รายงาน วชิ า วทิ ยาการคํานวณ รหสั วิชา ว31118 จดั ทาํ โดย 1.นางสาวพรไพลนิ ร่วมพล ม.5/6 เลขที่ 27 2.นางสาวพทั ธนันท์ นุตะมาน ม.5/6 เลขที่ 28 3.น.ส.ต้นหยง สนหละหวังอารีย์ ม.5/6 เลขท่ี 42 4.นางสาวศิรประภา ใจหม้ัน ม.5/6 เลขที่ 43 เสนอ ครูจิรายุ ทองดี รายงานเล่มน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของรายวิชาวทิ ยาการคํานวณ รหัส ว30118 โรงเรียนนวมนิ ทราชินูทศิ เตรียมอดุ มศึกษาน้อมเกล้า ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564 สังกัดกระทรวงศึกษาธกิ าร
คํานํา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ รายงานฉบับนเ้ี ป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชาวิทยาการคาํ นวณรหสั ว30118 ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 5 เพือ่ ศึกษาเกย่ี วกบั หลกั การเขยี นโปรแกรม ข้ันตอนการเขียนโปรแกรม โครงสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ กระบวนการเขยี นโปรแกรม ในการจดั ทาํ รายงานประกอบส่ือการเรียนรู้ในคร้ังนี้ ผู้จัดทําขอขอบคุณ ครูจริ ายุ ทองดี ผู้ให้ความรู้ และ แนวทางการศึกษา และเพอื่ นๆ ท่ใี ห้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด คณะผู้จัดทําหวังเป็ นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับน้ีจะอาํ นวยประโยชน์ต่อผู้ทส่ี นใจและศึกษาเนือ้ หาเพมิ่ เติม และพฒั นาศักยภาพ และบรรลตุ าม เป้าหมาย นางสาวศิรประภา ใจหม้นั ผู้จัดทาํ
สารบญั เร่ือง หนา้ คาํ นาํ ก สารบญั ข 1. วิทยาการคอมพวิ เตอร์ 1 1.1 ตน้ กาํ เนิดของภาษาซี 4 1.2 ผูพ้ ฒั นาภาษา 1.3 จดุ เดน่ -จดุ ดอ้ ย ของภาษา 7 1.4 การประยกุ ต์ใชภ้ าษา 10 2. กระบวนการเทคโนโลยี 14 2.1 การนาํ วิทยาการคอมพวิ เตอร์ไปใชใ้ นชีวิตประจาํ วนั 2.2 ส่ือดจิ ิทลั ในชีวิตประจาํ วนั 2.3 เทคโนโลยีสารสนเทศ 3. พ้ืนฐานของภาษาซี 3.1 การจดั การขอ้ มูล 3.2 ประเภทขอ้ มลู 3.3 การประมวลผลขอ้ มูล 4. เทคโนโลยีประยกุ ต์ 4,1 เทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษา 4.2 เทคโนโลยีในงานธุรกจิ 4.3 เทคโนโลยดี า้ นการแพทย์ 5. บรรณานุกรม
1 บทท1ี่ วทิ ยาการคอมพิวเตอร์ Computer Science 1.วทิ ยาการคอมพิวเตอร์ คอื การศึกษาคน้ ควา้ computational สาํ หรบั คอมพิวเตอร์ และ information processing theory ท้งั ดา้ น software , hardware , network วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์มคี วามเก่ียวโยงกบั computational algorithm ปัญหาดา้ น การคาํ นวณ การออกแบบhardware software และ application 1.1 การนาํ วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ไปใช้ในชีวติ ประจําวัน 1. งานธุรกิจ เช่น บริษทั ร้านคา้ ห้างสรรพสินคา้ ตลอดจนโรงงานตา่ งๆ ใชค้ อมพิวเตอร์ในการทาํ บญั ชี งานประมวลคาํ และตดิ ตอ่ กบั หน่วยงานภายนอกผ่าน ระบบโทรคมนาคม ซ่ึงทาํ ใหก้ ารผลิตมคี ณุ ภาพดีข้นึ บริษทั ยงั สามารถรบั 2. งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาํ คอมพิวเตอร์มาใชใ้ นนาํ มาใชใ้ นส่วนของ การคาํ นวณทคี่ ่อนขา้ งซบั ซอ้ น เช่น งานศึกษาโมเลกุล สารเคมี วิถกี ารโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ และเป็นอปุ กรณ์สาํ หรบั การตรวจรักษาโรคได้
2 3. งานคมนาคมและส่อื สาร ในสว่ นที่เก่ยี วกบั การ เดินทาง จะใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการจองวนั เวลา ทนี่ ่งั ซง่ึ มกี ารเชอ่ื มโยงไปยงั ทกุ สถานหี รอื ทกุ สายการบนิ ได้ ทาํ ใหส้ ะดวกตอ่ ผเู้ ดินทางทไี่ มต่ อ้ งเสียเวลารอ 4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวศิ วกรสามารถ ใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการออกแบบ หรือ จาํ ลองสภาวการณ์ ตา่ งๆ เช่น การรบั แรงส่นั สะเทือนของอาคารเม่ือเกิดแผ่นดินไหว 5. งานราชการ เป็นหนว่ ยงานที่มกี ารใชค้ อมพวิ เตอรม์ าก ทีส่ ดุ โดยมกี ารใชห้ ลายรูปแบบ ทงั้ นขี้ นึ้ อย่กู บั บทบาทและ หนา้ ท่ขี องหนว่ ยงานนนั้ ๆ เช่น กระทรวงศกึ ษาธิการ มกี ารใช้ ระบบประชมุ ทางไกลผา่ นคอมพิวเตอร์ 6. การศกึ ษา ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพิวเตอรท์ างดา้ นการ เรียนการสอน ซง่ึ มกี ารนาํ คอมพิวเตอรม์ าช่วยการสอน ในลกั ษณะบทเรยี น CAI หรอื งานดา้ นทะเบียน ซึ่งทาํ ใหส้ ะดวกต่อการคน้ หาขอ้ มลู นกั เรียน
3 1.2 สื่อดจิ ิทลั ในชีวติ ประจาํ วนั คือ ส่ือทม่ี กี ารนาํ ขอ้ ความ กราฟิก ภาพเคล่ือนไหว เสียง มาจดั รูปแบบโดยอาศยั เทคโนโลยที ี่กา้ วหนา้ มาทาํ เป็นสื่อออนไลน์ 1.3 เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยี คอื การนาํ ความมรู้ดา้ นวิทยาศาสตร์มาประยกุ ตใ์ นการพฒั นาเครื่องมอื เครื่องใช้ อปุ กรณ์ วธิ ีการและ กระบวนการตา่ งๆ เพอ่ื ให้การดาํ รงชีวติ ของมนุษยง์ า่ ยและ สารสนเทศ คอื ผลลพั ธท์ เี่ กดจากการนาํ ขอ้ มลู มาผ่านกระบวนการต่างๆ อยา่ งมรี ะบบ Type of information technology; 1.Sensing Technology เป็นอปุ กรณท์ ่ีช่วยใหเ้ ราสามารถเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ขา่ วสารทอ่ี ยรู่ อบตวั เราแลว้ เปลย่ี นใหอ้ ยใู่ นรูปแบบทีค่ อมพวิ เตอร์สามารถเขา้ ใจ ได้ อปุ กรณเ์ หลา่ น้ี ไดแ้ ก่ image scanners , bar code scanners , Sensors 2. Communication Technology เช่น โทรสาร โทรศพั ทไ์ ร้สาย และ Lan 3. Analyzing Technology ไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอร์ตา่ งๆ ท้งั ส่วนท่ีเป็น Hardware และ Software 4. Display Technology เช่น จอภาพ เคร่ืองพิมพ์ โปรเจคเตอร์
4 บทที่ 2 กระบวนการเทคโนโลยี Technology process 2. กระบวนการทางเทคโนโลยี 2.1 การจัดการข้อมูล ขอ้ มูล (data) เป็นองคป์ ระกอบท่ีสาํ คญั ส่วนหน่ึงของระบบสารสนเทศ คอมพวิ เตอร์ ขอ้ เท็จจริงทเี่ กิดข้ึนใน เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ที่ไดจ้ ากการสังเกตุ จดบนั ทกึ สัมภาษณ์ และสอบถาม การจดั การขอ้ มลู (data management) คือ การบริหาร การจดั เกบ็ ขอ้ มูล ประมวลขอ้ มูลให้ไดม้ าซ่ึงขอ้ มูลทมี่ ี ประโยชนพ์ ร้อมจะสามารถนาํ มาใช้ หลกั ในการจดั การขอ้ มลู 1. การเขา้ ถึงขอ้ มลู (Data Access) คอื ความสามารถในการเขา้ ถึงขอ้ มลู ไดง้ ่าย รวดเร็ว และถกู ตอ้ ง 2. ความปลอดภยั ของขอ้ มลู (Data Security) ขอ้ มลู ท่จี ดั เกบ็ ไวจ้ ะตอ้ งมีระบบรักษาความปลอดภยั เพื่อป้องกนั การจารกรรมขอ้ มูล 3. การแกไ้ ขขอ้ มลู (Data Edit) คือ ความสามารถในการเปล่ยี นแปลง แกไ้ ขในอนาคตได้ 4. การปรบั ปรุงขอ้ มลู (Data Update) คอื ขอ้ มลู ทมี่ กี ารจดั เกบ็ อยอู่ าจจะมีการจดั แบ่งเป็นส่วนหรือสร้างเป็น ตาราง เพอื่ งา่ ยแกก่ ารปรับปรุงขอ้ มลู
5 2.2 ประเภทของข้อมูล 1. พจิ ารณาจากแหล่งที่มาของข้อมูล 1.1 ขอ้ มลู ปฐมภูมิ (Primary Data) เป็นขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการเกบ็ รวบรวมจากหน่วยศกึ ษาโดยตรง 1.2 ขอ้ มูลทตุ ิยภูมิ (Secondary Data) เป็นขอ้ มลู ทผ่ี า่ นการเกบ็ รวบรวมมาแลว้ โดยบุคคลหรือองคก์ รหน่ึงๆ 2. พจิ ารณาจากหลกั เกณฑ์คณุ ลักษณะของข้อมูล 2.1 ขอ้ มูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) เป็นขอ้ มลู ที่เป็นตวั เลขหรือหน่วยนบั ได้ 2.2 ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ (Qualitative Data) เป็นขอ้ มลู ท่ีบรรยายลกั ษณะหรือคุณสมบตั ิของส่ิงต่างๆ ที่ไมส่ ามารถ ระบุเป็นหน่วยนบั หรือตวั เลขได้ 3. พจิ ารณาจากหลกั เกณฑ์ทีล่ ักษณะของการจดั ทาํ ข้อมูล 3.1 ขอ้ มูลดิบ (Raw Data) เป็นขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการเกบ็ รวบรวม ซ่ึงยงั ไมไ่ ดผ้ ่านการประมวลผลหรือเปลี่ยนแปลง 3.2 ขอ้ มลู จดั กลุม่ หรือผ่านการประมวลผลแลว้ (Groupped or Processing Data) เป็นขอ้ มลู ทผ่ี า่ นระบบหรือ กระบวนการประมวลผลขอ้ มลู แลว้ เพื่อทาํ ใหข้ อ้ มลู อยใู่ นรูปแบบทเ่ี ป็นหมวดหมู่
6 2.3 การประมวลผลข้อมลู เป็นข้นั ตอนแรกของการประมวลผลขอ้ มลู ซ่ึงประกอบไปดว้ ย 1. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collections) ข้อมูลน้นั ควรมคี ุณสมบตั ดิ ังน้ี 1.1 ความถกู ตอ้ งแม่นยาํ (Accuracy) 1.2 ความทนั เวลา (Timeliness) 1.3 ความสมบรู ณค์ รบถว้ น (Completeness) 1.4 ความกะทดั รัด (Conciseness) 1.5 ความตรงกบั ความตอ้ งการของผใู้ ช้ (Relevance) 1.6 ความต่อเนื่อง (Continuity) 2. การเปลี่ยนสภาพข้อมลู (Data Conversion) มวี ธิ ีการต่างๆ ดงั นี้ 2.1 การบรรณาธิการ (Editing) 2.2 การลงรหัส (Coding) 3. การจดั ระเบยี บข้อมลู (Data Tabulation) 4. การแปรสภาพข้อมลู (Data Transforming)
7 บทที่ 3 พนื้ ฐานภาษาซี C language basic 3.พน้ื ฐานภาษาซี 3.1 ต้นกําเนดิ ภาษาซี C Language เร่ิมตน้ พฒั นาที่ AT&T Bell Labs ระหวา่ ง ค.ศ. 1969–1973 แต่ตามขอ้ มูลของ Ritchie ช่วงเวลาที่ เกิดความสร้างสรรคม์ ากทสี่ ุดคอื ค.ศ. 1972 ภาษาน้ีถูกต้งั ช่ือวา่ \"C\" เพราะคณุ ลกั ษณะต่าง ๆ ตอ่ ยอดมาจากภาษา ก่อนหนา้ คอื \"B\" ซ่ึงจากขอ้ มูลของ Ken Thompson กลา่ วว่า B Language เป็นรุ่นทแี่ ยกออกจาก BCPL อกี ทอด หน่ึง จดุ เร่ิมตน้ ของ C Language ผกู อยกู่ บั การพฒั นา Unix อยา่ งใกลช้ ิด ซ่ึงเดิมพฒั นาดว้ ย Assembly Language บน PDP-7 โดย Ritchie & Thompson โดยผสมผสานความคดิ หลากหลายจากcolleague ในตอนทา้ ยพวกเขา ตดั สินใจที่จะยา้ ย operating system น้นั ลงใน PDP-11 แต่ B ขาดabilityบางอยา่ งทจ่ี ะใชf้ eatures ท่ีไดเ้ ปรียบของ PDP-11 เช่นความสามารถในการระบตุ าํ แหน่งทอ่ี ยเู่ ป็นbytes จึงทาํ ให้เกิดการพฒั นา C Language รุ่นแรกข้ึนมา รุ่นด้งั เดิมของ Unix บน PDP-11 ถูกพฒั นาข้ึนดว้ ยAssembly Language เมื่อประมาณ ค.ศ. 1973 C เพิม่ ชนิด ขอ้ มูล struct ทาํ ให้เพยี งพออยา่ งมีประสิทธิภาพ ซ่ึงUnix kernelส่วนใหญถ่ ูกเขียนดว้ ยC Language น้ีก็เป็น kernel หน่ึงของ operating system ท่ีพฒั นาดว้ ยภาษาอื่นนอกเหนือจากAssembly Language 3.2 ผ้พู ฒั นาภาษา Dennis MacAlistair Ritchie (9 กนั ยายน พ.ศ. 2484 — 12 ตลุ าคม พ.ศ. 2554 (วนั ที่พบศพ) ) เป็นนกั วิทยาการ คอมพิวเตอร์ชาวอเมริกนั ผมู้ ีอทิ ธิพลตอ่ ภาษาซีและภาษาโปรแกรมอ่นื ๆ รวมท้งั ระบบปฏิบตั กิ ารหลายชนิด เช่นมลั ติกส์และยนู ิกซ์ เขาไดร้ ับรางวลั ทวั ริงเมื่อ พ.ศ. 2526 และเหรียญรางวลั เทคโนโลยแี ห่งชาติ 1998 เมอ่ื วนั ท่ี 21 เมษายน พ.ศ. 2542 มกั ใชช้ ื่อในการทาํ งานวา่ \"dmr\" ในกลมุ่ ของเขา
8 3.3 จดุ เด่น-จุดด้อย ของภาษา จดุ เดน่ 1.มีการพฒั นาข้ึนใชง้ านเพอื่ เป็นภาษามาตรฐานท่ไี ม่ข้ึนกบั โปรแกรมจดั ระบบงานและไมข่ ้ึนกบั ฮาร์ดแวร์ 2.อาศยั หลกั การท่เี รียกวา่ \"โปรแกรมโครงสร้าง\" จึงเป็นภาษาทเ่ี หมาะกบั การพฒั นาโปรแกรมระบบ 3.อาศยั หลกั การท่ีเรียกว่า \"โปรแกรมโครงสร้าง\" จึงเป็นภาษาทเี่ หมาะกบั การพฒั นาโปรแกรมระบบ 4.มีความคล่องตวั คลา้ ยภาษาแอสแซมบลี ภาษาซีสามารถเขยี นแทนภาษาแอสแซมบลไี ดด้ ี คน้ หาทีผ่ ิดหรือ แก้ โปรแกรมไดง้ า่ ย ภาษาซีจึงเป็นภาษาระดบั สูงทีท่ าํ งานเหมือนภาษาระดบั ต่าํ 5.มีความคลอ่ งตวั ท่จี ะประยกุ ตเ์ ขา้ กบั งานต่างๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี การพฒั นาโปรแกรม เช่น เวิร์ดโพรเซสซิ่ง สเปรด ชีต ดาตาเบส ฯลฯ มกั ใชภ้ าษาซีเป็นภาษาสาํ หรับการพฒั นา 6.เป็นภาษาท่ีมอี ยบู่ นเกือบทุกโปรแกรมจดั ระบบงาน มีในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ต้งั แต่ 8 บิต ไปจนถงึ 32 บติ เคร่ืองมินิคอมพวิ เตอร์ และเมนเฟรม 7.รวมขอ้ ดีเดน่ ในเร่ืองการพฒั นา จนทาํ ใหป้ ็นภาษาที่มผี สู้ นใจมากมายท่ีจะเรียนรู้หลกั การของภาษา และวิธีการ เขยี นโปรแกรม ตลอดจนการพฒั นางานบนภาษาน้ี
9 จดุ ดอ้ ย 1.เรียนรู้ยาก 2.ตรวจสอบโปรแกรมไดย้ าก 3.ไมเ่ หมาะกบั การเขยี นโปรแกรมที่เก่ียวขอ้ งกบั การออกรายงานทม่ี รี ูปแบบซบั ซอ้ นมากๆ 3.4 การประยุกต์ใช้ภาษา C Language เป็นภาษาระดบั สูงท่ีสามารถทาํ งานแบบ assembly language ได้ ดว้ ยลกั ษณะการใชง้ านของภาษา และ translator ทม่ี คี วามสามารถแปลง Program ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ การประยกุ ตใ์ ชง้ าน C Language เพ่อื เขยี น Program จึงสามารถทาํ ไดอ้ ยา่ งหลากหลายเช่น การคาํ นวณทางคณิตศาสตร์ การจดั การแฟ้มขอ้ มลู การ เขียน Program ระบบปฏบิ ตั ิการ การควบคมุ อปุ กรณต์ ่อพว่ งกบั คอมพิวเตอร์ หรือใช้สร้าง Program ประยกุ ต์ อื่นๆ ท้งั น้ีตอ้ งมีการพจิ ารณาถึง Function การใชง้ านของภาษาและtranslatorดว้ ย การเขยี น Program ดว้ ย C Language ไม่เพียงตอ้ งรู้ syntax เทา่ น้นั แตจ่ าํ เป็ นตอ้ งรู้ข้นั ตอนการสร้าง Program ดว้ ย เพ่อื ให้ Program สามารถทาํ งานไดค้ รบตามความตอ้ งการอยา่ งถกู ตอ้ ง
10 บทที่ 4 เทคโนโลยปี ระยุกต์ Application Technology 4.เทคโนโลยีประยุกต์ 1. การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษา การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาน้นั มวี ัตถุประสงค์เพอื่ กระจายการศึกษาให้เข้าถึงประชาชนให้มาก ท่สี ุด การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านการศึกษา มีดงั น้ี 1) วีดิทศั น์ตามอัธยาศัย (Video on Demand : VOD) เป็ นระบบท่ีนําภาพวดิ โี อมาบันทกึ เป็ นไฟล์ในระบบ คอมพิวเตอร์และนําไฟล์ดงั กล่าวมาเผยแพร่ผ่านระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้เรยี นทอี่ ยู่ห่างไกล มีโอกาสเรียนรู้ได้ในเวลาทีส่ ะดวก อกี ท้ังยงั จดั ทาํ เป็ นลักษณะของส่ือผสม (multimedia) 2) หนังสืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-books) เป็ นหนังสือทอ่ี ย่ใู นรูปแบบของไฟล์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ท่ีไม่ต้องใช้ กระดาษ หนังสืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์สามารถอ่านได้โดยใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ประเภทพกพาและซอฟต์แวร์ ที่ใช้อ่าน
11 3) ห้องสมดุ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-library) หมายถึง แหล่งรวมความรู้ทีม่ ีระบบการทํางานของห้องสมดุ ให้อย่ใู น รูปแบบอตั โนมตั ิ เช่น ระบบบริการยืม–คืนทรัพยากรด้วยรหัสบาร์โค้ด ระบบบริการสืบค้นข้อมลู ทรัพยากร ระบบตรวจเช็คสถิติการยืม-คืนทรัพยากร เป็ นต้น ดงั น้ันห้องสมดุ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์จะเกบ็ ข้อมลู ไว้ในเคร่ือง คอมพวิ เตอร์ และให้บริการข้อมลู ผ่านเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ 4) การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-learning) เป็ นการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรยี นได้เรียนผ่านเครือข่าย คอมพวิ เตอร์อนิ เทอร์เนต็ (internet) หรืออนิ ทราเนต็ (intranet) ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรู้ได้ตาม ความสามารถและความสนใจ โดยเนือ้ หาในบทเรยี นซ่ึงอาจประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วดิ ีโอ และ มลั ติมีเดยี อ่นื ๆ
12 4.2 เทคโนโลยใี นงานธุรกจิ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาธุรกิจ พาณิชย์ และสาํ นกั งาน มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ เพิม่ ประสิทธิภาพในการผลติ และการบริการ ตวั อยา่ งการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นธุรกิจ พาณิชย์ และ สาํ นกั งาน จาํ แนกได้ ดงั น้ี 1) การพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-commerce) คือ การทาํ กิจกรรมทางธุรกิจผา่ นช่องทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ในทกุ ช่องทางเช่น อินเทอร์เน็ต โทรศพั ท์ วทิ ยุ แฟกซ์ เป็นตน้ ท้งั ในรูปแบบขอ้ ความ เสียง และภาพ โดยกิจกรรมทางธุรกิจจะเนน้ การขายสินคา้ หรือบริการซ่ึง เร่ิมต้งั แต่ส่วนของผชู้ ่ือ 2) สาํ นกั งานอตั โนมตั ิ (office automation) เป็นการนาํ เอาเทคโนโลยสี มยั ใหมไ่ ดแ้ ก่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซอฟตแ์ วร์ โทรศพั ท์ เทเลเท็กซ์ เครื่องเขยี น ตามคาํ บอกอตั โนมตั ิ (dictating machines) เคร่ืองถา่ ยเอกสารแบบหน่วยความจาํ เครื่องโทรสาร ฯลฯ มาใชช้ ่วย ใหก้ ารปฏบิ ตั ิงานในสาํ นกั งาน เกิดประสิทธิภาพและความสะดวกรวดเร็วมากข้นึ การใชอ้ ุปกรณค์ อมพิวเตอร์จะ ช่วยในเร่ืองการประมวลผลขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว การตดิ ตอ่ ส่ือสารภายในสาํ นกั งานเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ และยงั ช่วยให้ลดปริมาณการใชก้ ระดาษของสาํ นกั งานไดเ้ ป็นอยา่ งดี
13 4.3 เทคโนโลยดี ้านการแพทย์ การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นสาธารณสุขและการแพทยม์ วี ตั ถปุ ระสงคห์ ลกั เพอ่ื ให้ประชาชนมี สุขภาพอนามยั ที่ดีข้นึ ตลอดจนไดร้ บั การรกั ษาพยาบาลท่ดี ีข้ึน ดงั น้ี 1) ระบบแพทยท์ างไกล (telemedicine) เป็นโครงการของรฐั บาลทย่ี กระดบั การให้บริการรักษาผูป้ ่ วยในทอ้ งถิน่ ทรุ กนั ดารผา่ นเครือขา่ ย โทรคมนาคม 2) ระบบการปรึกษาแพทยท์ างไกล (medical consultation) เป็นระบบการปรึกษาระหว่างโรงพยาบาลชุมชนกบั โรงพยาบาลท่มี แี พทยผ์ เู้ ชี่ยวชาญผ่านสัญญาณ ดาวเทียม ซ่ึงสามารถส่งไดท้ ้งั ขอ้ มลู ภาพ ภาพเคล่ือนไหว และเสียง
14 บรรณานุกรม วิทยาการคอมพิวเตอร์ : https://www.shorturl.asia/NzhFT (เวบ็ งาน) https://www.shorturl.asia/Law3e (เวบ็ โปรไฟล์) กระบวนการเทคโนโลยี : https://www.shorturl.asia/jcV0b (เว็บงาน) https://www.shorturl.asia/WnAMc (เวบ็ โปรไฟล์) กระบวนการเทคโนโลยี : https://www.shorturl.asia/08XB7 (เว็บงาน) https://www.shorturl.asia/6ImoD (เวบ็ โปรไฟล์) เทคโนโลยปี ะยกุ ต์: https://www.shorturl.asia/Jq4GQ (เว็บงาน) https://www.shorturl.asia/JsSNg (เวบ็ โปรไฟล์)
15 ภาคผนวก 1.ภาพสถติ เิ กี่ยวกบั ผูช้ มเขา้ ไลฟ์ หรือนาํ เสนอออนไลน์ ยอดวิว 100 หรือยอดแชร์ 100
16 2.ยอดผูเ้ ขา้ ชมเวบ็ ไซตแ์ อดมนิ ยอดแชร์ 100 แชร์
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: