ก คานา การสรุปผลการจัดกิจกรรมอาชีพหลักสูตรกลุ่มสนใจ จักสานไม้ไผ่ (การสาน ชะลอม) เป็นการจัดเก็บ และรวบรวมข้อมูลการอบรมกลุ่มวิชาชีพ เพ่ือส่งเสริมกระบวนการ เรียนรู้ต่อประชาชนผู้สนใจเป็นการสนองตอบความต้องการของประชาชนในพ้ืนท่ีเพื่อให้มี คุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ในกระบวนการเรียนรู้จะแตกต่างออกไปตามพื้นที่ในแต่ละพ้ืนที่ กลุ่มเป้าหมาย วิถีการดาเนินชีวิตท่ีดีข้ึน สภาพแวดล้อม ล้วนแต่ส่งผลต่อการเรียนรู้ท้ังสิ้น กระบวนการเรยี นร้จู ะประกอบดว้ ยภาคทฤษฎี และภาคปฏิบตั ิเพ่ือฝึกทักษะในการเรียนรู้ให้แก่ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้สามารถนาความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปปรับประยุกต์ใช้ในการ ดาเนินชวี ติ ตอ่ ไป สรุปผลการจัดกิจกรรมเล่มนี้ ทางผู้ดาเนินงานได้เรียบเรียงข้ึนเพ่ือสรุปผลการ จัดกิจกรรมกลุ่มสนใจ จักสานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) และได้ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าข้อบกพร่องต่าง ๆ มักเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น จึงใคร่ขอความกรุณาจากผู้ใช้ ทุกท่าน หากพบข้อผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ กรุณาแจ้งให้ผู้จัดทา ทราบด้วยจักขอบคุณย่ิง ทั้งน้ีก็เพ่ือจะได้นาไปเป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขการสรุปผลการ จดั กิจกรรมเพื่อพฒั นาอาชพี ในโอกาสตอ่ ไป นางสาวนภิ าพร พระคาสอน ครู กศน.ตาบลชาติตระการ ผู้จดั ทา มีนาคม ๒๕๖๔
เร่อื ง ข หนา้ คานา สารบญั ก สารบญั ข บทที่ 1 รายงานผลการจดั กจิ กรรมหลักสตู รกลมุ่ สนใจ 1 จกั สานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) บทที่ 2 หลกั สูตรและเอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ ง ๓ บทที่ 3 การดาเนินการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ๖ บทที่ 4 สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ 1๓ ภาคผนวก 1๗ จัดทาโดย ๑๘
รายงานผลการจัดกิจกรรม บทที่ 1 หลักสูตรการจกั สานไมไ้ ผ่ กลุ่มอาชีพพาณิชยกรรมและบริการ ความเป็นมา การเลอื กประกอบอาชีพในภาวะเศรษฐกิจยคุ ปัจจบุ นั จาเป็นต้องมีข้อมลู พน้ื ฐานในหลักสูตรใน หลายๆ ด้าน ท้ังด้านการผลิต และความต้องการของตลาดแรงงานในสาขาอาชีพต่างๆ กลุ่มอาชีพสาขาพาณิชย กรรมก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการเลือกประกอบอาชีพ สานักงาน กศน.ได้ดาเนินการคัดเลือกหลักสูตรการประกอบ อาชีพด้านพาณิชยกรรมมานาเสนอไว้เป็นตัวอย่างให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความสนใจ ฝึกปฏิบัติและนาไป ประกอบอาชพี สร้างรายไดอ้ ยา่ งทั่วถงึ มีความมัน่ ใจในการนาความรูแ้ ละทักษะไปประกอบอาชีพ ประชาชนในพื้นท่ีส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมและว่างงานหลังจากการทานา หรือทาสวน รวมถึงที่ยังตกงาน และเล้ียงดูบุตรอยู่ที่บ้าน จึงได้คิดรวมตัวกันข้ึนเพื่อร่วมกันจักสานไม้ไผ่ สาหรับเป็นรายได้ เสริมอื่นท่ีนอกเหนือจากการทาการเกษตรมาสนับสนุนครอบครัวเป็นระบบกระบวนการพัฒนาความคิด สร้างสรรค์ ประยุกต์พัฒนางาน ตลอดจนนาภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งเรียนรู้ ผู้เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมจัดเนื้อหา ประสบการณ์ให้เกิดผลกับผู้เรียนเป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข รู้แนวทางการประกอบอาชีพคู่กับการอนุรักษ์ ความเปน็ ไทยและสงิ่ แวดลอ้ มจึงไดต้ กลงกนั ว่าจะทาจกั สานไม้ไผ่ (การสานตะกร้าและการสานกระจาดในรูปแบบ ต่างๆ) ซ่ึงในปัจจุบันเป็นที่นิยมกันมากของตลาดทั้งในตาบล อาเภอ และจังหวัด ท้ังยังมีแนวโน้มความต้องการ เพิ่มสูงขึน้ เร่อื ยๆ มีการปรับเปลย่ี นรปู แบบให้ทนั สมัย และตามประโยชน์การใช้งาน ปัจจุบันสามารถผลิตสินค้า ไดต้ ามทีล่ ูกคา้ ตอ้ งการ ซ่งึ ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ เหล่าน้ีเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมีความต้องการสูงจึงทาให้จาหน่ายได้ง่ายและ ทาราคาของผลิตภัณฑ์ขายได้ราคาสูง ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกหน่ึงที่จะช่วยให้แม่บ้านมีรายได้เสริมแก่ครอบครัว เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน รวมถึงเพ่ือเป็นการสนับสนุนการรวมกลุ่มก่อให้เกิดรายได้ใน ชุมชน ชุมชนเกิดความเข้มแขง็ ต่อไป สถานที่ บ้านปากรอง ตาบลชาติตระการ อาเภอชาติตระการ จังหวัด ณ ท่ีทาการผู้ใหญ่ หมู่ ๓ พิษณโุ ลก วนั / ระยะเวลาที่จัดกจิ กรรม ตาแหน่ง วทิ ยากร - ๙ มีนาคม ๒๕๖๔ - หลกั สูตร ๕ ช่ัวโมง - จานวน ๑๒ คน วิทยากร นายสมเดช บญุ ทา ผู้รับผิดชอบ นางสาวนิภาพร พระคาสอน ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล
บทที่ 2 หลักสูตรและเอกสารท่เี กย่ี วขอ้ ง การส่งเสริมการจดั กระบวนการเรียนรู้ ในพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ ได้กาหนด บทบาทในการส่งเสริมการเรียนรูข้ องรฐั และสถานศึกษาต่าง ๆ ดังนี้ 1. รฐั ตอ้ งสง่ เสรมิ การดาเนินงาน และการจัดตง้ั แหล่งการเรยี นรูต้ ลอดชีวติ ทกุ รปู แบบ ไดแ้ ก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภณั ฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อทุ ยาน วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ศนู ย์การกีฬาและนนั ทนาการ แหลง่ ขอ้ มลู และแหลง่ การเรียนรู้ อย่างเพยี งพอ และมีประสิทธภิ าพ 2. ใหค้ ณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน กาหนดหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ัน พ้นื ฐานเพ่ือความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองดีของชาติ การดารงชวี ติ และการประกอบอาชพี ตลอดจนเพ่ือ การศึกษาต่อ 3. ให้สถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน มีหนา้ ทจ่ี ดั ทาสาระของหลักสตู รในส่วนที่เกยี่ วข้องกบั สภาพปัญหาในชมุ ชนและสังคม ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเป็นสมาชกิ ที่ดีของ ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ 4. หลกั สูตรการศกึ ษาระดบั ตา่ ง ๆ ตอ้ งมีลักษณะหลากหลายเหมาะสมกับแตล่ ะระดับ โดยมงุ่ พัฒนาคุณภาพชวี ติ ของบุคคล สาระของหลักสูตร ท้ังทเี่ ปน็ วชิ าการ วิชาชพี ตอ้ งมุ่งพฒั นาคนให้มี ความสมดุล ท้งั ด้านความรู้ ความคดิ ความสามารถ ความดีงาม และความรับผดิ ชอบต่อสังคม 5. ให้สถานศึกษารว่ มกบั บุคคล ครอบครวั ชุมชน องค์กรชุมชน องคก์ รปกครองส่วน ท้องถนิ่ เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบนั สงั คมอน่ื ส่งเสริมความเข้มแขง็ ของชุมชน โดยจดั กระบวนการเรยี นรู้ภายในชุมชน เพอื่ ใหช้ ุมชนมีการจดั การศึกษา อบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมลู ขา่ วสาร และรจู้ ักเลอื กสรรภูมปิ ัญญา และวิทยาการต่าง ๆ เพือ่ พฒั นา ชมุ ชนในสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ รวมทั้งหาวธิ กี ารสนับสนุนให้มกี ารเปลี่ยนแปลง ประสบการณ์การพัฒนาระหว่างชมุ ชน 6. ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรยี นการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมท้งั การ สง่ เสรมิ ให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพือ่ พัฒนากระบวนการเรียนรู้ทเ่ี หมาะสมกบั ผเู้ รียนในแต่ละระดบั การศกึ ษา การศึกษาประกอบด้วยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ที่มีส่วนชว่ ยเหลอื เอื้อตอ่ การจดั กจิ กรรมการ เรียนการสอน แนวทางในการจัดกระบวนการเรียนรู้เพยี งอย่างเดียวไม่สามารถทาให้การจดั การศกึ ษาดาเนนิ ไปได้อยา่ งราบรืน่ ต้องอาศยั การสง่ เสรมิ การจัดกระบวนการเรยี นรใู้ นรปู แบบตา่ ง ๆ ดว้ ย การจดั การศกึ ษาท่ี เกีย่ วขอ้ งกบั ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่นต้องสอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของแต่ละท้องถ่ินด้วย แนวคดิ ของการศกึ ษาตลอดชีวิต เปน็ การศกึ ษาที่มีความจาเป็นสาหรบั บคุ คลในทุกช่วง ชวี ติ ตัง้ แต่เกิดจนตาย บคุ คลมีความสามารถท่ีจะเรียนรู้ไดต้ ลอดชวี ิต การศกึ ษา มิได้ส้นิ สดุ เมอื่ บุคคลจบจาก โรงเรยี นหรอื สถาบนั การศึกษาการศึกษาตลอดชวี ติ เนน้ ความเสมอภาคความเทา่ เทียมกันในโอกาสทาง การศกึ ษาการศึกษาตลอดชวี ิตควรมีความยดื หยนุ่ หลากหลายรปู แบบ และวิธกี ารเพื่อเปิดโอกาสใหท้ ุกคน เรยี นรสู้ ามารถเลือกวธิ เี รยี นที่เหมาะสมกับความสามารถของตนการศึกษาตลอดชวี ติ มุ่งใหบ้ คุ คลได้พฒั นา อย่างเต็มศักยภาพพัฒนาคณุ ภาพชีวิตและพง่ึ ตนเองได้ ส่ิงท่ใี หบ้ ุคคลเรยี นรู้ควรสัมพันธ์เกี่ยวขอ้ งกับวถิ ีชีวติ ซง่ึ บคุ คลควรไดร้ ับความรู้และทักษะที่จาเปน็ ในการดาเนนิ ชวี ติ และการประกอบอาชีพ รวมท้ังทักษะในการ แสวงหาความรู้ หรอื มเี ครือ่ งมือในการแสวงหาความร้ตู ่อไป การศึกษาตลอดชีวติ เป็นภาพรวมของการศึกษา
ท้ังหมดครอบคลุมการศึกษาทุกประเภท ทุกระดับทเี่ กิดจากการผสมผสานระหวา่ งระบบการศึกษาทจ่ี ดั สดั สว่ นของการศกึ ษาไว้ 3 ประเภท คอื 1. การศกึ ษาในระบบ เป็นการศึกษาท่กี าหนดจุดมงุ่ หมาย วิธกี ารศกึ ษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและการประเมินผล ซึ่งเป็นเง่อื นไขสาคัญของการสาเรจ็ การศกึ ษาที่แนน่ อน 2. การศกึ ษานอกระบบ เป็นการศกึ ษาที่มคี วามยืดหยนุ่ ในการกาหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธกี ารจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวดั และการประเมินผล ซึง่ เป็นเงื่อนไขสาคญั ของ การสาเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสตู รจะต้องมคี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกับสภาพปญั หาและความ ต้องการของบคุ คลแตล่ ะกลมุ่ ตวั อยา่ ง เช่น การจดั กลุ่มเรียนตามความสนใจของผเู้ รียน การเรียนหรือการ ฝึกอบรมหลกั สตู รระยะสั้น เป็นตน้ 3. การศกึ ษาตามอัธยาศยั เป็นการศึกษาที่ใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเองตามความสนใจ ศกั ยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศกึ ษาจากบคุ คล ประสบการณ์ สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม ส่ือ หรือแหลง่ ความรอู้ ืน่ ๆ เชน่ การฝกึ ฝนและปฏบิ ัติงานกบั พอ่ แม่ หรอื สถานประกอบการ การศึกษาดว้ ยตนเองจาก หนังสอื และส่ือตา่ ง ๆ เป็นตน้ ปัจจุบันภารกจิ ของการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ได้ขยายออกไปอย่าง กวา้ งขวาง สามารถแบ่งภารกิจหลักได้ 3 ประเภท คือ 1. ส่งเสริมการศึกษาในระบบโรงเรียน โดยจัดกจิ กรรมเพื่อส่งเสรมิ การเรยี นการสอนใน ระบบโรงเรยี นในรปู แบบของการใช้สือ่ เทคโนโลยีการศึกษา ส่อื รายการวิทยุ โทรทศั น์เพ่ือการศึกษา สอ่ื การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม และการจัดนทิ รรศการวทิ ยาศาสตรเ์ พื่อการศกึ ษา 2. จดั การศึกษานอกโรงเรยี น โดยมงุ่ จัดการศึกษาให้กบั ประชาชนและผู้ด้อยโอกาสที่อยู่ นอกระบบโรงเรียนใหไ้ ด้รบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน อ่านออก เขียนได้ รวมทง้ั การจดั การศึกษาสายสามญั และ สายอาชีพในรูปแบบต่าง ๆ เพ่อื ยกระดับการศึกษาและพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตใหก้ ับกลุม่ เปูาหมาย 3. สง่ เสรมิ การศึกษาตามอัธยาศัย โดยจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สอดคล้องกบั วิถีชวี ติ อย่าง ตอ่ เนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับขอ้ มูลขา่ วสารทจ่ี าเป็นและทันสมยั รเู้ ทา่ ทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่ เป็นไปอย่างรวดเร็วในยคุ โลกาภวิ ัฒน์ สามารถแสวงหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองอย่างตอ่ เน่ืองตลอดชีวิตจาก แหล่งตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชาชน ที่อ่านหนงั สือประจาหมูบ่ ้าน ศนู ยก์ ารเรียนชุมชน ศนู ยว์ ิทยาศาสตร์ เพื่อการศึกษา และรายการวิทยโุ ทรทัศน์ เปน็ ตน้ โดยสรปุ ภารกิจท้ังหมดดังกลา่ ว ก็เพ่อื จัดการศึกษาตลอด ชวี ิตใหแ้ กป่ ระชาชนท่อี ยู่ท้งั ในและนอกระบบโรงเรยี นให้มีโอกาสได้รบั การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ทักษะอาชีพ และขา่ วสารข้อมลู ที่ทนั สมัยในทุกชว่ งเวลาทต่ี อ้ งการ ในรปู แบบของการศึกษาตลอดชีวิต จดั การศึกษาเพือ่ พฒั นาอาชีพ เปน็ การศกึ ษาเพ่ือพฒั นาความร้คู วามสามารถและทักษะ ในการประกอบอาชีพของบุคคลและกลมุ่ บคุ คล ซ่ึงมจี ุดมงุ่ หมายในชวี ิตท่ตี า่ งกัน โดยมีสาระดงั น้ี 1. การเรยี นรู้อาชีพแบบองค์รวมท่ปี ระชาชน ครู กศน.