Best Practices เรอ่ื งส่งเสริมการร้หู นังสือไทย จดั ทาโดย นางสาววิลยั ปรางมาศ ตาแหน่ง ครอู าสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรยี น กศน.อาเภอขขุ นั ธ์ สานักงาน กศน.จงั หวดั ศรีสะเกษ สานักปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
การอนมุ ัตผิ ลการปฏบิ ตั งิ านทด่ี ี (Best Practice) ประจาปงี บประมาณ 2564 ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอขขุ นั ธ์ เพ่อื ใหก้ ารจดั การศึกษาบรรลุเป้าประสงคต์ ามที่สถานศกึ ษากาหนด สถานศึกษาได้ใหจ้ ดั ทาผลการ ปฏบิ ัติงานที่ดี (Best Practice) ประจาปงี บประมาณ 2564 ทีส่ อดคล้องกับนโยบายสานักงาน กศน. ซง่ึ ผูบ้ ริหาร สถานศกึ ษาได้พจิ ารณาในผลการปฏิบตั ิงานทดี่ ี (Best Practice) ประจาปีงบประมาณ 2564 ของศูนยก์ ารศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอขุขนั ธแ์ ลว้ จงึ เห็นชอบผลการปฏิบตั ิงานทีด่ ี (Best Practice) ประจาปงี บประมาณ 2564 ดังกลา่ ว ลงชื่อ.................................ผูอ้ นุมัติ (นายศภุ ชัย ประจมิ ) ผ้อู านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอขุขันธ์
คานา รายงานผลการปฏิบัตงิ านทเ่ี ป็นเลิศ ( Best Practice ) เรื่อง การสง่ เสรมิ การร้หู นังสอื ไทย ของครอู าสาสมัคร การศกึ ษานอกโรงเรียนเล่มนี้ จดั ทาขน้ึ เพือ่ เป็นข้อมลู สรุปผลรายงานผลการปฏบิ ัติงานท่เี ปน็ เลศิ ภาคเรยี นที่ 2/2563 หวงั เป็นอยา่ งยิ่งว่า รายงานผลการปฏิบัติงานท่ีเปน็ เลศิ ( Best Practice ) เล่มนี้ จะสามารถนาไปใช้ประโยชน์ ในการจัดการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ของสถานศึกษาต่อไป นางสาววิลยั ปรางมาศ ครูอาสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรียน ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอขุขันธ์ 9 เมษายน 2564
สารบัญ หนา้ 1-8 คานา สารบัญ - รายงานผลการปฏบิ ัตงิ านท่เี ป็นเลศิ ( Best Practice ) ภาคผนวก -แบบประเมินความพึงพอใจ -แบบสรปุ ผลการประเมินความพึงพอใจ คณะทางาน
ผลงานการปฏบิ ตั งิ านทเี่ ปน็ เลศิ (Best Practice) ชอื่ ผลงาน : การส่งเสรมิ การรูห้ นงั สอื ไทย ช่อื ผนู้ าผลงาน : นางสาววลิ ยั ปรางมาศ . ตาแหนง่ : : ครอู าสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรยี น . สถานศึกษา : ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอขขุ นั ธ์ สงั กดั : สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวดั ศรสี ะเกษ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. ความเปน็ มา/ความสาคัญของผลงาน การรู้หนังสือ เป็นสิทธิท่ีมนุษย์ทุกคนพึงได้รับ และเป็นพ้ืนฐานท่ีจาเป็นต่อการเรียนรู้ การสื่อสารตลอดจน เป็นเคร่ืองมือท่ีจาเป็นในการแสวงหาความรู้ ซึ่งประชาชนชาวไทยทุกคนมีสิทธ์ิได้รับการศึกษาข้ันพื้นฐานอย่างเท่า เทียมกันและมีคุณภาพ ส่งเสริมให้ทุกคนได้เรียนร้ภู าษาไทยเพ่ือใชใ้ นการติดต่อสอื่ สารได้เข้าใจตรงกัน และนาความรู้ ไปใชใ้ นการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ได้ตรงตามความต้องการของบุคคล อีกท้ังภาษาไทยเป็นภาษาประจาชาติ เป็นกลางใน การส่อื สารและสืบสานวัฒนธรรม ดังนน้ั สานักงาน กศน. ซ่ึงมีบทบาทหน้าท่ใี นการส่งเสริมให้บุคคลที่ไม่รหู้ นังสือไทย หรือลืมหนังสือได้รู้หนังสือไทยเห็นว่าควรกระจายโอกาสและเพ่ิมความเสมอภาคทางการศึกษาให้มากขึ้น จึงให้ ความสาคญั กบั การส่งเสรมิ การรูห้ นังสอื เพื่อเปน็ กาลงั สาคญั ในการพัฒนาประเทศชาติใหร้ ุ่งเรอื งสบื ไป กศน.อาเภอขุขนั ธ์ ซ่งึ มบี ทบาทหนา้ ทใี่ นการสนบั สนนุ สง่ เสริม ให้สถานศกึ ษาจดั การศึกษาเพอ่ื สง่ เสริมการรู้ หนังสอื ร่วมกบั ภาครัฐ เอกชน ชมุ ชน สงั คมและภาคเี ครือขา่ ยจัดกจิ กรรมการศกึ ษาตามความตอ้ งการศึกษา/การ เรียนรขู้ องประชาชนในพ้นื ที่ และบริบทเฉพาะของหมูบ่ า้ น/ชุมชนแตล่ ะพนื้ ท่ี ซึ่งทาให้ได้ฝึกการอ่าน เขียน คิด คานวณได้อยา่ งมมี าตรฐาน เสรมิ สรา้ งนสิ ยั การอ่านและการเข้าถึงข่าวสารขอ้ มูลและความรขู้ องประชาชนอย่างทวั่ ถงึ โดยเช่อื มโยงการทางานเปน็ เครือขา่ ยกับ กศน.ตาบล/ศนู ย์การรู้ชุมชนในพื้นทเี่ พื่อสร้างกระบวนการเรยี นรูอ้ ย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งจากการลงพื้นทส่ี ารวจสภาพปัญหา ยงั พบว่า ประชาชน กลุม่ ผู้พลาดโอกาส กลุ่มผูส้ ูงอายุ พบว่ามกี ลมุ่ ทล่ี ืม หนงั สืออยู่เปน็ จานวนมาก จึงได้ทากิจกรรม “สง่ เสรมิ การรหู้ นังสือไทย” ขน้ึ เพ่ือรองรับสงั คมผู้สงู วยั อย่างเต็ม รูปแบบ ในปี 2564 ส่งเสริมกจิ กรรมการเรียนรู้ทหี่ ลากหลายรปู แบบ มีกิจกรรมการรวมกลุ่ม ลดภาวะการซมึ เศร้า ส่งเสริมกจิ กรรมอย่างสรา้ งสรรค์ และเห็นคุณคา่ ของตนเอง 2. วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ สง่ เสริมการรู้หนังสอื และปอ้ งกันการลมื หนังสือให้กับประชาชน 2. เพ่ือพัฒนาทักษะด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคานวณ (อ่านภาษาไทยแบบแจกลูก - สะกดคาได้ ผสมคาใหม่ ) ได้อย่างมมี าตรฐานและพฒั นาคุณภาพชวี ิตทด่ี ขี ึ้นของประชาชน 3. เพ่ือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นาความรู้และประสบการณ์มาแลกเปล่ียนเรียนรู้ตามปรัชญาคิดเป็น ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผ้เู รียน ครอบครัว ชุมชน และสังคม เป็นสาคญั
-2- 3. เป้าหมาย 3.1 เชงิ ปริมาณ - กลุม่ ผลู้ ืมหนังสือ/ประชาชนทวั่ ไป/ผสู้ งู อายตุ าบลหนองฉลอง จานวน 21 คน 3.2 เชิงคุณภาพ - ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้าหมาย สามารถอ่าน ออก เขียนได้ และพัฒนาทักษะด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคานวณ (อ่านภาษาไทยแบบแจกลูก - สะกดคาได้ ผสมคาใหม่ ) ไดอ้ ยา่ งมีมาตรฐาน และพฒั นาคณุ ภาพชีวิตทด่ี ขี น้ึ 4. แผนการปฏิบัติงาน แผนการปฏบิ ตั งิ าน พ.ย.2563 ธ.ค. 2563 ม.ค 2564 ก.พ.2564 ม.ี ค.2564 เม.ย.2564 1. บนั ทึกเสนอผบู้ รหิ าร เพอ่ื จัดทา แผนสง่ เสริมการรหู้ นงั สือไทย 2. จัดทาแผนปฏิบตั ิการดาเนนิ งาน 3. ดาเนนิ การจดั กจิ กรรมตามแผน ส่งเสรมิ การรู้หนงั สือไทย 4. นิเทศการดาเนินกิจกรรมในพน้ื ท่ี 5. รายงานผลการดาเนนิ งาน 5.หลักการและแนวคดิ 3.1 สารวจความสนใจและความตอ้ งการของประชาชน 3.2 วิเคราะห์ข้อมูลเก่ยี วกับความสนใจและความต้องการของประชาชน 3.3 ประชุมวางแผนหาแนวทางการดาเนนิ งาน 3.4 ประสานและวางแผนแนวทางการปฏบิ ัติ 3.5 นาเสนอกจิ กรรมหลกั สตู ร 3.6 ตรวจสอบความพรอ้ มการดาเนนิ กิจกรรม 3.7 ดาเนินการจดั กิจกรรมตามแผนการจัดกจิ กรรม 6. กระบวนการผลติ งานหรอื ขัน้ ตอนการดาเนนิ งานปฏิบัตทิ ีเ่ ป็นเลศิ ได้นากระบวนการบริหารงานคุณภาพ PDCA มาใช้ในขั้นตอนในการดาเนินงานอ่านแจกลูก ถูกใจผู้เรียน ดังนี้
-3- โดยไดด้ าเนินการดงั นี้ 1. ครทู ดสอบความร้ผู ้เู รียนกอ่ นการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน โดยใชแ้ บบทดสอบทคี่ รูจัดทาขึ้น เพื่อวัดความรู้พ้นื ฐานของผเู้ รยี น และนาไปเปน็ ข้อมลู ในการจัดการเรียนการสอนตามสภาพของผูเ้ รยี น โดยมี การสารวจข้อมูลความต้องการทางการศกึ ษา /กิจกรรมการเรียนรู้ โดยผา่ นการทาเวทปี ระชาคมของหมู่บ้าน กอ่ นบรรจุลงในแผนปฏบิ ตั ิการ ( ขน้ั ตอนน้ีอยู่ใน P) 2. ครูจัดการเรียนการสอนโดยใช้หนังสือหลักสูตร การรู้หนังสือไทย จานวน 12 สภาพ และสอน โดยใช้ 4 ขั้นตอน คือ นาเข้าสู่บทเรียน ขั้นสอน ขั้นสรุป และข้ันประเมินโดยดาเนินการ ดังนี้ (ขั้นตอนน้ีอยู่ ใน D) ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน 1. ครูร้องเพลง ท่ีสัมพันธ์กับเนื้อหาในแต่ละบท เช่น บทท่ี 1 เรียนเรื่องสระอา กับ สระอื ใช้เพลง สระอา กบั สระอื ให้ผ้เู รยี นรอ้ งตาม 2 รอบ จาหน้นั ให้ผเู้ รียนร้องพรอ้ มกัน 2 รอบ 2. ครูพูดถึงสัตว์ส่ิงของ ตัวละครในหนังสือเพื่อเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยครอู ธบิ ายเพือ่ ให้ผู้เรียนรู้จักและเขา้ ใจความหมายของคา ขั้นสอน 1. ครสู อนเนือ้ หาจากหนังสือหลักสูตรการร้หู นงั สอื ไทย ขน้ั ที่ 1 ครอู ่านให้ผู้เรยี นฟังก่อน ข้นั ที่ 2 ครูอา่ นและให้ผู้เรยี นอ่านตาม ขนั้ ท่ี 3 ใหผ้ ู้เรยี นชว่ ยกันอ่าน ข้นั ท่ี 4 ครูคดั เลือกตวั แทนอา่ น ขั้นท่ี 5 ใหผ้ เู้ รียนอา่ นพร้อมกนั 2.ครอู ่านบัตรคาเพอื่ ใหผ้ เู้ รียนฟัง แล้วใหผ้ ู้เรยี นฝกึ อ่านตามครู 3.ครแู จกบตั รคาใหผ้ ู้เรยี น คนละ 1 บัตร แลว้ ใหอ้ อกมาอา่ นให้เพอื่ นฟงั 4.ครูให้ผ้เู รยี นฝกึ อ่านจากแบบฝึกจากหนงั สือหลักสูตรการรู้หนังสอื ไทย 5.ครูให้ผู้เรียนคัดลายมือตามแบบจากหนังสือหลักสูตรการรู้หนังสือไทย ลงในสมุดด้วยตัวบรรจง เต็มบรรทัด พร้อมทั้งวาดรูปประกอบ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนฝึกการคัดลายมือ และเกิดความเพลิดเพลินและ สนุกสนานในการเรียน 6.ครูเขียนตวั อย่างคาบนกระดานใหผ้ ู้เรียนเขยี นดว้ ยตัวบรรจงเต็มบรรทดั 7.ครูแจกแบบฝึกหัดอ่าน เขียนให้ผู้เรียนตาละคน ฝึกเขียนประสมสระกับพยัญชนะ และฝึกอ่าน สะกดคา-แจกลกู ใหเ้ ปน็ คา แลว้ นากลบั ไปทบทวนบทเรียนท่บี า้ น 8.ครูทดสอบหลังเรียนในแต่ละบท โดยใช้แบบทดสอบท้ายบท เพื่อทราบความก้าวหน้าในการอ่าน และการเขียนคาของผู้เรียนแต่ละคนในแต่ละบทเรียน นอกจากนี้ครูได้สร้างแบบฝึกการเขียน อ่านเพ่ิมเติม เพอ่ื ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการอ่าน เขยี น คดิ คานวณ ขั้นสรุป ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาและสรุปคาศัพท์ทไ่ี ด้เรยี นรู้ในแต่ละบท
-4- ขน้ั ประเมนิ ( ขั้นตอนน้อี ยู่ใน C ) 1.ครูทดสอบความร้กู ่อนเรียนเนือ้ หาในแต่ละบทท่ีครูจดั ทาขน้ึ 2.ประเมินจากการสังเกตพฤตกิ รรมในการร่วมกิจกรรม 3.ประเมินจากแบบฝึกหัด 4.ประเมนิ จากผลการทดสอบหลังเรียน 3.3 ครูทดสอบความรู้ผู้เรียน หลังจากจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้แบบทดสอบท่ีครูเรา จัดทาขนึ้ เพ่อื วัดผลประเมนิ ผล 3.4 ตดิ ตามผลการนาความร้ไู ปใช้จากแบบตดิ ตามผู้เรียน (ข้ันตอนนี้อยูใ่ น A) 3.5 จากการประเมินผลการจัดการสอนภาษาไทยแบบแจกลูก - สะกดคา พบว่าผู้เรียนบางคนมี ปัญหาในการเขียนคือ เขียนอักษรหัวกลับ ครูแก้ไขโดยสร้างแบบฝึกการเขียนคาเพ่ือให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะ เพ่มิ เติม จนผู้เรยี นสามารถเขียนอักษรไดถ้ ูกตอ้ ง นอกจากน้ีการสอนภาษาไทยแบบแจกลกู -สะกดคา ครูควร สอนการออกเสียงให้ผู้เรียนฟังก่อน และควรสอนสระเสียงยาวก่อนเพราะออกเสียงง่าย ช่วยให้ผู้เรียน สามารถจาไดง้ า่ ย และในการฝกึ อา่ นครูควรเน้น ย้า ซา้ ทวน บ่อยๆอยา่ งน้อย 3 คร้งั ขน้ึ ไป 7. ผลการดาเนนิ งาน/ผลสัมฤทธิ/์ ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับ 1. ประชาชนท่ัวไปและกลุ่มเป้าหมายมีทักษะด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคานวณ (อ่านภาษาไทย แบบแจกลกู -สะกดคาได้ ผสมคาใหม่ ) ไดอ้ ยา่ งมมี าตรฐานและพฒั นาคุณภาพชีวิตท่ีดขี ้ึนของประชาชน 2. ประชาชนทวั่ ไปและกลุ่มเปา้ หมายได้นาความรู้และประสบการณม์ าแลกเปล่ียนเรยี นร้ตู ามปรชั ญาคิดเป็น สง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของผเู้ รียน ครอบครัว ชมุ ชน และสงั คม เป็นสาคัญ 8. ปัจจัยความสาเร็จ ในการดาเนินงานได้รบั ความรว่ มมือจากภาคีเครือข่ายหนว่ ยงานทเี่ ก่ียวขอ้ งดังนี้ - องค์การบรหิ ารส่วนตาบลหนองฉลอง ให้ความอนเุ คราะหก์ ารประชาสมั พนั ธ์กิจกรรม - ผู้ใหญบ่ ้านนิคมซอย 3 ให้ความอนเุ คราะหก์ ลุม่ เป้าหมายร่วมกิจกรรม - ครผู สู้ อนใชเ้ ทคนิคการสอนแบบแจกลูกสะกดคา และเนน้ ยา้ จนผู้เรียนสามารถอา่ นได้ - ครูใชเ้ พลง เกม ในการนาเข้าสบู่ ทเรยี น - แบบฝึกหดั การอา่ นและการเขยี นช่วยฝกึ ทักษะใหผ้ ู้เรียนสามารถอา่ น และเขียนได้ - ครูเปลี่ยนบรรยากาศการเรียนการสอนจากในห้องเรยี น มาเปน็ นอกหอ้ งเรียน - ใช้สอ่ื การสอนจากประสบการณต์ รง - ครกู ศน.ตาบลหนองฉลอง ให้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดี โดยอานวยความสะดวกและ ประสานกลุ่มเป้าหมายเขา้ ร่วมกจิ กรรม
-5- 9.ทาไมถงึ เลือกเปน็ Best Practice ครพู ัฒนาการเรยี นของผูเ้ รยี นโดยยึดหลักวงจรคณุ ภาพของเดมมงิ่ (PDCA) พรอ้ มทง้ั ดาเนินการวิเคราะหส์ ภาพ จดั การเรียนการสอนตามเทคนคิ วิธกี ารและส่ือทีไ่ ด้รับความรจู้ ากการอบรมประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน พรอ้ มทง้ั ตดิ ตามผลการนาความรไู้ ปใช้ ผูเ้ รียนมีทักษะด้านการอา่ น การเขียน และการคดิ คานวณ (อา่ นภาษาไทยแบบแจกลกู - สะกดคาได้ ผสมคาใหม่) ได้อย่างมีมาตรฐานและพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตที่ดีขนึ้ และนาความรู้และประสบการณ์มา แลกเปล่ยี นเรยี นรูต้ ามปรัชญาคดิ เป็น ส่งเสริมการมสี ่วนร่วมของผู้เรยี น ครอบครวั ชมุ ชน และสงั คม เป็นสาคญั 10. บทเรยี นทีไ่ ด้รับ 1) ผเู้ รยี นมที กั ษะ ในการอ่าน เขียน 2) ผู้เรียน ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 3) ผเู้ รยี นได้แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ซึง่ กนั และกนั ได้พบปะพดู คยุ เกดิ กระบวนการกลุม่ 4) ผู้เรยี นสามารถนาความรู้ทีไ่ ด้รบั ไปใช้ในชีวิตประจาวนั 5) ลดปญั หาภาวการณซ์ มึ เศร้า 11. การเผยแพร่/การไดร้ บั การยอมรบั /รางวลั ท่ีไดร้ ับ ข้าพเจ้าได้เผยแพร่ภาพกิจกรรมการสอนผ่านทางเพจ และไลน์ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน และ จดั ทาสรุปผลการดาเนนิ การจดั กิจกรรม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรบั ปรุงพัฒนาและเผยแพร่กบั ผู้สนใจตอ่ ไป
-6-
-7-
-8- 12. ขอ้ เสนอแนะ จากแบบสอบถามปลายเปิดข้อเสนอแนะของผู้เรียนพบว่า ผู้เรียนมีความสนใจในการจัดกิจกรรมและมีพ้ืน ฐานความรู้เดิม เพียงแตอ่ าจมกี าร หลง ลืมหนังสอื ไปบา้ ง เนือ่ งจากสภาพรา่ งกาย สายตา และอายุทมี่ ากขน้ึ เป็นปัจจัย สาคัญ ซง่ึ มขี อ้ เสนอแนะดังน้ี 1) อยากใหม้ กี ารนาเทคโนโลยชี ่วยในการสอนทที่ ันสมัยมากข้ึน 2) อยากมกี ล่มุ ไลน์ ของกลุ่มผู้ลมื หนังสือ / ประชาชนทวั่ ไป/ผ้สู ูงอายุ 3) อยากให้มีการจัดกิจกรรมอ่ืนที่เหมาะกับผู้สูงอายุแทรก เพ่ิมเติมขึ้น เช่น การออกกาลังกายเบาๆ สาหรับผู้สูงอายุและกิจกรรมศกึ ษาดูงานนอกสถานที่ใกลบ้ า้ น
ภาคผนวก
แบบสารวจความพงึ พอใจ กจิ กรรมสง่ เสรมิ การรหู้ นงั สอื ไทย ณ บา้ นนิคมซอย 3 ตาบลหนองฉลอง อาเภอขขุ นั ธ์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ ตอนที่ 1 ข้อมูลทวั่ ไปเกยี่ วกบั ผตู้ อบแบบสารวจความคิดเห็น คาชแี้ จง โปรดกาเครอื่ งหมาย ✓ ลงในชอ่ ง □ ท่ตี รงกับข้อเท็จจริงเกีย่ วกบั ผู้ตอบแบบสารวจ 1) เพศ ชาย หญงิ 2) อายุ 15-30 ปี 31–40 ปี 41–50 ปี 51–59 ปี 60 ปีข้นึ ไป 3) อาชพี เกษตรกรรม รบั จา้ ง ค้าขาย อื่นๆ (โปรดระบุ)................................................. 4) ระดบั การศกึ ษา ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย อน่ื ๆ (โปรดระบุ)................................. ตอนท่ี 2 แบบสอบถามความพึงพอใจ ระดบั ความพงึ พอใจ ประเดน็ ความคดิ เหน็ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ทสี่ ดุ กลาง ทส่ี ดุ 54321 ความคดิ เห็นตอ่ การดาเนนิ กจิ กรรมตามหลกั สตู ร 1. การประชาสมั พนั ธก์ ารเขา้ รว่ มกจิ กรรมของผจู้ ัดกิจกรรม มีมากนอ้ ยเพยี งใด 2. ความพร้อมในการจดั กจิ กรรม เหมาะสมเพียงใด 3. ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการจัดกจิ กรรมเหมาะสมเพียงใด 4. อาคาร สถานที่ ทใี่ ช้จัดกจิ กรรม เหมาะสมเพยี งใด 5. ความพร้อมของอุปกรณ์ /วัสดุ เหมาะสมเพียงใด 6. การบริการและแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ของผสู้ อน เหมาะสมเพียงใด ความคดิ เห็นตอ่ การสอนของครู 1. การถ่ายทอดความรขู้ องครมู ีความชัดเจนมากนอ้ ย เพยี งใด 2. การเชอ่ื มโยงเนือ้ หาจากเรือ่ งท่ียาก ไปหางา่ ย เพยี งใด 3. การใชเ้ วลาสอนตามทกี่ าหนดไว้เหมาะสมเพียงใด 4. การตอบขอ้ ซกั ถามในการสอนเหมาะสมเพียงใด ดา้ นการนาความรไู้ ปใช้ 1. สามารถนาความรู้ทไี่ ด้รบั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ มากนอ้ ยเพยี งใด 2. มคี วามม่ันใจและสามารถนาความรทู้ ไี่ ดร้ บั ไปใช้ในการประกอบอาชพี ได้มากน้อยเพียงใด ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ( ..............................................) (.............................................) ผู้ใหข้ ้อมลู ผู้สารวจ
วธิ ีการประเมนิ ความพงึ พอใจในการดาเนนิ กิจกรรม 1) กล่มุ ประชากรและกลุม่ ตัวอย่างโดยยึดจากผู้เรยี นจากการเกบ็ แบบสอบถาม 2) แบบสอบถามที่ใชใ้ นการประเมินผลแบบสารวจความพงึ พอใจประกอบด้วยเนื้อหา ดงั น้ี ตอนที่ 1 ขอ้ มูลท่ัวไป ตอนที่ 2 ระดบั ความพึงพอใจเก่ยี วกับโครงการฯ ลกั ษณะคาถามแบบประมาณค่า 5 ระดับ คอื คะแนนความพงึ พอใจ 5, 4, 3, 2 และ 1 ตามลาดับ ตอนท่ี 3 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอ่นื ๆ เป็นคาถามปลายเปิด 3) การเกบ็ รวบรวมข้อมลู และการจัดกระทาข้อมูล 3.1 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในการประเมนิ กิจกรรม จากการตอบแบบสอบถามแบบสารวจความพงึ พอใจของจาก ผู้เรียน 3.2การจัดทาข้อมลู นาแบบสอบถามทีไ่ ด้รบั คืน มาตรวจสอบความถกู ต้องสมบรู ณแ์ ละกาหนดคะแนนตาม น้าหนักแต่ละขอ้ เพอ่ื นาไปวิเคราะห์โดยวธิ กี ารทางสถติ ิ นาผลการคานวณมาวเิ คราะห์ข้อมลู ตามวัตถปุ ระสงค์ของ การประเมิน 4) การแปลความหมายของคะแนนของแบบสอบถามความพงึ พอใจ ผู้ประเมินกาหนดเกณฑ์โดยอาศยั ค่าเฉลี่ย (Mean) ของคะแนนเปน็ ตัวชี้วดั นามาแปลความหมายเทียบกับเกณฑ์ ดงั นี้ คะแนนเฉลยี่ แปลความหมาย 4.51 - 5.00 ระดบั ความคดิ เห็นอยู่ในระดบั ดีมากทส่ี ุด 3.51 - 4.50 ระดับความคดิ เหน็ อยใู่ นระดบั ดีมาก 2.51 - 3.50 ระดบั ความคดิ เหน็ อยใู่ นระดับพอใช้ 1.51 - 2.50 ระดับความคิดเหน็ อย่ใู นระดับนอ้ ย 1.00 - 1.50 ระดับความคิดเหน็ อยู่ในระดบั น้อยท่ีสดุ ตอ้ งปรับปรุง 5) สถติ ทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู แบบประเมินผลตอนท1ี่ การแจกแจงความถ่แี ละคา่ ร้อยละ แบบประเมนิ ผลตอนท2ี่ คา่ เฉลย่ี แบบประเมนิ ผลตอนท3ี่ เป็นคาถามปลายเปดิ นาขอ้ เสนอแนะท่ีมคี วามเรยี งคลา้ ยกนั มาสรปุ ตามลาดบั ความถี่ 6) นาข้อมูลทีไ่ ดจ้ ากการวเิ คราะหส์ รปุ เพ่ือวเิ คราะห์ จดุ เด่น จดุ ดอ้ ยและนาข้อมูลที่ไดไ้ ปใชเ้ พ่ือการปรบั ปรงุ การจัด กิจกรรมในครง้ั ต่อไป
แบบสรปุ ความพงึ พอใจผู้รว่ มกิจกรรม กจิ กรรมสง่ เสรมิ การรหู้ นงั สือไทย กจิ กรรมส่งเสริมการรูห้ นงั สอื ไทย จดั ขึ้น ณ บา้ นนิคมซอย 3 ตาบลหนองฉลอง อาเภอขุขันธ์ จงั หวดั ศรีสะเกษ โดยมกี ลุ่มเป้าหมาย เป็นกล่มุ ผ้ลู มื หนงั สือ /ประชาชนทั่วไป / กลุ่มผู้สงู อายุ จานวน 21 คน มีการเก็บและ วิเคราะห์ข้อมลู จากแบบประเมินผลความพงึ พอใจผู้เรียน จานวน 21 คน เพื่อวิเคราะหข์ ้อมูล สรปุ ผล และนามา พัฒนาการจัดกจิ กรรมในปตี ่อไป ผลการ วเิ คราะห์ขอ้ มลู มีดังนี้ 1. เพศ เพศ จานวน รอ้ ยละ หญงิ 21 100 ชาย - - รวม 21 100 จากตารางท่ี 1 พบว่าผู้ตอบแบบประเมินเปน็ เพศหญงิ ร้อยละ 100 2. อายุ อายุ จานวน รอ้ ยละ - ต่ากว่า 20 ปี - 4.76 20-30 ปี 1 9.52 14.29 31-40 ปี 2 71.43 100 41-50 ปี 3 51 ปขี ้ึนไป 15 รวม 21 จากตารางท่ี 2 พบว่าผ้ตู อบแบบประเมนิ สว่ นมากมีอายุ 51 ปีขน้ึ ไป รอ้ ยละ 71.43 3. การศกึ ษา จานวน รอ้ ยละ ระดบั การศกึ ษา 21 100 - - ประถม - - ม.ตน้ - - ม.ปลาย 21 100 อ่ืนๆ รวม จากตารางที่ 3 พบวา่ ผู้ตอบแบบประเมินสว่ นมากมีวุฒิการศึกษาระดบั ประถมศกึ ษาร้อยละ 100
4. อาชพี อาชีพ จานวน รอ้ ยละ เกษตรกรรม 21 100 รับจา้ ง - - ค้าขาย - - อน่ื ๆ........................ - - รวม 21 100 จากตารางที่ 4 พบว่าผูต้ อบแบบประเมนิ สว่ นมากมปี ระกอบอาชีพเกษตรกรร้อยละ 100 ประเดน็ ท่ีประเมิน คา่ เฉล่ยี ระดบั ความพึงพอใจ 1. การประชาสัมพันธก์ ารเข้าร่วมกิจกรรมของผูจ้ ดั กิจกรรม 4.50 มากที่สดุ มีมากน้อยเพยี งใด 4.50 มาก 4.50 มากทส่ี ดุ 2. ความพรอ้ มในการจดั กิจกรรม เหมาะสมเพยี งใด 4.75 มากทส่ี ุด 3. ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการจัดกจิ กรรมเหมาะสมเพยี งใด 4.38 มากทส่ี ุด 4. อาคาร สถานท่ี ท่ีใชจ้ ดั กจิ กรรม เหมาะสมเพียงใด 4.85 5. ความพร้อมของอปุ กรณ์ /วสั ดุ เหมาะสมเพยี งใด มาก 6. การบรกิ ารและแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ ของผสู้ อน 4.50 4.75 มากทส่ี ุด เหมาะสมเพยี งใด มากทส่ี ุด 4.75 7. สามารถนาความรู้ทีไ่ ด้รับไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ มากน้อยเพียงใด 4.75 มากท่ีสุด 8. มีความมั่นใจและสามารถนาความร้ทู ไี่ ดร้ ับไปใชใ้ นการประกอบอาชพี 4.78 มากที่สุด 4.75 มากทส่ี ดุ ไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด 4.65 มากทส่ี ุด มากทส่ี ุด 9.การถา่ ยทอดความรขู้ องครูมีความชดั เจนมากน้อย เพยี งใด 10. การเช่ือมโยงเนื้อหาจากเรอื่ งท่ยี าก ไปหาง่าย เพยี งใด 11. การใช้เวลาสอนตามท่ีกาหนดไว้ เหมาะสมเพยี งใด 12การตอบข้อซักถามในการสอนเหมาะสมเพียงใด ภาพรวม
ท่ปี รกึ ษา คณะผจู้ ดั ทา 1. นายศภุ ชัย ประจมิ 2. นายเนตร แสงทอง ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอขุขันธ์ 3. นางญดานฎิ ฐ์ บงั คะดารา ครูชานาญการ 4. นางประไพพักตร์ แท่นแก้ว ครูผชู้ ว่ ย บรรณารกั ษช์ านาญการ รวบรวมขอ้ มลู นางสาววลิ ยั ปรางมาศ ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน พมิ พ์ / ออกแบบ /เขา้ เลม่ ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน นางสาววลิ ยั ปรางมาศ
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: