Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การกำจัดผักตบชวาโดยการจัดทำหลักสูตรโดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์

การกำจัดผักตบชวาโดยการจัดทำหลักสูตรโดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์

Published by zomzazazom, 2020-09-22 00:46:59

Description: การกำจัดผักตบชวาโดยการจัดทำหลักสูตรโดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์

Search

Read the Text Version

๑ Best Practice กศน.อำเภอเสลภมู ิ ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๓ ชอ่ื ผลงำน การกาจัดผกั ตบชวาโดยการจัดทาหลกั สตู รโดยการแปรรปู ผลิตภัณฑ์ กศน.อำเภอเสลภมู ิ อำเภอสลภมู ิ จังหวัดร้อยเอ็ด ๑.ควำมสำคัญและควำมเป็นมำ ในปจั จบุ ันปญั หาใหญ่ที่พบในแมน่ าลาคลองคือ ผกั ตบชวา เพราะผักตบั ชวาเป็นพชื ท่ีทนทาน สภาพแวดลอ้ มและมีการขยายพันธไ์ ด้รวดเรว็ จงึ สง่ ผลกระทบโดยตรงตอ่ สงิ่ แวดล้อม สงิ่ มีชีวติ ใตน้ า การคมนาคม ทางนา และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามรมิ แม่นาลาคลอง ดงั เราจึงจาเป็นต้องมีการควบคุมอย่างมีระบบผกั ตบชวา เป็นพชื ท่ีมีอัตราการเจรญิ เติมโตสูงทนทานต่อสภาพแวดล้อม เป็นพืชทีม่ ีทุน่ ลอยสารมารถอยู่ไดท้ งั ในนานงิ่ และนา ไหล ผกั ตบชวามีการขยายพนั ธ์ุอยา่ งรวดเร็วทงั ทางเมลด็ และการแตกหน่อ ดงั นันจงึ ทาให้ผกั ตบชวามกี ารแพร่ ระบาดอย่างรุนแรงก่อใหเ้ กดิ ปญั หาตอ่ แห่ลงนาตา่ ง ๆ ทว่ั ประเทศ และก่อใหเ้ กดิ ผลเสียต่อเศรษฐกจิ สังคม และ สิ่งแวดลอ้ ม ผักตบชวา มีอัตราการเจรญิ เตบิ โตสงู มาก มกี ารสะสมมวลชีวภาพได้สูงถงึ ๒๐กรัม นาหนักแหง้ ต่อ ตารางเมตรต่อวัน โดยมอี ัตราการเจริญเติบโตสัมพันธ์สงู สุดเทา่ กับ ๑.๕ % ต่อวนั ถา้ ปลอ่ ยใหผ้ กั ตบชวาเติบโตใน แหล่งนาโดยเริม่ ต้นจาก ๕๐๐กรมั นาหนักสดต่อตารางเมตร ในระยะเวลาเพยี ง ๓เดือนครึ่ง ผักตบชวาสามารถ เจริญเติบโตและขยายพนั ธุ์ให้มวลชีวภาพสงู ถึง ๔๐,๕๘๐กรัมนาหนักสดต่อตารางเมตร ในระยะเวลา ๑ปี ผกั ตบชวาจะเจรญิ เตบิ โตสงู สุดอยูใ่ นช่วงเดือนเมษายนและมีการเจรญิ เตบิ โตต่าสดุ ในช่วงเดือนมกราคมผักตบชวา ๑ต้น สามารถใหเ้ มลด็ ไดถ้ งึ ๕,๐๐๐ เมลด็ เมล็ดผกั ตบชวาเมือ่ อยู่ในแหล่งนาจะมชี วี ไิ ดน้ านถึง ๑๕ปี ผกั ตบชวา สามารถขยายพนั ธ์ุไดด้ ้วยการแตกหน่อ ผักตบชวา ๒ต้น สามารถแตกใบและเจริญเติบโตเปน็ ตน้ ได้ถึง ๓๐ต้น ภายในเวลา ๒๐วัน หรือเพิ่มนาหนกั ขนึ ๑เท่าตัว ภายใน ๑๐วนั สามารถขยายตัวครอบคลมุ ผวิ นาไดอ้ ัตราร้อยละ ๘ต่อวัน ถา้ เร่มิ ปลอ่ ยผักตบชวาในแหลง่ นาเพียง ๑๐ต้นจะสามารถแพรก่ ระจายเพ่ิมปรมิ าณเปน็ ๑ล้านต้น ภายใน ระยะเวลา ๑ปี ผักตบชวาจดั เป็นพชื นาประเภทใบเลียงเด่ยี วลอยนา เจริญงอกงามโดยไม่ตอ้ งอาศัยรากยึดแกะมี ช่ือเรียกในแต่ละท้องถนิ่ ไม่เหมือนกนั เช่น ผกั ปอด,สวะ,ผกั โรค,ผกั ตบชวา,ผกั ยะวา,ผกั อโี ยก เป็นตน้ การนา ผักตบชวามาประยุกตใ์ ชใ้ ห้เกิดประโยชน์ กส็ มารถนามาใช้ได้หลายลักษณะ เช่น เป็น อาหารสัตว์ ใช้เปน็ วัสดใุ น การเพาะเห็ดฟางเพาะชาตน้ ไม้ใช้ผลิตก๊าชชวี ภาพ ใชผ้ ลติ ปยุ๋ จาหน่ายไดท้ งั ตลาดท้องถิ่น ตลาดกลางหรือแม้แต่ ตลาดต่างประเทศ ทาใหส้ ามารถเปล่ียนวัชพชื ทไี่ มม่ ีคณุ คา่ ใหเ้ ปน็ พชื เศรษฐกจิ สรา้ งการกระจายรายได้สปู่ ระชาชน ในชนบทเปน็ อยา่ งดแี ละเปน็ การช่วยลดมลภาวะทางนาอีกทางหนึ่งดว้ ยผลติ ภณั ฑจ์ ากผักตบชวานับวา่ เปน็ การ สร้างรายไดแ้ กผ่ ู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ทงั นเี พราะต้นทุนการผลติ คอ่ นขา้ งตา่ เน่ืองจากใช้วสั ดุส่วนใหญจ่ าก ธรรมชาติ ประกอบดว้ ยงานหตั ถกรรมจักสานดเู หมือนจะเป็นส่วนหนง่ึ ของคนไทยมานบั ตังแต่โบราณกาล คนไทย รจู้ ักการประดิษฐ์เคร่ืองจักสานนามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาหลาย ๆ ชนิดเชน่ กระจาด กระบุง ตะกร้า เปน็ ต้น และได้สืบทอดงานฝีมอื สู่ลกู หลานเร่อื ยมา ดงั นัน การประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาจึงเปน็ ท่ไี มใ่ ชเ่ ร่ืองยากเย็น สาหรบั คนไทย ผักตบชวาจงึ ถือว่าเปน็ อีกผลิตภณั ฑห์ น่ึงทางธรรมชาติ ท่สี ามารถสร้างรายไดใ้ ห้กับคนได้เปน็ อย่าง ดี

๒ ตามจุดเนน้ การดาเนนิ งาน กศน.ตามยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการประจาปี ๒๕๖๐ จดุ เนน้ ที่ ๕ ขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการการศึกษาและการเรยี นรูอ้ ย่างตอ่ เน่ือง ข้อ๔.๕ จดั การศกึ ษาเพื่อ พัฒนาคณุ ภาพชวี ิตประชาชนทกุ ช่วงวยั “กศน.ช่วยประชาชน”เช่น จดั การเรยี นวชิ าชพี ระยะสนั ( โครงการศนู ยฝ์ ึก อาชีพชุมชน )ให้กับประชาชนที่สอดคล้องกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน บรบิ ทพืนท่ี จดั การศึกษาเพอื่ เสริมสร้างคณุ ภาพชีวิตให้กล่มุ ผสู้ ูงอายุและสง่ิ แวดล้อมและการเขา้ สเู่ ศรษฐกิจทีข่ บั เคล่ือนดว้ ยนวัตกรรม( Thailand ๔.๐ ) ซึง่ จะพัฒนาเศรษฐกิจโดยการปรับเปลยี่ นโครงสร้างทางเศรษฐกจิ ไปสู่ Valve-Based Economy หรือ เศรษฐกจิ ทีข่ ับเคลอ่ื นดว้ ยนวตั กรรม โดยอาศัยความหลากหลายเชงิ ชวี ภาพ และความหลากหลายเชิง วัฒนธรรม การเตมิ เต็มวทิ ยากร ความคดิ สร้างสรรค์ นวตั กรรม วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยพี ัฒนาตอ่ ยอดเชิง เปรียบเทียบเปน็ ๕ กลุ่ม คือ ๑. กลุ่มอาหาร เกษตรและเทคโนโลยี ๒.กลมุ่ สาธารณสุข สขุ ภาพและเทคโนโลยี ทางการแพทย์ ๓. กล่มุ เครอ่ื งมอื อปุ กรณ์อจั ฉริยะหุ่นยนต์และระบบเครอ่ื งกลทีใ่ ชร้ ะบบอิเลก็ ทรอนิกส์ควบคมุ ๔. กลมุ่ ดิจิทัล เทคโนโลยอี ินเตอรเ์ นต็ ท่ีเชอื่ มต่อและบังคับอปุ กรณ์ตา่ งๆ ๕.กล่มุ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมาย ถือเป็นยุทธศาสตร์สาคญั ภายใตก้ ารนาองค์นายกรัฐมนตรีเนน้ ในเร่ืองการพัฒนาสู่ “ความม่ันคง ม่ังคั่ง ยง่ั ยืน” ด้วยการสร้าง ความเข้มแขง็ ภายใตก้ ารขับเคลือ่ นตามแนวคิด ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผา่ นกลไกประชารฐั กศน.อาเภอเสลภมู ิ จึงได้นายุทธศาสตรแ์ ละจดุ เนน้ การดาเนนิ งานขา้ งต้นไปสกู่ ารปฏบิ ัติโดย กศน.อาเภอ เสลภูมไิ ดจ้ ดั ทาหลกั สูตรอาชพี ระยะสนั “หลักสูตรการแปรรูปผลิตภณั ฑจ์ ากผกั ตบชวา”ให้กบั ชมุ ชนในพนื ที่ อาเภอเสลภมู ิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพ่อื กาจดั และพฒั นา โดยการนาผกั ตบชวามาแปรรปู เปน็ ผลิตภัณฑข์ า้ วของ เคร่อื งใชต้ ่างๆ เช่น กระเป๋า ตะกรา้ กระเช้าของขวญั กล่องใส่ดนิ สอ ชะลอม เส่ือ แจกัน ทีร่ องแก้ว ฯลฯ นอกจากนยี งั เปน็ การพัฒนาทักษะฝีมอื คนในชุมชน เพ่ือเป็นอาชีพเสริม สรา้ งรายได้ อีกทงั ยงั เปดิ โอกาสให้ บคุ คลภายนอกทสี่ นใจจะเข้าอบรมโครงการในครังนีไดร้ บั ความรู้เพื่อนาไปต่อยอดอีกดว้ ยเพอ่ื จดั การศึกษาอาชพี ตามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอพยี ง และการใหบ้ ริกรประชาชนในพืนท่อี าเภอเสลภมู ิดาเนินการจัดกจิ กรรมให้ กล่มุ เป้าหมายมีความรู้ ความสามารถก้าวสู่เศรษฐกิจขับเคลอื่ นนวตั กรรม( Thailand ๔.๐ ) ๒.วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อนาผกั ตบชวามาแปรรูปให้เปน็ ผลิตภณั ฑ์ ๒. เพอ่ื สรา้ งกระบวนการการทาของงานและมสี ่วนร่วมของคนในชมุ ชน ๓. เพ่ือลดจานวนผกั ตบชวาในชุมชนและสามารถนาความรูไ้ ปประกอบอาชีพสรา้ งรายไดเ้ สริม ๓. เปำ้ หมำย เชิงปรมิ ำณ ประชาชนท่ัวไปพนื ทอ่ี าเภอเสลภมู ิ จังหวัดร้อยเอด็ จานวน ๑๘ ตาบล เชิงคุณภำพ ผจู้ บหลักสตู รสามารถนาผักตบชวามาแปรรปู เปน็ ผลติ ภณั ฑ์จาหนา่ ยเปน็ รายได้เสรมิ

๓ ๓.หลักกำรและแนวคดิ เน่อื งจากรฐั บาลเรง่ แกป้ ัญหาผักตบชวา กาหนดมาตรการป้องกันอย่างต่อเน่ืองให้ประชาชนเขา้ มามสี ่วน รว่ มในการสร้างจติ สาธารณะรักษาส่ิงแวดลอ้ ม จากการสารวจจานวนผกั ตบชวาเมือ่ เดือนกนั ยายน ๒๕๕๙ จาก แหลง่ นาทั่วประเทศมีปรมิ าณทจี่ ะต้องกาจดั รวมทงั สิน ๖,๒๐๕,๓๕๕ ตน้ ซ่ึงท่ปี ระชุมได้มีการพจิ ารณา แนวทาง เพ่ือให้เกิดความยง่ั ยืนในการปฏิบัติ ๒ แนวทาง คือ แนวทางท่ี ๑ เสริมสรา้ งศักยภาพความพร้อมในการดาเนนิ การตามมาตรการป้องกนั ให้กับหน่วยงาน ท้องถนิ่ เพื่อการดูแลรกั ษาความสะอาดแหลง่ นาในพืนที่รบั ผิดชอบของตนเอง แนวทางที่ ๒ มาตรการกาจัดและจัดเก็บอยา่ งต่อเนื่องในแหลง่ นาเปิดดาเนินการจดั การกาจดั ในแหลง่ นา สายหลกั และแหล่งนาซึ่งได้แบ่งความรบั ผดิ ชอบกันแล้ว ใหป้ ลอดปัญหาผักตบชวาไม่ใหก้ ีดขวางการไหลของนา ไม่ เปน็ ปญั หาการสญั จรทางนา กศน.อาเภอเสลภูมิ จึงไดม้ แี นวคิดในการกาจดั ผกั ตบชวาในท้องท่ี โดยการทาเป็นอาชีพเสริมเพมิ่ รายได้ จงึ ไดเ้ ปดิ หลกั สตู รอาชพี การแปรรปู ผักตบชวา โดยมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เสริมสรา้ งรายได้ให้แกป่ ระชาชนในพืนท่ี อาเภอเสลภูมิ โดยสว่ นใหญ่จะแปรรูปในดา้ นเคร่ืองจักสาน มผี ลิตภณั ฑท์ ่หี ลากหลาย ตรงตามความต้องการของ ตลาด ทีส่ าคญั การแปรรูปผกั ตบชวาเปน็ สว่ นหนึง่ ในการกาจดั ผักตบชวาและลดมลภาวะทางนา ภาครฐั บาลก็มี นโยบายในการลดมลภาวะเรื่องผกั ตบชวาอย่างเร่งดว่ น จงึ นามาสกู่ ารจัดทาหลักสูตร โดยการใช้ต้นทุนภูมิปัญญา ดา้ นการจักสานของภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษสรู่ ุ่นปัจจบุ ัน มาประยุกต์ส่กู ารสรา้ งผลิตภณั ฑ์จัก สานจากผกั ตบชวา ถอื เป็นการรกั ษาภูมิปัญญาการจกั สานดงั เดิมในท้องถ่ินไว้ไม่ใหส้ ูญหายไป “ผักตบชวำหมด จำกเมืองไทย แต่ภูมิปญั ญำกำรจักสำนจะต้องสืบทอดในอนำคตตอ่ ไป” โดยมีหลักการและขันตอนดังต่อไปนี ๔. กระบวนกำร ๔.๑ จดั ทาเวทเี พอื่ สารวจความต้องการของประชาชน กศน.อาเภอเสลภมู ไิ ดม้ อบหมายให้ ครู กศน.ตาบลทัง ๑๘ ตาบล ได้จดั เวทีสารวจความต้องการ ฝกึ อาชพี ของแตล่ ะชมุ ชน จัดทาเป็นสรุปความต้องการฝึกอาชพี ๔.๒ จัดทาแผนปฏบิ ตั กิ าร/จดั ทาหลักสูตรการแปรรปู ผลิตภัณฑจ์ ากผักตบชวา ศกึ ษาสภาพปจั จบุ ัน ปญั หาและความต้องการ กาหนดปญั หาและหาแนวทางแก้ไขปญั หา ประชุม ปรกึ ษาหารือ ดาเนินการศกึ ษาจัดทาหลักสตู รการแปรรูปผลิตภณั ฑ์จากผกั ตบชวา และเตรียมการวาง รูปแบบและแนวทางการดาเนินการ ๔.๓ แต่งตังคณะกรรมการดาเนนิ งาน ๔.๔ ประสานงานวิทยากรและกลมุ่ เปา้ หมาย ๔.๕ ดาเนินกจิ กรรมตามปฏิทินปฏบิ ัติงานกระบวนการทางานของกล่มุ แปรรูปผลติ ภัณฑ์จากผักตบชวา

๔ กระบวนกำรของกำรแปรรูปผลติ ภัณฑ์จำกผกั ตบชวำโดยจัดทำเป็นหลักสูตรอำชพี ซ่งึ มีขั้นตอนกำรทำดังนี้ จดั ตังกลุม่ อาชพี ตามความสนใจ จัดกจิ กรรมตามแผนการเรยี น การสอน ฝึกปฏิบตั ิการแปรรูปผกั ตบชวา บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ไมบ่ รรลุวัตถุประสงค์ ประเมินผลรวม ปรับปรุงการจดั กจิ กรรม สรุปรายงานผลการปฏิบัตงิ าน เผยแพร่

๕ กระบวนกำรและขั้นตอนในกำรแปรรปู ผักตบชวำ ในการผลิตมีวธิ กี ารและขนั ตอนการผลิตดังนี ๑. กำรคัดเลอื ก/กำรตัดผกั ตบชวำ กลมุ่ จะมวี ิธีการไดม้ าทงั จากการหาได้เองจากแหล่งนาธรรมชาติ เช่น จาก แมน่ าชี ลานายัง แหลง่ นาตา่ งๆในหมบู่ ้าน ตาบล ๒. กำรตำกและผึง่ แดด นาผักตบชวาที่คดั เลือกได้แล้วนามาตากใหแ้ หง้ โดยใชเ้ วลาประมาณ ๓ – ๕ วนั หรือ จนกวา่ จะแห้งสนทิ

๖ ๓. กำรคดั เลือกเส้นผกั ตบชวำ ผักตบชวาท่ีผ่ึงให้แหง้ แลว้ นามาคัดเลือกเพอื่ ตดั เปน็ เสน้ ให้ไดข้ นาดตามท่ีต้องการ วัสดุ/อปุ กรณ์กำรแปรรูปผลิตภัณฑ์จำกผกั ตบชวำ การเตรยี มวสั ดุอุปกรณ์ในการแปรรปู ผลติ ภณั ฑจ์ ากผักตบชวา - ผักตบชวาแหง้ (ก้าน) - เครื่องรดี ก้านผักตบชวา - กรรไกร - คอ้ น - พมิ พร์ ปู ทรงตา่ งๆ - ดา้ ย ตะปู - เทปใส - ตูอ้ บกามะถนั - ขวดฉดี นา - กะละมัง - กามะถนั - สีย้อม - ยูรเี ทน

๗ ข้ันตอนกำรยอ้ มสี ๑. ตม้ นาให้เดือด ๒. ตักนาออกพอประมาณเพื่อนาไปผสมสี การผสมสี สี 1 ซอง ต่อนา 1 ลิตร แล้วผสมนาสม้ สายชู เกลือ ใส่ พอประมาณ การใส่เกลอื และนาสม้ สายชู ใส่เพ่ือใหส้ ีไม่ตดิ มือ คนใหเ้ ข้ากัน แลว้ เทลงในนาเดอื ดทเ่ี หลือ คนให้ท่วั กนั อีกครัง ๓. นาผักตบชวาทแี่ ห้งใส่ลงไป พลกิ กลบั ไปกลบั มาประมาณ 1 นาที 4. นากา้ นผกั ตบชวาทย่ี อ้ มสไี ปล้างนาสะอาดแล้วนาไปตากใหแ้ ห้ง

๘ ๕. นามาถักตามแบบที่ต้องการ นาต้นผักตบชวาที่ตากแหง้ และย้อมสแี ล้วมาชุบนาก่อนจะเร่ิมจกั สานตามแบบ พิมพ์ ลวดลายท่จี ักสานมีหลายลาย เชน่ ลายเปยี ซง่ึ เปน็ ลายทใี่ ช้ในผลติ ภณั ฑ์เกือบทุกรปู แบบ นอกจากนียงั มลี าย เม็ดขา้ ว ลายมะยม ลายนาไหล ลายสอง ลายดอกแกว้ และลายสับปะรด เป็นต้น สาหรบั รปู แบบของผลิตภัณฑ์ท่ีมี หลายแบบ เช่น หมวก ตะกร้า ทใ่ี สก่ ระดาษทชิ ชู ท่ีใสด่ ินสอ กระเปา๋ เปน็ ต้น

๙ ๖. นาผลติ ภัณฑ์ที่ทาเสรจ็ แลว้ มาอบกามะถนั อบนาน 1 วัน เพ่อื ให้คงสีสวยงาม เหนียวน่มุ และปอ้ งกนั เชือรา ๗. การเคลือบเงา โดยการใชย้ ูรีเทนเคลือบแขง็ หรอื ทาวานิช ๘. วางจัดจาหนา่ ยทที่ าการกลมุ่

๑๐ กำรจดั กำรด้ำนกำรผลิต ๑. ปัจจุบันกลุ่มแปรรูปภณั ฑ์จากผกั ตบชวาในพืนท่ีอาเภอเสลภูมิ มสี มาชิกเครอื ขา่ ย 300 คน ๒. สมาชกิ ผลิตสนิ คา้ ตลอดทงั ปี ส่งจาหนา่ ยทงั ในและตา่ งประเทศ ๓. สินคา้ มีคุณภาพ มีหลากหลายรูปแบบ ตามความต้องการของลกู คา้ ๔. สมาชิกมีการรวมกลุ่ม และแบ่งงานกันทา ตามคาส่ังซือ กำรจดั กำรดำ้ นกำรตลำด ๑. การจัดจาหนา่ ยโดยกลมุ่ - วางจาหน่ายภายในจังหวัดรอ้ ยเอ็ด ไดแ้ ก่ กล่มุ แปรรปู ภณั ฑ์จากผกั ตบชวา และการออกรา้ นแสดงสินคา้ ใน งานตา่ งๆ และคณะบคุ คล ท่ีมาเทีย่ วชมศึกษาดงู าน ยอดจาหน่ายประมาณ ๕๐ % - กลุม่ ขายสง่ ให้กับพ่อค้าคนกลาง ท่ีนาไปจาหน่ายยังสถานที่ตา่ งๆ ภายในประเทศ ยอดจาหน่าย ประมาณ ๒๐ % - ขายใน OOCC กศน.อาเภอเสลภมู ิ และ OOCC กศน.ตาบล ยอดจาหน่ายประมาณ ๑๐ % ๒. การจัดจาหน่ายให้กบั พ่อค้าแมค่ า้ ที่รับซือในหมบู่ า้ น - กลุ่มจัดสง่ สนิ ค้าตามคาส่งั ซือ (Order) ให้กบั พ่อคา้ คนกลางนาไปจาหน่ายในตลาดต่างประเทศ ยอด จาหนา่ ย ๒๐ %

๑๑ ๕.ผลกำรดำเนินงำน ๑.ผลท่ีเกิดกับตนเอง ๑.๑ เกดิ แนวคิดในการพัฒนาตอ่ เนื่อง ๒. ผลที่เกดิ กบั ผูเ้ รยี น ๒.๑ ผเู้ รียนเกดิ พฤตกิ รรมทจี่ ะพฒั นากระบวนการประดษิ ฐ์ผลิตภัณฑจ์ ากผกั ตบชวา ๒.๒ ผเู้ รียนไดม้ ีการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ประสบการณ์การจดั ทาผลติ ภณั ฑจ์ ากผักตบชวากบั วิทยากร ๒.๓ ผ้เู รยี นได้รบี การสนบั สนนุ พัฒนาด้านการศึกษาอยา่ งตอ่ เนื่อง ๒.๔ ผู้เรยี นได้แสดงออกถงึ ศักยภาพ สามารถลงมือปฏบิ ตั ิได้ และนาความร้ทู ่ีไดร้ บั ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันเพ่ือเสรมิ รายไดใ้ ห้กับครอบครวั ๒.๕ ผ้เู รียนได้ตระหนัก และเห็นความสาคญั ในคุณค่า คณุ ประโยชน์จากการฝกึ อบรมการแปรรูปผกั ตบชวา และสามารถนาความรทู้ ี่ไดร้ ับไปพฒั นาครอบครัว ชุมชน ๓. ผลที่เกดิ กับประชำชน ๓.๑ ประชาชนตระหนกั เห็นความสาคัญของการพัฒนากลมุ่ อาชีพการแปรรปู ผลติ ภัณฑจ์ ากผักตบชวา ๓.๒ ได้เหน็ และเรียนรู้กิจกรรมอาชพี ท่มี ีอยใู่ นชุมชน นาไปส่พู ลังภาคประชาชนพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน จาก การเรียนรู้ซ่ึงกนั และกนั ดว้ ยกิจกรรมจากการแปรรปู ผลติ ภณั ฑ์จากผักตบชวาเปน็ ตวั เชื่อมโยง ๓.๓ มีสว่ นรว่ มกับภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรม เช่น อาเภอเสลภมู ิ เทศบาลตาบลนาเมอื ง โรงเรยี นบ้านโจด โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตาบลบา้ นนาเมือง ผนู้ าชุมชนตาบลนาเมือง กลุ่มพฒั นาบทบาทสตรีตาบลนาเมืองเพ่อื สร้างสงั คมแห่งการเรียนรแู้ ละสร้างความเขม้ แข็งให้กบั ชมุ ชน ๔. ผลที่เกดิ กับสงั คม ๔.๑ สังคมมีแหลง่ เรยี นรู้ ทส่ี อดคลอ้ งกบั ความต้องการของประชาชนในทอ้ งถน่ิ ๕. ปัจจยั แห่งควำมสำเรจ็ ๕.๑ ประชาชนในพนื ที่อาเภอเสลภูมใิ หค้ วามสนใจ มีความกระตือรือรน้ ในการแปรรูปผักตบชวาเปน็ ผลติ ภัณฑ์ ชนดิ ตา่ งๆ ๕.๒ ได้รบั ความร่วมมือจากภาคเี ครือข่ายชว่ ยในการจดั กจิ กรรมเชน่ อาเภอเสลภูมิ เทศบาลตาบล โรงเรียน โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบล ผู้นาชมุ ชนตาบล กลมุ่ พัฒนาบทบาทสตรตี าบลเพ่ือสรา้ งสังคมแห่ง การเรยี นรู้และสร้างความเข้มแข็งให้กบั ชมุ ชน ๖. ประโยชนท์ ่ีได้รับ ๑. ได้ผลติ ภณั ฑ์จากผกั ตบชวาและสามารถสรา้ งรายได้ใหก้ ับชมุ ชน ๒. ประชาชนมีส่วนรว่ มทาให้ชมุ ชนพฒั นาจนเกดิ ความเข้มแข็ง ๓. ลดปรมิ าณจานวนผกั ตบชวาในชมุ ชน

๑๒ กลมุ่ แปรรปู ผลติ ภณั ฑ์จากผกั ตบชวากลมุ่ แรกจัดที่ บ้านโจด ตาบลนาเมอื ง อาเภอเสลภมู ิ จงั หวัด รอ้ ยเอด็ เปน็ กล่มุ ทเี่ กิดขนึ จากสารวจความตอ้ งการด้านอาชีพ ภายใตก้ ารสนับสนุนของ กศน.อาเภอเสลภมู ิ กลุ่ม แปรรปู ผลิตภัณฑจ์ ากผักตบชวาบา้ นโจด มีจุดเด่นดังนี ๑. เป็นงานหัตถกรรมทม่ี เี อกลักษณ์ ใชส้ ยี ้อมจากธรรมชาติ ๒. มีความประณีตสวยงาม ๓. สามารถทาตามรูปแบบท่ีลูกค้าต้องการได้ ๔. ลวดลายเฉพาะตัวและมีเอกลักษณ์ของหัตถกรรมจกั สานผักตบชวา ๕. สามารถทาการผลิตไดห้ ลายรูปแบบ เชน่ กระเป๋า หมวก กระเช้าของฝาก ชลอม เป็นต้น ๖. มีการจดั การด้านการตลาดที่หลากหลาย ๑. การจดั จาหนา่ ยโดยกลุ่ม - วางจาหน่ายภายในจงั หวดั ร้อยเอด็ ไดแ้ ก่ กลุ่มแปรรปู ภัณฑจ์ ากผกั ตบชวาบ้านโจด ตาบลนาเมือง และการออกร้านแสดงสินค้าในงานตา่ งๆ และคณะบุคคล ที่มาเทยี่ วชมศึกษาดูงาน ยอดจาหนา่ ย ประมาณ ๕๐ % - กล่มุ ขายสง่ ให้กับพ่อค้าคนกลาง ที่นาไปจาหนา่ ยยงั สถานทีต่ า่ งๆ ภายในประเทศ ยอดจาหน่าย ประมาณ ๒๐ % - ขายใน OOCC กศน.อาเภอเสลภูมิ และOOCC กศน.ตาบลนาเมือง ยอดจาหนา่ ยประมาณ ๑๐ % ๒. การจัดจาหน่ายให้กบั พ่อค้าแมค่ ้าทร่ี ับซอื ในหมบู่ ้าน - กลมุ่ จัดสง่ สนิ ค้าตามคาสงั่ ซือ (Order) ใหก้ บั พ่อค้าคนกลางนาไปจาหนา่ ยในตลาดต่างประเทศ ยอดจาหนา่ ย ๒๐% ๗. เป็นแหล่งเรียนร้ขู องชุมชน โดยจะมหี นว่ ยงานทงั ภาครฐั และเอกชนมาศึกษาดงู านตลอดทงั ปี ๘. เปน็ กลุ่มท่มี คี วามเข้มแขง็ และสามารถขยายผลจากเรมิ่ แรกทีม่ ีสมาชกิ กล่มุ จานวน ๒๐ คน ปจั จบุ ัน มีสมาชกิ กลมุ่ เพ่มิ ประมาณ ๓๐๐ คน ๙. มกี ฎระเบยี บขอ้ บังคับของกลุ่ม และมีการแบ่งหน้าที่อย่างชดั เจน ๑๐. สมาชิกในกลุ่มมคี วามรู้ ความสามารถเป็นวทิ ยากรในการแปรรปู ผลิตภณั ฑจ์ ากผักตบชวาได้

๗. ภำคผนวก กำรแปรรูปผกั ตบชวำ การเกบ็ การคัดแยกผกั ตบชวาเพ่อื นามาแปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑ์ต่างๆ กำรตำกผกั ตบชวำเพ่ือให้แห้งประมำณ ๕ – ๗ วนั กำรนำมำรดี เปน็ เสน้ แบนเพื่อเตรยี มทำผลติ ภัณฑช์ นิดตำ่ งๆ

ไดร้ บั กำรเย่ยี มชมผลติ ภณั ฑ์กำรแปรรูปผกั ตบชวำ จำก หน่วยงำนภำคเี ครือตำ่ งๆ กำรแปรรูปผกั ตบชวำเป็นผลิตภณั ฑ์ชนดิ ต่ำง ๆ