และผ้เู กีย่ วข้องรว่ มกนั จดั กจิ กรรม การเรียนรู้ เพ่ือฟื้นฟเู ศรษฐกิจชุมชน 2. การออกแบบการเรยี นรู้งานอาชพี ตามลกั ษณะของการจดั การศึกษาเพอื่ พัฒนาอาชีพ ในรปู แบบการฝึกทกั ษะอาชีพ การเขา้ สู่อาชีพ การพฒั นาอาชีพและการพัฒนาอาชีพด้วยเทคโนโลยี 3. การเรยี นรู้จากการปฏบิ ตั ิจริงทีบ่ รู ณาการกบั วถิ ชี ีวติ โดยใช้วงจรกระบวนการคิด ทา จา แกป้ ัญหาและพัฒนา 4. การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพที่พัฒนาศกั ยภาพของบคุ คลและชมุ ชนที่สอดคล้อง กบั วถิ ีชีวิต โดยสง่ เสริมการรวมกล่มุ อาชพี สร้างเครือขา่ ยอาชพี มีระบบการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ ความรแู้ ละ
ประสบการณ์ การทาอาชีพภายใตว้ ัฒนธรรมของชมุ ชน มีกลยทุ ธเ์ พื่อการแข่งขนั ของชมุ ชน เป็นชุมชนทใ่ี ช้ เทคโนโลยีในการบริหารจดั การและพฒั นาอาชีพ กศน.อาเภอชาติตระการ ได้ดาเนนิ การจัดกิจกรรมตามรปู แบบการจัดกิจกรรมการเรยี นการ สอนมกี ารบูรณาการการจดั การเรยี นรเู้ พื่อใหเ้ หมาะสมกบั ผู้เรยี น แสดงถึงภาพสาเรจ็ ในการพฒั นาคุณภาพ ผเู้ รยี น กิจกรรมการเรียนรจู้ ากภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ท่ีเปน็ ส่วนหนงึ่ ในการพัฒนาศักยภาพของผูเ้ รยี น ในการ จดั การเรียนการสอนทเ่ี นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ การเรียนการสอนมงุ่ เน้นประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสาคญั จงึ ตอ้ ง จดั ใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝกึ ปฏิบัติใหท้ าได้ คดิ เป็น มนี ิสัยรกั การเรยี นรู้ และเกิดการใฝุ เรยี นอยา่ งต่อเนอื่ งตามแนวคิดของการศึกษาตลอดชีวติ
บทที่ 3 การดาเนินการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ผ้ดู าเนนิ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสนใจหลกั สูตรจักสานไม้ไผ่ (การสาน ชะลอม) ได้ดาเนินการในการอบรม เก็บรวบรวมข้อมูล และการวเิ คราะห์ข้อมลู ดังนี้ 3.1 การดาเนินการจัดกจิ กรรม 1. เตรียมการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน - ประชุมวางแผนรูปแบบการจัดกจิ กรรม - เลือกหลักสตู รวิชาชีพท่ีจะจดั กิจกรรมการเรียนการสอน - มอบหมายงานใหบ้ คุ ลากรท่เี กย่ี วข้อง - ติดต่อประสางานในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน 2. วธิ ีการดาเนินงาน - เขยี นขออนุญาตจดั ตั้งกล่มุ วิชาชพี - เสนอขออนุญาตจัดตั้งกลุ่มวชิ าชพี - เตรียมการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 1. เตรยี มการก่อนการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน - การจดั เตรยี มเอกสารการเรียนการสอน - ติดตอ่ สถานที่ - ติดต่อวทิ ยากร - อน่ื ๆ 2. ติดต่อประสานงานเครือข่าย - จัดการอบรมกลมุ่ วชิ าชพี ตามแผนที่วางไว้ 1. ลงทะเบยี นผู้เข้ารว่ มการกจิ กรรมการเรียนการสอน 2. วทิ ยากรใหค้ วามรู้ เร่ืองหลกั สูตรจกั สานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) 3. จดั กจิ กรรมกลมุ่ ย่อย 4. สรุปกจิ กรรมยอ่ ย 5. ปิดการอบรม - สรุปรายงานผลการจัดกจิ กรรมกลุม่ สนใจ จักสานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) เปน็ รูปเลม่ - รายงานผลการจดั กิจกรรมกลุม่ สนใจ จักสานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) ให้ผทู้ ี่ เกย่ี วข้องรบั ทราบ 3.2 ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรม ผ้เู ข้าร่วมกจิ กรรมหลักสตู รจักสานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) จานวน ๑๒ คน - เพศชาย จานวน ๓ คน - เพศหญงิ จานวน ๙ คน ผจู้ ดั กิจกรรม จานวน 1 คน 3.3 เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการจัดกิจกรรม - ขอ้ มูลปฐมภูมิ ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม - ขอ้ มูลทุตยิ ภมู ิ ศกึ ษาจากเอกสาร ขอ้ มูลต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้อง
3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์แบบสอบถามในแต่ละสว่ น ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลสว่ นบคุ คล ตอนท่ี 2 ประเมินความพงึ พอใจในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ตอนท่ี 3 สรุปขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ สรุปเป็นประเด็นทส่ี าคัญ สถติ ทิ ่ใี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลยี่ โดยใชส้ ูตรดังนี้ 3.4.1 ค่ารอ้ ยละ (%) P = F 100 n เม่อื p แทน รอ้ ยละ F แทน จานวนผตู้ อบแบบสอบถาม n แทน จานวนทั้งหมด 3.4.2 คา่ เฉลยี่ ( x ) x = x n เมื่อ x แทน คา่ เฉลยี่ x แทน จานวนผ้ตู อบแบบสอบถาม n แทน จานวนทัง้ หมด 3.5 การวิเคราะห์ขอ้ มูล 1.00 – 1.50 หมายถงึ น้อยทีส่ ุด 1.51 – 2.50 หมายถึง นอ้ ย 2.51 – 3.50 หมายถงึ ปานกลาง 3.51 – 4.50 หมายถึง มาก 4.51 – 5.00 หมายถึง มากทสี่ ุด ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน จากการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนวิชาชพี กล่มุ สนใจ หลักสตู รจกั สานไม้ไผ่ (การสาน ชะลอม) ไดม้ กี ารสารวจความพึงพอใจของผู้เขา้ รว่ มกิจกรรมทม่ี ตี ่อรปู แบบการจดั กิจกรรม จานวน ๑๒ คน โดยวธิ กี ารตอบแบบสอบถาม จึงได้มกี ารนาเสนอข้อมูลในรูปตารางประกอบคาบรรยาย โดยแบง่ ออกเป็น 3 สว่ น ได้แก่ ตอนท่ี 1 ข้อมลู ส่วนบุคคล ตอนที่ 2 ประเมนิ ความพึงพอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (กิจกรรมการเรียนการสอน) ตอนท่ี 3 สรปุ ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ สรปุ เปน็ ประเด็นท่ีสาคัญ
3.1 ตอนที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลทัว่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางท่ี 1 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามเพศ เพศ จานวน ( n = ๑๒ ) รอ้ ยละ ชาย 3 ๒๕ หญงิ ๙ ๗๕ รวม ๑๒ 100 จากตารางท่ี 1 ผลการศึกษาพบวา่ ผู้เข้ารว่ มอบรมสว่ นใหญ่ คือ เพศหญงิ คิดเปน็ ร้อยละ ๗๕ รองลงมา คือ เพศชาย คดิ เป็นรอ้ ยละ ๒๕ ตารางที่ 2 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามอายุ อายุ จานวน ( n = ๑๒ ) ร้อยละ 15 – 39 ปี ๒ ๑๖.๖๗ 40 – 59 ปี ๗ ๕๘.๓๓ 60 ปขี ึ้นไป ๓ ๑๒ ๒๕ รวม 100 จากตารางท่ี 2 ผลการศึกษาพบวา่ ผูเ้ ข้ารว่ มอบรมส่วนใหญ่ คือ ชว่ งอายรุ ะหวา่ ง 40 – 59 ปี คิดเป็นร้อยละ ๕๘.๓๓ รองลงมาช่วง 60 ปีขึน้ ไป คดิ เป็นรอ้ ยละ ๒๕ ตารางท่ี 3 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามระดบั การศึกษาสูงสดุ ระดบั การศึกษาสูงสดุ จานวน ( n = ๑๒ ) ร้อยละ ประถมศกึ ษา ๓ ๒๕ - - มัธยมศกึ ษาตอนต้น ๒ ๑๖.๖๗ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ๗ ๕๘.๓๓ ๑๒ ๑๐๐ อื่นๆ รวม จากตารางที่ 3 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เขา้ รว่ มอบรมสว่ นใหญม่ ีระดบั การศึกษาสงู สุด คือ ระดบั อนื่ ๆ คดิ เป็นร้อยละ ๕๘.๓๓ รองลงมาคือ ประถมศกึ ษา คิดเปน็ ร้อยละ ๒๕
ตารางที่ 4 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามอาชีพ อาชีพ จานวน ( n = 12 ) ร้อยละ เกษตรกร ๑๒ ๑๐๐ รับจา้ ง - ค้าขาย - - นกั เรยี น/นักศึกษา - - - - อื่นๆ ๑๒ - รวม 100 จากตารางที่ 4 ผลการศึกษาพบวา่ ผ้เู ข้ารว่ มอบรมท้งั หมดประกอบอาชพี เกษตรกร คดิ เป็น ร้อยละ ๑๐๐ ตารางที่ 5 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามรายไดต้ ่อเดือน รายได้ตอ่ เดือน จานวน ( n = ๑๒ ) ร้อยละ ตา่ กว่า 5,000 บาท ๑๒ ๑๐๐ 5,000 – 10,000 บาท - 10,001 – 20,000 บาท - - มากกว่า 20,000 บาท - - ๑๒ - รวม 100 จากตารางท่ี 5 ผลการศึกษาพบว่า ผเู้ ข้าร่วมอบรมส่วนใหญ่ มรี ายได้ 5,000 บาท คิดเป็นร้อย ละ ๑๐๐
3.2 ตอนที่ 2 การวเิ คราะหข์ ้อมลู เกี่ยวกับความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรม ตารางที่ 6 แสดงจานวน รอ้ ยละ และค่าเฉล่ียของความพึงพอใจของผู้เขา้ รว่ มอบรมที่มีต่อการจดั กิจกรรม การเรียนการสอน รายการ ระดบั ความพงึ พอใจ มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อย คา่ เฉลีย่ อยใู่ น ทสี่ ดุ ระดับ 1.เนื้อหาวชิ าท่จี ดั การเรียนร/ู้ ฝึกอบรมตรง ๙ ๒ ๑ - - 4.๔๒ มาก ตามความตอ้ งการของทา่ นเพยี งใด (๗๕%) (16.67%) (8.33%) 2.วิทยากรมาให้ความรูต้ รงตามเวลา ๘ ๓ - - - 4.๓๓ มาก (๖๖.๖๗%) (25%) 3.วิทยากรมาให้ความร้คู รบตามหลกั สตู ร ๘๔ - - - 4.๖๗ มาก กาหนด (๖๖.๖๗%) (33.33%) ทส่ี ดุ 4.ความสามารถในการถ่ายทอดความรขู้ อง ๘ ๔ - - - ๔.๖๗ มาก ทส่ี ุด วิทยากร (๖๖.๖๗%) (33.33%) 5.จานวนสื่อ/อุปกรณก์ ารฝกึ ประกอบการ ๙ ๒ ๑- - 4.๔๒ มาก เรยี นเพยี งพอเพยี งใด (๗๕%) (16.67%) (8.33%) 6.ท่านไดร้ บั ความรู้และสามารถฝกึ ทกั ษะได้ ๙ ๓ - - - 4.๗๕ มาก ตามทีค่ าดหวังมากน้อยเพียงใด (๗๕%) (25%) ทส่ี ุด 7.ความรู้ทกั ษะที่ไดส้ ามารถนาไปใช้ 10 ๒ - - - ๔.๘๓ มาก ประกอบอาชพี ไดเ้ พยี งใด (83.33%) (16.67%) ที่สุด 8.สถานทีเ่ รียนเหมาะสมเพยี งใด 10 ๑ ๑ - - ๔.๕๐ มาก (83.33%) (8.33%) (8.33%) ทีส่ ุด 9.ทา่ นได้รับโอกาสในการเรยี นรเู้ ทา่ เทยี มกนั ๙ ๓ - - - 4.๗๕ มาก เพียงใด (๗๕%) (25%) ทสี่ ดุ 10.ระยะเวลาในการเรยี น/กิจกรรม ๘ ๓ ๑- - ๔.๓๓ มาก เหมาะสมเพียงใด (๖๖.๖๗%) (25%) (8.33%) 11.ความร้ทู ไ่ี ดร้ บั คมุ้ ค่ากับเวลาและความ ๗ ๔๑ - - ๔.๒๕ มาก ตง้ั ใจเพียงใด (๕๘.๓๓%) (33.33%) (8.33%) ทส่ี ดุ 12.ทา่ นพงึ พอใจต่อหลกั สตู รน้ีเพยี งใด 10 ๑ ๑ - - 4.๕๐ มาก (83.33%) (8.33%) (8.33%) ทีส่ ดุ รวมทัง้ ส้ิน ๑๐๕ ๓๒ 7 - - 4.53 มาก ค่าเฉลี่ยถว่ งนา้ หนัก (๗๒.92%) (๒๒.22%) (4.86%) ทีส่ ดุ ๔.๕๓ มากทสี่ ุด
จากตารางท่ี 6 จากการศกึ ษาพบวา่ ผ้เู ข้ารว่ มอบรมสว่ นใหญ่มีความพงึ พอใจตอ่ การจัดการเรยี น การสอนหลักสูตรกลุ่มสนใจ จกั สานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก ( x = 4.๕๓) โดยมี ระดบั ความพงึ พอใจมาก ในเรื่อง ความรู้ทักษะท่ีไดส้ ามารถนาไปใช้ประกอบอาชีพไดเ้ พยี งใด คดิ เปน็ (x = ๔.๘๓ ) ระดบั ความพงึ พอใจรองลงมา คือ ทา่ นไดร้ ับความรูแ้ ละสามารถฝึกทักษะไดต้ ามที่คาดหวงั มากนอ้ ย เพยี งใดและท่านไดร้ ับโอกาสในการเรียนร้เู ทา่ เทยี มกันเพยี งใด คิดเปน็ ( x =4.๗๕ ) และระดับความพึงพอใจ ระดบั ต่าทีส่ ดุ คอื ความรู้ทีไ่ ด้รับคุ้มค่ากับเวลาและความตงั้ ใจเพยี งใด คิดเปน็ ( x = ๔.๒๕) ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ - หมายเหตุ คิดคะแนนเฉพาะทคี่ วามพงึ พอใจอยู่ในระดบั มากขนึ้ ไป
บทท่ี 4 สรปุ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนกลุ่มสนใจหลกั สตู รจักสานไมไ้ ผ่ (การสานชะลอม) มี จุดประสงคใ์ นการจัดกิจกรรมดังนี้ 1. เพื่อใหผ้ ู้เขา้ ร่วมกิจกรรมเกดิ ความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับกลมุ่ สนใจ จักสานไม้ไผ่ (การ สานชะลอม) 2. เพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมมีการแลกเปลีย่ นแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับแนวทางการ จดั กจิ กรรม 3. เพอ่ื เปน็ การลดรายจ่ายในครอบครัว และเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวติ ของผเู้ ขา้ ร่วม กิจกรรมให้ดยี ่งิ ขึ้น 4. เพอื่ สง่ เสรมิ ความรว่ มมือและการจดั กจิ กรรมการเรียนรูก้ ารศึกษาอาชพี ของผเู้ รยี น ผูร้ ับบริการกบั สถานศึกษา 5. เพอ่ื ร่วมวเิ คราะห์ และสังเคราะหร์ ปู แบบ กระบวนการจัดและผลสาเร็จทเ่ี กดิ ข้นึ จาก โครงการตามตวั ชว้ี ัดท่กี าหนดเปน็ ตวั ชว้ี ดั ความสาเร็จตามกล่มุ เปูาหมายจากการ ประเมนิ เบื้องตน้ 6. เพอ่ื ศกึ ษาผลการดาเนนิ งาน ประสิทธภิ าพ และประสิทธผิ ลในการจัดการศึกษาอาชีพ การดาเนินการจัดกจิ กรรม 4.1 ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมหลักสูตร จกั สานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) จานวน ๑๒ คน - เพศชาย จานวน ๓ คน - เพศหญิง จานวน ๙ คน ผจู้ ดั กิจกรรม จานวน 1 คน 4.2 เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการอบรม - ข้อมูลปฐมภูมิ ไดจ้ ากการกรอกแบบสอบถามของผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม - ข้อมลู ทุตยิ ภูมิ ศึกษาจากเอกสาร ขอ้ มลู ต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง 4.3 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล วิเคราะหแ์ บบสอบถามในแต่ละสว่ น ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนบคุ คล ตอนท่ี 2 ประเมินความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ สรปุ เปน็ ประเด็นทสี่ าคญั 4.4 วธิ ีการวเิ คราะห์ข้อมลู ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ผ้จู ัดไดด้ าเนินการ 2 ลกั ษณะ คือ 4.4.1 การสังเคราะหเ์ ชงิ คุณลกั ษณะ ผจู้ ดั กิจกรรมทาการสังเคราะห์โดยใช้วิธกี ารวิเคราะห์ สงั เคราะห์ 3 ดา้ น คอื ข้อมูลทวั่ ไป ขอ้ มลู ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และขอ้ เสนอแนะ
4.4.2 การสงั เคราะห์การอบรมเชงิ ปริมาณ ในการสังเคราะห์การจดั กิจกรรมเชิงปริมาณ ผจู้ ดั กจิ กรรมแยกออกเป็น คณุ ลักษณะตา่ ง ๆ ในการสังเคราะห์ข้อมลู ดังน้ี 1. ขอ้ มูลเกย่ี วกับเพศ / อายุ 2. ขอ้ มูลระดบั ความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน 3. ข้อเสนอแนะ โดยเปรียบเทียบจานวนคนคดิ เป็นร้อยละในแตล่ ะสว่ นของข้อมูลการอบรม พร้อม การบรรยายประกอบ สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนกลุ่มสนใจ จกั สานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) โดยใช้ วิธีการวิเคราะห์ สังเคราะห์จากแบบประเมนิ ความพงึ พอใจในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน และ รปู แบบการจัดกจิ กรรม สามารถสรปุ ไดด้ ังน้ี 1. การสังเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรมท้ังหมดเป็นเพศหญิง เนอ่ื งจากกลุม่ สนใจ จักสานไมไ้ ผ่ (การสาน ชะลอม) เปน็ งานละเอียดต้องใช้ความประณตี ละเอยี ดละออ ซ่งึ เปน็ งานทผ่ี ู้หญงิ ชอบเพราะเป็นงาน เกยี่ วกบั งานบ้านงานเรือนและสามารถทาเป็นอาชพี เสริมได้เพิ่มรายได้เพื่อลดคา่ ใช้จ่ายในครัวเรือนได้อกี ทาใหร้ ้อยละท้งั หมดเป็นเพศหญงิ 1.1 ผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมสว่ นใหญเ่ ป็นมอี ายุอยรู่ ะหวา่ ง ๔๐ – ๕๙ ปี เนือ่ งจากเป็นชว่ ง วัยทีว่ า่ งจากการทางานหลกั คือการเกษตร ซ่งึ เหมาะกับวยั นี้มาก จึงมผี ลทาให้การหาค่ารอ้ ยในช่วงนส้ี งู กวา่ ช่วงอื่น ๆ ผลการสังเคราะห์ทางจานวนของผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม จานวนผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่มวชิ าชีพมี อยู่จากัด สว่ นใหญ่ผเู้ รยี นจะมาเรียนตามท่ีกาหนด ไม่มผี ู้เรียนเกนิ จากเปูาหมายที่กาหนด ผลการคานวณ อาจมคี วามคาดเคลือ่ นได้ ถ้าหากมผี ูเ้ รยี นเพ่ิมขึน้ อีกจากกล่มุ เปาู หมายปกติ และงบประมาณการฝึกอบรมก็ มีอยู่อย่างจากัด จากการศึกษาพบว่า ผู้เขา้ รว่ มอบรมสว่ นใหญ่มีความพงึ พอใจต่อการจดั การเรียนการสอนหลักสูตร กลมุ่ สนใจ จกั สานไมไ้ ผ่ (การสานชะลอม) โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก ( x = 4.๕๓) โดยมรี ะดับความพึง พอใจมาก ในเรื่อง ความรู้ทักษะที่ได้สามารถนาไปใชป้ ระกอบอาชีพได้เพียงใด คดิ เป็น ( x = ๔.๘๓ ) ระดับความพึงพอใจรองลงมา คือ ท่านได้รับความรู้และสามารถฝกึ ทักษะไดต้ ามทีค่ าดหวงั มากนอ้ ยเพยี งใด และทา่ นไดร้ บั โอกาสในการเรียนรู้เท่าเทยี มกนั เพียงใด คิดเปน็ ( x =4.๗๕ ) และระดับความพงึ พอใจระดับ ต่าทสี่ ดุ คือความรู้ที่ได้รับคมุ้ คา่ กับเวลาและความตง้ั ใจเพียงใด คดิ เป็น ( x = ๔.๒๕) อภิปรายผล จากการดาเนินการกลุ่มวชิ าชพี พบประเดน็ สาคัญท่ีสามารถนามาอภิปรายผลไดด้ ังน้ี 1. ดา้ นกลุ่มเปาู หมาย 1.1 กลุ่มเปาู หมายส่วนใหญต่ อ้ งการเพียงนาความรู้ที่ไดร้ ับจากการอบรมไปใช้ใน ชีวิตประจาวัน 1.2 จากการดาเนนิ การพบว่ากลุม่ เปูาหมายส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เนอ่ื งจาก เป็นงานทแ่ี มบ่ ้านทั้งหลายมีความสนใจมาก
2. ด้านงบประมาณ 2.1 จากการดาเนินงานพบว่าค่าวสั ดุ อปุ กรณ์ไม่คอ่ ยเพียงพอตอ่ ความต้องการ ของกลุ่มเข้ารบั การอบรม แต่ไดม้ กี ารใช้อย่างอื่นทดแทน 3. ด้านกจิ กรรมการเรียนการสอน 3.1 จากการดาเนนิ งานพบว่ากจิ กรรมหลกั สตู ร ถักถุงใส่แก้วจากเชือกไนลอ่ น ได้ เน่อื งมาจากปัญหาเรื่องงบประมาณน้อยราคาวตั ถดุ บิ สงู 3.2 จากการดาเนินงานพบว่ากจิ กรรมต้องยดื หยนุ่ ตามสภาพกล่มุ เปาู หมาย เนอ่ื งมาจากสภาพชวี ิตความเป็นอย่ขู องกลุ่มเปาู หมายมีสว่ นสาคญั ต่อการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. ด้านสถานที่ 4.1 การดาเนนิ การอบรม ด้านสถานที่สามารถมกี ารเปล่ียนแปลงไปได้ตามความ ตอ้ งการ และความเหมาะสมของผเู้ ข้าร่วมการอบรม 4.2 ควรมีการใชส้ ถานท่ขี องสว่ นรวม เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเชอื่ มโยง สมั พันธก์ นั ระหว่าง กศน. และชุมชน ข้อเสนอแนะในการดาเนนิ การกลุ่มวิชาชีพครั้งตอ่ ไป 1. ควรทาการศกึ ษาปัญหาความตอ้ งการของกลมุ่ เปูาหมาย โดยใช้เคร่อื งมือท่ี หลากหลายรปู แบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีถูกต้อง ตรงตามความตอ้ งการของผูเ้ รยี นมากท่สี ุด 2. ควรศึกษาความต้องการของกลมุ่ เปูาหมายในด้านตา่ ง ๆ ที่ตอ้ งการรับบรกิ ารจาก กศน. เพื่อใหท้ ราบและสามารถจัดกิจกรรมตามหลกั สตู รใหส้ อดคล้องกับความตอ้ งการของท้องถน่ิ ได้ 3. ควรศึกษาผลกระทบจาการดาเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน โดยการศึกษา จากกลุ่มเปาู หมาย และชุมชน 4. ควรเกบ็ ข้อมูลของผเู้ ข้ารับการอบรมหลงั การอบรมด้วยทุกครัง้ ข้อมูลความตระหนัก ในการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พฒั นาอาชพี หลกั สูตร จกั สานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) ของสถานศึกษามุ่งให้เกิดความสอดคล้องกบั ความต้องการของผูเ้ รียน/ผรู้ บั บริการเปน็ สาคัญ โดยมุ่งเนน้ ความตอ้ งการของผ้เู รยี น/ผูร้ ับบรกิ ารเปน็ แนวทางในการดาเนินงาน และไดม้ ีการส่งเสริม สนบั สนุนให้ บคุ ลากรในสถานศึกษาเหน็ ความสาคัญของการจัดหลกั สตู รวิชาชพี แต่ละหลักสตู ร และปฏิบัตงิ านอยา่ งเปน็ ระบบอย่างมปี ระสิทธิภาพ แต่การดาเนนิ การบางอยา่ งไม่สามารถทาใหบ้ รรลตุ ามแผนท่ีวางไวไ้ ด้ จงึ ทาให้ ข้อมลู บางอยา่ งเกดิ ความคลาดเคล่อื น ขอ้ มูลการปฏบิ ตั ิ (ความพยายาม) เม่ือบคุ ลากรได้รับแนวทาง และนโยบายทางการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาอาชีพแล้ว ไดด้ าเนินการ สารวจหาความตอ้ งการของกลุ่มเปาู หมายทแี่ ท้จริง แตเ่ น่ืองจากการเกบ็ ข้อมลู ไม่เป็นไปตามแผนท่ีวางไว้ ทา ใหไ้ มส่ ามารถดาเนินการจดั การศึกษาเพ่ือพฒั นาอาชพี ตามความตอ้ งการของผ้เู รียน/ผูร้ ับบริการได้ทั่วถึงทุก กล่มุ ทาให้ความพงึ พอใจของผู้สนใจน้อยลง
จุดเดน่ ของกลุ่ม 1. มคี วามตอ้ งการ เหมือนกัน 2. กล่มุ เปาู หมายมีความรับผิดชอบ 3. กลุ่มเปูาหมายมีความสามัคคี 4. กลุ่มเปูาหมายมีความสนใจในกจิ กรรมการเรียนการสอนเป็นอยา่ งดี 5. กลมุ่ รูจ้ ักประยุกตใ์ ชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ และวัตถุดิบทดแทนกัน จดุ ควรพฒั นา (จุดด้อย) 1. การรวมกล่มุ เปน็ กล่มุ อาชีพ 2. มีผู้เข้าร่วมการอบรมบางส่วนเอาเปรียบผู้ร่วมการอบรมคนอื่น แนวทางการพฒั นา 1. ควรจัดหางบประมาณเพิ่มเติม หรือการขอความสนบั สนุนจากแหล่งต่าง ๆ ในเร่ือง การจดั หาอุปกรณใ์ นการเรยี นรู้และปฏบิ ตั ิ วธิ ีการพัฒนา 1. สร้างความเขา้ ใจทดี่ ใี นการใชว้ ตั ถุดิบที่มีอยใู่ นท้องถนิ่ ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการ สอน ให้ผู้เรียน/ผ้รู ับบริการเห็นความสาคัญ 2. ปรบั วธิ กี ารจดั กิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับผเู้ รียน/ผรู้ บั บริการ ใหม้ คี วามยืดหยุน่ โดยไม่ เน้นหน่วยการเรยี นรูต้ ามหลกั สตู ร แต่ใหย้ ดึ ตัวผู้เรยี นเปน็ สาคัญ แลว้ จึงนาผลการดาเนนิ งานมาปรับปรุง หลักสตู ร จกั สานไมไ้ ผ่ (การสานชะลอม) ในครัง้ ตอ่ ไป
ภาคผนวก - เอกสารท่เี กยี่ วขอ้ ง - ภาพประกอบกจิ กรรม
ภาพกจิ กรรม กลุ่มสนใจ จกั สานไม้ไผ่ (การสานชะลอม) จานวน ๕ ชม. วนั ท่ี ๙ มีนาคม 2564 ณ ท่ที าการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ท่ี ๓ บา้ นปากรอง
จัดทำโดย ทป่ี รกึ ษา ผอ.กศน.อาเภอชาติตระการ 1.นางพรสวรรค์ กนั ตง ครู ๒.นายร้งุ ภธู ร ภาศรี ครูผู้ชว่ ย ๓.นางสาวชมพูนชุ ลว้ นมงคล ---------------------------------------------------------------- ส่งเสรมิ สนับสนุนการจัดกจิ กรรม 1.นางสาวภาณมุ าศ ยศปัญญา ครูอาสาสมคั รฯ ๒.นางสาวประยรู บุญประกอบ ครอู าสาสมคั รฯ ------------------------------------------------------------ ผ้รู บั ผิดชอบ/ ผู้เรียบเรียง/ ผจู้ ดั พมิ พ์รูปเลม่ / ออกแบบปก นางสาวนิภาพร พระคาสอน ครู กศน.ตาบลชาติตระการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: