Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานวิจัยในชั้นเรียน

งานวิจัยในชั้นเรียน

Published by Rungnapha Khitkla, 2020-03-12 22:22:07

Description: งานวิจัย วิชา พิมพ์ดีดอังกฤษเบื้องต้น

Search

Read the Text Version

36 ชื่อเร่อื งวจิ ัย การพฒั นาทักษะการพมิ พ์ดดี ไทยเบ้อื งตน้ ด้วยเครอื่ งมอื ฝกึ ทกั ษะการพิมพ์ ของนกั ศึกษาระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ(ปวช.)ชัน้ ปที 1่ี วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี รรถวทิ ยพ์ ณิชยการ ชอ่ื ผวู้ ิจยั นางรตั นา หวอ่ งเจริญ งานวิจัยฉบบั นีเ้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการพัฒนาทางการศึกษา วทิ ยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณชิ ยการ กรงุ เทพมหานคร ปีการศึกษา 2561

ชื่องานวิจยั 37 ชือ่ ผวู้ จิ ัย บทคัดย่อ สาขาวิชา ปกี ารศึกษา การพัฒนาทักษะการพิมพด์ ีดไทยเบ้ืองตน้ ดว้ ยเครือ่ งมือฝึกทกั ษะ การพิมพ์ ของนักศกึ ษาระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช.) ช้นั ปีที่ 1/9 วทิ ยาลัยเทคโนโลยอี รรถวทิ ย์พณิชยการ นางรัตนา หว่องเจริญ ปฏบิ ตั สิ านักงาน 2561 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาทักษะการพิมพ์ดีดสัมผัสให้เร็วขึ้นมีจานวนคาสุทธิท่ี เพิ่มขึ้นกลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ปีท่ี 1 วิทยาลัยเทคโนโลยี อรรถวทิ ยพ์ านิชยการ ปีการศึกษา 2561 ภาคเรยี นท่ี 1 จานวน 22 คนโดยเลือกจากนักศึกษาที่ได้คะแนน สอบกลางภาคต่ากว่าเกณฑ์โดยใช้เครื่องมือฝึกทักษะการพิมพ์ และแบบประเมินผลการฝึกพิมพ์จาก เครื่องมือฝึกทักษะการพิมพ์เป็นเคร่ืองมือในการเก็บข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ คา่ เฉลย่ี ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างแต่ละคนมีการพัฒนาศักยภาพและผลสัมฤทธ์ิทางการพิมพ์ดีด สมั ผสั ภาษาไทยเพ่มิ สูงขน้ึ เปน็ ลาดับ เนอ่ื งจากก่อนทดสอบได้ให้นกั เรียนฝึกพิมพ์ดีดโดยการใช้พ้ืนฐาน เดิมและในแต่ละสัปดาห์มีการให้พิมพ์แบบฝึกทักษะซึ่งได้บันทึกคะแนนในการพิมพ์แต่ละสัปดาห์ จนครบ 4 สัปดาห์ และทาการทดสอบคร้ังสุดท้ายอีกคร้ังหน่ึง จากตารางแต่ละคร้ังมีค่าเฉลี่ยดังน้ี คร้ังท่ี 1 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 17.70 หมายความว่า กลุ่มตัวอย่างสามารถพิมพ์สัมผัสอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ครั้งท่ี 2 คา่ เฉล่ียอยู่ที่ 22.35 หมายความวา่ อยู่ในเกณฑ์ ดี คร้ังท่ี 3 ค่าเฉล่ียอยู่ที่ 24.00 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดี คร้งั ที่ 4 คา่ เฉล่ียอยู่ที่ 26.20 หมายความวา่ อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก คร้ังที่ 5 ค่าเฉล่ียอยู่ที่ 28.80 อยู่ในเกณฑ์ ดมี าก และครั้งท่ี 6 ค่าเฉลียอยทู่ ี่ 31.40 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก หากลองเปรียบเทียบระหว่างครั้งที่ 1 กับคร้ังท่ี 6 จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่นักเรียนสามารถ พัฒนาศักยภาพเพ่ิมสูงขึ้นเฉล่ียอยู่ท่ี 13.70 คา/นาที จากคร้ังท่ี 1 คร้ังท่ี 1 พิมพ์ได้เฉล่ียอยู่ที่ 17.70 คา/ นาที รวมแล้วพิมพ์ไดเ้ ฉลี่ย 31.40 คา/นาที คาสาคัญ :พมิ พ์ดีดอังกฤษเบ้ืองตน้ (1)

38 กติ ติกรรมประกาศ งานวิจยั ในชัน้ เรียนฉบับน้สี าเร็จอย่างสมบูรณ์ ได้ดว้ ยความช่วยเหลอื อย่างดีย่งิ จาก บุคคล หลายท่าน ทไ่ี ด้กรุณาให้คาแนะนาปรึกษา และข้อมูลต่างๆ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณอาจารย์ศริ ิ ซามาซา รองผู้อานวยการฝา่ ยวิชาการ วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถ วิทย์พณิชยการ ขอขอบพระคุณอาจารย์อินทิรา หุตะนาวิน หัวหน้าสาขาวิชาปฏิบัติ ที่ได้กรุณาให้ คาแนะนาตลอดจนตรวจสอบเคร่ืองมอื ทใี่ ช้ในการวจิ ัย ขอขอบคุณผู้อานวยการ วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ และขอขอบคุณ อาจารย์ทุกท่าน และนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ อานวยความสะดวก และให้ความรว่ มมือเป็นอย่างดยี ิ่งในการทดลองและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู คุณคา่ และประโยชน์อันพงึ มีจากการศกึ ษาวิจัยน้ี ผู้วิจัยขอน้อมบูชาพระคุณบิดามารดาและ บูรพาจารย์ทุกท่านที่ได้อบรมส่ังสอนวิชาความรู้ และให้ความเมตตาแก่ผู้วิจัยมาโดยตลอด เป็น กาลงั ใจสาคญั ทที่ าใหก้ ารศกึ ษาวิจัยฉบับนี้สาเรจ็ ลลุ ่วงได้ดว้ ยดี (2)

39 สารบัญ บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ....................................................................................................... หน้า กิตติกรรมประกาศ ....................................................................................................... (1) สารบัญตาราง ............................................................................................................... (2) บทท่ี 1 บทนา ............................................................................................................ (5) 1 ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา........................................................ 1 วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย.............................................................................. 2 สมมตฐิ านของการวจิ ยั .................................................................................. 2 ขอบเขตการวจิ ัย ............................................................................................ 2 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ........................................................................................... 3 ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับจาการวจิ ยั ......................................................................... 3 กรอบแนวคิดในการวิจัย ............................................................................... 3 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวข้อง..................................................................... 4 พนื้ ฐานการพิมพ์สัมผสั …………………………………………………….. 4 การวดั และประเมินผลการพิมพ์สัมผัส……………………………………… 10 ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น……………………………………………………… 12 งานวจิ ัยท่ีเกยี่ วขอ้ ง ........................................................................................ . 15 บทที่ 3 วิธีดาเนนิ การวจิ ัย.......................................................................................... 17 ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง............................................................................ 17 เครื่องมือในการวจิ ัย ...................................................................................... 17 การเก็บรวบรวมข้อมูล .................................................................................. 18 การวิเคราะหข์ อ้ มลู ........................................................................................ 18 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ................................................................................... 19 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ................................................................................... 19 (3)

40 สารบญั (ต่อ) บทที่ 5 สรุปผล อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ ....................................................................... หนา้ สรปุ ผลการวิจัย ............................................................................................. 21 อภปิ รายผล.................................................................................................... 22 ข้อเสนอแนะ ................................................................................................. 22 23 ภาคผนวก ...................................................................................................................... ภาคผนวก กผลการวิเคราะหเ์ ครอื่ งมือ (ถา้ ม)ี .................................................. 24 ภาคผนวก ขแบบประเมินผลการฝึกพิมพ์จากเคร่ืองมอื ฝกึ ทกั ษะการพมิ พ์….... 25 27 ประวัติผวู้ ิจยั ..................................................................................................................... 29 (4)

41 สารบัญตาราง ตาราง หนา้ 1. แสดงผลการเปรียบเทียบทกั ษะการพมิ พ์ของนักเรยี นก่อนและหลังการใช้ เคร่ืองมือ ฝกึ ทักษะการพมิ พ์ .............................................................................................. 15 (5)

1 บทที่ 1 บทนา ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา ในการเรียนวิชาพิมพ์ดีด เป็นการพัฒนา การสร้างทักษะ การแสดงออกถึงศักยภาพ ความสามารถด้านการพิมพด์ ีด โดยตอ้ งอาศยั ปัจจัยหลายอยา่ ง เช่น การปฏิรูปการศึกษา ความพร้อมของ เด็ก ความพร้อมของพ่อแม่ การสร้างแรงจูงใจ วิธีการสอนของครูปรัชญาและนวัตกรรมการเรียนการ สอน กรมอาชีวศึกษาถือเป็นหน่วยงานหน่ึงท่ีรับผิดชอบ การจัดการศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ โดยมี วัตถุประสงคท์ จ่ี ะพฒั นาผู้เรยี นใหม้ ีความรูค้ วบคู่วชิ าชีพ (กรมอาชวี ศึกษา 2537:4) มคี วามรู้และทักษะใน งานอาชพี เฉพาะสาขาวิชาชีพต่าง ๆ การจัดการเรียนการสอน ด้านวิชาชีพของวิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการในวิชา พิมพ์ดีดภาษาไทยเบื้องต้น ซึ่งเป็นวิชาท่ีสร้างทักษะในด้านการพิมพ์ดีดภาษาไทยเบื้องต้น เพื่อให้ นกั เรียนมีความสามารถในด้านการพิมพ์ดีดแบบสัมผัสมีความ แม่นยาในการใช้แป้นอักษรและสามารถ นาความร้ไู ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการผลติ งานเอกสารหรอื งานประเภทอนื่ ๆ ได้ต่อไปในอนาคต ปจั จบุ ันความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยที าให้มีการใช้คอมพิวเตอร์เขา้ มาช่วยในการทางานด้าน ต่าง ๆ ได้อย่างมาก สะดวกและรวดเร็ว ถูกต้อง เป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น การจัดทารายงาน การ พิมพ์หนังสือเอกสารต่าง ๆ เราก็นิยมใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการพิมพ์แทนการเขียนด้วยมือ เพราะทาให้เอกสารหรืองานทาอ่านง่าย สะอาด เรียบร้อยและมีความสวยงาม คอมพิวเตอร์ กลายเป็นอุปกรณ์ที่สาคัญของสานักงาน และสถานศึกษาท่ัวไป ทักษะการพิมพ์สัมผัสบน คอมพวิ เตอร์จึงเปน็ ทกั ษะท่ีทกุ คนในสมัยน้ียากจะปฏิเสธได้เพ่ือให้เพื่อนหรือผู้ท่ีสนใจเกี่ยวกับการ พิมพ์สัมผัส (Typing training) สามารถพัฒนาตนเองด้านการพิมพ์ได้จน เกิดความชานาญ ก็จะถือ ได้ว่าเป็นอีกความสาเร็จขั้นหนึ่งเลยก็วาได้ การแนะนาการพิมพ์สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ เทคนิคการพิมพ์สัมผัส ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ วิธีการทาอย่างไร เราจะพิมพ์สัมผัสได้อย่าง รวดเรว็ และถูกตอ้ งแม่นยา จากปัญหาท่ีผู้สอนพบว่านักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ชั้นปี ท่ี 1/9 ยังขาด ทักษะในการพิมพ์ดีด เม่ือตตรวจสอบความถูกต้องพบว่า นักศึกษายังมีคาผิดหลายคา เพราะ เน่ืองมาจากการวางน้ิวแป้นเหย้าไม่ถูกต้อง และจาแป้นอักษรไม่ได้ มองแป้นพิมพ์ ทาให้ไม่ สามารถพมิ พส์ ัมผัสได้

2 จากปัญหาดังกล่าวผู้สอนจึงจัดทาเครื่องมือฝึกพิมพ์ โดยให้นักศึกษาใช้เครื่องมือที่ผู้สอน สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นและมีพัฒนาการในการพิมพ์สัมผัสได้ดียิ่งข้ึนผู้สอนจึงได้ ทาการวิจัยข้ึน เพื่อพัฒนาทักษะการพิมพ์ดีดภาษาไทย ให้กับนักศึกษาในระดับประกาศนียบัตร วชิ าชีพ(ปวช.)ปีท่ี 1 วตั ถุประสงค์การวิจัย การวิจัยคร้ังน้ีผู้วิจัยได้กาหนดวัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนาทักษะการพิมพ์ดีดสัมผัสให้เร็วข้ึนมี จานวนคาทเ่ี พ่ิมข้นึ สมมตฐิ านการวจิ ยั ผู้เรียนมีทักษะในการพิมพ์ดีดสัมผัสดีขึ้น สามารถพิมพ์ได้ตามเกณฑ์ท่ีกาหนด โดยใช้ เคร่ืองมอื ที่ผสู้ อนสร้างข้นึ ขอบเขตของการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ งท่ีใชใ้ นการวิจัย ประชากร นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ปีท่ี 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์ พานชิ ยการ ปีการศึกษา 2561 ภาคเรียนที่ 1 จานวน 52 คน กลุม่ ตัวอย่าง นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์ พานิชยการ ปีการศึกษา 2561 ภาคเรียนที่ 1 จานวน 20 คนโดยเลือกจากนักศึกษาที่ได้คะแนนสอบ กลางภาคตา่ กว่าเกณฑ์ ตวั แปรทศ่ี กึ ษา ตวั แปรต้น เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการฝกึ พิมพ์ วธิ กี ารสอน ตัวแปรตาม ผลสัมฤทธิ์ในการพิมพ์สัมผัสดีขึ้นและการพิมพ์ผิดน้อยลงมีสมาธิในการ เรยี นข้ึน

3 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 1. เครื่องมือที่ใช้ในการฝึกพมิ พ์ หมายถึง แบบพิมพท์ ี่ผู้สอนสร้างข้ึนให้นักศึกษาได้ทดลอง ใช้ 2. การฝึกพิมพ์ภาษาไทย หมายถึง การฝึกพิมพ์ดีดไทยเบ้ืองต้น ในระบบการพิมพ์แบบ สมั ผสั 3. ทักษะการพิมพ์สัมผัส หมายถึง ความสามารถของนักเรียนในการพิมพ์เร็วและพิมพ์ได้ ถกู ตอ้ ง มเี กณฑว์ ดั 4. ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น หมายถงึ ขนาดของความสาเรจ็ ท่ีได้จากกระบวนการเรียนการ สอน ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการวิจยั 1. นกั ศึกษามีการพัฒนาทกั ษะการพมิ พ์ดีดสัมผัสให้เร็วและดีขึน้ 2. นกั ศึกษามสี มาธิในการพมิ พจ์ านวนคาเพิม่ ข้นึ กรอบแนวคิดในการวจิ ยั - เครื่องมือในการฝึกพมิ พ์ - ผลสัมฤทธิใ์ นการพิมพส์ มั ผสั

4 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกีย่ วขอ้ ง การศกึ ษาเรือ่ ง การพัฒนาทกั ษะการพิมพ์ดีดไทยเบอ้ื งต้นด้วยเคร่อื งมอื ฝึกทกั ษะการพมิ พ์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ชั้นปีที่ 1 ห้อง 9 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ ในรายวิชาพิมพ์ดีดไทยเบื้องต้น ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฏี ทเ่ี กย่ี วขอ้ งจากเอกสาร ตารา และงานวจิ ัย ทเ่ี ก่ียวข้องเพ่อื ใชเ้ ปน็ แนวทางในการทาวจิ ัย ดงั นี้ 1. พน้ื ฐานการพิมพ์สมั ผสั 2. การวัดและประเมินผลการพิมพส์ มั ผัส 3. ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น 4. งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง 1. พ้นื ฐานการพิมพ์สมั ผัส ปจั จุบนั ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี มีการพฒั นาคดิ ค้นสง่ิ อานวยความสะดวกต่อการ เนินชีวิต และคอมพิวเตอร์ก็เป็นเทคโนโลยีประเภทหน่ึงถูกสร้างข้ึนมา มีความทันสมัยและเหมาะ กับการนามาใช้ในส่วนงานด้านต่างๆ มากมาย รวมถึงการพิมพ์ รายงาน หรือเอกสารต่างๆ เรามัก นิยมใช้คอมพวิ เตอร์เข้ามาช่วยในการพิมพ์งานแทนการเขียนด้วยมือเพราะทาให้เอกสารหรืองานที่ ทาอา่ นง่าย สะอาด สะดวก เรยี บร้อยและสวยงาม การพิมพ์สัมผัสเป็นทักษะที่สาคัญอย่างย่ิงในการ ทางานบนคอมพิวเตอร์ เน่ืองจากปจั จบุ นั คอมพิวเตอร์กลายเป็นอุปกรณ์ที่สาคัญของสานักงาน และ สถานศึกษาท่ัวไป ดังน้ัน ทักษะการพิมพ์สัมผัสบนคอมพิวเตอร์ จึงเป็นทักษะที่ทุกคน ในสมัยนี้ ยากจะปฏิเสธได้ และเพ่ือให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองด้านการพิมพ์ได้สะดวกทุกที่ ทุกเวล า ผเู้ รยี นต้องหมั่นฝกึ ฝน และฝกึ พมิ พอ์ ยเู่ สมอ การปฏิบัติงานในสานักงาน หรือหน่วยงานองค์การต่างๆ จะเก่ียวข้องกับงานเอกสารเป็น ส่วนใหญ่ เช่น จดหมาย วารสาร รายงานการประชุม รายงานผลการปฏิบัติงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานทางธุรกิจ หน่วยงานราชการ สถานศึกษา และวัดต่าง ๆ ฯลฯ จาเป็นจะต้องมีการประชุมและ สรุปผลการทางาน การติดต่อส่ือสารกับบุคคลภายนอกในรูปจดหมายและวารสารอ่ืน ๆ ในการแจ้ง ข่าวสารข้อมูลให้ทราบโดยทั่วกัน การติดต่อสื่อสารเหล่าน้ีจะต้องอาศัยเอกสารหลักฐานที่มีความ ถูกต้อง เป็นระเบียบเรียบร้อย อ่านง่าย ชัดเจน เพ่ือให้เข้าใจข้อความตรงกันทั้งผู้รับและผู้ส่ง ข้อมูล ข่าวสารท่ีใช้ในการติดต่อ สื่อสาร ควรจะต้องพิมพ์เพ่ือสะดวกในการอ่าน ฉะนั้น การพิมพ์จึงมีความ จาเป็นและสาคัญต่อการปฏิบัติงานสานักงานทุกหน่วยงาน เพราะการพิมพ์จะทาให้เอกสาร น่าอ่าน ชัดเจน เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยไม่ต้องเดาลายมือผู้เขียน เนื่องจากก่อนที่จะพิมพ์จะต้องมีการร่างด้วย

5 ลายมือ และลายมือของแต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนอ่านง่าย บางคนอ่านยาก บางครั้งอาจจะเดา ข้อความผิดพลาดจากเนื้อหาเดิมได้ จึงจาเป็นต้องพิมพ์และผู้ที่จะปฏิบัติงานสานักงานด้วยการพิมพ์ที่ดี น้นั จะตอ้ งมีสมาธใิ นการทางาน เพราะการมีสมาธิจะช่วยทาให้เกิดความถูกต้องแม่นยาในการพิมพ์มาก ขึ้น การพิมพ์ดีดท่ีมีความแม่นยาและรวดเร็วด้วยวิธีการพิมพ์สัมผัส ซึ่งการพิมพ์สัมผัสจะเป็นพื้นฐาน การพิมพ์งานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ดีมีประสิทธิภาพมากกว่าการพิมพ์อักษรทีละตัว ในกรณีท่ีผู้ พิมพ์ไม่ได้ฝึกพิมพ์ด้วยการพิมพ์ดีดสัมผัสอย่างแม่นยามาก่อน จะทาให้การพิมพ์งานด้วยเคร่ือง คอมพิวเตอร์ขาดประสทิ ธภิ าพได้ ความหมายการพิมพ์สมั ผัส การพมิ พ์เอกสารดว้ ยวิธีพมิ พ์สัมผัส เป็นการฝึกวางน้ิวบนแป้นเหย้าอย่างถูกต้องใช้น้ิว มอื เพ่อื พมิ พ์อย่างมีแบบแผนว่าควรใช้ นิ้วไหนพิมพ์แป้นพิมพ์อะไร โดยคานึงถึงความสัมพันธ์ของ การก้าวน้ิวไปยังแป้นต่าง ๆ เป็นสาคัญ มีความจาท่ีดี แม่นยา ท้ังนี้ เพ่ือทาให้กล้ามเน้ือทุกส่วนใช้ งานได้อย่างเหมาะสมตามลักษณะกายภาพของน้ิวมือ และเม่ือมีการฝึกฝนอยู่เป็นประจา สมองจะ จดจาการสัมผัส จนสามารถก้าวนิ้วเพ่ือพิมพ์แต่ละแป้นได้เองโดยอัตโนมัติ โดย ไม่จาเป็นต้องก้ม มองท่ีแป้นพิมพ์ หรือจ้ิมดีดแป้นพิมพ์ทีละตัว ส่งผลให้ผู้ฝึกฝนเกิดความชานาญ สามารถพิมพ์งาน หรือข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้ังในด้านความถูกต้อง ความรวดเร็ว และความแม่นยา และใน การฝึกทักษะการพิมพ์ด้วยวิธีสัมผัสบนแป้นพิมพ์นั้น ผู้ฝึกต้องปลูกฝังตนเองให้เกิดทักษะที่ดีใน การพิมพ์ต้ังแต่ทักษะพื้นฐาน ตั้งแต่ท่าน่ังพิมพ์ ลักษณะการวางนิ้ว การข้ึนบรรทัดใหม่ การเคาะ วรรค การเคาะแท็บ การกดแป้นอักษรบน (Shift) รวมถงึ การสลบั ภาษาของแป้นพิมพ์ และเมื่อหม่ัน ฝึกฝนจนติดเป็นนิสัย จะทาให้สามารถใช้แป้นพิมพ์เพ่ือพิมพ์งานหรือป้อนข้อมูลได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ สมบูรณ์ แซ่เจ็ง (2554: ออนไลน์ เข้าถึงข้อมูลได้ท่ี https://www.gotoknow. org/posts/419253) กล่าวถึงความหมายของ “การพิมพ์สัมผัส” การพิมพ์สัมผัส (touch typing) หมายถึงการพิมพ์ด้วยน้ิวมือท้ังหมดโดยไม่มองแป้นอักษร ซ่ึงเป็นทักษะที่ต้องผ่านการฝึกฝน เพือ่ ใหผ้ ูพ้ มิ พ์สามารถอ่านตน้ ฉบับและพมิ พ์ตามได้ไปพร้อมๆกันโดยไม่เหลียวมองแป้นอักษร การ พิมพ์สัมผัสจึงเป็นการฝึกทักษะการใช้แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ (Keyboarding Skill) หมายถึงทักษะ การป้อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยวิธีพิมพ์สัมผัส (Touch Typing) ผ่านแป้นพิมพ์ที่มีลักษณะ คลา้ ยแป้นพิมพ์ดีด ซึ่งทักษะน้ีเกิดจากการสั่งการของสมอง ทาให้เกิดการตอบสนองของกล้ามเนื้อ เล็กอย่างประสานกันของตาและมือในการก้าวนิ้วไปเคาะแป้นอักษรที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและ แม่นยา

6 ดังนั้น การพิมพ์สัมผัส หมายถึง การใช้น้ิวมือท้ัง 10 น้ิว พิมพ์ดีด โดยไม่มองแป้น ใช้ น้ิวก้อย น้ิวนาง นิ้วกลาง และน้ิวชี้ ทั้งมือซ้าย และมือขวา วางบนแป้นพิมพ์ ส่วนน้ิวหัวแม่มือใช้ เคาะคานวรรค และสายตามองท่ีแบบพิมพ์ ขอ้ ความท่ตี ้องการพิมพ์ หรือจอภาพ (คอมพวิ เตอร)์ ขนั้ ตอนการพมิ พส์ ัมผสั การฝึกพมิ พแ์ ป้นอกั ษร ในการเคาะแป้นอักษรแต่ละแป้นน้ันให้ออกเสียงไปพร้อมกับ การ เคาะแป้นอักษรเป็นจังหวะที่เฉียบคม เด็ดขาดและรวดเร็ว ด้วยปลายน้ิวจิกงุ้มตรง ๆ บนแป้นอักษร อย่า ใช้หน้าน้ิวพิมพ์ เมื่อเคาะแป้นอักษรแล้วให้ดึงน้ิวกลับไปวางไว้ท่ีแป้นเหย้าทุกนิ้วดังเดิม โดยขานนา อกั ษร แป้นเหย้าก่อนแลว้ จงึ ข้ึนแป้นอกั ษรใหม่ ทงั้ ผู้สอนและผู้เรียนจะออกเสยี งพร้อมกัน โดยผู้สอนอาจจะ เคาะจงั หวะไปพร้อม ๆ กัน ส่วนผู้เรยี นเคาะแป้นอกั ษรตามทอี่ อกเสยี ง ให้ออกเสยี งดงั พร้อมกนั ทั้งห้อง การฝกึ พิมพ์โดยออกเสยี งไปพร้อมกัน จะสามารถทาใหผ้ ู้เรยี นพมิ พไ์ ด้ถูกต้องและจาแป้นได้แม่นยา ทั้ง ยงั เป็นการสร้างบรรยากาศ ในการเรียนให้มีความสนุกสนานและต่ืนตัวอยเู่ สมอในการฝึกพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้าผู้สอนไดเ้ คาะจงั หวะพร้อมออกเสยี งไปพร้อม ๆ ด้วย จะช่วยใหผ้ ู้เรยี นเพ่มิ ความ สนใจและตงั้ ใจพิมพม์ ากขึ้น การฝกึ พิมพ์ในระยะเริ่มแรก ส่ิงท่ีผู้เรยี นจะต้องสนใจและเอาใจใสใ่ นคาตักเตือนและคา สอนจากผสู้ อนให้มากเกย่ี วกับทา่ น่ังพมิ พ์ที่ถูกต้อง คือ 1. นั่งตวั ตรง คอตั้ง หลังไม่งอ ไม่ไขว่ห้าง ปล่อยแขนตามสบายไม่ต้องเกร็งข้อศอก การเรียนพิมพ์ดีดไม่ว่าจะด้วยเคร่ืองพิมพ์ดีดธรรมดาหรือเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เร่ืองง่ายอย่างท่ี หลายคนเข้าใจ เพราะผู้พิมพ์อาจใช้เวลาอยู่หน้าเคร่ืองพิมพ์ดีดเป็นเวลาหลายช่ัวโมง ฉะนั้นท่าน่ังท่ี ถูกวิธีจึงมีความสาคัญเป็นอย่างมาก คือจะต้องน่ังตัวตรง หลังไม่งอ ข้อศอกไม่กางและห่างจาก เคร่ืองพอสมควร หากผิดจากน้ีถือเป็นการนั่งท่ีผิดวิธีและฝืนหลักการพิมพ์เร็ว อาจทาให้มีอาการปวด บรเิ วณหนา้ อก หลัง และลาคอได้ 2. เท้าวางราบกบั พื้นทง้ั 2 ข้าง เทา้ ชิดกัน หรือเทา้ ข้างใดข้างหน่ึงวางเย้ืองไป ขา้ งหน้าเลก็ น้อย เพ่อื ช่วยในการทรงตัวที่ดใี นการนง่ั 3. นง่ั ให้เต็มก้น หลงั และสะโพกชิดพนักเก้าอี้ 4. ข้อศอกแนบลาตัว ข้อมือขนานกับขอบเครื่อง ข้อมือไม่ตกตดิ ชิดขอบเครื่อง ไม่ วางข้อมือทาบกับเคร่ือง 5. การวางเอกสาร หรือ หนังสือ เอกสารหรือส่ิงท่ีต้องการพิมพ์ควรวางไว้ด้าน ขวามือเสมอ และอย่าใหก้ ดี ขวางการเคล่ือนของแครพ่ ิมพ์ หรอื อปุ กรณ์การพิมพ์อ่นื ๆ

7 6. การวางนิ้ว ปลายน้ิวมืองุ้ม เคาะตรง ๆ บนแป้นอักษร เม่ือเริ่มพิมพ์ให้จดปลาย นิ้วกับแป้นอักษร ท้ังน้ีจะไม่ใช้ตุ่มเนื้อแต่จะถ่ายเทน้าหนักหรือกาลังไปอยู่ท่ีบริเวณปลายน้ิว จากน้ัน ให้ดีดหรือเคาะลงบนแป้นอักษรเบา ๆ นุ่มนวล เป็นจังหวะ เหมือนอย่างเคาะค้อนที่มีสปริง จากน้ันยก น้ิวท่ีเคาะข้ึนอย่างรวดเร็วเหมือนแป้นอักษรร้อนเป็นไฟ ซึ่งไม่ใช่การกดน้ิวลงไปเฉย ๆ หรือจิ้มน้ิวตาม ลงไป ต้องระวังยกแต่นิ้วท่ีต้องการดีดเท่านั้น ส่วนข้อมือให้โหย่ง ๆ อย่าปล่อยให้พาดลงไปท่ีขอบ พิมพ์ดีด ซ่งึ เม่ือวางนิ้วและมือถูกต้องแล้วจะเห็นไดว้ ่านิ้วชซี้ ้ายกบั นิ้วช้ีขวาขนานกันพอดี 7. การวางมือ การก้าวน้ิว การเคาะคานเว้นวรรค และการวางแบบพิมพ์อักษร เป็น อีกสิ่งหนึ่งท่ีจะต้องปฏิบัติให้ถูกวิธีกล่าวคือ วางตาแหน่งของน้ิวมือท้ังสองข้างลงบนแป้นอักษรแถวที่ สอง นับจากล่างข้ึนไป โดยนิ้วก้อยซ้ายอยู่บนแป้นอักษร ฟ นิ้วก้อยขวาอยู่บนแป้นอักษร ว ส่วนน้ิว อ่ืน ๆ ให้เรียงตามลาดับไปและนิ้วหัวแม่มือท้ังสองข้างให้วางอยู่บนคานเว้นวรรค สาหรับการเคาะคาน เว้นวรรคให้ใช้น้ิวหัวแม่มือขวาเท่าน้ัน เมื่ออยู่ในท่าเตรียมพิมพ์ให้งอนิ้วทุก ๆ นิ้วไว้เสมอ โดย กาหนดให้ปลายน้ิวส่วนที่ติดกับเล็บน้ันจดแป้นอักษร ดังนั้นผู้ท่ีต้ังใจจะฝึกพิมพ์สัมผัสให้ได้ดีจึงไม่ ควรไวเ้ ล็บยาว 8. สายตา จงจาไว้เสมอว่าในการฝึกพิมพ์สัมผัส อย่าท่องจาแล้วพิมพ์ พิมพ์จบ ประโยคหันกลับมาดูบทความแล้วกลับไปพิมพ์ใหม่ หรือตากับใจไม่สัมพันธ์กันห่วงพะวงกับคาผิด ซึ่งจะทาใหก้ ารฝึกพิมพไ์ มก่ า้ วหนา้ ขอ้ แนะนาในสว่ นนีค้ ือ ผู้ฝึกพิมพ์สัมผัสจะต้องมีสมาธิ ตาจับอยู่ที่ บทความท่ีต้องการพิมพ์เท่านั้น กล่าวคือต้องมีความสัมพันธ์กันใน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ จิต ตา และมอื คือผู้ฝึกพิมพ์จะต้องมีจิตใจจดจ่ออยู่กับการพิมพ์ สายตาจับอยู่ที่ตัวหนังสือ และเคล่ือนไหวมือ อย่างต่อเนื่องท่ีสาคัญคือ สายตาของผู้เรียนจะต้องอยู่ที่แบบพิมพ์ไม่มองแป้นอักษรในเครื่องพิมพ์ใน การพิมพส์ มั ผัสจะตอ้ งเริ่มตน้ ดว้ ยการวางนิ้วบนแปน้ พิมพ์ให้ถกู ตอ้ ง ทักษะพิมพส์ มั ผสั (สมบูรณ์ แซ่เจ็ง, 2554: ออนไลน์ เข้าถึงข้อมูลได้ที่ https://www.gotoknow. org/posts/419257) กล่าวถึงวิธีการพิมพ์สัมผัสแบบการสอนตามแนวผสม (Skip around Method) เป็นวิธีสอนแป้นอักษรท่ีได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นการสอนจากแป้นเหย้าก่อน เมื่อ สอนแป้นเหย้าหมดแล้วจึงสอนแป้นอื่นต่อโดยใช้แป้นเหย้าเป็นหลักในการผสมคากับแป้นใหม่ โดยถือหลักการวา่ 1. ต้องสอนแปน้ ท่ีพิมพง์ ่ายผสมไปกบั แปน้ ทพ่ี มิ พย์ าก 2. แป้นทพ่ี ิมพ์ดว้ ยนิว้ มือซา้ ยผสมกบั แป้นที่พิมพด์ ว้ ยนว้ิ มือขวา 3. แป้นที่พิมพ์ด้วยนิ้วที่แข็งแรง (นิ้วชี้ นิ้วกลาง) ผสมกับแป้นที่พิมพ์ด้วยนิ้วที่ อ่อนแอ (นว้ิ นาง นวิ้ กอ้ ย)

8 4. ตอ้ งสอนแปน้ ในแถวท่ี 3 (เหนือแถวแป้นเหย้า) ผสมกับแป้นในแถวท่ี 1 (ใต้ แถวแปน้ เหยา้ ) การสอนตามวิธีนี้จะช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกม่ันใจในการก้าวนิ้ว ผู้สอนสามารถสร้าง แบบฝึกหัดท่ีผสมคาหรือวลีท่ีมีความหมายได้ง่ายต้ังแต่ชั่วโมงต้นๆ ของการเรียน ช่วยให้เรียนรู้ได้ เร็วขึ้น นอกจากน้ียังสามารถสร้างคาเพื่อเน้นฝึกเฉพาะทักษะที่ต้องการได้ เช่น การฝึกเฉพาะน้ิวที่ แขง็ แรงหรือนิ้วท่ีอ่อนแอ การฝึกพิมพ์อย่างสมดุลกันระหว่างมือสองข้าง หรือการฝึกเน้นอักษรบน เป็นต้น แต่ครูต้องคานึงถึงการพัฒนาทักษะให้ครบทั้ง 3 ด้าน คือการพัฒนาเทคนิคการพิมพ์ท่ี ถูกต้อง การพัฒนาความเร็วและการพฒั นาความแม่นยา ซ่ึงการพัฒนาเทคนคิ การพมิ พ์ท่ีถูกต้อง ในการฝึกพิมพ์สัมผัสนั้น พ้ืนฐานสาคัญอันดับแรกก็คือเทคนิคการพิมพ์ที่ถูกต้อง (Correct Technique ) ได้แก่ ท่าน่ัง การวางน้ิว การเคาะแป้นอักษร การใช้สายตา โดยการให้ผู้เรียน นง่ั ตัวตรง หลงั พงิ พนักเกา้ อ้ี เทา้ วางราบกับพืน้ ปลายเทา้ เยื้องกันเล็กน้อย สายตามองท่ีต้นฉบับหรือ จอภาพ ปลอ่ ยแขนขา้ งลาตัวตามสบาย ให้ข้อมือตา่ องุ้ มอื ไมเ่ ท้าขอบโตะ๊ ประโยชนข์ องการพิมพ์สัมผสั การพิมพ์ดีดด้วยวิธีการพิมพ์สัมผัสเป็นลักษณะการพิมพ์ที่ถูกวิธี ทาให้กล้ามเน้ือ น้ิวทุกน้ิวได้ใช้งานอย่างเหมาะสม สม่าเสมอ ตามสภาพของลักษณะน้ิวมือ การพิมพ์สัมผัสจะ สามารถทาให้พิมพ์งานได้ถูกต้อง รวดเร็วกว่าการเคาะแป้นอักษรทีละตัว เพราะจะเสียพลังงาน มากกว่าและออกแรงเคาะแป้นอักษรแรงกว่าการพิมพ์สัมผัส และทาให้เกิดการเกร็งตัวของ กล้ามเนื้อได้ง่าย อาจทาใหเ้ มื่อยลา้ และพิมพง์ านได้ไม่นาน ดังนั้น ทกั ษะการพมิ พส์ ัมผัสบนคอมพิวเตอรจ์ ึงเป็นทักษะท่ีทุกคนในยุคปัจจุบันนี้ ยากจะปฏิเสธได้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาท่ีถูกต้องเก่ียวกับการพิมพ์สัมผัส (Typing Training) ผู้เรียน สามารถพัฒนาตนเองด้านการพิมพ์ได้จนเกิดความชานาญ ก็จะถือได้ว่าเป็นอีกความสาเร็จข้ันหนึ่ง เลยก็ว่าได้ การแนะนาการพิมพ์สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ เทคนิคการพิมพ์สัมผัส พิมพ์สัมผัส ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิธีการทาอย่างไร เราจะพิมพ์สัมผัสได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยา มี ดงั น้ี 1. การฝึกตนเองให้จิตใจเกิดความสงบ คือไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และมี สมาธแิ ละพิจารณาเฉพาะตวั อกั ษรทอ่ี ยูบ่ นแผน่ กระดาษ แลว้ ฟงั เสียงของครูท่ีสงั่ ใหพ้ มิ พ์เท่าน้ัน 2. การฝึกให้จิตใจปราศจากอคติ มีความอดทน คือ มีความเช่ือม่ันใน ตนเองวา่ การใช้น้ิวทผี่ ิดจะทาให้ ไม่สามารถพฒั นาทักษะการพิมพ์ดีดได้ จะต้องพยายามใช้นิ้ว หรือ กา้ วน้วิ ไปสัมผสั แป้นอกั ษรของตนเองไมร่ บี ร้อน

9 3. สามารถรู้เท่าทันตนเอง คือรู้ว่าในขณะที่ตนเองเคาะแป้นพิมพ์ดีดนั้น กาลงั ใชน้ ้วิ อะไรและเปน็ น้วิ ทีถ่ กู ต้องพิมพ์โดยไม่ตอ้ งมองแปน้ ตาดูแผ่นภาพตัวแบบพมิ พเ์ ท่านน้ั 4. รู้จักระงับความโกรธ คือ ไม่โมโห หรือโกรธตนเองเม่ือใช้น้ิวเคาะ แปน้ พมิ พ์ดดี และไมโ่ กรธเม่ือพิมพ์ไมท่ นั หรือช้ากว่าคนอ่ืน สือ่ และอปุ กรณ์ ในการเรียนการสอนน้ันส่ิงท่ีสาคัญท่ีสุด เพ่ือให้การเรียนการสอนเกิดผลสัมฤทธ์ิ ตามวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้ คือ การเตรียมความพร้อมของสื่อและอุปกรณ์ท่ีช่วยในการเรียนการสอน ที่ต้องมีความพร้อม เพราะสิ่งเหล่าน้ีเป็นปัจจัยสาคัญของการพัฒนาทักษะการพิมพ์สัมผัส อย่าง นอ้ ยภายในหอ้ งเรียนควรมีสอื่ และอุปกรณด์ งั นี้ 1. เครอื่ งไมโครคอมพวิ เตอร์เทา่ จานวนผู้เรยี น ต้องมแี ปน้ พิมพ์ทส่ี มบูรณไ์ มช่ ารดุ 2. โปรแกรมสาหรับฝึกพิมพ์ติดต้ังพร้อมอยู่ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งครูอาจเลือกให้ ผู้เรียนฝึกด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เช่น โปรแกรม พิมพ์ 2000 โปรแกรม BCC Typing tutorโปรแกรมดวงจันทร์ โปรแกรม Thai Typing Tutor โปรแกรม Suandusit Typing Tutor โปรแกรม Hudpim Typing Tutor โปรแกรม Pimsi Typing Tutor หรือโปรแกรมอ่ืน ท่ีเห็นว่า เหมาะสม นอกจากนี้อาจให้ฝึกด้วยโปรแกรมประมวลผลคา (word processor) เช่น โปรแกรม Notepad โปรแกรม WordPad โปรแกรม MS. Word โปรแกรม RW. Word (ราชวิถี) หรือ โปรแกรม CU. Writer (Word จฬุ า) ก็ได้ โดยวิธฝี ึกพมิ พต์ ามแบบฝึกหัดท่ผี ้สู อนเตรยี มไว้ให้ ท้ังนี้การใช้โปรแกรมฝึกพิมพ์อาจใช้แบบผสมผสานกันได้ เช่น ให้ผู้เรียนเร่ิมฝึก จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนก่อน เมื่อเริ่มพิมพ์ได้แล้วจึงให้ฝึกพิมพ์ทบทวนด้วยโปรแกรม ประมวลผลคากไ็ ด้ 3. โต๊ะวางคอมพวิ เตอรท์ มี่ ีขนาดเหมาะกับสรีระของผู้เรยี น 4. เก้าอี้นั่งท่มี พี นักพิง มคี วามสงู เหมาะกบั สรีระของผเู้ รยี น สาหรบั ขอ้ 3 และ 4 น้ัน ถือเป็นเรื่องที่สาคัญ เพราะการเลือกโต๊ะหรือเก้าอ้ีน่ังที่ไม่ เหมาะสมกับผู้เรียนวัยประถมศึกษา อาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้เรียนได้ เน่ืองจากมีงานวิจัยใน ต่างประเทศที่พบว่า โต๊ะเก้าอี้ที่ใช้นั่งเรียนคอมพิวเตอร์ท่ีไม่เหมาะสมกับเด็กประถมฯ สามารถ สง่ ผลใหก้ ระดูกและเส้นประสาทของผูเ้ รยี นเกดิ อันตรายได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยนน้ั มักพบว่า มีโรงเรียนไม่น้อยที่ให้ผู้เรียนนั่งเรียนบนเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิง ซ่ึงอาจส่งผลอันตรายต่อกระดูกสัน หลงั ในระยะยาวได้ ผู้สอนจึงควรตระหนกั ในประเดน็ น้ีใหม้ าก 5. แผนภูมิแสดงแป้นอักษร ท้ังแผนภูมิขนาดใหญ่ติดหน้าชั้นเรียน และขนาดเล็ก ติดประจาโตะ๊ ของผู้เรียน

10 6. แผนภาพท่าน่ังพิมพ์ ท้ังแผนภาพขนาดใหญ่ติดหน้าชั้นเรียน และขนาดเล็กติด ประจาโตะ๊ ของผ้เู รยี น 7. แบบฝึกพิมพ์ ที่สร้างข้ึนอย่างถูกต้องตามหลักจิตวิทยาการพัฒนาทักษะการ พิมพ์ 8. นาฬิกาจบั เวลา 9. แบบบนั ทกึ ความก้าวหนา้ ในการพิมพ์ ซง่ึ ครูสามารถสรา้ งขน้ึ ไดเ้ อง 10. แบบบันทึกพฤติกรรมการพิมพ์ ใช้บันทึกผลการสังเกตเทคนิคการพิมพ์ของ ผเู้ รียน 11. แบบทดสอบ ใชท้ ดสอบพมิ พจ์ บั เวลา 2. การวดั และประเมินผลการพิมพส์ ัมผัส การวดั และประเมนิ ผลทกั ษะการพิมพส์ มั ผสั มีความม่งุ หมายเพื่อพฒั นาทักษะของ ผู้เรียน ซ่ึงต้องวัดและประเมินให้ครอบคลุมท้ัง 3 ด้าน คือ เทคนิคการพิมพ์ที่ถูกต้อง ความเร็วและ ความแม่นยา โดยมีหลกั การดงั นี้ 1. ในระยะเริ่มแรกของการฝึก ให้เน้นการวัดและประเมินผลเทคนิคการ พิมพ์ท่ีถูกต้องเป็นอันดับแรก โดยใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรมการพิมพ์ของผู้เรียนแล้วบันทึกลงใน แบบสังเกตเทคนิคการพิมพ์ ซ่ึงอาจสังเกตและบันทึกทุกครั้งท่ีเรียนหรือเว้นระยะเวลาเป็นช่วง ๆ ก็ ไดข้ ึน้ อยู่กับสภาพการเรียนการสอน โดยให้สงั เกตพฤติกรรมหลกั ๆ 3 ด้าน คือ 1.1 การน่ัง ผู้เรียนควรนั่งตัวตรงหลังพิงพนักเก้าอ้ี แขนปล่อยข้างลาตัว ตามสบาย วางเทา้ ราบกบั พื้น ไม่น่งั ไขวห่ า้ งหรือขัดสมาธิ 1.2 การใช้สายตา ผู้เรียนควรใช้สายตามองเฉพาะต้นฉบับในกระดาษหรือ หน้าจอเทา่ นนั้ ไม่ควรมองแป้นพมิ พ์ในขณะกาลงั พมิ พ์ 1.3 การวางมือและก้าวนิ้ว ผู้เรียนต้องวางมือในลักษณะข้อมือต่า นิ้วโค้ง ปลายนิ้ว ”แตะ” แป้นเหย้าในตาแหน่งที่ถูกต้อง อุ้งมือไม่เท้าขอบโต๊ะ และก้าวนิ้วไปเคาะแป้น อักษรทตี่ ้องการแล้วรีบชักนิ้วกลับแปน้ เหย้าด้วยจงั หวะท่ีต่อเนื่องสมา่ เสมอ ทั้งน้ีผู้สอนควรแจ้งให้ผู้เรียนทราบว่าจะมีการสังเกตและบันทึกเทคนิคการพิมพ์ ของผู้เรียนไว้ โดยต้องไม่ลืมแจ้งผลการสังเกตให้ผู้เรียนรับทราบและใช้ผลการสังเกตนี้ช่วยแก้ไข พฤติกรรมการพิมพ์ของผู้เรียนให้ดีข้ึน เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะวิธีพิมพ์ท่ีถูกต้องเป็นฐานท่ีม่ันคง รองรับทักษะความเร็วและความแม่นยาท่ีจะตามมา ซึ่งครูต้องพยายามคงสภาพทักษะเทคนิคการ พิมพท์ ่ีถกู ต้องของผู้เรยี นไวโ้ ดยหมั่นวดั และประเมนิ พฤตกิ รรมการพิมพ์ตลอดระยะเวลาที่เรียน

11 2. เม่ือครูสังเกตเห็นว่าผู้เรียนเร่ิมมีเทคนิคการพิมพ์ท่ีถูกต้องแล้ว คือมีท่า น่ังที่ถูกต้อง จังหวะการเคาะแป้นท่ีสม่าเสมอ มีความมั่นใจในการก้าวนิ้วโดยสายตาไม่เหลียวมอง แป้นพิมพ์บ่อย มีปริมาณการพิมพ์ท่ีมากขึ้น ได้เรียนรู้แป้นอักษรในปริมาณเพียงพอและสามารถ พิมพข์ ้อความเปน็ ประโยคได้ ครูกส็ ามารถเรมิ่ พัฒนาผเู้ รียนโดยการวัดความเร็วและความแม่นยาได้ ซึง่ ต้องเขา้ ใจกอ่ นว่าการวัดและประเมินทักษะความเร็วและความแม่นยานี้ มิใช่เพ่ือการคัดเลือกคน สอบได้หรือสอบตก หากแต่ใช้เพื่อพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้ก้าวหน้าข้ึน ซ่ึงสามารถวัดและ ประเมนิ ได้จาก “การพมิ พ์จับเวลา” ท้ังน้ีผู้เริ่มเรียนในระดับประถมศึกษาควรจับเวลาคร้ังละไม่เกิน 1 นาที ในการพิมพ์จับเวลาแต่ละคาบ ควรให้พิมพ์หลาย ๆ คร้ัง แล้ววัดความเร็วและความแม่นยา ดว้ ยสตู รตอ่ ไปน้ี 2.1 ความเร็วใน จำนวนเคำะทไี่ ด้ ÷ 4 การพิมพ์ภาษาไทยมีสูตร คานวณดังน้ี อัตราความเร็ว (GWAM) เวลำท่พี มิ พเ์ ปน็ นำที = ผลลัพธ์ที่ได้คือจานวนคาที่พิมพ์ได้ต่อ 1 นาที (Gross word a Minute : GWAM) แลว้ จึงบันทกึ ครั้งท่ดี ที ่ีสดุ ลงในแบบบนั ทกึ ความก้าวหน้าในการพมิ พ์ 2.2 ความแมน่ ยาในการพมิ พ์ วัดได้ 2 วธิ ี คอื วธิ ีแรกวัดโดยการนับจานวน เคาะท่ีพิมพ์ผิด แล้วบันทึกไว้ในแบบบันทึกความก้าวหน้าในการพิมพ์ หรือวิธีท่ีสองวัดในรูปของ ร้อยละโดยมีสูตรดังนี้ = จานวนเคาะทั้งหมด – จานวนเคาะทผ่ี ิด x 100 ระดับความแม่นยา จานวนเคาะท้งั หมด ผลลัพธ์ที่ได้คือระดับความแม่นยา(accuracy rate) เป็นค่าร้อยละ แล้วจึงบันทึกไว้ ในแบบบันทึกความก้าวหน้าในการพิมพ์ แต่สาหรับผู้เริ่มฝึกพิมพ์อาจวัดโดยวิธีนับจานวนเคาะท่ี พิมพผ์ ดิ โดยยังไมต่ ้องคานวณระดบั ความแม่นยาก็ได้ ทั้งนี้ควรจัดให้มีการพิมพ์จับเวลาบ่อย ๆ เพ่ือพัฒนาทักษะผู้เรียน และข้อมูลใน แบบบนั ทึกจะบอกถึงแนวโนม้ ความกา้ วหน้าของผู้เรียน และนามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา ประเมนิ ผลการเรียนตามสภาพจริงได้

12 3. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น 1. ความหมายของผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น พิมพันธ์ เตชะคุปต์ (2544 : 20) กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ (Learning Achievement In Science) หมายถึง ความรู้ความสามารถท่ีผู้เรียนได้รับหลังการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์ ซ่ึงจะทราบว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใด ก็อาจจะกระทาได้โดยวัดได้จากการสอบ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นวิชาวิทยาศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ (2542 : 4) ได้ระบุผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนไว้ในหนังสือประมวล ศัพท์ทางการศึกษาว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสาเร็จหรือความสามารถในการ กระทาใด ๆ ทตี่ ้องอาศยั ทักษะหรอื มฉิ ะนั้นก็ตอ้ งอาศยั ความรอบรใู้ นวิชาใดวิชาหน่งึ โดยเฉพาะ พรรณี ชทู ยั เจนจติ (2545 : 58) ให้ความหมายว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นคุณลักษณะ และความสามารถของบุคคลท่ีพัฒนาการดีข้ึน อันเกิดจากการเรียนการสอน การฝึกอบรม ซึ่ง ประกอบดว้ ย ความสามารถทางสมอง ความรู้ ทักษะ ความรู้สึก และคา่ นยิ มต่าง ๆ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น (Academic Achievement) หมายถงึ คุณลักษณะและความสามารถ ของบุคคลอันเกิดจากการเรียนการสอน เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์การ เรียนรู้ที่เกิดจากการศึกษาอบรม หรือจากการสอบ การวัดผลสัมฤทธ์ิจึงเป็นการตรวจสอบ ความสามารถหรือระดับความสัมฤทธิ์ผล (Level of Accomplishment) ของบุคคลว่าเรียนรู้แล้ว เท่าไร มคี วามสามารถแคไ่ หน ซง่ึ สามารถวดั ได้ 2 แบบ ตามจดุ มุ่งหมายและลักษณะวิชาทส่ี อน คือ 1. การวัดด้านปฏิบัติ เป็นการตรวจสอบระดับความสามารถในการปฏิบัติหรือทักษะของ ผู้เรียน โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนแสดงความสามารถดังกล่าวในรูปการกระทาจริงให้ออกเป็นผลงาน เช่น วิชาศลิ ปศึกษา พลศึกษา การชา่ ง เป็นต้น ซ่ึงการวัดต้องใช้ “ข้อสอบภาคปฏิบัติ” (Performance Test) 2. การวัดด้านเนื้อหา เป็นการตรวจสอบความสามารถเกี่ยวกับเนื้อหาความรู้ (Content) อัน เปน็ ประสบการณก์ ารเรียนรู้ของผูเ้ รยี นรวมถึงพฤติกรรมความสามารถในด้านต่าง ๆ สามารถวัดได้ โดยใช้ “ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์” (ไพศาล หวังพานิช. 2523 : 137) จากที่กล่าวมาแล้วเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ผลของความสามารถของบุคคลที่ต้องอาศัยทักษะ ความรอบรู้ ทัศนคติที่ได้จากการเรียน การสอน การฝึกฝน อบรมส่ังสอน ทาใหเ้ กดิ ความสาเรจ็ หรือความสามารถในด้านตา่ ง ๆ 2. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน นักการศึกษาไดใ้ หค้ วามหมายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพอสรปุ ได้ดังน้ี

13 กระทรวงศึกษาธิการ (2542 : 9) ได้ให้ความหมายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการ เรยี นไว้ว่า “เปน็ แบบทดสอบที่มุ่งวัดว่านักเรียนมีความรู้ หรือความสามารถท่ีเกิดการเรียนการสอน มากน้อยปานใด” วรพจน์ นวลสกุล (2540 : 25) ได้กล่าวว่า แบบทดสอบท่ีใช้วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบท่ีใช้วัดความรู้ ทักษะ และสมรรถภาพทางด้านวิทยาศาสตร์ท่ีเกิดขึ้นในตัว ผู้เรียน หลังจากที่ผู้เรียนศึกษาบทเรียนนั้นจบแล้ว แบบทดสอบท่ีใช้วัดจะสอดคล้องกับ วตั ถุประสงค์ ของวิชาวิทยาศาสตร์ สมศักด์ิ สินธุระเวชญ์ (2542 : 34) ได้ให้ความหมายแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ว่า เป็น แบบทดสอบที่วัดความรู้ความสามารถด้านต่าง ๆ เม่ือได้รับประสบการณ์เฉพาะอย่างไปแล้ว ซ่ึงจะเป็นการวัดความสามารถทางวิชาการต่าง ๆ โดยมุ่งวัดว่านักเรียนมีความรู้หรือมีทักษะใน วิชาน้นั มากนอ้ ยเพยี งใด ชาตรี เกิดธรรม (2542 : 16) ได้ให้ความหมายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ หมายถึง แบบทดสอบทีใ่ ชว้ ดั ปรมิ าณความรู้ ความสามารถ ทกั ษะเกี่ยวกับด้านวิชาการ ท่ีได้เรียนรู้มาในอดีต วา่ รับรู้ไวไ้ ดม้ ากนอ้ ยเพยี งไร โดยทั่วไปแล้วมักใช้วัดหลังจากทากิจกรรมเรียบร้อยแล้วเพื่อประเมิน การเรยี นการสอนว่าได้ผลอย่างไร จากที่กล่าวมาแลว้ เกย่ี วกบั แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สรุปได้ว่าแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบที่ใช้วัดความรู้ความเข้าใจจากการเรียนรู้ ซ่ึงเป็น การวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางวิชาการของผู้เรียนท่ไี ดร้ ับจากการเรียนร้ใู นเน้อื หาวชิ านั้นๆ 3. ลักษณะของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทด่ี ี ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ (2532 : 47) ได้สรุปลักษณะของแบบทดสอบวัดผล สมั ฤทธิ์ท่ดี ีไว้ ดังนี้ 1. ความเท่ียงตรง (Validity) เป็นลักษณะท่ีสาคัญที่สุดท่ีทาให้เคร่ืองมือวัดผลน้ัน มีคุณภาพ เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่า เคร่ืองมือวัดน้ันสามารถวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ น่ันคือวัดได้ตรง และครบถว้ นตามเน้ือหาท่ีต้องการวัด วัดได้ตรงตามจุดประสงค์ วัดได้ตรงตามสภาพความเป็นจริง และวัดแลว้ สามารถนาผลการวดั ไปพยากรณ์หรือคาดคะเนอนาคตได้ 2. มีความเช่ือม่ันสูง (Reliability) เคร่ืองมือวัดผลที่ดีวัดสิ่งเดียวกันหลาย ๆ คร้ัง ผลท่ีได้จาก การวดั จะเหมือนกันหรือแตกต่างกนั น้อยมาก 3. มีความเป็นปรนัย (Objectivity) เคร่ืองมือที่มีความเป็นปรนัยจะมีความชัดเจนในตัวเอง เช่น ข้อสอบท่ีมีความเป็นปรนัย จะมีความชัดเจนอยู่ 3 ประการ คือ คาถามชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจ

14 ตรงกัน คาตอบแน่นอน ใครตรวจก็ให้คะแนนตรงกัน และประการสุดท้ายคือ แปลความหมาย คะแนนไดต้ รงกัน 4. มีความยากง่ายพอเหมาะ (Difficulty) ไม่ยากเกินไปและไม่ง่ายเกินไป ข้อสอบข้อใดท่ีมี คนตอบถูกมากแสดงวา่ งา่ ย ขอ้ ทม่ี คี นตอบถกู น้อยแสดงว่ายาก ค่าความยากงา่ ยของข้อสอบ (p) มีค่า อยรู่ ะหว่าง 0 ถึง 1.00 ข้อสอบที่ดีมีคา่ p อย่รู ะหวา่ ง 0.20 ถึง 0.80 ซงึ่ เปน็ ขอ้ สอบท่คี อ่ นขา้ งยาก ปาน กลางและคอ่ นขา้ งง่าย 5. มีอานาจจาแนก (Discrimination) หมายถึง สามารถแบ่งแยกคนออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ ถูกต้อง ข้อสอบท่ีจาแนกได้ หมายถึง ข้อสอบที่คนเก่งตอบถูก คนอ่อนตอบผิด ข้อสอบที่จาแนกกลับ คนเก่งจะตอบผิดแต่คนอ่อนจะตอบถูก และข้อสอบที่จาแนกไม่ได้ คนเก่งและคนอ่อนจะตอบถูกและ ผิดพอ ๆ กัน ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนัก อานาจจาแนกของข้อสอบมีค่า r อยู่ระหว่าง -1.00 ถึง +1.00 ค่า r เป็นเคร่ืองหมายลบ หมายความว่า จาแนกไม่ได้ คนเก่งตอบถูกน้อยกว่าคนอ่อน r เป็น เครือ่ งหมายลบ หมายความวา่ จาแนกได้ คนกง่ ตอบถกู มากกว่าคนอ่อน ข้อสอบที่มีค่า r ใกล้ศูนย์ (r = -0.19 ถึง +0.19) เป็นข้อสอบท่ีจาแนกไม่ได้ เพราะคนเก่งตอบถูก พอ ๆ กับคนอ่อน ข้อสอบท่ีดี ควรมีค่า r อยู่ระหว่าง 0.20 ถึง 1.00 6. มีประสิทธิภาพ (Efficiency) คือ เครื่องมือท่ีสามารถทาให้ได้ข้อมูลท่ีดีท่ีสุดเช่ือถือได้มาก โดยใช้วิธกี ารทส่ี ะดวก รวดเรว็ คล่องตัว แต่เสียเวลานอ้ ย ลงทุนน้อยและใช้แรงงานน้อย 7. มีความยุติธรรม (Fair) ไม่เปิดโอกาสให้มีการได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่าง ผู้ท่ีถูกวัด ดว้ ยกนั 8. ใชค้ าถามถามลกึ (Searching) ข้อสอบท่ีดตี อ้ งการให้ผตู้ อบใช้ความสามารถในการคิดค้น ก่อนทจี่ ะตอบ 9. ใช้คาถามยั่วยุ (Examplary) มีลักษณะที่ท้าทายให้ผู้สอบอยากคิดอยากตอบและทาด้วย ความเต็มใจ 10.คาถามจาเพาะเจาะจง (Definite) ไม่ถามวงกว้างเกินไป หรือถามคลุมเครือให้คิดได้ หลายแงห่ ลายมุม จากที่กล่าวมาแล้วเกี่ยวกับลักษณะของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิท่ีดี สรุปได้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ท่ีดีจะต้องมีลักษณะดังนี้ มีความเที่ยงตรง มีความเช่ือมั่นสูง มีความเป็น ปรนัย มีความยากง่ายพอเหมาะ มีอานาจจาแนก มีประสิทธิภาพ มีความยุติธรรม ใช้คาถามถามลึก ใชค้ าถามยั่วยุ และคาถามจาเพาะเจาะจง จากที่กล่าวมาแล้วเก่ียวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สรุปได้ว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็น ผลการวดั พฤติกรรมดา้ นความรู้ ความคดิ ความสามารถทง้ั หลายของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะด้านจิตพิสัย

15 ความสนใจ ทัศนคติต่อเน้ือหาวิชาที่เรียนในโรงเรียนและระบบการเรียน ความคิดเห็นเก่ียวกับ ตนเอง และลักษณะบุคลิกภาพ และคุณภาพการสอน การมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนและ การเสริมแรงของครู การแก้ไขขอ้ ผดิ พลาด และรผู้ ลวา่ ตนเองกระทาได้ถูกต้องหรือไม่ ในการดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอน ความพึงพอใจเป็นส่ิงสาคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้ ผู้เรียนทางานที่ได้รับมอบหมาย หรือต้องการปฏิบัติให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ ซึ่งในปัจจุบัน ครูผ้สู อนเป็นเพียงผู้อานวยความสะดวก หรือให้คาแนะนาปรึกษาจึงต้องคานึงถึงความพึงพอใจใน การเรียนรู้ งานวจิ ัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง นางนฤมล ช้างงา ( 2548 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาผลการประยุกต์ใช้ทฤษฎีส่ิงเร้าและทฤษฎี แห่งการเรียนรู้ในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาพิมพ์ดีดอังกฤษ 1 ในระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ(ปวช.)ปี ท่ี 1 (ปวช.1) ท่ีกาลังศึกษาอยูในระดับ ปวช. ภาคเรียนที่ 2 ปี กาศึกษา 2548 โรงเรียนดรุณากาญจนบุรีบริหารธุรกิจ จังหวัดกาญจนบุรี พบว่าจากเรียนโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีสิ่ง เรา้ และทฤษฎีแห่งการเรยี นรูม้ ผี ลการเรยี นวิชาพมิ พด์ ีดอังกฤษ 1 สูงขึ้น นางสุคนธ์ทิพย์ สีสัน ( 2548 : บทคัดยอ) ศึกษาเจตคติในการเรียนวิชาพิมพ์ดีดไทย ของ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 กรุงเทพมหานคร โดยใช้ แบบทดสอบ แบบวัดเจตคติในการเรียนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี (พิมพ์ดีดไทย) พบวา นักเรียนมัยธยมศึกษาปี ท่ี 5 มีเจตคติในการเรียนพิมพ์ดีดไทย คิดเป็นระดับดีมากที่สุด 93.70 % มี เจตคติไม่ดีคิดเป็น 6.30 % สรุปได้วานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 มีเจตคติที่ดีในการเรียนวิชา พมิ พด์ ีดมากที่สดุ นางสาวนารีรัตน์ โฉมอินทร์ (2548 : บทคัดย่อ ) การวิจัยเร่ืองน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนา ทักษะการพมิ พ์ทด่ี คี วามสามารถในการพมิ พท์ ี่รวดเร็วและแม่นยา ทางการเรียนในวิชาพิมพ์ดีดไทย ด้วยคอมพิวเตอร์ของนักเรียนระดับ ช้ัน ปวช.1 แผนกบริหารธุรกิจ ใช้วิธีการฝึกปฏิบัติตามเน้ือหา และการเรียนรู้ในห้องเรียน ท่ีไม่มีความรู้ความสามารถในการเรียนพิมพ์ดีดมาก่อน จานวน 45 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยได้แก่แบบตารางบันทึกการพิมพ์แบบก้าวหน้าแสดงผลการคิดคาสุทธิต่อ นาทีตามหลักบันได 9 ข้ันแบบฝึกทักษะพัฒนาการพิมพ์ชุดท่ี 1-5 รวม 5 ชุด ผลการวิจัย ผู้เรียน สามารถพัฒนาการพิมพ์ให้รวดเร็วและแม่นยา ย่ิงข้ึนจากการฝึกปฏิบัติหลังจากได้รับการฝึกปฏิบัติ ที่ถูกต้องและบอ่ ยคร้ังข้ึน นางขนิษฐา จิตรอรุณ ( 2548 : บทคัดย่อ) การศึกษาความสามารถในการเคาะแป้นพิมพ์ดีด โดยใชโ้ ปรแกรม “การพฒั นาจิตใจ” ของนกั เรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ( ปวช. 1) ท่ี

16 กาลังศึกษาอยู่ในระดับ ปวช.1 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2554 วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาพิมพ์ดีดไทย1 นักเรียนท่ีผ่านโปรแกรม “การพัฒนาจิตใจ” สามารถ พฒั นาทกั ษะการพมิ พ์ได้ตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษาตั้งไว้

17 บทที่ 3 วิธดี าเนนิ งานวจิ ยั ในการดาเนนิ การวจิ ัย เร่ือง การพัฒนาทักษะการพมิ พด์ ดี อังกฤษเบื้องต้นด้วยเคร่ืองมือฝึก ทักษะการพิมพ์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ชั้นปีท่ี 1/7 วิทยาลัยเทคโนโลยี อรรถวิทยพ์ ณชิ ยการ ผู้วจิ ยั ได้ดาเนนิ การตามข้ันตอนดังต่อไปน้ี 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 2. เคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการวิจัย 3. การเก็บรวบรวมข้อมลู 4. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง ประชากร ประชากร ท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ปีที่ 1 ห้อง 7 สาขาคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ ประจาภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถ วทิ ยพ์ ณชิ ยการ จานวน 52 คน กลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากร ท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ปีท่ี 1 ห้อง 7 สาขาคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ ประจาภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถ วทิ ยพ์ ณิชยการ จานวน 20 คน โดยเลือกจากนกั ศึกษาที่ได้คะแนนสอบกลางภาคต่ากวา่ เกณฑ์ เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการเกบ็ รวมรวมขอ้ มูล 1. เครื่องมือฝกึ ทกั ษะการพิมพ์ 2. แบบประเมนิ ผลการฝึกพมิ พ์จากเครอ่ื งมือฝึกทกั ษะการพมิ พ์ ขนั้ ตอนการสรา้ งเครือ่ งมือ ผู้วิจัยดาเนนิ การสร้างเคร่ืองมอื สาหรบั การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดงั นี้ 1. ศึกษาเอกสาร ตารา ผลงานวิจัย ผลงานการค้นคว้าต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ศึกษารูปแบบของ การสร้างเครอ่ื งมอื เพ่อื การวจิ ยั 2. สรา้ งเคร่อื งมอื ฝกึ ทกั ษะการพิมพ์เพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 3. นาเคร่ืองมือแบบฝึกทักษะการพิมพ์ ฉบับสมบูรณ์ไปใช้เก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่ม ตวั อยา่ ง

18 การเก็บรวมรวมข้อมลู ผู้วิจยั จะดาเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูล จากเครื่องมือแบบฝึกทักษะการพิมพ์ และเคร่ืองมือแบบ พิมพใ์ นการประเมินการพมิ พ์ท่ีใชบ้ นั ทึกคะแนนฉบบั สมบูรณ์ ได้ทาการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดงั นี้ 1. ใหน้ กั ศกึ ษาทาเครอ่ื งมอื ฝึกทักษะการพิมพ์แล้วบันทึกจานวนคา/นาที ครั้งท่ี 1 2. ดาเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีสร้างขึ้นและให้นักศึกษาทา เครือ่ งมอื ฝึกทักษะทุกสัปดาห์เปน็ ระยะเวลา 4 สปั ดาห์ บนั ทกึ จานวนคา/นาที ทกุ ครัง้ คือครงั้ ท่ี 2 - 5 3. ให้นักศึกษาทาเคร่ืองมือแบบพิมพ์ในการประเมินการพิมพ์ อีกครั้งหลังจากที่ทา เคร่ืองมอื ฝึกทกั ษะครบ 4 สัปดาห์แลว้ ผูส้ อนบนั ทึกจานวนคา/นาที ครั้งที่ 6 การวิเคราะห์ข้อมลู วเิ คราะหข์ อ้ มูลจากใบบนั ทึกจานวนคา/นาที รวมทั้งหมดเป็นจานวน 6 ครั้ง แล้วนามาหาค่าเฉล่ีย ของแต่ละคร้ัง เพ่ือให้เห็นค่าเฉลี่ยโดยรวมของกลุ่มตัวอย่างในการพัฒนาทักษะในการพิมพ์ดีด ภาษาอังกฤษ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ปีท่ี 1 ห้อง 7 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ประจาภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ จานวน 20 คน ซึ่งมี เกณฑด์ งั นี้ พมิ พไ์ ด้ 0 – 14 คา/นาที หมายถงึ ควรปรับปรงุ พิมพไ์ ด้ 15 – 20 คา/นาที หมายถงึ พอใช้ พมิ พ์ได้ 21 – 25 คา/นาที หมายถึง ดี พมิ พไ์ ด้ 26 คา/นาทีขึน้ ไป หมายถงึ ดมี าก สถิตทิ ี่ใช้ในการวจิ ัย 1. ค่าเฉล่ยี X  X N X  คา่ เฉลีย่ ของคะแนน  X  ผลรวมของคะแนน N  จานวน

19 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวจิ ัย การพฒั นาทกั ษะการพมิ พ์ดดี อังกฤษเบ้อื งตน้ ด้วยเคร่อื งมอื ฝกึ ทักษะการพมิ พ์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ช้ันปีท่ี 1/7 วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชย การ จานวน20 คน ในคร้ังน้ี มวี ัตถปุ ระสงค์1. เพ่ือพฒั นาทกั ษะการพมิ พด์ ีดสัมผัสให้เร็วและดีขึ้น 2. เพ่ือแกไ้ ขปัญหาการพิมพ์ผดิ ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ผ้วู จิ ัยได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ดังนี้ ผลการเปรยี บเทยี บทักษะการพิมพ์ของนักศึกษาระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ(ปวช.)ช้ันปี ท่ี 1/7 วิทยาลัยเทคโนโลยอี รรถวิทย์พณิชยการ ก่อนเรยี น และระหว่างเรยี น หลังการใช้ เครื่องมือ ฝึกทกั ษะการพมิ พ์ วเิ คราะห์โดยการหาค่าเฉล่ยี ตารางท่ี1 แสดงผลการเปรียบเทียบทกั ษะการพิมพ์ของนักเรยี นก่อนและหลังการใช้ เครื่องมือฝึกทักษะการพมิ พ์ ลาดบั เกบ็ ข้อมลู การใชเ้ ครือ่ งมือฝึกทักษะการพมิ พ์ เปรยี บเทยี บความเร็วในการ พมิ พร์ ะหว่างครั้ง ท่ี 1 และ 6 ครง้ั ท่ี 1 ครัง้ ท่ี 2 ครั้งท่ี 3 ครงั้ ท่ี 4 คร้งั ที่ 5 คร้งั ท่ี 6 1 10 23 22 23 25 28 18 2 21 22 22 22 23 25 4 3 26 28 28 31 35 38 12 4 10 13 15 17 18 21 11 5 33 35 36 36 37 38 5 6 28 30 30 33 33 36 8 7 12 13 15 21 27 27 15 8 15 16 16 22 26 29 14 9 10 18 23 24 25 29 19 10 10 25 28 26 41 43 33 11 21 26 26 27 28 34 13 12 21 22 25 27 27 27 6 13 10 17 20 23 24 27 17 14 24 28 31 34 39 42 18

20 เก็บข้อมูลการใชเ้ คร่อื งมือฝกึ ทักษะการพิมพ์ เปรียบเทียบความเร็ว ลาดบั ครั้งที่ 1 คร้ังที่ 2 คร้ังท่ี 3 ครั้งที่ 4 ครงั้ ท่ี 5 คร้ังที่ 6 ในการพิมพ์ระหว่าง 15 19 21 17 23 20 28 ครั้ง ท่ี 1 และ 6 9 16 11 16 18 21 23 23 12 11 17 21 21 22 26 30 32 21 14 18 22 31 36 39 40 43 14 19 14 20 23 25 26 28 13.7 20 16 22 27 24 29 30 ค่าเฉลย่ี 17.7 22.35 24 26.2 28.8 31.4 จากตารางจะเห็นได้ว่า กลุ่มตัวอย่างแต่ละคนมีการพัฒนาศักยภาพและผลสัมฤทธ์ิทางการ พิมพ์ดีดสัมผัสภาษาอังกฤษเพ่ิมสูงขึ้นเป็นลาดับ เน่ืองจากก่อนทดสอบได้ให้นักเรียนฝึกพิมพ์ดีดโดย การใช้พื้นฐานเดิมและในแต่ละสัปดาห์มีการให้พิมพ์แบบฝึกทักษะซ่ึงได้บันทึกคะแนนในการพิมพ์แต่ ละสัปดาห์ จนครบ 4 สัปดาห์ และทาการทดสอบคร้ังสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง จากตารางแต่ละครั้งมี คา่ เฉลย่ี ดงั นี้ ครัง้ ที่ 1 ค่าเฉลยี่ อย่ทู ่ี 17.70 หมายความวา่ กลุ่มตวั อย่างสามารถพมิ พส์ มั ผสั อยใู่ นเกณฑ์ พอใช้ ครั้งที่ 2 ค่าเฉลี่ยอยู่ท่ี 22.35 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดี ครั้งที่ 3 ค่าเฉล่ียอยู่ที่ 24.00 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดี คร้ังที่ 4 ค่าเฉลี่ยอยู่ท่ี 26.20 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก คร้ังที่ 5 ค่าเฉล่ยี อยู่ที่ 28.80 อยู่ในเกณฑ์ ดมี าก และครั้งที่ 6 ค่าเฉลียอยู่ท่ี 31.40 อย่ใู นเกณฑ์ ดมี าก หากลองเปรียบเทียบระหว่างคร้ังที่ 1 กับคร้ังที่ 6 จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงท่ีนักเรียนสามารถ พัฒนาศักยภาพเพิ่มสูงข้ึนเฉลี่ยอยู่ท่ี 13.70 คา/นาที จากคร้ังที่ 1 คร้ังที่ 1 พิมพ์ได้เฉลี่ยอยู่ที่ 17.70 คา/นาที รวมแลว้ พมิ พไ์ ด้เฉล่ยี 31.40 คา/นาที

21 บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ การสรุปผลการวิจัย เรื่อง การพัฒนาทักษะการพิมพ์ดีดอังกฤษเบื้องต้นด้วยเคร่ืองมือฝึก ทักษะการพิมพ์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ช้ันปีที่ 1/7 วิทยาลัยเทคโนโลยี อรรถวิทยพ์ ณชิ ยการ ประกอบดว้ ยสาระทส่ี าคัญ ดังนี้ 1. จุดมุ่งหมายของการวิจยั 2. ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง 3. เคร่ืองมือในการรวบรวมข้อมูล 4. สรปุ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล 5. อภิปรายผล 6. ข้อเสนอแนะ จุดมงุ่ หมายของการวจิ ัย เพื่อพฒั นาทักษะการพมิ พด์ ดี สมั ผสั ให้เร็วขน้ึ มีจานวนคาที่เพม่ิ ข้นึ ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากร คอื นกั ศกึ ษาระดับประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.)ปีที่ 1 วทิ ยาลัยเทคโนโลยีอรรถ วทิ ย์พนิชยการ ปีการศกึ ษา 2560 ภาคเรียนที่ 2 กลมุ่ ตวั อย่าง คอื นกั ศกึ ษาระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.)ปีท่ี 1 วิทยาลยั เทคโนโลยี อรรถวทิ ย์พานชิ ยการ ปกี ารศึกษา 2560 ภาคเรยี นที่ 2 จานวน 20 คนโดยเลอื กจากนกั ศกึ ษาทีไ่ ด้ คะแนนสอบกลางภาคตา่ กวา่ เกณฑ์ เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการรวบรวมเคร่ืองมือ 3. เครื่องมอื ฝึกทกั ษะการพิมพ์ 4. แบบประเมนิ ผลการฝกึ พิมพ์จากเครื่องมอื ฝกึ ทกั ษะการพิมพ์

22 สรุปผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผลการวิจยั พบว่ามีการพฒั นาทักษะการพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษข้ึนเป็นเล่ือย ๆ และนักศึกษา มีจานวนคาท่ีพิมพ์ได้เพ่ิมมากข้ึน ส่งผลทาให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามแผนการจัดการ เรยี นรู้ และผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นดีข้ึนตามลาดบั อภปิ รายผล จากตารางจะเห็นได้ว่า กลุ่มตัวอย่างแต่ละคนมีการพัฒนาศักยภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการ พิมพ์ดีดสัมผัสภาษาอังกฤษเพ่ิมสูงข้ึนเป็นลาดับ เนื่องจากก่อนทดสอบได้ให้นักเรียนฝึกพิมพ์ดีด โดยการใช้พ้ืนฐานเดมิ และในแต่ละสัปดาห์มีการให้พิมพ์แบบฝึกทักษะซึ่งได้บันทึกคะแนนในการ พมิ พแ์ ต่ละสปั ดาห์ จนครบ 4 สัปดาห์ และทาการทดสอบคร้ังสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง จากตารางแต่ละ ครง้ั มีคา่ เฉลยี่ ดงั นี้ ครง้ั ท่ี 1 ค่าเฉลย่ี อย่ทู ่ี 17.70 หมายความวา่ กลุ่มตัวอย่างสามารถพิมพ์สัมผัสอยู่ใน เกณฑ์ พอใช้ คร้ังที่ 2 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 22.35 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดี คร้ังท่ี 3 ค่าเฉลี่ยอยู่ท่ี 24.00 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดี คร้ังที่ 4 ค่าเฉล่ียอยู่ท่ี 26.20 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก คร้ังที่ 5 ค่าเฉลีย่ อยู่ท่ี 28.80 อยใู่ นเกณฑ์ ดีมาก และครั้งที่ 6 คา่ เฉลียอยทู่ ่ี 31.40 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก หากลองเปรียบเทียบระหว่างคร้ังที่ 1 กับคร้ังท่ี 6 จะเห็นถึงการเปล่ียนแปลงที่นักเรียน สามารถพัฒนาศักยภาพเพ่ิมสูงขึ้นเฉล่ียอยู่ที่ 13.70 คา/นาที จากครั้งท่ี 1 คร้ังที่ 1 พิมพ์ได้เฉลี่ยอยู่ที่ 17.70 คา/นาที รวมแล้วพมิ พ์ไดเ้ ฉลี่ย 31.40 คา/นาที จากผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาแต่ละคนมีการพัฒนาศักยภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการ พิมพ์ดีดสัมผัสภาษาอังกฤษ มีจานวนคา/นาทีเพ่ิมสูงข้ึน ดังนี้ ครั้งที่ 1 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 17.70 หมายความว่า กลุ่มตัวอย่างสามารถพิมพ์สัมผัสอยู่ในเกณฑ์ พอใช้ ครั้งท่ี 2 ค่าเฉล่ียอยู่ท่ี 22.35 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดี คร้ังท่ี 3 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 24.00 หมายความว่า อยู่ในเกณฑ์ ดี คร้ังที่ 4 ค่าเฉล่ียอยู่ที่ 26.20 หมายความว่า อยใู่ นเกณฑ์ ดีมาก คร้ังที่ 5 ค่าเฉล่ียอยู่ท่ี 28.80 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก และครั้งที่ 6 ค่าเฉลียอยู่ท่ี 31.40 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก เปรียบเทียบระหว่างคร้ังที่ 1 กับครั้งท่ี 6 จะเห็น ถงึ การเปลีย่ นแปลงทน่ี กั เรยี นสามารถพฒั นาศกั ยภาพเพ่มิ สงู ขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 13.70 คา/นาที จากครั้งท่ี 1 คร้ังท่ี 1 พมิ พ์ได้เฉล่ยี อยทู่ ี่ 17.70 คา/นาที รวมแลว้ พมิ พ์ไดเ้ ฉลยี่ 31.40 คา/นาที ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะว่า นักศึกษาแต่ละคนมีความตั้งใจ ท่ีจะหมั่นฝึกฝนพิมพ์และมีสมาธิใน การพิมพ์ มากข้ึนทาให้เห็นถึงการพัฒนาศักยภาพที่นักศึกษามีอยู่ เพราะจากการที่นักศึกษาได้ คะแนนนอ้ ยในช่วงสอบกลางภาคเปน็ เพราะนกั ศึกษาไม่ตั้งใจและหม่ันฝึกฝนในการพิมพ์ดีดแต่พอ นกั ศึกษาไดห้ มนั่ ฝึกฝนมีสมาธิมาขน้ึ ทาให้นกั ศกึ ษาได้แสดงศกั ยภาพออกมาได้เต็มที่

23 ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั แนวคดิ /งานวจิ ยั ของ นางสาวนารรี ัตน์ โฉมอินทร์ (2548 : บทคัดย่อ ) การ วิจัยเร่ืองน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ พัฒนาทักษะการพิมพ์ที่ดีความสามารถในการพิมพ์ท่ีรวดเร็วและ แม่นยา ทางการเรียนในวิชาพิมพ์ดีดไทยด้วยคอมพิวเตอร์ของนักเรียนระดับ ช้ัน ปวช.1 แผนก บริหารธุรกิจ ท่ีว่า ใช้วิธีการฝึกปฏิบัติตามเน้ือหาและการเรียนรู้ในห้องเรียน ท่ีไม่มีความรู้ ความสามารถในการเรียนพมิ พ์ดดี มาก่อน จานวน 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบตาราง บันทึกการพิมพ์แบบก้าวหน้าแสดงผลการคิดคาสุทธิต่อนาทีตามหลักบันได 9 ขั้นแบบฝึกทักษะ พัฒนาการพิมพ์ชุดที่ 1-5 รวม 5 ชุด ผลการวิจัย ผู้เรียนสามารถพัฒนาการพิมพ์ให้รวดเร็วและ แมน่ ยา ยิ่งขึน้ จากการฝกึ ปฏบิ ัติหลังจากไดร้ ับการฝึกปฏบิ ัติท่ถี กู ต้องและบอ่ ยครั้งขน้ึ ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการนาไปใช้ 1. จากผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาแต่ละคนมีการพัฒนาศักยภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการ พิมพด์ ดี สมั ผสั ภาษาอังกฤษ มจี านวนคา/นาทเี พม่ิ สูงขึน้ ดังนนั้ ครูผู้สอนควรให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติ อยา่ งสมา่ เสมอ เนอ่ื งจากเปน็ วชิ าที่ต้องใชท้ กั ษะ ความชานาญคอ่ นขา้ งมาก จึงควรหาแบบทดสอบที่ น่าสนใจเพิ่มมากข้ึน เพื่อใหผ้ ู้เรียนเกิดความคุ้นเคย จนสามารถกลายเป็นการจดจาแบบถาวร เพราะ ถา้ ไม่ฝึกฝนผเู้ รยี นอย่างสมา่ เสมอ การเรียนรู้ของผเู้ รยี นกจ็ ะไมเ่ กิดประสิทธภิ าพ 2. ครผู ูส้ อนตอ้ งมกี ารปรับทศั นคติของผู้เรยี นทุกคนว่า คนเราทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพ ของตนเองได้ เพ่ือให้ผู้เรียนเปิดใจ และพร้อมที่จะทาส่ิงที่ท้าทาย แม้จะต้องใช้เวลานานในการ พฒั นาศักยภาพของตนเองกต็ าม ข้อเสนอแนะในการวจิ ัยครงั้ ต่อไป 1. ควรมกี ารพฒั นาทักษะการพิมพ์โดยใช้ส่ืออ่นื ๆ เช่น การใช้คอมพิวเตอรป์ ระกอบการเรียน การสอนหรอื สอ่ื อนื่ ๆ เพือ่ จะได้มนี วตั กรรมสาหรับพัฒนาศักยภาพของนักเรยี นมากย่ิงข้ึน 2. ควรมีการวิจยั ถงึ รปู แบบการสอนโดยวิธีต่าง ๆ ท่ีเหมาะสมในการพัฒนาทักษะและเจตคติ ตอ่ วชิ าพมิ พ์ดีด

24 ภาคผนวก

25 ภาคผนวก ก เครื่องมอื ฝกึ ทกั ษะพิมพ์ดดี ภาษาองั กฤษเบอื้ งตน้

26 เครอ่ื งมือฝกึ ทักษะพิมพ์ดีดภาษาองั กฤษ Wald was wide a wake while we were away. Velma favoured ver vivid, viwew. Yes, 77 They say Jula may really fly today. Pool pick up papers to wrap the apples. 150 Wald was wide a wake while we were away. Velma favoured ver vivid, viwew. Yes, 227 They say Jula may really fly today. Pool pick up papers to wrap the apples. 300 Wald was wide a wake while we were away. Velma favoured ver vivid, viwew. Yes, 377 They say Jula may really fly today. Pool pick up papers to wrap the apples. 450 Wald was wide a wake while we were away. Velma favoured ver vivid, viwew. Yes, 527 They say Jula may really fly today. Pool pick up papers to wrap the apples. 600 Wald was wide a wake while we were away. Velma favoured ver vivid, viwew. Yes, 677 They say Jula may really fly today. Pool pick up papers to wrap the apples. 750

27 ภาคผนวก ข แบบประเมนิ ผลการฝกึ พมิ พ์จากเคร่ืองมอื ฝกึ ทกั ษะการพิมพ์

28 ลาดับ รายชื่อ เก็บข้อมูลการใช้เคร่ืองมือฝกึ ทักษะการพิมพ์ เปรยี บเทยี บความเร็วในการ 1 ครง้ั ท่ี 1 คร้ังที่ 2 คร้งั ที่ 3 คร้งั ท่ี 4 ครง้ั ที่ 5 ครงั้ ท่ี 6 พิมพร์ ะหวา่ งครง้ั ท่ี 1 และ 6 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 คา่ เฉล่ยี

29 ชอื่ ประวตั ิผู้วิจยั สถานทเ่ี กดิ วุฒกิ ารศกึ ษา รัตนา หว่องเจริญ กรุงเทพฯ การงานปัจจบุ ัน ปี พ.ศ. 2515 สาเร็จการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรยี นสรรพาวุธวทิ ยา ปี พ.ศ. 2518 สาเรจ็ การศกึ ษาระดบั มธั ยมต้น มศ.3 โรงเรียนสรรพาวธุ วิทยา ปี พ.ศ. 2521 สาเรจ็ การศึกษาระดับประกาศนียบัตรวชิ าชีพ(ปวช.)วทิ ยาลัยเกริก ปี พ.ศ. 2524 สาเร็จการศึกษาระดบั อุดมศกึ ษาปรญิ ญาตรีวทิ ยาลยั เกรกิ เปน็ อาจารยป์ ระจา วิทยาลยั เทคโนโลยีอรรถวิทยพ์ ณิชยการ อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าปฏิบัตสิ านักงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook