั ธ์ุแบบไม่มีเพศนบั ว่าเป็ นการทวีจานวนท่ีสาคญั ของเช้อื รา เนอื่ งจากเกดิ ไดอ้ ย่างรวดเรว็ และครงั้ ละเป็ นจานวนมาก ซง่ึ มีหลายวิธีดงั น้.ี 18

การสบื พนั ธ์ุแบบไม่มีเพศของรา Fragmentation Fission Budding Sporulation 19

Fragmentationเกดิ จากเสน้ ใยท่ีแตกหกั เป็ นสว่ นๆ สามารถเจรญิเป็ นเสน้ ใยใหม่ได้ ส่วนท่ีหกั ของเสน้ ใยน้เี รยี กว่าoidia ใน oidia ท่ีมีอายุมากจะมีลกั ษณะเป็ นรปู ไข่หรอื ค่อนขา้ งกลม มีผนงั หนา ทาหนา้ ท่ีคลา้ ยสปอรท์ ่ีเรยี กว่า arthospore 20

Fragmentationการหกั หรอื หลดุ เป็ นท่อนๆ ของเสน้ ใยน้อี าจเกดิจากแรงกระทาภายนอกหรอื เกดิ โดยบงั เอญิการสบื พนั ธ์วุ ิธีน้นี ามาประยุกตใ์ ชใ้ นทางจุลชวี วิทยาในการถ่ายเช้อื ราในหอ้ งปฏบิ ตั ิการ โดยทวั่ ๆไปเป็ นการยา้ ยสว่ นที่หกั ของเสน้ ใยไปเพาะเล้ยี งใหม่ 21

Fragmentation of hyphaArthrospore 22

Arthrospore 23

Fissionการแบ่งเซลลอ์ อกเป็ นสองส่วน ท่ีมีขนาดเท่ากนัซงึ่ แต่ละเซลลจ์ ะคอดเวา้ ตรงกลางแลว้ หลดุ จากกนั พบในพวกยสี ตบ์ างชนดิ เท่านน้ั 24

Binary fissionSchizosaccharomyces pombe 25

Buddingการแตกหน่อ เกดิ จากเซลลแ์ ม่ยนื่ พองออกเป็ นหน่อเลก็ ๆ จากนน้ั นวิ เคลยี สจะแบ่งออกเป็ นสองสว่ นส่วนหนง่ึ เคลอ่ื นไปเป็ นนวิ เคลยี สของหน่อเมื่อหน่อเจรญิ เตม็ ท่ีรอยต่อระหว่างเซลลแ์ ม่และหน่อจะคอดจนขาดออกจากกนั หน่อท่ีไดจ้ ะเจรญิ เป็ นเซลลใ์ หม่ต่อไป พบมากในยสี ต์ 26

Budding of yeastSaccharomyces cerevisiae 27

Sporulationการสรา้ งสปอรข์ องเช้อื รา เป็ นการสบื พนั ธ์แุ บบไม่มีเพศท่ีพบมากท่ีสดุ มีชอื่ เรยี กดงั น้ี chlamydospore conidiospore sporangiospore blastospore 28

Chlamydosporeเกดิ จากเซลลใ์ นเสน้ ใย (อาจเป็ นเซลลเ์ ดยี วหรือหลายเซลล)์ สรา้ งผนงั หนาข้นึ ภายในมีอาหารอยู่มากมายและเซลลจ์ ะสญู เสยี นา้ ทาใหม้ ีเมทาบอลสิ มตา่จงึ สามารถพกั ตวั อยู่ไดเ้ ป็ นเวลานานผนงั ที่หนาน้ชี ่วยใหเ้ ซลลท์ นต่อความแหง้ แลง้และแสงอาทติ ยไ์ ดด้ ี 29

Chlamydospore Candida albicans

Chlamydospores

Conidiospore หรอื conidiaพบมากในพวก Ascomycetes และ FungiImperfecti หลายชนดิเป็ นสปอรท์ ี่ไม่มีสงิ่ ห่อหมุ้ เกดิ ทปี่ ลายของเสน้ ใยซง่ึ ทาหนา้ ที่ชสู ปอร์ (conidiospore ) ซง่ึ ที่ปลายของเสน้ ใยจะมีเซลลเ์ รยี กว่า sterigma ทาหนา้ ท่ีสรา้ งconidia 32

Conidiospores (conidia) 33

Conidia of Aspergillus sp. 34

Sporangiospore สปอรท์ ่ีพบในพวก phycomycetes ที่อยู่บนบก เกดิ จากปลายเสน้ ใยพองออกคลา้ ยกระเปาะแลว้ ต่อมามีผนงั กน้ั ภายในส่วนกระเปาะมีผนงั หนาเจรญิ เป็ นอบั สปอร(์ sporangium)นวิ เคลยี สภายในอบั สปอรจ์ ะมีการแบ่งตวั หลายๆ ครง้ั โดยมีส่วนของโปรโตปลาสซมึ และผนงั มาห่อหุม้ กลายเป็ นสปอร์เรยี กว่า sporangiospore จานวนมาก เม่ืออบั สปอรแ์ ตกทาให้สปอรเ์ หล่าน้แี พร่กระจายและเจรญิ เป็ นเสน้ ใยใหม่เมื่อสภาพแวดลอ้ มเหมาะสม 35

Sporangiospore 36

Sporangiospore of Rhizopus sp. 37

Blastospore blastospore เป็ นเสน้ ใยท่ีมีการแตกหน่อเหมือนกบั เซลลข์ องยสี ต์ หน่อน้เี รยี กว่า blastosporeการแตกหน่อน้จี ะเกดิ อย่างรวดเรว็ ในสภาพที่มีออกซเิ จนและอณุ หภมู ิเหมาะสม 38

Candida albican

การดารงชวี ิตของเช้อื รา เช้อื ราเป็ น heterotrophic organismตอ้ งใชแ้ หล่งคารบ์ อนและแหล่งพลงั งานที่เป็ นสารอนิ ทรยี จ์ ากแหล่งภายนอก แหล่งไนโตรเจนใชส้ ารอนิ ทรยี ห์ รอื สารอนินทรยี ์ 40

การดารงชวี ิตของเช้อื รา สารอนิ ทรยี ท์ ่ีนามาใชเ้ ป็ นอาหารไดม้ าจากการดารงชวี ิตแบบ parasiteหรอื saprophyte โดยใช้ extracellular enzyme เช้อื ราบางชนดิ สามารถยอ่ ยสารโมเลกุลใหญ่เช่นไม้ กระดกู หนงั พลาสติก 41

การดารงชวี ิตของเช้อื รา สารอนนิ ทรยี ท์ ่ีเรยี กว่า micronutrients เช่น Mg, P,K, S,Ca,Fe,Mn,Zn,Mo,Na,Co มีความสาคญั ในการเจรญิ ของเช้อื รา 42

การดารงชวี ิตของเช้อื รา เช้อื ราเกอื บทุกชนิดเป็ น obligate aerobe พวกที่เป็ น facultative anaerobe เช่นยสี ต์ 43

การดารงชวี ิตของเช้อื รา ไม่มีพวกที่เป็ น obligate anaerobe เช้อื ราสว่ นใหญ่เจรญิ ท่ีอณุ หภมู ิ 25-300C พวกที่ทาใหเ้ กดิ โรค เจรญิ ท่ีอณุ หภมู ิ 370C 44

การทนต่อสภาพแวดลอ้ มของเช้อื รา พวก thermophiles เจรญิ ที่อณุ หภมู ิ 500Cหรอื สงู กว่านนั้ บางชนดิ ทนความเคม็ หรอื กรดไดส้ งู มาก 45

การทนต่อสภาพแวดลอ้ มของเช้อื รา ฟังไจเจรญิ ไดใ้ นช่วง pH 2-10 pH ท่ีเหมาะสมคอื 4-6 การเน่าเสยี ของอาหารที่เป็ นกรดเช่น นา้ ผลไม้จะเกดิ จากฟังไจไดด้ ที ี่สดุ 46

การทนต่อสภาพแวดลอ้ มของเช้อื รา ฟังไจเจรญิ ไดช้ า้ กว่าแบคทีเรยี ฟังไจเจรญิ ไดใ้ นอาหารที่มีความเขม้ ขน้ ของนา้ ตาลหรอื เกลอื สงู ๆ ฟังไจเจรญิ ไดใ้ นอาหารแหง้ ต่าง ๆ ฟังไจเจรญิ ไดใ้ นอาหารพวกแป้ ง 47

การทนต่อสภาพแวดลอ้ มของเช้อื รา ฟังไจไม่เจรญิ ในที่ๆ ขาดออกซเิ จน จงึ ไม่พบเช้อืราในอาหารกระป๋ อง ในสภาวะแวดลอ้ มท่ีมีความช้นื สปอรข์ องเช้อื ราจะงอกและเจรญิ เป็ นเสน้ ใยอยา่ งรวดเรว็ ในผลติ ภณั ฑ์บางชนดิ ที่ดดู ความช้นื ไดด้ ี เช่น หนงั ฟอก เส้อื ผา้ และอาหารตากแหง้ ต่าง ๆ 48

การเจรญิ ของ mold แบบ apical growth คอื เพมิ่ ความยาวของhypha เกดิ ข้นึ ตรงส่วนปลาย 49

Characteristics of fungal hypha 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook