Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หมู่บ้านปก่เก่อญอ

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หมู่บ้านปก่เก่อญอ

Published by pisit713, 2016-02-10 12:51:18

Description: flipbook (undefined description)

Keywords: none

Search

Read the Text Version

แนะน าสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หมู่บ้านปกาเก่อญอ บ้านแม่กลางหลวง จังหวัดเชียงใหม่

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวคืออะไร ? การท่องเที่ยวมีความส าคัญอย่างไร? คือค าตอบของการท่องเที่ยว ซึ่งมีความส าคัญที่หลากหลาย มาก ดังนี้ 1. การท่องเที่ยวเป็นการใช้เวลาว่างของมนุษย์เพื่อแสวงหาความสุขและความเพลิดเพลิน จาก แหล่งท่องเที่ยวที่ไปเยือนเป็นการช่วยผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและความเครียด ท าให้สุขภาพทางกาย และจิตใจสดชื่นดีขึ้น พร้อมที่จะกลับไปเผชิญกับภารกิจต่างๆ และการด ารงชีวิตที่จ าเจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. การท่องเที่ยวเปิดโอกาสให้มีการศึกษาเรียนรู้ประสบการณ์ความแปลกใหม่ตลอดเวลาการ เดินทาง ช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตในด้านต่างๆ และเข้าใจสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวที่ไปเยือนดีขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มจิตส านึกที่มีต่อสิ่งแวดล้อม 3. หากการจัดการแหล่งท่องเที่ยวมีระบบที่ดี จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวและบริเวณโดยรอบได้ ซึ่งเรื่องนี้ในอดีตไม่ได้สนใจกันมากนัก จนกระทั่งกระแส การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในระดับโลกได้เข้ามามีบทบาทในประเทศไทย หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นคุณค่าของการ ท่องเที่ยวต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามล าดับ 4. การท่องเที่ยวเป็นกลไกธรรมชาติที่ก่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับชุมชน ท้องถิ่น เปิดโอกาสให้มีการเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละฝ่ายดีขึ้น และน าไปสู่ความเข้าใจและมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน 5. การท่องเที่ยวก่อให้เกิดรายได้การไหลเวียนของเศรษฐกิจและการจ้างงานทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาคและประเทศโดยรวม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศคืออะไร ? การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือ Ecotourism เป็นแนวความคิดที่พึ่งปรากฏขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และยังมีการใช้ค า ภาษาอังกฤษอื่นๆ ที่ให้ความหมายเช่นเดียวกัน ที่ส าคัญได้แก่ Nature Tourism, Bio Tourism, Green Tourism เป็น ต้น อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวดังกล่าวล้วนแต่เป็นการบ่งบอกถึง การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (sustainable tourism) ซึ่งจากการประชุม Globe 1990 ณ ประเทศแคนาดาได้ให้ค าจ ากัดความของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนว่า 'การพัฒนา ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้เป็นเจ้าของท้องถิ่นในปัจจุบัน โดยมีการปกป้ องและ สงวน รักษาโอกาสต่างๆ ของอนุชนรุ่นหลังด้วย การท่องเที่ยวนี้มีความหมายรวมถึงการจัดการทรัพยากรเพื่อ ตอบสนองความจ าเป็นทางเศรษฐกิจสังคม และความงามทางสุนทรียภาพ ในขณะที่สามารถรักษาเอกลักษณ์ทาง วัฒนธรรมและระบบนิเวศด้วย'

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศมีลักษณะที่ส าคัญคือ เป็นการท่องเที่ยวที่ด าเนินการภายใต้ขีดจ ากัดความสามารถของ ธรรมชาติ และต้องตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของประชากร ชุมชน ขนบธรรมเนียม ประเพณี ที่มีต่อขบวนการ ท่องเที่ยว อีกทั้งต้องยอมรับให้ประชาชนทุกส่วนได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการท่องเที่ยวอย่าง เสมอภาคเท่าเทียมกัน และต้องชี้น าภายใต้ความปรารถนาของประชาชนท้องถิ่นและชุมชนในพื้นที่ท่องเที่ยวนั้นๆ (สถานบันวิจัยวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม แห่งประเทศไทย, 2539 อ้างใน สฤษฎ์, 2548) ส าหรับความหมายของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ได้มีบุคคลหรือองค์กรต่างๆให้ความหมายและค าจ ากัดความไว้ มากมาย เป็นที่ยอมรับในระดับหนึ่งและได้รับการอ้างอิงถึงเสมอ ที่ส าคัญมีดังนี้ Ceballos Lascurain (1991) อาจจะเป็นคนแรกที่ได้ให้ค าจ ากัดความของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศว่า 'เป็นการ ท่องเที่ยว รูปแบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปยังแหล่งธรรมชาติ โดยไม่ให้เกิดการรบกวนหรือท าความ เสียหายแก่ธรรมชาติ แต่มีวัตถุประสงค์ เพื่อชื่นชม ศึกษาเรียนรู้ และเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพ พืชพรรณ และ สัตว์ป่า ตลอดจนลักษณะทางวัฒนธรรมที่ปรากฏในแหล่งธรรมชาติ เหล่านั้น' Elizabeth Boo (1991) ให้ค าจ ากัดความการท่องเที่ยวเชิงนิเวศว่า 'การท่องเที่ยวแบบอิงธรรมชาติที่เอื้อประโยชน์ ต่อการอนุรักษ์ อันเนื่องมาจากการมีเงินทุนส าหรับการปกป้ องดูแลรักษาพื้นที่ มีการสร้างงานให้กับชุมชนหรือ ท้องถิ่น พร้อมทั้งให้การศึกษาและสร้างจิตส านึกด้านสิ่งแวดล้อม' The Ecotourism Society (1991) ได้ให้ค าจ ากัดความการท่องเที่ยวเชิงนิเวศว่า 'การเดินทางไปเยือนแหล่ง ธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงหรือท าลายคุณค่าของระบบนิเวศและในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้การ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเกิดประโยชน์ต่อประชาชนท้องถิ่น' Western (1993) ได้ปรับปรุงค าจ ากัดความการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของ The Ecotourism Society ให้สั้นและ กระทัดรัด แต่มีความหมายสมบูรณ์มากขึ้นคือ 'การเดินทางท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อแหล่งธรรมชาติซึ่งมีการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และท าให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนท้องถิ่นดีขึ้น' The Common Wealth Department of Tourism (1994) ได้ให้ค าจ ากัดความการท่องเที่ยวเชิงนิเวศคือ การท่องเที่ยว ธรรมชาติที่ครอบคลุมถึงสาระด้านการศึกษา การเข้าใจธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และการจัดการเพื่อรักษาระบบนิเวศ ให้ยั่งยืน ค าว่า ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมยังครอบคลุมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นด้วย ส่วนค าว่าการรักษา

ระบบนิเวศให้ยั่งยืนนั้นหมายถึง “การปันผลประโยชน์ต่างๆ กลับสู่ชุมชนท้องถิ่นและการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ” เสรี เวชบุษกร (2538) ให้ค าจ ากัดความการท่องเที่ยวเชิงนิเวศว่า 'การท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อแหล่ง ท่องเที่ยว ที่เป็นธรรมชาติและต่อสิ่งแวดล้อมทางสังคม ซึ่งหมายรวมถึงวัฒนธรรมของชุมชนในท้องถิ่น ตลอดจนโบราณสถานโบราณวัตถุที่มีอยู่ในท้องถิ่นด้วย' กรมป่าไม้ (2548) ให้ความหมายของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศว่าเป็น “การท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการ เดินทางไปยังแหล่งธรรมชาติและแหล่งวัฒนธรรมอย่างมีความรับผิดชอบ โดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวนหรือความ เสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่มีวัตถุประสงค์อย่างมุ่งมั่น เพื่อชื่นชม ศึกษาเรียนรู้ และ เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพ พืชพรรณ และสัตว์ป่า ตลอดจนลักษณะทางวัฒนธรรมที่ปรากฏในแหล่งธรรมชาติ นั้น อีกทั้งช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกิดประโยชน์ ต่อชุมชนอีกด้วย” โดยสรุปก่อนอื่นมีข้อสังเกตจากความหมายของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งมาจากนิยามศัพท์และ ความหมายของค า ' Ecotourism' นั้น ขึ้นอยู่กับพื้นฐานอาชีพ ความเข้าใจ และวัตถุประสงค์ของแต่ละคนหรือ องค์กร ซึ่งในภาษาไทยอาจเรียกว่า 'การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์' แต่ในที่สุดราชบัณฑิตยสถาน ได้พิจารณาก าหนด ค าศัพท์ Ecotourism ว่า “การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” ข้อพิจารณาต่อมาคือความหมายของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศดังกล่าวข้างต้น เกือบทั้งหมดให้การ ยอมรับว่าการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (sustainable tourism) ที่มี ลักษณะพิเศษเป็นของตัวเอง และแตกต่างไปจากการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น คือ 1. การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นการท่องเที่ยวที่อาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (nature - based tourism ) เช่น แหล่งท่องเที่ยวประเภท อุทยาน วนอุทยาน เกาะแก่ง และชายทะเล เป็นต้น แต่อาจหมายรวมถึง ศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น หากสิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่ในหรือเกี่ยวข้องกับระบบ นิเวศธรรมชาติ 2. การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นการท่องเที่ยวที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยหรือต ่า หรือไม่มีผลกระทบต่อวิถีทางธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น จนท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ เพราะฉะนั้นการป้ องกันและควบคุมผลกระทบอันเกิดจากการท่องเที่ยว จึงเป็นหัวใจส าคัญของการบริหารจัดการ

เช่น ไม่เน้นปริมาณนักท่องเที่ยว ไม่สนับสนุนให้มีการพัฒนาสิ่งอ านวยความสะดวกเกินความจ าเป็น เน้น ธรรมชาติและองค์ประกอบของธรรมชาติเป็นสิ่งดึงดูด เป็นต้น 3. การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นการท่องเที่ยวที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัส เรียนรู้และเข้าใจ ธรรมชาติและองค์ประกอบธรรมชาติ (รวมทั้งศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น) ตลอดจนผลกระทบของมนุษย์ที่มีต่อระบบนิเวศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก เพราะฉะนั้นการจัดระบบบริการข้อมูลและการสื่อความหมายธรรมชาติ รวมทั้งการเพิ่มพูนศักยภาพของ มัคคุเทศก์จึงเป็นเรื่องส าคัญล าดับต้น 4. การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นการท่องเที่ยวที่สนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการ คิด (วางแผน) การท า (ปฏิบัติหรือด าเนินการ) และการติดตามตรวจสอบประเมินผล ร่วมกับผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมได้รับผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของ ท้องถิ่นด้วยความเหมาะสมเป็นธรรม จากลักษณะดังกล่าวข้างต้น อาจสรุปความหมายของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้ดังนี้ “การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” หมายถึง “การเดินทางท่องเที่ยวไปตามแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ และมีการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม โดยมีการ ควบคุมผลกระทบและสร้างบรรยากาศของการศึกษาเรียนรู้ ธรรมชาติแวดล้อม พร้อมให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามี ส่วนร่วมและได้รับประโยชน์เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต” ลักษณะการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยลักษณะทั่วไปของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศมีดังนี้ 1. เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่มีการอนุรักษ์ไว้ รวมถึงแหล่งประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรมที่ ปรากฏในพื้นที่ธรรมชาตินั้นๆ 2. มุ่งเน้นที่คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าการพัฒนา สิ่งอ านวยความสะดวกต่างๆ 3. เน้นให้ทุกฝ่ายมีความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมธรรมชาติและวัฒนธรรมของแหล่ง ท่องเที่ยว 4. ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสเรียนรู้ หรือมีประสบการณ์โดยตรงกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติ นอกจากจะได้รับความพึงพอใจแล้ว ยังเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม 5. เป็นการท่องเที่ยวที่คืนประโยชน์สู่ธรรมชาติและชุมชนท้องถิ่นทั้งทางตรงและทางอ้อม 6. เป็นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

วัตถุประสงค์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ วัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากการท่องเที่ยวทั่วๆ ไป กล่าวคือ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศมุ่งเน้นในด้านการท่องเที่ยวควบคู่กับการดูแลรักษาและคงไว้ซึ่งคุณภาพ สิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว การเพิ่มพูนประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้แก่นักท่องเที่ยว การพัฒนาจิตส านึกและ ความเข้าใจของนักท่องเที่ยวในการท าคุณประโยชน์ให้แก่สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ และการปรับปรุงคุณภาพ ชีวิตของชุมชนที่แหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่น่าสนใจของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่ปรากฏในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ มีการศึกษาเรียนรู้และสร้างความพึงพอใจเกี่ยวกับความหลากหลายและวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมของกลุ่มชน เหล่านั้นด้วย องค์ประกอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศมีองค์ประกอบส าคัญที่ควรพิจารณาอยู่ 3 ประการ คือ การสร้างจิตส านึก เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว และการมีส่วนร่วมของ ชุมชนการสร้างจิตส านึกเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยพื้นฐาน ส าคัญของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและระบบนิเวศ หากปัจจัยข้างต้นได้รับผลกระทบกระเทือนจากการใช้ ประโยชน์ในรูปแบบใดก็ตาม โอกาสที่จะเกิดความเสื่อมโทรมหรือถูกท าลายจนด้อยคุณค่าไปก็มีอยู่สูง 1. การให้ความรู้ความเข้าใจให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งการสร้างจิตส านึกในการปกป้ องรักษา ธรรมชาติแวดล้อมระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งจ าเป็น รวมถึงการสร้างจิตส านึกด้านการอนุรักษ์ให้กับ ราษฎรท้องถิ่น มัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดูแลรับผิดชอบแหล่งท่องเที่ยวนั้นด้วย วิธีการสร้างจิตส านึกใน ด้านการอนุรักษ์ส าหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปได้แก่ การจัดท าโปรแกรมสื่อความหมาย ธรรมชาติ เช่น การจัดตั้งศูนย์สื่อความหมายธรรมชาติในแหล่งท่องเที่ยว การจัดเอกสารสิ่งพิมพ์ที่จ าเป็นต่อ การศึกษาเรียนรู้ การจัดนิทรรศการ/แผ่นป้ ายบรรยายตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ การจัดท าเส้นทางเดินป่าศึกษา ธรรมชาติ รวมถึงการฝึกอบรมมัคคุเทศก์และเจ้าหน้าที่ให้สามารถชี้แนะและอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติและ นิเวศวิทยาของสิ่งต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวพบเห็น 2. ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเชิงนิเวศส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีความสนใจที่จะ ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติในลักษณะต่างๆ ทั้งสภาพภูมิทัศน์ตามธรรมชาติ ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยว ธรรมชาติที่ยากล าบากต่อการเดินทางและท้าทาย นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงต้องการการบริการและสิ่งอ านวยความ สะดวกที่ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติในแง่มุมต่างๆ ทั้งในระดับกว้างและระดับลึกซึ้ง ซึ่งเป็นเสมือน การเพิ่มพูนประสบการณ์และได้รับความพึงพอใจในการท่องเที่ยว 3. การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น การท่องเที่ยวมีบทบาทส าคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมของชุมชนท้องถิ่นในระยะยาว และขณะเดียวกันการท่องเที่ยวมีผลต่อการคงอยู่ของธรรมชาติแวดล้อม ดังนั้นการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจะช่วยให้ชุมชนได้รับ

ผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม และท าให้ชุมชนท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าและ ความส าคัญของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติลง ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการหนึ่งใน การส่งเสริมการอนุรักษ์ ซึ่งมีความส าคัญต่อสังคมส่วนรวมระดับประเทศ กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นกิจกรรมที่เอื้อให้เกิดประสบการณ์เรียนรู้แก่นักท่องเที่ยวและไม่ ท าลายสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น กิจกรรมการเดินป่า กิจกรรมศึกษาธรรมชาติ กิจกรรมถ่ายรูปธรรมชาติ บันทึกเทป วิดีโอเทปเสียงธรรมชาติ กิจกรรมส่อง/ ดูนก กิจกรรมศึกษา/ เที่ยวถ ้า หรืออาจเป็นกิจกรรมประเภทตื่นเต้นผจญ ภัยหรือชื่นชมธรรมชาติก็ได้ ดังที่กล่าวมาข้างต้น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นแนวคิดที่จะท าให้กิจกรรมการท่องเที่ยวช่วย ส่งเสริมการศึกษาธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจะช่วยสร้างรายได้ และยังเป็นการสร้างงานให้กับประชาชนในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มรายได้ เมื่อประชาชนในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก กิจกรรมการท่องเที่ยว ก็จะช่วยลดความจ าเป็นในการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อด ารงชีพ ด้วยเหตุผลดังกล่าว การท่องเที่ยวเชิงนิเวศจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะท าให้การพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถด าเนินควบคู่กันไปได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาอย่าง ยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้รับการผลักดันและส่งเสริมให้เป็นองค์ประกอบส าคัญอย่าง หนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือหรือมาตรการหนึ่งในการส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์ ทรัพยากรชีวภาพซึ่งมีแนวโน้มว่าจะลดน้อยหรือเสื่อมโทรมลง อันเป็นผลมาจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจและ สังคมของประเทศ

เที่ยวหมู่บ้านปกาเก่อญอ บ้านแม่กลางหลวง จังหวัดเชียงใหม่

พื้นที่ตั้ง บ้านแม่กลางหลวง ตั้งอยู่ที่ ม.17 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ประชากรอพยพมาจากประเทศพม่า เข้ามาอยู่ในบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เมื่อประมาณ พ.ศ. 2330 บริเวณลุ่มน ้าแม่กลางหรือเรียกตามภาษา ถิ่นว่า “แม่กลางคี” มีชนเผ่ากระเหรี่ยงอาศัย ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กระเหรี่ยงในกลุ่มสะกอ หรือยางขาวในภาษา ราชการ หรือที่รู้จักในชื่อ ปกาเกอะญอ หรือ คานยอ (Kanyaw) อันหมายถึง ผู้มีความสมถะและเรียบง่าย บริเวณลุ่มแม่น ้า แม่กลางประกอบด้วยชุมชนย่อย 4 แห่ง คือ ชุมชนบ้านอ่างกาน้อย ชุมชนบ้านแม่กลางหลวง ชุมชนบ้านหนองหล่ม และ ชุมชนบ้านผาหมอน โดยมีจ านวนครัวเรือนในแต่ละกลุ่มบ้านประมาณ 60 – 80 ครัวเรือน ถือว่าเป็นชุมชนขนาดเล็ก ตัวชุมชนอยู่บนที่ราบสูง แวดล้อมด้วยป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีแม่น ้าแม่กลางไหลผ่าน และล าห้วยระบบหมุนเวียน จึงมีการ ปรับใช้ที่ดินลาดชันเป็นรูปแบบนาขั้นบันไดและได้ร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศขึ้น ภายใต้การดูแลของนักวิชาการด้านการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมที่ได้ร่วมกันด าเนินโครงการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้าน แม่กลาง ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากส านักกองทุนสนับสนุนการวิจัย แห่งชาติ มีเป้าหมายให้ชุมชยสามารถพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืนทั้ง ต่อชุมชนและต่อระบบนิเวศ หมู่บ้านปกาเก่อญอ เป็นหมู่บ้านที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการท านาขั้นบันไดที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ การตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ป่า จนกลายเป็น ภูมิปัญญาของชาวกะเหรี่ยง ส่วนสวนพืชผักและไม้ดอกเมืองหนาวที่เกิดจากการ พัฒนาความรู้ตามที่ได้รับการสงเสริม

นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งป่าดิบเขา ป่าสนและต้นน ้าที่อุดมสมบูรณ์ มีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีและยังมี วัฒนธรรมประเพณีอันสวยงามประจ าชาติพันธุ์ ที่ได้รับการอนุรักษ์และสืบทอดอย่างดีจากชาวบ้านมาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจ กิจกรรมการท่องเที่ยว ที่ชาวบ้านได้ร่วมพัฒนาขึ้นรองรับการท่องเที่ยวและด าเนินการจัดการกันเองภายในชุมชน อาทิเช่น การบริการที่พักแบบ Home stay และ Village stay การเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ เดินป่าดูนกประจ าถิ่นที่มี เฉพาะในบริเวณยอดดอยอินทนนท์ จากนั้นอย่าลืม และ ชิมอาหารท้องถิ่น กาแฟสดสูตรกะเหรี่ยง ชมพิพิธภัณฑ์ และการสาธิตองค์ความรู้ต่างๆ ในศูนย์ วัฒนธรรมชนเผ่า ชมสวนพืชผักและ ดอกไม้เมืองหนาว เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และผ้าทอพื้นบ้าน นอกจากนั้นยังมีการ นวดลอบสมุนไพรตามความรู้กะเหรี่ยง

กิจกรรมท่องเที่ยวในชุมชนต่างๆ -บ้านแม่กลางหลวง ชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและแปลงพืชผัก/ไม้ดอกเมืองหนาว ชมหมู่บ้านและวิถีชีวิตชาว กะเหรี่ยง ชมฝูงปลาค้างคาว และเล่นน ้าห้วยแม่ท้อกลางหมู่บ้าน -บ้านอ่างกาน้อย บริการที่พักแบบโฮม สเตย์กับชาวบ้าน เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี แลวิถี ชีวิตของชาวกะเหรี่ยง ชิมอาหารพื้นบ้าน เดินป่าศึกษาธรรมชาติ -บ้านหนองหล่ม ชมการสาธิตและการแสดงของชาวบ้านตามประเพณีและวัฒนธรรมในศูนย์วัฒนธรรม พื้นบ้านชมและศึกษาข้อมูลทางชาติพันธุ์ในแง่มุมต่างๆ และเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน -บ้านผาหมอน บริการที่พักแบบวิลเลจ สเตย์บริเวณกลางพื้นที่นาขั้นบันได และที่พักแบบโฮม สเตย์ ใน บรรยากาศที่ใกล้ชิดกับชาวบ้าน ชิมอาหารพื้นบ้าน นวดแผนโบราณ อบสมุนไพรและศึกษาวิถีชีวิตดั้งเดิม เดินป่า ศึกษาธรรมชาติและดูนกประจ าท้องถิ่น/อพยพ นาขั้นบันได ชมการท านาขั้นบันไดเป็นการแสดงให้เห็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในการใช้พื้นที่และการ จัดการน ้า ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ชาวบ้านจะท าพิธีกรรมในนาขั้นบันได เพื่อขออนุญาตปลูก-เก็บเกี่ยว และ ขอบคุณที่ให้ผลผลิต

ไร่กาแฟอินทรีย์ เป็นการท าไร่กาแฟแบบผสมผสานกับไม้ป่าอื่นๆเพื่อไม่ท าลายป่าและไม่ใช้ยาฆ่าแมลง บ่อเพาะพันธุ์ปลาเรนโบว์เทร้า ชาวบ้านแม่กลางหลวงได้รับความไว้วางใจจากโครงการหลวงในการดูแล บ่อปลาเรนโบว์เทร้า ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านแม่กลางหลวง

กุ้งนาข้าว เป็นกุ้งก้ามกรามที่ถูกเลี้ยงในนาข้าวแบบธรรมชาติที่แม่กลางหลวง ดอยหัวเสือ จากจุดชมวิวดอยหัวเสือ จะมองเห็นวิวที่สวยงามและไกลจนถึงล าพูน ตลอดเส้นทางได้ สัมผัสกับธรรมชาติ พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า

น ้าตกผาดอกเสี้ยว เดินท่องป่าเข้าไปยังน ้าตกผาดอกเสี้ยว หรือน ้าตก “รักจัง” เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีค่า และยังคงความสมบูรณ์ของเป็นธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและศูนย์วัฒนธรรมปกาเกอะญอ รวบรวมศิลปวัตถุและเรื่องราวของชาวปกา เกอะญอลุ่มน ้ากลาง อาทิ เครื่องจักสาน ผ้าทอ เครื่องมือเครื่องใช้โบราญของชนเผ่า เครื่องดนตรี รวมทั้งการ สาธิตการใช้ชีวิตตามแบบดั้งเดิม การทอผ้า การอื่อทา การละเล่น/แสดง และการเตรียมข้าวสาร เป็นต้น

ช่วงเวลาน่าเที่ยว กุมภาพันธ์ : พิธีผูกข้อมูลปีใหม่ของชาวปกาเก่อญอ มิถุนายน : พิธีเลี้ยงผีฝาย ไหว้เจ้าที่ก่อนท านา กรกฎาคม : พิธีผูกข้อมือเข้าพรรษา สิงหาคม : พิธีเรียกผีนา (ผีโต้ง) ผีไร่ พฤศจิกายน-ธันวาคม : พิธีเรียกขวัญข้าว ท าบุญข้าวใหม่

ที่พัก ที่พัก Inthanon Kirimaya Mae Klang Luang ค่าที่พักก็ 700 บาท ส าหรับ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า แต่ที่นี่ สามารถพักได้ถึง 5 คน ราคา 1,000 บาท ที่พักในบ้านแม่กลางหลวง มีอยู่ประมาณ 4-5 แห่ง จะอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ละแห่งก็มีที่พักไม่มากซักเท่าไหร่ ถ้าใครจะ มาพักต้องโทรมาจองก่อน

บรรยากาศตอนเช้า ที่พัก Inthanon Kirimaya Mae Klang Luang เรียกอีกชื่อว่าบ้านเคียงนา



บรรยากาศภายในห้องพัก เนื่องจากที่พักอยู่กลางทุ่งนา บางทีเปิดปิดประตู อาจมียุงหรือแมลงแอบเข้าไป ภายในห้องพัก มีมุ้งให้กางในตอนกลางคืน ห้องพักไม่มีพัดลม แต่ตอนกลางคืนอากาศเย็นมากตลอดทั้งปี

ที่พักหลังใหญ่ของ Inthanon Kirimaya Mae Klang Luang หลังนี้พักได้ประมาณ 10 คน นี่ก็ที่พักอีกหลัง ตั้งอยู่ตรงหัวมุมของนาข้าว ที่พักหลังนี้จะมีล าธารไหลผ่านได้ยินเสียงล าธารชัดเจน

จากระเบียงหน้าห้องพัก มีบ่อกุ้ง บ่อปลา

แผนที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ

ร้านอาหาร ร้านอาหารของทางที่พัก ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้า ข้าวต้ม ชามละ 35 บาท รสชาติธรรมดา

เครื่องบดกาแฟรุ่นเก่าแก่ที่ยังคงใช้บดให้ลูกค้าดื่มกันทุกวันนี้

ร้านกาแฟคุณสมศักดิ์ ขึ้นชื่อมากๆ เรียกได้ว่าถ้าใครมาเที่ยวที่บ้านแม่กลางหลวง ต้องแวะมาจิบกาแฟที่ร้านคุณ สมศักดิ์ กันทั้งนั้น ไปถึงที่ร้านก็เจอลุงก าลังขะมักขะเม้นต้มน ้า เพื่อชงกาแฟให้ลูกค้า ก่อไฟ ต้มน ้าเสร็จก็ไปคั่วเม็ดกาแฟต่อ

ได้คุยกับคุณสมศักดิ์อยู่พักใหญ่ ได้ความรู้เรื่องกาแฟ จากแกมาพอสมควร

การคั่วกาแฟ จะคั่วออกมาเป็น 3 ระดับ คือ เข้ม กลาง อ่อน ซึ่งเหตุผลที่ต้องคั่วต่างกันเป็นเพราะว่า คนเราดื่มกาแฟ ไม่เหมือนกัน บางคนชอบกาแฟร้อน บางคนชอบกาแฟเย็น กาแฟที่คั่วแบบเข้มเหมาะส าหรับน าไปชงกาแฟเย็น กาแฟที่คั่วแบบกลางและอ่อน เหมาะส าหรับน าไปชงกาแฟร้อน ซึ่งกาแฟที่คั่วแบบกลางและอ่อนจะมีคาเฟอีนหลงเหลือยู่ในเม็ดกาแฟ มากกว่า กาแฟที่คั่วแบบเข้ม



ส าหรับใครที่ติดใจในรสชาติของกาแฟ ก็ซื้อเป็นซองมาชงได้ครับ เค้ามีถุงเล็กแบบ 1 กิโลกรัม ราคา 100 บาท ถ้า ดื่มหมดแล้ว โทรสั่งแกได้ครับ แกส่งทางไปรษณีย์ให้ถึงที่ โดยไม่คิดค่าส่งครับ

มีร้านค้าเล็กๆ เปิดให้บริการในชุมชน ที่หมู่บ้านมีปั๊มน ้ามันเล็กๆ

การเดินทาง การเดินทาง ส าหรับการเดินทางไปยังหมู่บ้านในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนนี้สามารถไปได้ทั้ง รถยนต์ส่วนตัวและรถประจ าทางเส้นทางเดียวกับกับการเดิน ทางไปยังดอยอินทนนท์อันเลื่องชื่อของจังหวัด เชียงใหม่ตามเส้นทางหลวงระหว่างอ าเภอจอมทอง และที่ท าการอุทยานแห่งชาติ ดอยอินทนนท์หมายเลข 1009 ที่ ท่านจะสามารถมองเห็นหมู่บ้านแม่กลางหลวงได้จากเส้นทางดังกล่าว ส่วนหมู่บ้านอื่นๆจะต้อง เดินทางผ่านป่าธรรมชาติเข้าไปอีกประมาณ 1-5 กิโลเมตรซึ่งตลอดเส้นทางจะมี ธรรมชาติพันธุ์ไม้ที่สวยงามและแก่งล าน ้าแม่กลางพาดไหลเลียบตลอดเส้นทาง หากสนใจกรุณาติดต่อมายังเครือข่ายการท่องเที่ยวปกาเก่อญอ บ้านแม่กลางหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์บริการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ดอยอินทนนนท์ บ้านแม่กลางหลวง (กม.26) ชาลี สว่างธรรมกุล , สมศักดิ์ คีรีภูมิ ทอง 68ม.17 บ้านแม่กลางหลวง ต.บ้าน หลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 50160 06-1936464 01-9608856





เที่ยวบ้านแม่กลางหลวง ชมนาข้าขั้นบันได จิบกาแฟอร่อยๆ ดื่มด ่ากับธรรมชาติที่สดชื่น หลีกหนีความวุ่นวาย มองไปทางไหนก็สบายตา สบายใจไปซะหมด

ส าหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากเที่ยวแบบธรรมชาติ ลองแวะมาเที่ยวที่ บ้านแม่กลางหลวงกันดู ส าหรับช่วง ที่น่าเที่ยวต้องไม่เกินเดือนตุลาคมไป ชาวบ้านเค้าจะเกี่ยวข้าวกันหมด ถ้ามาหลังจากนั้นจะได้เห็นแต่ ต้นข้าวที่เพิ่ง ปักลงไปใหม่ ซึ่งดูแล้วคงไม่สวยเหมือนกับตอนที่ต้นข้าวโตเต็มที่และยิ่งตอนออกรวงประมาณปลายเดือนตุลาคม นี้ก็จะเป็นช่วงที่สวยที่สุดครับ อ้างอิง 1. http://chiangmai.holidaythai.com/2015/01/baan-mae-klang-luang.html 2. http://travel.thaiza.com/ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่หมู่บ้านปกาเก่อญอ/185352/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook