40 บนั ทกึ กระบวนการเรียนรู้เพ่อื การเปล่ยี นแปลงภายในแนวพุทธ: การวิจยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการชั้นเรียนจติ วทิ ยาในพระไตรปฎิ ก
41 บันทกึ กระบวนการเรยี นรูเ้ พอื่ การเปลย่ี นแปลงภายในแนวพุทธ: การวจิ ัยเชงิ ปฏิบัติการชั้นเรยี นจิตวทิ ยาในพระไตรปิฎก การจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พอ่ื การเปลยี่ นแปลงภายในแนวพทุ ธโดย เชอ่ื มโยงประสบการณใ์ นกระบวนการเขา้ กบั ชวี ติ (Connection) ผนวกกบั ความไหลลนื่ อย่างตอ่ เนื่องของกระบวนการ (Continuity) ชว่ ยเอื้อใหเ้ กิด พลงั และความไหลลนื่ ในการเรยี นรู้ รวมท้ังเอือ้ ใหผ้ ้เู ข้ารว่ มกระบวนการได้ รบั การปลดปลอ่ ย จนสามารถบม่ เพาะศกั ยภาพภายในเพอ่ื การเปลยี่ นแปลง ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากนก้ี ารเชอ่ื มโยงประสบการณข์ องสง่ิ แวดลอ้ ม รอบตวั ช่วยน้อมนำ� ให้เกิดกระบวนการสูภ่ ายในใจตนเองได้ (Internali- zation) จากนนั้ ในระหวา่ งวนั ทพ่ี วกเรา ผเู้ ขา้ รว่ มกระบวนการไดร้ ว่ มประชมุ กลุ่มกัน พร้อมท�ำกระบวนการผ่านกิจกรรมการเล่าเร่ือง การแลกเปล่ียน เรียนรู้กัน ด้วยบรรยากาศของความเป็นกัลยาณมิตร ที่เอ้ือต่อการเข้าใจ และไว้วางใจซ่ึงกันและกัน จิตใจเปิดกว้าง พร้อมยอมรับฟังเร่ืองราวของ เพ่ือนร่วมกระบวนการอย่างลึกซ้ึงและเช่ือมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน มีโอกาส แลกเปลย่ี นเรยี นร้ซู ่ึงกันและกันอย่างเป็นธรรมชาติ
42 บนั ทกึ กระบวนการเรยี นรู้เพือ่ การเปล่ียนแปลงภายในแนวพทุ ธ: การวจิ ัยเชิงปฏบิ ัติการชัน้ เรียนจิตวทิ ยาในพระไตรปิฎก
๔ บนั ทกึ การเรยี นรูส้ ่กู ารเปลี่ยนแปลง ภายในแนวพทุ ธ การเข้าค่ายการเรยี นรู้สู่การเปล่ียนแปลงภายในแนวพุทธ ในเดือน เมษายน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอคุ รั้งนี้ ทง้ั ผ้วู จิ ัยและผรู้ ว่ มกระบวนการ เรียนรู้ต่างได้เรียนรู้และเติบโตด้านในอย่างค่อยเป็นค่อยไป ได้มีโอกาส ใครค่ รวญดว้ ยใจอย่างลึกซึ้ง แมอ้ ากาศรอ้ นทางกาย แต่จิตใจของพวกเรา กลับสดช่ืน และไมน่ านสายฝนกโ็ ปรยปรายให้ความชมุ่ ชื่นแกพ่ วกเรา หลงั จากทพ่ี วกเราด�ำเนินวถิ ีแห่งสตยิ ามคำ�่ คืนเรยี บร้อยแลว้ พระนิสิตผู้เข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้ท่านหนึ่งได้กล่าวไว้อย่างน่า ชืน่ ชมวา่ “ตกผลกึ ทางความคดิ เปล่ยี นอิฐให้กลายเปน็ อัญมณ”ี ผู้วิจัยได้สังเกตเห็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีค่อยๆเกิดข้ึนภายในของ พระนสิ ติ ผเู้ ขา้ รว่ มกระบวนการเรยี นรู้ ผา่ นการแลกเปลยี่ นและสะทอ้ นขอ้ มลู กลับ จงึ ขอแลกเปลีย่ นข้อมลู บางส่วนมาเลา่ สแู่ ดท่ ่านผูอ้ า่ นในทน่ี ี้ บันทกึ การเรียนรู้สกู่ ารเปลีย่ นแปลงภายใน “ตกผลึกทางความคิด เปลี่ยนอิฐให้กลายเป็นอัญมณี... การเข้าสู่ กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายใน” ค�ำกลา่ วขึน้ ต้นของ พระสวุ ิทย์ เขมโก วดั เทวสังฆาราม ทา่ นไดแ้ ลกเปลีย่ นในทป่ี ระชุมกล่มุ ว่า
44 บันทกึ กระบวนการเรยี นรเู้ พอ่ื การเปล่ยี นแปลงภายในแนวพุทธ: การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการชน้ั เรยี นจิตวทิ ยาในพระไตรปิฎก “เมอื่ อาตมาไดเ้ ข้ารว่ มโครงการของ อ.ดร.อยุษกร งามชาติ ซึง่ เคย สอนอาตมา หรือเรียกให้สุภาพตามสมมติทางสังคมว่า เคยถวายความรู้ เมื่อได้ทราบขา่ วเกีย่ วกับโครงการจติ วทิ ยา ก็สนใจ มฉี ันทเจตนาประสงค์ จะเข้าร่วมด้วยตั้งแต่แรก ท�ำให้การเข้าร่วมกิจกรรมไม่รู้สึกเคร่งเครียด ในการปฏิบัติ เพราะไม่ใช่การบังคับแบบค่ายคุณธรรมเม่ือครั้งสมัยเป็น นกั เรยี น รวมทง้ั ทราบตารางกำ� หนดการลว่ งหนา้ และสถานทก่ี ส็ ปั ปายะ อาหาร สัปปายะ ที่ส�ำคัญบุคคลสัปปายะ องค์ประกอบล้วนถึงพร้อมแก่การรับ ความรู้ ตัง้ แตว่ นั แรกทม่ี าเขา้ คา่ ยกิจกรรม อาตมาพยายามท�ำตัวเปน็ ผู้ใหม่ ท่นี ำ้� ไมเ่ ตม็ แก้ว สลัดภาระและอุปสรรคทงิ้ จากเดมิ ทีอ่ าตมาเคยมองและ ตัดสินผู้อื่นด้วยความคิดหรือมุมมองของตัวเอง เมื่อเข้าร่วมกระบวนการ เรียนรู้ ก็รู้จักรับฟังผู้อ่ืนมากข้ึน และปรับทัศนคติในการมองโลกให้เป็น ความจริง และย้อนกลับมาดตู วั เอง กิจกรรมท่ีชอบ คือ กิจกรรมดูจิตตัวเองคนเดียว คืนแรกปฏิบัติ อิรยิ าบถ ๔ อย่างมีความกลวั บ้าง ง่วงบ้าง คนื ต่อมาจงึ ตดั สินใจ นำ� อาสนะ ไปผืนเดยี วนง่ั พจิ ารณาในมงุ้ กลด ปฏิบัติ ๒ อริ ิยาบถ คือ เดิน และน่ัง ไม่กลัวอะไร เพราะมองทุกอย่างตามสภาพความจริง ได้อยู่กับความ ไม่ประมาท หากมีส่ิงใดเกดิ ข้นึ โดยไม่ทันตง้ั ตวั และเม่อื ได้มโี อกาสดูจิตตัว เองในสถานทส่ี งัด กเ็ กดิ โยนิโสมนสิการไดม้ ากขน้ึ ” พระมหาชาติชาย อคฺคปญฺโญ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ได้ เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลสะท้อนกลับว่า “เห็นความ เปลย่ี นแปลงของจติ ใจ และไดเ้ รยี นรวู้ า่ คนเราไมว่ า่ จะอยใู่ นสถานการณใ์ ด จะทุกขท์ รมานเพียงใด แต่เมื่อจติ นง่ิ เปน็ สมาธิแล้ว เราจะไมร่ ู้สึกทกุ ขไ์ ป
กบั สถานการณ์นั้นๆ แม้จะไดร้ ับความสขุ ก็ไม่หลงใหลมัวเมา ตามกระแส แห่งความสขุ น้นั จติ เป็นกลาง สงบน่ิง กจิ กรรมเมตตาภาวนา แผค่ วามสุขให้แก่ผู้อนื่ ท�ำใหร้ ู้สกึ ว่ากระแส จติ เมตตานนั้ ยอ้ นกลบั มาใหเ้ ราเปน็ สขุ ดว้ ย ความเมตตาปรารถนาดี ทำ� ใหเ้ รา รสู้ ึกวา่ เราเป็นทร่ี ัก อบอุ่น ปลอดภัย การทไ่ี ด้มาอยู่ร่วมกนั ในทน่ี ้ี ได้เรียน รู้นสิ ยั เบอ้ื งลึกของกนั และกนั ความเมตตาจิตที่มตี อ่ กนั รู้สกึ ได้รบั พลังงาน จากกลั ยาณมติ ร เปน็ พลงั งานเชงิ บวก ทำ� ใหเ้ รยี นรวู้ า่ ทกุ อยา่ งมคี วามหมาย ในตัวเอง การกระท�ำทกุ อยา่ งมีผล” พระสุนทร เดชธโร ได้แลกเปล่ียนสะท้อนข้อมูลว่า “เดิมอาตมา เป็นคนมองโลกแง่ลบ เพราะส่วนใหญ่แวดล้อมด้วยคนไม่ดี ไม่มีความ จริงใจ แต่เมือ่ มีโอกาสเขา้ รว่ มกระบวนการเรยี นรใู้ นระยะเวลา ๓ วนั ได้ เห็นพฒั นาการของตนเองท้ังกายและจิตใจ มคี วามคิดในแงด่ ีมากขึ้น กล้า แสดงออกเพ่มิ มากขึน้ ด้วย แมจ้ ะมอี ุปสรรคบา้ งกไ็ มใ่ ช่ปญั หา เพราะความ คดิ ในดา้ นบวกชว่ ยใหม้ คี วามคดิ สรา้ งสรรค์ คดิ อะไรใหมๆ่ ในการแกป้ ญั หา ส่งิ ท่ปี ระทับใจ คอื ความเป็นธรรมชาติ สงบรม่ เย็นของแม่น้�ำ ต้นไม้ ใน การปฏบิ ตั ิยามคำ่� คืนนน้ั แมจ้ ะมยี งุ มากมาย แตก่ ็อดทนไดแ้ ละปฏิบัตไิ ด”้ พระนเรศ ขนฺติธมฺโม แลกเปล่ียนและสะท้อนข้อมูลว่า “ชอบ กจิ กรรม “ฉนั คอื ใคร” ท�ำให้เขา้ ใจตวั เองมากขึน้ และเข้าใจผ้อู ื่นมากข้นึ การไดว้ าดภาพระบายสชี ว่ ยใหบ้ อกเรอ่ื งราวไดม้ ากมาย กจิ กรรมครงั้ นท้ี ำ� ให้ จติ ใจสงบมากขน้ึ ปรับตวั เข้ากบั ผูอ้ ่นื ไดด้ ี และสามารถน�ำความร้เู กยี่ วกบั จติ วิทยาไปประยกุ ตใ์ ช้กับชีวติ ได”้ พระธนกฤต ขนตฺ ิพโล วัดท่าขนุน ไดแ้ ลกเปลย่ี นและสะท้อนข้อมลู ว่า “ส่ิงที่ผมได้เรียนรคู้ ือ ผมได้ทดสอบกำ� ลังใจของตัวเองก่อนท่ผี มจะไป
46 บันทึกกระบวนการเรยี นรเู้ พือ่ การเปลี่ยนแปลงภายในแนวพทุ ธ: การวิจยั เชงิ ปฏิบัติการชัน้ เรยี นจิตวิทยาในพระไตรปฎิ ก เดินธุดงค์ในป่าจริงๆ ท�ำให้รู้ว่าตนเองยังมีความกลัวอยู่มาก และท�ำให้ มคี วามอดทนมากขน้ึ ตั้งใจฟังคนอ่นื มากขน้ึ โดยไมต่ ดั สินก่อน และท�ำให้ ผมเรียนรู้ว่าคนที่ไม่คิดเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต่อให้ใครใช้เวทมนตร์หรือ อะไร กไ็ มส่ ามารถเปลยี่ นแปลงได้ เขา้ ใจในคำ� สอนของพระพทุ ธองคท์ ตี่ รสั วา่ “ตถาคตเปน็ เพยี งผบู้ อกทาง” พระพทุ ธองคม์ ฤี ทธม์ิ าก กย็ งั ไมท่ รงคดิ ใช้ อิทธิฤทธเิ์ ปลย่ี นแปลงใคร ถ้าเขาไม่ยอมเปลยี่ นแปลงตนเอง” พระชุติกานต์ อภินนฺโท วดั ทา่ ขนุน ไดแ้ ลกเปลย่ี น และสะทอ้ น ขอ้ มลู กลบั ว่า “ การเข้าร่วมกิจกรรมคร้งั นี้ ต้งั แต่วนั ท่ี ๒๙ เม.ย. ถึง วนั ที่ ๑ พ.ค. กิจกรรมท่ชี อบและเห็นประโยชน์ท่ีสดุ คือ กิจกรรมยามคำ�่ คืน ในสถานทป่ี ฏบิ ตั ธิ รรมตามอธั ยาศยั เพราะเปน็ ชว่ งเวลาทอี่ ยคู่ นเดยี ว ทำ� ใจ ใหส้ งบ เหน็ ใจตวั เองไดง้ า่ ย คอยประคบั ประคองจติ ใจไมใ่ หฟ้ งุ้ ซา่ น เพราะ อยใู่ นสถานทไี่ มค่ ้นุ เคย อกี ทั้งมดื ไม่มีใคร มองไมเ่ หน็ อะไรดว้ ย ก็ต้อง ควบคมุ ใจใหอ้ ยใู่ นภาวะปกติ ฝกึ ความอดทน ทำ� จิตใจให้เขม้ แขง็ เพราะ ตอ้ งตอ่ สกู้ บั สง่ิ ตา่ งๆทไี่ มเ่ ปน็ ไปตามทค่ี ดิ ไว้ ทำ� ใหเ้ หน็ แนวทางในการดำ� เนนิ ชีวิตต่อไป การเปิดใจและแผ่เมตตา ท�ำให้รู้สึกดี สร้างความสัมพันธ์และ บรรยากาศทดี่ ี ทำ� ใหจ้ ติ ใจออ่ นโยนและสงบลงได้ เพราะรสู้ กึ เยน็ กายเยน็ ใจ และผอ่ นคลาย” พระกติ ตพิ งษ์ เชอื งต๊ึก วัดถ้�ำเขาน้อย ได้แลกเปลยี่ นและสะท้อน ขอ้ มลู กลบั วา่ “ไดเ้ หน็ พฒั นาการความเปลย่ี นแปลงของตนเอง ไดป้ ลกู เมลด็ พนั ธแ์ุ หง่ คณุ สมบตั ทิ ตี่ นเองตอ้ งการ ซงึ่ อาจจะเปน็ คณุ สมบตั ทิ มี่ อี ยแู่ ลว้ แต่ การเข้ารว่ มกิจกรรมครง้ั น้ี ทำ� ให้เหน็ ชดั เจนขน้ึ เม่อื ไดใ้ ชเ้ วลาถามตัวเองวา่
47 บันทึกกระบวนการเรยี นรเู้ พ่ือการเปล่ยี นแปลงภายในแนวพุทธ: การวิจัยเชิงปฏบิ ตั ิการชั้นเรยี นจิตวิทยาในพระไตรปิฎก ชวี ติ เราตอ้ งการอะไร เราเกดิ มาเพอื่ อะไร ทำ� ไมเราจงึ ตอ้ งมาทนี่ ่ี กไ็ ดค้ ำ� ตอบ จากใจของตวั เอง ภาพทอี่ อกมาบ่งบอกถงึ ความเป็นตัวเองไดช้ ดั เจน” การจัดค่ายกระบวนการเรียนรู้เพื่อการเปล่ียนแปลงภายในแนว พุทธ ท่ีผู้วิจัยสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจท่ีจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ท่ีตัวเองได้สร้างสมมาทั้งศาสตร์จิตวิทยาตะวันตกและศาสตร์จิตวิทยา พุทธศาสนา เมื่อหล่อหลอมจนกลายเป็นส่วนหน่ึงของตัวตนของผู้วิจัย แล้ว แม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็มีความปรารถนาที่จะแบ่งปันองค์ความรู้ และการเรียนรู้น้ีให้แก่ผู้เป็นศิษย์ท่ีได้ให้เกียรติและยกย่องให้ผู้วิจัยเป็น อาจารย์ผู้หนึ่งของพวกท่าน จนกระท่ังในท่ีสุด “เมื่อศิษย์พร้อม ครูก็ได้ ปรากฏ” ผู้วิจัยได้มองเห็นกระบวนการที่หลอมรวมเป็นหน่ึงเดียวกัน ระหว่างครกู บั ศษิ ย์ ศษิ ยก์ บั ศษิ ย์ และสรรพสิ่ง เห็นความเชื่อมโยงกนั ของ สรรพชีวิต สรรพสงิ่ “All in One, One in All”
48 บนั ทึกกระบวนการเรยี นรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงภายในแนวพทุ ธ: การวจิ ัยเชงิ ปฏิบตั กิ ารชน้ั เรียนจติ วิทยาในพระไตรปฎิ ก จากทฤษฎีสู่ปฏิบตั .ิ .. จากห้องเรียนส่กู ารปฏิบัตกิ าร กระบวนการเรยี นรสู้ ่กู ารเปลย่ี นแปลงภายในแนวพุทธ “โลกภายนอกกวา้ งไกลใครใครร ู้ โลกภายในลกึ ซึ้งอยรู่ ู้บ้างไหม จะมองโลกภายนอกมองออกไป จะมองโลกภายในใหม้ องตน” ภาษติ อุทานธรรม
บันทกึ ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... .....................................................
บันทกึ ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... .....................................................
บันทกึ ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... .....................................................
บันทกึ ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... .....................................................
บันทกึ ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... .....................................................
บันทกึ ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ..................................................... .....................................................
“ภิกษทุ ง้ั หลาย กจิ ใด ทศ่ี าสดาผแู สวงหาประโยชนเ กอื้ กลู ผอู นุเคราะห อาศยั ความอนเุ คราะหพ งึ ทำแกสาวกท้ังหลาย กจิ นั้น เราไดทำแลว แกเธอทัง้ หลาย ภิกษุทงั้ หลาย น่นั โคนไม นนั่ เรอื นวาง เธอท้งั หลายจงเพง อยาประมาท อยาเปนผูมีวปิ ปฏสิ าร (ความรอ นใจ) ในภายหลงั เลย นเ้ี ปนอนสุ าสนขี องเราเพื่อเธอทง้ั หลาย” พระพทุ ธพจน จากอรกสูตร
Search