การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ ในยคุ กอ่ นมียานอวกาศ นกั ดาราศาสตร์จาแนกประเภทดาว เคราะห์ ตามลกั ษณะทไี่ ด้จากการสงั เกตการณ์ด้วยมมุ มอง จากโลก โดยใช้วงโคจรของโลกเป็นเกณฑ์ในการแบง่ ดาว เคราะห์ออกเป็นดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะห์วงนอก
ดาวเคราะห์วงใน Inferior Planets หมายถงึ ดาวเคราะห์ทอ่ี ยู่ใกลด้ วงอาทติ ย์มากกวา่ โลก ไดแ้ ก่ ดาวพุธ และดาวศุกร์ เราจงึ มองเห็นเคราะหจ์ ึง มองเหน็ ดาวเคราะห์วงในอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ เหนอื ขอบฟ้าด้านทศิ ตะวนั ตกเวลาพลบค่า หรือเหนือขอบฟ้าด้าน ทิศตะวนั ออกเวลารงุ่ เชา้ เทา่ นัน้ โดยดาวพธุ จะหา่ งจากดวงอาทิตย์ไม่เกนิ 28° และดาวศุกรอ์ ยู่ห่างจากดวง อาทติ ย์ไม่เกนิ 44° Greatest elongation ดังภาพท่ี 1 เมอื่ ใชก้ ล้องโทรทรรศน์สอ่ งดู ดาวเคราะห์ท้ัง สองจะปรากฏให้เห็นเป็นเสี้ยวสว่างซึ่งมีขนาดเปล่ยี นไปในแตล่ ะคนื ข้ึนอยกู่ บั ระยะหา่ งจากโลก และแสงเงา จากดวงอาทติ ย์
ดาวเคราะหว์ งนอก Superior Planets หมายถงึ ดาวเคราะห์ทอ่ี ยูไ่ กลดวงอาทติ ยม์ ากกว่าโลก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจูน ดาวเคราะหช์ ้ันนอกสามารถปรากฏให้เห็นตอนกลางคืนในชว่ งเวลาใดกไ็ ด้ ไม่จ่าเป็นต้องอยู่ ใกลด้ วงอาทิตยเ์ วลาขนึ้ หรือตก เมื่อส่องดดู ว้ ยกล้องโทรทรรศน์จะเหน็ ว่า ดาวเคราะห์ชน้ั นอกปรากฏให้เหน็ เป็นวงค่อนข้างกลมและมีขนาดคอ่ นข้างคงท่ี เนื่องจากอยไู่ กลจากโลกมากว่าดวงอาทติ ย์ จงึ หันดา้ นที่สะทอ้ น แสงอาทิตยเ์ ข้าสูโ่ ลกเสมอ ในยคุ อวกาศ นักดาราศาสตร์จ่าแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลกั ษณะทางกายภาพ ซ่ึงไดข้ ้อมลู มาจากยานอวกาศ ซงึ่ แบง่ ออกเปน็ ดาวเคราะห์ช้ันในและดาวเคราะห์ชน้ั นอก
ดาวเคราะห์ชัน้ ใน Inner Planets หรอื ดาวเคราะห์แขง็ Terrestrial planets หมายถึง ดาวเคราะห์ทม่ี พี น้ื ผวิ เปน็ ของแขง็ ไดแ้ ก่ ดาวพุธ ดาวศกุ ร์ โลก และดาวองั คาร เป็นดาวเคราะห์ท่มี ี ขนาดเลก็ และมมี วลน้อย เนื่องจากบรรยากาศท่ีหอ่ หุ้มดาวถูกท่าลายโดยรังสีคลื่นสัน้ และอนภุ าคพลงั งานสูง ทม่ี ากับลมสรุ ิยะ จงึ เหลอื แตพ่ นื้ ผิวทีเ่ ปน็ ของแข็ง
ดาวเคราะหช์ ั้นนอก (Outer Planets) หรือ ดาวเคราะหแ์ กส๊ (Giant Gas Planets) หมายถึง ดาวเคราะห์ท่ีมีบรรยากาศหนาแนน่ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจนู เป็นดาวเคราะหท์ ่ีมีขนาดใหญแ่ ละมีมวลมาก เนือ่ งจากอยู่หา่ งไกลจากอทิ ธิพลของรังสีและลมสรุ ิยะ บรรยากาศ จึงสามารถคงอยไู่ ด้อย่างหนาแนน่ ดาวเคราะห์ชัน้ นอกมมี วลมากจึงมแี รงโน้มถว่ งสูง ทา่ ใหด้ งึ ดูดสสาร ท้งั หลายมาสะสมไวภ้ ายใน และเปน็ ดวงจันทรบ์ ริวาร สนามแรงโนม้ ถว่ งความเขม้ สงู ท่าให้เกดิ แรงไทดัลบน วัตถุทเ่ี ข้ามาใกล้ แลว้ แตกสลายกลายเปน็ วงแหวน พิจารณาโครงสร้างภายในของดาวเคราะห์ชน้ั นอกซ่ึงมี องคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็นแกส๊ ไฮโดรเจนดังเช่นดวงอาทิตย์ ดังน้นั หากดาวเคราะหแ์ ก๊สสามารถสะสมมวล ให้มากพอที่จะกดดนั ให้ใจกลางของดาวมอี ุณหภูมสิ ูงถึง 15 ล้านเคลวนิ กจ็ ะสามารถฟวิ ชันไฮโดรเจนให้ กลายเปน็ ฮเี ลียมเกิดเป็นดาวฤกษ์ และหากนา่ บรรยากาศทห่ี นาแน่นด้วยแกส๊ ไฮโดรเจนนอ้ี อกไป ดาวเคราะห์ ช้นั นอกก็จะมีสภาพเปน็ ดาวเคราะหข์ นาดเล็กท่มี ีพนื้ ผวิ เปน็ ของแข็งดังเชน่ ดาวเคราะห์ช้นั ใน
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: