Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปโครงการ พช. 2-64

สรุปโครงการ พช. 2-64

Published by Piathip Sangseebarng, 2022-01-28 04:07:51

Description: สรุปโครงการ พช. 2-64

Search

Read the Text Version

ก คำนำ การจัดการเรียนรู้การศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเป็นจิตอาสา บำเพญ็ ประโยชนใ์ นชุมชน อยู่ดีกนิ ดีในชุมชน และส่งเสริมให้ประชาชนชว่ ยเหลือซึง่ กันและกัน รู้เท่าทัน ป้องกัน ตัวเองจากการแพร่ระบาดของโรคโควดิ -19 สรุปผลการจัดกิจกรรมเล่มนี้ ได้เรียบเรียงผลการจัดกิจกรรมโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและ ชุมชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ในชุมชน และการชว่ ยเหลือซ่ึงกันและกัน อย่างยั่งยืน ผู้จัดทำหวังเปน็ อย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อผู้ที่พบเห็น หากมีข้อผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะที่คิดว่าจะเป็น ประโยชน์ โปรดแจง้ ผู้จัดทำเพื่อใชใ้ นการปรับปรุงแกไ้ ขข้อมูลในคร้ังต่อไปและขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสน้ี กศน.ตำบลท่าสะแก

ข สารบัญ เรื่อง หนา้ คำนำ ก สารบญั ข ส่วนท่ี 1 สรปุ ผลการดำเนินโครงการการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชุมชน การเป็นจิตอาสา 1 บำเพ็ญประโยชนใ์ นชุมชน และการชว่ ยเหลือซ่ึงกันและกัน อย่างย่งั ยนื 3 หลักการและเหตุผล 4 วัตถปุ ระสงค์ 12 เป้าหมาย สว่ นที่ 2 วธิ ีการดำเนนิ การ การดำเนนิ การจัดกจิ กรรม ส่วนที่ 3 เนือ้ หาสาระ สว่ นท่ี 4 ผลการดำเนินงาน สว่ นที่ 5 สรปุ ผลโครงการ อภิปรายผล และข้อเสนอนะ 17 20 ภาคผนวก ภาพกจิ กรรม เอกสารทเี่ ก่ยี วขอ้ ง คณะผจู้ ดั ทำ

สรุปผลการดำเนนิ โครงการ โครงการการศึกษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน การเปน็ จิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ในชมุ ชน และการช่วยเหลอื ซึ่งกนั และกนั อย่างยงั่ ยนื *************************************************************************************************** สว่ นท่ี 1 รายละเอยี ดโครงการ โครงการการศกึ ษาเพ่อื พฒั นาสังคมและชุมชน การเปน็ จิตอาสา บำเพญ็ ประโยชน์ในชมุ ชน และการ ช่วยเหลือซึง่ กนั และกนั อยา่ งย่ังยืน แผนงาน งบประมาณ : การจัดการศกึ ษาต่อเน่อื ง งบประมาณ 1,200 บาท ลกั ษณะโครงการ : ( / ) โครงการต่อเนื่อง ( ) โครงการใหม่ กลุ่มงานผ้รู ับผิดชอบ : งานการศกึ ษาต่อเนื่อง 1. โครงการการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชนใ์ นชมุ ชน และการ ช่วยเหลือซงึ่ กนั และกัน อยา่ งย่ังยนื 2. สอดคลอ้ งกบั นโยบาย และจดุ เนน้ การดำเนนิ งาน กศน. สอดคล้องกับมาตรฐานกศน. มาตรฐานการศึกษาตอ่ เน่ือง มาตรฐานที่ ๑ คณุ ภาพของผู้เรยี นการศึกษาต่อเน่ือง ๑.๑ ผ้เู รยี นการศึกษาต่อเน่ืองมคี วามรู้ ความสามารถ และทกั ษะ และหรอื คณุ ธรรมเป็นไปตาม เกณฑ์การจบหลกั สูตร ๑.๒ ผจู้ บหลกั สูตรการศึกษาต่อเน่อื งสามารถนำความรูท้ ีไ่ ด้ไปใช้ หรอื ประยุกตใ์ ชบ้ นฐานคา่ นิยม รวมของสงั คม ๑.๓ ผู้จบหลักสตู รการศกึ ษาตอ่ เนื่องท่นี ำความรู้ไปใช้จนเห็นเป็นประจกั ษ์หรือตวั อยา่ งท่ีดี สอดคลอ้ งกับนโยบาย และจดุ เนน้ การดำเนนิ งาน กศน. ภารกจิ ต่อเน่ือง ๑. ดา้ นการจดั การศกึ ษาและการเรียนรู้ ๑.๓ การศึกษาต่อเนื่อง ๓) จัดการศกึ ษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน โดยใช้หลักสูตรและการจัดกระบวนการเรยี นรู้แบบบูรณาการใน รูปแบบของการฝึกอบรม การประชุม สัมมนา การจดั เวทีแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ การจดั กิจกรรมจติ อาสา การ สรา้ งชุมชนนกั ปฏิบัติ และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกับกลมุ่ เปา้ หมายและบรบิ ทของชุมชนแตล่ ะพ้นื ท่ี ๓. หลักการและเหตุผล การจดั การศึกษาเพ่ือพัฒนาชมุ ชน เป็นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาความสามารถของประชาชน โดยใช้ หลักสูตรและการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการในรูปแบบของการฝึกอบรมการประชุม สัมมนา การจัด เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดกิจกรรมจิตอาสาการสร้างชุมชนนักปฎิบัติ และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกับ กลุ่มเป้าหมายและบริบทของชุมชนแต่ละพื้นที่ เคารพความคิดของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่างและหลายทาง ความคิดและอุดมการณ์ รวมทั้งสังคมพหุวัฒนธรรม โดยจัดกระบวนการให้บุคคลกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกัน สร้างกรระบวนการจิตสาธารณะ การสร้างจิตสำนึกความเป็นประชาธิปไตย การเคารพในสิทธิ และ รับผิดชอบต่อหน้าที่ความเป็นพลเมืองดี การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การบำเพ็ญประโยชน์ในชุมชนการ บริหารจัดการน้ำ การรับมือกับสาธารณภัย การอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ช่วยเหลือ ซึ่งกันและกนั ในการพัฒนาสังคมและชุมชนอยา่ งยั่งยนื

กศน.อำเภอชาติตระการ จงึ ไดม้ อบหมายให้ กศน.ตำบลท้งั ๖ แห่ง ดำเนนิ โครงการการศกึ ษาเพ่ือพัฒนา สังคมและชุมชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ในชุมชน และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้บูรณาการความรู้ การเป็นจิต อาสา บำเพ็ญประโยชนใ์ นชมุ ชน และการช่วยเหลือซ่ึงกันและกนั อย่างยั่งยืน การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และให้ความรูเ้ ก่ยี วกับเรอื่ งโรคโควดิ -19 และการป้องกันตวั เองให้ปลอดภัย และความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด กำหนดการจัดกิจกรรมโครงการ วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕ ณ บ้านเลขที่ ๔๓/๒ หมู่ ๗ บ้านนำ้ ภาคน้อย ตำบลป่าแดง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพษิ ณุโลก ๔. วัตถุประสงค์ ๑. เพือ่ ส่งเสรมิ ให้ประชาชนเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชนใ์ นชุมชน อย่ดู ีกนิ ดีในชมุ ชน ๒. เพื่อส่งเสรมิ ให้ประชาชนชว่ ยเหลือซ่งึ กนั และกันในชุมชน และ ร้เู ทา่ ทันและป้องกันตัวเองจากการ แพรร่ ะบาดของโรคโควดิ -19 ทำสายคล้องหน้ากากอนามยั และมีความรู้เกย่ี วกบั ยาเสพติด และการแบ่งพื้นทีต่ าม หลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำฮอร์โมนไขแ่ ละน้ำยาไลแ่ มลง ๕. เป้าหมาย เชิงปรมิ าณ - กลมุ่ เปา้ หมายประชาชนทวั่ ไป จำนวน 3 คน - วิทยากร/บุคลากรท่เี กี่ยวข้อง จำนวน 2 คน รวม 5 คน เชิงคุณภาพ ประชาชนเปน็ จติ อาสา บำเพ็ญประโยชน์ในชุมชน ช่วยเหลือซง่ึ กันและกนั ในชมุ ชน และ รูเ้ ทา่ ทนั และป้องกนั ตวั เองจากการแพรร่ ะบาดของโรคโควิด-19 ทำสายคล้องหน้ากากอนามัยและมีความรู้ เก่ยี วกับยาเสพติด และการแบ่งพนื้ ที่ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำฮอร์โมนไข่และนำ้ ยาไลแ่ มลง 6. สถานที่ - ณ บา้ นเลขท่ี 43/2 หมู่ 7 บ้านนำ้ ภาคน้อย ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก 5. งบประมาณท่ีไดร้ บั - 1,200.- บาท 6. ผูร้ ับผิดชอบโครงการ - กศน.อำเภอชาตติ ระการ - งานการศกึ ษาต่อเนื่อง กศน.อำเภอชาติตระการ จังหวดั พษิ ณุโลก - ครูอาสาสมคั รฯ - ครู กศน.ตำบล ท่ีรับผดิ ชอบ 7. เปา้ หมายในการดำเนนิ โครงการ เปา้ หมาย ประชาชนทั่วไป จำนวน 3 คน ผลการดำเนนิ งาน 4 คน ชาย - คน หญิง 4 คน

สว่ นที่ 2 วิธกี ารดำเนินการ ผู้ดำเนินการจัดทำโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ใน ชุมชน และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างยั่งยืน ได้ดำเนินการในการอบรมเก็บรวบรวมข้อมูล และการ วเิ คราะห์ขอ้ มูลดงั น้ี การดำเนินการจดั กิจกรรม 1. เตรยี มการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน - ประชุมวางแผนรูปแบบการจดั กิจกรรม - เลอื กกิจกรรมท่ีจะจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน - มอบหมายงานให้บคุ ลากรทีเ่ กี่ยวขอ้ ง - ตดิ ต่อประสางานในการจัดกิจกรรม 2. วธิ กี ารดำเนนิ งาน - เขียนเสนอโครงการ - เสนอโครงการ - เตรยี มการจัดกจิ กรรมโครงการ 1. เตรียมการก่อนการจดั กิจกรรมโครงการ - การจัดเตรยี มเอกสารโครงการ - ประสานงานติดตอ่ ผู้นำชุมชนในพื้นท่เี ป้าหมาย - รวบเนื้อหาท่จี ะบรรยายในโครงการ - อื่น ๆ 2. ติดต่อประสานงานเครือขา่ ย จดั การกิจกรรมโครงการตามแผนท่ีวางไว้ - ลงทะเบยี นผเู้ ข้ารว่ มการกิจกรรมโครงการ - วิทยากรให้ความเรือ่ งต่างๆตามกำหนดการ - ฝกึ ปฏิบตั ิตามกำหนดการในโครงการ - สรปุ กิจกรรมย่อย - ปดิ โครงการ - สรปุ รายงานผลการจดั กจิ กรรมโครงการเป็นรปู เลม่ - รายงานผลการจดั กจิ กรรมโครงการให้ผู้ท่ี เกีย่ วข้องรบั ทราบ

สว่ นท่ี 3 เนอื้ หาสาระ ผู้ดำเนินการจัดทำโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ใน ชุมชน และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างยั่งยืน ได้ใช้สื่อใบความรู้ แบบบันทึกในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื งดังต่อไปนี้ ความรู้เกี่ยวกับโควิด - 19 1. เชื้อก่อโรค : เชื้อไวรัสโคโรน่า (CoVs) เป็นไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอสายเดี่ยว (single stranded RNA virus) ในFamily Coronaviridae มีรายงานการพบเชื้อมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1965 โดยสามารถติดเชื้อได้ทั้งใน คนและสัตว์ เช่น หนู ไก่ วัว ควาย สุนัข แมว กระต่าย และสุกร ประกอบด้วยชนิดย่อยหลายชนิดและทำให้มี อาการแสดงในระบบต่างๆ เช่น ระบบทางเดินหายใจ (รวมถึงโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส; SARSCoV) ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท หรอื ระบบอื่นๆ 2. ระบาดวิทยาของเชื้อ : เชื้อไวรัสโคโรน่า (CoVs) พบได้ทั่วโลก โดยในเขตอบอุ่น (temperate climates) มกั พบเช้อื โคโรนาไวรัสในช่วงฤดหู นาวและฤดูใบไม้ผลิ การตดิ เชอ้ื โคโรนาไวรัสอาจทำให้เกิดอาการใน ระบบทางเดนิ หายใจส่วนบนได้ถึงรอ้ ยละ 35 และสัดส่วนของโรคไข้หวดั ทีเ่ กิดจากเชอ้ื โคโรนาไวรสั อาจสงู ถึงร้อย ละ 15อาจ การตดิ เช้ือพบไดใ้ นทุกลุ่มอายุ แตพ่ บมากในเดก็ อาจพบมีการตดิ เชือ้ ซ้ำได้ เน่ืองจากระดบั ภมู ิคุ้มกนั จะลดลงอย่างรวดเร็วภายหลงั การตดิ เชื้อ สำหรับการตดิ เช้ือทางเดินหายใจเฉยี บพลนั รนุ แรง หรอื ซาร์ส (SARS CoV) พบการระบาดปี พ.ศ. 2546 โดยพบเริม่ จากประเทศจีนแลว้ แพร่กระจายไปทัว่ โลก พบรายงานผ้ปู ่วยโรคซาร์สท้ังสน้ิ มากกวา่ 8, 000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 750 ราย 3. ลกั ษณะโรค : - การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Coronaviruses) อาจทำให้เกิด อาการไข้ ออ่ นเพลีย ปวดศรี ษะ มีน้ำมูก เจบ็ คอ ไอ โดยในทารกท่มี อี าการรนุ แรง อาจมีลักษณะของปอด อักเสบ (Pneumonia) หรือ หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) ในเด็กโตอาจมีอาการของหอบหืด(Asthma) ส่วนในผู้ใหญ่ อาจพบลักษณะปอดอักเสบ (Pneumonia) หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic bronchitis) หรือ การกลับเป็นซ้ำของโรคหอบหืดได้ และอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงได้มากในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยพบการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการได้ในทุกอายุ และหากแสดงอาการมักพบร่วมกับการติดเชื้อในระบบ ทางเดนิ หายใจอื่นๆ เชน่ Rhinovirus, Adenovirus หรือเชอ้ื อื่นๆ - การติดเช้ือทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรอื ซารส์ (Severe Acute Respiratory Syndrome; SAR CoV) จะพบมีอาการไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรืออาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แล้วมีอาการไอ และหอบ เหนื่อยอยา่ งรวดเรว็ ซึง่ อัตราตายจะสงู ขึ้นในผูป้ ว่ ยสูงอายุ หรือมโี รคประจำตวั - การติดเชอ้ื โคโรน่าไวรัสในระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Coronaviruses) มกั พบบ่อยใน เด็กแรกเกดิ และทารกอายนุ อ้ ยกวา่ 1 ปี หรอื อาจพบในผ้ใู หญท่ ่มี ภี มู คิ ุ้มกันบกพรอ่ ง โดยพบเชอื้ ไดแ้ มผ้ ูป้ ว่ ย ไม่แสดงอาการ และไม่มฤี ดกู าลการเกิดโรคทแ่ี น่นอน 4. ระยะฟักตวั ของโรค : โดยเฉล่ียประมาณ 2 วนั (อาจมรี ะยะฟักตวั นานถึง 3 – 4 วัน) สำหรับโรคซาร์ อาจใช้ระยะฟักตวั 4 – 7 วัน (อาจนานถึง 10 – 14 วนั ) 5. วิธีการแพรโ่ รค : แพรก่ ระจายเชอ้ื จากการสัมผสั (Contact) กบั สารคดั หล่งั จากทางเดินหายใจ หรือ แพรก่ ระจายเชอื้ จากฝอยละอองน้ำมูก นำ้ ลาย (Droplet) จากผปู้ ่วยที่มีเชอื้ โดยการ ไอ หรือจาม

วิธปี ้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ -19 1. ล้างมือบอ่ ยๆ ด้วยสบ่แู ละนำ้ หรอื เจลล้างมอื ทมี่ สี ่วนผสมหลักเปน็ แอลกอฮอล์ 2. รกั ษาระยะหา่ งท่ีปลอดภยั จากผู้ทไ่ี อหรือจาม 3. ไม่สัมผสั ตา จมกู หรอื ปาก 4. ปิดจมกู และปากดว้ ยขอ้ พับด้านในข้อศอกหรือกระดาษชำระเม่ือไอหรอื จาม 5. เกบ็ ตวั อย่บู า้ นเม่ือไมส่ บาย 6. หากมไี ข้ ไอ และหายใจลำบากโปรดไปพบแพทย์ ตดิ ต่อล่วงหน้า 7. ปฏิบัตติ ามคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุขในพ้นื ท่ี 8. หลีกเลย่ี งการไปสถานพยาบาลเพ่ือใหบ้ ุคลากรในระบบสาธารณสขุ ปฏิบัติงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ยง่ิ ขึ้นและปกปอ้ งคณุ รวมถึงคนอนื่ ๆ ยาเสพตดิ ความหมายสารเสพติด คือ สารใดๆกต็ ามที่ไมใ่ ช่อาหารซง่ึ สามารถมีผลกระทบต่อการทำงานของ ร่างกายและจติ ใจ ยาเสพติดสามารถเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และการกระทำของบคุ คลได้ โดยแบ่งตาม ประเภทการออกฤทธ์ติ อ่ จิตประสาท ได้แก่ สารกระตุ้นประสาท คือ สารทีก่ ระตุ้นร่างกายและการทำงานของสมองให้ทำงานเรว็ ขึน้ ไดแ้ ก่ บหุ ร่ี โคเคน ยาบ้า ไอซ์ กระท่อม สารกดประสาท คอื สารทที่ ำใหร้ า่ งกายและการทำงานของสมองชา้ ลง ไดแ้ ก่ เหล้า เฮโรอนี ยาหลอนประสาท คือ สารที่ทำให้การมองเหน็ ความรสู้ ึก และการได้ยินเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ ยาอี ยาเค สารท่อี อกฤทธิ์ผสมผสาน คือ สารทม่ี ีการออกฤทธ์ิกดประสาท กระตนุ้ ประสาท หรือหลอนประสาทได้ พรอ้ มๆกัน ได้แก่ กัญชา ทำไมคนจึงเสพสารเสพติด??? 1. ตนเอง อยากรู้ อยากลอง ต้องการเปน็ ทย่ี อมรบั ของกลมุ่ เพ่ือน ไมม่ ีความรู้เรื่องสารเสพตดิ ประสบ ความล้มเหลวในชวี ติ หรอื เกิดจากการเจบ็ ป่วย - อยากทดลอง เกิดจากความอยากรู้อยากเหน็ ซึ่งเป็นนิสยั ของคนโดยทั่วไปและไมค่ ิดว่าตนจะตดิ สารเสพ ติด จึงไปทำการทดลองใช้ ในการทดลองใช้ครง้ั แรกๆ อาจมีความรู้สกึ ดีหรือไม่ดกี ็ตาม ถ้ายงั ไม่ตดิ สารเสพตดิ ก็ อาจประมาทไปใชอ้ ีก จนในที่สดุ กต็ ดิ สารเสพติดนัน้ หรือ ถ้าไปทดลองใชส้ ารเสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน แม้จะ เสพเพยี งครง้ั เดียว ก็อาจทำให้ตดิ ได้ - ถกู หลอกลวง ยาเสพติดมรี ูปแบบตา่ งๆ มากมาย ผถู้ ูกหลอกลวงไม่ทราบวา่ ส่งิ ที่ตนได้กนิ เข้าไปนั้น เป็น ยาเสพติดให้โทษร้ายแรง คดิ ว่าเป็นยาธรรมดาไม่มีพิษรา้ ยแรง หรอื เป็นอะไรตามที่ผูห้ ลอกลวงแนะนำ ผลสดุ ท้าย กลายเป็นผูต้ ดิ สารเสพตดิ 2. ครอบครวั เช่น บคุ คลในครอบครวั ติดสารเสพติด ครอบครัวไมม่ ีความอบอนุ่ มีการทะเลาะเบาะแวง้ กนั การหย่ารา้ งและแตง่ งานใหม่ของหัวหน้าครอบครัว พ่อแมไ่ ม่เขา้ ใจลูก รักลกู ไม่เทา่ กัน และมกี ารเปรยี บเทยี บ ระหว่างลกู แต่ละคน หรอื เปรียบเทยี บกบั ลูกเพื่อนบา้ น 3. สงิ่ แวดล้อม เช่น มแี หล่งผลติ หรือแหล่งระบาดของยาเสพติดท่ีสามารถเข้าถงึ ได้ง่าย มีตวั อย่างจากส่ือ ประเภทตา่ งๆ สงั คมไม่เปิดโอกาสหรือไมย่ อมรบั ผตู้ ดิ ยาได้กลับเข้ามาสสู่ ังคมปกติ อาศยั อยู่ในในสิง่ สิ่งแวดล้อมที่ เอ้อื ต่อการติดยาเสพตดิ

4. เศรษฐกิจ เชน่ เศรษฐกิจ ตกต่ำ วา่ งงาน มหี น้ีสินล้นพ้นตวั กลุ้มใจทเี่ ป็นหนก้ี ไ็ ปกินเหล้า หรอื สูบ กัญชาใหเ้ มาเพอื่ ที่จะไดล้ มื เรื่องหน้ีสิน บางคนต้องการรายไดเ้ พิ่มขนึ้ โดยพยายามทำงานหนักมากข้นึ ท้งั ๆ ท่ี ร่างกายอ่อนเพลียมาก จงึ รบั ประทานสารกระตนุ้ ประสาทเพอ่ื ให้สามารถทำงานต่อไปได้ เปน็ ตน้ ถา้ ทำอยเู่ ป็น ประจำทำให้ติดสารเสพติดนนั้ ได้ เสน้ ทางการตดิ ยา เสน้ ทางการติดยาตั้งแต่เร่มิ เสพจนกระทงั่ ติดสามารถแบ่งได้ เปน็ 4 ระยะ ไดแ้ ก่ 1. เร่มิ ทดลองอยากรู้อยากเห็น (Experiment and first-time use) เมอ่ื มีคนแนะนำให้ทดลอง รว่ มกับ ความรู้สกึ อยากลอง หรือใช้ gateway drug อยแู่ ล้ว เช่น บุหร่ี เหลา้ ซึง่ สารเหล่านี้ทำใหเ้ กิดการเรยี นร้วู า่ สารทำ ใหเ้ กดิ ความพึงพอใจ สบายได้มากกว่าที่เปน็ อยู่ หรือเพิ่มพละกำลงั ในการทำงาน 2. ใชเ้ ปน็ ครง้ั คราว (Occasional use) เกดิ ความติดใจในผลของสารเสพติด เรียนรวู้ ่าหากใช้ปรมิ าณ มากข้ึนก็จะได้รบั ผลความรสู้ ึกดมี ากขน้ึ เกดิ ความรูส้ ึกเป็นสุขอย่างมาก 3. ใชส้ มำ่ เสมอใช้อย่างพรำ่ เพรือ่ (Regular use) หมกมุน่ กับการหาสารมาเสพ มีอาการเมายา การ ทำงาน การเรียนแย่ลง สมั พนั ธภาพกบั คนรอบข้างไม่ดี ใชจ้ ่ายเงินเปลอื ง อาจถูกจบั เน่อื งจากเสพหรอื ค้า 4. เกดิ ภาวะพึง่ พาสุรายาเสพติด (Dependence) ใช้สารมาอย่างต่อเน่ืองยาวนาน จนเกิดอาการทนต่อ ยา (Tolerance) และภาวะถอนยา (Withdraw) หรือ มีการใชเ้ กินขนาด (Drug Overdose) โดยไม่ต้ังใจ พษิ ภัยรา้ ยของสารเสพตดิ ตอ่ ร่างกายและจิตใจของผเู้ สพ 1. ทำลายประสาทสมอง จิตใจเสื่อม ซมึ เศรา้ วติ กกงั วล เลื่อนลอย และเกดิ ภาวะผดิ ปกติทางจิตจากสาร เสพติดน้นั ๆพษิ จากสารเสพติดทำลายอวัยวะต่างๆให้เสอื่ มลง มีโรคแทรกซ้อนไดง้ า่ ย รา่ งกายซบู ซีด อ่อนเพลีย 2. เสียบคุ ลกิ ภาพ ขาดความสนใจตนเอง ขาดสติสัมปชญั ญะการควบคุมกล้ามเนอ้ื และระบบประสาท บกพร่อง ทำใหป้ ระสบอุบตั เิ หตุได้ง่าย ตอ่ ครอบครัวและสังคม 1. ครอบครัวทีม่ ผี ตู้ ดิ สารเสพติด มักได้รับความเดือดร้อนจากผตู้ ดิ สารเสพติดในทกุ ด้าน เช่น การขาด ความรบั ผิดชอบต่อหน้าที่นำไปสู่ความขัดแยง้ ทะเลาะวิวาท ก่อให้เกดิ ความเครยี ด และตอ้ งแก้ไขปญั หาบ่อยๆ 2. ทำให้สญู เสียสมรรถภาพ การทำงาน ทำใหเ้ กิดผลกระทบต่อครอบครวั ทง้ั ทางเศรษฐกจิ และสงั คมเสยี ทรัพยส์ นิ รายได้ของครอบครวั เน่อื งจากตอ้ งซื้อสารเสพติดมาเสพ และรกั ษาโรคที่เกดิ จากสารเสพติด 3. ปัญหาสารเสพติดก่อให้เกิดความหวาดระแวงจากประชาชนและสงั คมเป็นวงกว้าง เนื่องจากเกรงว่า บุตรหลานจะเขา้ ไปเก่ียวข้องกบั สารเสพติดหรือถูกประทุษร้ายจากผู้เมาสารเสพติด หรอื มีความผิดปกติทางจิต จากการใชส้ ารเสพติด ต่อสว่ นรวมและประเทศชาติ เป็นภัยต่อความม่ันคง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกจิ สงั คมและวัฒนธรรม และวถิ ชี ีวติ ท่ีเป็นสุขของคนใน ประเทศประเทศชาตสิ ญู เสยี งบประมาณในการป้องกนั ปราบปราม บำบัดรักษาผูต้ ิดสารเสพตดิ เราทกุ คนจะป้องกนั สารเสพตดิ อยา่ งไร? ตนเองเป็นบทบาทสำคัญทสี่ ามารถปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาสารเสพตดิ ได้ ดงั นี้ 1. ศึกษาความร้เู ก่ียวกับโทษ และพิษภยั ของสารเสพติด ไมท่ ดลองเสพสารเสพติดทุกชนิด รเู้ ทา่ ทันการ หลอกลวง ชกั จูงจากกลมุ่ ผูค้ า้ สารเสพตดิ เลอื กคบเพือ่ นที่ไม่ใชส้ ารเสพตดิ และใชท้ ักษะการปฏิเสธเมอื่ ถูกชักชวน 2. มีทัศนคตทิ ีด่ ีต่อชีวติ มคี วามภาคภมู ิใจในตนเองว่ามคี ณุ ค่าท้งั ต่อตนเอง ครอบครวั และสังคม ไม่ควร ทำลายชีวติ ท่ไี ด้มาดว้ ยการติดสารเสพติด

3. ตระหนักในบทบาทหนา้ ท่ขี องตนเอง ระลึกเสมอว่าขณะน้ตี นเองมบี ทบาทหน้าท่ีอะไรเชน่ มีหน้าท่ี เรียนหนังสือก็ควรตัง้ ใจศึกษาเล่าเรยี นเชือ่ ฟงั คำสง่ั สอนของพอ่ แม่ ครู อาจารย์ เปน็ ตน้ 4. รกั ษาสขุ ภาพร่างกายใหแ้ ข็งแรงและทำจติ ใจใหแ้ จ่มใสใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ ในการทำกจิ กรรม ตา่ งๆเชน่ อา่ นหนงั สือ เลน่ กีฬา หรือทำงานอดิเรกตา่ งๆ 5. มที ักษะในการดำเนนิ ชวี ติ รจู้ กั แก้ไขปัญหาในทางที่ถูกทีค่ วร กล้าเผชิญปญั หา รู้จักคิดไตร่ตรองด้วย เหตุผล ไม่หลกี หนปี ัญหาด้วยการเสพสารเสพติด 6. ขอคำปรกึ ษาหรือขอความช่วยเหลือจากผูใ้ หญ่ ผปู้ กครอง เพราะการแก้ไขปัญหาโดยลำพังแบบ รเู้ ทา่ ไม่ถึงการณ์ อาจนำไปสกู่ ารใชช้ วี ติ ทผ่ี ิดพลาดได้ ครอบครัว ควรสอดส่องดูแลเดก็ และบุคคลในครอบครวั อย่าใหเ้ กยี่ วข้องกบั ยาเสพติด อบรม สั่งสอน ให้ รถู้ ึงโทษภยั ของยาเสพตดิ ดูแลเรอ่ื งการคบเพ่ือน คอยส่งเสริมให้รู้จักใช้เวลาในทางท่เี ป็นประโยชน์ เช่น การ ทำงานบ้าน การเลน่ กีฬา เพอ่ื ปอ้ งกนั ไม่ให้เดก็ หนั เหไปสนใจในยาเสพตดิ ทุกคนในครอบครัวควรสร้างความรกั ความเข้าใจ และสมั พันธภาพอนั ดตี ่อกัน ที่พงึ่ เปน็ ท่ีปรึกษาและให้กำลงั ใจแกก่ นั และกัน นอกจากน้ีพ่อแม่ควร เปน็ แบบอยา่ งท่ดี ีในการไม่ใช้สารเสพติด เช่น ไมส่ ูบบหุ รี่ ไมด่ มื่ เหลา้ โรงเรยี น ควรมีกิจกรรมให้ความรู้เรอ่ื งพิษภัยสารเสพติดอย่างสมำ่ เสมอครคู วรเอาใจใส่ในการดูแล นักเรยี น เปน็ ทป่ี รกึ ษาทดี่ ี และมีการจัดกิจกรรมให้แกน่ ักเรียนอยา่ งสรา้ งสรรค์ เพ่ือส่งเสรมิ ให้ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็น ประโยชน์ พอ่ แม่ผู้ปกครองควรทำอยา่ งไรเมื่อลกู ยงุ่ เกี่ยวกับสารเสพติด พอ่ แมผ่ ูป้ กครองจะต้องรว่ มมอื ร่วมใจ ช่วยเหลอื โดยอาศัยความรัก ความเข้าใจ เป็นพื้นฐานในการทำใจยอมรับสภาพปัญหาท่ีเกิดข้นึ และปฏบิ ตั ิในสิ่ง ตอ่ ไปนี้ 1. ระงับสตอิ ารมณ์ อย่าววู่ ามยอมรับความจรงิ ยอมรบั สภาพว่าลกู ติดยา เพ่ือเตรียมตวั ชว่ ยเหลอื บตุ ร หลาน 2. ไม่ควรแสดงความกา้ วร้าวกับลูก เพราะจะทำให้ลูกปกปดิ ซ่อนเร้นมากข้ึน 3. แสดงความรกั ความเหน็ ใจอยา่ งจริงใจ เพ่ือให้ลูกหลานยอมเปิดใจ ยอมรบั ความช่วยเหลอื 4. ต้องหาข้อมลู เพ่มิ เติมวา่ บตุ รหลานติดสารเสพติดประเภทใด ฤทธ์ริ นุ แรงแค่ไหน ใช้สารเสพติดมา นานแลว้ หรือยงั ใชป้ ริมาณแค่ไหน โดยอาจหาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เชน่ เพือ่ นสนิท ครทู ี่โรงเรยี น ห้องนอน กระเป๋าเสื้อผา้ เป็นตน้ 5. ปรึกษาผมู้ คี วามรู้ ความเชีย่ วชาญเฉพาะ เช่น ศูนย์ให้คำปรกึ ษาปญั หาสารเสพตดิ หากลูกหลานติด สารเสพติดมานาน จนทำใหส้ ภาพรา่ งกายและจติ ใจเปลย่ี นแปลงไป หรอื มีพฤติกรรมและบคุ ลิกภาพเบ่ียงเบนไป จากเดมิ และครอบครัวหรือไม่สามารถแก้ไขปญั หาได้ ผปู้ กครองควรส่งลูกเข้ารบั การบำบดั รกั ษาและฟ้ืนฟู สมรรถภาพทางดา้ นจิตใจ ในสถานบำบดั รกั ษาต่าง ๆ ทัว่ ประเทศ ผลกระทบจากปัญหาสารเสพติด ทำให้เกดิ ความเสียหายทง้ั ตอ่ ตัวผู้เสพ ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจและ ประเทศชาติ การแก้ไขปัญหาสารเสพติดตอ้ งเริ่มตน้ จากครอบครวั ซง่ึ ใกล้ชิดกบั เด็กและเยาวชนมากทีส่ ุด โดยการ ใหเ้ วลากับบุตรหลานและรว่ มกันแก้ไขปัญหาตา่ งๆท่ีเกดิ ขนึ้ นอกจากนี้สงั คมโรงเรยี นและสถานศกึ ษาตอ้ งมีการ ตดิ ตาม สงั เกตพฤติกรรมนักเรียน-นกั ศึกษาทเี่ ข้าข่ายเก่ยี วขอ้ งกบั สารเสพตดิ การมุ่งใหค้ วามรใู้ นเร่อื งอนั ตราย ผลกระทบทีเ่ กิดจากการใชส้ ารเสพตดิ สร้างการรับรู้ ความตระหนักถึงภยั อนั ตรายนา่ จะการป้องกันและแก้ไข ปญั หาสารเสพตดิ และเป็นหน้าทข่ี องทุกคนจะตอ้ งร่วมมอื กัน

การเปน็ ประชาชนจติ อาสา คุณสมบัติของจิตอาสา เรียบเรียงโดย นายวีระพงษ์ ไวทยวงศ์สกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเครือข่าย การประชาสมั พันธ์ จิตอาสา เป็นงานที่ทำด้วยความสมัครใจ เสียสละ เพื่อผลแห่งความดี โดยไม่หวังผลตอบแทน และไม่ แบ่งแยกเพศ อายุ ฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ หรือ ยศ ตำแหน่งใด ๆ โดยถือว่า “ประชาชนจิต อาสา” คือ ผู้ท่ี เสียสละ มีจิตอันเป็นกศุ ล เพ่ือทำงานสร้างประโยชนใ์ ห้กับประเทศชาติ อย่างไรกต็ าม เพอ่ื เปน็ การเตรยี มความพร้อมของบคุ คลทีจ่ ะสมัครเข้ารว่ มเป็นจิตอาสา จะต้อง คุณสมบัติ เบือ้ งตน้ และคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ ดงั น้ี คุณสมบตั ิเบอ้ื งต้นของจติ อาสาพระราชทาน มี 4 ประการ คอื (1) มีสัญชาติไทยหรือผทู้ พี่ ำนกั อาศัยอยูใ่ นประเทศไทยโดยถูกต้องตามกฎหมาย (2) ไมม่ ีผลประโยชนแ์ อบแฝง (3) ไมเ่ บยี ดบังเวลาราชการ (4) ไมเ่ สียการเรยี น คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของจิตอาสาพระราชทาน มี 7 ประการ คือ (1) มคี วามซ่อื สตั ย์ เสยี สละ อดทนคำนึงถึงผลประโยชน์ของสว่ นรวมมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง (2) มศี ีลธรรม รักษาความสัตย์ หวงั ดตี อ่ ผ้อู ่ืน เผือ่ แผแ่ ละแบง่ ปนั (3) มวี นิ ยั และความรับผดิ ชอบ เคารพกฎหมายบ้านเมือง (4) มกี ริยา วาจา สุภาพเรียบรอ้ ย (5) ไมด่ มื่ สุราหรือใชส้ ารเสพติดอื่นใดในขณะปฏบิ ตั งิ าน (6) มจี ิตใจเข้มแข็งและมีทัศนคตทิ ด่ี ีในการปฏิบตั งิ านเพ่ือส่วนรวม (7) รักษาวฒั นธรรมประเพณไี ทยอันดงี าม ผูน้ อ้ ยรจู้ ักการเคารพผู้ใหญ่ ขอ้ พงึ ปฏบิ ัติของกำลงั พลจติ อาสา กำลังพลจิตอาสาพระราชทานเปน็ บุคคลที่สมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวพระราชทานให้มาปฏิบตั ิหน้าท่ีด้วย ความ เสียสละ เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อส่วนรวมตามวัตถุประสงค์ไม่ประพฤติปฏิบัตไิ ปในทางที่ อาจจะเกิด ความเสอื่ มเสียต่อภาพลักษณ์ และอาจจะมีขอ้ ครหาได้ เชน่ การเร่ียไรเงินโดยอา้ งกิจกรรมจติ อาสา การเรียกร้อง และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อบุคคลบางกลุ่ม ตลอดจนไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทาง การเมือง เคร่ืองแบบของกำลงั พลจติ อาสาพระราชทาน ประกอบด้วย หมวกและผ้าพันคอจิตอาสาพระราชทาน และบัตรประจำตัวกำลังพล จิตอาสาซึ่งควร นำ ติดตัวมาดว้ ยทกุ ครั้งในการร่วมกิจกรรม ไม่ควรนำกำลังพลจติ อาสาไปปฏบิ ตั ภิ ารกิจในกิจกรรมอ่ืน นอกเหนือจาก ประเภทของกิจกรรมจติ อาสาสามประเภทขา้ งต้น การแตง่ กายของจิตอาสาพระราชทาน แต่งกายด้วยเสือ้ พระราชทานหรือเส้ือสสี ุภาพท่ีไม่มีการระบชุ อ่ื หนว่ ยงาน องค์กร กลุ่มบุคคลบุคคลใด ๆ กรณีนักเรียนนักศึกษาสามารถแต่งกายด้วยเครื่องแบบ หรือสวมใส่กระโปรง / กางเกงของสถานศึกษาได้ สวม หมวกแก๊ปและผ้าพันคอที่ได้รับพระราชทาน ติดบัตรประจำตัวจิตอาสาฯโดยการแต่งกายต้องมีความ รัดกุม เพือ่ ให้มีความคล่องตวั ในการปฏิบตั งิ านโดยมีขอ้ ควรระวัง คอื

จติ อาสาฯ ทล่ี งทะเบียนถูกต้องเท่าน้ันท่ีสามารถแต่งกายตามที่กำหนดข้างต้นได้ ชดุ เคร่ืองแบบจิตอาสา ไม่เปน็ มรดกตกทอด ไมส่ ามารถมอบต่อใหผ้ ู้อื่นได้ หา้ มทำเลยี นแบบ (เนอื่ งจากมลี ิขสทิ ธ์ิตามกฎหมาย) และห้าม จำหน่ายจ่ายแจก การรับสมคั รจติ อาสาพระราชทาน ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.พระราชทาน) กำหนดช่วงเวลาและสถานที่การ เปิดรับสมัครในแต่ละรอบ ทัง้ นี้ ศนู ยอ์ ำนวยการใหญ่จติ อาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร. ได้ขยายเวลาการรับสมัคร ประชาชนจิต อาสาพร้อมกันทั่วประเทศ ในระหว่างวันที่ ๑ - ๑๐ ของทุกเดือน ณ สำนักงานเขต กรงุ เทพมหานคร และท่ีวา่ การอำเภอทว่ั ประเทศ (ในวันและเวลาราชการ) สำหรบั พธิ รี บั พระราชทานหมวกและ ผ้าพันคอจติ อาสา พระราชทาน ๙๐๔ วปร. สามารถรบั ไดภ้ ายในวนั ทำการสุดทา้ ยของเดือนน้นั ขนั้ ตอนในการสมคั รและการลงทะเบียน (1) กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและรายละเอียดที่กำหนดในใบสมัครและยื่นเอกสารใบสมัครพร้อมกับบัตร ประจำตัวประชาชนตอ่ เจา้ หนา้ ที่และถ่ายภาพเพ่อื บันทึก ไว้เป็นข้อมูลของจติ อาสา และเพอ่ื จดั ทำบัตร ประจำตวั (2) เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ความถนัดในการทำงานและทักษะในด้านต่างๆของผู้สมัครเพื่อเป็นข้อมูล สำหรับการจดั กลุ่มตามประเภทงานของจติ อาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ (3) เข้าประจำท่ีในสถานท่ตี ามที่เจ้าหน้าที่กำหนด เพื่อทำพิธีรับพระราชทานเคร่ืองแต่งกายชุดจิตอาสา พระราชทานตามแนวพระราชดำริ ประกอบดว้ ย หมวก และผา้ พนั คอ และสำหรับหน่วยราชการต่าง ๆ การดำเนินกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานทุกหน่วยงาน สามารถริเริ่ม กิจกรรมได้เอง โดยต้องแจ้งการดำเนินกิจกรรมให้ผู้รับผิดชอบทราบเพื่อเตรียมการให้การสนับสนุนตามความ จำเปน็ และตามความเหมาะสม เกษตรตามแนว \"ทฤษฎีใหม่\" \"ทฤษฎีใหม\"่ เปน็ แนวทางหรือหลักในการบริหารจดั การที่ดินและนำ้ เพื่อการเกษตรในที่ดนิ ขนาดเล็กใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวได้พระราชทานพระราชดำรนิ เ้ี พือ่ เป็น การชว่ ยเหลือเกษตรกรท่ปี ระสบความยากลำบาก ใหส้ ามารถผ่านชว่ งวกิ ฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำไดโ้ ดย ไมเ่ ดือดรอ้ นและยากลำบากนัก

การดำเนนิ งานตามทฤษฎีใหม่มี 3 ข้ันตอน คือ 1 ) การผลติ ให้พง่ึ ตนเองด้วยวิธีง่าย ค่อยเป็นค่อยไปตามกำลงั ใหพ้ อมีพอกนิ 2 ) การรวมพลังกันในรูปแบบ หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกัน ในด้านการผลติ การตลาด ความเปน็ อยู่ สวสั ดกิ าร การศกึ ษา สังคมและศาสนา 3 ) การดำเนินธุรกจิ โดยติดต่อ ประสานงาน จัดหาทนุ หรือแหล่งเงนิ ในข้นั แรกทีเ่ ปน็ การผลิต ถือเป็นขั้นสำคญั ท่สี ดุ ให้แบง่ ออกเป็น 4 สว่ น ตามอัตราสว่ น 30 : 30 : 30 : 10 ดังน้ี ขดุ สระเก็บกกั นำ้ พ้ืนทปี่ ระมาณ 30% ใหข้ ุดสระเกบ็ กกั นำ้ เพ่อื ใหม้ ีนำ้ ใช้สม่ำเสมอตลอดปี โดยเกบ็ กักนำ้ ฝนในฤดูฝน และใชเ้ สริมการปลูกพืชในฤดูแลง้ หรือระยะฝนท้งิ ช่วง ตลอดจนการเล้ียงสัตว์ และพชื น้ำตา่ งๆ เช่น ผกั บุ้ง ผกั กระเฉด โสน ฯลฯ ปลูกข้าว พน้ื ทป่ี ระมาณ 30 % ใหป้ ลูกขา้ วในฤดูฝน เพ่ือใชเ้ ปน็ อาหารประจำวนั สำหรบั ครวั เรือนให้เพยี งพอ ตลอดปี โดยไมต่ ้องซื้อหาในราคาแพง เป็นการลดคา่ ใชจ้ ่าย และสามารพ่ึงตนเองได้ ปลูกผลไม้ ไม้ยนื ตน้ พชื ไร่ พืชผัก พน้ื ทป่ี ระมาณ 30 % ให้ปลูกไม้ผล ไมย้ ืนตน้ พชื ไร่ พชื ผกั พชื สมนุ ไพร ฯลฯ อย่างผสมผสานกัน และ หลากหลายในพ้นื ที่เดยี วกัน เพ่ือใชเ้ ป็นอาหารประจำวัน หากเหลิอจากการบรโิ ภคก็นำไปขายได้ เปน็ ที่อยู่อาศยั และอ่ืนๆ พน้ื ท่ปี ระมาณ 10 % ใชเ้ ปน็ ท่ีอยู่อาศยั เลีย้ งสตั ว์ ถนนหนทาง คันดิน โรงเรอื นและส่งิ ก่อสรา้ งอน่ื ๐ รวมทั้งคอกเลีย้ งสตั ว์ เรอื นเพาะชำ ฉางเก็บผลติ ผลการเกษตร ฯลฯ หลักการและแนวทางสำคญั ในการดำเนนิ งานเกษตรตามแนว \"ทฤษฎใี หม\"่ ทค่ี วรทราบมดี งั น้ี - เปน็ ระบบการผลติ แบบเศรษฐกจิ พอเพียง ทเี่ กษตรกรสามารถเลี้ยงตวั เองได้ในระดบั ที่ประหยัดก่อน - ตอ้ งมพี นื้ ท่สี ่วนหนงึ่ ทำนาข้าว เพราะข้าวเปน็ ปจั จัยหลกั ที่ทุกครัวเรอื นต้องปลูก เพื่อให้มีขา้ วพอบรโิ ภคตลอด ท้งั ปี - ต้องมีน้ำสำรองไวใ้ ช้เพียงพอตลอดปี เพื่อการเพาะปลูกในระยะฝนทิง้ ชว่ ง หรอื ในฤดูแลง้ - ใชอ้ ตั ราสว่ น30 : 30 : 30 : 10 ในการแบ่งพ้นื ท่ีออกเป็น 4 ส่วน ไมว่ า่ จะมีพ้นื ที่ถือครองน้อยกวา่ หรอื มากกว่า 15 ไร่ คือ 30 % ใชข้ ดุ สระเกบ็ กกั น้ำ 30 % ใช้ปลกู ขา้ ว 30 % ใช้ปลูกพืชผัก ผลไม้ พืชไร่ ไม้ยืนตน้ 10 % ใช้เป็นทอ่ี ยอู่ าศยั และอ่นื ๆ

ประโยชน์ของ \"ทฤษฎใี หม่ สรุปไดด้ งั น้ี - ประชาชนพออย่พู อกนิ ในระดบั ประหยดั เลย้ี งตนเองได้ ไมอ่ ดอยาก ตามหลกั ปรชั ญาของ \"เศรษฐกิจพอเพียง\" - ในหน้าแล้งกส็ ามารถนำนำ้ ทเ่ี ก็บกักไวใ้ นสระมาปลูกพืชทีใ่ ชน้ ำ้ นอ้ ย เช่น ถว่ั ตา่ งๆ ได้ โดยไมต่ อ้ งอาศยั ชลประทาน - ในปที ่ฝี นตกตามฤดกู าล กส็ ามารถสรา้ งรายไดใ้ ห้ร่ำรวยได้ - ในกรณที เ่ี กดิ อุทกภัย กส็ ามารถฟนื้ ตวั และชว่ ยตัวเองได้ในระดับหนึ่ง โดยราชการไมต่ ้องช่วยเหลอื มากนัก

สว่ นท่ี 4 ผลการดำเนนิ งาน ผู้ดำเนินการจัดทำโครงการการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชนใ์ น ชุมชน และการชว่ ยเหลือซึ่งกันและกนั อยา่ งยั่งยืน ในการอบรมเก็บรวบรวมข้อมูล และการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดังนี้ 1. เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการจดั กิจกรรม ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรม ขอ้ มูลทตุ ิยภมู ิ ศึกษาจากเอกสาร ข้อมลู ตา่ ง ๆ ที่เก่ียวข้อง 2. การเก็บรวบรวมข้อมลู 2.1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 2.1.1 ประชาชนที่เข้ารบั การอบรม 2.2 วธิ ดี ำเนินการในการตดิ ตามและประเมินผลการดำเนนิ งานได้ดำเนินการดังน้ี 2.2.1 เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการประเมนิ เปน็ แบบสอบถาม แบง่ ออกเปน็ 3 ตอน คอื ตอนที่ 1 ข้อมลู สถานภาพทั่วไปเกี่ยวกับผ้ตู อบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 ข้อมูลเกย่ี วกับความพึงพอใจในการเขา้ ร่วมโครงการฯ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ 2.2.2 วิเคราะห์ขอ้ มลู ในการวเิ คราะห์ ดำเนนิ การดังน้ี ตอนที่ 1 ขอ้ มูลสถานภาพทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถามวิเคราะห์ผลด้วยการหาค่าร้อยละ ค่าร้อยละ (%) P = F  100 n เม่อื p แทน ร้อยละ F แทน จำนวนผตู้ อบแบบสอบถาม n แทน จำนวนทั้งหมด ตอนที่ 2 ขอ้ มูลเกี่ยวกับการดำเนินงานตามโครงการ ใชค้ ่าเฉลย่ี x x = x n เมอื่ x แทน ค่าเฉลย่ี แทน จำนวนผตู้ อบแบบสอบถาม x แทน จำนวนทง้ั หมด n

ตอนท่ี 3 สรปุ ข้อเสนอแนะ โดยใช้ความถี่ ( f ) 2.2.3 การแปลผลข้อมูล ในการแปลความหมายของขอ้ มูล แปลผลจากคา่ เฉลยี่ เลขคณิต x โดยใช้หลกั เกณฑด์ ังนี้ ค่าเฉลี่ยเลขาคณิต x ความหมาย 1.00 – 1.50 1.51 – 2.50 น้อยทสี่ ดุ 2.51 – 3.50 นอ้ ย 3.51 – 4.50 4.51 – 5.00 ปานกลาง มาก มากทีส่ ดุ 3. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน จากการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนตามโครงการการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชน การเป็นจติ อาสา บำเพ็ญประโยชน์ในชุมชน และการช่วยเหลอื ซง่ึ กันและกนั อยา่ งย่ังยนื ได้มกี ารสำรวจความพึงพอใจของ ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมทมี่ ีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรม จำนวน 4 คน โดยวิธีการตอบแบบสอบถาม จงึ ไดม้ ีการนำเสนอ ข้อมูลในรูปตารางประกอบคำบรรยาย โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ไดแ้ ก่ ตอนท่ี 1 ข้อมลู สว่ นบคุ คล ตอนท่ี 2 ประเมนิ ความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (กจิ กรรมการเรยี นการสอน) ตอนท่ี 3 สรปุ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สรุปเปน็ ประเด็นท่ีสำคญั ตอนที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางที่ 1 แสดงจำนวน รอ้ ยละจำนวนตามเพศ เพศ จำนวน ( n = 4 ) ร้อยละ ชาย - - หญงิ 4 100 รวม 4 100 จากตารางที่ 1 ผลการศกึ ษาพบวา่ ผเู้ ขา้ รว่ มอบรมสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิงทัง้ หมด คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ตารางท่ี 2 แสดงจำนวน รอ้ ยละจำนวนตามอายุ อายุ จำนวน ( n = 4 ) รอ้ ยละ ๑๕-๓๙ ปี 1 25 ๔๐-๕๙ ปี 2 50 ๖๐ ปี ข้ึนไป 1 25 4 100 รวม จากตารางที่ 2 ผลการศึกษาพบวา่ ผู้เขา้ ร่วมอบรมส่วนใหญ่ คอื ช่วงอายรุ ะหว่าง 40 – 59 ปี คิดเป็นรอ้ ยละ 50 รองลงมา คือช่วงอายุระหวา่ ง 15 – 39 ปี และอายุ 60 ปขี ึน้ ไป คิดเปน็ รอ้ ยละ 25

ตารางท่ี 3 แสดงจำนวน รอ้ ยละจำนวนตามระดบั การศึกษาสงู สดุ ระดบั การศึกษาสูงสุด จำนวน ( n = 4 ) รอ้ ยละ ประถมศกึ ษา - - - - มธั ยมศึกษาตอนตน้ - - มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 4 อนื่ ๆ..ต่ำกวา่ ประถมศึกษา และ 100 4 ระดบั ปวส. 100 รวม จากตารางท่ี 3 ผลการศึกษาพบว่า ผเู้ ข้าร่วมอบรมส่วนใหญม่ รี ะดับการศึกษาสงู สดุ คือ อนื่ ๆ เน่ืองจากไม่ได้ ศึกษาหรือศึกษาระดบั ประถมปที ี่ 4 และจบระดบั ปวส. คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ตารางที่ 4 แสดงจำนวน ร้อยละจำนวนตามอาชพี อาชพี จำนวน ( n = 4 ) ร้อยละ เกษตรกร 4 100 รับจ้าง - คา้ ขาย - - นักเรียน/นกั ศึกษา - - 4 - รวม 100 จากตารางท่ี 4 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เขา้ ร่วมอบรมท้ังหมดประกอบอาชีพเกษตรกร คิดเป็นรอ้ ยละ 100

ตอนที่ 2 การวเิ คราะห์ข้อมูลเกยี่ วกับความพงึ พอใจในการจัดกจิ กรรม ตารางท่ี 6 แสดงจำนวน ร้อยละ และคา่ เฉลยี่ ของความพึงพอใจของผเู้ ข้ารว่ มอบรมท่ีมีตอ่ การจัดกจิ กรรมการ เรียนการสอน ระดับความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ/การนำความรู้ไปใช้ ประเดน็ ความคดิ เหน็ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทส่ี ุด คา่ เฉลยี่ อยูใ่ น 5 4 3 2 1 ระดับ ตอนที่ 1 ความพงึ พอใจดา้ นเน้ือหา = 4.69 1.1 เนื้อหาตรงตามความ 2 2 - - - 4.50 มาก (50.00%) (50.00%) ตอ้ งการ 1.2 เนือ้ หาเพยี งพอตอ่ ความ 3 1 - - - 4.75 มาก ต้องการ (75.00%) (25.00%) - ทีส่ ุด - 1.3 เนือ้ หาปจั จุบนั ทันสมยั 3 1 - - 4.75 มาก (75.00%) (25.00%) ที่สุด 1.4 เน้ือหามปี ระโยชนต์ อ่ การ นำไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต 3 1 - - 4.75 มาก (75.00%) (25.00%) ที่สดุ ตอนท่ี 2 ความพงึ พอใจด้านกระบวนการจัดกจิ กรรมการอบรม = 4.60 - - 4.50 มาก 2.1 การเตรียมความพร้อมกอ่ น 2 2 - อบรม (50.00%) (50.00%) 2.2 การออกแบบกจิ กรรม 22 - - - 4.50 มาก เหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ (50.00%) (50.00%) 2.3 การจัดกจิ กรรมเหมาะสม 3 1 - - - 4.75 มาก ที่สุด กับเวลา (75.00%) (25.00%) 2.4 การจดั กิจกรรมเหมาะสม 3 1 - - - 4.75 มาก ท่ีสดุ กับกลมุ่ เป้าหมาย (75.00%) (25.00%) 2.5 วธิ กี ารวดั ผล/ประเมินผล 2 2 - - - 4.50 มาก เหมาะสมกบั วตั ถปุ ระสงค์ (50.00%) (50.00%) ตอนที่ 3 ความพึงพอใจตอ่ วิทยากร = 4.75 3.1 วิทยากรมีความรู้ 31 - - - 4.75 มาก ทส่ี ดุ ความสามารถในเรื่องที่ถ่ายทอด (75.00%) (25.00%) 3.2 วทิ ยากรมีเทคนคิ การ 31 - - - 4.75 มาก ถ่ายทอดใชส้ ื่อเหมาะสม (75.00%) (25.00%) ทส่ี ดุ 3.3 วทิ ยากรเปิดโอกาสใหม้ ี 3 1 - - - 4.75 มาก ที่สุด ส่วนร่วมและซกั ถาม (75.00%) (25.00%)

ระดับความพงึ พอใจ/ความรู้ความเขา้ ใจ/การนำความรู้ไปใช้ ประเดน็ ความคิดเหน็ มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สุด คา่ เฉลี่ย อยใู่ น 5 4 3 2 1 ระดับ 4. ความถงึ พอใจดา้ นการอำนวยความสะดวก = 4.58 4.1 สถานที่ วสั ดุ อปุ กรณ์และ 3 1 - - - 4.75 มาก สิง่ อำนวยความสะดวก (75.00%) (25.00%) ที่สดุ 4.2 การสอื่ สาร การสร้าง 2 2 - - - 4.50 มาก บรรยากาศเพื่อใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ (50.00%) (50.00%) 4.3 การบริการ การชว่ ยเหลอื 2 2 - - - 4.50 มาก และการแกป้ ญั หา (50.00%) (50.00%) 5. ความพึงพอใจดา้ นการนำความรู้ไปใช้ = 4.75 5.1 สามารถนำความร้ทู ่ีรับไป 3 1 - - - 4.75 มาก ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏิบตั ิงานได้ (75.00%) (25.00%) ทส่ี ุด 5.2 สามารถนำความรู้ไป 3 1 - - - 4.75 มาก เผยแพร่/ถา่ ยทอดแก่ชุมชนได้ (75.00%) (25.00%) ท่สี ดุ 5.3 มีความม่ันใจและสามารถ 3 1 - - - 4.75 มาก นำความรู้ที่ไดร้ ับไปใชไ้ ด้ (75.00%) (25.00%) ท่ีสุด รวมทง้ั สน้ิ 48 24 - - - 4.67 มาก (66.67%) (33.33%) ทส่ี ุด ค่าเฉลยี่ ถว่ งน้ำหนัก 4.67 ระดับความคิดเหน็ มากท่สี ดุ จากตารางที่ 5 จากการศึกษาพบว่า ผู้เขา้ รว่ มอบรมสว่ นใหญ่มคี วามพึงพอใจตอ่ การจัดโครงการ โดยแยกเปน็ ขอ้ ๆ ดังนี้ 1. ความพงึ พอใจดา้ นเน้ือหา อยู่ในระดับ มากทสี่ ดุ ค่าเฉล่ีย = 4.69 2. ความพงึ พอใจดา้ นกระบวนการจัดกิจกรรมการอบรม อย่ใู นระดบั มากท่สี ดุ ค่าเฉลี่ย = 4.60 3. ความพงึ พอใจต่อวทิ ยากร อย่ใู นระดบั มากท่สี ุด ค่าเฉลี่ย = 4.75 4. ความพึงพอใจดา้ นการอำนวยความสะดวก อยใู่ นระดับ มากทสี่ ดุ คา่ เฉล่ยี = 4.58 5. ความพงึ พอใจดา้ นการนำความรไู้ ปใช้ อยใู่ นระดบั มากที่สุด ค่าเฉลีย่ = 4.58 สรปุ ภาพรวมความพึงพอใจของผ้เู ข้ารว่ มโครงการ ทงั้ หมด อย่ใู นระดับ มากที่สุด มคี า่ เฉลย่ี = 4.67 ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ ไม่มี หมายเหตุ คิดคะแนนเฉพาะท่ีความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากขน้ึ ไป

สว่ นท่ี 5 สรุปผลโครงการ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน การเป็นจิตอาสา บำเพญ็ ประโยชน์ในชมุ ชน และการช่วยเหลอื ซง่ึ กันและกัน อย่างยง่ั ยืน มีจดุ ประสงคใ์ นการจัดกิจกรรมดังน้ี วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื สง่ เสริมให้ประชาชนเปน็ จติ อาสา บำเพ็ญประโยชนใ์ นชุมชน อยดู่ ีกนิ ดใี นชุมชน ๒. เพือ่ ส่งเสริมให้ประชาชนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน และ รเู้ ทา่ ทนั และป้องกนั ตัวเองจากการ แพร่ระบาดของโรคโควดิ -19 ทำสายคล้องหน้ากากอนามยั และมีความรู้เกยี่ วกับยาเสพติด และการแบ่งพื้นท่ตี าม หลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำฮอร์โมนไขแ่ ละน้ำยาไล่แมลง การดำเนินการจัดกจิ กรรม 1. ผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรม ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการ จำนวน 4 คน - เพศชาย จำนวน - คน - เพศหญิง จำนวน 4 คน 2. เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการอบรม ข้อมลู ปฐมภมู ิ ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรม ข้อมูลทุติยภูมิ ศกึ ษาจากเอกสาร ขอ้ มลู ต่าง ๆ ที่เกย่ี วข้อง 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะหแ์ บบสอบถามในแต่ละส่วน ดังน้ี ตอนที่ 1 ขอ้ มูลสว่ นบุคคล ตอนท่ี 2 ประเมนิ ความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ สรุปเป็นประเด็นทสี่ ำคัญ 4. วิธกี ารวเิ คราะห์ข้อมลู ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผจู้ ดั ได้ดำเนินการ 2 ลกั ษณะ คือ 4.1 การสังเคราะหเ์ ชิงคณุ ลักษณะ ผูจ้ ัดกจิ กรรมทำการสงั เคราะห์โดยใช้วิธกี ารวเิ คราะหส์ งั เคราะห์ 3 ด้าน คอื ข้อมูลทวั่ ไป ข้อมูลความพึง พอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน และขอ้ เสนอแนะ 4.2 การสังเคราะหก์ ารอบรมเชงิ ปริมาณ ในการสงั เคราะหก์ ารจดั กิจกรรมเชงิ ปริมาณ ผูจ้ ัดกิจกรรมแยกออกเป็น คุณลกั ษณะตา่ ง ๆ ในการ สังเคราะหข์ ้อมลู ดังนี้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั เพศ / อายุ ขอ้ มลู ระดับความพงึ พอใจในการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน ข้อเสนอแนะ

สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ผลการจดั กจิ กรรม ผลการจดั กิจกรรมโครงการการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน การเป็นจติ อาสา บำเพ็ญประโยชน์ใน ชุมชน และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างยั่งยืน โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ สังเคราะห์จากแบบประเมินความ พึงพอใจในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน และรปู แบบการจดั กจิ กรรม สามารถสรุปได้ดงั น้ี การสงั เคราะหข์ อ้ มูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิงทั้งหมด เนื่องจากเปน็ เพศท่ีอยู่กับบา้ น มหี น้าที่ทำงานบ้าน งานเรอื น ผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรมสว่ นใหญ่มีอายรุ ะหวา่ ง 40 – 59 ปี เนื่องจากในช่วงจดั กจิ กรรมประชาชนยงั ไม่ไดท้ ำ การเกษตร ผลการสังเคราะห์ทางจำนวนของผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่าเป้าหมายท่ี กำหนดไว้ แตง่ บประมาณการฝึกอบรมมอี ยอู่ ย่างจำกดั การวิเคราะห์ข้อมลู เก่ียวกบั ความพึงพอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ จากการศึกษาพบว่า ผู้เขา้ รว่ มอบรมส่วนใหญ่มคี วามพึงพอใจต่อการจัดการเรยี นการสอน ดังนี้ 1. ความพึงพอใจด้านเน้ือหา อยู่ในระดบั มากทส่ี ุด คา่ เฉลีย่ = 4.69 2. ความพงึ พอใจดา้ นกระบวนการจัดกจิ กรรมการอบรม อยใู่ นระดับ มากท่ีสุด ค่าเฉลี่ย = 4.60 3. ความพงึ พอใจต่อวทิ ยากร อยใู่ นระดับ มากทีส่ ุด ค่าเฉล่ีย = 4.75 4. ความพงึ พอใจดา้ นการอำนวยความสะดวก อยู่ในระดับ มากทส่ี ดุ คา่ เฉล่ีย = 4.58 5. ความพงึ พอใจดา้ นการนำความรู้ไปใช้ อยู่ในระดบั มากทสี่ ุด ค่าเฉลย่ี = 4.58 สรปุ ภาพรวมความพึงพอใจของผู้เขา้ ร่วมโครงการ ทงั้ หมด อยู่ในระดับ มากทสี่ ุด มคี ่าเฉล่ยี = 4.67 อภิปรายผล จากการดำเนนิ การพบประเด็นสำคญั ที่สามารถนำมาอภปิ รายผลไดด้ งั นี้ 1. ด้านกลมุ่ เปา้ หมาย 1.1 ประชาชนเปน็ จิตอาสา บำเพ็ญประโยชนใ์ นชมุ ชน ชว่ ยเหลือซึ่งกนั และกันในชุมชน 1.2 ประชาชนรเู้ ท่าทนั และป้องกนั ตัวเองจากการแพรร่ ะบาดของโรคโควิด-19 2. ด้านงบประมาณ 2.1 จากการดำเนินงานพบงบประมาณที่ใช้ในการจัดซื้อวัสดุในการอบรม ไม่เพียงพอสำหรับ การจดั กจิ กรรม เนือ่ งจากมผี ู้เขา้ รว่ มอบรมมากกว่าเปา้ หมายท่กี ำหนด 3. ด้านกิจกรรมการเรยี นการสอน 3.1 จากการดำเนนิ งานพบว่ากิจกรรมต้องยืดหยนุ่ ตามสภาพกลุ่มเป้าหมาย เนื่องมาจากสภาพ ชีวติ ความเปน็ อยขู่ องกลมุ่ เปา้ หมายมสี ว่ นสำคญั ตอ่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. ด้านสถานที่ 4.1 การดำเนินการเป็นไปด้วยความสะดวก เรียบร้อย เนื่องจากได้ใช้พื้นที่ของวัดในชุมชน 4.2 การใช้สถานท่ีของผู้รับบริการเปน็ ศูนย์การเรยี นร้ใู นชมุ ชนทำให้เกิดความเช่ือมโยง สัมพันธ์ กนั ระหว่าง กศน. และชุมชน

ข้อมูลความตระหนัก ในการจัดกิจกรรมโครงการการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชมุ ชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ใน ชมุ ชน และการช่วยเหลือซ่งึ กันและกนั อยา่ งย่งั ยืน เพ่อื สง่ เสริมให้ผูร้ ับการอบรมเปน็ จติ อาสา บำเพญ็ ประโยชน์ ในชุมชน ชว่ ยเหลือซ่งึ กันและกัน รู้เทา่ ทัน ป้องกนั ตวั เองจากการแพรร่ ะบาดของโรคโควิด-19 ข้อมลู การปฏิบัติ (ความพยายาม) ในการจัดกิจกรรมโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชน การเป็นจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ใน ชุมชน และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างยั่งยืน ได้มีการประชุมวางแผนการดำเนินโครงการ และให้ กลุม่ เปา้ หมายท่ีเข้ารับการอบรมเป็นจิตอาสา บำเพญ็ ประโยชนใ์ นชุมชน จดุ เด่น 1. กลุ่มเปา้ หมายมคี วามรับผดิ ชอบ 2. กจิ กรรมตรงตามความต้องการของกลุม่ เปา้ หมาย 3. กลุ่มเปา้ หมายมีความสนใจในกจิ กรรมการเรยี นการสอนดี 4. กลุ่มเป้าหมายสามารถนำความรู้ทไ่ี ด้ไปใชใ้ นการดำเนินชวี ิตประจำวนั ของตนเองได้ จุดควรพฒั นา (จดุ ดอ้ ย) ผู้เรียนมีพื้นฐานในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ทำให้การเรียนรู้เป็นไปได้ช้ากว่ากำหนดที่ได้ตั้งไว้ และผู้ อบรมบางท่านมาสายเนื่องจากตดิ ภาระกิจทีบ่ ้านในช่วงเชา้ แนวทางการพัฒนา 1. ควรจัดหางบประมาณเพ่มิ เติม หรือการขอความสนับสนนุ จากแหล่งต่าง ๆ ในเรื่องการจดั หาวสั ดุใน การเรียนรู้ วธิ ีการพัฒนา 1. สร้างความรู้ ความเข้าใจที่ดีในการจัดโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน การเป็น จิตอาสา บำเพ็ญประโยชนใ์ นชุมชน และการช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั อยา่ งย่ังยนื กลมุ่ เปา้ หมายมีความรับผิดชอบ ในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน ให้ผู้รับการอบรม/ผ้รู บั บรกิ ารเห็นความสำคญั 2. ปรบั วธิ ีการจัดกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับนักศกึ ษา/ผู้รับบริการ ให้มีความยดื หยนุ่ โดยไมเ่ นน้ หนว่ ยการ เรยี นรู้ตามหลกั สูตร แตใ่ หย้ ดึ ตวั นักศกึ ษาเป็นสำคัญ แล้วจงึ นำผลการดำเนนิ งานมาปรับปรุงในครงั้ ตอ่ ไป ขอ้ เสนอแนะในการดำเนนิ การคร้ังตอ่ ไป 1. ควรทำการศึกษาปัญหาความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้เครื่องมือที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มูลทีถ่ กู ตอ้ ง ตรงตามความต้องการของประชาชนมากที่สดุ 2. ควรศึกษาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในด้านต่าง ๆ ที่ต้องการรับบริการจาก กศน. เพื่อให้ ทราบและสามารถจัดกจิ กรรมตามหลักสูตรให้สอดคล้องกบั ความต้องการของท้องถ่นิ ได้ 3. ควรศึกษาผลกระทบจากการดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยการศึกษาจาก กลุ่มเปา้ หมาย และชมุ ชน 4. ควรเกบ็ ขอ้ มลู ของผ้เู ขา้ รบั การอบรมหลังการอบรมดว้ ยทุกครงั้

ภาคผนวก

ภาพกิจกรรม โครงการการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน การเปน็ จิตอาสา บำเพญ็ ประโยชน์ในชมุ ชน และการชว่ ยเหลือซง่ึ กันและกัน อย่างยั่งยืน วนั ท่ี 26 มกราคม 2565 ณ บา้ นเลขที่ 43/2 หมู่ 7 บ้านนำ้ ภาคนอ้ ย ตำบลป่าแดง อำเภอชาติตระการ จังหวดั พษิ ณโุ ลก

ภาพกิจกรรม โครงการการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน การเปน็ จิตอาสา บำเพญ็ ประโยชน์ในชมุ ชน และการชว่ ยเหลือซง่ึ กันและกัน อย่างยั่งยืน วนั ท่ี 26 มกราคม 2565 ณ บา้ นเลขที่ 43/2 หมู่ 7 บ้านนำ้ ภาคนอ้ ย ตำบลป่าแดง อำเภอชาติตระการ จังหวดั พษิ ณโุ ลก

ทปี่ รึกษา คณะผ้จู ดั ทำ นางพรสวรรค์ กันตง ผู้อำนวยการ .กศน.อำเภอชาติตระการ นางสาวชมพนู ุช ลว้ นมงคล ครูผูช้ ว่ ย ผสู้ ่งเสรมิ สนบั สนนุ การจัดกจิ กรรม บุญประกอบ ครอู าสาสมัครฯ นางสาวประยูร ผรู้ ับผิดชอบ/ผู้เรียบเรียง/จดั พมิ พร์ ปู เล่ม/ออกแบบปก นางสาวเปียทพิ ย์ แสงสีบาง ครู กศน.ตำบลท่าสะแก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook